♦ขอโอกาสเล่าสู่กันฟังโดยย่อนะคะ
เช้าวันที่ 1 พฤษภาคม 2561 ได้มีโอกาสรู้จักมิสเตอร์เปรม(เป็นชาวออสเตรเลีย)บนรถโดยสารสองแถวหน้าสถานีรถไฟเมืองอุบล ระหว่างนั่งรถสังเกตุเห็นเขาดูแผนที่เป็นระยะๆจึงเอ่ยถามเขาว่าต้องการความช่วยเหลือไหม เขาตอบว่ามาอุบลเป็นครั้งแรกต้องการหาที่พัก จึงได้แนะนำที่พักไม่ไกลอุทยานบุญนิยมพร้อมกับชวนแวะลงทานข้าวที่อุทยานฯ เขาตอบรับด้วยความยินดี ระหว่างทานอาหารก็ได้พูดคุยกันและได้ชวนเขาไปบ้านราช แต่เขาเพียงขอชื่อและเบอร์โทรไว้
•
จากคำบอกเล่า:
ชื่อ“Prem“ เป็นชื่อที่อาจารย์สอนนั่งสมาธิ(หลับตา)ชาวอินเดียตั้งให้
เขาเคยไปอยู่ที่อินเดียหลายเดือน!!!
•
วันรุ่งขึ้น 2 พฤษภาคม ในตอนเช้าเขาได้แวะไปทานอาหารที่อุทยานอีกครั้งหนึ่งและได้เล่าว่าอาหารมังสวิรัติที่นี่ทานแล้วสบายท้อง เบาสบายตัวดีมาก จึงเกิดความคิดว่าจะต้องมาให้ได้เห็นได้รู้ว่าชาวอโศกปลูกพืชผัก/อยู่กิน/ใช้วิถีชีวิตกันอย่างไร/ยังไง
…ที่อุทยานฯมิสเตอร์เปรมถามหาข้าพเจ้า พี่แพงพรได้ยินจึงมีจิตอาสาพาเขาเข้ามาในบ้านราช(และพาส่งกลับอุทยานด้วย) ถึงบ้านราชพี่แพงพรก็ชวนเขาทานข้าวที่เฮือนหยังกิน ระหว่างนั้นพี่แพงพรก็ปลีกตัวมาตามข้าพเจ้าที่บ้าน(บ้านตั้งอยู่เฟส1/1 ริมบุ่ง/ริมมูน) ขณะนั้นข้าพเจ้ากำลังย้าย-แนวเขตบ้านซึ่งใช้ท่อซีเมนต์วางเป็นแนวรั้วไว้…
เมื่อได้ทราบเรื่องราวจากพี่แพงพร เราทั้งสองคนจึงทำหน้าที่พาเขาชมแผ่นดินพุทธโดยใช้รถของพี่แพงพรเป็นพาหนะพาไปจนถึงเฮือนสุดชีวิต…. ได้ขึ้นไปผาแหงนจนถึงชั้นบนสุดด้วยค่ะ … เขาให้น้ำหนักความสนใจในกสิกรรมไร้สารเคมี…
ระหว่างชมบ้านราชฯ มิสเตอร์เปรมอุทาน Oh! WoW! หลายครั้งเมื่อได้เห็น Land of Buddha เขากล่าวว่างามอะไรเช่นนี้ เขารู้สึกอิสระเสรีและสัมผัสได้ถึงคำว่า”แผ่นดินพุทธ” เขากล่าวอีกว่า ไปที่ไหนๆมาก็งดงามไม่เท่าที่นี่และก็ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะมีกลุ่มคนดีมีธรรมะในสถานที่ดีงามเข่นนี้อยู่ในประเทศไทย !!!
“วันนี้เป็นวันเซอร์ไพรส์สำหรับฉัน ฉันมีความสุขมาก” มิสเตอร์เปรมกล่าวย้ำก่อนลาจากกัน
? แผ่นดินพุทธของพระโพธิสัตว์ผู้เปี่ยมประเสริฐด้วยความเมตตาสร้างไว้เพื่อมวลมนุษยขาติเพื่อสืบสานพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืนสืบไป ?
ได้แนบเฟสบุ๊คของมิสเตอร์เปรมมาด้วยแล้วค่ะ
… แหม่ม…สวิส
Mr.Prem ได้ถามว่าใครเป็นผู้สร้างสถานที่แห่งนี้?
จึงตอบไปตามความย่อหน้าสุดท้ายของเนื้อหาในเรื่องเล่าค่ะ
?
สื่อธรรมะพ่อครู(เศรษฐศาสตร์บุญนิยม) ตอน แดนศิวิไลซ์อยู่ที่ชุมชนชาวอโศก
ยกตัวอย่างพวกเราชาวอโศก สมาชิกประชากรชาวอโศกทุกคนเป็นคนมีคุณค่า ทุกคนทำงานทำหน้าที่ ไม่เอาค่าแรงงาน ไม่เอามาเป็นของๆตน เพราะว่าอโศกนี้ทำได้สมบูรณ์สูงสุด ถึงขั้นเป็นเศรษฐศาสตร์หรือเศรษฐกิจระดับสาธารณโภคี ทำแล้วประชาชนทำงานอะไรก็แล้วแต่ หรือแม้แต่ใช้แรงงาน ทุกอย่างให้ส่วนกลางหมด เสียภาษีร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งไม่มีที่ไหนทำได้ ประเทศไหนโลกไหน ก็ทำไม่ได้อย่างอโศกที่เอาของพระพุทธเจ้ามาทำ จนเกิดผลจริงเป็นปรากฏการณ์จริงอยู่ในสังคมโลก เป็นปาตุสัจจะ เป็น ฟีโนมีนอนของจริงยืนยันอยู่ในโลก
ถ้าหากประเทศไหนในโลกเข้าใจความจริงนี้ได้ นี่คือตัวอย่างของประชาธิปไตยสูงสุด สูงกว่าคอมมิวนิสต์ สูงกว่าประชาธิปไตยในประเทศใดๆ คอมมิวนิสต์ก็อยากจะได้ภาษีจากประชาชนให้มากที่สุด ด้วยเขาอยากให้ประชาชน เท่าเทียมกัน เท่าเทียมกันตรงไหน คือประชาชนมาจน ทุกอย่างเป็นของรัฐให้มาก มากจน อย่างที่ศาสนาพุทธเป็นสาธารณโภคี อย่างอโศกเรามาทำ เป็นของส่วนกลางหมด นี่คือสุดยอดของเจตนารมณ์คือความต้องการ ของลัทธิในการบริหาร แนวคิดของ Karl Marx ก็ตาม แม้แต่เป็นฝันเฟื่องอย่าง Thomas More ก็เหมือนกัน เพราะฉะนั้นจงรู้ไว้เถิดว่าชาวอโศกนี้ ทำความจริงที่ Thomas More ต้องการ ที่เรียกว่า ยูโทเปีย ทำอย่างที่ Karl Marx ต้องการ ได้สมใจ แม้แต่ เหมาเจ๋อตุงต้องการ ทำได้งามกว่าเหมาเจ๋อตุง เพราะไม่มีความรุนแรง เหมาเจ๋อตุงฆ่าคนเยอะมาก เพราะฉะนั้น จึงเป็นคอมมูนที่ไม่สูงส่ง ต้องใช้ความรุนแรงต้องฆ่า แต่ของพระพุทธเจ้านี้ ในยุคนี้ที่อาตมามาใช้ได้คอมมูนสุดยอด ซึ่งเป็นเรื่องยิ่งใหญ่มาก ถ้าใครเข้าใจระบบของพระพุทธเจ้า ที่อาตมาเอามาทำขึ้น จนเกิดมนุษย์ตัวอย่างสังคมตัวอย่าง เกิดเป็นหมู่บ้าน ก็ได้หมู่บ้านทางนิตินัย แม้ไม่เป็นนิตินัย อย่างเช่นปฐมอโศก ไม่ได้รับรองเป็นนิตินัย ไม่เหมือนศีรษะอโศก ราชธานีอโศก มีวัฒนธรรมสังคมความเป็นอยู่ มีการบริหารกัน ตามความเข้าใจที่ถ่ายทอดทฤษฎีพระพุทธเจ้ามาใช้ สำเร็จผล อยู่กันอย่างนี้
ธรรมะของพระพุทธเจ้ากับการเมืองโดยเฉพาะคำว่าประชาธิปไตยนั้นอันเดียวกัน ของพระพุทธเจ้าสุดยอด พูดไปแล้วก็ต้องบอกว่าของอโศกนี่แหละสุดยอด เป็นประชาธิปไตยที่สุดยอด เพราะว่าเหนือกว่าคอมมิวนิสต์ประชาธิปไตย เสียภาษีร้อยเปอร์เซ็นต์ ทุกวันนี้ประกาศว่า พวกเรานี้เป็นคนจนที่สุขสำราญเบิกบานใจ ศาสนาพระพุทธเจ้านั้น ไม่ได้สอนให้คนไปรวย ก็คนรวยแย่งกันรวยนั้นมันไม่สงบ และคนอวดดีว่าจะพยายามสร้างเศรษฐกิจให้คนรวยทั้งประเทศ ไม่ให้มีคนจน ขี้ฟันหลุดออกมาเป็นกองๆ โม้ขี้ฟันร่วง มันเป็นไปได้อย่างไรจะไม่ให้มีคนจน
ที่เขาบอกว่าประชาธิปไตยดีสุดคืออเมริกา แล้วอเมริกาไม่มีคนจนเหรอ เป็นเรื่องโม้ เราทำเป็นตัวอย่างสำเร็จ สังคมชาวอโศก ต้องเข้าใจคำว่าคนจน ความจน ในสังคมนั้น ถ้าบริหารเศรษฐศาสตร์หรือเศรษฐกิจให้เข้าใจคนจน ให้เข้าใจความจนแล้วมาเป็นคนจนอันยิ่งใหญ่ อย่างนี้จบเศรษฐศาสตร์ จบการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ชาวอโศกหมดปัญหาเศรษฐกิจ ผู้ที่จบปริญญาเอกทางเศรษฐศาสตร์ ทางรัฐศาสตร์ น่าจะมาดูตัวอย่างมาดูงานชาวอโศก ขออภัยวันนี้ ประกาศใหญ่จังเลยต้องขออภัยจริงๆ อธิบายสัจธรรมธรรมะวิชาการ ไม่ได้อวดตัวตนอะไร อาตมาทำงาน จะ 50 ปีแล้วจนมีผลงานสำเร็จแล้ว ก็เอามายืนยันเท่านั้นไม่ได้อวดตัวตนอะไร ยืนยันอย่างเอหิปัสสิโก เชิญมาดูได้ เชิญมาพิสูจน์ได้ ว่าที่พูดนี้ถูกต้องตามพระพุทธเจ้าสอน ไม่ได้คุยโม้โอ้อวดอ้างโดยไม่มีของจริง แต่มีของจริงเป็นจริง อยู่กันอย่างอุดมสมบูรณ์ในความเป็นอยู่ กินอยู่หลับนอนอุดมสมบูรณ์ ไม่มีการแย่งชิงปล้นจี้ ทำร้ายทำลาย มีแต่การเกื้อกูลช่วยเหลืออุ้มชูกัน อบอุ่นเป็นที่สุด บรรลุผลสำเร็จทั้งรัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ก็สมบูรณ์ อาตมาตายไปวินาทีนี้ก็ไม่มีปัญหา เพราะอาตมาทำงานสำเร็จผลแล้ว
เราเข้าใจและปฏิบัติกันจริง เอาชีวิตมารวมกันอยู่เป็นสังคม จนเป็นหมู่บ้านตำบลจังหวัด ก็คือมวลมนุษย์ที่เป็นชุมชน ที่อยู่กันอย่างระบบอย่างนี้ บ้านส่วนตัวก็มีบ้าง แต่ก็ไม่ได้ยึดมั่นถือมั่น เป็นตัวกูของกู จนกระทั่งพึ่งพากันไม่ได้ ตัวใครตัวมัน ทุกวันนี้ประชาธิปไตย ข้างนอกบ้านกูอะไรของกูใครอย่าแตะ หวงแหนเป็นของตัวของตนอย่างกับอะไรดี มันอยู่กันอย่างตัวใครตัวมัน มันไม่ได้เป็นสังคมที่อยู่กันอย่างอบอุ่น
พระเจ้าแผ่นดินไทยรัชกาลที่ 9 เป็นนักประชาธิปไตยยอดเยี่ยม เป็นพระโพธิสัตว์ ท่านตรัสทุกคำเป็นภาษาของโลกุตระทั้งนั้น อธิบาย ทรงสอนทรงประกาศ พระราชดํารัส ทรงงานบริหาร เป็นธรรมาภิบาลมาถึง 70 ปี ประเทศไทยนี้เป็นประเทศที่มีผล สงบเพราะมีพระเจ้าแผ่นดินที่เป็นนักประชาธิปไตยสูงสุด จนสหประชาชาติเอาถ้วยมาให้ เป็นเครื่องยืนยันชัดเจน หลักเศรษฐกิจพอเพียง แบบคนจน แล้วท่านก็ตรัสแบบคนจน แล้วท่านก็ตรัส ขาดทุนของเราคือกำไรของเรา และก็มีผู้ที่ทำสำเร็จคือเราเป็นผู้สนองพระราชดำรัสในหลวงรัชกาลที่ 9 ในหมู่ชนชุมชนชาวอโศก ได้สนองพระราชดำรัสในหลวงว่าขาดทุนของเราคือกำไรของเรา มาเป็นคนจนแบบคนจน
เพราะฉะนั้นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ด้วยการจะสร้างให้คนรวยนั้นไม่มีทาง เป็นเรื่องงมงายที่สุด ถ้าแก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยการให้คนเข้าใจความจน แล้วมาเป็นคนจนมหัศจรรย์ มาเป็นคนจนที่มีความสุขสำราญเบิกบานใจ อย่างพวกเราเป็น นี่แหละแก้ปัญหาเศรษฐกิจตกแล้ว แก้ปัญหาเศรษฐกิจสำเร็จแล้ว จริงถ้าผู้บริหารทางด้านเศรษฐกิจของประเทศเข้าใจอย่างที่ว่านี้ เอาล่ะ อาจจะเข้าใจ และคิดว่าถ้าจะประกาศว่า พยายามทำให้คนเป็นคนจน มันคงเป็นไปได้ยาก ประชาชนคงรุมมาฆ่า ผู้ที่บริหารเศรษฐกิจของประเทศถ้าประกาศอย่างนี้ ก็ไม่กล่าวก็ได้ แต่ในความรู้เจตนารมณ์ ทัศนคติให้เข้าใจอย่างนี้ อย่าให้คนไปแย่งกันรวย ให้คนมาพยายามลดตัวมาเป็นคนจน คนจนที่พึ่งพาตัวเองรอดที่สร้างสรรเกินกินเกินใช้ มีจิตเมตตาเสียสละ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แจกจ่ายคนอื่น ที่อาตมาพูดมาสั้นๆแค่นี้ นี่คือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจสำเร็จ เจตนาพาพวกเราทำ แก้ปัญหาเศรษฐกิจสำเร็จแล้ว อย่างนี้แหละ
พูดเหมือนยกตัวยกตนแต่ไม่ใช่ ที่จริงจะมาย้ำยืนยัน ปีที่ 48 อาตมาทำงานศาสนาอย่างสร้างธรรมาภิบาล จะเป็นผู้เลี้ยงดูบำรุงรักษา ช่วยสร้างมวลชนประชาชน ให้เกิดผล พหุชนหิตายะ(เพื่อหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) พหุชนสุขายะ(เพื่อความสุขของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) โลกานุกัมปายะ(รับใช้โลก ช่วยโลก) สำเร็จแล้วยังไม่ได้อวดตัวตนได้ยืนยันว่าสำเร็จแล้วเท่านั้นเอง ใจอาตมาไม่ได้มีการโอ่อวด สาเฐยจิต เท่โก้ที่เราได้อวดอ้าง ไม่มี จิตใจอกุศลเหล่านี้อาตมาไม่มี
อาตมาเกิดมาเป็นคนในยุคนี้ อาตมาก็เป็นคนในสังคมประเทศนี้ อาตมาก็ต้องทำงานให้แก่สังคมประเทศนี้ โดยเข้าใจชัดที่สุดในตัวอาตมาว่า คนควรเป็นคนชนิดนี้ เป็นอาริยบุคคล เป็นคนศิวิไลซ์เป็นคนเจริญแบบนี้ ชาวอโศกเป็นคนเจริญเป็นคนศิวิไลซ์ แล้วก็เกิดสังคมเจริญ เรียกว่าสังคมศิวิไลซ์ อย่างนี้ นายธเนศ แต่งเพลงชื่อ แดนศิวิไลซ์อยู่ไหน?
ก็นี่ไงชาวอโศกทั้งชุมชน Civilize อยู่ที่นี่ นี่แหละคือสังคมเจริญมนุษย์เจริญ ขออภัยที่พูดนี้ ไม่ได้พูดเล่นแต่พูดความจริง และไม่ได้เป็นการอวดอ้างอวดอะไร เป็นการยืนยันบอกความจริงความรู้ เป็นวิชาการ เป็นการศึกษา นี่ความจริง
อาตมาสบายใจที่พูดนี้ เพราะมันมีผลสำเร็จแล้วทั้งสังคม เศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์ ถึงได้สบายใจ จริงๆ อาตมาหมดงานแล้ว เพราะว่าประชาชนของเราเป็นแล้วได้แล้ว แต่ก็ต้องทำต่อ เพราะว่ามันต้องขยายผลเพิ่มขึ้นอีก แล้วพวกเราก็ช่วยอาตมาช่วยกันขยายผล เราเป็นคนไทย ก็ขยายให้แก่ประเทศไทยให้คนไทย ช่วยกันขยายผลอย่างนี้ไป
ซึ่งอาตมาก็เชื่อว่าจะเกิดการขยายผล เกิดการมีผลเพิ่มขึ้น เข้าไปสู่คนอื่นๆ ชาวไทยประชาชนคนไทย ก็จะได้รับความรู้ ได้รับอะไรไปเพิ่มขึ้นๆ ซึ่งตอนนี้อาตมาก็ว่าความมีคุณสมบัติอย่างชาวอโศกมีพฤติกรรมอยู่ในสังคม ประชาชนทั่วไปใช้สามัญสำนึก เขาเข้าใจแล้วนะ เขารู้ว่าประชาชนชาวอโศกนี้เป็นประชาชนชนิดไหน อยู่ในสังคม เป็นประโยชน์หรือเป็นโทษต่อสังคม แม้แค่สามัญสำนึก อาตมาก็ว่าเขาเข้าใจดีแล้ว เข้าใจสำคัญไม่น้อย และก็อาตมาเชื่อว่าจะเข้าใจมากยิ่งขึ้นด้วย แม้ผู้ที่ไม่ค่อยมีปัญญา ผู้ที่ไม่ค่อยเข้าใจอะไรง่ายนัก ก็จะเข้าใจได้ เพราะเราไม่ได้หยุดการประพฤติที่มีผล เป็นคนที่พระพุทธเจ้าว่าให้ศึกษาแบบนี้ อาริยะเป็นคนแบบนี้เป็นผล คนอย่างนี้ที่เรียกว่าอาริยบุคคล ถ้าจะพูดไปอาริยะของศาสนาพุทธ ชาวอโศกมีอาริยบุคคลครบ โสดาบัน สกทาคามี อนาคามี อรหันต์ แต่ไม่รู้กันเองเท่านั้นเอง ว่ามีคุณวิเศษอันนี้เกิดขึ้นในตนแล้ว ก็เลยไม่รู้ไม่รู้มันก็เลยไม่มั่นใจไม่ปักใจ เลยเหลาะแหละ ได้แล้วก็ลดลงยึกยักๆ แต่ถ้าสัมมาทิฏฐิมีทั้งปัญญา ก็เราได้แล้วจะไปลดลงต่ำทำไม ไปเปื้อนทำไม ทำการมีอธิศีล อธิจิต อธิปัญญา อธิมุติไป จะเจริญกว่านี้แล้วเราก็จะเข้าใจ
610301_ธรรมะมาฆบูชา พุทธาภิเษกฯ ปฐมอโศก โดยพ่อครูสมณะโพธิรักษ์