งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ ๔๒
ณ บวร ปฐมอโศก จ.นครปฐม
วันอาทิตย์ที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ – เสาร์ที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๑
ชาวอโศก คือชาวพุทธกลุ่มเล็กๆในประเทศไทย ที่ดำเนินวิถีชีวิตตามหลักสัมมาอาริยมรรคมีองค์ 8 โดยพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ ได้เอาธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาอธิบายขยายความให้ชาวอโศกได้ปฏิบัติตาม จนได้ผลกับแต่ละบุคคลที่ได้ลดละโลกียสมบัติมาสู่โลกุตรสมบัติสามารถลดละความเห็นแก่ตัวได้ตามลำดับ จึงได้มารวมตัวกันอยู่เป็นชุมชนชาวอโศกตามจังหวัดต่างๆ โดยเฉพาะที่ปฐมอโศกเป็นชุมชนแรกของชาวอโศก ถือเป็นชุมชน “คนจนที่สุขสำราญเบิกบานใจ” ได้อย่างแท้จริง
ปีนี้เป็นปีที่สองที่ชาวอโศกได้จัดงานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ขึ้นที่บวร ปฐมอโศก อันเป็นงานปฏิบัติธรรมเข้มข้นระดับศีล 8 เป็นเวลา 7 วัน ซึ่งได้จัดมาเป็นครั้งที่ 42 แล้วในปีนี้ การจัดงานที่ปฐมอโศก ก็ทำให้ชาวอโศก ได้มาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ชุมชนแห่งแรกของชาวอโศก ที่สร้างให้เป็นชุมชน“คนจนที่สุขสำราญเบิกบานใจ” ได้สำเร็จ
ก่อนงานวันจันทร์ที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ถึง วันศุกร์ที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ มีการจัดค่าย ม. ๑ ชื่อค่าย “สร้างคนจนให้สุขสำราญเบิกบานใจ” จากนักเรียนสัมมาสิกขา ๗ โรงเรียน ทั้งหมด ๗๔ คน แบ่งเป็น ๕ กลุ่ม มีฝ่ายชาย ๓ กลุ่ม ฝ่ายหญิง ๒ กลุ่ม กิจกรรมในค่าย นักเรียนมาร่วมสวดมนต์ทำวัตรเช้า ๐๕.๐๐ น. แบ่งกลุ่มสนทนาธรรม ออกกำลังกาย ค่ายนี้ฝึกให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทำอาหาร หุงข้าวทานเองเป็นบางวัน มีการประกอบอาหาร มีค่ายอิงลิชแคมป์ มีการแสดงรอบกองไฟ และช่วยเตรียมงานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์
วันอาทิตย์ที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑
๐๙.๐๐ น. พิธีเปิดงาน โดยพ่อครูได้เทศนาก่อน นำปฏิญาณ ศีล ๘ …งานนี้เป็นงานที่เสกคนให้เป็นอาริยะเป็นสมณะ เป็นผู้สงบ ผู้สงบไม่ได้หมายถึงผู้ที่ เงียบๆ อยู่นิ่งๆ ไม่มีอะไร ไม่ไม่ไหว ลมไม่พัด ทุกอย่างมันนิ่งไปหมด ความเงียบสงบแบบของเขานี่เป็นรูปธรรม ส่วนสงบของพระพุทธเจ้านั้นคือ จิต มันเรียบร้อย จิตมันไม่มีตัวนักเลงตัวโกงตัวร้าย จิตไม่มีกิเลส กิเลสหายไปจากจิตเลย ถ้าแต่ละลำดับก็กิเลสแต่ละตัวๆ กิเลสแต่ละลักษณะ แล้วลักษณะเหล่านั้น ไม่มีตัวจริงปรากฏในพฤติกรรมของจิต ไม่เกิดอาการในจิตของเรา ถ้ามันเกิดอยู่มันไม่หายไป เราก็จับมันได้ ต้องจำมันให้ได้ ตัวนี้เกิดมาเมื่อไหร่จำมันให้ได้ มันเป็นเหตุปัจจัยแบบนี้มา มันมาเชียว เราก็ต้องจำมันได้ เรียกว่ากำหนดรู้สัญญากำหนดรู้จำได้ แล้วก็จัดการมันด้วยวิธีปฏิบัติที่เราเรียนมาจากพระพุทธเจ้า แล้วอาตมาก็นำมาเผยแพร่อธิบายต่อ จับมัน
วิธีก็กดข่มอย่าให้มันออกแรงมามากอาละวาด อย่าไปกดข่มจนมันหายไป เพราะหายไปมันก็จะไม่รู้เรื่อง ดีไม่ดี พวกสายสะกดจิตข่มมันจนหยุดไปก็เลยไม่รู้ความจริง ต้องรู้ความจริงโดยเอาความเฉลียวฉลาดเรียกว่าปัญญา ธาตุที่มีพลังงานมีฤทธิ์ในตัวเอง สร้างปัญญา คือสร้างให้มีความรู้ความฉลาด ที่ฉลาดมีพลังเสริมพลังๆให้มีฤทธิ์ จริงนะ ความรู้จริงนะ รู้จักรู้จริงรู้แจ้ง รู้จักรู้จริงรู้แจ้ง รู้จักรู้จริงรู้แจ้ง พยัญชนะเหล่านี้ จะใช้เรียกคุณสมบัติของพลังปัญญา ที่ไม่ใช่เฉโก ที่เป็นความฉลาดแบบโลกโลกีย์ แต่นี้เป็นพลังงานใหม่แล้ว
คำว่าปัญญาหรือความฉลาดในพระพุทธเจ้าฉลาดในเรื่องเดียว คือรู้เหตุแห่งทุกข์ ดับเหตุแห่งทุกข์ให้สนิทไม่เกิดอีก ไม่มีอีกเลย เรื่องเดียว ความฉลาดของพระพุทธเจ้าไม่มีเรื่องอื่น ปัญญาไม่เกี่ยวกับเรื่องอื่น ความเฉลียวฉลาดอย่างอื่นนั้นจะเป็น เฉกา เฉโก เป็นความเฉลียวฉลาดโลกีย์ โลกจินตา มากมาย พระพุทธเจ้าไม่ได้ไปวุ่นวายด้วย เป็นแต่เพียงว่า เราจัดการกับจิตเราที่มีตัวนักเลงตัวโกง จัดการกับตัวนี้ให้หมด ในขณะที่เรียนรู้กิเลสของเรา
ศาสนาพุทธก็รู้โลกีย์ด้วย ดูบทบาทแบบโลก มันจะเป็นกิเลส รู้ด้วยไม่ได้ขาดจากกัน รู้หน้ารู้ตามันดีเลย เราสร้างพลังงาน ไฟเรียกว่าฌาน ก็ได้ เป็นพลังงาน เป็น Energy เป็นพลังงานที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่พลังงาน Energy สามัญ แต่เป็น Supra Energy เป็นพลังงานพิเศษ มันเป็นฤทธิ์แรงที่ไปกำจัด ฤทธิ์แรงของ ราคะโทสะโมหะ ที่เป็นอุณหธาตุ ลำดับดีกรีของความร้อนแรง ใหญ่โตหนักหนาหรือเล็กน้อยก็แล้วแต่ เป็นลักษณะของสัจธรรมอันนี้ แล้วเราสร้างพลังงานฌานหรือพลังงานไฟพิเศษ ไฟกองใหญ่ที่ไปกำจัดไฟราคะ ไฟโทสะ ไฟโมหะ ตัวไหนก็แล้วแต่ ตัวราคะก็กำจัดตัวนั้น ไฟโทสะ ที่เรากำจัดได้มันกำลังเกิดในจิตเรา แล้วเราก็จัดการ เราสร้างไฟอันนี้ขึ้นมาให้ได้ แล้วมันก็จัดการเอง กำจัดไปเอง กำจัดไป มันก็จัดการของมันเอง มันจะเห็นจะรู้ สำหรับคนที่ปฏิบัติจริง หลัดๆเลยนะ พลังงานปัญญา เห็นมันสว่างไม่ได้ลดระดับ สว่างเลย ก็รู้ๆแจ้งๆชัดๆ ไม่ต้องไปหลบหลีกอะไร เห็นๆ เรียกว่าพร้อมทั้ง จักษุ ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่าง ครบเลย แล้วทำให้อันนี้มันอ่อนไป ตัวตนของราคะ ตัวตนของโทสะ ตัวที่เรากำลังจัดการกับมัน มันอ่อนบางเรียกว่า วิราคะ จางคลายลงๆ จนกระทั่ง นิโรธะ
ท่านมีอยู่ 4 อัน คือ อนิจจานุปัสสี วิราคานุปัสสะ นิโรธานุปัสสี ปฏินิสสัคคานุปัสสี
อนิจจามันไม่เที่ยง มีสองนัย นัยหนึ่งมันโตขึ้นเรียกว่า ปุถุ อีกอย่างหนึ่งมันไม่เที่ยงไม่เท่าเดิมแต่มันลดลงๆ เรียกว่าอาริยะ มันสลายจางคลาย
ถ้าโตขึ้นกิเลสมากขึ้นเรียกว่าปุถุชน ปุถุ แปลว่าหนาโตใหญ่อ้วน แต่ถ้ามันจางคลายจนหมดไป ไฟราคะโทสะโมหะมันไม่มีปรากฎการณ์ในใจเราอีก เป็นนามธรรม ไม่มีเส้น แสง เงา สี ร่างกาย แต่เป็นอาการที่เราดูได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มาก เป็นพลังงานละเอียดกว่าทางฟิสิกส์
เป็นอาการ รู้ได้ด้วยจิตใจเรากำหนดหมายรู้ด้วยสัญญา เครื่องหมายที่เราจัดการกับอาการมัน เรารู้ด้วยนิมิต เปรียบเทียบอาการมันมีอยู่มากหรือน้อยต่างกัน เทียบความต่าง จนกระทั่งมันเหลืออยู่นิดนึงกับหมด ตัวนี้ยากมาก เหลือนิดหนึ่งกับหมดเทียบกันยาก แล้วมันหมดหรือยัง
และกับมันหายไปแล้ว กับมีอยู่แวบหนึ่ง นึกว่าหมดแล้วไม่มีอีกแล้วแต่มันแวบขึ้นมา ต้องตรวจในขณะทุกๆเวลาทุกสภาพ ต้องพยายามเสมอ ศาสนาพระพุทธเจ้า พิสูจน์ได้จริงๆ
_ช่วงหลังฉัน มีบริการตัดผม
๑๔.๐๐ – ๑๖.๐๐ น. รายการ ปฐมนิเทศ โดยสมณะฟ้าไท สมชาติโก สมณะหนักแน่น ขัน
ติพโล สมณะถักบุญ อาจิตปุญโญ สมณะฮังดิน ภูมิคโต สิกขมาตุเทียนคำเพชร อโศก
ตระกูล
สมณะฟ้าไท สมชาติโก….งานพุทธาภิเษกครั้งที่ ๔๒ เป็นครั้งที่ ๒ ของ ปฐมอโศก ยุคนี้เป็นยุคเลวร้ายสุดๆ เช่น คดีหวย คนเล่นการพนันนั้นไม่โกงไม่รวย คนที่จะมางานพุทธาภิเษกฯ ไม่มาก อาตมาไปงานพุทธาภิเษกฯ เมื่อปี ๒๕๒๖ ครั้งนั้นมีคนเป็นพัน ตอนนั้นอากาศก็ร้อน ก็เปลี่ยนไป ศีรษะอโศก ทำไปทำมาก็ย้ายมาปฐมอโศก คนที่ไม่อยากมาก็ไม่อยากเจริญ มางานนี้ก็มีผักไร้สารพิษให้กิน มีน้ำปั่นผัก มะเขือเทศ มาก็เพื่อพัฒนาบุคคลให้เป็นอาริยบุคคลให้สูงขึ้นสูงขึ้นคือลดกิเลสให้มากขึ้น
๑๘.๐๐-๒๐.๐๐ น. รายการสัมภาษณ์ปฏิบัติกร ชุด อีกฟากฟ้าหนึ่ง มี สิกขมาตุผาแก้ว ชาวหินฟ้า ดำเนินรายการสัมภาษณ์ปฏิบัติกรที่ได้พูดรำลึกถึงหมอ “ฟากฟ้าหนึ่ง” อโศกตระกูลไว้ว่า
๑.คุณใบพุทธ อโศกตระกูล รู้จักพี่หมอ ปีที่เรียนอยู่ มศ. ๒ และประทับใจที่ทำเป็นแบบอย่างในความขยันและอดทน อ่อนน้อมถ่อมตน ความดีของพี่หมอยังตราตรึงอยู่ในใจ พี่หมอถูกเครื่องบีบมะนาวบีบมือ เลือดชุ่มโชก แต่ไม่มีน้ำตา ไม่ปริปากบ่น มีความอดทน พี่หมอพูดกับคนไข้ด้วยมุทิตาจิต “ยินดีด้วยนะที่หาย”
๒.คุณมุ่งหมาย ศิริจันโท ประทับใจผู้พามาและทุกท่านขยันมาก อาหมออยากทำนาให้คนกิน ประทับใจอาหมอทำงานทุกอย่าง กินน้อย นอนน้อย ตื่นเช้า
๓.คุณช่วยบุญ จันทร์รักษา พี่หมอสอนเราด้วยกสรกระทำ เราก็ดูเฉยๆ พี่หมอมีความขยันมาก พี่หมอจะไม่ทำอะไรเพื่อตนเอง พี่หมอรับงานบรรยายข้างนอกเยอะ พี่หมอมองคนออกว่าใครควรทำอะไร และส่งเสริม พี่หมอเป็นคนยอดประหยัด แต่ไม่ขี้เหนียว
๔.คุณสุดสายธรรม หลิมกำเนิด หมอร่าเริง ยิ้มแย้ม ต้อนรับคน ทนต่อแรงกดดันสูงมาก ทั้งกายภาพ จิตภาพ มีลักษณะพึ่งตนเองสูงมาก เป็นคนละเอียดมาก ขยันมาก เป็นคนกล้าทดลอง กล้าบุก วางรากฐานไว้ให้คนรุ่นหลัง
๕.คุณดินนา โคตรบุญอาริยะ พี่หมอเป็นคนประสานคนข้างนอก พี่หมอมีจิตใจแกร่ง และจิตใจอ่อนโยน
๖.คุณทิวเมฆ นาวาบุญนิยม พ่อครูบอกว่า พี่หมอเป็นอรหัตตมรรค ทำให้ผมได้หัสมาดูตัวเอง และปรับกายทุจริต วจีทุจริต ให้มาสุจริตมากยิ่งขึ้น พี่หมอคิดการณ์ไกล พี่หมอไม่ฟุ้งซ่าน แต่เป็นคนตื่นตัว การดัดจริต ไม่ใช่การเสแสร้งแกล้งทำ
๗.คุณขวัญดิน สิงห์คำประทับใจในความไม่มีจริตจะก้านความเป็นผู้หญิงเลย เป็นไอดอลของดิฉัน พี่หมอประสานกับคนภายนอกได้ดีมาก มีงานเยอะมาก ทั้งนอกทั้งใน จิตใจแกร่งแต่อ่อนโยน มีหัวก้าวหน้า เป็นนักพัฒนา เป็นผู้บุกเบิกเรื่อง อสม. (อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน) เป็นผู้หญิงตัวเล็กแต่กล้าทำงานใหญ่ เป็นแบบอย่างที่ดีให้คนเดินตาม
วันจันทร์ที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑
๐๓.๓๐ น. อ.๑ (สมณะบินบน ถิรจิตโต) นำสวดมนต์
๐๔.๐๐ น. พ่อครูแสดงธรรม เรื่อง ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 1 … วันนี้วันจันทร์ที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ที่บวรปฐมอโศก วันนี้ก็มีโฆษณาก่อน เชิญร่วมทำแบบประเมินตนเองในโครงการค้นหาพระโสดาบันในตนเอง ไปรับได้ที่ประชาสัมพันธ์ ศาลางาน เป็นการบันทึกว่าตัวเองได้ปฏิบัติมานั้นได้ผลอย่างไรจริงหรือไม่ มีรายละเอียดอย่างไร เป็นแบบสมัยสากล พวกเราเป็นพวกที่เจริญ ไม่ใช่งมงายทำ ไม่ต้องดูตำราอะไรหรอก ออกนอกรีตไปหมดเลย เลยเป็นเรื่องงมงายกลายเป็นเทวนิยมไสยศาสตร์ บ้าๆบอๆไม่ใช่ศาสนาพุทธ แต่พวกเรานี้ไม่ใช่พวกอย่างนั้น จะมีเหตุปัจจัยมีวิชาการมีแบบฟอร์มให้เราคิดทบทวนจัดการ
งานนี้เขาให้ชื่อว่าความจนที่มีสัมประสิทธิ์ คืออะไร พวกเรานี้รู้จักความจน แล้วก็รู้ด้วยปัญญา มีสัมประสิทธิ์ ก็คือมีสมรรถภาพมีความสามารถ มีประสิทธิภาพ efficient พิเศษด้วย โลกโลกีย์ คนโลกีย์ เขาก็มีประสิทธิภาพ มีประสิทธิภาพแบบโลกโลกีย์ คนจนที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดคือ คนโง่ คนจนที่มีสัมประสิทธิ์มากที่สุดคือคนโง่มากเขาก็เลยรวยมากด้วย เอาเปรียบโดยวิธีนานาเขาก็เลยรวย คนจนที่มีสัมประสิทธิ์ในโลกียะ เอาความรู้ความสามารถไปเอาเปรียบเขา เอาเปรียบนี้ไม่ดี จะเอาเปรียบด้วยความรู้ความสามารถ ถ้าคนมีความรู้ความสามารถแล้วเอาความรู้ความสามารถไปเสียสละ นั่นคืออาริยบุคคล เป็นคนโลกุตระ
พวกเรานี้มาเป็นคนจนที่มีสัมประสิทธิ์มีประสิทธิผล มีความสามารถ มีประสิทธิภาพพิเศษ ที่รู้จักความจน เข้าใจด้วยปัญญา และเต็มใจที่จะมาจน มาเป็นคนจน เป็นคนจนที่มีสัมประสิทธิ์ พวกเราสำเร็จแล้ว ทุกวันนี้ชาวอโศกเราเป็นผู้ที่มีผลสำเร็จต่อชีวิต มีผลสำเร็จที่เป็นคนจนจริงๆ คนจนที่ตั้งใจมาจน คนที่สำเร็จแล้วก็มาอยู่กับชุมชนร่วมกันเป็นสมาชิกพลเมืองของชาวอโศก มาเป็นคนจนที่สุขสำราญเบิกบานใจ มาเป็นคนจนที่มีประสิทธิภาพ ช่วยสังคม ช่วยผลิตสิ่งที่เป็นสัมมาอาชีพ สัมมากัมมันตะ สัมมาวาจา สัมมาสังกัปปะ สิ่งที่ไม่เป็นอาชีพที่ควรทำ เป็นมิจฉาชีพ เช่น สร้างอาวุธ ฆ่าสัตว์ เลี้ยงสัตว์ กินเนื้อสัตว์ โลภโมโทสันต่อวัตถุ แย่งวัตถุขี้โกงวัตถุขี้โลภวัตถุโกงทุจริตคอรัปชั่น หอบกอบโกยเอาวัตถุ พวกนี้ผิดศีลข้อ 1 ข้อ 2 ข้อ 3 ไม่รู้จักรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส เป็นทาสรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส แย่ง ตะกละในเรื่องได้รูปสวย ได้เสียงเพราะ แย่งกัน แล้วหลงชื่นอกชื่นใจ ในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส เป็นสวรรค์เป็นเทวดา
อาริยบุคคลของพระพุทธเจ้าหมดความเป็นสวรรค์เป็นนรก เป็นอุเบกขากลางๆสบายๆเบิกบานใจสุขสำราญ มันไม่รู้จะทำอย่างไร พูดไปแล้วเหมือนกับหลงยกย่องตัวเอง ดูองค์ประกอบชีวิตชาวอโศก ดูแค่การจัดฉาก ที่ไหนไม่เหมือนเราหรอก เอาแต่สาระ เอาแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์คุณค่ามาจัดฉาก แล้วคนจัดฉาก composition องค์ประกอบของเวทีนี้ ให้อาตมามานั่งเทศน์ มีกระด้งใส่ข้าวเปลือก มีผลไม้ มีผัก ต้นขึ้นฉ่ายสูงสองสามฟุต ต้นคะน้าใบยาวสองสามฟุต หรือมะเขือ ผ่องสดงามอะไรอย่างนี้ อุดมสมบูรณ์มีประสิทธิผลสูงเป็นผลสำเร็จ นี่เป็นสิ่งที่เรียกว่าที่หนึ่งในโลก อาหารเป็นหนึ่งในโลก ชาวอโศกอุดมสมบูรณ์มีพรักพร้อมไร้สารพิษ กินแล้วสบายใจ ไม่มีกิเลสก็จะกิเลสขึ้นเอา แล้วก็อยู่กันอย่างสงบเรียบร้อย
ความจนที่มีประสิทธิภาพนี้ เป็นความจนของอาริยบุคคลจนแบบโลกุตระ ไม่ใช่ความจนทั่วไปของปุถุชนคนสามัญเขา แต่มีสัมประสิทธิ์ที่สำคัญ จึงเป็นคนจนพิเศษ จึงเป็นคนจนที่เจริญยิ่ง เรียกว่าคนจนอาริยะ ถ้ามีประสิทธิภาพพิเศษหรือว่าสำคัญยิ่ง แตกต่างจากคนจนปุถุชนสามัญ เพราะมีความสามารถต่อหน้าที่ เรียกว่าเป็น efficient จึงมีประสิทธิภาพยิ่ง มีความพร้อมไปด้วยกัน เรียกว่า Coefficient พร้อมร่วมกันไป นี่เป็นความจนที่มีประสิทธิภาพมีสัมประสิทธิ์สมบูรณ์ ความจนที่พร้อมไปด้วยประสิทธิภาพ
ปุถุชนคนสามัญ ไม่มีใครที่เขาต้องการความจน ไม่ว่าใครทั้งนั้นไม่มีใครปรารถนาความจน วงเล็บไปว่า แต่อาริยบุคคลที่มีสัมประสิทธิ์แล้ว เป็นอาริยบุคคล จะปรารถนาความจน ถามจริง ตอบอย่างถูกต้องในตัวเอง พวกคุณ ตั้งใจมาจนหรือเปล่า อยากจนหรือเปล่า …คนที่ “อยากจน”แล้ว “ตั้งใจมาจน”สำเร็จ คนนั้นก็หมด “ความยากจน”
คนที่เข้าใจว่าความจนนี่มันดีมันสุดยอด เราเข้าใจด้วยปัญญาเลยว่าความจนนี้สุดยอด การไปเป็นคนรวยมันเลว อยากรวยแล้วโง่เง่า ยิ่งรวยยิ่งโกง ยิ่งหาทางเอาเปรียบเอารัดเขาให้ได้มากๆรวยๆรวย โง่ไม่เสร็จพวกนี้ คนที่ “รวยไม่รู้จบ” คือ “คนจนไม่เสร็จ” คนจนไม่รู้จักจบ รวยเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอเลย มันควรจะพอ มันควรจะจบ มันควรจะหยุดบ้าง คนที่เข้าใจแล้วว่าไปรวยทำไม แค่นี้ก็พอแล้ว Sufficient นี่คือพอเพียงแล้ว
๐๖.๓๐ – ๐๘.๓๐ น. (สมณะ ๕ รูป สิกขมาตุ ๒รูป) สมณะเดินดิน ติกขวีโร นำประชุมตลาดอาริยะ-ตลาดน้ำ ที่ศาลาวิหาร
๐๙.๐๐-๑๐.๐๐ น. ธรรมะก่อนฉัน เรื่อง “คุณ” โดย ส.ดวงดี ฐิตปุญโญ
หัวข้อธรรมนี้เกิดจาก “คนมีคุณ บุญมีค้ำ กิจกรรมมีผลเจริญ” โศลกธรรมหนึ่งของพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ ท่านสมณะดวงดี ได้กล่าวถึงความหมายของคำว่า “คุณ” จากโศลกนี้ ท่านมีคลิปนำเสนอ เป็นภิกษุทางภาคเหนือ แสดงธรรมโดยเทียบเคียงอานิสงส์ ของการถวายเงินที่แตกต่างกัน ตั้งแต่เหรียญ จนถึงเงินธนบัตรสีต่างๆ ที่เป็นความหยาบช้าลามกในทางศาสนา บวชแล้วทำลายศาสนา ไม่เกิด “คุณ” (คุณวิเศษ) แต่อย่างใด ท่านได้เปรียบเทียบกับแนวปฏิบัติที่เราทำกันอยู่ หรือกำลังฝึกทำ จะพบว่าหลายข้อในธุดงควัตร ก็เป็นสิ่งที่เราทำๆ กันอยู่เป็นปกติ โดยไม่ไปเกี่ยวข้องกับการเดินธุดงค์ ตามที่เขาเข้าใจแต่อย่างใด
คุณค่า คุณธรรม คุณความดี คุณวิเศษ เป็นนัยยะที่พึงทำความเข้าใจ ทำให้เกิดมีขึ้นในตน คนทุกวันนี้เข้าใจคุณวิเศษผิดเพี้ยน จึงหลงเข้าใจว่ายุคนี้ไม่มีพระอาริยะแล้ว ท่านสมณะดวงดีได้ทบทวน ญาณ ๗ ของพระโสดาบัน เพื่อเป็นการตรวจสอบตนเองในแต่ละบุคคล
สุดท้าย ท่านได้เน้นตามโศกที่ว่า “จนอย่างสุขสำราญเบิกบานใจ” อย่าจนเพราะไม่จำ จนเพราะไม่ทำ(ขี้เกียจ) จนเพราะไม่เจียม(ทำตัวตามแฟชั่น) แต่ให้จนเพราะเจียม จึงจะเป็น จนอย่างสุขสำราญเบิกบานใจ
ธรรมะก่อนฉัน เรื่อง “พุทธาฯ พามาจน” โดย ส.ผืนฟ้า อนุตตโร
ท่านสมณะผืนฟ้า ได้เล่าถึงตนเอง ว่าอยู่ในวิถีแห่งคนจนมา ๔๐ กว่าปีแล้ว มีบาตรใบเดียว ผ้าน้อยชิ้น มักน้อยและไม่ตกเป็นทาสทั้งบริโภคนอกและบริโภคใน จากที่เคยบวชจากข้างนอกมา เพิ่งจะมาได้เรียนรู้พระไตรปิฎกเมื่อมาเป็นนักบวชชาวอโศก จึงรู้ว่าความเป็นพระขึ้นอยู่กับจุลศีล มัชฌิมศีล และมหาศีล
งานพุทธาภิเษกในยุคสมัยก่อนของชาวอโศก ก็ไม่ได้รับความสะดวกสบายอย่างทุกวันนี้ สมบูรณ์มากจนเกิด “ก่องข้าวใหญ่ฆ่าลูก” ซึ่งตรงข้ามกับ “ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่” กิเลสคนเราเกิดขึ้นเมื่อกระทบผัสสะ ดังนั้น เมื่อเกิดผัสสะ จึงเป็นขณะปฏิบัติธรรม อย่าให้แพ้ภัยเพราะใกล้ชิด ศีล ๕ กับ ศีล ๘ แตกต่างกันที่ศีลข้อ ๓ และ ข้อ ๖ ต้องมีความอดทน เห็นโทษภัย ทั้งกิเลสสานราคะและโทสะ อย่าโทษภายนอกหรือคนอื่น เพราะไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา ต้องหันมาดูตัวเอง แม้อยู่ตามลำพังคนเดียวหากยังมีกิเลสอยู่ ก็ยังไม่ถือว่าอยู่ผู้เดียวเพราะมีกิเลสเป็นเพื่อนสอง ชีวิตที่ขาดศรัทธา ขาดวิริยะ(ความเพียร) จะกอบกู้ตนเองได้ยาก มนุษย์เป็นภพภูมิที่สูงกว่าสัตว์ สัตว์โดยธรรมชาติอาจไม่มีเมตตา แต่เราไม่ใช่สัตว์ ต้องฝึกให้มีเมตตา เราไม่มีสิทธิโกรธใคร โกรธเขา-เราก็ทุกข์เอง ทั้งๆ ที่ทุกข์เดิมเราก็มีอยู่แล้วจากกิเลสกลุ้มรุม การอยู่คนเดียว แม้ไม่ได้กระทบกับใคร(จึงไม่โกรธใคร) แต่ก็จะขาดสิ่งที่สะท้อนกิเลสของเราให้เราได้เห็น เพื่อนที่อยู่รอบตัวเราจึงเป็นพลังเพิ่มสัมประสิทธิ์ให้กับตัวเราเอง
อยากรวย คือสะสมกิเลสอยู่ ชีวิตจึงไม่มีวันเต็มเพราะต้องเติมอยู่เรื่อยๆ ชีวิตที่มีแต่ให้ จึงจะเข้าถึง “จนอย่างสุขสำราญเบิกบานใจ” เราจะเต็มได้ต่อเมื่อกิเลสได้ลดลง เมื่อกิเลสลดลงจึงมีที่ว่างให้เติมธรรมะลงไป จึงต้องบำเพ็ญตนเป็นผู้ให้โดยเฉพาะการให้อภัย
ช่วงบ่าย ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑
๑๒.๐๐ น. ถึง ๑๓.๔๕ น. ธรรมะบนกระดาน
๑. บริเวณตึกเรียนสัมมาสิกขา สมณะกอบชัย ธัมมาวุโธ
๒. บริเวณหน้าศาลางาน สมณะโพธิสิทธิ์ โพธิสิทโธ
๓. บริเวณสวนสาระ สิกขมาตุสัจฉิกตา ตั้งเผ่า
๔. บริเวณศาลางาน สมณะลานศิลป์ วชิโร
๕. บริเวณศาลางาน ชั้น ๔ สมณะเสียงศีล ชาตวโร
๑๔.๐๐ – ๑๖.๐๐ น. เรียนรู้ประวัติศาสตร์ จากปฐม ของอโศก (วันแรก)
๑. ไปโรงปุ๋ย ปฐมอโศก โดย สมณะแก่นผา สารุปโป สมณะแก่นเกล้า สารกโร
๒. ศูนย์เจาะฯโดย สมณะสร้างไท ปณีโต สมณะสยาม สัจจญาโณ
๓. ไปดูกิจการทั่วไป เช่น ชวนกิน มรป. สมณะฝนธรรม พุทธกุโล สมณะธรรมทาบฟ้า
รวิวัณโณ
๔. ห้องประชุมชาวบ้าน แพทย์แผนไทย
๕. ไปเก็บมะพร้าวน้ำหอม ๑๐ คน นำโดย สมณะเลื่อนฟ้า สัจจเปโม
๖. ไปเก็บผัก ๑๐ คน คุณภูบุญ เป็นผู้นำไป
๗. พบสมณะสนทนาธรรม มี สมณะฟ้าไท สมชาติโก สมณะดาวดิน ปฐวัตโต สมณะชุบดิน วิชชานันโต
๑๘.๐๐-๒๐.๐๐ น. รายการภาคค่ำ สัมภาษณ์ปฏิบัติกร เรื่อง “ค่าย ศีล ๘” โดย สมณะกล้าจริง ตถภาโว
กิจกรรม ศีล ๘ ช่วยให้หลายๆ ที่ดูคึกคักขึ้น ดาราช่อง ๓ ก็มาเข้าค่าย ที่สันติอโศก ชุดแรก ราชธานีอโศก สมณะแสนดินดูแลเป็นหลัก
คุณบุญยิ่งแก้ว นาวาบุญนิยม ได้ฝึกลดละกิเลสของตัวเอง อัตตาลดลงบ้าง ค่ายเปิดโอกาสให้ทั้งคนใหม่ และคนเก่า
ปฐมอโศก คุณน้ำดิน เนตรายนต์ โครงการชวนคนเข้าวัด ชีวิตดีทีละก้าว มาเจอพี่เจอน้อง มาเจอคนที่มีศีลด้วยกัน คุณระเบียบ ร้องไห้ดีใจมากที่ได้มาเจอสังคมดีๆ แบบนี้
คุณประทีป ทรัพย์เกสร ขวนขวายพาครอบครัวมาวัด มาแล้ว ๕ ครั้ง เปลี่ยนความคิดตัวเราเอง ทำอาหารมังสวิรัติทานที่บ้าน เพราะการชักนำของลูก แม่บ้านเอาด้วย มาวัดแล้ว รู้สึกเย็นลึกๆ
สีมาอโศก คุณลักขณา กุลศรี อายุ ๘๐ ปี อยู่สีมา มา ๑๒ ปีแล้ว บกพร่องศีลข้อ ๖ มีค่ายทำได้ ๑ วัน
สันติอโศก จัดค่ายมา ๑๕๓ ครั้งแล้ว คุณโอ๋ จากผู้เข้าค่าย มาเป็นผู้รับใช้ รู้จักชุมชน รู้จักสถานที่มากขึ้น รู้สึกอบอุ่น ไม่มีอะไรหนักใจมาก
วังจันทร์พฤกษา คุณวีนัส ลีลาลม มาซื้อปุ๋ย มาเจอ คุณศีลสำนึก ชวนมาเข้าค่าย ความโลภ โกรธคลายไปเยอะ มั่นใจว่าทางนี้เราพึ่งได้ กินมังสวิรัติได้ เลิกเนื้อสัตว์เด็ดขาด
ค่ายศีล ๘ เป็นสื่ออันหนึ่งที่ให้โอกาส “สวรรค์ให้โอกาสผู้เพียรหนักเสมอ” หนึ่งนาทีก็มีค่า คืบเดียวก็พยายาม ผู้ทำความจริง ไม่หวังสิ่งตอบแทน
วันอังคารที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑
๐๓.๓๐ น. สมณะบินบน ถิรจิตโต นำสวดมนต์
๐๔.๐๐ น. พ่อครูแสดงธรรม เรื่อง ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 2 …ทีนี้มาสู่การปฏิบัติโดยลำดับ การปฏิบัติที่มีความพร้อมและถูกต้องอย่างดี ยกตัวอย่างเป็นข้อๆ ศีล 5 เอาข้อ 1 เลย
ศีล 5 ข้อ 1 เป็นต้น บอกว่า ไม่ฆ่าสัตว์ คนที่ไม่ฆ่าสัตว์ได้ เห็นสัตว์ หรือมีสัตว์อยู่ต่อหน้าสัมผัสกันเลย และก็เป็นโอกาสอย่างยิ่งที่จะฆ่าได้ จริงๆ มีความจำเป็นมีความสำคัญที่จะฆ่าด้วยแต่ก็ไม่ฆ่า เป็นคนอย่างไรก็ไม่ฆ่า แม้ที่สุด พระพุทธเจ้าตรัสว่าแม้จะถึงชีวิต ผู้ที่มีศีลข้อ 1 นี่แหละ จะไม่ทำการละเมิด แม้จะเป็นอันตรายถึงชีวิตก็ให้ชีวิตนั้นเป็นอันตรายไปเลย ซื่อบื้อถึงขนาดนั้น
พระสมณโคดม ละการฆ่าสัตว์ เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ วางทัณฑะ วางสาตรา มีความละอาย มีความเอ็นดู มีความกรุณาหวังประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์ทั้งปวงอยู่
ทัณฑะศาสตรา เครื่องทำร้าย จะไม่สร้างเลย ประเทศที่มีศีล สังคมที่มีศีลจะไม่สร้างอาวุธ เราไปชุมนุมประท้วง ดันมีคนอยู่ในกลุ่มพวกเรา ไปซ้อนทำระเบิด เราจับได้เราก็จัดการอย่างสำคัญ เราจะไม่สร้าง นอกจากไม่สร้างแล้ว มีความละอายที่จะทำร้ายสัตว์ ทำร้ายคนอื่น อย่าว่าจะทำลายเลย จะเบียดเบียนเราก็ละอาย มีความเอ็นดูด้วย แม้แต่สัตว์นั้นจะมีเขี้ยวมีงามีเล็บมีพิษในตัว
มีความกรุณา ถ้าช่วยได้ ที่ควรจะช่วยก็ช่วย แต่ถ้าไม่ควรจะช่วยก็ไม่ต้องช่วย เช่น อาตมาเคยยกตัวอย่าง เห็นงูมันกินเขียด ก็ไปช่วยเขียดมันออกจากปากงูมันไม่ใช่เรื่อง งูจะให้มากินผักคะน้าได้อย่างไร มันไม่กินพืชผักมันก็ต้องกินสัตว์ มันเป็นเขียดเป็นหนูมันก็ต้องกิน เราก็ต้องรู้ความเหมาะควร มีความเอ็นดูมีความกรุณา
ข้อสุดท้ายนี้ยิ่งใหญ่มาก หวังประโยชน์แก่สัตว์ทั้งปวงอยู่ สัตว์แต่ละตัว ตั้งแต่สัตว์เซลล์เดียว จะเห็นประโยชน์ของมันว่ามันจะมีประโยชน์ขึ้นมาได้เท่าไหร่ ก็จะช่วย เช่น ช่วยให้สัตว์เซลล์เดียวเป็นอรหันต์มันจะเป็นไปได้ก็ช่วยเหลือ แต่มันจะเป็นไปได้ยากอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้นอย่างน้อย ก็ช่วยให้มันมีชีวิตต่อไปอย่าไปเบียดเบียนทำร้ายอะไรมัน แม้ว่ามันจะเป็นสัตว์ที่จะไปทำร้ายสัตว์อื่นก็เป็นวิบากของมันเอง มันก็ต้องรับวิบากของมันเอง เราไม่รู้ ว่าเซลล์นี้หรือสัตว์ตัวนี้มันจะมีวิบากดีหรือว่าไม่ดี เราไปยุ่งเกี่ยวกับมัน เราไปแทรกแซงไม่ได้ คนแต่ละคนมีวิบากของตัวเองไม่ใช่น้อยอยู่แล้ว แถมและเสริมกันอีกมันไม่ควร พระพุทธเจ้าให้ทำสัจจะที่ปลอดภัยมาก นอกจากจะไม่แล้วยังช่วยกันให้เจริญได้อีก แต่อย่าไปช่วยเขาให้ลงนรกให้เขาจมในทางที่ผิด ก็อย่าไปทำ อันไม่สมควร
ในธรรมะของพระพุทธเจ้านี้จึงละเอียดรอบถ้วนหมด ยกตัวอย่างข้อที่ 1 เมื่อเราอยู่ในโลกก็จะมีการสัมผัสสัมพันธ์ การปฏิบัติของพระพุทธเจ้าไม่ให้ไปนั่งหลับตาแล้วสร้างจิตที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่ จะต้องลืมตาแล้วเกี่ยวข้องกับสัตว์เกี่ยวข้องกับของ เกี่ยวข้องกับการสัมผัสทวารภายนอก ตา หู จมูก ลิ้น กาย ต้องมี 5 ทวารนี้ เป็น ปสาทรูป ก็พร้อมที่จะทำงาน โคจรรูป 5 พร้อมที่จะทำงานสัมผัสสัมพันธ์กับอะไรที่เราจะมีชีวิตอยู่จริง ไม่ใช่ไปนั่งหลับตากลายเป็นคนไม่เต็ม ไปนั่งหลับตาก็เหมือนกับคนตาบอด แต่นั่งหลับตานั้นไม่ใช่ตาบอด อย่างเดียว ตาก็ไม่รับรู้หูก็ไม่รับรู้ เช่นไม่ได้ยินไม่ได้รู้ไม่ได้รับรสไม่รู้สึกทางกาย แล้วบอกว่านั่นคือการทำจิตให้ยิ่ง อธิจิต หรือว่าเป็นสมาธิ มันจะเป็นการปฏิบัติที่หลงทางอย่างสนิท ตรงกันข้ามตีลังกากลับ ไม่ใช่การปฏิบัติสัมมาสมาธิที่เป็นสมาธิของพระอาริยะ อริโยสัมมาสมาธิ ซึ่งมีการลืมตาปฏิบัติประกอบด้วยมรรคทั้ง 7 องค์ มีสัมมาทิฏฐิเป็นประธานต้องฟังให้เข้าใจ เป็นทิฏฐิเป็นความรู้ความเข้าใจแล้วก็ไปมีสติมีความพยายามสัมมาสติ สัมมาวายามะช่วยกันกับสัมมาทิฏฐิ เป็นพลังงานช่วยกัน เพื่อทำให้เกิดผลสัมมาสมาธิด้วย ขณะที่มีทำงานอาชีพ จะเป็นการปลูกผัก จะทำงานสื่อสาร ทำงานอะไรก็แล้วแต่ทำงานการเมืองทำงานทุกอย่างที่เป็นสัมมาอาชีพ ก็จะต้องมีสติมีความพยายาม อ่านกิเลสจากอาชีวะ การงานเลี้ยงชีพนั้น อ่านไปในการสัมผัส จะต้องใช้จิตนี้ไปทำงานตรวจสอบ ตักกะ วิตักกะ สังกัปปะ เมื่อจิตสัมผัสแล้วแยกแยะ สติสัมโพชฌงค์ ธรรมวิจัยสัมโพชฌงค์ วิริยะสัมโพชฌงค์จะทำงานไปด้วย มีสติแล้วต้องมีธรรมวิจัยประกอบพร้อมอยู่ ธรรมวิจัยทำงานร่วมไป วิจัยออก วิจัยอะไร วิจัยเอากิเลสออกไปจากจิต ที่มันเกิดๆๆอยู่ แล้วแยกกิเลสออกมา ทำลายกำจัดๆๆ ของพระพุทธเจ้ารู้หน้าตากิเลสให้รู้ นี้ตัวปลอม เหมือนกับตำรวจรู้ว่าตัวโจรอยู่ไหน จับโจรได้ก็จัดการ ตามกระบิลเมืองตามกฎหมาย
โจรร้ายถึงขั้นให้เอาเข้าคุกหรือว่าลงทัณฑ์ตามกฎเกณฑ์ ของสังคม ก็ต้องจัดการ ไม่ทำอย่างเหลาะแหละ สีลัพพตปรามาส จับโจรได้ก็มาลูบหัวกับโจรเล่นกับโจร ไม่จัดการลงโทษมัน เรียกว่า สีลัพพตปรามาส ไม่ได้ ต้องจัดการกับมันให้ทันที
การปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้าแม้แต่ศีลข้อที่ 1 เกี่ยวกับสัตว์ ข้อที่ 2 เกี่ยวกับข้าวของ ของจะเป็นของอะไรก็แล้วแต่ พ้นไปจากร่างกายของเรา แม้แต่ร่างกายของเราท่านก็ให้เรียนรู้ว่ามันไม่ใช่ของเรา ของที่นอกตัวเรานอกร่างกายเรา ไม่ใช่สิทธิ์ของเราไม่ใช่ของของเราก็อย่าไปแค่ วิสาสะ ต้องระมัดระวัง ยิ่งไปฉวยมาเป็นของเราเลย ยิ่งไปปล้นจี้ใช้อำนาจไปเอาของเขามา ฆ่าผัวมันเสียเอาเมียมันมา มันเลวร้ายที่สุด นี่เป็นคุณธรรมของพระพุทธเจ้าที่สอน แค่ของกับสัตว์เราก็ปฏิบัติให้ได้ดี ทำได้เราก็ไม่เป็นพิษเป็นภัยไม่เป็นโทษภัยกับใคร เป็นประโยชน์คุณค่าต่อผู้อื่น
ส่วนข้อที่ 3 คือรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ที่เป็นพิษภัยต่อตนเอง ตนเองโง่ หลงรูปอย่างนี้ เราชอบรูปอย่างนี้ไม่ชอบรูปแบบนี้ก็ทำร้าย เสียงอย่างนี้ชอบ เสียงอย่างนี้ไม่ชอบถึงขั้นทำร้าย กลิ่น รส ก็เหมือนกันทั้งนั้น ไม่ชอบก็ทําร้าย อย่างนี้ต้องศึกษา มันเป็นภัยต่อตนเอง และมีการเกี่ยวข้อง พันธกิจ เกี่ยวข้องกับผู้อื่นไปทำร้ายผู้อื่นต่อ ถ้ามีแต่เฉพาะรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสตัวเอง ไม่ไปถึงขั้นศีลข้อที่ 1 ข้อ 2 ก็เป็นภัยแก่ตัวเองอย่างเดียว
เพราะฉะนั้นศีลข้อที่ 3 กามคุณ 5 เราติด เราหลงผิดในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส แล้วเราก็ไม่เรียนรู้ธรรมะพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นเรื่องลึกซึ้ง มีศาสนาพุทธนี่แหละสมบูรณ์แบบที่สุด เรียนรู้อาการของความรู้สึกที่เรียกว่าเวทนา แล้วมันรู้สึก เวทนานี้เป็นกรรมฐานหลักของศาสนาพุทธ ถ้ารสชาติสามัญเป็นรสแท้ สัมผัสต่างๆมันเป็นรูปอย่างไรก็รู้อย่างนั้น มันไม่มีความชอบความชัง ไม่มีดีไม่มีชั่วอะไร มันก็อยู่ของมัน แต่ถ้ามันไปเกี่ยวข้องกับอะไรแล้วมันจะเป็นพิษเป็นภัยกับอะไรได้ ก็ขยายความไป รู้แล้วก็ช่วยจัดการ
เรียนรู้รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส อันนี้สำคัญ เกี่ยวกับสัตว์กับข้าวของก็ไม่ลึกซึ้งเท่าไหร่ พระพุทธเจ้ารู้ในความเป็นอุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยาม กรรมนิยาม ธรรมนิยาม ลึกซึ้งกว่าของศาสนาอื่น ให้ทรงไว้ซึ่งเป็นธรรมะโลกุตระที่ปลอดภัยสูงสุด ถ้าปฏิบัติในกรอบความรู้ที่เขามีความรู้กัน ส่วนของพุทธนั้นลึกซึ้งสูงสุด อาตมายังภูมิใจดีใจที่ได้อาตมาอธิบายธรรมะขึ้นมาในยุคนี้ ก็ยังมีคนเข้าใจปฏิบัติได้อย่างพวกเรา พระพุทธเจ้าประกาศถึงโลกุตรธรรม คนก็รับได้น้อยไม่เท่าที่ควร น้อยเกินไป ทุกวันนี้อาตมาก็ยังว่ามันมีน้อยเกินไปตามประสาเรา ตัวอย่างพระพุทธเจ้า ขนาดท่านมาประกาศแล้ว คนก็รู้โลกุตรธรรมได้น้อยกว่าควร อย่างอาตมาประกาศและคนรับรู้ได้ประมาณนี้ อาตมาก็ว่า efficient คุ้มค่า efficiency มันมี effectiveness มันมีผล efficiency คุ้มค่า เราก็ยังทำงานมีผลคุ้มค่า มาถึงวันนี้อาตมาพูดได้อย่างนี้เพราะมันเกิดแล้วไปแล้ว ได้เท่านี้ก็เอาละ ตายวันนี้วินาทีก็ไม่มีปัญหา สบายใจ (โยมว่าอย่าเพิ่งตาย) อันนี้เป็นธรรมดาธรรมชาติ หากคนมีคุณค่าประโยชน์เขาก็ไม่อยากให้รีบตาย หากจะตายก็จะพยายามช่วยปั๊มหัวใจขึ้นมาอย่าให้ตาย
ทีนี้ มาเข้าสู่การปฏิบัติ การปฏิบัติก็ให้ละเอียด เป็นศีล แล้วจะเกิดอธิจิต อธิจิต อธิปัญญา อธิมุติหรืออธิโมกข์ ท่านแปลว่า มีจิตโน้มไป ไปสู่วิโมกข์ธรรมวิมุตธรรม มันมีกระแสมีพลังมี Trend โน้มไป มีทิศทางไปสู่ความเจริญ เรียกว่าอธิมุติหรืออธิโมกข์ ผู้ที่เข้าใจและสามารถอ่านได้ อ่านกระแสจิตอันพลังงาน อ่านอาการของจิตมันมีทิศทางของมันได้ นั่นแหละคือผู้ที่เข้าถึงธรรม เป็นผู้รู้จักธรรมะ ขั้นจิตเจตสิกที่มีทิศทางมีกระแส ทวนกระแสจากโลกีย์ ไปทางโลกุตระ อ่านอาการนั้นออกจริงๆรู้จริงๆเห็นจริงๆ ที่พูดแบบนี้พอเป็นได้ไหม (โยมตอบว่าได้) ที่สื่อภาษานี้สภาวะตรงกันนะ ถ้าตรงกัน อาตมาประสบความสำเร็จจริงๆ effectiveness มีประสิทธิผลจริงๆ
๐๖.๓๐ น. สมณะ ๙ รูป สิกขมาตุ ๔ รูป นำโดย สมณะเดินดิน ติกขวีโร ประชุมสถาบันบุญนิยม+คกร.
๐๗.๐๐ น. มีการสาธิต โรงสีข้าวกล้อง
๐๙.๐๐-๑๐.๐๐ น. ธรรมะก่อนฉัน
โดย สิกขมาตุสร้างฝันใหม่ อโศกตระกูล
สิกขมาตุได้ให้แต่ละคนพิจารณาดูว่า เรายังยินดีกับข้าวของมีราคาแพง มีชื่อเสียง มีแบรนด์เนมหรือเปล่า แล้วยกตัวอย่างพระเตมีย์ใบ้ เพียงแค่ลงมาเกิดก็นำความร่มเย็น สงบสุขมาแก่อาณาประชาราษฎร์ แต่เพราะการระลึกอดีตชาติได้ ทำให้รู้ว่าในอดีตเคยมีอำนาจพาให้คนตาย แล้วต้องไปเสวยทุกขเวทนารับวิบากกรรม จึงกลัวที่จะต้องเป็นพระราชาจึงแกล้งเป็นใบ้ ต้องใช้ความอดทนมากๆ จนถูกนำไปทดสอบต่างๆ และรอดพ้นจากการประหาร แล้วบำเพ็ญตนในป่า เพื่อพระบิดา พระมารดาทราบ ก็มาฟังธรรมจากพระเตมีย์ หลังจากนั้นก็ให้นำแก้วแหวนเงินทองในพระคลังออกแจกจ่าย บำเพ็ญเป็นคนจน แม้พระราชาแว่นแคว้นอื่นจะยกทัพมาตี เมื่อพบว่าพระราชานี้ไปบำเพ็ญธรรมเป็นคนจน ก็ละทิ้งความคิดตีเมือง แล้วบำเพ็ญตามอย่าง
พ่อครูเน้นย้ำให้เราเป็นคนจนที่ขยัน มีแรงงาน ไม่สูญเสียเวลา เมื่อผลิตก็ขายถูก อะไรที่เป็นเหตุให้ราคาท้องตลาดสูง เราก็ไม่ควรใช้ เพื่อไม่ให้ของนั้นขาดแคลน จนเป็นเหตุให้ราคาแพงโดยใช้อย่างอื่นทดแทน
แต่ละคนควรย้อนไปสำรวจตนเองว่ามีอะไรมากจนเกิดส่วนเกินหรือไม่ ถ้ามีก็พึงลดส่วนเกิน “ความจน” จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องช่วยกันสร้าง ระวังห่วงสุขภาพเกินไปจนลืมนึกถึงคนอื่นว่าเขาก็ต้องการเหมือนกัน จึงลืมเหลือเผื่อแผ่คนอื่น
เรื่อง อยากจน จนสำเร็จ จะไม่ยากจน … ส.ลานศิลป์ วชิโร
ส.ลานศิลป์ ได้เล่าว่า ในอดีตก็เคยอยากรวย อยากเป็นนักธุรกิจ แม้มาปฏิบัติธรรมแล้ว เป็นนักศึกษาก็เคยถูกรุ่นน้องผู้หญิงชี้ขุมทรัพย์ว่าอยากเตะก้านคอ ขณะนั้นก็ยังไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะอะไร จนกระทั่งผ่านไป ๕ ปี มาเป็น ปะ เป็น นาค ก็มีสิกขมาตุส่งรูปถ่ายในอดีตมาให้เมื่อเห็นรูปของตนในอดีต เห็นท่าทางในรูปจึงเข้าใจว่า ทำไม ๕ ปีก่อนรุ่นน้องผู้หญิงจึงอยากเตะก้านคอ ตั้งแต่นั้นมาก็ฝึกไม่เชิดคาง
ท่านได้เล่าอดีตตั้งแต่แรกเริ่มที่มาพบหมู่กลุ่มชาวอโศก จนเกิดการเปลี่ยนแปลงชีวิต มารักษาศีล ระมัดระวังในอุปโภคบริโภคไม่ให้เกินความจำเป็น เพราะการใช้มากเป็นการเอาเปรียบคนอื่น โดยยึดหลัก “ประโยชน์สูง ประหยัดสุด” ฝึกอ่านรู้ความอร่อยในตน พรากความอร่อย เน้น อปัณณกปฏิปทา ทั้ง ๓ ข้อ ท่านยกตัวอย่างจอมยุทธในหนังกำลังภายใน เมื่อวิทยายุทธสูงแล้ว ก็ไม่ต้องพกอาวุธแล้ว ทุกส่วนของร่างกายก็เป็นอาวุธได้ แม้เพียงแค่นิ้วมือ ท่านจึงสามารถอาศัยสิ่งแวดล้อมทุกขณะเป็นประโยชน์ ทั้งในการอ่านตนเอง การเตรียมการสอนเด็ก อวิชชามีฤทธิ์แรงมาก ไม่ธรรมดา มีสัมประสิทธิ์ในตัวเอง การพิจารณากาย ต้องพิจารณาถึง สักกายะ อ่านให้ถึง สังโยชน์ ๑๐ ในตน การสัมผัสวิโมกข์ ๘ ต้องสัมผัส “กาย” ก่อนจบการแสดงธรรม ท่านได้เน้นย้ำบำเพ็ญเป็น คนจน โดยไม่ประมาท
๑๒.๐๐ น. – ๑๓.๔๕ น. ธรรมะบนกระดาน
๑. บริเวณตึกเรียนสัมมาสิกขา โดย สมณะแสนจน สารณีโย
๒. บริเวณหน้าศาลาวิหาร โดย สมณะฮังดิน ภูมิคโต
๓. บริเวณ สวนสาระ โดย สิกขมาตุกล้าข้ามฝัน อโศกตระกูล
๔. บริเวณ ศาลางาน โดย สมณะธรรมทาบฟ้า รวิวัณโณ
๕. บริเวณ ศาลางาน ชั้น ๔ โดย สมณะเสียงศิลป์ ชาตวโร
๑๔.๐๐ น. – ๑๖.๐๐ น. เรียนรู้ประวิติศาสตร์ จากปฐม ของ อโศก (๒)
๑. ไปโรงปุ๋ย ปฐมอโศก นำโดย สมณะเมฆฟ้า นภมังคโล
๒. ศูนย์เจาะฯ นำโดย สมณะฝนธรรม พุทธกุโล
๓. ทั่วไป นำดูฐานงานต่างๆ นำโดย คุณช่วยบุญ
๔. ไปแพทย์แผนไทย ที่ ห้องประชุมชาวบ้าน
๕. เก็บผัก ๑๐ คน นำโดย คุณภูบุญ หวังภูกลาง
๖. พบสมณะ และ สิกขมาตุ มี สมณะกอบชัย ธัมมาวุโธ สมณะชนะผี ชิตมาโร
สิกขมาตุสัจฉิกตา ตั้งเผ่า
๑๔.๓๐ น. ประชุม ค.ภ.ส.
๑๘.๐๐ น. – ๒๐.๐๐ น. รายการ สุขภาพดี ด้วย ๘ อ. ดำเนินรายการโดย สมณะแสนดิน ภูมิพุทโธ มี คุณหมอวีระพงษ์ ชัยภัค รมช. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร หมอวัชระ ก้อนแก้ว เป็นปฏิบัติกร
คุณหมอวีระพงษ์ พูดถึงเรื่องทำอย่างไร จะห่างไกล ตีบ ตัน แตก(หลอดเลือด) นักมังสวิรัติก็มีความเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจได้ ในนักมังสวิรัติที่ไม่กินไข่ ไม่กินนม อายุมาก อาจขาด บี ๑๒ ได้ การบริโภค ไขมันทรานส์ อย่าง ขนมปังกรอบ มีไขมันทรานส์ ๑๐๐% ของกรอบให้ระวังไขมันทรานส์ไว้ก่อนเลย โรคอันดับหนึ่งทั่วโลก คือ โรคหัวใจ อันดับ ๒ คือ โรคมะเร็ง ของที่มีไขมันทรานส์เยอะ คือ ครีมเทียม เบเกอรี่
รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อาจารย์พลังเพชร(วิวัฒน์) ศัลยกำธร มากราบนิมนต์พ่อท่านไปร่วมงานมหกรรมมาบเอื้อง ๑๗ มีค. ‘๖๑ นี้ เรามาเอาดีไปอวด แต่ไม่เอาอวดดี คนมักเอาชั่วมาอวด ที่มาบเอื้อง จัดมา ๑๒ ครั้งแล้ว ที่มาบเอื้อง มีเด็ก ๖๐ กว่าชีวิต พยายามสร้างวัด แต่ก็ยังไม่เสร็จ ตอนนี้ทำงานในฐานะ รมช. มา ๘๑ วันแล้ว ตามโรดแม็พ งานที่ดีที่สุดคืองานการศึกษา พวกเราต่อต้านสารพิษ พวกท่านเป็นคนมหัศจรรย์ เป็นยูโทเปีย ในหลวง ร.๙ ท่านทำงานเพื่อผู้อื่น เป็นพระราชาที่ดำริงานเพื่อผู้อื่น ท่านทำงานไม่มีวันหยุด ท่านว่า ทุกข์ของชาวบ้านไม่มีวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ สมัยก่อน พ่อทำอะไร ลูกก็ออกไปทำ เด็กเรียนรู้เร็ว สมองโตเร็ว รออนุบาลก็ช้าไป ตอนนี้กำลังสร้างคนรุ่นใหม่ หัวใจสร้างสรรค์
งานตอนนี้ที่ทำก็ ๗ งาน ๑. งานนั้นคือการสร้างคน การสร้างคนนั้น สำคัญ ๒. งานสร้างสหกรณ์ให้สมบูรณ์ ให้เป็นสาธารณโภคี ซึ่งระบบวัดเป็น สหกรณ์ พระเจ้าอยู่หัวเป็นที่ ๑ ในการพัฒนาคน ๓. เรื่องน้ำ ทำโคก หนอง นา ปฏิรูป ขุดคลองรับน้ำ ซึ่งพ่อมหาอยู่ ขุดด้วยมือ ๔๐ ไร่เก็บน้ำได้ ๒พัน คิว เก็บน้ำได้ ๑๐๐% ๔. เรื่องดิน ๕ ธันวาคม เป็น วันดินโลก จะจัดเป็นมหกรรมครั้งใหญ่ สัก ๓ วัน ถึง ๗ วัน มาสร้างดินเพื่อมนุษยธรรม ตอนนี้ชวนจัดงานวันดินโลกไว้แล้ว ๗๔ ประเทศ เรื่องที่ ๕. เรื่องพนธุกรรมพืช ปลูกไว้ ๓ อย่าง เกิดประโยชน์ ๔ อย่าง เน้นเรื่องสุขภาพ ๘ อ
นพ.วัชระ ก้อนแก้ว ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลโพธาราม จ.ราชบุรี มาพบชาวอโศก ตอนร่วมชุมนุมปี ‘๔๙ เชี่ยวชาญเรื่องโรคหัวใจ หลอดเลือด คนไทย เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ หลอดเลือด ๑ ชั่วโมง เสียชีวิต ๖ คน โรคนี้เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต โรคนี้เป็น ๑ ใน ๓ จะมี ตาย พิการ หาย การระวังให้วัดรอบเอว ผู้หญิง ๓๒ นิ้ว ผู้ชาย เกิน ๓๖ นิ้วขึ้นไปให้ระวัง เบาหวาน ความดัน การทำงาน เหนื่อยง่าย ระวังเป็นโรคหัวใจ ลิ่มเลือดอุดตัน หากมีอาการใบหน้าเบี้ยว แขน ขา อ่อนแรง พูดไม่ชัด ให้พามาโรงพยาบาลภายใน ๓ ชั่วโมง ผู้ชาย ๔๕ ปี ผู้หญิง ๕๕ ปี เสี่ยงมาก ผู้มีพันธุกรรม มีความดันสูง เบาหวาน อ้วน อารมณ์เครียด กังวลสูง การกินของผัด ทอด อาหารบรรจุซอง ไขมันทรานส์ ให้ระวัง
วันพุธที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑
๐๓.๓๐ น. อาจารย์ ๑ (สมณะบินบน ถิรจิตโต) นำสวดมนต์
๐๔.๐๐ น. – ๐๖.๐๐ น. พ่อครู แสดงธรรมเรื่อง ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 3….ทีนี้เรามาเข้าสู่สิ่งที่อาตมาบรรยายฐานการพัฒนาของชีวิตโดยการศึกษาสาม ศีลสมาธิปัญญา หรือ อธิศีลอธิจิตอธิปัญญา แล้วมีอธิโมกข์ อธิมุติ ไปตามลำดับ
ก่อนจะอธิบายจะมีตัวอย่างของ ถ้าเราพัฒนาแล้วมันจะเกิดศีล พัฒนาการเป็นอธิศีล แล้วเกิดจิต ผลของจิต ค่อยๆเกิดไปตามลำดับ จิตมันจะนำด้วย KAP นำด้วยความรู้ธาตุรู้ ซึ่งเป็นธาตุรู้ต้น เรามีแล้วคืออัญญธาตุ เป็นธาตุรู้โลกุตระมีปัญญาแล้ว มันก็เป็น Knowledge ที่ก้าวหน้า แล้วสร้างเพิ่มขึ้นอีก เป็นการดำเนินการทางปัญญาเรียกว่า Attitude เจตคติหรือทัศนคติ แล้วเราก็ทำอยู่ ไม่ใช่ว่าได้แค่คิดได้แค่รู้ แต่เราทำ Practice เป็นสามเส้า ของตัวที่จะมีการเจริญตลอดเวลา ถ้าหากเป็นแต่นักคิดนักรู้เอาแต่รู้มีเยอะไม่ถึงขั้น Practice ลงมือปฏิบัติไม่ค่อยมี
ศีล สมาธิ ปัญญา สามเส้า มันจะเกิด nucleus ที่มีผู้จัดการมีการจัดการให้ก้าวหน้า progression อย่างเนียน ญาณของพระโสดาบัน 7 ประการ เป็นธาตุรู้ที่เกินกว่าโลกียะ
โลกียะ อยู่ในกรอบการก้าวหน้าที่ไม่เป็นปฏิภาคทวี ไม่มีการก้าวหน้าซับซ้อนไม่เกิด แต่ของโลกุตระนี้มี ญาณ 7 นี้เกิดได้
ญาณ 7 ก็ลองทวนดู
ญาณที่ 1 พอเรารู้แล้วว่าตัวนี้ควรละเราก็ต้องละให้ได้ รู้แล้วละ พอละได้เป็นผลสำเร็จ นี่เป็นกระบวนการของญาณที่ 1 รู้ว่านี่เป็นกิเลส เรามีพลังงานมีอาวุธเป็นบุญมาจำกัดมัน ก็กำจัดมันได้ ได้แล้วท่านเรียกว่า วีติกมกิเลส ไม่ได้แปลว่าหยาบ แต่เป็นการล่วงไปแล้ว เป็นปัญญาความรู้ที่ไม่ใช่แค่สามัญ เป็นขั้น Advance เรารู้จักกิเลสแล้วทำให้กิเลสนั้นพ้นไปได้แล้ว นี่คือปัญญา เป็นผลของศีลสมาธิ ทำให้กิเลสลดได้ ปัญญาก็รู้ว่ามันเป็นวิมุตติญาณทัสสนะ ถ้าเอาสามเส้านี้ขยายยาวเป็นวิมุตติญาณทัสสนะ เป็นปัญญาเริ่มต้นของพระโสดาบันนะมีนัยละเอียด สายเจโตจะไม่ชัดเท่าสายปัญญา หากเรียนรู้เป็นสมาธิจะชัดเจน กิเลสของเราพ้นไปแล้ว พ้นวิติกมกิเลสแล้ว แล้วก็มี ปริยุฏฐานกิเลสที่เรากำลังทำอยู่ เป็นกิเลสขั้นที่ 2 ขั้นที่ 1 วิติกมกิเลสหมดแล้ว ขั้นที่สอง ปริยุฏฐานกิเลสนี้ยาวไกล กว่าจะถึงขั้นปลายสุดแล้ว ท้ายที่สุด อนุสัยกิเลส กิเลสสุดท้ายเหลือน้อย ทำให้จบแล้วจบแท้ๆ ทำให้เกิด อเนญชาภิสังขาร ทำให้มากทำให้เกิดผล อาเสวนา ภาวนา พหุลีกัมมัง ทำซ้ำสิ่งที่ถูกต้อง ทำการฆ่ากิเลสไปได้ แต่ถ้าฆ่าผิด ถ้าสิ่งที่ไม่เป็นกิเลส ก็ตายๆๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก ในสิ่งที่ไม่เป็นกิเลส ก็แถกเอาเนื้อตัวเองไปๆๆๆ ไม่ช้าไม่นานก็ตาย เพราะอัตราการก้าวหน้านั้นเก่งด้วยนะ โลกีย์เก่งสู้ไม่ได้ด้วยในภาวะการกระทำ
เมื่อทำอันที่สองแล้วชัดเจน สะสมให้เร็วเป็นฐานตกผลึกให้แน่นให้สูง
ญาณข้อที่ 3 อันที่ 3 เราจะเกิดความแน่ใจเชื่อถือ ยิ่งแน่ใจมั่นใจ เชื่อมั่นในสิ่งที่เราทำเราปฏิบัติมาในทฤษฎีนี้ ในธรรมวินัยนี้ ในความเป็นเช่นนี้ ที่ไม่เหมือนกับสาธารณะทั่วไป ไม่เหมือนปุถุชน ไม่เหมือนโลกีย์ที่เราก็เคยผ่านมาทุกคนมาก่อน เราจะมีปฏิภาณรู้ว่ามันไม่เหมือน สายปัญญาจะรู้ชัดขึ้น แล้วรู้ชัดว่าดี ว่า อ๋อ มันต่างกัน อันนั้นมันไม่ใช่ อันนี้มันใช่ มันจะมีการรู้ อ่าน ลิงคะ อ่านความต่างมีเพศ แยกออกว่าอันนี้ไม่ใช่อันนี้ถึงใช่ เพราะมันจะมีคู่เป็นสภาพ 2 ให้เปรียบเทียบได้รู้ชัด เพราะฉะนั้นก็เรียนรู้เปรียบเทียบจนกระทั่งน่าจะ จนกระทั่งเกิดความชัด นี่คือความรู้เป็นปัญญาอันที่ 3 ของพระโสดาบัน ถ้าไม่มีสิ่งที่เปรียบเทียบ หนึ่งไม่รู้มันไม่มีธรรมะ 2 เช่นการปฏิบัตินั่งหลับตามันไม่มีอะไรเปรียบเทียบไม่สมบูรณ์แบบไม่ครบ มันก็ไม่จบไม่จริง มันไม่ถึงความจริงสักที เพราะฉะนั้นมันก็ต้องมีคู่เปรียบเทียบ เมื่อเปรียบเทียบชัดเจนว่าอันนี้ใช่อันนี้ไม่ใช่ จนสุดท้ายไม่ต้องเปรียบแล้ว เป็น Axiom มันแท้จริงแล้วตอนนี้ไม่ต้องเปรียบเทียบ นัตถิอุปมา จบการเปรียบเทียบนี่ก็เป็นที่สุด
ญาณข้อที่ 4 เพราะฉะนั้นในขณะตรวจสอบอยู่เรื่อยๆ มันบกพร่องแล้ว จะต้องรีบแก้กลับ อันนี้เป็นญาณข้อที่ 4 ของพระโสดาบัน อาริยบุคคลจะต้องไม่ ผัดวันประกันพรุ่งนี้เรื่องที่เลว ในเรื่องที่ตัวเองผิดบกพร่อง ต้องรีบ ท่านเปรียบเสมือนเด็กอ่อน มือถูกไฟร้อน ก็รีบชักกลับมาฉันใด เหมือนหนังควาย ถูกไฟก็หดออกมาปั๊บ เหมือนกับเส้นผมถูกไฟก็หดลงมาเลย แต่เด็กจับไฟก็ชัด หรือเอาก้อนไฟโยนใส่ตักของคุณก็รีบเอาออก นี่ปัญญาข้อที่ 4 จะรีบแก้ไขปรับปรุงไม่รอรั้ง ไม่เช่นนั้นมันช้า พวกคุณก็เข้าใจโดยปริยายไม่ได้ยากอะไร นี่เป็นคุณสมบัติคุณวิเศษของพระโสดาบัน อันที่ 4
ญาณข้อที่ 5 จะทำประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านอยู่พร้อมกันไป ด้วยกันไปไม่แยก ไม่แยก ไม่แยก อาตมาเน้นข้อที่ 5 ชาวอโศกมีข้อนี้ ไม่บกพร่องไม่โดดเดี่ยวเดียวดายไม่แปลกแยก ร่วมกับหมู่หนักก็หนักด้วยกันเบาก็เบาด้วยกัน ดีไม่ดีหนัก พวกคนอื่นพักแล้วเราก็ยังหนักอยู่ก็ไม่เกี่ยง ไม่ไปเกี่ยงงอนกับใคร มันไม่มีตัวตน มันแสดงถึงความไม่มีตัวตนชัดเจน เป็นประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ไม่ขาดคู่ไม่ขาดมิตร ไม่ขาดเพื่อนกินเพื่อนตาย เพราะว่ามันไม่บกพร่องเลย เป็นประโยชน์ตนประโยชน์ท่านพร้อมกัน มันไม่บกพร่อง เพราะว่าเราใช้เรากิน เพื่อนกินเพื่อนใช้ แม้แต่เพื่อนจะกินอย่างตะกละ แต่เราก็ทำสร้าง เพื่อนก็ไม่ตาย เช่นว่าเขาป่วยไป เขาแก่ทำไม่ไหวหรือพิการ มันก็ช่วยกันได้ตลอดเวลา อย่างที่เราเป็นกันอยู่จริง นี่คือสุดยอดเศรษฐกิจ ที่ไม่ขาดแคลนแม้แต่ความเอื้อเฟื้อเจือจาน แม้ขาดแคลนการเลี้ยงดูพึ่งพากันเกิดแก่เจ็บตายกันได้ เป็นความลึกซึ้งในสังคมมนุษยชาติในความเป็นมนุษย์ บางทีเราไม่รู้ตัวไม่รู้เรื่องไม่สำคัญมั่นหมายกับมัน แต่มันพฤติกรรมนี้มีจริงในหมู่พวกเรา สังเกตดูเราไม่ขาดแคลนเท่ากับเขา เรายังต้องขวนขวายเจริญขึ้นต่อ เราสามารถลดลงไปอีกได้ เราทำไมไม่ขวนขวายต่อ หากไม่ทำต่อเราก็ไม่ก้าวหน้าพัฒนาต่อ ซึ่งมันสามารถเพิ่ม coefficience สัมประสิทธิ์ตัวนี้เพิ่มขึ้นได้
ญาณ ข้อที่ 6 มันจะมีพลัง มีความพลังแรง มันจะมีพลังงานเต็มบูรณาการ หากมันพร่องก็จะทำให้เต็มร้อย เรียกว่า Integrity เป็นการบูรณาการ Integrate อยู่เสมอๆ พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ให้เต็มอยู่เรื่อย บูรณาการ หากพร่องก็รู้ทันทีและเติมทันที มีความขยันมีสมรรถนะทำงานอยู่ตลอดเวลา
ญาณข้อที่ 7 ภาคภูมิใจ ถ้าจะใช้คำว่าปลื้มใจ เราไปใช้แบบโลกีย์แบบนรกขุมที่ 6 อตฺตมนตาโสมนสฺสํ มันเป็น Coefficient ของโลกีย์ ธัมมชโยถึงเอาไปใช้ ธรรมกายถึงมี Coefficient แบบโลกีย์ ระเบิดเถิดเทิง ร่ำรวยมหาศาล มีอัตราการก้าวหน้าตัวนี้ของเขาสูง เป็นอัตราการก้าวหน้าของความขี้โลภ กอบโกย มโหฬารมากมาย อัตราการก้าวนี้ อันนี้ถึงสูง เห็นรูปธรรมชัดเจน นี่เป็นตัวที่ 7 ตัวที่ปลื้ม แล้วเขาก็ใช้ภาษาตัวนี้ ปลื้มๆๆ Stimulation จิตของเขาก็เลยทับทวีเป็นอย่างนี้
นี่คือ คุณธรรมด้านปัญญา ความรู้เราก็จะรู้อย่างนี้ แล้วมีอยู่ครบ ถ้าเป็นโสดาบันมีความเป็นพระอาริยบุคคลระดับหนึ่งเลย มีความเฉลียวฉลาดเป็นปัญญาโลกุตระ ฉลาดแบบโลกุตระ ไม่ใช่ฉลาดแบบเฉโก ฉลาดแบบโลกุตระ จึงเหนือชั้นกว่าโลกียะเยอะ โลกียะไม่มีลำดับครบไม่มั่นใจอย่างนี้ ไม่มีตัวพลังงานจิต ที่ได้มีการศึกษาแล้วก็มีตัวความจริง เป็นความตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า รู้จักเรื่องพลังงานทางจิต เป็นจิตวิทยาที่ยิ่งใหญ่ สมบูรณ์แบบ
๐๖.๓๐ น. – ๐๘.๓๐ น.ประชุมคุรุสัมมาสิกขา มีสมณะ ๑๓ รูป สิกขมาตุ ๓ รูป กรัก ๑ คน ปะ หญิง ๒ คน คุรุชาย ๙ คน คุรุหญิง ๓๐ คน โดยแต่ละโรงเรียนรายงานผลโครงการ การดูแลใกล้ชิดกู้วิกฤติ ศรัทธา
๐๘.๐๐ น. – ๐๙.๐๐ น.รายการพิเศษ ที่ หอประชุมชาวบ้าน สะกดเบาหวาน ความดัน
ไตวาวาย ด้วยตนเอง “ล้างพิษการเสพติดผงชูรส” สาธิตการล้างพิษผงชูรส ให้เห็น
ภายใน ๑๕ นาที
๐๙.๐๐ น. – ๑๐.๐๐ น.ธรรมะก่อนฉัน “เล่าไว้เมื่อวัยสนธยา” โดย พลตรีจำลอง ศรีเมืองและ พลเอกปรีชา เอี่ยมสุพรรณ อาจารย์รัศมี กฤษณมิษ ดำเนินรายการ
รายการก่อนฉันวันนี้เป็นรายการพิเศษ สัมภาษณ์คุณลุงจำลอง และคุณลุงปรีชา โดยมี อาจารย์รัศมี เป็นผู้ดำเนินรายการ เริ่มประเด็นจากคำถามว่า ทำไมคุณลุงจำลองเรียน จปร. จบหลังคุณลุงปรีชา ๓ เดือน ทั้งๆ ที่เป็นนักเรียนนายร้อยรุ่นเดียวกัน คุณลุงปรีชาว่า คุณลุงจำลอง เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว “Born to Be” ที่เรียกลุงจำลองว่า พี่ มาตลอด เพราะอายุแก่กว่า ๑ ปี ทั้งคู่มีหลายๆ อย่างเหมือนๆกัน เป็นคนจน อยู่กับธรรมชาติ อยู่กับวิถีพอเพียง ใช้ชีวิตเรียบง่าย ใช้รถเมล์ คุณลุงจำลองว่า ชีวิตนี้โชคดีเพราะได้เปลี่ยนเป็นจำลอง “คนใหม่” นับตั้งแต่นั้น วิถีชีวิตก็เปลี่ยนไปไม่ตกเป็นทาสทุนนิยม ไม่มีชีวิตอยู่เพื่อเงิน ทั้งๆ ที่ในอดีตรบบ่อย เพราะอยากได้เงินเยอะๆ อยากได้รับคำสรรเสริญ
คุณลุงปรีชาว่า เหตุที่รู้จักอโศก เพราะมีจุดมุ่งหมายต้องการอาศัยชาวอโศกรักษาชาติ อาศัยพลังแห่งธรรมป้องกันรักษาชาติ พัฒนาชาติบ้านเมือง โดยอาศัยคุณลุงจำลองนำหน้า วิถีชีวิต ถือว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นหน้าที่ ทำตามหน้าที่ให้ดีที่สุด จะไม่เสียเวลากับเรื่องส่วนตัว แต่จะใช้เวลาให้มากเพื่อเรื่องส่วนรวม เพื่อชาติบ้านเมืองเป็นหลัก ท่านเชื่อมั่นว่า “ธรรมย่อมชนะอธรรม และ ชนะทุกสรรพสิ่ง”
ในระยะหลังๆ คุณลุงจำลอง เริ่มมีปัญหาสุขภาพ ท่านบอกว่าเหตุมีสองอย่าง ที่ทุกๆ คนเหมือนกัน คือ ๑.วิบากกรรมเก่า ๒.การดูแลสุขภาพของตนเอง ท่านมั่นใจว่าท่านมีวิบากเก่า แต่ชาติหน้าต้องได้เกิดเป็นคน และทุกข์น้อยกว่าชาตินี้ เพราะคุณความดีที่ทำในปัจจุบัน ตอนเป็นเด็กชอบจบจิ้งหรีดมากัดกัน จับปลากัดมากัดกัน เลิกได้เพราะได้ฟังพระเทศน์ กลัวต้องรับวิบากในชาติหน้า
คำถามอาจารย์รัศมี ว่า ลุงปรีชาเวลาตัดสินใจทำอะไร แม้นำประชาชนร่วมต่อสู้ แต่จะคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลักก่อน ประชาชนมีค่าที่สุด ทั้งคู่แม้จะอายุมากแต่หุ่นดี ไม่อ้วน เหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะลุงปรีชาไม่อยากเสียเวลามากกับการกิน ไม่อยากกินอะไรมากมาย ส่วนลุงจำลองเป็นผู้บรรยายเรื่องสุขภาพในคอร์สล้างพิษ ท่านเน้น ๘ อ ออกกำลังกายด้วยการเดินเร็ว แกว่งแขน และกายบริหาร
สุดท้าย คุณลุงจำลอง ฝากให้ชาวอโศกเคร่งครัดในศีล ยิ้ม เบิกบาน ส่วนลุงปรีชา ฝากชาวอโศกนำพาเศรษฐกิจพอเพียงให้เต็มแผ่นดิน เลิกสารพิษอย่างเด็ดขาดให้ได้ ด้วยพลังแห่งธรรม
๑๒.๐๐ น. – ๑๓.๔๕ น.รายการธรรมะบนกระดาน
๑. บริเวณหน้า ศาลางาน สมณะถักบุญ อาจิตปุญโญ
๒. บริเวณ สวนสาระ สิกขมาตุพูนเพียร ชาวหินฟ้า สิกขมาตุมาลินี โภคาพันธ์
๓. บริเวณ ศาลางาน ชั้น ๔ สมณะเสียงศีล ชาตวโร
๔. บริเวณ ศาลาวิหาร นพ.อมร เปรมกมล สมณะแสนดิน ภูมิพุทโธ สัมภาษณ์
เรื่อง ล้างพิษการเสพติดผงชูรส การฝึกเคาะไตให้ผู้ป่วย การตรวจสอบการได้รับพิษร้ายที่ทำลายไต และลองรักษาเคสตัวอย่าง
๑๔.๐๐ น. – ๑๖.๐๐ น. บูรณาการ ศีลเต็ม-เข้มงาน-สืบสานวิชชา
๑. ไป ศาลาค้า ๒. ไป ปาดหัวมะพร้าว เพื่อเพาะชำ นำโดย สิกขมาตุพูนเพียร ชาวหินฟ้า
๓. ไป ถางหญ้า – ปลูกมะเขือ ปะฝนฟ้า นำไป
๔. เก็บผัก คุณภูบุญ หวังภูกลางนำไป
ที่ ศาลาวิหาร แบ่ง ๓ กลุ่ม พบสมณะ มี ๑.สมณะกอบชัย ธัมมาวุโธ ๒.สมณะเพาะพุทธ จันทเสฎโฐ ๓.สมณะแสนดิน ภูมิพุทโธ
รายการภาคค่ำ วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑
รายการ มหัศจรรย์ โดย อาจารย์ ๑ (สมณะบินบน ถิรจิตโต)
-
ยายจงกล สุคันธนาค อายุ ๙๔ ปี เข้าวัดปี ‘๒๗ ยังไปนาได้อยู่ ชอบร้องเพลงโลกุตระ มีพี่ชายเป็นทหาร หัดให้มีใจนักเลง ชอบสูบบุหรี่ พี่ชายฝึกให้ทั้งนั้น อายุ ๒๐ กำลังคะนอง ปี ‘๒๔ มีระดมธรรมที่สวนลุมพินี ลูกต๋อย (อำนาจ สุคันธนาค?) ชวนมา พ่อท่านกำลังแสดงธรรมเรื่อง กฎแห่งกรรม โดนใจ เลิกสิ่งไม่ดีหมดเลย ปรับเปลี่ยนชีวิตใหม่ มาถือศีล ๕ ทานมังสวิรัติ ลดโลภ โกรธ หลง ลดเห็นแก่ตัว
สิกขมาตุพูนเพียร พูดถึงยาย ทำอะไรไม่ได้มาก แต่ก็ช่วยทำอะไรเท่าที่ทำได้ ยายดูแลตัวเองดี ยายหลังตรง หูยังดี ยายมีพี่น้อง ๑๒ คน ยานเป็นคนที่ ๘ อายุมากๆ ทั้งนั้นเลย ยายคอยถามตัวเองเสมอ สอนตัวเองประจำ คอยเตือนตนบ่อยๆ
คุณอำนาจ ประทับใจแม่ ปฏิบัติร่วมกันมา แม่เป็นสายร้อน ลุกชายเป็นสายเย็นๆ เลยสมดุลลงตัวพอดี แม่เป็นห่วงลูกๆ เสมอ
ยายร้องเพลง “ขวัญ” ได้อย่างมีพลัง
-
คุณเฉลิม (เม็ดดิน) ยิ้มพร อายุ ๘๖ ขวบ เจออโศก ตอนระดมธรรมปี ‘๒๔ เป็นโสดมาตลอด ประทับใจสมณะอโศก ไม่รับเงิน ไม่สวมรองเท้า
พ่อเม็ดดิน หุ่นประหยัดมาก ขยันทำงานตลอด
คุณปีกฟ้า เห็นตาเม็ดดิน กินง่าย อยู่ง่าย ไม่กินจุบจิบ ตาชอบปลูกต้นไม้ เป็นร่มเงา และกินผล ไมเจ็บ ไม่ป่วย ไม่น้อยใจที่ร่างเล็ก
พ่อเม็ดดิน อยู่เป็นโสด ได้ฝากทิ้งท้ายว่า ทุกคน อย่าเจ็บ อย่าป่วย ก็พอใจแล้ว
สัมภาษณ์ จิตอาสา ช่วยงาน ๐ บาท ที่ ชมร. หน้า สันติอโศก
-
คุณวิจิตรา แซ่แจ อายุ ๖๕ ปี อยู่ กทม. มีพี่น้องทั้งหมด ๖ คน เป็นลูกคนโต
ขอบพระคุณที่เปิดโอกาสให้ได้ทำงานฟรี
-
คุณสุวรรณา (ผรช. ชมร. หน้าสันติอโศก) พูดถึง ชื่นชมเด็กๆ คุณวิจิตราว่า เป็นขวัญใจเด็กๆ มีความมุ่งมั่นตั้งแต่เด็ก เห็นทุกข์ตั้งแต่เด็ก ให้กำลังใจตัวเองตลอด ตอนโตจึงได้เรียน แพ้หอม กระเทียม รู้สึกร้อน ดื่มย่านาง เย็นลง สบาย อยู่ ฮ่องกงก็ทำงานช่วย ฉือจี้ รู้จักธรรมะชาวอโศก ก็ได้ฟังวิทยุที่บ้าน ซึ่งอยู่ไม่ไกลวัด พ่อท่านเทศน์ก็ฟังเข้าใจ จึงได้มาพบหมู่กลุ่มที่ดี
-
คุณสุนิษา ดารารัตน์ เป็นคนหาดใหญ่ สงขลา ทำงานในทำเนียบรัฐบาล ได้ฟังธรรมพ่อครูเทศน์ข้างทำเนียบ อยากฟังเพิ่มขี้นจึงมาทำงานเช้าขึ้น เพื่อจะได้ฟังธรรมเร็วขึ้น ได้ฟังพ่อครูเทศน์ว่า ทำงานในทำเนียบรัฐบาล สู้มาทำงานกับพ่อครูไม่ได้ ในทำเนียบมีทั้งเสื้อแดง เสื้อเหลือง
อาจารย์ ๑ ได้สรุปว่า ทำความดี ยิ่งมาก ยิ่งมหัศจรรย์ คนเราดูถูกกันไม่ได้ ขนาดอยู่ข้างวัด อยู่ในทำเนียบรัฐบาลยังเข้าใจธรรมะได้
วันพฤหัสบดีที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๑
๐๓.๓๐ น. อ.๑ สมณะบินบน ถิรจิตโต นำสวดมนต์
๐๔.๐๐ น. – ๐๖.๐๐ น. พ่อครู แสดงธรรมเรื่อง ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 4 … พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ได้แถลงจุดยืนการตั้งพรรคการเมืองไว้ ในงานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ ๔ ที่ บวร ปฐมอโศก ๑ มีนาคม ๒๕๖๑ ไว้ตอนหนึ่งว่า….
ตอนนี้มีคนมากำลังจะจดทะเบียนพรรคการเมือง ก็มาบ้าง ผู้ที่สนิทคิดว่าถ้าหากอาตมาร่วมมือด้วยก็จะดีนะ อาตมาก็ต้อนรับพอสมควร อาตมาก็ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่า อาตมามีพรรคการเมือง อาตมาก็ไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคเองหรอก มีฆราวาสเป็นหัวหน้าพรรค แต่ตอนนี้โดยกฎหมาย คสช. โดยปริยาย ทุกพรรคถูกยุบหมดแล้ว โดยสัจธรรม ผู้ที่จะไปตั้งพรรคใหม่ จะเอาชื่อเก่า เอาคนเก่าๆไปทำงานคุณก็ต้องจดทะเบียนใหม่ ไปแจ้งกับ กกต. ตามหลักเกณฑ์พิธีเขา
แล้วอาตมาก็บอกแล้วว่า พรรคเพื่อฟ้าดินนี้ไม่ไปจดทะเบียนต่อนะ บอกอีก ส่วนใครจะไปจดนั้นอาตมาไม่เกี่ยว อาตมาจะไปสงวนชื่อได้อย่างไร ใครจดก่อนก็สงวนได้ ตอนนี้เป็นของกลางๆ ใครจะเอาไปจดก็เป็นของคุณ อาตมาจะดูทุกพรรค อาตมามีพรรคของตัวเองชื่อว่า…….พักผ่อน อย่าเอาชื่อนี้ไปจดทะเบียนนะ อาตมาใช้ไปแล้วชื่อพรรคของอาตมาคือ พักผ่อน อาตมาจะต้องพักผ่อนแล้ว เพียรให้ได้สมดุล ตอนนี้อาตมาต้องรู้สถานะตัวเองอายุปูนนี้แล้วพยายามพากเพียรไปถึง 1 รอบนักษัตรแล้ว กำลังจะดิ้นออกจากปีสุดท้ายของนักษัตร นักษัตรแรกด้วยนะ ดิ้น ตอนนี้ก็กำลังมีเหตุปัจจัยหนัก หากพ้น 84 จะมีแรงทดไปได้เรื่อยๆ ตอนนี้อยู่ในภาวะที่กำลังต่อสู้ เป็นรอบ final รอบชิงชนะเลิศเลย Champion กับ Champions ชิงชนะเลิศรอบสุดท้าย ขั้นสุดท้าย Final กำลังชิง ถ้าหลุดจากตรงนี้ก็เป็นอันรู้ล่ะ
ที่นี่การเมืองของเราตอนนี้มันก็มี แต่เราก็อย่าไปยึด อย่างอาตมานี้มันชำนาญแล้ว จะมีก็ทำได้คล่องแคล่วรวดเร็ว จิตอาตมามุทุภูตธาตุ มีรวดเร็ววางได้เร็ว เรียกว่า มุทุภูตธาตุ เป็นธาตุคล่องว่องไว รวดเร็วปราดเปรียว ทั้งปัญญาและเจโต เสร็จแล้วทำมันก็เกิดผล จะมีก็รีบมี มีแล้วก็ทำให้สำเร็จ เรียกว่ากัมมัญญา ทำงานด้วยอัญญา ทำด้วยปัญญาที่แท้จริง ทำด้วยความรู้ที่แท้จริง
เสร็จแล้วก็ทำงานเสร็จ ก็รีบจบ รีบวาง รีบปล่อย การทำงานการศึกษา การฝึกฝนตามที่เราได้ศึกษาฝึกฝนนี้ อธิบายไปวนเวียนซ้ำซากไป มันก็เกิดผล เกิดความชำนาญ เกิดความเป็นความมีขึ้นมาซับซ้อน มีเป็นอัตโนมัติ มีตามที่มันมีเอง มีแล้วก็เอาไว้ใช้งานแต่ไม่ยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตนเป็นของตน
การเมือง เราก็ยินดีกับการเมือง เช่น เรายินดีกับพลเอกประยุทธ์ จนคนไปยึดมั่นถือมั่นว่าอาตมาทุ่มสุดตัว ไปส่งเสริม ไปเชียร์ อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู เชียร์นายกตู่ อาตมาก็บอกว่า ตอนนี้อาตมายังทำงานเต็มที่ อาตมามีพลังเชียร์ก็เชียร์เต็มที่ จะบอกว่าสุดลิ่มทิ่มประตูก็เห็นว่ายังไม่มีใครที่จะเชียร์ได้มากกว่าคนนี้ คนอื่นเข้ามาแสดงตัวให้เข้าตาอาตมา หากเข้าตาอาตมามากกว่าพลเอกประยุทธ์อาตมาก็จะเชื่อคุณนะ อาตมาไม่ได้ยึดถือนะ อาตมาเป็นคนที่มีความไม่เที่ยงอย่างเที่ยง
อาตมาเชียร์ลุงตู่เป็นความเที่ยงอย่างไม่เที่ยงนะ ของอาตมามีความไม่เที่ยงเป็นอาวุธอยู่ข้างหลัง อาตมาเที่ยงกับนายกตู่เต็มที่ แต่ข้างหลังอาตมามีไม่เที่ยงอีกอัน อาตมาจะตัดตัวเองออกเมื่อไหร่ก็ได้ อาตมาไม่ตัดนายกตู่หรอก อาตมามีสิทธิ์แต่จะตัดตัวเองออกมา จะตัดตัวเองจากใครก็แล้วแต่ อาตมามีสิทธิ์นะ นี่เป็นสิทธิมนุษยชน สหประชาชาติก็ทำอะไรอาตมาไม่ได้กับสิทธิมนุษยชนอันนี้ พูดจากสภาพเป็นจริงอันนั้น
เพราะฉะนั้นในเรื่องการเมืองตอนนี้ก็สรุปรวมแล้วว่า มันกำลังดีมาก เป็นแต่เพียงว่ากำลังต้องฉลาด ในการที่จะขจัดสิ่งที่มันเป็นหมัด เป็นตัวเล็น เป็นตัวอะไรที่มันเกาะ มันเป็นธรรมชาติของโลก มันจะต้องมีตัวพวกนี้ผสมผสานอยู่ มันเป็นธรรมดา ต้องเอาออกมันเป็นพิษภัย มันถึงจะมีแรงเพิ่มจะไปได้คล่อง ถึงจะไปได้ดี เพราะฉะนั้นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ตอนนี้เข้าโค้งหัวเลี้ยวหัวต่อ กำลังจะมีตัวสมัคร เข้ามาเพื่อจะทำงานในงวดนี้ เพราะฉะนั้นถึงบอกว่า จริงๆแล้วถ้าเผื่อว่าคุณประยุทธ์ จัดการสิ่งที่ควรจะเอาออกโดยเสียงประชาชนเห็นว่าควรจะเอาออก ควรทำตามประชาชน ถ้าทำตามประชาชนอันนี้ได้ งานการเมืองก็จะราบรื่น งานการเมืองก็จะดีขึ้นทีเดียว ต้องประเมินผลต้องประเมินความชัดเจนให้ดีๆ แล้วรีบทำ เพราะตอนนี้มันก็ใกล้ที่จะถึง ไม่เช่นนั้นเราก็จะกลายเป็นว่า ไปเลื่อนการเลือกตั้งอีกมันก็ไม่ดี ถ้าหากเป็น roadmap ที่มั่นใจ คุณจะมั่นใจได้ต้องทำความสะอาด ให้มีพลังงานดี เพราะว่าสิ่งที่มันยังมีแมลง มีธุลีละอองอะไรอยู่ มันไม่สะอาดมันไม่มีแรงเต็มที่ ควรจะต้องจัดการอันนี้ให้ดี ถ้าจัดการอันนี้ได้ดี พลังงานนี้ จะเลือกตั้งก็สู้ได้
นายกฯคนนอกก็ได้ เพราะประชาชนจะชัดเจนเลยว่า ถึงอย่างไรก็ต้องเอา เพราะนักการเมืองที่จะเข้ามาใหม่นี้ ล้วนแล้วแต่ยังไม่ได้ปรากฏฝีมือ มีปรากฏฝีมือแล้วเน่า เป็นเหล้าเสียในขวดใหม่ ทำขวดใหม่มาโชว์เท่านั้น น้ำเหล้าเก่าอยู่ในขวดใหม่ทั้งนั้น ที่มานี่ เพราะเขายังไม่ได้แสดงฝีมือ จริง อาจจะมีเหล้าใหม่ดีๆในนั้นมา แต่ยังไม่ได้แสดงฝีมือ ยังไม่ได้ชิมเลย อันใหม่ แต่ถ้าอันเก่ามันปลอมตัวมา ทาแป้งผัดหน้า คุยโม้หลอกเท่านั้นเอง ก็ต้องดูหน้าให้ได้ ดูอะไรให้ชัด เราดูได้ ดูว่าสมัครมากี่พรรค ใครบ้าง มีหลักฐานให้เราตรวจได้ทั้งนั้น ยิ่งเป็นผู้บริหารก็ดูได้หมด
เพราะฉะนั้นตอนนี้ก็คือ ทำการจัดการเอาธุลีละออง ตัวหมัดตัวเล็นออกไป ประชาชนจะเห็นว่าเราไม่ได้เห็นแก่ตัวหมัดตัวเล็นเหล่านั้น ควรทำอย่างยิ่งก่อนจะถึงเวลาสำคัญ ถ้าไม่เช่นนั้นไม่ปลอดภัยเท่าใดนะ พูดด้วยภูมิอาตมาด้วยความจริงใจปรารถนาดีอย่างจริงใจที่สุด บริสุทธิ์ใจ ไม่ได้ลำเอียงแม้แต่เข้าข้างพลเอกประยุทธ์ พูดเป็นสัจธรรมให้ฟัง ส่วนอิสระเสรีภาพ พลเอกประยุทธ์จะทำหรือไม่ก็ไม่ได้ บังคับบังคับไม่ได้ ไม่บังอาจไปละลาบละล้วง ก็ต้องขออภัยที่มันไปละลาบละล้วงอยู่บ้าง ก็ฟังด้วยภาษา แต่ใจจริงสะอาดบริสุทธิ์ปรารถนาดี
การเมืองตอนนี้เป็นสภาพหัวเลี้ยวหัวต่อ กำลังมีสภาพใหม่ขึ้นมา สภาพใหม่ที่มีเก่าปนอยู่จึงต้องจัดการให้ดีๆ ของเก่านั้นเรารู้หน้ารู้ตาอะไรมาแล้ว แต่สิ่งใหม่นี้เราก็พอดูได้ เพราะว่ามีประวัติมีหลักฐานอะไรต่างๆนานา ส่วนคนใหม่จริงๆที่สมัครเข้ามาแล้วเราก็ไม่รู้เลย ไม่มีหลักฐานอะไรที่จะไปพิสูจน์ อันนี้ต้องยกประโยชน์ให้จำเลย ก็ต้องปล่อยให้เข้ามาก่อน ส่วนที่รู้ชัดเจนก็ตัดสินได้
เพราะฉะนั้นในสิ่งที่อาตมาพูดวนไปวนมาซ้ำไปซ้ำมาอยู่นี่ ธรรมะบ้างการเมืองบ้าง มาถึงการเมือง ก็บอกให้ทราบเลยว่า ท่านที่จะทำงานการเมือง ท่านจะตั้งพรรคการเมือง ท่านไม่ต้องมาหาอาตมาหรอก เพราะอาตมานั้น อาตมา เอาเถอะ อยากจะมาหา ก็มาได้ ไม่ต้องมาเซ้าซี้อะไร เพราะอาตมาไม่มีอะไรมาก อาตมาไม่ได้มีพลัง ไม่ได้มีอะไรมากมาย จริงๆ มวลประชาชนของชาวอโศกก็ไม่มาก อิทธิพลก็ไม่มาก goodwill เขาก็ไม่ได้รับนับถืออะไรมากมาย มีทุนทางสังคมเท่านี้
ก็เอาเถอะ จะมาหวังพึ่งอาตมา เพื่อให้รู้หน้ารู้ตาว่า ผมจะตั้งพรรคการเมืองนะ ผมจะเข้าไปเท่านี้นะ อาตมาก็จะขอรับรู้ ไม่ปฏิเสธก็รับรู้ได้เท่านั้นแหละ คนสนิทกันบ้าง คนไม่สนิทก็จำได้น้อยหน่อย คนสนิทก็จำได้มากกว่า ส่วนจะช่วย อาตมาช่วยด้วยสัจธรรมทุกคนทุกพรรค ขอให้เป็นสัจธรรมขอเป็นเนื้อดีให้แก่มวลประชาชนให้แก่ประเทศชาติ อาตมาช่วยทุกพรรคทุกผู้ทุกนาม คุณไม่มาก็เท่ากับคุณมา คุณไม่มาแต่ทำการเมืองเพื่อประชาชนได้ดีจริง
๐๙.๐๐-๑๐.๐๐ น. ธรรมะก่อนฉัน เรื่อง บวรสะอาด ปราศจากผงชูรส อบายมุขและบริวาร โดย ส.แสนดิน ภูมิพุทโธ
ท่านสมณะแสนดิน ได้กล่าวถึงรายการวันก่อนที่คุณหมออมร ได้พูดถึงโทษภัยของผงชูรสและซอสปรุงรส ในวันนี้จึงได้นำเรื่องดังกล่าวมาเน้นย้ำอีกที โดยมีตัวอย่างของต่างๆ มาเป็นอุปกรณ์การแสดงธรรม เช่น ถั่วบรรจุซองปรุงรส สาหร่ายทอดบรรจุซอง เครื่องปรุงรสต่างๆ ฯลฯ การบริโภคโดยไม่รู้โทษภัยส่งผลต่อไต ถูกทำลายไปเรื่อยๆ จนคุณหมอต้องมาสอนวิชาตรวจไต เคาะไต แม้บางคนงดผงชูรสในอาหารแล้ว แต่อาหารอื่นๆ ก็มีผลไม่ต่างกัน ซึ่งท่านใช้คำว่า “บริวารผงชูรส” เช่น ถั่วปรุงรสต่างๆ ใส่ซอง ขนมกรุบกรอบ สาหร่ายซอง ฯลฯ
เด็กที่กินอาหารประเภทนี้ต่อมบางส่วนถูกทำลาย มีผลต่อสมอง จนเกิดโรคสมาธิสั้น คนยุคนี้เป็นมะเร็งกันมากก็มีผลจากของเหล่านี้ด้วย กินมากจนกลายเป็นการเสพติด ผงชูรสก็กลายเป็นสารเสพติด จนเกิดการคิดค้นยาทดสอบตามกระบวนการ โฮมีโอพาธี อาการหลายๆ โรค เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน มะเร็ง โรคไต เมื่องดผงชูรสและบริวารลง พบว่าบางรายจากที่จะต้องผ่าตัด ก็ไม่ต้องผ่า ท่านสมณะแสนดินจึงได้ชี้ให้เห็นว่านี่เป็นอบายมุข เป็นการเสพกามคุณ ๕ ถึงเวลาแล้วที่พวกเราควรจะยกระดับตนเอง ให้หลุดพ้นจากสิ่งเหล่านี้ เลิกเสพความชอบแบบจัดๆ เมื่อแต่ละคนช่วยกันงด บริวารหรือชุมชนั้นๆ ก็จะสะอาด ปราศจากอบายมุข ผงชูรส และ บริวาร
เรื่อง กำจัดขยะให้เหลือแต่ความจน โดย ส.กอบชัย ธัมมาวุโธ ท่านได้แนะนำตัวเอง และบอกว่างานพุทธาภิเษกฯ ครั้งนี้ ตรงกับวันเกิดของท่าน ๒ ต่อ คือ วันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ และวันมาฆะบูชา ทุกวันนี้ก็ช่วยดูแลสถาบันขยะวิทยาฯ ที่สันติอโศก ท่านได้ยกตัวอย่างเมืองไทเป เป็นเมืองสะอาดมากๆ ชาวบ้านมีการแยกขยะ ใส่ถึงมาใส่รถขนฃยะ จะไม่มีถังขยะตามที่ต่างๆ หากไม่นำมาตามเวลา ขยะนั้นจะตกค้างในบ้านของเขาเอง ที่ญี่ปุ่นก็มีการแยกขยะ ถึง ๔๕ ประเภท ชาวบ้านจะนำขยะมาที่สถานีรับขยะ บ้านเมืองจึงสะอาดมากๆ ขยะจึงสามารถนำมารีไซเคิลได้ถึง ๕๐ – ๙๐% เทียบกับเมืองไทย แม้จะพยายามแยกขยะโดยมีจุดแยกขยะไว้ให้ แต่ภายในกลับไม่ค่อยต่างกัน (คนไทยทิ้งขยะมั่ว) ถ้าต้นทางไม่แยกให้ดี ปลายทางจะทำงานยากมากขึ้นและเสี่ยงอันตรายมากขึ้น ถ้าแต่ละคนที่เป็นต้นทางช่วยกันแยกให้ดี ชุมชนก็จะสะอาดน่าอยู่ ที่ท่านเล่าๆ มา เป็นส่วนหนึ่งของรายการขยะวิทยา ๑๐๑ ของช่อง Thai PBS ซึ่งได้มาถ่ายทำที่ สถาบันขยะวิทยาฯ สันติอโศกด้วย แต่ท่านรู้สึกว่าเรายังมีส่วนที่น่าอายอยู่ เพราะเขาโชว์เราเพียงการบริหารจัดการขยะที่ไปรับบริจาคมาเท่านั้น ไม่ได้โชว์ว่าชุมชนสะอาด การแยกขยะจากต้นทางของชุมชนยังไม่ดีพอ ทั้งๆ ที่เรามีรายการรณรงค์ออกสื่อทีวีของเรา (รายการดินอุ้มดาว) แต่จิตสำนึกของเราก็ยังไม่ดีพอ จริงอยู่ที่เรามีแรงงานน้อยจึงทำให้การทำงานไม่ทั่วถึง จนแม้แต่บกพร่องในการต้อนรับผู้ที่นำของมาบริจาค แต่ถ้าแต่ละคนใส่ใจที่ต้นทาง ปลายทางก็จะเบาภาระมากขึ้น มูลค่าของขยะก็จะมีมากขึ้น โดยเฉพาะถ้าแต่ละคนลดการผลิตขยะได้ ก็จะยิ่งดียิ่งขึ้น ความน่าอยุ่ของชุมชน เป็นความอบอุ่นภายใน เรามีการเกื้อกูลกันบ้างหรือไม่ เช่น การดูแลผู้ป่วย ผู้บกพร่อง ผู้อายุยาว สิ่งเหล่านี้จะทำให้เราอยู่กันอย่าง อบอุ่น อยากให้ชุมชนดีทั้งรูปและนาม คือเรื่องขยะ
๑๒.๐๐ – ๑๓.๐๐ น. ธรรมะบนกระดาน
๑. บริเวณใต้ตึกเรียนสัมมาสิกขา โดย สมณะฟ้าไท สมชาติโก
๒. บริเวณสวนสาระ โดย สิกขมาตุผาแก้ว ชาวหินฟ้า
๓. บริเวณศาลางาน ชั้น ๔ โดย สมณะเสียงศีล ชาตวโร
๑๔.๐๐ – ๑๖.๐๐ น. รายการภาคบ่าย
อ.๑ สมณะบินบน ถิรจิตโต, สมณะเพาะพุทธ จันทเสฏโฐ, สิกขมาตุกล้าข้ามฝัน อโศกตระกูล
สมณะเพาะพุทธ จันทเสฏโฐ พูดถึง งานพุทธาภิเษก งานปลุกเสก ครั้งแรกๆ จัดที่ศรีษะอโศก แล้วมาจัดที่ศาลีอโศก จนปัจจุบันนี้ ก็มาจัดที่ปฐมอโศก พ่อท่านเคยกล่าวไว้ว่า “ดินงาม น้ำใส ลิมพลิ้ว วิวสวย รวยน้ำใจ มีไฟทำงาน เบิกบานในธรรม” ท่านบวชเณรที่ปฐมอโศก อยู่ที่ปฐมอโศก ๓ ปี บวชปี ๒๕๒๘
เป็นสมณะรูปแรก มีสมณะซาบซึ้ง บวชที่ปฐมอโศกด้วย แต่ท่านก็ใช้ชีวิตที่ปฐมอโศกน้อย จากนั้นก็ไปอยู่ที่ศรีษะอโศก พยายามจะไม่อยู่ในเมือง เคยเดินบิณฑบาต ที่สันติอโศก แล้วปวดหัว พอจิตไม่รับ ก็ไม่เอา ไปอยู่ที่ศรีษะอโศก ๒ ปี อยู่ศาลีอโศก ๓ ปี อยู่ปฐมอโศกไม่ถึงปี ทำงานวิทยุที่ปฐมอโศก การทำงานหลายเรื่องก็เป็นไปตามเหตุปัจจัยไม่ได้เป็นไปตามใจเรา ไม่ได้อยู่เพราะอยากอยู่ แต่อยู่เพราะต้องอยู่
สมณะบินบน ถิริจิตโต ว่า อยู่เพื่อความเจริญในธรรม และได้ฟังรายการวิทยุที่ท่านจันทร์จัด
สมณะเพาะพุทธ พูดถึงเรื่องจิตยินดีในการรับฟัง คำติเตียน ใครมาตำหนิติเตียนเรา เราจะซาบซึ้งมากเลย พ่อท่นว่า เค้าติถูกก็มาตรวจสอบตน เค้าติผิดก็เอามาสอนตน ได้มาตรวจสอบจิตใจเรา ถ้าถกเถียงกัน คนไหนโกรธผิด แนวทางการปฏิบัติ มีความรู้สึกเป็นสุข เข้าถึงความจริงในความเป็นจริง ไมได้เอาตามความเป็นใจ ไม่ต้องตั้งคำถามว่า ทำไมให้ทำใจ ทำใจให้ยอมรับความจริงตามความเป็นจริง
สิกขมาตุกล้าข้ามฝัน อโศกตระกูล ผู้มีอิสระจริง ยิ่งไม่เอาแต่ใจ รู้จักใจตน เราต้องคบสัตบุรุษให้สมบูรณ์ คบอย่างไร นำสิ่งที่ท่านสอนมาปฏิบัติ ปฏิบัติตามหมู่กลุ่มของท่าน จัดสรรตัวเอง ที่มันดื้อ คือ กิเลส คบสัตบุรุษ ต้องเลิกกินผงชูรส และบริวารของผงชูรส อันนี้ขั้นปริยุฏฐานกิเลส ทำกำหนดหมายใหม่ ถวายใส่บาตรก็ไม่กิน ตั้งใจเปลี่ยนแปลง ตั้งใจเลิกก็ช่วยกันพูดถึงโทษภัย ต้องไปประชุม ทางโรงครัว ประชุมแม่ครัว ประชุมคนที่ชอบกินอร่อยๆ เลื่อนฐานไปสู่ปริยุฏฐานกิเลส ขั้นกามคุณเลย เรามีเจตนากำหนดหมายจะได้เห็นอารมณ์ความติดยึด การใส่บาตรก็ใส่กล้วย ข้าวต้มมัด อาหารใส่บาตรก็เยอะ ร่างกายเราก็จะได้ไม่ปวดไม่เมื่อย นี่ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง ทำประโยชน์ท่าน ก่อนประโยชน์ตน ทำงานอ่านใจ เรื่องที่จะตัด ก็ต้องเคร่งครัดส่วนเรื่องที่ตัดได้แล้วไม่ต้องเคร่ง เราไม่ได้ไปชุมนุม เราก็ทำเพื่อประเทศไทย เลิกผงชูรสและบริวาร ช่องไหนไม่ออก ช่องบุญนิยมทีวีก็ออกบ่อยๆ คุณโจน จันได ว่า อาหารที่มีรสเดียว ทั่วโลกมักมีสารก่อมะเร็ง ถ้าเลิกได้ ไม่ต้องเป็นมะเร็ง แล้วไปฉีดคีโม เข็มละแสนสี่ แสนห้า แต่ก็รอดยาก เราทำให้เป็นความจริงของโลก ทำให้เป็นรูปธรรมบ้าง ปีนี้ตลาดอาริยะ ลดการขายน้ำตาลลงกึ่งหนึ่ง ลดน้ำมันลงกึ่งหนึ่ง ไม่ยึดมั่นถือมั่น สุขทุกข์ เพราะยึด ยึดอุตุ ยึดพีชะ ยึดไปหมด เราทำแค่นี้ก็ได้แค่นี้
กาย บริหารกาย ก็เป็นประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน ปฏิบัติธรรมก็อ่านใจในใจ ทำใจให้เป็นหนึ่ง เป็นเนกขัมมะ เพ่งเผาถ่ายทอดตนรู้ความจริง การอยู่คนเดียว รู้ช้า การอยู่กับหมู่ รู้เร็ว เอาแบบคูณ ยินดีเยอะ อนุโมทนาเยอะ อ่านใจเยอะ เป็นประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน
๑๘.๐๐ ข- ๒๐.๐๐ น. น.รายการภาคค่ำ พ่อครูเทศน์กัณฑ์พิเศษ วันมาฆะบูชา….
พ่อครูว่า…วันนี้เป็นวันพฤหัสบดีที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๑ ที่บวรราชธานีอโศก ในงานพุทธาภิเษกฯ จะเอาวันมาฆบูชาเป็นหลักเสมอ ปีนี้ตั้งใจจะเทศน์ถึงการอภิบาลบ้านเมือง
อธิปไตยเป็นความใหญ่ยิ่ง ที่หมายถึงพลังงานจิตวิญญาณมนุษย์
อธิปไตยจะเกิดได้ ผู้บริหาร รัฐบาลจะต้องดูแลอภิบาลประชาชน แล้วประชาชนจะให้อำนาจรัฐบาลให้ขึ้นมาบริหารปกครองบ้านเมือง ถ้าหากปกครองบ้านเมืองได้ดี ประชาชนก็จะยกอำนาจอธิปไตยให้ แต่เข้าใจผิดว่าผู้ได้รับเลือกจากประชาชนไปเสร็จ เขาได้รับอธิปไตยเลย ได้อำนาจปกครองได้เป็นใหญ่ ได้เลยเมื่อเขาได้รับการเลือกตั้ง คือที่จริงแล้วประชาชนเลือกเข้าไปบริหาร ให้ไปทำการอภิบาล ถ้าหากอภิบาลเป็นธรรมเรียกว่าธรรมาภิบาล ประชาชนก็จะ ยกอธิปไตยให้ เป็นธรรมาธิปไตย
หากเขาหาเสียงเก่งประชาชนก็เลือกเข้าไป เป็นรัฐบาลที่สมัคร ยังไม่ได้อภิบาลไม่ได้ปกครองไม่ได้ทำงานเลย สมัยพระพุทธเจ้าไม่มี สมัยนี้ถึงมีลัทธิเลือกตั้ง ซึ่งต้องอภิบาลก่อนจึงจะเกิดอธิปไตย แต่อันนี้พอเลือกตั้งได้แล้วก็มีอำนาจเลย แล้วถือเป็นอำนาจบาตรใหญ่ด้วย เสร็จแล้วก็ใช้อำนาจบาตรใหญ่นั้นไปปกครอง นี่คือความสับสนของสัจธรรม
เอาลองฟังกวีดู
“อธิปไตย”จักเกิดจาก“ธรรมาภิบาล”
(1) อ่านพุทธประวัติต้อง แตกฉาน
จับแก่น“ธรรมาภิบาล” แม่นได้
“ธรรมาธิปไตย”ขาน กันอีก คำแฮ
แจ้งชัดสัจจะไซร้ ต่างขั้นกันไฉน
(2) “อธิปไตย”อำนาจนี้ คือพลัง
โลกิยะหลงกันจัง ชอบสร้าง
“ใส่ตน”ทุกเล่ห์หวัง “อำนาจ..
..บาตรใหญ่”ใน“โลก”กว้าง เก่งด้วย“อัตตา”
(3) แต่“ธรรมา”นั้นแตก ต่างนัย
ทั้ง“อภิบาล-อธิปไตย” *วิกัติล้ำ
สำคัญสุดขานไข รู้ยาก ยิ่งแล
ปุถุชนถูกกิเลสขย้ำ อสัตย์ล้วนเลวลึก
(4) หากศึกษา“โลก”ทั้ง “อัตตา”
โลกุตระ-โลกิยา แยกได้
จึ่งชัดทุก“ธรรมา” ตามพุทธ ศาสตร์แฮ
ว่า“อธิปไตย”นั้นไซร้ จากผู้“อภิบาล”
(5) อย่าพาลสร้าง“อำนาจ”ไสร้ ใส่“ตน”
ประชาชาติแต่ละคน จักให้
แก่เราที่เขายล เป็นสิทธิ์ ประชาเอง
หน้าที่เราใช่ใช้ “อำนาจ”ล้น“ตนมี”
(6) ที่แท้ต้อง“รับใช้ ปวงชน”
“อธิปไตย”ถ้าคน อยากได้
อ่อนน้อมถ่อมตัวตน เสียสละ แท้เทอญ
หาก“อภิบาล”วิสุทธิ์ให้ วิศิษฏ์แล้วจริงเลย
(7) คนไทยเคยสัมผัสซึ้ง ตรึงตรา
จริยวัตรพระราชา ที่เก้า
“อภิบาล”สุดวิเศษหา ใดเปรียบ ได้ฤา
เกิด“อธิปไตย”ผ่านเผ้า เทิดเกล้าคนสยาม
“สไมย์ จำปาแพง” 28 ก.พ. 2561
[*วิกัติ=ชนิด,อย่าง;การประดิษฐ์ทำ;การจัดทำให้เป็นแบบต่างๆ]
[นัยปก “เราคิดอะไร” ฉบับ 332 ประจำเดือนมีนาคม 2561]
พ่อครูว่า…รัฐบาลจะเกิดได้ เริ่มต้นให้ประชาชนเลือกตั้ง แต่คนจะไปเป็นต้องสมัครเข้าไป เพราะคนมากมายจะจัดการเก็บคะแนนก็เลือกกันทั่วประเทศไม่ไหว ก็เลยมีวิธีจัดการ ออกกฏเกณฑ์ในการเลือกตั้ง เป็นกฎหมายเลือกตั้ง จนเป็นวิธีการในแต่ละประเทศ หลักการรายการแผกแตกต่างกันไปเล็กๆในน้อย สรุปแล้วก็จะได้ ผู้บริหารที่ประชาชนไปหย่อนบัตรเลือกตั้ง โดยการหาเสียง เลือกฉันนะๆๆ ซึ่งเมื่อเริ่มต้นหาเสียงก็ไม่ใช่ประชาธิปไตย การหาเสียงไม่ใช่ประชาธิปไตย
วันศุกร์ ที่ ๒ มีนาคม ๒๕๖๑
๐๓.๓๐ น. อ.๑ (สมณะบินบน ถิรจิตโต) นำสวดมนต์
๐๔.๐๐ น. พ่อครู แสดงธรรมเรื่อง ตอบปัญหาพาจนอย่างมี สัมประสิทธิ์ 1
_คำถามจากคุณไนท์ เพียงธรรม…
1.ปัจจัยที่ทำให้เกิดสัมมาทิฏฐิ คือ ปรโตโฆสะและโยนิโสมนสิการแล้ว อย่างการพัฒนาจนเกิดอัญญะ นำไปสู่พระอาริยะ ต้องมีกระบวนการอย่างไร อะไรเป็นลำดับที่เกิด เป็นสัมประสิทธิ์
พ่อครูว่า…ปัจจัยที่ทำให้เกิดสัมมาทิฏฐิ ฟังดีๆนะ
ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เกิดสัมมาทิฏฐินั้น คือ สัตบุรุษเป็นเหตุปัจจัยสำคัญ ถ้าไม่ได้ฟังจากสัตบุรุษ หรือผู้ที่มีสัมมาทิฏฐิมาก่อน คุณไปฟังเอาคนไม่สัมมาทิฏฐิ คุณจะฟังให้ตายก็ไม่สัมมาทิฏฐิเกิดได้ เพราะฉะนั้นปัจจัยสำคัญที่จะเกิดสัมมาทิฏฐิได้ คุณจะต้องพบตามข้อที่ 10 ของพระพุทธเจ้า ต้องพบ จึงจะอธิบายโลกนี้โลกหน้า อัตตา ชีพคืออย่างไร สรีระคืออย่างไร ในอันตคาหิกทิฏฐิ ถ้าไม่พบสัตบุรุษจะไม่สามารถรู้ ชีพคืออย่างไร สรีระคืออย่างไร โลกคืออะไร อัตตาคืออะไร คุณได้ฟ้งก็รู้นะว่า คืออะไร คนอย่างนี้หรือคือสัตบุรุษ เข้าใจเรื่องโลก เข้าใจเรื่องอัตตา เข้าใจเรื่องชีพ เข้าใจเรื่องสรีระ หรือยิ่งเข้าใจเรื่องกาย สรีระส่วนไหนเป็นกายไม่ใช่กาย หรือกายคืออย่างไรแท้ๆ กายคือทั้งรูปทั้งนาม มีทั้งนอกและใน ถ้าไม่มีรูปไม่มีนาม ไม่มีกาย มีกายคือมีรูปและมีนาม มีแต่รูปเฉยๆไม่มีกาย มีแต่นามเฉยๆไม่มีกาย มีแต่จิตเฉยๆไม่มีกาย จนรูป 28
กายปัสสัทธิ กายปาคุญญตา กายกัมมัญญตา กายกลิ สภาวะคืออะไร ก็พอเข้าใจ ที่พูดไปนี้บางคนอาจจะบอกว่าไม่รู้ ฟังมาขนาดนี้ยังไม่รู้เท่าไหร่ที่พูดมา มันแปลว่าอะไร กายกลิคืออะไร กายปาคุญญตาคืออะไร แต่บางคนบอกว่ารู้แล้วฟังมาแล้วเข้าใจ หากเข้าใจดี ว่าเรามีแล้ว กายกลิ กายปาคุญญตาคือ ความแคล่วคล่องของเวทนา สัญญา สังขาร หมวดเวทนา สัญญา สังขารยิ่งจะแคล่วคล่องว่องไวยิ่งขึ้น
กายกัมมัญญตา ก็ยิ่งทำงานเลย ทำงานได้ดี ได้เหมาะควร ด้วย เวทนาสัญญาสังขารมันเป็นตัวตั้ง เป็นตัวประธานไปจัดการงาน เพราะเป็นกายปาคุญญตาแล้ว เป็นกายกรรมวจีกรรมก็ยิ่งเหมาะควรถูกต้องดีงามใหญ่เลย เพราะว่ามันรู้จักการจัดการกับกิเลส หรือแม้กิเลสยังไม่หมดก็ควบคุมสมถะไว้ อย่าให้กิเลสออกไปทำงาน มันบาป มันจะมีภูมิปัญญาที่สามารถจะเป็นคนดีมีกายกรรมวจีกรรม นั่นคือทิฏฐิแรกต้องพบสัตบุรุษ
ปัจจัยที่ทำให้เกิดสัมมาทิฏฐิที่ท่านบอกก็คือ ต้องมี ปรโตโฆสะ กับโยนิโสมนสิการ แล้วจะพัฒนาจนเกิดอัญญะอย่างไร เป็นอิทัปปัจยตาอย่างไร เพราะได้ฟังได้พบสัตบุรุษแล้ว ก็จะเกิดความเข้าใจถึงขั้น ปรโตโฆสะ คือยินดีรับฟังคำสอนคำกล่าว อันต่างจากที่เคยรู้มาแล้ว เรียกว่า ปรโตโฆสะ ได้ยินได้ฟังสิ่งที่ไม่เคยได้ยินได้ฟัง เป็นอย่างอื่น อัญญะ
คำว่า ปร แปลว่าอื่น อัญญะก็เแปลว่าอื่น อัญญะก็เป็นอื่นที่หมายถึงตัวธาตุความรู้ อัญญธาตุ เป็นธาตุรู้เลย เมื่อได้ฟัง อัญญะเป็นความรู้แล้วเราก็ชัดเจนขึ้นมา ใครก็ตามพวกคุณได้ฟังธรรมะอาตมา ได้ฟังธรรมแล้วเกิด อัญญธาตุ ฟังไปแล้วก็จะรู้ว่า ฟังจากอาจารย์อื่นๆกับฟังที่อาตมาอธิบาย มันต่างกัน ความต่างมันมีความต่างแล้ว ลึกกว่า อ๋อ อาตมาบอกว่ามันมีโลกุตระนะ แล้วคุณก็มีปฏิภาณแยกความเป็นโลกุตระ ที่มันมีความหมายความรู้ที่ได้รับฟังจากอาตมาไป มันไม่เหมือนจากที่ได้ฟังจากอาจารย์อื่นๆ ที่ไม่มีอัญญะ ไม่มีความเป็นอื่นจากโลกีย์ อย่างนั้นมันเป็นโลกีย์อย่างนี้เอง แม้แต่ความเป็นโลกที่เขาอธิบายมามีแต่ความเป็นโลกโลกีย์ พอมาฟังอาตมา มีโลกโลกุตระด้วยนะ มีความหมายที่ต่างไป ลิงคะ มีความแตกต่างเป็นอีกอย่างหนึ่งชัดเจนขึ้น โลกุตระเป็นเช่นนี้ เช่น แม้แต่ทานข้อที่ 1 มิจฉาทิฏฐิคือสัมมาทิฏฐิ เขาไม่ได้อธิบายกันเลย ไม่ได้เป็น อัตถิทินนัง เป็นแต่นัตถิทินนัง อธิบายการทานมีแต่อยากได้ๆ มีภพชาติมีวิมาน สวรรค์ มาฟังโพธิรักษ์อธิบาย ทานก็อย่าไปมีจิตสาเปกโข หวังสวรรค์ก็ได้นรกอย่างนี้ มันต่างกันอย่างนี้ คุณก็ได้ฟัง ปรโตโฆสะ มีอัญญะ คุณก็เกิด จนอธิบายถึงขั้นทำอย่างนี้นะ ทำใจในใจอย่างนี้นะ ถ้าทำทานจะต้องทำใจ อย่าให้มันเป็นอยากได้ภพชาติ อย่าให้จิตมันมีอะไรต่อ ทานก็คือให้แล้วจบ คุณก็ทำใจของคุณ หัดทำ มนสิการ การทำใจในใจ ท่านแปลกันทั่วไปของศาสนาพุทธ แปลโยนิโสมนสิการว่าการพิจารณา จงพิจารณาให้ถ่องแท้ ไม่ได้แปลมนสิการว่าการทำใจในใจ ถ่องแท้ คือโยนิโสฯ ถ่องแท้ละเอียดลออ แยกกาย หรือลงไปถึงที่เกิด ละอียดจนกระทั่งถึงจุดกำเนิด ตัวต้นทางพาเกิด มันมีตัวการที่พาเกิดคือกิเลส ถึงขั้นนั้นเลย เพราะฉะนั้นผู้ที่ได้ฟังแล้วก็นำไปสู่ความเป็นพระอาริยะได้ มันก็มีกระบวนการ
จะต้องมีกระบวนการอย่างไร อะไรเป็นสำคัญที่เกิดเป็นสัมประสิทธิ์ เมื่อคุณฟังจากอาตมาไปแล้ว กระบวนการความรู้ กระบวนการความเข้าใจ ในจิตของคุณ มันก็เกิดการสังเคราะห์ปรุงแต่งเป็นอภิสังขาร แทนที่ฟังแล้วจะเข้าใจเป็นเหมือนก่อน กระบวนการในจิตคุณก็เกิดการสังเคราะห์สังขารกันในจิต คุณจะไม่ปฏิบัติเหมือนเดิม แต่ก่อนเราไม่มีความรู้ความเข้าใจในจิตเจตสิกของเราเลย ถ้าใครฟังแล้ว จะเข้าใจจิตเจตสิก บางคนไม่เข้าใจภาษาสภาวะ ฟังไม่ถูกฝาถูกตัว แต่เอาสภาวะนี้ไปใส่ พยัญชนะนี้ ทำใจไม่เป็นไม่ค่อยถูก แต่คุณเข้าใจแล้วก็ไปจัดการจิตของคุณ โดยไม่ต้องเอาภาษาไปใช้ แต่คุณก็เข้าใจ คุณจะทำใจในใจได้ ทำใจในใจเป็น ทั้งที่จำภาษาไม่ได้ แต่เข้าใจ อย่างทำอย่างนี้ เวลาทำทานแล้วแต่ก่อนมันจะต้องเอาแต่สวรรค์ ตั้งสวรรค์ใหญ่มาก เอา 7 ชั้นเลย นั่นยิ่งกิเลสหนาอีก 7 ชั้นเลย ที่จริงสวรรค์มี 6 ชั้นเอง ไปตั้งภพชาติใส่จิตทั้งนั้นเลย
คุณได้ฟังอาตมาพูด เหมือนที่เคยได้ยินได้ฟังอาจารย์ไหนๆสอนหรือไม่ จบเปรียญ 9 เขาก็ไม่พูดอย่างนี้เลย อาตมาสอนนอกตำราหรือ อาตมาว่าสอนในตำรา แต่คนจบเปรียญ 9 ดร. หยิบมาอธิบายอย่างอาตมาไม่ได้ อาตมาก็อ้างอิง สัมมาทิฏฐิ 10 มีในพระไตรปิฎกแต่เขาอธิบายไม่ได้ นี่เป็นเครื่องส่อแสดงไม่แตกฉานในธรรมะพระพุทธเจ้า
อะไรเป็นสำคัญที่เกิดเป็นสัมประสิทธิ์ ความเข้าใจนั้น ความเข้าใจนั้นแล้วคุณเอาไปทำออกไปฝึกฝน อัตราก้าวหน้าคืออธิ คือความก้าวหน้าเจริญ การมีอัตราการเจริญก้าวหน้าขึ้น เรียกว่าเป็นสัมประสิทธิ์ เมื่อมันได้ต้นทุนต้นแบบการสังเคราะห์สังขาร หรืออภิสังขารเป็น เอาไปปฏิบัติก็จะยิ่งเป็นปุญญาภิสังขาร แต่ก่อนนี้ไม่เคยรู้เรื่องไม่เคยมีสัมมาทิฏฐิไม่รู้จักกิเลส จะให้กิเลสลด พิจารณาอย่างนี้อ่านจิตอย่างนี้เจตสิกอย่างนี้ อาการของกิเลส กิเลสมันก็มาหลอกเรา กิเลสมันไม่ใช่ตัวตนหรอก เราพิจารณาเสมอ มันอนิจจัง มันตัวเหตุแห่งทุกข์ เป็นตัวการ ข้ายึดว่าเป็นข้า เป็นตัวตนของข้า เป็นตัวข้า มานานแล้ว เอ็งอย่าเลยเอ็งเป็นอาคันตุกะ เป็นแขกจรมาสิงสู่ในจิตข้า คุณพิจารณาอย่างนี้เสมอๆ กิเลสมันจะค่อยจางๆๆๆ พิจารณาจริงๆ สัมผัสแล้วเกิดรู้ อาการกิเลสนั่นแหละ ก็พิจารณามัน มันจะเป็นอัตโนมัติขึ้นเรื่อยๆ ไตรลักษณ์ มันจะพิจารณาเป็นอนิจจัง
ความรู้ที่รู้อนิจจัง คือจิตของคุณจะค่อยๆซึมซับ ว่าอย่างนี้คือความไม่เที่ยง กิเลสมันไม่ได้อยู่กับความเที่ยงแท้ กิเลสตัวใดตัวหนึ่ง มันเกิดขึ้นมาที่คุณแล้ว เช่น คุณสัมผัสส้มโอ กิเลสขึ้น แล้วกิเลสมันเกิดอยู่มันก็มีอยู่ตลอดกาลนานเลย ไม่หายไปเลยหรือเปล่า มันก็ไม่อยู่ มันก็มาชั่วระยะเวลาหนึ่ง แม้จะดูว่ามันจะนานตอนแรก ดีจังเลยอยากได้จังเลย ดูไปดูไปมันก็ไม่ได้มีความอยากได้อย่างเก่า แม้ว่าอยากได้ มันไม่ใช่ของเรา ขอซื้อเขา เขาก็ไม่ให้ เราอยากได้ทำไมไม่ขาย ให้ราคาแพงเลย เขาขายก็ได้ ไม่ขายก็ไม่ได้ ก็เสียใจ กิเลสมันก็เสียใจ กิเลสมันก็ไม่เที่ยง มันก็หยุดไป นี่คือการขยายความให้ฟัง กิเลสมันก็คือบทบาท เหตุปัจจัย เสร็จแล้ว กระบวนการที่มันเกิดเมื่อกี้นี้ทั้งหมดคือทุกข์ คือกระบวนการของทุกข์ มันมีเหตุก็คือกิเลสตัณหา ขอซื้อแล้วไม่ได้ดั่งใจหวังก็เป็นทุกข์ ไม่ชอบใจ ไม่สบายใจ ถ้าได้ก็ดีใจ ขึ้นสวรรค์ ไม่ได้ก็ลงนรก ก็มีสวรรค์มีนรกอยู่อย่างนั้น ใครเคยบ้างยกมือซิ (ยกมือกัน) แสดงว่าฟังธรรมะเข้าใจ รู้ดีว่ามันเป็นอย่างนี้เอง เคยๆมีกันทั้งนั้น เราก็แก้ไขว่าไม่ต้องอะไรกับมัน สัมผัสส้มโอลูกกลมๆ ลูกนี้ ลูกโต ลูกเล็ก รู้ความจริงตามความเป็นจริงข้างในมันจะเป็นอย่างไร รสมันเป็นอย่างไร รู้ความจริงตามความเป็นจริงก็เท่านั้นเองตามความเป็นจริงที่เราสัมผัสมัน ถ้าหากชิมแล้วตรงกับ specification มันหวานมันชอบ หรือว่าชิมแล้ว ไม่ตรงกับ specification ก็ไม่ชอบ ก็ตกนรกขึ้นสวรรค์ อย่างนั้นเอง อาตมาอธิบายโลกสวรรค์โลกนรกโลกมนุษย์ให้คุณเข้าใจ นี่คือผู้ที่เป็น เย อิมัญจโลกัง ปรัญจโลกัง สยังอภิญญา ด้วยความรู้ของอาตมาเอง
ก่อนฉัน ๒ มีนาคม ๒๕๖๑ รายการ อันซีนพ่อครูฯ ส.เดินดิน ติกขวีโร, ส.แสนดิน ภูมิพุทโธ
รายการนี้เป็นรายการนำเสนอในสิ่งที่ปกติญาติโยมหรือแม้สมณะทั่วไปไม่ได้พบเห็นเกี่ยวกับพ่อครู สมณะโพธิรักษ์ ยกเว้นคณะปัจฉา ฯ ของพ่อครู ซึ่งทั้ง ส.เดินดิน และ ส.แสนดิน ต่างก็เป็นปัจฉาฯของพ่อครู เริ่มจากการพูดคุยถึงสุขภาพของพ่อครูฯ การลดการเดินทาง มีผลทำให้สุขภาพของพ่อครูเสถียรยิ่งขึ้น เพราะสามารถควบคุมตัวแปรต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น เช่นการดื่มน้ำ มีการนำประเด็นที่บุคคลภายนอกท้วงติงพ่อครู (หรือแม้แต่ติติง) นำมาเฉลย เช่น การอวดตัวอวดตนเกินไปหรือเปล่า? มีการเท้าความถึงสมัยแรกๆ ที่พ่อครูเปิดเผยอุตริมนุสธรรม จนถึงยุคนี้ ยุคปัจจุบันเป็นยุคค้นหาพระโสดาบัน การถามหรือตอบ สำคัญที่เจตนาว่ามีจุดมุ่งหมายอะไร หลายคนก็ยังคลาดเคลื่อนเรื่ององค์ประกอบหรือเหตุปัจจัย ที่จะเป็นพระโสดาบัน มักไปกำหนดที่รูปมากกว่านาม ทำให้เข้าใจผิด เช่น เข้าใจว่า การนอนเพียงวันละ ๔ ชั่วโมง จะเป็นคุณสมบัติของพระโสดาบัน เมื่อมีใครดึงดันในทิฏฐิของตน พ่อครูฯ ก็จะเปิดโอกาสให้แสดงทิฏฐินั้นๆ เมื่อเห็นว่า ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง แก้ไขอะไรได้ ก็จะเปลี่ยนให้เป็นไปตามทิฏฐินั้นๆ ของเขาด้วยถ้อยคำที่นุ่มนวล พ่อครูมักยอมตามผู้อื่น โดยไม่ยึดภพภูมิใดๆ
มีการนำเสนอคลิปแรกที่ชื่อว่า “กินบุญเก่า” ซึ่งก็คือการไร้สมบัติอันเป็นกุศลของตนไปเรื่อยๆ การใช้ภาษากับผู้อื่นก็ต้องเน้นการสื่อให้เขาเข้าใจได้ ทุกวันนี้พ่อครูไม่ค่อยกลัวลูกศิษย์ไปนรก – สวรรค์ เพราะสอนไปหมดแล้ว การอยู่ใกล้พ่อครูก็เป็นเหมือนดาบสองคม เพราะทุกวันนี้พ่อครูไม่ค่อยขัดเกลาใคร แม้จะได้อยู่กับแหล่งธรรมะที่ดีที่สุด แต่บางคนก็ไม่ค่อยกล้าบอกกล่าวขัดเกลา หลายครั้งที่พ่อครูบอกกล่าวก็ไปแปลความผิด แปลเจตนาผิด แล้วก็ไปอ้างคำพูดของพ่อครูฯ มีการวิเคราะห์ถึงคำว่า บุญหู – กุศลหู งานบุญ – งานกุศล เอาชีวิตแลกบุญ – เอาชีวิตแลกกุศล ฯลฯ
ตนเป็นคนจนแล้ว ต้องให้จนอย่างมีสัมประสิทธิ์ด้วย ระวังอย่าให้เป็นจับกังแบกลังทอง มิตรดี สหายดี คือประโยชน์จากลังทอง ที่สุดคือเฉลยถึงคำว่า “สายตรงพ่อครู” เป็นเช่นไร พึงปฏิบัติอย่างไร จึงจะได้ประโยชน์ทั้งประโยชน์ตน และ ประโยชน์ท่าน
๑๒.๐๐ – ๑๓.๔๕ น. รายการธรรมะบนกระดาน
๑. บริเวณตึกเรียนสัมมาสิกขา โดย สมณะฟ้าไท สมชาติโก, สมณะโพธิสิทธิ์ โพธิสิทโธ
๒. บริเวณสวนสาระ สิกขมาตุรินฟ้า นิยมพุทธ
๓. บริเวณศาลางาน ชั้น ๔ โดย สมณะเสียงศีล ชาตวโร
๔. บริเวณศาลาวิหาร มีการประชุม แม่ครัว ผู้ทำซีอิ๊ว เน้นการไม่ใช้เครื่องปรุงรสที่มีผงชูรสและบริวาร มีสมณะ ๒ รูป สิกขมาตุ ๔ รูป นำโดย สมณะลือคม ธัมมกิตติโก
๑๔.๐๐ – ๑๖.๐๐ น. รายการภาคบ่าย “ร่วมฉลอง ๘๔ ปี สิ่งที่ชาวอโศกควรปฏิรูป” โดย สมณะเดินดิน ติกขวีโร, สมณะฟ้าไท สมชาติโก, สมณะถักบุญ อาจิตปุญโญ, สิกขมาตุกล้าข้ามฝัน อโศกตระกูล, สิกขมาตุผาแก้ว ชาวหินฟ้า, คุณในน้ำคำ มาจน, คุณหนู(รัชนี) สขจ.
สมณะเดินดิน ติกขวีโร ปีนี้ชาวอโศกต้องเพิ่มสัมประสิทธิ์ให้กับตนเอง พ่อครูก็ได้ผ่านมา ๑ นักษัตรแล้ว ๗๒ – ๘๔ พวกเราไม่ต้องลุ้นกันเท่าไร พ่อครูมีปัญหาเรื่องทางเดินหายใจ แต่ก่อนพ่อครูทำงานจนหมอจีนว่าทำงานจนตับทรุด จาก ๗๒ – ๘๔ ผ่านจริงๆ จาก ๘๔ นี่สำคัญ เมื่อคืนอาตมาก็พยายามระวังพ่อครูไม่ให้โหลด หากโหลดหอบหืดก็จะตามมา เมื่อคืนพ่อครูว่าดูถูกท่านมากไป พ่อครูว่าท่านแข็งแรง ปีที่ ๘๔ ไปหา ๙๐ ให้ชาวอโศกช่วยกันให้เป็นปีที่ สุขสำราญเบิกบาน ใจ คิดให้สวยงามอย่างไรก็ได้ องค์ประกอบอันแรก หน้าจะเป็นรัตนราชธานี มีงานเพื่อฟ้าดิน งานตลาดอาริยะ งานอโศกรำลึก ปีนี้เป็นปีที่พ่อครูไม่อยากเดินทาง ส่วนงานปีนี้สันติอโศกจะมาเป็นเจ้าภาพ ปรารภกันว่าตอนในหลวงสวรรคต เราเดินทางลำบาก พวกเรายังเดินทางมาเลย พ่อครูตั้งใจสร้างเสนาสนะ มีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง
คุณในน้ำคำ มาจน ถ้าใครไม่ได้ไปบ้านราชมา ๑๐ ปี ที่ผ่านมาคงหลงแน่ๆ ภายในรัตนราชธานี รอบในมีบ้าน รอบๆชุมชนมีลำธาร มีลานสะโพธิ์ เรือไฟฌาน เมื่อวานนี้ปลูกต้นโพธิ์ ๗ ต้น มีน้ำตกผาแหงน มีน้ำโตน น้ำโตนจะตกลงมาจากชั้นบนสุด ซึ่งสูง ๓๒ เมตร แก่นตำอิฐ หลังโฮงปัว สร้างแก่นติดรามไปทางถนนนาคำ ของแก่นสามใส หมูบ้านเฟส ๒ มีหาดทรายริเวอร์ราช ตรงเฮือนสุดชีวิต มีแก่นใครใหญ่ ตรงเรือสมณะเด่นตะวันหลังโสเหล่ แก่งไทบ้าน มี ๔ น้ำตก น้ำตกแดนน้ำริน น้ำตกผาแหงน น้ำตกแก่งไทบ้าน น้ำตกแมนน้ำริน, หมู่บ้านเฟส ๑ แปลงกสิกรรม ๑/๑ กับ ๑/๒ บ้านในชุมชน มีเรือเรือนที่สวนสองโภค มีเรือ ๖ ลำ เรือสวยทุกลำเลย เรือบ้านราชฯ เป็นโซนเฮาส์ ซิตเฮ้าส์ แพโบสถ์ตรงนั้นจะเป็นตลาดน้ำ สมณะจะเลื่อนไปอยู่ชั้น ๔ มีสวนทำกิน มีมะเขือเทศ อาคารบวร ด้านล่างเป็นพาณิชย์บุญนิยม ชั้นสองทำฝ้า ชั้นล่างมีร้านปันกัน ร้านศิษย์เก่า ร้านดินอุ้มดาว ร้านภูมิรักษ์ พ่อครูว่าเฮือนบวร พวกเราสร้างมามิได้มุ่งหาเงินเลย มีเรือด่วนเจ้าพระยา เรือข้าน่อย น้ำมูล วิ่งบริการแม่น้ำมูล ชาวบ้านราชฯ เน้นทำเพื่อให้ หากทำขายก็ไม่มีความสุข
สิกขมาตุผาแก้ว ชาวหินฟ้า เมื่อกี้ฟังภูมิทัศน์น่าอยู่ ต่อไปนี้เรื่องอาหาร เรื่องปากท้อง ก็มีกสิกรรมบ้านราชฯ สวนปู่เถาว์ทำ ๑๓ ไร่ ปลูกพริก มะเขือ ข้าวโพด ฟักทอง แฟง ตอนนี้เก็บกินได้แล้ว ถัดจากสวนปู่เถาว์ก็เป็นสวนริมมูล ขอบคุณกลุ่มศรีโคตรบูรณ์ ปลูกแตงกวา แตงโม แตงไทย ปีนี้ปลูกแตงโมลูกละ ๑๕ กก. ฟักทองปลูกไว้ที่ลานกราบ ปลูกโดยสมุนพระราม สวนทำกิน มีมะเขือเทศ ไชเท้า หอมใหญ่ พริก สวนข้างอาคารบวร ปลูกทานตะวัน ปลูกกล้วย ปลูกมะพร้าว พริก เราเพาะต้นกล้า ต้นเผือก ไผ่กิมจู มะละกอ มะเขือ วอเตอร์เกรส มะละกอ เพาะไว้เป็นหมื่นต้นเลย ต้นหม่อนเบอร์รี่
อ.ขวัญดิน ดิฉันดีใจมาก วันนี้ประสพผลสำเร็จแล้ว อันตรายที่สุด ที่คุณยังกินซีอี๊ว ที่มีผงชูรส ได้ทำน้ำส้มสายชูไว้มีสองแสนกว่าลิตร วันนี้เป็นวันของเราแล้ว แต่ซีอี๊ว เต้าเจี้ยว ของเรา ยังไม่อร่อย ก็เห็นใจ คนติดอร่อย
สมณะฟ้าไท ทางอีสาน มีผู้เดินในทุ่งนา เจอยาฆ่าหญ้า เป็นแผลติดเชื้อ ทุ่งนายาฆ่าหญ้าเยอะ คนถูกตัดขาพิษยาฆ่าหญ้า มีปัญหาเยอะมากเลย น้ำตาลก็อันตราย เราต้องทำกินเองทุกอย่าง กินน้อยตายยาก กินมากตายง่าย กินของในวัด สบาย
คุณหนู(รัชนี) งานของ สขจ. เบาไปเยอะ สังคมภายนอก คาดหวังพวกเรามาก กลับมามองตัวเองก็เก็บไว้มากมาย มาพูดคุยกัน เคี่ยวเราเอง พัฒนาตัวเอง ต้องล้างขยะ เราเป็นต้นแบบ ขยะหรือยัง งานเหนื่อยเครียด เราต้องตั้งต้นนิ่งๆ เมื่อมีผู้มาบริจาคขยะ เราจะยิ้มออกไปรับพร้อมบริการแนะนำ ทำงานด้วยแรง เรายังเป็นมวยวัด เราต้องเลือกทำคุณภาพนำหน้า เราอยู่นิ่งๆ ดูขยะทุกชิ้น มันเกิดที่เรา มาจากตัวเราเอง ตัวเราเองคือต้นตอของการทำขยะ ฝึกเริ่มจัดการขยะ เราทิ้งขยะให้น้อยที่สุด เราจะจัดการอย่างเพื่อไม่ใช้เป็นปัญหาแก่คนอื่น เป็นประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน จะเกิดเป็น วัฒนธรรมขึ้น
สมณะฟ้าไท สมชาติโก อาตมา อายุ ๖๐ ปี อายุมากหรือยัง ดูเรื่องออกกำลังกาย ไม่ออกกำลังกายเป็นปัญหาเลย เส้นยึด เป็นโรคสารพัด อาตมาเดินลมปราณมาแล้ว ๑๐ ปี เดินลมปราณด้วยกัน กายบริหารครึ่งชั่วโมง ก่อนไปปลูกผัก ไปแยกขยะ ทำอย่างงี้ก็จะดีขึ้น การนอนก็จะดีขึ้น การกินก็จะดีขึ้น ออกกำลังกายประจำ เปลี่ยนแปลงตัวเอง ทำอะไร ต้องต่อเนื่อง
สมณะถักบุญ อาจิตปุญโญ วันนี้ไปเยี่ยม ท่านแก่นหล้า ป่วยมา ๔ ปี ตัดสินใจ ขอกลับมาอยู่บ้านราช ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ตายเป็นตาย ตายก็เผา ไม่ตายก็อยู่ต่อ อาตมาดูแลภัณเตแก่นหล้า ไม่มียา มีแต่ฮา ไปเยี่ยม ภ.เมืองแก้ว ตัวบวม ภัณเตท่านเล่าว่าหากหายนี้ก็จะลุย มีจิตคิดสู้ ความเป็นพี่เป็นน้อง ตัวเราเป็นมิตรดีของเรา มิตรดี มิตรดี มิตรดี มารวมกัน เป็นสหายดี พ่อครูก็สร้างสิ่งแวดล้อมดีให้
๑๘.๐๐-๒๐.๐๐ น. รายการภาคค่ำ เรื่อง เกษตรกรรุ่นใหม่ โดย ส.ฟ้าไท สมชาติโก สัมภาษณ์ คุณไก่ สัณหจุฑา จิราธิวัฒน์ มูลนิธิรักดินรักน้ำ … เรื่องมาตรฐานเป็นเรื่องสำคัญที่สุด คุณไก่ ได้สร้างมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ขึ้นมาโดยใช้คำว่า เอิร์ท เซฟ แทน ออแกนิค มี สโลแกน “ความสุขพร้อมแบ่งปัน” ไม่มีผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น และมีตัวอย่างการทำเกษตรอินทรีย์วิถีไทย โดย วคุณอภิวัฒน์ สุขพ่วง เป็นหนุ่มราชบุรี พ่อเป็นชาวนครปฐม แม่เป็นชาวราชบุรี เป็นเด็กขายพวงมาลัยมาก่อน ชื่อเล่น พอต จบช่างไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ จับได้ใบแดง เป็นทหารที่กรุงเทพฯ เจอโรคระบาดทั้งกองพัน เจอน้ำท่วม เจอความอดอยากเงินทองใช้ไม่ได้ เจอสงครามกลางเมือง เป็นคล้ายๆ เทวทูต เรียนทำนากับตา เดือน ๘-๙ คือช่วงทำนาได้ผลดี พ่อก็เป็นครูเกษตร ทำหัวคันนาใหญ่ๆ ปลูกทุกอย่างที่กิน ทำมะกรูดสระผม-อาบน้ำเอง เริ่มศึกษาศาสตร์พระราชา ชอบคุยกับคนแก่ ไม่ต้องลองผิด ลองถูกอย่างเดียว ศาสตร์พระราชากับศาสตร์พระพุทธเจ้า อันเดียวกัน กลัวการค้าขายที่จะตกเป็นทาสพ่อค้าคนกลาง อยู่ในโลกปัจจุบัน ต้องเท่าทันโลก เรียนรู้ชีวิตกับอาจารย์ยักษ์ แปลงผักที่ดีที่สุด คือ อยู่ใกล้มือแม่ครัวที่สุด เลี้ยงหมูป่า ๕ ตัว มีขี้หมูใช้ทั้งปี
ข้ออ้างของคนไม่ปลูกผักกินเอง คือ ๑. ไม่มีที่ดิน ๒. ไม่มีที่ดิน ๓. ไม่มีน้ำ ๔. เวลาน้อย ๕. แรงน้อย ๖. ขี้เกียจ
เลี้ยงหมูได้ปุ๋ยแห้ง เลี้ยงปลาได้ปุ๋ยน้ำ หมูและปลา มีชีวิตอยู่ต่อไป ถนนนี่มีโค้งอันตราย แนะนำให้ปลูกกล้วย ปลอดภัยดี เกาะกลางถนน ควรปลูกพืชผักส่วนตัว งานจักสาน แก้ปัญหาสมาธิสั้น เลี้ยงไก่ ให้โบยบินตามธรรมชาติ ทำปุ๋ย ทำธรรมชาติ เอาอินทรีย์วัตถุไปทับโคนไผ่บันไดขั้นแรก ๑.บุญ (บุญคุณ) (กตัญญู) วิธีเก็บรักษาที่ดีที่สุด คือ เอามาใช้ กินข้าวคนเดียว ไม่ใช่มาตรฐาน ทำไมเอากล้วย อ้อย ไปขอสาว? คนไทยติดหวาน ช้างตกมัน กินหยวกกล้วยแล้วใจเย็น ปลีกกล้วย ผลิตน้ำนมแม่ กล้วยสุก เลี้ยงลูกที่หย่านมแม่แล้ว วิศวกรรมใต้ต้นตาล ภูมิปัญญาชาวบ้าน ปลูกอ้อย ทำน้ำผึ้งปลอม ไม่ต้องตีผึ้ง
๐๙.๐๐-๑๐.๐๐ น. รายการก่อนฉัน สรุปงานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ งานนี้ เป็นการวัดความเจริญที่ไม่ได้มุ่งปริมาณมากกว่าคุณภาพ
คุณชัยวิทย์ ฝ่ายลงทะเบียน เข้ากลุ่มสัมมาบัณฑิต ประชุมกันที่แดนอโศ บรรยากาศดีมาก รับผิดชอบงานร่วมกัน
วันที่ ๒๕ ลงทะเบียน ช. ๑๐๐ ญ.๔๑๖ รวม ๕๑๖
วันที่ ๒๖ ลงทะเบียน ช. ๔๕ ญ.๑๕๖ รวม ๒๐๑
วันที่ ๒๗ ลงทะเบียน ช. ๑๔ ญ.๓๙ รวม ๕๓
วันที่ ๒๘ ลงทะเบียน ช. ๒๕ ญ.๖๒ รวม ๘๑
วันที่ ๑ ลงทะเบียน ช. ๔๘ ญ.๘๔ รวม ๑๓๒
วันที่ ๒ ลงทะเบียน ช. ๑๓ ญ.๒๙ รวม ๔๒
มีผู้มาลงทะเบียน รวม ช. ๒๕๕ ญ. ๗๘๖ รวม ๑,๐๔๑
แบบฟอร์มยังไม่ลงตัว บางช่องเล็กไป
ปะพัดชา ชาวหินฟ้า ดูแลครัวกลาง :- หน้าที่ล้างหางของอาไพรเมือง ลวกผัก- ศาลีอโศก ล้างผัก – ภูผา นโยบายไร้สารพิษ ไม่มีแครอทไร้สารพิษก็ไม่เป็นไร ขิงตลาดไม่เอา ผัดล้นหลามพอเพียงภายในงาน เรื่องภาชนะส่วนตัว ลดภาระส่วนกลาง เตรียมมาเอง
ปะฝนฟ้า : ขนอาหารช่วงงานไม่มีปัญหา วันแรกขลุกขลักนิดหน่อย ขอบคุณค่าย ม.๑ สัมมาสิกขา ที่ช่วยเตรียมงาน จัดงานที่ปฐมอโศก ทำให้ปฐมอโศกสวยขึ้นเยอะ ปฐมอโศกมีผู้สูงอายุเยอะ ขอบคุณผู้มาช่วยเตรียมงาน
คุณบุษบา ดูแล ประชาสัมพันธ์ ยานยนต์ ถ่ายบาตร ยานยนต์ไม่ขัดข้อง สอนคนส่ง
สมณะอาพาธหาหมอ
ประชาสัมพันธ์ โดยคุณ หนึ่งนาธาร อุ่นทรัพย์ เกียรติทวี
คุณโมมิ(สู้จริง แสนมหามงคล) ดูแลจราจร :- ไม่มีปัญหา สบายๆ รับชาร์จแบ็ตโทรศัพท์ด้วย ปัญหามี เรื่องรถจอด ลืมปิดไฟ
คุณไพรเมือง และคณะ จัดอาหารในศาลา ขยะสด และล้างหาง มีจุดไหนช่วยได้ก็ช่วย ถ่ายบาตร ขลุกขลักในวันแรก เด็กช่วยอาล้างภาชนะ โดยเห็นใจผู้ใหญ่ เด็กมีผู้ใหญ่ดูแล สอนง่าย มีสำนึก
คุณเพียรพิมพ์ไพร(หนู) ศรีเกิด อยู่ สขจ :- มีอาใจพอช่วยดูแล
ทางปฐมอโศกมีความพร้อมคู่ซีโร่ ขยะเหลือศูนย์ ล้างถุงพลาสติกให้เหมือนล้างจาน งานนี้ให้คะแนนเต็มร้อย สิ่งที่ยากที่สุดในงานขยะ คือ “สำนึกของคน” ขยะ เป็นเรื่องของทุกคน
คุณใบพุทธ อโศกตระกูล ดูแล พลาภิบาล :- เตรียมยาไว้ให้พร้อม เน้นเอาจากสมุนไพรก่อน ทีมงานพยาบาลมากันเพียบ โรคส่วนใหญ่ ปวดหัว เป็นไข้ ท้องเสีย ปวดเมื่อย ปวดหลัง ผื่นคัน
คุณต้อย (ปลูกขวัญ) รักพงษ์อโศก เป็นผู้ประสานงานหลัก :- สำเร็จได้เพราะความช่วยเหลือของทุกบวร ข้าวเหนียว-ศรีษะ, ข้าวสวย-ดอยรายฯ, ตัดผมฟรี ๓๕๐ หัว ห้องน้ำขันหายไปบ้าง, อาญาดา – รับแขกฯ
หนังสือธรรมะขายดี จากธรรมทัศน์สมาคม มี ทางเอก ๒. อริยสัจ ๔ ๓. ลำธารชีวิต ๔. กินด้วยญาณ ๑๖
อาทิวเมฆ :- ฟัก ผลไม้ มากเกิน กลายเป็นขยะ ครั้งหน้าขอขายถูก และแจก
อ.๑ :- งานทั้งหลาย พวกเราไม่ได้หลับตา แต่ทำสมาธิแบบลืมตาปกติ งานลุล่วงเพราะแบ่งเบาภาระกัน แต่ก่อนมีเสื้อปลอบเชียว สมัครได้ ที่อาตมา ถ้าใครจะช่วยในงานต่างๆ ของชาวอโศก งานที่จัดง่าย เพราะคนพร้อมฝึกฝนตนเอง คนมีคุณภาพ จัดงานที่ไหนก็สบาย อยู่ง่าย กินง่าย ไม่ต้องถึง ๑๐๐% ก็ได้ เรามาถือศีล ไม่ได้มาถือสา คิดวิจารณ์มีเยอะ คิดจะช่วยขาดแคลนมากเลย
ภายในงานนี้ทุกวัน เวลา ๐๖.๓๐น. ถึง ๐๗.๓๐น. สืบสานพุทธ ประเพณีด้วยการบิณฑบาตภายในชุมชน แบ่งเป็น ๒ สายทุกวัน
สถิติผู้มาฟังธรรม ที่ศาลางานพุทธาภิเษก สุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ ๔๒
สถิติผู้มาฟังธรรม ที่ศาลางานพุทธาภิเษก สุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ ๔๒
ว.ด.ป. |
ทำวัตรเช้า |
ก่อนฉัน |
ภาคบ่าย |
ภาคค่ำ |
หมายเหตุ |
อา ๒๕ ก.พ.๖๑ |
– |
๕๓๒ |
๓๓๑ |
– |
|
จ ๒๖ ก.พ.๖๑ |
๕๗๘ |
๕๔๑ |
แบ่งกลุ่ม๗กลุ่ม |
– |
|
อัง ๒๗ ก.พ.๖๑ |
๕๖๗ |
๔๗๓ |
แบ่งกลุ่ม ๖กลุ่ม |
– |
|
พ ๒๘ ก.พ.๖๑ |
๖๕๓ |
๔๗๙ |
แบ่งกลุ่ม๗กลุ่ม |
– |
|
พฤ ๑ มี.ค.๖๑ |
๖๗๐ |
๖๓๘ |
๔๑๗ |
๘๓๒ |
|
ศ ๒ มี.ค.๖๑ |
๕๙๑ |
๔๗๕ |
๔๐๐ |
– |
|
ส. ๓ มี.ค.๖๑ |
๔๓๗ |
๑๙๐ |
– |