590205_พุทธศาสนาตามภูมิ-อัมพัฏฐสูตร-ตอน-๔
คลิกที่นี่เพื่อดาวโหลดเสียง
พ่อครูว่า….วันนี้วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2559 แรม 13 ค่ำเดือนยี่ปีมะแมเราก็มาศึกษาชีวิตรู้จักชีวิตของเรา แล้วก็จะรู้จักชีวิตของความเป็นสัตว์ตั้งแต่ความเป็นมนุษย์ เราก็จะเข้าใจถึงสถานะต่างๆที่แตกต่างกันเจริญต่างกัน สูงต่ำต่างกันชัดเจนขึ้นถ้ารู้จักสมมุติสัจจะว่าอะไรควรหรือไม่ควร แล้วก็จะอยู่อย่างจัดสรรให้เหมาะควร เป็นกายกัมมัญญตา ทำงานร่วมไปกับคนอื่นได้ตลอดกาลนาน
ผู้รู้จักกายกัมมัญญตา องค์ประชุมของรูปนามที่ปรุงแต่งกันอยู่ ประมวลแล้วเห็นว่าจะต้องอยู่ร่วมด้วยพฤติกรรมอย่างไร โดยอนุโลมปฏิโลมด้วยปัญญาอันยิ่ง แล้วอยู่กับโลกอย่างไม่มีตัวตนไม่มีอคติ มีสัจจะในการประมาณปรุงแต่งสัดส่วน จัดองค์ประกอบ อย่างมีความรู้อย่างมีมงคล
ก็มีข่าวมรณานุสสติ คุณแม่ของญาติธรรม ปู กัญญารัตน์ ตอนนี้เป็นดร. อยู่ม.แม่ฟ้าหลวง ที่ได้ตั้งชื่อให้ว่าเพียงดาวประดับดิน เคยเป็นนักร้องแชมเปี้ยนสยามกลการ เขาร้องเพลงให้ชาวอโศกมาตั้งแต่ต้นเลย จบดร.ทางพยาบาล ไปทำงานอาชีพไม่ได้มาหมกมุ่นกับเรื่องร้องเพลง แต่ก็ชอบร้องเพลงโดยไม่เอาเป็นอาชีพ
แจ้ง กำหนดการงานของคุณแม่ ขณิษฐา กุยสุวรรณ (คุณแม่ของ ปู กันยารัตน์ , กุ้งรุ่งรัตน์ , เจี๊ยบ สุรีย์รัตน์)
วัดธาตุทอง (สุขุมวิท 63,ปากซอยเอกมัย ตรงข้ามห้าง Gate way , ลงสถานีรถไฟฟ้า BTS เอกมัย)ศาลา 12 (ศาลาหม่อมจันทร์ เทวกุล)
กำหนดพิธีสวดอภิธรรมและพิธีไว้อาลัย 3 วัน วันพฤ.4, ศ.5,ส.6 กุมภาพันธ์ 2559
เวลา 19.00-19.45 (สวดอภิธรรม)เวลา 19.45-20.15 (พิธีไว้อาลัย)
พิธีพระราชทานเพลิงศพ (กรณีพิเศษ)15.00 น. วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2559
ณ เมรุหลัง (ติดกับศาลา 12)
อาตมาคงไปไม่ได้ ขออภัย อยู่ที่นี่งานชุกอยู่ ก็ขออภัยจริงๆ ฝากพวกเราที่โน่นไปแทนบ้าง ทางสันติฯที่รู้จักกันดี ก็เป็นมรณานุสสติ
มาดู SMS 4 ก.พ.59
0893867xxx กราบขอบคุณพ่อครูฯอธิบายองค์คุณ5ของอุเบกขา อันมีปริสุทธาปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญาปภัสสราให้ญตธ.ได้รับปย.ในธรรมสาธุ ขอให้โลกมีคนที่มีจิตปริโยทาตาฤาบริสุทธิ์ผุดผ่องออกมาช่วยให้โลกพบสันติภาพสันติสุขทั่วทุกมุมโลก!
ตอบ…ก็ขอยืนยันว่าแม้ปัจจุบันก็มีสิ่งนี้อยู่ พวกเราที่มีบ้างก็คงรับรองคำพูดของอาตมานี้อยู่
0893867xxx ขอบคุณญตธ.บุญนิยมนร.ส สข.เยาวชนคนกองทัพธรรมกองทัพเดียวในโลกที่ไม่เบียดเบียนสรรพสัตว์ใดๆจรธ.skkญตธ.มังสะวิรัติ
จากไลน์..1.สำหรับดอกไม้มีบัญญัติไว้ที่ใดว่าเป็นวัตถุอนามาส หรือเป็นอัตโนมัติของพ่อครูเอง?
ตอบ ดอกไม้มีบัญญัติไว้ที่ใด ไม่ใช่อัตโนมัติของอาตมาเองหรอก แต่มีบัญญัติไว้ ถ้าไม่เลอะเลือน ศีลข้อ ๗ มีมาลาคันธวิเลปนธารณมัณฑนวิภูสนฐานา ไม่ใช่อาตมาบัญญัติเองหรอก แล้วการให้เว้นขาดนั้นเป็นวัตถุอนามาสหรือไม่? มันชัดเจนที่สุดแล้ว
2.คนกินเนื้อสัตว์อยู่สามารถบรรลุธรรมได้หรือไม่ ระดับใดครับ?
ตอบ…สิ่งที่ไม่ให้สงฆ์จับต้องเรียกว่าวัตถุอนามาส มีสิ่งของเหล่านี้ หลักฐานนี้มีในระเบียบปฏิบัติของศาสนาพุทธของ สำนักพระพุทธศานาแห่งชาติ ก็เป็นของสำนักพุทธฯ แต่ไม่ใช่ของพพจ. เพราะอาตมาว่ามันมีเยอะกว่านั้น
สิ่งของที่ทรงห้ามมิให้พระภิกษุสงฆ์จับต้องเรียกว่า “วัตถุอนามาส” ได้แก่ วัตถุสิ่งของดังต่อไปนี้
๑. ผู้หญิง รวมทั้งเครื่องแต่งกายหญิง รูปภาพหญิง หรือรูปปั้นของผู้หญิงทุกชนิด
๒. รัตนะ ๑๐ ประการ คือ ทอง เงิน แก้วมุกดา แก้วมณี แก้วประพาฬ ทับทิม บุษราคัม สังข์(ที่เลี่ยมทอง) ศิลา เช่น หยก และโมรา เป็นต้น
๓. เครื่องศาสตราวุธทุกชนิด อันเป็นเครื่องทำลายชีวิต
๔. เครื่องดักสัตว์บกและสัตว์น้ำทุกชนิด
๕. เครื่องประโคมดนตรีทุกอย่าง
๖. ข้าวเปลือกและผลไม้อันเกิดอยู่กับที่
พ่อครูว่า..อันนี้เป็นบัญญัติของสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ มันหย่อนยานจนต่อไปจะเป็นแบบมหายานที่มีครอบครัวได้สืบทอดกิจการศาสนาได้มีสมบัติมากจนขนาดแบงค์ล่มหากถอนเงินพระออกหมด
2.คนกินเนื้อสัตว์อยู่สามารถบรรลุธรรมได้หรือไม่ ระดับใดครับ?
ตอบ…คนกินเนื้อสัตว์อยู่แม้แต่โสดาปัตติผลก็จะไม่ได้เพราะเมื่อได้รู้จักพลังงานระดับพีชะ ระดับจิตนิยามต่างกันอย่างไร ชีวะเป็นตัวตนระดับหนึ่ง แต่ไม่ออกไปอาละวาดทำโทษภัยกับใคร ก็จะอยู่แต่กับตัวเอง เหมือนวัวควายกินแต่พืช ไม่กินลูกชิ้นเด้ง พีชนิยามก็อาศัยที่จะมายังชีพเท่านั้น ถ้ามีอะไรมาทำลายหลบได้ก็หลย หลบไม่ได้ก็ตายไป การจะมีญาณรู้ว่าเครียดเรียนชีวะอื่นในระดับชีวจิตพูดได้ไม่รู้ว่าอารมณ์ของสัตว์ที่มีพยาบาทมีการจองเวรจองกรรมถ้าความรู้นี้รู้ไม่ได้ก็จะละเมิดทางละเมิดแล้วจะได้พัฒนาความเจริญของจิตของตนเองของพลังงานที่ตนเองได้หรือไม่ก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้นญาณปัญญาของผู้ที่ไม่รู้พีชนิยามหรือจิตนิยามดังที่กล่าวไว้ ซึ่งไม่สามารถที่จะปฏิบัติเพื่อความเจริญของตัวเองได้จึงเจริญข้ามขั้นที่จะพัฒนาไปส่งกว่านั้นไม่ได้
ที่อาตมาพาพวกเรามางดกินเนื้อสัตว์ ก็จะมีจิตเอ็นดูต่อสัตว์เล็กสัตว์น้อย เช่นเห็นมดแมลงตกโถส้วมเราเคยรังเกียจแต่ว่าตอนนี้ก็บางทีเอามือมาจ้วงช่วยมันเลยหรือเอาไม้เอาวัตถุมาช่วยมัน แต่ก่อนเราไม่มีจิตเช่นนี้ นี่ก็พิสูจน์ว่าจิตเรามีพัฒนาการ การไม่กินเนื้อสัตว์แค่นี้ก็เป็นสามัญผล
เพราะว่า การกินเนื้อสัตว์นั้น ต้องทำให้ผิดองค์ ๕ ปานาติบาต คือสัตว์มีชีวิต รู้ว่าสัตว์มีชีวิต จิตคิดจะฆ่า ลงมือพยายามฆ่า สัตว์ตายลงไปด้วย แล้วไม่พอ ยังผิด เพราะทำบุญแต่ได้บาป เป็นอันมาก
๑. ผู้นั้นกล่าวอย่างนี้ว่า “ท่านทั้งหลายจงไปนำสัตว์ชื่อโน้นมา” (อุทิศ, อุททิสสะ คือ เจาะจงมุ่งหมายไปที่สัตว์ชื่อนั้น)
๒. สัตว์นั้นเมื่อถูกเขาผูกคอนำมา ย่อมได้เสวยทุกข์โทมนัส
๓. ผู้นั้นพูดอย่างนี้ว่า “ท่านทั้งหลายจงไปฆ่าสัตว์นี้”
๔. สัตว์นั้น เมื่อกำลังถูกเขาฆ่าย่อมเสวยทุกข์โทมนัส
๕. ผู้นั้นยังตถาคตและสาวกตถาคต ให้ยินดีไปด้วยเนื้อ ย่อมประสพบาป มิใช่บุญเป็นอันมาก (ตถาคตํ วา ตถาคตสาวกํ วา อุทฺทิสฺส ปาณํ อารภติ โส อิเมหิ ปญฺจหิ ฐาเนหิ พหุง อปุญฺญํ ปสวตีติ) ชีวกสูตร ล.๑๓ ข.๖๐
มาเข้าสู่มัชฌิมศีล
ตั้งแต่ไม่ให้พรากพืชคาม ไม่บาป แต่ว่าเป็นเรื่องสังคมศาสตร์ที่ไม่ควรให้ภิกษุไปทำ แต่ฆราวาสนั้นควรทำ เพราะเป็นเรื่องยังชีพ การกินจะควรกินอะไร คน พืช สัตว์ พระอาริยะ พระพุทธเจ้า เราควรกินอะไรก็ควรกินพืช
๒. ภิกษุเว้นขาดจากการบริโภคของที่ทำการสะสมไว้ เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญ บางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังประกอบการบริโภคของที่ทำการสะสมไว้ปานนี้ คือ สะสมข้าว สะสมน้ำ สะสมผ้า สะสมยาน สะสมที่นอน สะสมเครื่องประเทืองผิว สะสมของหอม สะสมอามิส แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.
แต่นี่ผู้ที่จะเป็นสังฆราช ยังสะสมอะไรมากมาย จริงๆแล้ว เรามีของไม่มากก็อยู่ได้ มีบริขารไม่มาก ก็อยู่ได้ แม้แต่เดี๋ยวนี้จะต้องมีคอมพิวเตอร์ ไมโครโฟน เราก็ไม่ต้องมารักษา ฆราวาสเป็นผู้รักษาได้หรือแม้แต่เราจำเป็นต้องมีเพื่อใช้งานก็ควรต้องมีต้องใช้สอย ถ้าใช้ปัญญาอย่างดีๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไร มันอยู่ที่ใจใครใจมันว่าเขาติดยึดหวงแหน ก็เป็นกิเลสของเขา ใครไม่ละก็เรื่องของเขา ผู้รู้แล้วก็ละ ละได้ก็บรรลุได้ของตน แต่ไม่เลิกละอยากดันทุรังก็แล้วไปก็ช่วยกันเท่าที่ช่วยได้ แม้จะมีผู้มาทำบาปเวรภัย ขนาดนี้ก็จะมาประจบประแจงป้อยอ ปู้ยี่ปู้ยำศาสนาทำไม เรื่องนี้ขณะนี้เมืองไทยเป็นเมืองที่วิเคราะห์วิจัยศาสนาลึกซึ่งอย่างเป็น Phenomena เกิดจริงเป็นจริงไม่ใช่เอาสิ่งที่ไม่เกิดไม่มีมาพูดด้วย ขนาดนี้ไม่จัดการ อาตมาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเมืองไทยก็ต้องเสื่อมทรุดไป ถ้าช่วยได้จะเป็นกุศลแก่ไทยแก่โลกด้วย เมืองไทยมีแนวลึกจะเป็นตัวตั้งของโลกด้วย มั่นใจว่าอันนี้จะเป็นโลกนารถได้
ตอนนี้เอเซี่ยนจับตัวกัน ก่อนทางอเมริกายุโรป
๓. ภิกษุเว้นขาดจากการดูการเล่นอันเป็นข้าศึกแก่กุศล เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญ บางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังขวนขวายดูการเล่นอันเป็นข้าศึกแก่กุศล เห็น ปานนี้ คือ การฟ้อน การขับร้อง การประโคมมหรสพ มีการรำเป็นต้น การเล่านิยาย การเล่น ปรบมือ การเล่นปลุกผี การเล่นตีกลอง ฉากภาพบ้านเมืองที่สวยงาม การเล่นของคนจัณฑาล {น.๙๖}การเล่นไม้สูง การเล่นหน้าศพ ชนช้าง ชนม้า ชนกระบือ ชนโค ชนแพะ ชนแกะ ชนไก่ รบนกกระทา รำกระบี่กระบอง มวยชก มวยปล้ำ การรบ การตรวจพล การจัดกระบวนทัพ กองทัพ แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.
พ่อครูว่า ท่านก็พยายามเรียบเรียงมา ถ้าเป็นยุคนี้ก็จะมามากมาย เขียนในหนังสือได้เล่มหนาแน่ แม้แต่จะไปรบรา อาตมาพากองทัพธรรมออกไปทำงานไม่ได้ไปรบรา ไม่เอาอาวุธไปทำรุนแรงอะไร ไปแสดงบทบาทความสงบ ให้มากที่สุด เพื่อให้ความสงบออกฤทธิ์ระงับความรุนแรงได้ ส่วนจะมีอะไรมาแทรกก็ไม่ได้เป็นเพราะเรา เราพยายามที่สุดจริงใจ พูดเลยตลอดก็จะมีบ้างมันสุดวิสัยเขาอาจจะมีความกลัวแต่โดยเจตนาจริงใจแล้วก็ยืนยันว่าเป็นความบริสุทธิ์ใจ เราไม่ไปรบราฆ่าฟันหรือทำร้ายทำร้ายใครส่วนเรื่องอาวุธนั้นเป็นเรื่องที่เราไม่มีไม่เอาไม่ทำแล้ว
แม่ทุกวันนี้ถ้าจะไปจำเป็นจะต้องประท้วงก็จะไป สิ่งเหล่านี้เราเข้าใจแล้วถึงคุณค่าคุณธรรมตั้งสมมุติสัจจะและปรมัตถสัจจะ เรามาเข้าถึงสิ่งเหล่านี้พอสมควรก็จะหยุดช่วยโลกด้วยสิ่งเหล่านี้อย่างแท้จริง
๔. ภิกษุเว้นขาดจากการขวนขวายเล่นการพนันอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เช่น อย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังขวนขวายเล่น การพนันอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เห็นปานนี้ คือ เล่นหมากรุกแถวละแปดตาแถวละสิบตา เล่นหมากเก็บ เล่นดวด เล่นหมากไหว เล่นโยนบ่วง เล่นไม้หึ่ง เล่นกำทาย เล่นสะกา เล่นเป่าใบไม้ เล่นไถน้อยๆ เล่นหกคะเมน เล่นกังหัน เล่นตวงทราย เล่นรถน้อยๆ เล่นธนู น้อยๆ เล่นเขียนทายกัน เล่นทายใจ เล่นเรียนคนพิการ แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.
อาตมาแปลเป็นไทยว่าเขาให้ข้าวกินแล้วก็ยังมีน้ำหน้าไปทำเดรัจฉานวิชชาพวกนี้
๕. ภิกษุเว้นขาดจากการนั่งนอนบนที่นั่งที่นอนอันสูงใหญ่ เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังนั่งนอนบนที่นั่งที่นอนอันสูงใหญ่ เห็น ปานนี้ คือ เตียงมีเท้าเกินประมาณ เตียงมีเท้าทำเป็นรูปสัตว์ร้าย ผ้าโกเชาว์ขนยาว เครื่องลาด ที่ทำด้วยขนแกะวิจิตรด้วยลวดลาย เครื่องลาดที่ทำด้วยขนแกะสีขาว เครื่องลาดที่มีสัณฐานเป็น ช่อดอกไม้ เครื่องลาดที่ยัดนุ่น เครื่องลาดขนแกะวิจิตรด้วยรูปสัตว์ร้ายมีสีหะและเสือเป็นต้น เครื่องลาดขนแกะมีขนตั้ง เครื่องลาดขนแกะมีขนข้างเดียว เครื่องลาดทองและเงินแกมไหม เครื่องลาดไหมขลิบทองและเงิน เครื่องลาดขนแกะจุนางฟ้อน ๑๖ คน เครื่องลาดหลังช้าง เครื่องลาดหลังม้า เครื่องลาดในรถ เครื่องลาดที่ทำด้วยหนังสัตว์ชื่ออชินะอันมีขนอ่อนนุ่ม เครื่องลาดอย่างดีทำด้วยหนังชะมด เครื่องลาดมีเพดาน เครื่องลาดมีหมอนข้าง แม้ข้อนี้ก็เป็นศีล ของเธอประการหนึ่ง.
พ่อครูว่า สรุปแล้วผู้ยังติดยึดอยู่ก็ควรเว้นขาด แต่ผู้ไม่มีจิตติดยึดแล้วก็ไม่มีปัญหา ต้องมีการทดสอบแท้จริงจนจิตหมดติดยึด ไม่อยากใหญ่อยากโตแล้ว พอจิตหมดแล้วก็ไม่มีอะไร แม้จะมีก็ไม่ติดยึด แต่ถ้าโกหกตนเอง ว่าตนสูญตนไม่มีรสหรอก ก็โกหกทั้งๆที่รู้หลอกคนอื่นต่ออีก พพจ.ถึงบอกว่าถ้าเราเองไม่รู้จริงๆซื่อ เรานึกว่าเราซื่อเราหมดท่านไม่ปรับอาบัติ คนที่จริงใจ มันไม่รู้ว่ามันมีเป็นรสเป็นชาติก็นึกว่าเราหมด ท่านเรียกว่าคนหลง ท่านไม่ถืออาบัติ แต่สัจจะมันมี ก็ต้องรู้แล้วละของตน
๖. ภิกษุเว้นขาดจากการประกอบการประดับตบแต่งร่างกาย อันเป็นฐานแห่งการแต่งตัว เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังขวนขวาย ประกอบการประดับตบแต่งร่างกาย อันเป็นฐานแห่งการแต่งตัวเห็นปานนี้ คือ อบตัว ไคลอวัยวะ อาบน้ำหอม นวด ส่องกระจก แต้มตา ทัดดอกไม้ ประเทืองผิว ผัดหน้า ทาปาก ประดับข้อมือ สวมเกี้ยว ใช้ไม้เท้า ใช้กลักยา ใช้ดาบ ใช้ขรรค์ ใช้ร่ม สวมรองเท้าประดับ {น.๙๗}วิจิตร ติดกรอบหน้า ปักปิ่น ใช้พัดวาลวิชนี นุ่งห่มผ้าขาว นุ่งห่มผ้ามีชาย แม้ข้อนี้ก็เป็นศีล ของเธอประการหนึ่ง.
พ่อครูว่า พออ่านถึงสมณะผู้เจริญบางจำพวก ก็คือพระมหาศาลทุกวันนี้นั่นเอง แต่ถ้าไม้เท้าคุณจำเป็นต้องใช้เพราะทรงตัวไม่ไหว อันนั้นต้องอนุโลม ดีไม่ดีเดินสี่ขาด้วย ก็ต้องเข้าใจสัจจะ แต่ใครมีไม้เท้าถือไว้เท่ๆ เป็นการประดับหรือให้คนอื่นสงสารจนกลายเป็นเท่ ดูท่าทีดีต้องรู้ตนเองไปทำทำไม กลายเป็นเรื่องประดับ บานปลายไป ไม่เห็นมีความจำเป็นที่ต้องใช้เป็นภาระ เสียของเสียวัตถุ สวมรองเท้าประดับ การใส่รองเท้าต้องใส่เพื่อจำเป็น ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องรอง ให้มีภูมิคุ้มกันเดินได้เอง
สมัยก่อนท่านนุ่งห่มผ้ากาสวพัต เป็นคนละอย่างกับนุ่งห่มขาวแบบพราหมณ์
๗. ภิกษุเว้นขาดจากติรัจฉานกถา เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะ ที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังประกอบติรัจฉานกถา เห็นปานนี้ คือ พูดเรื่องพระราชา เรื่องมหา อำมาตย์ เรื่องกองทัพ เรื่องภัย เรื่องรบ เรื่องข้าว เรื่องน้ำ เรื่องผ้า เรื่องที่นอน เรื่องดอกไม้ เรื่องของหอม เรื่องญาติ เรื่องยาน เรื่องนิคม เรื่องนคร เรื่องชนบท เรื่องสตรี เรื่องบุรุษ เรื่องคนกล้าหาญ เรื่องตรอก เรื่องท่าน้ำ เรื่องคนที่ล่วงลับไปแล้ว เรื่องเบ็ดเตล็ด เรื่องโลก เรื่อง ทะเล เรื่องความเจริญและความเสื่อมด้วยประการนั้นๆ แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.
พ่อครูว่า ถ้าพูดแล้วไม่เป็นไปเพื่อละหน่ายคลายก็คือติรัจฉานกถา เพราะว่าคนก็ต้องพูดเรื่องเหล่านี้ทั้งนั้นแหละ แต่ว่าพูดให้เป็นไปเพื่อละหน่ายคลายหรือพูดให้เกิดการสะสมกิเลส ราคะโทสะโมหะ ต้องฉลาดรู้ว่าพูดอย่างไรไม่สะสมกิเลส
กถาวัตถุคือคำพูดที่เพื่อให้ไปหานิพพานตรงกันข้ามกับเดรัจฉานกถาที่ขวางทางนิพพานเลย
๘. ภิกษุเว้นขาดจากการกล่าวถ้อยคำแก่งแย่งกัน เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบาง จำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังกล่าวถ้อยคำแก่งแย่งกัน เห็นปานนี้ เช่นว่า ท่าน ไม่รู้ทั่วถึงธรรมวินัยนี้ ข้าพเจ้ารู้ทั่วถึง ท่านจักรู้ทั่วถึงธรรมวินัยนี้ได้อย่างไร ท่านปฏิบัติผิด ข้าพเจ้าปฏิบัติถูก ถ้อยคำของข้าพเจ้าเป็นประโยชน์ ของท่านไม่เป็นประโยชน์ คำที่ควรจะกล่าว ก่อน ท่านกลับกล่าวภายหลัง คำที่ควรจะกล่าวภายหลัง ท่านกลับกล่าวก่อน ข้อที่ท่านเคยช่ำชอง มาผันแปรไปแล้ว ข้าพเจ้าจับผิดวาทะของท่านได้แล้ว ข้าพเจ้าข่มท่านได้แล้ว ท่านจงถอนวาทะ เสีย มิฉะนั้นจงแก้ไขเสีย ถ้าสามารถ แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.
พ่อครูว่าคือแย่งกันเอาชนะคะคาน เถียงกับถกต่องกัน เถียงเพื่อเอาชนะคะคาน แต่ถกคือให้ได้ความจริง พูดอย่างไรอย่าให้จิตคุณมีจิตคิดเอาชนะ จิตคิดเอาชนะเมื่อใดก็คือเถียง แต่ถ้าถกคือเอาให้รู้เรื่องเอาให้ชัดเจน แก่งแย่งกันนี่เถียงจะเอาชนะ เราต้องอ่านจิตเราว่าพูดไปให้รู้ความจริงว่าอันนี้ผิดอันนี้ถูกจริงๆ อย่างอาตมาประกอบลีลาท่าที ทั้งแรงเข้มใส่เสียงสำเนียง สรรหาคำพูดเพื่อประกอบองค์ประกอบศิลป์สื่อให้คนอื่นกระทบเป็นศิลปะให้คนอื่นรับได้ ก็เลยดูแรง และเป็นคำตำหนิ วัชชะก็พยายามปั้นวัชชะให้เป็นของควรดื่มได้ ผู้ใดทำคำตำหนิเป็นของควรดื่มได้ผู้นั้นทำปิยวาจา การพูดให้คนอื่นชมชอบนั้นไม่ใช่ปิยวาจาหรอก ต้องให้สิ่งอันเป็นที่รักเพราะตำหนิ ไม่ใช่ชื่นชมให้เขาชอบ ไม่ขัดใจเขาเลย ไม่ขัดเกลาเขาเลย แบบนี้ก็หมดท่าสิ ศาสนาพุทธไปไม่ออก แก่งแย่งนี่เพื่อเอาชนะ อาตมาชาตินี้มาเป็นผู้แพ้ได้ก็ไม่เสียใจไม่เจ็บใจไม่น้อยใจ มันจะแพ้จริงหรือไม่ก็แล้วแต่ แม้เรารู้ว่าเราไม่ได้แพ้จริงก็ไม่เสียใจ และยิ่งแพ้จริงเราก็ยอมรับอยู่แล้ว แต่ถ้าเราถูกอยู่ดีอยู่ เราชนะอยู่ก็ไม่เป็นไร เราแพ้ก็แพ้อาตมาเคราะห์ดีไม่ต้องเข้าคุก เขาก็ปรับให้เข้าคุก ๖๖ เดือนแต่เขาให้อยู่นอกคุก ๒ ปี รอลงอาญา ๒ ปี ก็มีคนมาคุมประพฤติ มาคุมก็มาสองที มาถามธรรมะก็ไม่ได้มาอีกเลยจนผ่านไปสองปี
๙. ภิกษุเว้นขาดจากการประกอบทูตกรรมและการรับใช้ เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญ บางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังขวนขวายประกอบทูตกรรมและการรับใช้ เห็นปานนี้ คือ รับเป็นทูตของพระราชา ราชมหาอำมาตย์ กษัตริย์ พราหมณ์ คฤหบดี และกุมารว่า ท่านจงไปในที่นี้ ท่านจงไปในที่โน้น ท่านจงนำเอาสิ่งนี้ไป ท่านจงนำเอาสิ่งนี้ในที่โน้นมา ดังนี้ แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.
พ่อครูว่า…ฑูตกรรม คือการไปเชื่อมโยงติดต่อ ถ้าไปเชื่อมโยงติดต่อแล้วไปเพื่อให้ธรรมะแก่เขา หรือไปให้แก่เขาไม่ได้เป็นผู้ไปเอาอะไรจากเขา จะเชื่อมโยงการค้า การทำงาน กิจการอะไรก็แล้วแต่แล้วกิจการนั้นคุณจะไปทำให้ฑูตไปเพื่อตรวจว่าเราจะมีอะไรช่วยเขาได้ เพื่อให้เขาในสิ่งเขาขาดแคลนไม่ใช่ว่าไปเพื่อสอดแนมว่าเขามีอะไรที่เราจะไปเอาได้บ้าง ถ้าไปเพื่อเอาคือขี้ทูด แม้เขาจะมีอะไรเยอะ แต่เราก็ไปแล้วก็ไม่ต้องไปอยากได้ของเขา เราจะต้องการแต่ของที่เขาจะให้ เราจะเป็นผู้ให้ให้ได้ ถ้าจะรับก็รับแต่ของที่เขาให้ ถ้าเขาไม่ให้ก็ไม่ต้องการ ใครจะวิจัยว่าไม่ให้ก็ไม่เอาของใคร
ส่วนคนรับใช้นั้นคือคนไปทำงานให้เขาแล้วรับค่าจ้าง คนไหนไปพูดธรรมะให้เขาฟังแล้วรับค่าธรรมะ ไปสอนเขาก็รับค่าสอน ไปออกแรงอะไรก็รับค่าแรง อย่างนั้นคือการรับจ้าง เราจะทำอะไรก็ตามก็ทำงานให้ฟรี อันนี้ไม่รับจ้าง แต่ไปรับใช้เขาจริงๆ
คนรับใช้ที่เอาค่าจ้างไม่ใช่คนรับใช้ แต่คนรับใช้ที่ทำให้ฟรีคือคนรับใช้ที่แท้จริง
ถ้าคุณเองไปทำแล้วมีส่วนเกินให้เขา คุณให้มากกว่าเอา
๑๐. ภิกษุเว้นขาดจากการพูดหลอกลวงและการพูดเลียบเคียง เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังพูดหลอกลวง พูดเลียบเคียง พูดหว่าน ล้อม พูดและเล็ม แสวงหาลาภด้วยลาภ แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.
อาตมาภูมิใจที่พวกเราไม่ได้มีเรี่ยไรเลย …นี่อาคาร ๑๑ไร่ที่เราจะขึ้นมานี้ เรียกว่าเฮือนสวน(สัมมาวิชชารามนาวาบุญนิยม) และมีเฮือนตลาด ที่คู่กันอีกอัน เราจะทำให้ยืดหยุ่นกันผนังเบา เราจะพยายามใช้ไฟโซล่าเซลล์ เราจะเซ็นสัญญากับพระอาทิตย์ตรงเลย เอามาใช้จนกระทั่งแตกไปข้างหนึ่ง
{น.๙๘}มหาศีล
๑. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เห็นปานนี้ คือ ทายอวัยวะ ทายนิมิต ทายอุปบาต ทำนายฝัน ทำนายลักษณะ ทำนายหนูกัดผ้า ทำพิธีบูชาไฟ ทำพิธีเบิกแว่นเวียนเทียน ทำพิธีซัดรำบูชาไฟ ทำพิธีซัดข้าวสารบูชาไฟ ทำพิธี เติมเนยบูชาไฟ ทำพิธีเสกเป่าบูชาไฟ ทำพลีกรรมด้วยโลหิต เป็นหมอดูอวัยวะ ดูลักษณะที่บ้าน ดูลักษณะที่นา เป็นหมอปลุกเสก เป็นหมอผี เป็นหมอลงเลขยันต์คุ้มกันบ้านเรือน เป็นหมองู เป็นหมอยาพิษ เป็นหมอแมลงป่อง เป็นหมอรักษาแผลหนูกัด เป็นหมอทายเสียงนก เป็นหมอ ทายเสียงกา เป็นหมอทายอายุ เป็นหมอเสกกันลูกศร เป็นหมอทายเสียงสัตว์ แม้ข้อนี้ก็เป็น ศีลของเธอประการหนึ่ง.
มหาศีลคือศีลใหญ่ จะต้องเว้นขาดหมดทั้งภิกษุและฆราวาส ภิกษุตัวดีต้องเว้นขาดก่อน ถ้าฆราวาสเว้นขาดได้ก่อนก็กดดันให้ภิกษุเว้นตามได้ก็ดีสิ แต่ภิกษุควรทำได้ก่อนแล้วสอนให้ฆราวาสเว้นตาม เพราะศีลไม่ได้บังคับแต่ทำโดยสมัครใจ ศีลไม่ใช่กฎหมายอาญา
ก่อนอื่นเลยภิกษุต้องเว้นก่อนแต่รวมด้วยฆราวาสต้องเว้นด้วย สรุปว่า การทำนายนั้นไม่เอาสักทำนาย จะใช้อะไรเป็นสื่อก็ตามไม่ว่าไฟ จะจุดเป็นธูป เป็นเปลว ควันก็แล้วแต่ ถึงขนาดจุดบูชายัญ เอาคนไปเผาบูชายัญเลยยิ่งบ้าใหญ่ไม่มีแน่ แม้เล็กน้อยๆ ใช้ไฟเป็นสื่อ อัคคียัญ เป็นพิธีร่วมปฏิบัติ
การปลุกเสกเป็นการครอบงำชนิดหนึ่งสร้างโอกาสทานทำเป็นมีฤทธิ์เดชมีอำนาจสะกดจิตคนที่เขายอมแล้ว คิดของเขาไม่ถึงก็ถูกครอบงำเขาก็สะกดจิตได้สะกดจิตแล้วให้จิตเป็นอย่างไรก็เป็นได้หมดให้เต้นเป็นลิงค่างให้ฟ้อนรำให้หกคะเมนตีลังกาก็ทำได้หมด มันรัสปูตินสั่งให้ทำอะไรได้หมด แม้แต่ไม่ให้ประสาทมีความเจ็บปวดก็ทำได้ จะมาก็เคยทำมา แต่ทำเล็กๆน้อยม่ทำผิดทำชั่วอะไรเช่นให้หายปวดฟันแล้วค่อยไปหาหมอก็เคยทำมาจึงรู้ว่าจิตอุปทานเป็นอย่างไร ไม่มีก็ทำให้เห็นได้ หนังเหนียวไฟไม่ไหม้ทำได้ ไม่ได้อัศจรรย์เลยเพราะทำมา จิตวิญญาณเป็นได้หมด ถ้าไม่ยึดก็ปล่อยเลยก็เลิกได้หมด ไม่จำเป็นต้องมีก็ไม่ต้องใช้
เรื่องการเห็นผีเห็นรูปร่างต่างๆมันเรื่องหลอกทั้งนั้นไม่มีหรอก ถ้าคุณกลัวผีท่องคาถานี้บอกว่าแค่ตายแค่ตายแล้วเดินเข้าไปหามันมันก็ไม่มีหรอก ถ้ามีผีจริงจะให้ปรับไหม มีเท่าไหร่ก็จะให้เลย พิสูจน์เลยจะเลิกหายกลัว
๒. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เห็นปานนี้ คือ ทายลักษณะแก้วมณี ทายลักษณะไม้พลอง ทายลักษณะศาตรา ทายลักษณะดาบ ทายลักษณะศร ทายลักษณะธนู ทายลักษณะอาวุธ ทายลักษณะสตรี ทายลักษณะบุรุษ ทายลักษณะ กุมาร ทายลักษณะกุมารี ทายลักษณะทาส ทายลักษณะทาสี ทายลักษณะช้าง ทายลักษณะม้า ทายลักษณะกระบือ ทายลักษณะโคอุสภะ ทายลักษณะโค ทายลักษณะแพะ ทายลักษณะแกะ ทายลักษณะไก่ ทายลักษณะนกกระทา ทายลักษณะเหี้ย ทายลักษณะตุ่น ทายลักษณะเต่า ทายลักษณะมฤค แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.
๓. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชาเห็น ปานนี้ คือ ดูฤกษ์ยาตราทัพว่า พระราชาจักยกออก พระราชาจักไม่ยกออก พระราชาภายในจัก ยกเข้าประชิด พระราชาภายนอกจักถอย พระราชาภายนอกจักยกเข้าประชิด พระราชาภายในจัก ถอย พระราชาภายในจักมีชัย พระราชาภายนอกจักปราชัย พระราชาภายนอกจักมีชัย พระราชา ภายในจักปราชัย พระราชาองค์นี้จักมีชัย พระราชาองค์นี้จักปราชัย เพราะเหตุนี้ๆ แม้ข้อนี้ก็เป็น ศีลของเธอประการหนึ่ง.
{น.๙๙}๔. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เห็นปานนี้ คือ พยากรณ์ว่าจักมีจันทรคราส จักมีสุริยคราส จักมีนักษัตรคราส ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ จักเดินถูกทาง ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์จักเดินผิดทาง ดาวนักษัตรจักเดินถูกทาง ดาวนักษัตรจัก เดินผิดทาง จักมีอุกกาบาต จักมีดาวหาง จักมีแผ่นดินไหว จักมีฟ้าร้อง ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ และดาวนักษัตรจักขึ้น ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรจักตก ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และ ดาวนักษัตรจักมัวหมอง ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรจักกระจ่าง จันทรคราสจักมีผลเป็น อย่างนี้ สุริยคราสจักมีผลเป็นอย่างนี้ นักษัตรคราสจักมีผลเป็นอย่างนี้ ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ เดินถูกทางจักมีผลเป็นอย่างนี้ ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์เดินผิดทางจักมีผลเป็นอย่างนี้ ดาวนักษัตร เดินถูกทางจักมีผลเป็นอย่างนี้ ดาวนักษัตรเดินผิดทางจักมีผลเป็นอย่างนี้ มีอุกกาบาตจักมีผลเป็น อย่างนี้ มีดาวหางจักมีผลเป็นอย่างนี้ แผ่นดินไหวจักมีผลเป็นอย่างนี้ ฟ้าร้องจักมีผลเป็นอย่างนี้ ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรขึ้นจักมีผลเป็นอย่างนี้ ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตร ตกจักมีผลเป็นอย่างนี้ ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรมัวหมองจักมีผลเป็นอย่างนี้ ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรกระจ่างจักมีผลเป็นอย่างนี้ แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง
พ่อครูว่า สิ่งเหล่านี่จะว่าไม่จริงก็ไม่ได้ เป็นสถิติได้ถูกแต่เสียเวลาแรงงาน เอาเวลามาศึกษาสัจธรรมพพจ. จะช่วยคนได้แท้จริง ข่าวเรื่องปลีกย่อยก็ช่วยได้เล็กน้อย
๕. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เห็นปานนี้ คือพยากรณ์ว่า จักมีฝนดี จักมีฝนแล้ง จักมีภิกษาหาได้ง่าย จักมีภิกษาหาได้ยาก จักมีความเกษม จักมีภัย จักเกิดโรค จักมีความสำราญหาโรคมิได้ หรือนับคะแนน คำนวณ นับประมวลแต่งกาพย์โลกายตศาสตร์ แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.
๖. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เห็นปานนี้ คือให้ฤกษ์อาวาหมงคล ฤกษ์วิวาหมงคล ดูฤกษ์เรียงหมอน ดูฤกษ์หย่าร้าง ดูฤกษ์ จ่ายทรัพย์ ดูโชคดี ดูเคราะห์ร้าย ให้ยาผดุงครรภ์ ร่ายมนต์ให้ลิ้นกระด้าง ร่ายมนต์ให้คางแข็ง ร่ายมนต์ให้มือสั่น ร่ายมนต์ไม่ให้หูได้ยินเสียง เป็นหมอทรงกระจก เป็นหมอทรงหญิงสาว {น.๑๐๐} เป็นหมอทรงเจ้าบวงสรวงพระอาทิตย์ บวงสรวงท้าวมหาพรหม ร่ายมนต์พ่นไฟ ทำพิธีเชิญขวัญ แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.
๗. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เห็นปานนี้ คือ ทำพิธีบนบาน ทำพิธีแก้บน ร่ายมนต์ขับผี สอนมนต์ป้องกันบ้านเรือน ทำกระเทย ให้กลับเป็นชาย ทำชายให้กลายเป็นกะเทย ทำพิธีปลูกเรือน ทำพิธีบวงสรวงพื้นที่ พ่นน้ำมนต์ รดน้ำมนต์ ทำพิธีบูชาไฟ ปรุงยาสำรอก ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องบน ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องล่าง ปรุงยา แก้ปวดศีรษะ หุงน้ำมันหยอดหู ปรุงยาตา ปรุงยานัตถุ์ ปรุงยาทากัด ปรุงยาทาสมาน ป้ายยาตา ทำการผ่าตัด รักษาเด็ก ใส่ยา ชะแผล แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.
พ่อครูว่า อันนี้ท่านระบุเลยว่าภิกษุอย่าทำ ทำไมไม่รักษาเพราะมันเสี่ยงตายอย่าทำ ตายแล้วปาราชิก ฆราวาสจะทำก็ไม่รับผิดชอบกันไปผู้มีใบประกอบโรคศิลป์ก็ทำกันไปไม่ทำไม่ได้ ผู้เป็นฆราวาสไม่มีใบประกอบโรคศิลป์ก็อย่าทำเลย ผู้ที่เห็นว่าไม่ควรทำก็อย่าทำเรามีงานอีกเยอะ ของเรามีโฮ่งปัว ยังไม่มีหมอมาเลยหมอก็นานๆทีจะมา สักวันหนึ่งคงจะมีหมอมาช่วยมาทำฟรีนะ ตอนนี้ก็มีแต่หมอแผนไทยหมอแผนปัจจุบันยังไม่มีมา
พ่อครูว่าทุกวันนี้การท่องบทมนต์ก็ไม่จำเป็นแล้วมีเครื่องมือช่วยจำได้เยอะ แต่จะมีฤทธิ์เดชเกิดจากสวดมนต์ไม่มีหรอก แต่อาจทำให้ชื่นใจได้ก็เป็นได้แต่ไม่เป็นเนื้อแท้ไม่ต้องเสียเวลา แต่เป็นธรรมดาที่นานไปจะหลงบทมนต์ นานเข้าศาสนาสุดจะมีพวกที่แข็งแรงคือพวกมนต์พระญาณคือพวกสวดมนต์ ส่วนพวกมหายานจะเป็นพวกตรรกะใช้เหตุผลก็มีอยู่ 2 สาย
พุทธก็เสื่อมเช่นนี้ เช่นธิเบตหรือภูตานก็เป็นเชิงคล้ายกัน หนังอินเดียก็เช่นกัน พวกนี้ซื่อสัตย์ดิ่ง และทนทนนานยึดมั่นถือมั่นอาศัยการยึดมั่นถือมั่นก็ดีเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมเป็นได้ยาก ท่ายึดมันสิ่งที่ดีไว้ให้คนมารับช่วงก็ได้ส่วนทางตรรกะนั้นใช้เหตุใช้ผลตรรกะก็มีสองด้านเราต้องใช้ทั้งสองด้าน ใช้ทั้งเจโตและปัญญาให้ได้สัดส่วนพอเหมาะ ถ้าปัญญามากก็ถ่วงทางเจโต ถ้าหนักเจโตก็ใช้ปัญญาถ่วง
ดูกรอัมพัฏฐะ ภิกษุสมบูรณ์ด้วยศีลอย่างนี้ ย่อมไม่ประสบภัยแต่ไหนๆ เพราะศีลสังวร นั้น เปรียบเหมือนกษัตริย์ผู้ได้มุรธาภิเษกกำจัดราชศัตรูได้แล้วย่อมไม่ประสบภัยแต่ไหนๆ เพราะ ราชศัตรูนั้น ดูกรอัมพัฏฐะ ภิกษุก็ฉันนั้นสมบูรณ์ด้วยศีลอย่างนี้แล้ว ย่อมไม่ประสบภัยแต่ไหนๆ เพราะศีลสังวรนั้น ภิกษุสมบูรณ์ด้วยอริยศีลขันธ์นี้ ย่อมได้เสวยสุขอันปราศจากโทษในภายใน ดูกรอัมพัฏฐะ ด้วยประการดังกล่าวมานี้แล ภิกษุชื่อว่า เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศีล
ศีลของพระพุทธเจ้านั้น ปฏิบัติแล้วย่อมเกิดผลขัดเกลาจิต มีปัญญารู้ตามไปด้วยทั้งหมดอย่างนี้มีผลแล้วผลเป็นอย่างไรผลจริงก็คือให้ถึงจุดเปลี่ยนแปลงส่วนกายและวจีเปลี่ยนแปลงใหม่ก็เปลี่ยนเปลี่ยนจากหยาบมาละเอียด จากทุจริตมาสุจริตเปลี่ยนจากอกุศลมากศนเรียนจากนอกมหาลัย จนกระทั่งเป็นจริงได้อย่างไม่ต้องใช้พลังงานที่ไปสำรวจสังวรอะไรอีกเป็นเองตถตาเป็นเช่นนั้นเองเลยอัตโนมัติไม่ต้องไปรู้สึกไม่ต้องไปสังวรระมัดระวังอะไรมันเกิดเหตุปัจจัยนี้เป็นตัวเองเลยไม่ต้องไปคุมไม่ต้องไประวังไม่ต้องกดปุ่มไม่ต้องเฝ้าๆมันเป็นกลไกอย่างสมบูรณ์แบบ นั่นคือสมบูรณ์ที่สุดที่จะพึงปฏิบัติแล้วได้อย่างนั้น แล้วเราก็รู้ว่าทำได้จริงมีวิมุติญาณทัศนะ เป็นการหลุดพ้นจากที่ติดยึดแล้วทำได้ยังรู้เห็นแจ้งชัดยืนยันพิสูจน์ได้ว่าจริงถูกต้องไม่ได้ลงไม่ได้และไม่ได้ ถูกต้องคมชัดยืนยันมั่นคงเที่ยงแท้แน่นอนถาวรยั่งยืน
ทุกวันนี้เขาจะเอาพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติให้ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ เราควรต้องทำให้มีมากผลที่แท้จริง ถ้าผู้ที่ฟังอาตมาบรรลุธรรมอันเดียวกันกับอาตมา เขาย่อมฟังธรรมะอาตมารู้เรื่องและจะเข้าใจดี ใช้ยินดีศรัทธาเลื่อมใสแล้วมาช่วยกันแน่นอนน้ำจะไหลไปหาน้ำน้ำมันจะไหลไปหาน้ำมันแน่นอน แต่เมื่อคุณฟังไม่รู้เรื่องไม่เข้าใจไม่ศรัทธาไม่เลื่อมใสคุณก็ขัดแย้งกับอาตมาอยู่
อาตมานี้ขอยืนยันว่าอาตมาทำได้แล้วเอาพระไตรปิฎกมาเปิดยืนยันได้เลย เรามีพระไตรปิฎกเป็นหลักฐานฉบับสยามรัฐ เอาศีลเอาสมาธิความรู้ปัญญาจะเป็นอย่างไรตรงตามคำสอนตรงตามพระอนุสาสนีมายืนยันเข้าได้ ขออภัยพูดแล้วเหมือนท้าทายแต่ไม่มีจิตท้าทาย อาตมามั่นใจว่าจริงใจปรารถนาดี
จบ