610427_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ คนจนแบบโลกุตระเป็นเช่นนี้
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://drive.google.com/open?id=16XV0Li6Sji-UxyageIqrt3lokFwRS9DMJT7kLf-B01w
ดาวโหลดเสียงที่.. https://drive.google.com/open?id=1sZrC4cWrX2lkPf_bQwgQUk9Ajwur69zQ
ดูยูทิวป์ได้ที่นี่ https://www.youtube.com/watch?v=IIB9My-o_YA
สมณะเดินดินว่า…วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 27 เมษายน 2561 ที่บวรราชธานีอโศก วันนี้ทั่วโลกก็ยินดีที่เกาหลีเหนือเกาหลีใต้จะได้มาปรองดองกัน เขาคงมีปฏิภาณว่า ถ้าจดจ้องจะถล่มกันด้วยปรมาณูก็คงไม่ดี ทุกวันนี้โลกทั่วถึงกันแค่ฟองสบู่เกิดในประเทศใดประเทศอื่นก็มีผลกระทบ
วันนี้ทางบ้านราชฯก็ได้มีการประชุมเตรียมงานอโศกรำลึกที่จะถึงนี้ ในวันที่ 5-10 มิถุนายน แต่พ่อครูจัดตารางก็วันที่ 6 – 10 แต่อาตมาเดาใจลูกๆว่า คงจะมาตั้งแต่วันที่ 5 กัน น่าจะมีพิธีกตัญญุตา ปฏิญาณตนต่อพ่อครู
วันที่ 9 จะมีพิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ อย่างที่พ่อครูให้ข้อสังเกตว่าวันอโศกรำลึกเป็นวันภายใน ก็มีคนนำเสนอกิจกรรมหลายอย่าง แต่ลงท้ายได้ข้อสรุปว่า กิจกรรมที่จะทำนี้ ไม่ต้องรอถึงวันอโศกรำลึกหรอก กลับไปก็ทำกันเลย เน้นการแยกขยะ เน้นการบริโภคอาหารที่ไร้ผงชูรสและบริวาร เป็นต้น เอาไปปฏิบัติตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเราจะมาร่วมกิจกรรมที่เป็นกุศลเป็นประโยชน์เต็มที่อย่างไร
ความรู้สึกของอาตมาเอง ขนาดเกาหลีเหนือเกาหลีใต้ก็ยังหันมาจับมือกัน ร่วมไม้ร่วมมือกันพัฒนากัน ชุมชนเราแต่ละแห่งๆ ที่เคยมีบาดหมาง ทุกวันนี้ไม่มีอาวุธปรมาณูแต่มี หอกปาก มีตะปูตรึงใจ ไม่มีใครมาตอกให้เรา แต่เราเองเอาไปตรึงใจไว้เอง เราน่าจะมาถอนออก แค่ทิฏฐิความเห็นไม่ตรงกันก็ประกาศเป็นศัตรูกันได้เลย ขนาดเกาหลีเหนือเกาหลีใต้ เขาถือศักดิ์ศรี มีอำนาจ เกาหลีเหนือมีบอดี้การ์ด ที่อารักขานายกฯคิมจองอึนมา ก็ทำให้เห็นว่า บอดี้การ์ดแสดงพลังความเข้มแข็งเต็มที่ กล้องก็จับทุกกล้อง ปลูกต้นไม้ร่วมกัน กินอาหารก็มีสัญลักษณ์ความหมายเต็มไปหมด มีคนมองว่า แสดงพลังความเข้มแข็งได้ถึงปานนี้ แม้จะเป็นสัญลักษณ์ แต่เป็นการแสดงถึงความสามัคคีก็อาจจะเป็นสิ่งที่ดี
สิ่งเหล่านี้ ที่ประชุมก็คิดว่า พวกเรา ทำอย่างไร เราถึงจะได้เข้ามาปลดปล่อยความยึดได้ เราชี้ขุมทรัพย์กันมานาน แต่งานนี้เรามาชี้ขุมทรัพย์ตัวเองกันดีไหม ทุกวันนี้เราใช้พลังงานมากมายในการปกป้องผลประโยชน์ของคนอื่น แต่กำลังของตัวเองน้อยมากที่จะไปคิดถึงกิเลสภายในตัวเอง ก็คงไม่สามารถทำให้เกิดความสงบได้
พระโสดาบัน ต้องพยายามหยุดคิดจะไปทะเลาะวิวาทกับผู้อื่น รู้วิธีทำให้จิตใจตัวเองสงบจากกิเลสได้บ้าง แล้วก็พยายามทำ เราน่าจะรณรงค์ในแต่ละชุมชน หันมาฟังธรรมกันมากขึ้นดีไหม หันมารับประทานอาหารเพื่อสุขภาพกันเพิ่มขึ้นดีไหม
ลองปรึกษาหารือหันหน้าพูดคุยกัน เหมือนเกาหลีเหนือเกาหลีใต้ อโศกเหนืออโศกใต้ ก็พัฒนาไปด้วยกัน น่าจะเป็นวาระที่ช่วยปฏิบัติบูชาแก่พ่อครู 84 ปี 48 พรรษา
สื่อธรรมะพ่อครู(เศรษฐศาสตร์บุญนิยม) ตอน คนจนแบบโลกุตระเป็นเช่นนี้ ตอน 1
พ่อครูว่า…ทุกคนมีความสามารถแสดงความคิดเห็นได้ตามสิทธิมนุษยชน อาตมาก็แสดงความเห็นตามที่คิดว่าควรจะแนะนำไป ซึ่งหลายคนฟังที่อาตมาพูด อาตมาเทศน์บรรยายแล้ว มันดูเหมือนฝันเฟื่อง เพ้อเจ้อ มีความคิดที่เป็นไปไม่ได้ มนุษยชาติจะเป็นอย่างนี้เป็นไปไม่ได้ อย่างพระพุทธเจ้าบอกว่า พระอรหันต์ท่านก็ทำให้คนเป็นได้
อาตมามาพูดทุกวันนี้ พูดว่า คนมาอยู่ในระบบสาธารณโภคี ทำแบบคนจน ขาดทุนของเราคือกำไรของเรา แล้วจะเจริญ อาตมาไม่ได้พูดคนเดียว ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านตรัสไว้ ใครว่า ในหลวงร.9 ท่านตรัสไว้ เอาแบบคนจน ขาดทุนของเราคือกำไรของเรา ท่านไม่ได้ตรัสในที่ลับนะ แต่ตรัสออกสู่สาธารณชน ทำให้เห็นความมั่นพระทัยของพระองค์เองน้ำพระทัยของพระองค์เองด้วย เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่น่าจะได้มาคิดกันว่าท่านเป็นในหลวง ทำไมท่านตรัสออกสาธารณะ เปิดเผยไปเลย ว่าต้องมาเป็นแบบคนจน ขาดทุนของเราคือกำไรของเรา ซึ่งที่จริงในหลวงตรัส คนในประเทศไทยผู้บริหารประเทศ หรือใครก็ตามที่เป็นนักวิชาการ อาตมาว่า ไม่มีนักเศรษฐศาสตร์ประเทศใดที่เขาจะคิดอย่างนี้ ซึ่งมันเป็น concept เป็นกระบวนทัศน์ paradigm แม้เป็น vision วิสัยทัศน์เป็นความคิด หรือเป็นความเชื่อมั่นในความจริง หรือเป็นความเชื่อมั่นในความรู้
อาตมาพูดนี้ เป็นความเชื่อมั่นในความจริง อาตมาเชื่อว่า ในหลวงตรัส พระองค์เชื่อมั่นในความจริงที่คนเราควรเป็นเช่นนั้นจริงๆ เรามาเอาความจริงพูดกัน
ในสังคมชุมชนชาวอโศก ทุกวันนี้ ไม่ใช่ทุกวันนี้เท่านั้น เป็นมาตั้งแต่ก่อนจนถึงวันนี้แล้ว ยิ่งมาถึงวันนี้แล้วยิ่งชัดเจนลงตัว อย่างสังคมพวกเรา ลงตัวเรียบร้อย เป็นสังคมคนจนตามที่ในหลวงตรัส เป็นสังคมที่อยู่กันอย่างขาดทุนของเราคือกำไรของเรา เป็นสังคมที่มีความเชื่อมั่นความจริงใจ ความเห็นจริงว่าเป็นความจริงที่ควรจะเป็น คนควรจะเป็นอย่างนี้ระบบชีวิตสังคมควรจะเป็นอย่างนี้ แล้วเราก็ทำจริงๆเป็นจริงๆ และเราก็จะพากันเป็นอย่างนี้ไปจนตายกันไป จนกว่าอาตมาตายจากไป พวกเราจะรักษาสภาพนี้ไปได้แค่ไหน อาตมาก็เชื่อว่าเราจะทำต่อ
ซึ่งมันเป็นความประเสริฐเป็นสิ่งที่ควรเป็น ความเป็นคนจน ความเป็นสังคมที่พอกินพอใช้ อยู่กันอย่างสามัคคี เอาหลักฐานจากพระพุทธเจ้า ท่านตรัสเรื่องวรรณะ 9 นี้ สาราณียธรรม 6 ก็ดี เป็นต้น
วรรณะ 9 เลี้ยงง่าย (สุภระ) บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ) มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) เพ่งทำลายกิเลส มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ) ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ตรงข้าม อวรรณะ 9 ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ)
เลี้ยงง่าย (สุภระ) คนเราควรปฏิบัติตนเป็นคนเลี้ยงง่าย สุภระ
สุโปสะ ควรเป็นคนบำรุงง่าย เป็นคนที่พัฒนาให้เจริญง่าย
เป็นคนมักน้อย คืออาตมาแปลว่ากล้าจน ชอบมีแต่น้อย ไม่ชอบมีมาก อาตมาก็แปลว่าชัดเจนคือ กล้าจน
สันตุฏฐิ คือ พอ ใจพอ เขาไปเบี้ยวบาลีว่า ยินดีในสิ่งที่ตนมีอยู่ ไปแปลว่า พึงพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ซึ่งอาตมาว่า เบี้ยวบาลีแน่นอน และก็ใจพอ มันไม่เอามากกว่านี้แล้ว จิตมันไม่ทำให้เกินกว่านี้ จิตไม่ต้องการอะไรเกินกว่านี้ แค่นี้ก็พอ จิตมันหยุด เรามีฐานะที่พึงเป็นขนาดนี้เราพอแล้ว นอกนั้นเราก็สร้างสรร
แล้วก็ขัดเกลา กิริยาการประพฤติของเราให้ดี แม้แต่เราคิด จิตใจเรามีกิเลสทำให้เราปรุงแต่งไปในทางไม่ดี เราก็ขัดเกลาให้ดี ชำระกิเลสตนเอง ด้วยหลักเกณฑ์ ธูตะ หลักเกณฑ์แห่งศีลหลักเกณฑ์ในข้อปฏิบัติ เอาจริงเอาจัง เคร่งครัด ปฏิบัติกันจริงๆ ธูตะ
จนมีความเลื่อมใสในอาการที่น่าเลื่อมใส จะเข้าใจจะมีปัญญารู้ว่าคนเรา คนนี้น่าเลื่อมใส คนนี้น่าเอาอย่าง มีอาการที่น่าประพฤติตาม มีกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม มีความคิด มีนิสัย มีท่าทีลีลา น่าเอาอย่าง ปาสาธิโก
อปจยะ ไม่สะสม อันนี้ชัดเจนมากข้อที่ 8 ไม่สะสม เงินทองวัตถุข้าวของ ไม่สะสมกิเลส มีเท่าไหร่เอาออกทิ้งหมด
วิริยารัมภะ เป็นผู้ขยันอยู่เสมอหรือปรารภความเพียร ไม่เป็นคนดูดายปล่อยเวลาไปยังไม่เข้าท่า แต่เป็นคนพากเพียรขยัน ทำสิ่งที่ควรทำ สร้างสิ่งควรสร้าง เวลาพักก็ควรพักเวลาเพียรก็ควรเพียร
แต่สังเกตุให้ดี มีมักน้อย ไม่สะสม ใจพอ เป็นสิ่งชี้บ่งว่ามนุษยชาติไม่ควรจะต้องมีจิตคิดรวย ไม่ควรมีจิตคิดโลภโมโทสันหอบมา
9 คำนี้ ท่านใช้ภาษาบาลีเรียกว่าวรรณะ แปลว่า ผู้มี class มีชั้นศักดิ์ชั้น เป็นคนชั้นสูง เป็นคน classic คือ The Classes เป็นวรรณะที่สูง
คนจะเข้าใจความหมายที่พระพุทธเจ้ายกย่องว่าเป็นคนชั้นสูง คนเจริญ คนประเสริฐเป็นคนชนิดนี้ ในหลวงเราเป็นพระโพธิสัตว์ ที่อาตมายืนยัน ไม่ได้พูดเล่นแต่เป็นเรื่องสัจธรรม พระองค์ทรงพระจริยวัตร 70 พรรษา ด้วยหน้าที่ของกษัตริย์ ทรงบริหารมาด้วยความ ด้วยสิ่งที่พระองค์มี แต่ ข้าราชบริพารข้าราชการ ผู้บริหารต่างๆเข้าไม่ถึง concept นี้ เข้าไม่ถึงความมุ่งหมายพระเจตนา ความคิดของพระองค์ ก็เลยไม่ศึกษา ไม่พยายามเข้าใจ สังคมก็เลยไม่ได้บริหารแบบคนจน ไม่ได้เป็นคนขาดทุนของเราคือกำไรของเรา เหมือนอย่างกับชาวอโศกเราเป็น
ชาวอโศกเราบรรลุผล อาตมาทำงานมา 47 กว่าปีมีผลสำเร็จจริงจัง เป็นไปได้ ขอถามหน่อย พวกเรารู้สึกลำบากลำบนไหม เอาชีวิตมาทางนี้ ฐานะทางเก่าๆที่เคยแย่งชิง ล่า ลาภยศสรรเสริญกับเขา ไม่ใช่พวกเราสิ้นไร้ไม้ตอกไม่มีความรู้ไม่มีความสามารถที่จะไปยื้อแย่งแข่งเอา ไปโลภโมโทสันเอามาให้แก่ตน ไม่ใช่หรอกเราสามารถเอามาได้ แต่เราไม่ได้มีความโลภแบบแต่ก่อนนั้น เราหยุดแล้ว เราเป็นคนมีความพอแล้ว เป็นคนเข้าใจแล้วว่าชีวิต มีขีดขั้นดำเนินไป เรามีที่พึ่งพาอาศัยเป็นกลุ่มหมู่สังคม อยู่กันอย่างมีระบบการดำเนินชีวิต เป็นไปจนกระทั่งเราจะตายก็ไม่ต้องห่วงการตาย เจ็บป่วยก็ไม่ต้องกังวล มันเป็นหลักประกันของสังคมที่อาตมาว่าชาวอโศกมีหลักประกันที่ดี เหนือชั้นกว่า 30 บาทรักษาทุกโรคไหม ระบบชาวอโศก การพึ่งพาอาศัยการพึ่งพาด้านเจ็บป่วยเหนือชั้นกว่า 30 บาทรักษาทุกโรค (คุณชญาดาว่า ของพวกเรามีจิตวิญญาณห่วงใยเป็นพี่เป็นน้องกัน)
มันมีการช่วยกันรักษา มีอาการสังวร อะไรกันมากกว่า 30 บาทรักษาทุกโรค ก็ได้เปรียบนิดหน่อย ที่จริง หมอแสงนี้แจกฟรีนะ ทางการเขาก็ไม่อยากให้ทำ ซึ่งอาตมาก็ยังนึกไม่ออกว่า ไปขัดขวางอะไรเขา รัฐบาลก็น่าจะส่งเสริม เห็นเอาไปตรวจว่า ไม่น่าจะเป็นพิษภัย แม้จะเช็คแล้วว่าไม่ใช่ แต่คนที่เขารักษาแล้วหายหรือบรรเทา ก็มีแน่ ทำไมไม่พยายามทำวิจัย เรื่องนี้ รัฐบาลน่าจะวิจัย น่าจะต่อยอด มีคนคิดเช่นนี้น่าจะยินดีนะ
สมณะเดินดินว่า…หมอกระแสหลัก เป็นห่วงว่า จะไม่ได้รับการรักษาที่ดีเพียงพอ หากไปทุ่มเทกับการรักษาทางนี้
พ่อครูว่า…เขารักษาฟรี ทำไมรัฐบาลไม่มีปัญญาทำเหมือนเอกชน คือรัฐบาลควรส่งเสริม เพราะว่าที่เอื้อเฟื้อเจือจานกันอยู่บ้าง ก็เช็คกันแล้วว่าไม่มีอันตรายอะไร ก็น่าจะดูแลกันส่งเสริมกัน คืออาตมาก็ยังคิด คนที่จะทำอะไรช่วยสังคมประเทศชาติ หรืออย่างนี้ช่วยสังคม ยกตัวอย่างง่ายๆ
เช่นอโศกเรานี่ เราช่วยสังคมที่ยืนยันชัดๆคือเราช่วยทำโรงเรียนสอนเด็ก สอนเยาวชนให้มีการศึกษาด้วยใจมุ่งมั่นจะช่วยรัฐบาล สอนเด็กให้มีความรู้ตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการด้วย แล้วเราแถมเติมเพิ่มกว่านั้นด้วยที่สอน ให้เขาได้รับสิ่งที่ควรได้รับ ความรู้ตามหลักสูตรรัฐบาลก็ไม่มีปัญหาอะไรแต่ละปี มาประเมินผลแล้วก็ไม่เห็นเราจะต่ำต้อยกว่าเกณฑ์ สรุปคือเราเองเราก็ช่วยรัฐบาล
พูดไปก็เหนียม เขาควรจะมาส่งเสริมช่วยเหลือเพราะเราไม่ได้ทำโรงเรียนแบบการค้าไม่ได้ทำแบบหาเงิน เหมือนเอกชนที่ไหนทำ ที่ทำอย่างนี้ เราทำมาเราเห็นอยู่แล้ว อย่างหมอแสงนี่ก็ช่วยสังคม ก็ไม่เห็นรัฐบาลจะไปช่วยส่งเสริมสนับสนุนเพื่อจะช่วยสังคมประเทศชาติ ถ้าหากรัฐบาลไปช่วยส่งเสริมคนก็จะมีกำลังใจ ว่า รัฐบาลก็ส่งเสริมสนับสนุน แต่นี่ไม่นะ ไม่ใยดี ไม่เหลียวแล ดีไม่ดีหมั่นไส้ด้วย อาตมาว่าจิตเป็นอย่างไร ความรู้สึกลึกๆกันนี้เป็นอย่างไร มันดูแล้วตลก
มาพูดถึง จุดสำคัญที่พระพุทธเจ้า หรือในหลวงมีแนวคิด แม้แต่อาตมาทำงานมาตลอดก็มีแนวคิดให้สังคมเป็นแบบคนจน พูดแล้วคนฟังที่บ้านก็อาจว่า อะไรให้คนมาเป็นสังคมคนจน มันเป็นแนวคิดไม่ได้แหวกแนวบ้าบออะไร เป็นแนวคิดที่เห็นควรจริงๆเลย เป็นแต่เพียงว่า เป็นคนจนที่พิเศษ เป็นคนจนด้วยจิตใจที่มีปัญญาเข้าใจว่าเรามาเป็นคนจนอย่างพอใจ ด้วยความสมัครใจตั้งใจมาเป็นคนจนให้ได้ ใจเราพอไม่มักมากกว่านี้ แต่มีวิริยารัมภะ มีความขยันหมั่นเพียรอุตสาหะไม่สะสมกอบโกยแล้ว เป็นคนปฏิบัติตนขัดเกลาตนเอง พากเพียรที่จะมีศีลมีธรรม ลดละกิเลส เป็นอรหันต์ได้ เป็นผู้ที่เจริญที่ประเสริฐที่แท้จริงในหลักเกณฑ์ของวรรณะ 9 สาราณิยธรรม 6 มีผลคือเกิดบุคคลที่มี
เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม แล้วมีชีวิตที่มีลาภโดยธรรม ลาภธัมมิกา ก็เอามารวมเป็นส่วนกลางสาธารณโภคี ข้อที่ 5 ก็ศีลสามัญตา ทิฏฐิสามัญตา นี่เป็นผล ผลที่เกิด สาราณิยธรรม 6 นี้ได้ เพราะ
ปฏิบัติประพฤติตามพระพุทธเจ้าแล้วจิตใจก็มี สาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคคียะ เอกีภาวะ
-
สาราณียะ (รู้จักระลึกถึงกัน คำนึงถึงคนที่ควรเอื้อ)
-
ปิยกรณะ (รักกันสัมพันธ์ดี-ปรารถนาดีต่อกัน)
-
ครุกรณะ (เคารพกัน รู้จักฐานะ รู้จักคุณวุฒิ)
-
สังคหะ (สงเคราะห์เกื้อกูลช่วยเหลือกัน)
-
อวิวาทะ (ไม่วิวาทแตกแยกกัน)
-
สามัคคียะ (พร้อมเพรียงกัน มีพลังรวมยิ่งใหญ่)
-
เอกีภาวะ (เป็นปึกแผ่น มีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน)
(โกสัมพีสูตร พตปฎ. ล.22 ข.282-283)
จะเห็นได้ว่าสังคมชาวอโศกไม่มีทะเลาะวิวาทกัน มีแย้งกัน ว่ากันพอสมควร รู้จักตัดสินกันไป สามัคคียะ อยู่กันอย่างพร้อมเพรียงสามัคคีเป็นปึกแผ่น เป็นเอกีภาวะ ชาวอโศกนี้เป็นปึกแผ่น เป็นเอกภาพ เป็นหนึ่งเดียว รวมแล้ว พฤติกรรมต่างๆร่วมกันอยู่ทำให้อยู่กันอย่างมีความควบแน่น แบบนี้ เป็นสังคมที่ ถ้าเป็นการบริหารก็เรียกว่าเป็นประเทศที่ถ้ามีคุณสมบัตินี้ทั้งประเทศ ประเทศนี้เป็นประเทศที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า ถ้าอยู่กันอย่างนี้ไม่มีใครจะมาตีแตก เป็นประเทศที่ เอกีภาวะ ไม่มีใครตีแตก เป็นคุณสมบัติที่ประเสริฐที่ยิ่งใหญ่
มันควบแน่น มีการรวมกันอย่างแน่น ทำมาหากิน อยู่กันอย่างมีจิตวิญญาณ สัมพันธ์ ซึ่งรวมทั้ง กายวาจาใจที่เป็นจริง สุดยอดของคุณสมบัติของมนุษยชาติ คุณสมบัติของสังคมในโลก ซึ่งอาตมาพาทำแล้ว บรรลุผลสำเร็จตามควร ถ้าเผื่อว่าผู้บริหารประเทศ เข้าใจและเห็นว่า อ๋อ หลักการ หลักทฤษฎี วิธีการใดๆก็แล้วแต่หากเอามาประพฤติปฏิบัติเอามาประกาศ ให้เข้าใจและปฏิบัติให้มันเกิดผล มันจะได้ผลประโยชน์อย่างนี้
จริงๆแล้วไม่ใช่ของใครเป็นของพระพุทธเจ้า คนไทยเป็นพุทธศาสนิกชน 95% ก็น่าจะเอาไปใช้ แต่อาตมารู้ว่าทำไมเขาไม่เอาไปใช้ ก็คือเขาไม่มีความรู้ แม้แต่เถรสมาคม ก็ไม่ได้มีอย่างนี้เลย ไม่ได้เป็นสังคมวรรณะ 9 นี้เลย เขาเป็นนั้นลิบลับจากอย่างที่ว่านี้เลย ไกลลิบเลย ฉะนั้นจึงเห็นได้ว่าน่าเสียดายศาสนาพุทธ ทั้งๆที่โลกก็บอกว่าเมืองไทยเป็นเมืองพุทธ แต่มันไม่มีคุณลักษณะประเสริฐที่เป็นโลกุตรธรรม น่าเสียดายไหม?
อาตมาว่าอาตมาพูดนี้เป็นเรื่องจริง แม้เราพยายามมาฟื้น โลกุตรธรรม ขึ้นมาได้อย่างเป็นรูปธรรม แต่ทางพุทธกระแสหลักไม่รู้สีรู้สา ไม่เห็นตื่นเต้นตื่นตัว ดีไม่ดี รู้สึกว่านี่ไม่ใช่พุทธซะอีก เดี๋ยวนี้ยังเบา แต่ก่อนนี้ ตั้งแต่เมื่อ 30-40 ปีที่แล้ว โอ้โห จะเอาชาวอโศก จะเอาโพธิรักษ์ให้ตายเลย แต่โพธิรักษ์ เหมือนแมว 9 ชีวิต หนังเหนียวไม่ตายง่ายๆ และไม่หยุดเผยแพร่ ประกาศอธิบาย บรรยายอยู่ตลอด ทั้งพูดและเขียน พามาประพฤติปฏิบัติไม่หยุดยั้ง
เศรษฐกิจที่ดีคือคนในสังคมประเทศนั้น จะต้องร่ำรวยมากๆ ถึงขั้นเป็นที่ 1 ของโลก นับว่าคนนั้นสังคมนั้นประเทศนั้นมีเศรษฐกิจดีที่สุด นี่เป็น Concept ของคนทั้งโลก เป็น paradigm เป็น vision ก็แล้วแต่ อย่างนี้ทั้งนั้น เขาก็พยายามทำตามแนวคิดนี้อย่างจริงจัง ซึ่งอาตมาว่า มันเป็นความคิดที่ตื้นเขิน เป็นความคิดที่เป็นปฏิปักษ์ต่อความเป็นจริงที่ประเสริฐ น่าสงสารมนุษยชาติ ที่ถูกต้องนั้น ถูกต้องที่สุดเลย
สังคมหรือประเทศที่มีเศรษฐกิจดีที่สุดในโลก จะเป็นสังคมหรือประเทศของคนจน ขอยืนยันเลยที่ในหลวงร.9 ตรัสนั้นจริงที่สุด ขอยืนยัน จริงที่สุด ไม่ใช่เรื่องพูดเรื่องหลักลอยแต่เป็นเรื่องจริงที่สุด
เศรษฐกิจดีที่สุดนั้นอยู่ที่ประเทศของคนจนแต่เป็นคนจนที่พิเศษ จะมีความเป็นอยู่มีการกินการอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ แต่ไม่สะสม เป็นคนจนที่อยู่ดีกินดีแต่ไม่สะสมไว้เป็นคนรวย หรือเป็นสังคมรวยเป็นประเทศที่รวย ไม่ จะเป็นคนจนเป็นสังคมคนจนเป็นประเทศจน จะไม่ทำตนเป็นคนรวย จะไม่ทำสังคมให้รวย จะไม่ทำประเทศให้รวย จะอยู่อย่างคนจน สังคมคนจนประเทศที่จน แต่ไม่ยากจน จนอย่างสุขสบาย เบิกบานใจ มีอยู่มีกินมีใช้ไม่ทุกข์ยากเลย แต่ไม่สะสมให้รวย มีให้สะสมให้รวยได้ไหม …มี แต่ไม่! มี มีให้สะสมให้รวยแต่ไม่ทำ เราสะพัดออก เพราะชีวิตที่เป็นอยู่นั้นมีสุขสำราญเบิกบานใจ มีวรรณะ 9 หรือมีสาราณิยธรรม 6 เป็นต้น
คนสังคมประเทศเช่นนี้แหละ ที่มีเศรษฐกิจดี อยู่ดีกินดี มีความสุขสำราญเบิกบานใจอบอุ่นสุขสบาย จึงไม่จำเป็นต้องรวย ถ้าคนตั้งใจพยายามอุตสาหะอยากรวยนี่มันเมื่อยนะ ต้องกระเหี้ยนกระหือรือมีทุกข์ แต่นี่เรารู้ดีแล้ว ไม่ต้องไปกระเหี้ยนกระหือรือ แต่เราไม่ดูดายเฉื่อยแฉะ ไม่เอาถ่าน ไม่ใช่ เราก็วิริยารัมภะ ขยันอุตสาหะหมั่นเพียร แต่ไม่ไปมีความกระเหี้ยนกระหือรือ ต้องพยายามเข้าไปยื้อแย่งอะไร ไม่ไปทำแบบนั้น
เพราะว่า การทำตนให้รวย ทำสังคมให้รวยทำประเทศให้รวยนั้น คนอื่นก็ขาดแคลน ถ้าเราทำได้ใช่ไหม? เราทำตนให้รวย ทำสังคมให้รวยทำประเทศให้รวย คนอื่นก็ขาดแคลนประเทศอื่นก็จะจน ก็แย่งชิงกัน ก็เป็นทุกข์ จึงไม่สมควรจะทำเช่นนั้นเลย
อาตมาพูดไปนี้เป็นการเห็นและอ่านความจริง เป็นการพูดความจริง เป็นการยืนยันความจริงว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ
ในหลวงร.9 ของไทยจึงตรัสว่า ต้องอยู่กันอย่างแบบคนจนต้องอยู่กันอย่างขาดทุนของเราคือกำไรของเรา อย่างจริงนะ ไม่ใช่ตรัสอย่างเล่นๆเละเทะ ไม่รู้เรื่อง ไม่ใช่เลย ซึ่งในโลกนี้อาตมาคิดว่า จะมีคนเดียว ที่เป็นเบอร์ 1 ของประเทศจะพูดแบบนี้ ตรัสแบบนี้ มีคนเดียวกระมังในโลกนี้ ตั้งแต่เมื่อไหร่เมื่อไหร่มาแม้กระทั่งปัจจุบันนี้ ที่จะมาตรัสแบบนี้พูดแบบนี้
สมณะเดินดินว่า… มีคานธีพูด ว่า จะไม่พาประเทศไปรวย ในส่วนตัวนั้นมีสมบัติส่วนตัวที่เราไม่ได้ใช้ก็เป็นการลักขโมยอย่างหนึ่ง
พ่อครูว่า…อย่างนี้ไม่มีปัญหาหรอกอยู่อย่างจนไปจนกระทั่งตายเลย ชีวิตมีประโยชน์คุ้มค่าด้วย ไม่เห็นจะต้องสะสมอะไรมากมาย คนที่จะต้องสะสมให้ตนเองร่ำรวย อย่างนั้นสิ อาตมาว่าน่าคิด เราไปทำอย่างนี้ทำไม เราสะสมให้ตนเองรวยเกินเรากินใช้ตั้งเยอะแยะ
อย่างพวกคุณเจริญ ดีไม่ดี อาชีพเป็นพิษภัยมอมเมาต่อสังคมโลก ทำไมไม่รู้ผลเสีย แห่งการกระทำของตัวเองต่อสังคม แค่นี้เขาเข้าใจไม่ได้ อาตมาก็ว่า เอ๊ อาตมาไม่ใช่คนเฉลียวฉลาดอะไรเกินการทำไมอาตมามองเข้าใจ แต่ทำไมพวกที่เขากอบโกย ดูดไม่รู้จักจบจักพอ ทำไมไม่รู้อย่างนี้ไม่ทำอย่างนี้ เขาคิดอย่างไรอาตมาคิดไม่ออกว่าทำไมเขาคิดอย่างนั้น คุณตอบได้ไหม?
อย่างโดนัลทรัมป์ แสดงออกอย่างนี้ได้ ประเทศชาติเขาก็ปล่อยให้คนอย่างนี้เป็นเบอร์ 1 ประเทศ อาตมาก็ว่าน่าสงสาร ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร พูดอย่างเป็นวิชาการความรู้นะ ว่ามันน่าจะเอาไปศึกษาเอาไปคิด ว่ามันเป็นอย่างไร
คิดดูว่า จะมองดูนะ โดนัลด์ทรัมป์บริหารประเทศมากี่ปีแล้วนะ เขาจะได้อยู่บริหารครบสมัยไหมนะ เขาเรียกว่า มี Impeachment มันจะเกิดเหตุการณ์นี้ไหม Impeachment คือถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจเอาออกกลางคัน บริหารประเทศไม่ครบสมัย เขาจะเกิดไหม อาตมาไม่รู้ ถ้าเผื่อว่าอเมริกาให้โดนัลด์ทรัมป์บริหารอยู่จนครบสมัย 4 ปี อาตมาก็ว่าประชากรอเมริกาเป็นอย่างนี้ บ่มีไก๊อะไรเลยนะ
อันนี้เป็นปรากฏการณ์จริงของมนุษยชาติ ที่เอามาเป็นตัวอย่างนะ มาเป็นเครื่องยืนยันประกอบว่ามีเป็นจริงอย่างนี้
อาตมาก็เข้าสู่เนื้อหาของความเป็นจริง แนวลึกว่า ทำไมอาตมาถึงยืนยันว่าเศรษฐกิจทำไมต้องเป็นเศรษฐกิจแบบคนจน เศรษฐกิจที่ดีต้องเป็นสังคมคนจนถึงจะดี เพราะการเป็นสังคมคนจนที่ไม่ได้ยากจน เป็นสังคมคนจนเพราะไม่สะสมกักตุนกอบโกยให้แก่ตัวเองเป็นของเรามากมาย แต่ไม่ใช่สังคมที่ไม่พึ่งพาตัวเองไม่มีความรู้ความสามารถ แต่เป็นสังคมที่มีความรู้ความสามารถขยันหมั่นเพียร มีแรงงานมีความรู้ มีกรรมกิริยาที่ดี แต่ไม่ไปแลกเอารายได้ ไม่ไปใช้แรงงานไปดูดดึงไปแลกเอาสิ่งที่ได้เปรียบ หรือเอาสิ่งที่ควรจะแลกกลับคืนมามากมาย ทำได้สร้างสรรได้ก็เอาไปแจกจ่ายสะพัดไปเกื้อกูลเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นเขา เราก็จะเป็นคนไม่รวย เป็นคนไม่มีมากแต่ก็อยู่ได้อยู่ดีเป็นชีวิตที่อยู่ได้อยู่ดี ถ้าแนวคิดอย่างนี้มี Concept อย่างนี้ มีกระบวนทัศน์อย่างนี้จริงๆ ประเทศที่มีแนวคิดอย่างนี้ สังคมโลกจะอยู่เป็นสุขมาก จะเป็นพี่เป็นน้องมีความเอื้อเฟื้อเกื้อกูลกันทั่วโลก จะไม่มีสงคราม ไม่มีการทะเลาะเบาะแว้ง ไม่มีการเดือดร้อนวุ่นวายเหมือนอย่างชาวอโศกเรานี้เราไม่ไปทะเลาะเบาะแว้งกับใครเขา เกื้อกูลเขาได้ก็ช่วยเหลือเขา อย่างที่อาตมาพาทำอยู่นี้ พวกเรามันเหลือเฟือ
ทำโรงเรือนให้เขามาขายของ เป็นอาคารที่อยู่ในหมู่บ้าน ไม่ได้อยู่ในตัวจังหวัดอยู่ในเมืองอะไรมากมายนัก อาตมาก็ไม่มีปัญญามีที่ดินในเมืองมากขนาดนี้แล้วไปสร้างอาคารอย่างนี้ได้แค่นี้ แสดงออกถึงน้ำใจความเป็นจริงความจริงใจว่าเป็นอย่างไร เป็นอาคารที่ให้มาขายมาใช้มาเป็นประโยชน์กัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ทางการค้าขายมาอาศัย หรือจะใช้ในทางการ ส่วนเอกชนก็ตาม มานำเสนอว่าจะขอใช้ประโยชน์ด้านนี้อย่างนั้นอย่างนี้เป็นครั้งคราวหรือเป็นระยะอย่างนั้นอย่างนี้ ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมประเทศชาติ ไม่ใช่เป็นที่อาศัยหากินกอบโกยเฉยๆ ถ้าเห็นว่าพฤติกรรมของคุณได้ ตนเองอาศัยใช้สอยกินอยู่จะเป็นประโยชน์ต่อสังคมโลก อาตมาขออนุญาตให้ใช้เลย เราทำสังคมหมู่บ้านให้เป็นหมู่บ้านที่น่าจะเป็นที่พักผ่อน มันน่าจะมาเดินมาพักอาศัยได้ ทำให้บรรยากาศเป็นที่ร่มเย็นเป็นที่น่าพึ่งพา มีน้ำให้อาบ มีน้ำให้เล่น มีต้นไม้ให้พัก มีก้อนหินก้อนดิน ที่มนุษยชาติจะได้ใช้ ไม่เหมือนสวนสนุกทีเดียว แต่เป็นสวนพักผ่อนหย่อนใจ
มีเด็กๆมาใช้บริการ อาตมาว่ายินดีให้ผู้ใหญ่มาใช้บริการ แต่อาตมาว่า ผู้ใหญ่เขายังเหนียมๆไม่กล้ามาใช้บริการ เห็นเด็กๆมาอาศัย อาตมาก็ว่าให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่มาอาศัยพักผ่อน เหมือนกับรัฐบาลที่จะสร้างสวนสาธารณะพักผ่อน เราก็เป็นหมู่บ้านที่จะมาพักผ่อนอาศัยได้ หากจะมาค้าขายก็มี 4 ห้าม 3 ต้อง อยู่ในเกณฑ์ก็มาใช้พื้นที่นี้บริเวณนี้หมู่บ้านนี้ได้ เพราะว่าทำให้ผู้อื่นได้พักพิงอาศัย ไม่ได้ทำเพื่อหาชื่อเสียงหารายได้แฝงอะไร รายได้ตรงๆก็ไม่มี ยิ่งแฝงยิ่งไม่มี ยินดีต้อนรับ อย่างลำธารเราหรือน้ำตก ผู้ใหญ่จะมาอาบเย็นสบาย อาตมาก็อนุโมทนาสาธุ ไม่ใช่มีแต่เด็กๆมาก็ได้
(พ่อครูไอ ตัดออกด้วย)
สมณะเดินดินว่า…เรามีมากก็ยิ่งให้ยิ่งอุดมสมบูรณ์ เป็นการพิสูจน์อย่างหนึ่งว่าคนในโลกนี้ต้องเอามาให้มากเอามาอย่างซับซ้อนหลายชั้น กับทฤษฎีที่พ่อครูนำมาให้พวกเราใช้ ระหว่างชมพูทวีปกับกาฬทวีป อย่างไหนจะเจริญกว่ากัน
พ่อครูว่า…ความคิดหรือว่าความเห็นความเชื่อ ที่อาตมาพูดไป มันเป็นความคิดความเห็นที่ประเสริฐ น่าจะเข้าใจอย่างนี้แล้วก็บริหารและทำอย่างนี้ อย่างในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้ตรัส อย่างนี้มันถูกแล้ว อาตมาว่า ถ้าผู้บริหารรัฐบาลประเทศเข้าใจคอนเซ็ปต์แล้วเอาความคิดอันนี้ เอาความประพฤติอันนี้ มาวางแผน พัฒนาประเทศชาติ แล้วก็ทำให้มันเกิดผลจริงๆอัพเดทกัน อย่างอาตมาพาทำ เป็นรัฐอิสระเสรีไม่ใช่บังคับผู้บริหารที่จะทำ เหมือนอาตมา ไม่ได้บังคับพวกคุณ ประเทศชาติก็ไม่ต้องบังคับ มีทฤษฎีหลักเกณฑ์ที่จะต้องมาทำที่จะมีบ้างก็คือ ต้องเป็นหลักเกณฑ์พื้นฐาน เช่นว่าจะต้องมี ศีล นะ จะต้องไม่มีพฤติกรรมชั้นต่ำเป็นอบายมุข ไม่ต้องถึงขั้นมากินมังสวิรัติก็ได้ เอาแค่ไม่ต้องมีอบายมุข มีศีล 5 กัน อาตมาว่าไม่เหลือบ่ากว่าแรงนะ
หรือนักกฎหมายจะไปทำศีล 5 ให้หย่อนกว่าศีล 5 หน่อยก็ได้ ย่อยลงไป แล้วเอามาใช้เข้าใจที่จะ Apply ศีล 5 ให้เอามาปฏิบัติก็น่าจะเข้าท่าน่าจะดี แต่นี่ไม่มีแนวคิดที่จะให้มันเป็นเช่นนี้เลย อาตมาถึงเห็นว่า ทิศทางที่จะทำให้คนมาประเสริฐมาเจริญขึ้น มันเป็นไปแบบโลกีย์ โลกทั้งโลกพากันเสื่อมต่ำหมด มันเป็นทุนนิยมสามานย์ มันรุนแรงซ่อนเร้น ไม่ใช่รุนแรงเท่านั้นเอง อย่านึกว่า มันไม่มีความรุนแรงนะ โลกทุกวันนี้ มีความรุนแรงแบบซ่อนเร้น เท่านั้นเอง มีเล่ห์เหลี่ยมมีวิธีการที่นึกว่าเจริญ วิธีการที่มีเครื่องมือเทคโนโลยีอย่างที่เป็นอย่างเช่นแจ็คหม่า เป็นพฤติกรรมที่เลวร้ายต่อสังคมมาก ถ้ามีคนทำอย่างแจ็คมานี้ขึ้นมาอีกสักร้อยคน แล้วมีผลอย่างแจ็คมาร้อยคน คิดดูสิเศรษฐกิจสังคมจะเป็นอย่างไร ก็จะเกิดคนที่ดูดรายได้อย่างแจ็คหม่า ทำได้อย่างนี้ร้อยคนเท่านั้นแหละ สังคมโลกจะเป็นอย่างไร แจ็คหม่านี้ รวยเท่าไหร่กัน มีหุ้นอยู่เท่าไหร่ อย่างหุ้นนี้ เป็นวิธีคิดที่ซับซ้อนอยู่ในโลกอากาศหมดเลย
อย่างนี้เป็นสังคมน่ากลัว ไม่มีอะไรจะให้ประโยชน์ต่อประเทศชาติเลย อย่างพวกเรามาเป็นสังคมเศรษฐกิจคนจนเป็นที่พึ่งของโลก พูดนี้เหมือนอวดดี ที่ว่าก็เป็นที่พึ่งของโลกก็คือ 1. ไม่เบียดเบียนจากสังคม 2. สร้างสรร สะพัด เผื่อแผ่สังคม 2 ประเด็นนี้เท่านั้นก็เป็นคุณสมบัติอันประเสริฐแล้วไม่ได้เห็นแก่ตัวไม่ได้เห็นแก่ได้ แต่ขยันหมั่นเพียรสร้างสรร เผื่อแผ่เกื้อกูลสิ่งที่ใช้ในสังคม เราไม่กอบโกยสะสมกับตน เท่าที่เรามีความสามารถเรี่ยวแรง ไม่ใช่คนงอมืองอเท้าด้วย แล้วไม่ได้เอาเปรียบเอารัดไม่ได้โลภโมโทสันอะไร
ถ้าสังคมประเทศไทยพาทำอย่างที่เราพาทำ มากกว่านี้ขึ้นไป ประเทศไทยจะเห็นผลตรงตามที่ในหลวงตรัส จะเป็นประเทศเจริญประเสริฐ เอาลองฟังคำที่ในหลวงท่านได้ตรัส มีพลความคำที่ตรัสไว้ว่า
“แบบที่เรียกว่า ทำ “แบบคนจน” คือทำวิธีการแบบคนจน ไม่ได้มีการลงทุนมากหลายอย่างของเขาเราก็ทำไป ก็เลยบอกว่าถ้าจะแนะนำ ก็แนะนำได้ “ทำแบบคนจน” เพราะเราไม่ได้เป็นประเทศที่รวย เราก็รวยพอสมควร อยู่ได้ แต่ไม่ใช่เป็นประเทศที่ก้าวหน้าอย่างมาก เราไม่อยากจะเป็นประเทศอย่างก้าวหน้าอย่างมาก เพราะว่าถ้าเราเป็นประเทศที่ก้าวหน้าอย่างมาก มีแต่.. มีแต่ถอยหลัง ประเทศเหล่านั้นที่เขามีอุตสาหกรรมสูงมีแต่ถอยหลัง และถอยหลังอย่างน่ากลัว แต่ถ้าเรามีการปกครองแบบ แบบว่า แบบคนจน แบบที่ไม่ติดกับตำรามากเกินไป ทำอย่างมีสามัคคีนี่แหละ มีเมตตากัน ก็จะอยู่ได้ตลอดไป ไม่เหมือนคนที่ทำตามวิชาการ แล้วก็วิชาการนั้นก็เราดูตำราแล้วพลิกไปถึงหน้าสุดท้าย หนึ่งหน้าสุดท้ายนั้นเขาบอกว่า”อนาคตยังมี” แต่ไม่บอกว่าเป็นอย่างไร เวลาปิดเล่มแล้วมันก็ปิดตำรา ปิดตำราแล้วไม่รู้จะทำอะไร ลงท้ายก็ต้องเปิดหน้าแรกใหม่ เปิดหน้าแรกก็เริ่มต้นใหม่ “ถอยหลังเข้าคลอง”แต่ถ้าเราใช้ตำราแบบที่เราอะลุ่มอล่วยกัน ตำรานั้นไม่จบ”
ในหลวงทรงมีพระราชดำรัสนี้เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ.2534
และอีกพระราชดำรัส
..ก็แปลว่า ขาดทุน คือ เป็นการได้กำไรของเรา หรือการขาดทุนของเรา เป็นการได้กำไรของเรา ท่านนักเศรษฐกิจคงร้องว่า ไม่ใช่ แต่ว่าเป็นไปอย่างนั้น ก็เห็นว่านักเศรษฐกิจก็ยิ้้ม ยิ้ม ๆ ว่า อะไร ? พูดอย่างนี้ “การขาดทุนของเรา เป็นการได้กำไรของเรา” หรือเราได้กำไร แต่พูดภาษาอังกฤษมันสั้นกว่า งั้นก็ต้องขยายว่าภาษาอังกฤษเป็นอย่างไร ? ภาษาอังกฤษ Our หมายความว่า ของเรา Our Loss .. Loss ก็การเสียหาย, การขาดทุน Our Loss Is .. Is ก็เป็น Our Loss Is Our .. Our ก็คือของเรา “Our Loss Is Our Gain” ..Gain ก็คือกำไรหรือที่ได้ ส่วนที่เป็นรายรับ ก็ตกลงบอกกับเขาว่า “Our Loss Is Our Gain” ขาดทุนของเราเป็นกำไรของเรา หรือว่า เราขาดทุน เราก็ ได้กำไร เวลาพูดไปแล้วเขาก็บอกว่า “ขอย้ำ ขอซ้ำอีกที” ก็พูดซ้ำอีกที เขาก็นั่งเฉยไปอีก ก็หมายความว่าต้องการ การอธิบาย เราก็อธิบาย อธิบายว่า ถ้าเราทำอะไรที่เป็นการกระทำแล้วก็เราเสีย แต่ในที่สุดก็ ไอ้ที่เราเสียนั้นมันเป็น “การได้”..
พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9
ทรงพระราชทานไว้เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2534
พ่อครูว่า…ก็คงเอามาเปิดซ้ำซาก เพราะว่าความจริง ไม่ใช่เป็นแบบหมาเห็นองุ่นเปรี้ยวนะ มันเป็นคุณสมบัติคุณธรรม เป็นพฤติกรรมอันประเสริฐของมนุษยชาติ ที่โลกโลกียะ ปุถุชนคนทั่วไปเข้าใจได้ยากมากหรือเข้าใจไม่ได้ เป็นอจินไตย คิดได้อย่างไร คนจนนี้ดีกว่าคนรวย มีชีวิตอย่างขาดทุนนี่แหละคือเราได้กำไร อาตมาว่า นี่ดีนะ ในหลวงเราตรัสนะ หากคุณพูดไม่ดีไม่รู้ด้วยนะ คิดอย่างนี้แหละมาเป็นคนจนทำแบบคนจน หากไปตู่ไปว่า
ที่เราอยู่ได้เพราะว่าในหลวงได้ตรัสเอาไว้ เป็นดาบอาญาสิทธิ์ ไม่ให้คนมาจัดการสิ่งที่เราพูดนี้ ถ้าไม่มีของในหลวงเราพูดอย่างนี้ สงสัยเขาด่าเต็มไปหมดแล้ว ใน Social Media คงด่าแหลกลาญหมด แต่นี่เขาไม่เท่าไหร่ เพราะเรามีของในหลวงมายืนยันไว้ เขาก็เลยไม่กล้าเท่าไหร่ ไม่เช่นนั้นเขาคงหมั่นไส้แล้วหมั่นไส้อีกพูดอยู่ได้อะไรของมัน เราพูดนี้เราก็ทำ ไม่ใช่เราไม่ประพฤติ เราพูดแล้วไม่ใช่เราไม่พิสูจน์ ก็พูดแล้วพิสูจน์ด้วย ถามจริงๆพวกเรามาเป็นคนจนแล้วทุกข์ยากหรือสุขสำราญเบิกบาน …ก็สุขสำราญเบิกบานใจ ไม่ได้แกล้งพูดกันด้วย
มันเป็นความรู้สึกจริง ก็ตัวใครก็ตัวใคร เป็นเจ้าของชีวิตก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ มาเป็นอย่างนี้คุณก็เลือกเองไม่มีใครมาบังคับหรือจ้าง บอกว่ามาเป็นอย่างนี้แหละ มาเป็นคนจนแล้วแจกจ่ายเจือจานคนอื่นนะ ตรงๆไม่มีอ้อมค้อมอะไรเลย ถึงบอกว่า ความคิดความเข้าใจ อย่างนี้น่ะ มันเป็นอจินไตย คนที่เขาไม่มีภูมิปัญญา ที่เข้าสู่ภพภูมิอย่างนี้ได้ คือภพภูมิโลกุตระ เหนือกว่าความคิดโลกีย์ปุถุชนคนโลกเขาจะนิยมชมชื่นism
ว่าโลกุตระism เขาก็มีแต่ โลกียะism จะต้องไปแย่งชิงเหน็ดเหนื่อยหนักหนา แต่นี่แม้เหน็ดเหนื่อยหนักหนา ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องมีของตัวของตนก็ได้ให้หมดตัวหมดตนโน่น แล้วความคิดความเข้าใจมีความยินดีเป็นอย่างนี้จริงหรือเปล่า และมันก็เป็นจริง มันทวนกระแส เกินกว่าคนที่โลกเขาคิด เดินหันหลังไปคนละทิศ แล้วเราก็พิสูจน์ยืนยันว่าเราสุขสบาย
เราสุขสบายนี้ ทำให้สังคมประเทศชาติสุขสบายเพราะเราด้วยนะ เพราะเราทำเราประพฤตินี้ไม่ได้ทำให้สังคมเดือดร้อน แต่ทำให้สังคมได้รับประโยชน์มีความอยู่เย็นเป็นสุขด้วยซ้ำไป เช่น ทุกคนมุ่งมาดเอาลาภเอายศใช่ไหมในแนวคิดโลกีย์ แต่เราไม่เอา เราบาย เรายกให้คุณไปแย่งกัน สังคมก็เบาขึ้น คนยื้อแย่งก็น้อยลง โดยเฉพาะพวกเรามีความสามารถจะไปยื้อแย่งไม่น้อยนะ มีประสิทธิภาพพอ ไม่ด้อยเท่าไหร่หรอก ยื้อได้แต่ก็ไม่ เพราะฉะนั้นจึงทำให้สังคมเศรษฐกิจไม่ถูกการแย่งชิงเพิ่มขึ้น นอกจากไม่แย่งชิงเพิ่มขึ้นแล้วยังให้สร้างสรรเพื่อจะให้เอาไปสะพัดช่วยสังคมประเทศชาติ นอกจากนั้นยังลึกซึ้งไปอีกว่า สร้างสรรอะไร ไม่สร้างสรรสิ่งที่เป็นพิษมอมเมา ไม่สร้างสรรสิ่งที่ไร้ค่า ไม่สร้างสรรสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ เลือกเฟ้น สิ่งที่เป็นประโยชน์สำคัญต่อชีวิต เช่น ปัจจัย 4 ไม่คิดโง่ๆ ที่จะไปสร้างสิ่งที่เป็นพิษภัย เช่น การสร้างอาวุธฆ่าคน เลวมาก เป็นพิษภัยต่อโลกต่อมนุษยชาติ เรารู้เราเข้าใจให้ตายอย่างไรก็ไม่ทำ จะให้ทำอาวุธไปฆ่าคนหรือป้องกันตัวก็แล้วแต่ไม่เอา อย่างนี้เป็นต้น
สื่อธรรมะพ่อครู(ศิลปะโลกุตระ) ตอน ศิลปะ 5 ขั้น
นอกนั้นคนที่สร้างอะไรขึ้นมามอมเมา สร้างแฟชั่นขึ้นมามอมเมาโลก บ้าๆบอๆ สร้างการละเล่น สูญเสียเวลาแรงงานทุนรอนเยอะแยะ แล้วได้อะไร? ได้อารมณ์ที่เป็น ขิฑฑาปโทสิกะ เป็นโทษของความหลงความรื่นเริงเอร็ดอร่อย ทางการแสดง การแฟชั่นสนุกสนาน แม้แต่เพลงการก็แล้วแต่ ถ้าจะทำพอสมควร เป็นแค่ amateur ก็เป็นบ้างนิดหน่อยๆ แต่นี่ไปทำเป็นอาชีพ สิ่งที่โดดเด่นประเทศจะต้องยกย่องเชิดชูเลย อาตมาว่ามันไม่มีความรู้ของศาสนาพุทธเลย ถ้ามีความรู้ของศาสนาพุทธจะไม่มายกย่องเชิดชูสิ่งที่เป็นอบายมุขพวกนี้ จัดจ้านมากมายเลย พูดไปแล้วเหมือนไอ้เข้ขวางคลอง คนขวางโลกสังคมประเทศชาติ ก็โลกเขาเป็นปุถุชน ไม่มีโลกุตรธรรม เขาไม่เข้าใจสิ่งที่ทวนกระแสนี้ มันจัดจ้านไปไกลมากเลย อาตมาเห็นคนเขาเล่นดนตรีทุกวันนี้ น่าสงสาร มันบ้าบอกันไปจน ไม่ต้องพูดเถอะ กระเหี้ยนกระหือรือ การกีฬาแฟชั่นแสดงให้มันโลดโผนอะไร เขาปรุงแต่งสร้างสรรให้ประหลาดพิสดารยิ่งใหญ่ Create กันอยู่ตลอดเวลา เขาไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้ควรพอควรจะเลิกไม่ควรจะทับถมอะไรกันไปมากมาย มันมีได้อย่างสุนทรียะ รสนิยมไม่จัดจ้านรู้จักขีดเขตพอสมควร
อาตมามี อารมณ์ศิลปินอารมณ์ศิลปะ ทางด้านวรรณกรรม เพลงการ อาตมามีความรู้ความเข้าใจ talent พวกนี้ยกตัวอย่างเพลง อาตมาแต่งเพลง เอาเพลงอาตมาเปรียบเทียบของเพลงทั่วไปทั้งโลกก็ได้ เขาไม่เข้าใจหรอกว่า เพลงของอาตมาคืออะไร ทำนองคิดว่าไม่ด้อยกว่าเขาทั่วไป แต่เนื้อหาสาระของคำร้องมันบอกสาระ ทำนองก็อาศัยเป็นกระษัย แต่เนื้อแท้ที่ไปใส่ในน้ำมันเป็นเนื้ออะไร เป็นแกงเห็ดโคนหรือเป็นแกงไก่แกงเผ็ดแกงมัสมั่นอะไร เนื้อมันมีลักษณะเนื้อที่จะส่อถึงสิ่งสำคัญที่จะเป็นสาระ เอาไปเทียบได้เลย เป็นเนื้อหาสาระ เพลงที่อาตมาแต่ง อาตมาแต่งไปประมาณ 100 กว่าเพลงเอง แล้วเนื้อหาสาระเพลงต่างๆ ที่อาตมาก็ทำอัลบัม แผ่นเสียงออกตลาด ก็ไม่มีใครนิยมชมชื่นเลย ไม่ฮือฮา ไม่ขึ้นบอร์ดอะไรกับเขาเลย ไม่ขึ้นชั้นกับเขาเลย อยู่ในเก๊ะ ไม่ขึ้น shelf ขึ้นชั้นเลย เขาจับยัดในเก๊ะหมด ดีไม่ดีเขาไว้ใต้ถุนโน่น
เป็นการทวนกระแสที่คนเข้าใจไม่ได้ อาตมามั่นใจว่า อาตมาไม่ได้ทำผิดอะไรทำสิ่งที่ เชิดชูสังคมให้ได้สำนึกให้ชัดเจนให้รู้เนื้อหาสาระของสิ่งที่ควรจะได้มีความรู้ความคิด บูรณะสังคม ให้มันเกิดผลเกิดอะไรไปในทิศทางที่ดี จะบอกว่ามีทำนองมีสำเนียงวรรณกรรมทางภาษา ก็มีความไพเราะมีความไพเราะทั้งภาษาทั้งการได้ยินเสียง ก็พอได้อยู่นะ อาตมาว่า นอกจากคนเขาไม่ติดไม่ยึดไม่ดูดดึง หากเพลงประโลมโลก ก็เป็นอย่างนั้น
อาตมาแต่ก่อนไม่มีธรรมะ เป็นฆราวาส ก็แต่งเพลงเชิงเพลงรัก ซึ่งอาตมาแบ่งจะเพลงหรือศิลปะก็แบ่งเป็น 5 ขั้น
-
ลามก
-
ราคะ
-
สาระ
-
ธรรมะ
-
โลกุตระ