610429_วิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ มาเป็นกสิกรแข็งขลังอย่างมีสัมประสิทธิ์
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://drive.google.com/open?id=1hzmwZNj0SHHpyvvEZJk-I70jg_Xy03QjdUfaBBXcSYw
ดาวโหลดเสียงที่.. https://drive.google.com/open?id=1yMTGilXm5OdGFW6DR20QAMcpBYfhqIdh
ดูยูทิวป์ได้ที่…https://www.youtube.com/watch?v=mRzmvgSGLc8
สมณะฟ้าไทว่า…วันนี้วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน 2561 ที่บวรราชธานีอโศก วันนี้มีเกษตรกรมาอบรม จะมีการบรรยายเรื่องศาสตร์พระราชาโดยพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ ศาสตร์พระราชานั้นมีแต่ในประเทศไทยเท่านั้น เพราะมีในหลวงร.9 ท่านพาทำให้มีเศรษฐกิจพอเพียง แบบคนจน ขาดทุนคือกำไร คนในโลกนี้จะมีใครที่รู้จักความจนเป็นสิ่งที่ดี ก็มีในหลวงร.9 ท่านตรัสว่า ความจนเป็นสิ่งที่ดี และก็มีพ่อครูนี่แหละที่บอก ความจนเป็นสิ่งที่ดี และพาพวกเรามาจน คนทั่วไปแม้จะจนแต่ใจก็อยากจะรวยแทบตาย แต่จนอย่างชาวอโศก แบบในหลวงพาทำนี่ เป็นความจนที่รู้จักจน รู้จักวิธีการจนที่ประเสริฐ จนอย่างสบายใจ จนอย่างอยู่เป็นสุขสำราญเบิกบานใจ ไม่ได้จนแบบทุกข์ทรมาน ตะเกียกตะกาย พ่อครูใช้คำว่า จนอย่างอุดมสมบูรณ์
ใครมาอยู่ด้วยนานวัน จะเห็นว่าสังคมคนจนที่ในหลวงพาทำและพ่อครูพาทำ นั้นน่าสนใจและน่าจะมาเป็น อยู่อย่างสุขสำราญเบิกบานใจ ต่างจากคนรวยที่อยู่อย่างทุกข์ทรมาน เรามาอยู่กับชาวอโศกนี้แสนสบาย วันๆหนึ่งไม่ต้องคิดเรื่องกินเรื่องอยู่ เขาทำอะไรมาให้ก็กินอย่างนั้น ค่าไฟ ค่าน้ำ ก็ไม่ได้คิด เรื่องโจรจะมาขโมยก็ไม่ได้คิด เรื่องความปลอดภัยก็ไม่ต้องคิด คิดเรื่องเดียวคือ คิดเรื่องลดกิเลส มันตัดเรื่องที่เป็นภาระคนโลกีย์เขาคิดและวุ่นวายออกไปมากมาย คนทุกวันนี้ทุกข์ทรมานเรื่องการใช้ชีวิตหรือความปลอดภัยในชีวิตกันมาก
เด็กศิษย์เก่าที่เขาพาลูกเขามา คนนี้ก็เป็นอาจารย์เป็นแม่เป็นญาตินี่ก็เป็นเพื่อนแม่ เด็กก็เลยไปกับเพื่อนหมด เด็กเขามีความสุขมาก แต่ถ้าอยู่ภายนอกจะไปไหนก็ต้องระมัดระวัง อยู่ในนี้ทุกอย่างเป็นญาติพี่น้องกันหมดปล่อยเด็กไปได้อย่างสบายใจ ได้อยู่ทำงานเสียสละให้แก่ส่วนรวม และได้ลดกิเลสไป จะมีใครพาทำได้นอกจากคนที่เป็นพระโพธิสัตว์ระดับสูงขนาดนี้
สื่อธรรมะพ่อครู(3 อาชีพกู้ชาติ) ตอน มาเป็นกสิกรแข็งขลังอย่างมีสัมประสิทธิ์
พ่อครูว่า…วันนี้เราจะมีกสิกรแข็งขลังเป็นกระดูกสันหลังของชาติมาร่วมกัน ก็จะได้บรรยายเรื่องศาสตร์พระราชา เพราะพระราชารัชกาลที่ 9 เป็นไอดอลเป็นตัวอย่าง ที่มีพระอุตสาหะวิริยะอย่างมาก แล้วก็ติดดิน เป็นผู้ที่ลงสู่พื้นไปทำงานกับประชาชน ชักชวนนำพาแนะนำสอนบอก ท่านก็บอกพอสมควร แต่ทรงปฏิบัติประพฤติเลย เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ก็ร้องไห้กันทั่วประเทศ คนไทยโอ้โห เสียดายและระลึกถึงพระองค์อย่างเต็มที่ เพราะซาบซึ้งในพระจริยวัตร ซาบซึ้งในพระทัย ซาบซึ้งจริงๆว่า พระองค์มีพระจริยวัตรมีพระเมตตาที่ทำเพื่อประชาชนจริงๆเลย อย่างสำคัญ
อาตมาได้พยายามบรรยายให้ฟังว่าเรื่องของจิต จิตวิญญาณที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้เป็นเรื่องลึกซึ้งมากเลย มันสะสมเลือกเฟ้น รู้จักดีจักชั่ว รู้ลึกถึงโลกุตระ
โลกุตระคือรู้จัก จิตเจตสิก รูปนิพพาน รู้จักอาการที่แยกละเอียดไป ทำหน้าที่ของมันแต่ละอย่าง เวทนา สัญญา สังขารก็ทำงานแยกกันไป แยกไปเป็นจิต ร้อยแปดพันประการ เป็นล้านๆอย่าง พระพุทธเจ้าก็เลยแยกแยะ เบื้องต้น ท่ามกลาง บั้นปลาย ให้ศึกษาจิตตนเอง และก็รู้จิตที่เป็นอกุศลจิตหรือจิตบาป จิตไม่ดี จะต้องกำจัด ศาสนาพุทธรู้จักตัวนี้รู้จักสภาวะอาการอย่างนั้น ที่จิตเราสามารถกำหนดรู้ชัดๆ และมีเครื่องมือ มีบุญ
คำว่าบุญคือเครื่องมือฆ่ากิเลสไม่ใช่กุศล อันนี้เป็นเรื่องผิดเพี้ยนไปจากศาสนาพุทธจนเข้าใจบุญคือกุศล บุญเป็นนักฆ่า คือพลังงานจิตที่ใครสามารถทำพลังงานจิตให้เกิดพลังงานที่เรียกว่า ปุญญะหรือบุญนี่ พลังงานนั้นเป็นไฟ อุณหธาตุ ไปกำจัด ไฟราคะ โทสะโมหะ ฆ่าราคะ โทสะ โมหะได้ สิ่งนี้เป็นความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าซึ่งยากมาก
เพราะฉะนั้น คนที่รู้จักวิธีลดกิเลสและกำจัดกิเลสได้จริง จึงหมดกิเลส หมดความเห็นแก่ตัว แล้วจะมีจิตที่ดี เป็นจิตที่เป็นกุศลเป็นจิตที่เป็นประเสริฐที่เห็นแก่คนอื่น เห็นแก่การทุกข์ร้อนของคน แล้วก็ไม่ดูดาย มีน้ำใจ อัชฌาศัยที่เจริญ ช่วยเขา ช่วยสอน ช่วยพาทำ ให้หลุดพ้นจากทุกข์อาริยสัจะ ทุกข์ที่สามารถเรียนรู้ตัวเหตุแห่งทุกข์ แล้วดับได้ในจิต ที่เรียกว่ากิเลสหรือโลภโกรธหลง สามารถกำจัดมันได้จริง หมดไปอย่างถาวรยั่งยืนที่สุด ได้ตอนตัวเป็นๆนี่แหละ มันยังไม่หมดในชาตินี้ก็จะได้ส่วนหนึ่ง มาชาติหน้ามาลดต่อไปอีก ชาติหน้าก็ลดต่อไปอีก เพราะการเกิดของจิตวิญญาณนี้ศาสนาพุทธสามารถเกิดการสืบต่อ เกิดแล้วเกิดอีกเกิดแล้วเกิดอีก ไม่มีจบเลยถ้าเผื่อว่าไม่หมดอวิชชา ไม่สามารถทำให้เหตุที่พาเกิดให้หมดไป ก็ต้องเกิดอย่างซ้ำซ้อนไป Reincarnation หรือ Rebirth มีการเวียนตายเวียนเกิด นับชาติไม่ถ้วน
ศาสนาอื่นที่ไม่ได้มีการเรียนรู้มีเหตุปัจจัยเวียนตายเวียนเกิด จนหยุดการเกิดได้ ไม่สามารถระงับการเกิดได้ การเกิดของจิตวิญญาณไม่สามารถระงับได้ แต่ของพระพุทธเจ้าสามารถระงับได้และหยุด โดยเฉพาะความเกิดที่ไปวนเวียน ไปวุ่นวาย มีพฤติกรรมอยู่กับอาการชั่วกรรมชั่ว พฤติการณ์ ความประพฤติที่ชั่ว หยุดได้เลย หยุดอย่างถาวร ไม่ต้องเกิดอีกตลอดกาล นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ)
สามารถทำให้คุณสมบัติของจิตมีคุณสมบัติพิเศษประเสริฐเลยอย่างนี้ได้จริงๆ เป็นคนมีคุณค่าความดีงาม ไม่มีความเสื่อม มีแต่ความเจริญประเสริฐแท้ๆ ก่อแต่ความดีงามแท้ๆเลย จึงเป็นสูตรเป็นทฤษฎีเป็นความรู้ขั้นสุดยอด ของมนุษยชาติของสังคมของโลก
ผู้ที่จะมาศึกษาธรรมะนี่แหละเป็นหัวใจ เป็นเรื่องของจิตวิญญาณเป็นหัวใจของจิตวิญญาณที่ถ้าทำได้แล้ว เราจะทำงานอาชีพอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นกสิกร ชาวไร่ชาวนาทำสวนอะไรก็ทำได้ จะเป็นงานอะไรก็ตามอาชีพอะไรก็ตาม ซื่อสัตย์สุจริตหมด
ทุกวันนี้งานที่โลกเขาฮือฮากันก็คือ งานการค้างานการหาเงิน ซึ่งผู้ที่เป็นโลกุตรชนมีโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้ามีภูมิปัญญา จะหยุดหาเงิน ไม่ทำอาชีพหาเงิน ยิ่งมีสังคมกลุ่มหมู่ที่เป็นสาธารณโภคี ชุมชนอยู่กันอย่างมีส่วนกลางสาธารณโภคี พึ่งกินพึ่งใช้ ตนเองเป็นคนมักน้อยสันโดษลงไปได้จริงๆ ยิ่งจะพิสูจน์ลงไปได้ซับซ้อนลึกซึ้งมาก
งานต่างๆนี่ งานที่เป็นเบื้องต้นของสัตว์โลก มนุษยชาติคืองานกสิกรรม เพราะว่า อาหารเป็นหนึ่งในโลก และอาหารนั้นคืออาหารที่เป็นพืชพันธุ์ธัญญาหาร แม้สัตว์ต่างๆมันไม่ใช่อาหารของคน คนประเสริฐรู้ดีว่าสัตว์ไม่ใช่อาหารที่ควรจะกินเลย ไม่ใช่อาหารเลย มันจะเป็นพิษภัยเป็นโทษในตัว ซ้อนสำคัญคือมีวิบาก สัตว์ทุกตัวมันรักชีวิตมันทั้งนั้น มันหวงแหนชีวิต ไม่ต้องการให้ใครมาทำลาย จึงมีวิบากมีอาฆาตพยาบาทมีการแก้แค้นอะไรต่างๆเป็นต้น เรื่องนี้เป็นพลังงานทางจิต ที่พระพุทธเจ้าแบ่งพลังงานออกเป็นนิยามชีวิต 5 อุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยาม กรรมนิยาม ธรรมนิยาม นิยามชีวิต 5 นี้เป็นความตรัสรู้อันสุดยอดของพระพุทธเจ้า อาตมาอธิบายยังไม่จุใจเท่าไหร่ มันวิเศษวิเสโส
ถ้าเข้าใจแล้วจะจัดการกับจิตของเราให้เป็นจิตที่ดี จิตที่ไม่ดีไม่เอาแล้ว ลักษณะนิยาม 5 ที่เป็นพลังงานที่เราจะต้องจัดการได้เองก็คือ ตั้งแต่พีชนิยาม อุตุนิยามจัดการตัวเองไม่ได้ พีชนิยามจัดการตัวเองได้พอสมควร และพีชนิยามนี้ไม่ไประรานทำร้าย เป็นพิษเป็นภัยต่ออื่นๆ ถ้าจะเอาก็เอาแต่อุตุนิยาม เอาแต่ธาตุดินน้ำไฟลม อากาศ เอาไปสังเคราะห์ใส่ตัวเอง
เรื่องของความเป็นสัตว์อื่น พืชไม่ไประรานแย่งชิงทำพิษภัยแก่สัตว์อื่นเลยนอกจากเขาไม่รู้ก็ไปกระทบ สัตว์เล็กแม้เซลล์เดียวไม่รู้ตัวมันก็หนีเองได้ สัตว์มันหนีได้ก็ไม่ให้ทำ ดีไม่ดีจะโต้ตอบ ต่อสู้ คุณสมบัติพวกนี้ อาตมาเรียนรู้ตามพระพุทธเจ้าก็เข้าใจและเห็นจริง เอามาอธิบายให้เข้าใจ เป็นเรื่องประเสริฐอาตมาเห็นว่าคนเป็นมนุษย์ไม่มีอะไรประเสริฐเท่ามาเรียนรู้สิ่งนี้ แล้วจะทำให้โลกทั้งโลกอยู่กันสุขสบาย อยู่กันดีทั้งพืชและสัตว์ ดินน้ำลมไฟ อยู่กันอย่างดีงามเป็นสุขสำราญ เป็นเรื่องสุดยอด อาตมามีความรู้ตามพระพุทธเจ้าพาทำ ทำมาหลายปี มาปางนี้ทำต่อ ก็อยากจะรู้ว่าพระพุทธเจ้าที่ท่านได้รู้ทั้งหมดเป็นได้ถึงขนาดไหนสุดยอดแล้วเป็นพระพุทธเจ้า อาตมาก็อยากจะเป็นอย่างนั้นบ้างก็เลยทำตามมา จนถึงปางนี้ ก็พูดไป ประกาศไปว่าเป็นพระโพธิสัตว์ ทำตามพระพุทธเจ้ามาจนถึงปางที่ 7 ก็มีคุณสมบัติระดับที่ 8 บ้าง แต่ก็ไม่ต้องไปพูดหรอก ทำจริงก็เป็นจริง จะเป็น 8 เมื่อไหร่ก็ไม่เป็นไรรู้ตัวก็สูงเสียแล้ว ยังไม่รู้ตัวก็ไม่เป็นไรเพราะคุณสมบัตินั้นเป็นจริงอยู่ที่เรามาเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นจริง
ที่เราจะต้องมุ่งไปสู่ทางกสิกรรมเพราะอาหารเป็นหนึ่งในโลก เรื่องของสัตว์ ปศุสัตว์ประมง พวกนี้ ไม่ใช่งานของมนุษย์ที่จะไปวุ่นวาย พระพุทธเจ้าก็ตรัสชัดว่าไม่ให้ไปเลี้ยงสัตว์ เพราะว่าสัตว์มันมีวิบากมีรักมีชังมีจองเวรจองกรรมได้ สัตว์มันเป็นเดรัจฉานไม่รู้เรื่องหรอกมันก็จองเวรจองกรรมลูกเดียว ทำดีมันก็หลงว่ารักมัน ทำชั่วกับมัน มันก็หลงอาฆาตพยาบาทแก้แค้น มันไม่รู้จักการลดอาฆาตพยาบาท ไม่รู้จักการลดละจิตที่รัก ที่ชัง แม้แต่คน ที่ไม่ได้ศึกษาการรู้จักการลดความรักความชังของตัวเองที่จะไปเชื่อมไปสัมพันธ์กันติดต่อและเป็นวิบากแก่กันและกัน คนที่ไม่ศึกษาก็ไม่รู้จักทำได้ …สัตว์ แน่นอน ก็ไม่ได้ นอกจากสัตว์ที่เป็นพระโพธิสัตว์ ก็ขอละไว้ก่อน
ความละเอียดลึกซึ้งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้จึงเป็นเรื่องยอดที่เราจะเอามาปฏิบัติธรรมกับตนเอง ได้จริงที่สุด จริง ทำได้แล้วก็อยากจะศึกษาต่อให้มีความสามารถมากขึ้นเป็นประโยชน์ต่อโลกมากขึ้นถึงขั้นจะเป็นพระพุทธเจ้าได้ เป็นผู้ที่มีประโยชน์ต่อโลกสูงสุดแล้ว เป็นโพธิสัตว์ก็ตามลำดับความเป็นจริง
แต่ถ้าเป็นอรหันต์แล้ว เป็นโพธิสัตว์ระดับ 4 สุดยอดแห่งความไม่ลึกลับในสัตว์โลกรู้จักสัตตาวาส 9 คือกิเลสที่เป็นความเป็นสัตว์ในตนเอง พระพุทธเจ้าสามารถทำให้มันหมดไปได้จริง ผู้ที่เป็นกสิกร เป็นผู้ที่มีประโยชน์คุณค่าต่อโลกมาก
กสิกรมีประโยชน์คุณค่าต่อมนุษย์ต่อโลกมากยิ่งกว่าอุตสาหกรรม เพราะคนต้องกินพืชพันธุ์ธัญญาหาร คนจะไปกินผลผลิตทางอุตสาหกรรม กินไม่ได้หรอก มันช่วยได้เป็นเครื่องใช้ไม่ใช่เครื่องกิน เป็นเครื่องอนุเคราะห์ช่วยเหลือให้เบาแรงที่สุดให้ทำอะไรดีขึ้นเท่านั้นเอง แต่ทางกสิกรรมนั้นเป็นการสร้างอาหารที่เป็นหนึ่งเป็นเรื่องต้น เป็นเรื่องพื้นๆของสัตว์โลก
คนเราเกิดแล้วเกิดอีกวนเวียน Rebirth Reincarnation จะกี่รอบก็ไม่เป็นไร ถ้าชัดเจนว่าตัวเองไม่ไปสร้างวิบากที่เพิ่มขึ้น ให้มันหมดวิบากไปเรื่อยๆจนหมด ซึ่งมันไม่ได้หมดง่ายๆหรอกวิบาก ขนาดเป็นพระพุทธเจ้าแล้วก็ยังไม่หมดเลยวิบากที่ไม่ดี ยังเหลือเศษแต่ก็เหลือน้อยลงเบาลงมากแล้ว ต้องทุกข์ต้องลำบาก อยากจะดื่มน้ำ ให้พระอานนท์ไปตักน้ำให้ดื่ม ก็เกิดวิบากพวกฝูงปศุสัตว์เดินผ่านแม่น้ำไป น้ำขุ่นเอามากินไม่ได้ พระพุทธเจ้าระลึกชาติได้ในวิบากเก่า แม้กระทั่งที่ท่านบอกว่า ปวดหัว ก็เกิดจากวิบากเก่า ท่านไปยินดีกับคนที่เขาจับปลาได้ปลามามาก แต่ไปยินดีที่ชอบประมงเขาจับสัตว์มาได้มาก เป็นวิบากที่ข้ามชาติมาแม้กระทั่งเป็นพระพุทธเจ้าแล้วก็ยังปวดหัวได้
-
ผู้นั้นกล่าวอย่างนี้ว่า “ท่านทั้งหลายจงไปนำสัตว์ชื่อโน้นมา” (อุทิศ, อุททิสสะ คือ เจาะจงมุ่งหมายไปที่สัตว์ชื่อนั้น)
-
สัตว์นั้นเมื่อถูกเขาผูกคอนำมา ย่อมได้เสวยทุกข์โทมนัส
-
ผู้นั้นพูดอย่างนี้ว่า “ท่านทั้งหลายจงไปฆ่าสัตว์นี้”
-
สัตว์นั้น เมื่อกำลังถูกเขาฆ่าย่อมเสวยทุกข์โทมนัส
-
ผู้นั้นยังตถาคตและสาวกตถาคต ให้ยินดีไปด้วยเนื้อ ย่อมประสพบาปมิใช่บุญเป็นอันมาก (ตถาคตํ วา ตถาคตสาวกํ วา อุทฺทิสฺส ปาณํ อารภติ โส อิเมหิ ปญฺจหิ ฐาเนหิ พหุง อปุญฺญํ ปสวตีติ)
ชีวกสูตร ล.13 ข.60
เป็นบาปซ้ำซ้อน ไม่รู้กี่ชั้น เนื้อสัตว์อาหารเนื้อสัตว์เป็นอกัปปิยะ คือของไม่ควร ไม่ควรทำอย่างนั้นคิดอย่างนั้น มันเป็นมิจฉาทิฐิ
อาตมาศึกษาตามพระพุทธเจ้ามาชัดเจนมีความปรารถนาดีจริงใจว่าอย่าไปก่อวิบากเรานี้เพิ่มเติมเลย วิบากเราก็มากอยู่แล้ว อย่าทำทุกข์ทับถมตน จะไปสร้างทุกข์เพิ่ม
กสิกร จึงเป็นคุณค่าประโยชน์มากกว่า อุตสาหกร
กสิกรคือ ผู้ผลิตเครื่องกินพืชพันธุ์ธัญญาหาร เป็นผู้ที่มีคุณค่าประโยชน์ มีกุศลสูงที่สุด บอกได้ว่า ผู้ที่ทำคุณค่าให้แก่ประโยชน์ต่อโลก มีกสิกร จะเป็นผู้ที่สร้างกุศลให้แก่ตัวเองได้สูง รองจากผู้สอนธรรมะ ผู้สอนธรรมะก็ต้องเป็นด้วยเป็นกสิกร เมื่อมีเวลา ผู้ที่เป็นกสิกรอย่าไปสำคัญตนว่าเป็นคนชั้นต่ำ แต่เป็นคนชั้นสูงรองจากผู้ที่สอนธรรมะอีก รองจากผู้ที่เผยแพร่ธรรมะอีกเท่านั้น
ผู้ที่จะมาเก่งทางอุตสาหกรรมอะไรต่ออะไรที่เป็นเครื่องใช้ก็ตาม สร้างเครื่องมือเครื่องใช้ก็ไม่สำคัญเท่ากับเครื่องกิน เครื่องใช้ถ้าไม่ใช้ก็ยังไม่ตายแต่ถ้ากินนี้ไม่มีของกินก็ตาย มันสูงกว่ากัน ท่านทำงานเหล่านี้ไปเถิด ไม่มีใครมาลงบัญชี แต่สัจจะน่ะลงบัญชีไว้ว่าเราเป็นคุณค่าประโยชน์ต่อมนุษย์ เพราะเราสร้างอาหารให้มนุษย์กิน ให้มนุษย์กินก่อนถึงไปให้สัตว์กิน หรือใครจะเสียสละให้สัตว์กินก่อนแล้วเราตาย
กสิกรทุกคน ชาวไร่ชาวนาชาวสวนศึกษาแต่เพียงว่าอย่าให้มันเป็นพิษ
1.การเอาสารพิษสารเคมีไปใส่
2.อย่าทำสิ่งของมึนเมาให้คนไปติดยึด โดยเฉพาะการปรุงแต่ง แต่ถ้าเนื้อของมันจะเป็นรสชาติ จะเป็นเม็ดเป็นเปลือกเป็นเนื้อ มันเป็นธรรมชาติของมันเป็นสิ่งที่ไม่เป็นพิษ แล้วก็ไม่ไปมอมเมาอะไรกับใคร หากไม่เป็นพิษก็ใช้ได้ มันจะสวยงามจะดี หรือมีอะไรเลิศยอด ก็ตาม คนก็เอามาอาศัยเลี้ยงชีวิตได้
เมืองไทยเป็นเมืองกสิกรรมอยู่ในเส้นศูนย์สูตรอบอุ่น หน้าแล้งหน้าหนาวหน้าฝนอะไรก็เหมาะสมต่อการเพาะปลูก
ทำผลผลิตให้เป็นประโยชน์ต่อโลกมากเลย เพราะคนทั้งโลกต้องกิน คนขั้วโลกเหนือขั้วโลกใต้ก็กิน ตะวันออกกลางร้อนจัดก็กิน ที่ไหนปลูกไม่ได้ เช่น มีแต่ทะเลทราย ขั้วโลกเหนือขั้วโลกใต้มีแต่น้ำแข็งก็ปลูกไม่ได้ ยิ่งจะต้องช่วยเขา เพราะเขากินเนื้อสัตว์ซึ่งไม่ใช่อาหารของคน อายุพวกเขาจึงสั้นสูงสุดไม่ถึง 40 ปี อายุไม่ยืนยาวหรอก แต่พวกฮุนซาพวกที่อยู่กับต้นหมากรากไม้คนก็อายุยืนยาว แค่นี้เป็นเรื่องชี้บ่งว่า พืชพันธุ์ธัญญาหารเป็นอาหารของคน สัตว์ไม่ใช่อาหารของคน
คนแบ่งเป็นหลายแบบ กินแต่พืช กินแต่เนื้อสัตว์ กินทั้งพืชทั้งเนื้อสัตว์
คนที่ไม่กินเนื้อสัตว์เลยกินแต่พืชมีอายุยืนยาวกว่าพิสูจน์ได้เลย อย่างลีชิงยุน อายุ 256 ปี ถึงตาย การทำปศุสัตว์ประมงเป็นเรื่องทำวิบากให้แก่ตัวเอง คนเลี้ยงสัตว์เอาเนื้อสัตว์มาขายมาให้คนกิน พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในมิจฉาวณิชชา 5 ว่าเป็นมิจฉาเป็นความผิด
มิจฉาวณิชชา 5
-
การค้าขายอาวุธ (สัตถวณิชชา)
-
การค้าขายสัตว์มีชีวิต (สัตตวณิชชา)
-
การค้าขายเนื้อสัตว์ (มังสวณิชชา)
-
การค้าขายสิ่งมอมเมา (มัชชวณิชชา)
-
การค้าขายสิ่งที่เป็นพิษ (วีสวณิชชา)
(พตปฎ. เล่ม 22 ข้อ 177)
ชีวิตของอาตมารู้ว่าตนเองอายุ 72 ปีก็จะตาย แต่อาตมาใช้ การสร้างพลังงานสัมประสิทธิ์ให้อายุยืนยาวขึ้นมาได้ สมัยพระพุทธเจ้าคนอายุยืนยาวเป็นร้อยปีได้เป็นปกติ สงฆ์สาวกพระพุทธเจ้ามีอายุ 120 ปีถึงจะตายก็มีเยอะ อย่างอาตมานี่ เรียนรู้พลังงานสัมประสิทธิ์ สามารถที่จะทำให้เกิดค่าของพลังงานช่วยเสริมพลังงานที่จะมาต่ออายุขัย ต่อให้เกิดสรีระ ไม่ให้ทรุดให้เสื่อม เกิดความสดชื่นก้าวหน้า มีพลังงานเสริมซ้อนทำให้ตัวเราอายุขัยไปได้ อาตมาก็ทำ เลย 72 มา จะเต็ม 84 ปีในวันที่ 5 มิถุนายนนี้ก็รอดูอาตมาอายุยืนยาวต่อไป ถ้าแข็งแรงขึ้นหนุ่มขึ้นกว่าเก่าอีก จะเป็นอย่างไร ก็ตามพิสูจน์ ไม่ได้ท้าทายแต่ให้พิสูจน์ความจริง พิสูจน์แล้วจะได้นำมาเสนอพวกเราให้ทำกัน อายุยืนยาวและให้แข็งแรงดีด้วยนะไม่ใช่ยืนยาวแล้วเป็นโรคภัยไม่แข็งแรง อาตมามีแต่โรคที่ไอ แต่ไม่เจ็บคออะไรมีแต่เหนื่อยเวลาไอมากๆเท่านั้น
ถ้าหากอาตมาต่ออายุไปถึง สามเส้า ของสามเส้า 36 + 36 + 36 ก็เป็น 108 อาตมาว่าจะต่อไปอีกสามเส้าเป็น 144 ปี ทีนี้จะเกิดโมเมนตั้มอีก 7 ปี ชะลอไป 151 ปี จบ พยายามทำให้เกิดปรากฏการณ์นี้โดยเอาตัวเองเป็นตัวทดลอง เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่า ทำได้จริงๆ
เป็นวิทยาศาสตร์ทางจิตวิญญาณอาตมาจึงตั้งใจเต็มใจพากเพียรพิสูจน์ อย่างวิบากที่ทำให้ไอนี้ จะทำให้เสียชีวิตก่อนหรือเปล่ามันก็ไม่มีพิษภัย แต่เตี่ยอาตมานี้เป็นโรคหอบหืดตาย มันอาจจะเชื่อมต่อมาหรือเปล่า บางอย่างอาตมาไม่รู้รายละเอียดในวิบาก อาตมาก็เลย ลองพิสูจน์ความจริงเท่าที่เราพอจะทำได้ เท่าที่พอจะรู้ได้
พูดสิ่งที่เป็นจริงและเป็นสิ่งที่ดีให้ฟัง สายโพธิสัตว์นี้ไม่ใช่เป็นโทษกับใคร บางทีพูดตำหนิเหมือนด่า แต่ก็ด้วยความปรารถนาดีพยายามบอกความจริง ให้ทุกคนได้ศึกษาให้ดีและปฏิบัติตามก็จะได้ความดีนี้ด้วย ไปตามลำดับๆ เป็นเรื่องดีของตนเองของสังคมมนุษยชาติ
ขอเข้ามาสู่ความเป็นกสิกร
กสิกรที่มาอบรม ก็พยายามศึกษา ธรรมะพระพุทธเจ้าเป็นสิ่งที่ทำให้เราเจริญ เจริญทางเศรษฐศาสตร์ ทางสังคม ทางงานการต่างๆ ทางความรู้รอบในเรื่องนอกเรื่องใน ละเอียดลออแยกเป็นรูปเป็นนาม สุดยอดแล้วในการศึกษา ไม่มีอะไรสุดยอดกว่าการศึกษาที่พระพุทธเจ้าได้ค้นพบ และไม่ใช่ว่าท่านได้มาจากอะไรอย่างอื่นหรือส่งมาจากไหนๆอวกาศไหน ไม่ใช่ แต่ท่านศึกษาด้วยตัวเองแล้วได้สูตรนี้มาเอง พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ดำเนินตามรอยพระพุทธเจ้าองค์ก่อนแล้วก็มาทำเอง ทำเหตุให้ถูกต้องผลก็จะถูกต้องหมด
ผู้ใดรู้เหตุอย่างดีแล้วสัมมาแล้ว ไม่ต้องไปคิดถึงผล ถ้าแน่ใจว่า เหตุนี้ถูกต้องสัมมาทิฏฐิแล้วก็ทำให้เต็มที่ ผลมันก็เกิดเองยับยั้งอย่างไรก็ไม่อยู่ถ้าเราทำถูกต้องในตัวเหตุปัจจัย มันเกิดผลอย่างนี้
ที่ว่าสร้างเหตุแล้วเกิดผล อาตมาก็พาทำ ทำเหตุตั้งแต่อาตมาแนะนำ
1.ทำเป็นตัวอย่างประพฤติเป็นตัวอย่าง อย่างอาตมาทำสัมประสิทธิ์ เพื่อให้ขยายอายุขัย เสียดายที่จิ๋นซีฮ่องเต้ตามหายาขยายอายุขัย
ผู้ที่ศึกษาพลังงานจิตสร้างพลังงานจิตมีได้จะเป็นจริง อาตมาแน่ใจว่าอาตมาต่ออายุไขได้ และเข้าใจสภาพหมุนรอบเชิงซ้อน เมื่อเวลาหมุนรอบ จาก 72 มา 84 การจะออกจากรอบนี้ต้องใช้พลังงานที่แรง เป็นพลังงานที่ออกจากโลกไปนอกโลก มันต้องเป็นพลังงานสำคัญ พลังงานจะออกไปนี้ต้องแรง แรงขนาดอาตมามีตามบารมีไม่หนักหนาเกินไป
ทุกรอบที่จะออกจากวงวน จาก 3 มาเป็น 4 จาก 6 มาเป็น 7 จาก 9 มาเป็น 10 ทุกรอบต้องใช้แรงพลังงานต้องออกจากแรงดึงดูดของโลก ที่เป็นวงวน หากมีความสมดุลอยู่ในนี้มันก็ไม่ออกไปไหน เหมือนพวกเราอยู่ในโลกนี้ก็ไม่ออกไปไหน แต่ถ้าจะออกไป ต้องสร้างพลังงานพิเศษเพื่อออกจากโลกให้ได้
-
องศาของพลังงานต้องตรงที่สุด 2. พลังงานต้องเหนือจากพลังงานโลก ถ้าองศาไม่ได้ก็เสีย
โลกทางวัตถุทำได้แล้ว เขาจะพยายามไปให้ไกลถึงดาวอังคาร ก็ต้องแหวกพลังงานที่จะออกไปนอกโลก มันมีหลายชั้น เขาก็พยายามอยู่ อาตมาว่าให้เขาพยายามไปอาตมาไม่เอาด้วยหรอก เมื่อย อาตมาพาทำให้ผู้คนทำได้ อันโน้นจะบ้าไปเป็น Star Wars ออกไปรบกันนอกโลกสร้างดาวเทียม ฟุ้งซ่านไป อาตมาว่า จะไปฟุ้งซ่านอะไรได้ขนาดนั้น แต่ก็ห้ามเขาไม่ได้ เขาต้องทำไปตามประสาที่เขาเห็นว่า มันเขี้ยว
ไอน์สไตน์เป็นตัวจุดพลังงานให้เขารู้จัก E= mc2
อาตมาต่อสูตร c ตัวจิตนี้ สามารถทำให้เกิดการต่อได้ ถ้าเราจะไม่จบ เป็นตัวสัมประสิทธิ์เป็นค่าพลังงานของจิต สัมประสิทธิ์ที่เป็นแบบวัตถุเป็นทางโลกก็มี ไอน์สไตน์คิดได้แต่นี่เป็นนามธรรม ถึงขั้นจิตวิญญาณไม่ใช่เรื่องเพ้อเจ้อเป็นเรื่องจริง พิสูจน์ได้ อาตมาจึงพยายามที่สุดเท่าที่จะไปได้ พวกเราก็ค่อยๆเห็นอาตมาพยายาม ติดตาม จาก 84 แล้วไป 90 ก็แค่ 6 ปีก็จะได้ฉลองกัน ถ้าเป็น 96 ทีนี้ ฉลองอีกเพื่อจะให้มันออกจาก 96 ให้ได้ ให้กำลังใจ เกิน 96 เป็น 97 ไป พ้น 97 จะฉลุยออกไปอีก มันก็จะได้ต่อไปอีก ไปถึง 108 120 132 144 อาตมาอธิบายยังไม่เก่ง
สิ่งที่สำคัญของศาสนาพุทธคือ Reincarnation หรือ Rebirth การเกิดแล้วตาย คนอวิชชาจะสร้างสันดานให้ทุกข์ชั่ว สันดานสะสมอกุศล บารมีสั่งสมกุศล มันมี 2 ทิศทางอย่างนี้
ผู้ที่จะจัดการแก้ไขกำจัดสันดาน จึงต้องใช้บุญ กำจัดสันดาน กำจัดแล้วก็เกิด บารมี หรือปารมี สะสม ปารมะ ขยายจาก บรม นี่แหละ ยืดมาเป็น อะ อา แล้วเติม ม คือตัวจิต เข้าไป อะ อา อิ อี นัยของพยัญชนะสระพวกนี้ขออธิบายไว้นิดหน่อย
มามองถึงเหตุการณ์ในปัจจุบัน
มีคนชื่อไร้พรหมแดน มองเหตุการณ์กรณีแจ็คหม่าสรุปไว้ สรุปจากหนังสือแจ็คหม่าพญามังกรแห่งอาณาจักร Alibaba
-
แสดงความรับผิดชอบต่อสังคมโดยยึดหลักการ อันดับแรกสอบถามความต้องการการช่วยเหลือของคนในพื้นที่ก่อน อันดับ 2 อย่าสร้างภาพ อันดับ 3 อย่ารบกวนฝ่ายบริหารท้องถิ่น
- มีความจริงใจให้พนักงานอุทิศตนให้ลูกค้าด้วยความจริงใจ
- ส่งเสริมอารยธรรมการค้าใหม่ใช้หลักเปิดเผยโปร่งใสแบ่งปันและรับผิดชอบเราเชื่อว่าการลงทุนในอนาคตจะมี 4 อย่างนี้เป็นข้อแตกต่างทั้งระหว่างประเทศและองค์กร เราสนับสนุนองค์กรที่มีความซื่อตรงโปร่งใสแบ่งปันและรับผิดชอบอย่างเต็มที่
- สนใจปัญหาที่กำลังเกิดทั่วโลกคือสิ่งแวดล้อมดังคำปราศรัยเมื่อปี 2013 ว่าเพราะสังคมโดยรวมของเราขาดภูมิคุ้มกันที่ชื่อศรัทธาคือความกตัญญูรู้คุณและเคารพนับถือ มันส่งผลต่อความคิดเรา เมื่อความคิดเปลี่ยนรูปแบบก็เปลี่ยน ระบบนิเวศก็ย่อมเปลี่ยนตามไปด้วย
- อย่ากล่าวโทษผู้อื่นและกล่าวโทษระบบ คนเช่นนี้ส่วนใหญ่เป็นพวกขี้แพ้ทั้งนั้น ขณะที่คนกล่าวโทษตัวเองมักประสบความสำเร็จอย่างยิ่งเพราะมีโอกาสในการพัฒนามากกว่า เห็นจุดบกพร่องตนเอง
- ทำงานให้มีความสุขเป็นวัฒนธรรม Alibaba เขาไม่ชอบคนไร้อุดมการณ์และขาดความกระตือรือร้น เขากล่าวว่าคนไม่ขยันไม่น่าจะมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่คนไม่เข้าใจความหมายแห่งชีวิตก็ทำงานได้ไม่ดีเช่นกัน
- เอาใจเขามาใส่ใจเรา จงวางตัวเองในตำแหน่งลูกค้าและพนักงานเพราะทำให้เราเข้าใจหลายอย่างได้ง่ายๆเมื่อทำเช่นนั้น