610525_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ แก้ปัญหาเศรษฐกิจสำเร็จได้ต้องทำแบบคนจน
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://drive.google.com/open?id=1WSrm7XXeeZNk3omjkKT29ahmss_cIgS4IjQWcLvJwag
ดาวโหลดเสียงที่..https://drive.google.com/open?id=1hMju7nYC5gFTAhENuHjaOBopua2mNZYz
ดูยูทิวป์ได้ที่…
สมณะเดินดินว่า…วันนี้วันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคม 2561 ที่บวร ราชธานีอโศก เมื่อวานนี้มีการจัดการทำให้พระสงฆ์บริสุทธิ์ขึ้น ใช้สำนวนของคุณเปลวสีเงินว่าฟ้าผ่ากลางศาลาวัด ชำระสิ่งที่ไม่บริสุทธิ์ให้ออกไป พระพุทธเจ้าเคยตรัสว่าธรรมวินัยของท่านมีความอัศจรรย์ เหมือนมหาสมุทร ย่อมซัดซากศพ ขึ้นสู่ฟากฝั่ง อะไรที่ไม่ถูกต้องเมื่ออยู่ในมหาสมุทร ก็ไม่สามารถอยู่ได้ ต้องถูกซัดขึ้นฝั่ง
เรื่องที่มีการชำระสะสางพระมหาเถระชั้นผู้ใหญ่กรรมการมหาเถรสมาคม ขณะวันเดียวกันก็ไปจับหลวงปู่พุทธะอิสระด้วย ส่วนเรื่องที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ว่าตำรวจทำรุนแรงเกินไป คุณไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นนักกฎหมาย ชี้ให้เห็นภาพที่เป็นสองมาตรฐาน ในวันเดียวกันตำรวจกองปราบจากที่เดียวกันไปจับกุมพระมหาเถระ ก็จับกุมโดยเรียบร้อย แต่เมื่อไปจับอีกรูปหนึ่งก็ใช้ตำรวจคอมมานโดไปจับ เหมือนกับไปจับพวกค้ายาบ้า มีการถ่ายทำทุกขั้นตอนแล้วเอามาถ่ายทอดให้ดู เจตนาให้เห็นว่าทำกับผู้ร้ายคนสำคัญ แต่ถ้าฟังเสียงสะท้อนกลับมาใครเป็นผู้ร้ายกันแน่ก็ต้องคอยดู และทำไมต้องจับวันเดียวกัน แต่วิธีการจับกุมนั้นมันเป็นภาพ 2 ภาพที่แตกต่างกัน แต่หลวงปู่ยังไม่ได้เปล่งวาจาลาสิกขา บอกว่าตอนนี้ จะขอเข้ากรรมฐานในคุกก่อน ยังไม่ขอประกันตัวออกมา หลวงปู่บอกว่าไม่ติดใจ คิดว่าตำรวจเขาจำเป็นต้องทำ หลวงปู่พอใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอให้เอาจริงเอาจังเถอะขอให้ได้ชำระสะสางศาสนาให้บริสุทธิ์ อย่างไรท่านก็รับได้ ตัวท่านเองท่านก็พร้อมพิสูจน์ตัวท่านเอง สมกับที่เขาให้สมญานามว่าพญาราชสีห์แห่งแจ้งวัฒนะ มีคุณ’ชัย ราชวัตร’โพสต์ซึ้งกราบหลวงปู่จากหัวใจ ไม่ว่าจะห่มเหลืองหรือห่มขาว
ก็มีคนมองว่า เป็นทิศทางการปฏิรูปศาสนา พ่อครูเคยบอกว่า การปฏิรูปจะเป็นไปไม่ได้หากไม่กำจัดตัวเลวร้ายออกไปก่อน มีแต่กรรมการที่ปาราชิกเต็มไปหมด จะไปปฏิรูปอย่างไรได้ อันนี้น่าจะเป็นตัวอย่างเป็นโมเดลว่าจะปฏิรูปอย่างไร หากไม่กำจัดสิ่งที่ชั่วร้ายออกไป ไม่มีทางจะปฏิรูปได้
พ่อครูว่า…ตอนนี้เราดูพฤติการณ์ ที่กำลังช่วยกันในประเทศเพื่อจะปราบปรามสิ่งที่ไม่ดี ก็มีเหตุการณ์ทำให้คิดถึงหนังที่หลวงปู่พุทธะอิสระที่ถูกจัดการ ทำให้เราคิดไปถึงหนังอีกเรื่องหนึ่งที่ธัมมชโยถูกจัดการ มันไม่ตื่นเต้นมีรสชาติเหมือนเหตุการณ์นี้เลย เรื่องนี้สนุกสนานตื่นเต้น คนดูหรือผู้ชมรู้สึกอะไรหลายๆอย่างรู้สึกศรัทธาเลื่อมใสรู้สึกสะใจ แต่เหตุการณ์ที่จัดการธัมมชโยนั้นมันหนังคนละเรื่อง นี่ก็ให้พวกเราได้ฟังได้คิดได้เห็น
ว่าอย่างหลวงปู่พุทธะอิสระมองในมุมที่ชัดเจนมาก มันต่างกันเลยราชสีห์กับหมาน้อยในรู ก็ไม่รู้จะเทียบกับอะไรดีนะ ราชสีห์กับหมาน้อยในรู ต่างกันคนละโลก วิธีการความเป็นไปอะไรต่างๆนานาพฤติการณ์พฤติกรรมมันคนละโลกเลย เสร็จแล้ว ฝีมือของผู้ปราบปราม ก็กลับปราบปรามราชสีห์ได้ แต่กลับปราบปรามหมาน้อยในรูไม่ได้ ทั้งสองเรื่องนี้จบหรือยัง ให้ค้างอยู่ในใจผู้ชม แสดงว่าผู้เขียนเรื่องนี้เขียนได้วิเศษมาก มันยังเต้นระริกอยู่ในหัวใจ ก็ค่อยๆดูกันไป
อาตมาว่าองค์รวมของประเทศชาติดีขึ้นมาก เป็นไปตามเหตุปัจจัย
SMS 23 พฤษภาคม 2561 (พ่อครู : ราชธานีอโศก)
_3867พ่อครูเทศน์กินใจลูกไทยฯเพราะระบอบปชธต.2ขาที่เป็นระบอบการปกครองแบบพ่อปกครองลูกมีอยู่ในโลกเดียวจริงๆคือโลกในพระพุทธศาสนาฯกราบอนุโมทนาธ.พ่อครูฯ
_เมย์ อรวรรณ · กราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูงเจ้าค่ะ วันนี้พ่อครูแจกแจงได้ชัดเจนจริงๆเลยค่ะ(เกี่ยวกับเรื่องการบ้านการเมือง)
_วิโรจน์ เสียงเบาครับ
_SMS 24 พฤษภาคม 2561 (สมณะ สิกขมาตุ : ราชธานีอโศก)
_6956อยากถามพ่อครู คนในวงการดารานักร้องมีใครติดตามมาปฏิบัติด้วยหรือไม่ มีใครเชื่อพ่อครูว่าเป็นโพธิสัตว์หรือเปล่าครับ ขอบ่นหน่อยครับไม่อยากเลือกตั้ง คนยุคก่อนว่าจิตสูงประชาธิปไตยยังไม่เจริญขึ้น ยุคนี้อย่าหวัง เพราะมีแต่สัตว์นรกและเปรตมาเกิด ก ท ม
พ่อครูว่า…คนในวงการดารานักร้องไม่มีใครเลยตามมาปฏิบัติ อาตมาออกมาปฏิบัติได้ 40-50 ปีแล้ว เพราะฉะนั้นคนใหม่ๆจะไม่รู้จักอาตมา อาตมาอยู่ในวงการดารานักร้อง โครงการธุรกิจบันเทิงทางโทรทัศน์ ช่อง 4 ซึ่งเป็นช่องแรกของประเทศไทย ทำงานอยู่ 12 ปี ก็มีเพื่อนทางดาราอยู่ไม่น้อย ตายไปก็เยอะแล้ว ยังเหลืออยู่บ้าง แต่ไม่มีใครมาสักคนเดียว มีบ้างนิดหน่อยที่เขาเข้าใจและศรัทธา แต่ก็ไม่ได้มาก นอกนั้นทุกวันนี้เหมือนจะเป็นศัตรูเป็นปรปักษ์อาตมา งานที่อาตมาเคยจัดและก็ระดมเพื่อนมา เดี๋ยวนี้ไม่มาเลย ที่ไม่มานี้อาตมาก็คิดว่าเพราะอาตมาไปวิจารณ์ว่าการบันเทิงคือนรก นรกปหาสะ อาตมาพูดตามสัจจะพระพุทธเจ้า เป็นคำกล่าวจริง ไม่ใช่ให้ไปติดมันให้เลิกละจากมัน อาตมาที่ไปทำงานอยู่ก็เป็นเรื่องอจินไตย ทุกวันนี้อาตมาอธิบายสัจจะลึกลงไป ให้เห็นว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เป็นสิ่งที่น่าหลงใหลได้ปลื้มแล้วไปติดเยอะ ควรเข้าใจแล้วละเลิกออกมาแล้วจะมีความเจริญแก่ชีวิต อัตภาพจะได้เจริญพัฒนาขึ้น หากหลงติดมันก็จะจมอยู่ในโลกของนรกปหาสะ
ปหาสะ แปลว่า รื่นเริงบันเทิงใจ เป็นโทษในทางจิต คือมโนปโทสิกะ
การมีโทษ 2 ประการ 1. การหลงใหลในความรื่นเริงบันเทิง ท่านใช้คำว่าขิฑฑาปโทสิกะ นรกที่หลงไปทางรื่นเริงบันเทิงใจ romanticism
-
นรกที่หลงไปในจิต มโนปโทสิกะ คือหลงเรื่องจิตวิญญาณเป็นโทษ แยกให้ชัดมีสองภาษา
มโนปโทสิกะคือนรกในอัตตา
ขิฑฑาปโทสิกะคือนรกในกาม
ขยายความเทียบเคียงได้สองอย่างนี้
ผู้ใดไม่ได้เรียนรู้สัจธรรมให้ชัดเจนถูกต้อง ศาสนาพุทธเดี๋ยวนี้มันเสื่อมไม่มีความรู้สิ่งเหล่านี้ ไม่กล้าที่จะวิจารณ์เรื่องนี้ ไม่กล้าพูด ไม่รู้จริง หรือแม้จะรู้ก็ไม่มั่นใจไม่มีความกล้าหาญ อาสโภ ที่จะพูดออกไปเลย ติติง เป็น นิคัณเห นิคหารหัง ตำหนิสิ่งที่ควรติก็ไม่กล้าเพราะว่าจิตใจไม่มี อาสโภ ไม่มีความแกล้วกล้าอาจหาญ เป็นคนอ่อนแอทางจิต ไม่มีปัญญาไม่มีภูมิที่สูงพอที่จะ มีความกล้าหาญ ถึงไม่กล้าวิจารณ์ไม่กล้าพูด แต่อาตมาพูดโดยสัจจะ จะว่ากล้าก็กล้า ไม่ได้เกรงใจพูดสัจจะอย่างเดียว
เพื่อนผมดารานักร้องพวกนี้ นอกจากไม่มาแล้วเหม็นขี้หน้าด้วย เพราะไปตำหนิเขาว่าลงนรก อาตมาก็ให้การศึกษา เขาก็หาว่าไปว่า ไปด่า
บางทีพลความของอาตมามีคำว่าสัตว์นรกด้วย เขาก็เลยเห็นว่าเขาถูกด่าเป็นสัตว์นรก เขาก็ต้องเข้าใจโดยปริยาย ว่าอาตมาว่าเขาเป็นสัตว์นรก กลายเป็นอย่างนั้นไป ศิลปินต่างๆก็เลย หมางเมินอาตมา นี่เป็นเรื่องที่อาตมารู้สึกและจะเป็นจริงอย่างนั้น แต่ก่อนนี้เขาศรัทธาเลื่อมใส แต่เดี๋ยวนี้ไม่มี
ทีนี้ มีใครเชื่อ พ่อครูว่าเป็นโพธิสัตว์หรือไม่ อาตมาว่า มีพวกเราเชื่อว่าอาตมาเป็นโพธิสัตว์ ในพุทธศาสนาเมืองไทยเถรวาทไม่เข้าใจเรื่องโพธิสัตว์เข้าใจไม่ได้ แต่เข้าใจโดยปริยายว่าผู้บำเพ็ญเพียรเป็นโพธิสัตว์ และบางทีเข้าใจว่าโพธิสัตว์คือปุถุชน
สองเข้าใจว่าโพธิสัตว์ไม่ได้บรรลุเป็นอาริยชนเป็นปุถุชน โพธิสัตว์จะเป็นพระอริยะไม่ได้ โพธิสัตว์คือผู้ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าจะเป็นพระอริยะไม่ได้ เพราะหากไปเป็นพระอริยะ ถ้าขืนมีจิตเข้ากระแสโสดาบันเท่านั้นก็ตาม ไม่ได้ เพราะจะไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้า โพธิสัตว์ต้องไม่ให้เป็นพระอริยะ แม้แต่สัตตักขัตตุปรมโสดาบัน ขั้นต่ำสุดก็ไม่ได้ คือ เป็นพระโสดาบันที่ ติดสังโยชน์อีก 7 (สัตตะ) อาตมาไม่ขออธิบายรายละเอียดพวกนั้น
ถ้าขืนเข้ากระแส เถรวาทเข้าใจว่า หากเข้ากระแสเป็นพระโสดาบันแล้วจะต้องบรรลุอรหันต์ เขาก็แปล สัตตักขัตตุปรมโสดาบัน คือบรรลุ 3 สังโยชน์ เขาเข้าใจว่าจะเกิดได้อีก 7 ครั้ง แล้วจะต้องบรรลุเป็นพระอรหันต์
ทีนี้เขาเข้าใจต่อไปอีกว่า ถ้าหากบรรลุอรหันต์ในชาติใดก็ตาม ตายแล้วต้องสูญ เป็นปรินิพพานเป็นปริโยสาน ไม่เหลืออะไรไปต่อภพภูมิ
ถ้าเป็นโสดาบัน อย่างเก่งจะอยู่ได้อีก 7 ชาติ ทางท้องพ่อท้องแม่ แล้วก็เป็นอรหันต์
คนโสดาบันจะสามารถบรรลุเป็นพระพุทธเจ้าคืออรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ในอีกแค่ 7 ชาติ …ก็ดีสิ หากเป็นได้ แต่มัน impossible ทางเถรวาทจึงเข้าใจว่า จะปรากฏเป็นพระพุทธเจ้าต้องไม่เป็นแม้แต่พระโสดาบัน ต้องเป็นปุถุชนแล้วบำเพ็ญไปจนกว่าจะมีเพิ่มทำเป็นพระพุทธเจ้าได้เลยไม่ต้องผ่านพระอาริยะโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์เลย น่าสงสารพวกมิจฉาชีพที่เป็นความเข้าใจผิดเพี้ยนไปอย่างมาก เป็นเรื่องนอกรีต ผิดเพี้ยนไปหมด ไม่รู้ของฝ่ายเถรวาท
อาตมาก็มาอธิบายความจริงอาตมาเป็นโพธิสัตว์ สาธยายความจริงนี้ต่อไป
สรุปแล้ว นอกจากพวกเรามีใครเชื่อหรือไม่? ก็จะมีคนเชื่อ แต่ไม่ได้เชื่ออย่างมีปฏิภาณว่าเป็นโพธิสัตว์จริงๆ ก็จะติดตามปฏิบัติตาม แต่เขาก็คงบอกว่าเป็นสัตว์ใต้ต้นโพธิ์ นี่คือพวกคนทั่วไปไม่ใช่แค่เพื่อนดารานะที่คิดอย่างนี้ด้วย
อันที่สาม ขอบ่นว่าไม่อยากเลือกตั้ง..อาตมาก็ไม่อยากให้มีการเลือกตั้งด้วย แต่มันห้ามไม่ได้หรอก เพราะมีโรดแมปว่าจะต้องเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ ขนาดนั้นเขาก็ยังมีการประท้วงพวกคลั่งอยากเลือกตั้ง เขาก็บอกแล้วว่าเลือกตั้งกุมภาพันธ์ 62 จะมาร้องแรกแหกกระเชอทำไม เพื่อปลุกเร้ามนุษย์ขึ้นมา เป็นเลศเล่ห์ที่เขาทำ
คนยุคก่อนว่าจิตสูงประชาธิปไตยยังไม่เจริญขึ้น ยุคนี้อย่าหวัง เพราะมีแต่สัตว์นรกและเปรตมาเกิด อาตมาตีความว่า ยุคก่อนคนมีจิตสูงกว่า ยุคนี้คนมีแต่จิตเปรต ก็ว่าอย่าหวังเลย
อาตมาเอาบทความของคุณเปลว สีเงิน และคุณ สุทิน วรรณบวร มาอ่านให้ฟังด้วย
_3867กราบอนุโมทนาสณ.สม.กับ ธ.น้ำใจพ่อค้าแม่ขายข้าวแกงที่คงราคาอาหารไม่ขึ้ นแพงตามราคาพลังงานเพื่อทุกปากท้องปชช.ด้วยการใช้เตาถ่านหุงต้มปิ้งย่างปรุงฯช่วยลดต้นทุนร้านลดรายจ่ายผู้บริโภคฯกราบขอบคุณทุกน้ำใจสาธุ
_Paul Jantzen · เดี๋ยวนี้ดูบุญนิยมทีวีวันละไม่ต่ำกว่า3ครั้ง เมื่อก่อนนานๆครั้ง?
_รุ่งโรจน์ อนันต์เจริญกิจ · วิบากมากแค่ไหนก็เบาใน หมู่กลุ่ม
_จากคอลัมน์บันทึกหน้า 4 ในเวบไซท์ไทยโพสต์เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 61 เวลา 1:00น.
โดย เปลว สีเงิน
ไทยโพสต์ “อิสรภาพแห่งความคิด” www.thaipost.net ข่าวครึกโครมของวัน ต้องยกให้ “ยุทธการฟ้าสาง” ของกองปราบฯ ลุยค้นรวบพระผู้ใหญ่ 3 วัดดัง ไล่ตั้งแต่วัดสระเกศราชวรวิหาร รวบตัว พระวิจิตรธรรมาภรณ์ หรือ เจ้าคุณเทอด พระครูสิริวิหารการ พระศรีคุณากรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส แต่พระพรหมสิทธิ หรือเจ้าคุณธงชัย เจ้าอาวาส หายไปอย่างไร้ร่องรอย ส่วนวัดสามพระยาวรวิหาร คุมตัวพระพรหมดิลก หรือเจ้าคุณเอื้อน เจ้าอาวาส และ พระอรรถกิจโสภณ ขณะที่วัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร ไม่พบตัวพระพรหมเมธี หรือเจ้าคุณจำนงค์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส เช่นกัน ยังไงก็ขอปรบมือให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่กล้าสังคายนาวงการสงฆ์ หนึ่งในสถาบันที่คนไทยเคารพนับถือ การจัดการกับพระผู้ใหญ่นอกรีตไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่งั้นผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) “พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์” คงไม่โดนเด้งไปครั้งหนึ่ง ยังโชคดีของประเทศไทย ที่ ผอ.พศ.ต่อสู้จนชนะกับความอยุติธรรม ที่สำคัญเป็นตำแหน่งที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ งานนี้ก็ต่อเนื่องหลัง ผอ.พศ.แจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เอาผิดพระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูป ในคดีทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม วัดสามพระยา เมื่อกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา
๐ จับพระผู้ใหญ่คดีเงินทอนวัด แต่หวยออกที่อดีตหลวงปู่พุทธะอิสระ พ่วงไปกับเขาด้วย คอมมานโดอาวุธครบมือบุกวัดอ้อน้อยรวบตัวใน 2 ข้อหาหนัก คดีอั้งยี่ ซ่องโจร ในช่วงที่เป็นแกนนำ กปปส. เวทีแจ้งวัฒนะ เมื่อปี 57 คดีผิดมาตรา 112 ปลอมพระปรมาภิไธย ในฐานะผู้สร้างพระนาคปรก อุดปรอท รุ่นหนึ่งในปฐพี กรณีนำอักษรพระปรมาภิไธย ภ.ป.ร. และอักษรพระนามาภิไธย ส.ก. มาประดิษฐานหลังองค์พระเครื่องโดยไม่ได้รับพระราชทาน พระบรมราชานุญาต ถึงแม้คนละคดี แต่อดีตพระผู้ใหญ่ทั้ง 5 ราย กับอดีตพุทธะอิสระ ก็ถูกจับสึกและส่งตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครแห่งเดียวกัน
๐ วันศุกร์นี้ได้ฤกษ์ยื่นจดแจ้งจัดตั้งพรรคกำนันซะที ยื้อมาเกือบ 3 เดือน นับจากที่ “เชน เทือกสุบรรณ” น้องชายกำนันร่ำๆ จะไปจดทะเบียนตั้งแต่ต้นเดือน มี.ค. มาลงตัวกันที่ชื่อ “รวมพลังประชาชาติไทย” ถึงแม้ชื่อจะยาวกว่าชาวบ้าน แต่ก็ยังสั้นกว่าเดิมเยอะเลย ถ้าเทียบกับ “มวลมหาประชาชนเพื่อปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ โดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข” ฟัง “กำนันสุเทพ” บอกว่า จะรับแค่เก้าอี้กุนซือ พร้อมกับย้ำไม่รับตำแหน่งการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น อดนึกถึงคำพูดที่เคยประกาศไว้เมื่อปี 59 ว่าจะไม่กลับไปเล่นการเมือง และไม่ตั้งพรรคใหม่แน่นอน มาวันนี้ ถึงไม่ได้เล่นเอง แต่คอยกำกับดูแลทุกสิ่งอย่างในพรรค 3 ไม่ที่กำนันย้ำ ก็ไม่ได้พูดถึงการช่วยหาเสียง ต่อให้ตั้งชื่อพรรคอย่างไรก็แล้วแต่ โลโก้อะไรก็ตาม แต่ยังไงยี่ห้อกำนันก็ติดตัวพรรคนี้ตั้งแต่ยังไม่เกิด แกะยังไงก็คงไม่ออกหรอกกำนัน
๐ “ผมจะร่วมก่อการเปลี่ยนแปลงประเทศให้ได้ด้วยพรรคและนักการเมืองแบบใหม่ ประเทศจะกลับไปเป็นการเมืองอย่างเดิมอีกไม่ได้ และจะเดินหน้าผลักดันเรื่องความปรองดองให้สำเร็จด้วย เพราะถือเป็นโปรเจ็กต์สุดท้ายของชีวิต ผมจะสร้างพรรคคุณภาพของสมาชิกและประชาชน” ในที่สุด เจ้าของทฤษฎี 2 นคราประชาธิปไตย “เอนก เหล่าธรรมทัศน์” ยอมรีเทิร์นการเมืองอีกครั้ง หลังบอบช้ำกับพรรคมหาชน ที่ได้รับเลือกตั้งเพียง 2 คน เมื่อ 6 ก.พ.2548 และเพิ่มอีก 1 เก้าอี้จากเลือกตั้งซ่อม ทั้งที่เปิดตัวอย่างเกรียวกราว ประกาศตัวเป็นพรรคทางเลือกใหม่หรือทางเลือกที่สาม ตั้งเป้าไว้ถึง 50 ที่นั่ง ความผิดหวังครั้งนั้น เจ้าตัวถึงกับลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค และก็หันหลังให้กับวงการเมือง กลับไปอยู่ในแวดวงการศึกษาอย่างที่ตัวเองถนัด กระทั่งเข้ามาช่วยงาน คสช. ด้านปรองดองและปฏิรูปประเทศ ก่อนหน้านี้แว่วมาว่ากำนันตามจีบมาหลายเดือนแล้ว แต่เจ้าตัวปฏิเสธ เพราะเข็ดขยาดเสียแล้ว ก็ไม่รู้ว่าอะไรถึงทำให้ ดร.เอนกเปลี่ยนใจ หรือว่าเจ้าตัวยังพอเห็นแสงสว่างรำไรที่ปลายอุโมงค์ ถึงกล้าเดิมพันเป็นโปรเจ็กต์สุดท้ายของชีวิต.
มาถึงบทความคุณสุทิน วรรณบวร สี่ปี คสช. สังคมพัฒนา พฤษภาไม่ทมิฬ ระบอบทักษิณล่มสลาย
ในที่สุดเราก็ข้ามอาถรรพ์เดือนพฤษภาคมไปได้ โดยไม่มีเกิดเหตุการณ์เลวร้ายตามที่หลายคนคาดหมายและหลายฝ่ายอยากให้เป็น ผู้ที่มีสติปัญญาย่อมเข้าใจได้ว่าพฤษภาทมิฬปี 2535 กับครบรอบสี่ปี คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และยึดอำนาจเมื่อสี่ปีที่ผ่านมา กับคณะผู้รักษาความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ยึดอำนาจเมื่อเดือน ก.พ. 2534 มาเปรียบเทียบกันไม่ได้เพราะสถานการณ์และเงื่อนไขไม่เหมือนกัน
พฤษภาทมิฬ 2535 คือเงื่อนไขความขัดแย้งต่อเนื่อง มาจากการยึดอำนาจรัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ 21 ก.พ. 2534 การยึดอำนาจครั้งนั้น คมช. กล่าวว่ารัฐบาลทุจริตคอร์รัปชั่น แต่หลายฝ่ายเห็นว่าเบื้องหลังที่แท้จริงคือความขัดแย้งระหว่างนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 7 กับรุ่น 5 ประกอบกับรัฐบาลเปลี่ยนนโยบายต่อประเทศอินโดจีนโดยฉับพลัน ทำให้บางกลุ่มไม่พอใจและพฤติกรรมโอหังของรัฐมนตรีบางรายคือฟางชิ้นสุดท้ายให้ทหารปฏิวัติ
การยึดอำนาจครั้งนั้น ก่อเชื้อความขัดแย้งยืดเยื้อมาถึงการเลือกตั้งปี 2535 ที่พลเอกสุจินดา คราประยูร เคยพูดไว้ว่าจะไม่สืบทอดอำนาจ เมื่อพลเอกสุจินดา เสียสัตย์จึงเป็นเงื่อนไขให้ต่อต้าน การอดอาหารประท้วงที่เริ่มด้วย ร.ต.ฉลาด วรฉัตร ไม่ค่อยได้รับความสนใจ แต่พอนักการเมืองรุ่นใหญ่พลตรีจำลอง ศรีเมือง ร่วมวงอดอาหารอุณหภูมิการเมืองก็เดือดขึ้น พรรคความหวังใหม่ พรรคพลังธรรม ซึ่งมีสส.อยู่ค่อนสภาร่วมประท้วงเต็มตัว ที่สำคัญพลตรีจำลอง มีญาติธรรมสันติอโศกเป็นพลังหนุนอย่างเหนียวแน่นมั่นคง
การชุมนุมประท้วงเต็มไปด้วยความตึงเครียด ทั้งฝ่ายพลเอกสุจินดา และ พลตรีจำลองถอยไม่ได้ จนสุดท้ายเหตุร้ายก็เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 17 ถึงวันที่ 20 พ.ค. (อาตมาจำได้ วันนี้อาตมานำพวกญาติธรรมเรียงหินอยู่ที่อ่างลงหิน ปฐมอโศก ไม่ได้ร่วมกับเขา ก็มีพวกไหนไปร่วมกับคุณจำลองบ้าง) เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 52 ราย และสูญหายจำนวนมาก ผู้เขียนติดตามทำข่าวอย่างใกล้ชิดตั้งแต่วันแรกที่พลตรีจำลองอดอาหารประท้วง จนสถานการณ์คลี่คลายในวันที่ 25 พ.ค. จากสิ่งที่ได้ยินกับหูและได้เห็นกับตายืนยันได้ ว่าจุดเริ่มต้นของเหตุร้าย ไม่ได้เกิดจากฝ่ายชุมนุมและทหาร แต่มีมือที่สามสร้างสถานการณ์ขึ้นมาทำให้ทหารกับผู้ชุมนุมเผชิญหน้าจนลุกลามเป็นเหตุการณ์เลวร้าย
ดังนั้นเมื่อคนบางกลุ่ม บางพรรคปลุกระดมให้ครบรอบสี่ปี คสช. เกิดเหตุร้ายเหมือนปี 2535 จึงมองไม่เห็นทางว่าจะเป็นไปได้ เพราะสถานการณ์และเงื่อนไขไม่เหมือนกัน กล่าวคือ คสช. ยึดอำนาจจากรัฐบาลที่ประชาชนและหน่วยงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) จับได้ว่าโกงชาติมากที่สุดในประวัติศาสตร์ และหลังจากศาลตัดสินลงโทษแล้วยังดื้อรั้นไม่ยอมออกไป หนำซ้ำยังใช้กำลังเข่นฆ่าประชาชน ให้สมุนบริวารก่อเหตุร้ายจนประเทศกลายเป็นมิคสัญญี สุดท้ายทหารต้องยึดอำนาจฟื้นฟูความสงบขึ้นมาได้
สี่ปีรัฐบาล คสช. มีผลงานมากมาย สิ่งแรกคือฟื้นฟูความสงบเรียบร้อยในชาติ ประชาชนปลอดภัยชนิดที่ไม่เคยมีรัฐบาลไหนทำได้ในสิบกว่าปีที่ผ่านมา สมุนบริวารของทุนสามานย์ปล้นชาติที่เข่นฆ่าประชาชน เผาบ้านเผาเมือง อาฆาตมาดร้ายสถาบัน ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ติดคุกติดตะรางหลายสิบราย กองกำลังติดอาวุธที่เหลือหนีตายไปต่างประเทศ
รัฐบาล คสช. แก้ปัญหาทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ที่ทำให้ประเทศชาติเสียหายกว่า 500,000 ล้านบาท จนอดีตนายกฯน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รัฐมนตรีพาณิชย์ ข้าราชการและผู้สมรู้ร่วมคิดถูกศาลตัดสินจำคุก สี่สิบกว่าราย ศาลสั่งริบทรัพย์อีกหลายหมื่นล้าน รัฐบาลใช้เวลาแก้ปัญหาการบินพลเรือนที่รัฐบาลก่อนหน้าสร้างไว้ทำให้ ICAO ปักธง จนประเทศไทยได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย รัฐบาลแก้ปัญหาค้ามนุษย์และประมงผิดกฎหมาย จนได้รับคำชื่นชมจากอียู
ด้านสังคมได้แก้ปัญหาเน่าเฟะในวงการสงฆ์ และจัดการพวกอลัชชีที่ใช้สำนักเป็นแหล่งฟอกเงิน เป็นที่ซ่องสุมของอันธพาลสมุนนักการเมืองปล้นชาติได้ระดับหนึ่ง ปัญหารัฐบาลเลือกตั้งไม่สามารถแก้ไขได้เพราะ
ผลประโยชน์ทับซ้อนเรื่องฐานเสียง อาทิ จัดระเบียบรถตู้ จัดระเบียบตลาดสะพานเหล็ก จัดระเบียบสิ่งปลูกสร้างรุกแหล่งน้ำลำคลอง 6,000 กว่าราย รัฐบาลจัดหาที่อยู่ใหม่ให้แก้ไขไปแล้วหลายพันราย แฟลตการเคหะสร้างมากว่าสี่สิบปี อยู่ในภาวะหมดอายุใช้งาน จะปรับปรุงแก้ไขถูกผู้เช่าขัดขวางยืดเยื้อมานาน แต่แก้ไขลุล่วงไปได้ในรัฐบาลนี้ฯลฯ
การปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่น สี่ปีที่ผ่านมามีข้าราชการ นักการเมืองถูกตรวจสอบถูกไล่ออกถูกโยกย้าย ถูกตัดสินจำคุกมาแล้วนับร้อยราย ทรัพย์สินที่ยึดอายัดมาจากคดีคอร์รัปชั่น ทั้งที่ยึดได้แล้วและที่คดีอยู่ในศาล นับรวมกันไม่น้อยกว่าหนึ่งแสนล้านบาท ในระยะเวลาสี่ปีรัฐบาลนี้ยึดที่ดินคืนมาจากผู้ถือครองผิดกฎหมายได้กว่า 400,000 ไร่ ศาลทุจริตคอร์รัปชั่นเกิดขึ้นได้ในรัฐบาลนี้
ด้านเศรษฐกิจ อาจารย์ Pat Hammasuk โพสต์ไว้ว่า “พวกชิงชังประเทศตัวเอง ที่พูดว่าเพื่อนบ้านก้าวหน้ากว่ากะลาแลนด์ มาดูตัวเลขจริงๆ กันดีกว่า ประเทศไทยนั้นมีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเป็นอันดับสองของกลุ่มอาเซียน เป็นรองสิงคโปร์อยู่นิดเดียว มากกว่ามาเลย์ตั้งสองเท่าครึ่ง มากกว่าเวียดนามสี่เท่ากว่า นี่คือตัวเลขเมื่อปลายปีที่แล้วนะครับ ตัวเลขของเดือนที่ผ่านมาก็ดูจากตารางของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ผมเอามาแปะให้ดูได้เลย
มูลค่าทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยนั้นอยู่ที่อันดับที่ 12 ของโลก และอันดับ 2 ของอาเซียน ไล่บี้หายใจรดต้นคอกับอันดับ 1 ไม่มาก และเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาเรามีเงินอยู่ในคลัง 215,152.08 ล้านดอลลาร์ (มากกว่าสองแสนหนึ่งหมื่นห้าพันล้านดอลลาร์) หรือ 6,779,441.90 ล้านบาท (เฉี่ยวหกจุดแปดล้านล้านบาทไปนิดเดียว) ทั้งที่ช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาค่าเงินบาทแข็งขึ้นมาประมาณหนึ่งบาทเสียด้วยซ้ำ เห็นตัวเลขของจริงแบบนี้แล้วยังจะมาด่าอะไรกับรัฐบาลและประเทศไทยอีก รักจะเป็นลิเบอร่านที่ดีต้องรักการอ่านและเลือกเสพข่าวสารด้วยนะครับ
ส่วนอัตราการส่งออกตัวเลขของกระทรวงพาณิชย์สรุปปิดไปเดือนธ.ค. 2560 ที่ผ่านมา เติบโต 9.9% สูงสุดในรอบ 6 ปี และมีมูลค่าการส่งออกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 236,694 ล้านเหรียญ (มากกว่าสองแสนสามหมื่นล้านเหรียญ)ส่วนในปี 2561 คาดว่าจะเติบโตที่ 5-7% คิดเป็นมูลค่าการส่งออกที่ราวๆ 248,529-253,263 ล้านเหรียญ ซึ่งในเวลานี้ก็ยังไม่มีปัญหาอะไรที่ทำไม่ได้ตามเป้า นี่คือตัวเลขจริง มีที่มาที่ไป อ้างอิงได้จริง ไม่ต้องไปจิ้นข้อมูลละเมอด่าประเทศของตัวเองว่ากะลาแต่อย่างไร” นั้นคือข้อมูลทางเศรษฐกิจที่นักวิชาการเป็นกลางเขียนไว้
การปฏิรูปในสี่ปีรัฐบาล สร้างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง ได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญที่ประชาชนกว่า 15.6 ล้านคน ลงมติรับรองด้วยความเต็มใจ เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดกรอบปฏิรูปไว้เป็นขั้นตอนปฏิบัติในรัฐบาลต่อไป อาทิ รัฐบาลที่เข้ามาใหม่ “จะใช้นโยบายทักษิณคิด ยิ่งลักษณ์ทำ ความระยำเกิดขึ้นกับประเทศไทย” ไม่ได้แล้ว และผลงานชิ้นเอกของรัฐบาลนี้ในห้วงเวลาสี่ปี คือร่วมมือกับประชาชนทุกหมู่เหล่า สนับสนุนงานราชพิธีสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทยได้อย่างยิ่งใหญ่งดงามสมพระเกียรติและเรียบร้อยปราศจากอุปสรรคใดๆ
มีผลงานอีกมากมายที่สาธยายไม่หวาดไม่ไหว เอาพอหอมปากหอมคอพอให้ชี้แจงได้ว่า คสช. กับ คมช. แตกต่างกันอย่างไร และเพื่อให้ชี้แจงได้ว่าทำไมพฤษภาทมิฬ 2535 มาเกิดใหม่ในปี 2561 และอีกหลายปีข้างหน้าอีกไม่ได้ เพราะพฤติการณ์และเงื่อนไม่เหมือนกันพ.ศ. นี้ ไม่มีความขัดแย้งแบ่งรุ่นนักเรียนเตรียมทหาร ไม่มีสส.ในสภาสร้างกระแส แต่ผู้ที่ปลุกระดมให้เกิดความวุ่นวายเดือนพ.ค. ปีนี้ ส่วนใหญ่เป็นดาวยั่วตัวป่วนขาประจำ เป็นเอ็นจีโอ นักวิชาการ นักกฎหมาย ที่รับเงินต่างชาติมาเคลื่อนไหวสร้างความวุ่นวาย บางกลุ่มรับเงินจาก NED หรือ ซีไอเอพลเรือนของอเมริกา หรือไม่ก็รับเงินจากนักธุรกิจการเมืองทุนสามานย์มาเคลื่อนไหว โดยยกประเด็นความล้มเหลวของ คสช. และรัฐธรรมนูญปราบโกงมาเป็นเงื่อนไข แล้วพวกดาวยั่วตัวป่วนจะประสบความสำเร็จอย่างไร ในเมื่อคนไทยส่วนใหญ่ รับรองรัฐธรรมนูญสนับสนุนลุงตู่
จึงพูดได้ว่าสี่ปี คสช. ทำให้ประเทศชาติก้าวหน้า ประชาชนปลอดภัย และเกิดภาวะล่มสลายในระบอบทักษิณ
พ่อครูว่า…ก็ขอสรุปอีกหน่อย จริงๆธรรมะกับการเมืองแยกกันไม่ได้
ทุกวันนี้เห็นการก้าวหน้าของการเมืองเมืองไทย ขณะนี้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยที่ยิ่งใหญ่มาก เป็นประชาธิปไตยสามเส้า 1. กษัตริย์ 2. ประชาชน 3. จิตวิญญาณ มีทั้งพระจิตวิญญาณของกษัตริย์และหัวใจของประชาชน ต่างเข้าใจประชาธิปไตย สามเส้าอย่างนี้ แบบนี้ แบบไทยๆด้วย ขอย้ำ ว่า ที่ประเทศไหนๆก็ลอกเลียนแบบไม่ได้ ฉะนั้น จงภูมิใจเถิดที่เกิดมาเป็นไทยที่มีประชาธิปไตยยอดเยี่ยมของโลก อาตมาไม่ได้พูดเล่นนะ
เพราะประชาธิปไตยนี้คือประชาธิปไตยแบบพุทธศาสนา ประเทศอื่นๆไม่ได้ยิ่งใหญ่ แม้แต่มีศาสนาพุทธอยู่บ้าง ประเทศจีน ประเทศอินเดีย ประเทศพม่า ประเทศญี่ปุ่นบ้าง สรุปแล้วประเทศอื่นแม้แต่ศรีลังกา ก็สู้ประเทศไทยไม่ได้ เป็นประชาธิปไตยแบบไทยๆที่มีแกนของความรู้ความจริงคือพุทธศาสนา ซึ่งสามารถทำให้การบริหารประเทศ การใช้อธิปไตย การใช้อภิบาล การบริหารจะมีอภิบาล ใช้ศัพท์สองคำ
ใช้อธิปไตย กับใช้อภิบาลมาบริหารประเทศไทย
อธิปไตยคืออำนาจ เขาถือว่าการเมืองคือการแย่งอำนาจ แต่อาตมาว่าไม่ใช่ประชาธิปไตยต้องมีอภิบาล ผู้บริหารประเทศต้องมีอภิบาลเก่ง ไม่ใช่ไปมีอธิปไตยเก่ง
ผู้บริหารประเทศไทยถ้าเข้าใจผิดว่าการบริหารประชาธิปไตยนั้นจะต้องใช้อธิปไตยผู้นี้สอบตก แต่ถ้าเข้าใจว่าการบริหารประเทศประชาธิปไตยนั้นต้องใช้อภิบาลแบบนี้สอบได้
ขณะนี้อาตมาเห็นประชาธิปไตยของไทยกำลังใช้อภิบาล ไม่ได้ใช้อำนาจบาตรใหญ่ อำนาจคือของประชาชน อำนาจเป็นของประชาชน อำนาจจะได้หรือไม่ได้ ประชาชนเขาจะให้แก่นักบริหาร ถ้าหากนักบริหารบริหารเข้าตาเขา เขาก็ให้อำนาจแก่ผู้บริหารดังที่คณะบริหารประเทศขณะนี้ทำมา นี่คือเครื่องชี้วัด ประชาชนจะให้อธิปไตยแก่ผู้บริหาร อย่าไปตั้งอธิปไตยแก่ตัวเองเด็ดขาด ต้องสร้างอภิบาล แล้วคุณจะได้อธิปไตยจากประชาชนเอง นี่คือรัฐศาสตร์การเมือง
แม้แต่การเมืองเศรษฐกิจก็ตาม นี่แหละต้องใช้การอภิบาล อย่าใช้อำนาจ
อโศกเรา สร้างเศรษฐกิจการเมืองสำเร็จ ชาวอโศกบริหารเศรษฐกิจได้สมบูรณ์ จนกระทั่งทุกคนอยู่สบายไม่แย่งชิง ทุกคนยอมขาดทุนของเราคือกำไรของเรา นี่คือเนื้อแท้ของการอภิบาลที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ตรัสไว้ ให้เอาแบบคนจน ขาดทุนของเราคือกำไรของเรา นักเศรษฐกิจยิ่งใหญ่คือชาวอโศก ทำมาจึงเป็นแบบนี้คือรู้หน้าที่ของความเป็นมนุษย์ รู้หน้าที่ของความเป็นประชาชน
หน้าที่ของความเป็นมนุษย์และหน้าที่ของความเป็นประชาชนคือ
-
ความเป็นมนุษย์ต้องไม่ใช่เดรัจฉาน เป็นมนุษย์เข้าใจอยู่แล้วว่ามนุษย์คืออะไร มนุษย์คือผู้ที่เลี้ยงตนได้เหมือนเดรัจฉาน แต่เข้าใจมากกว่าเดรัจฉาน คือเป็นผู้ที่ทำมาหากิน สัตว์เดรัจฉานก็ทำมาหากิน แต่มันก็ไม่เหมือนมนุษย์ มันทำมาหากินของมันเท่านั้น กินแล้วก็พอแล้วก็ไป มันก็ไม่คิดถึงอะไร แต่มนุษย์นั้นมีปัญญากว้างขวางกว่า ทำมาหากิน โดยการสร้างสรร แทนที่จะไปกินแต่ธรรมชาติเหมือนกับเดรัจฉาน เดรัจฉานอาศัยธรรมชาติกิน มันกินธรรมชาติที่เกิดเอง แต่มนุษย์สามารถเอาจากธรรมชาติมากินเองให้ธรรมชาติสมบูรณ์ และมีปัญญาเผื่อแผ่แจกจ่าย เมื่อเราสร้างได้มากเราสามารถมีใช้มีกิน เหลือเฟือ เราก็มีส่วนเกินส่วนเหลือ สะพัดแจกจ่าย ให้แก่ผู้อื่น เข้าเกณฑ์ของเศรษฐกิจเข้าเกณฑ์ของรัฐศาสตร์ทั้งนั้น เข้าเกณฑ์ของสังคมศาสตร์ ไม่ได้ตกหล่นเลย การประพฤติของพระพุทธเจ้าที่สอนไว้เป็นเกณฑ์ของความเจริญทั้งนั้น ทั้งด้านเศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์ สังคมศาสตร์
เราไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัยไปจบสังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ แต่มาศึกษาพุทธศาสตร์ เศรษฐกิจการเมืองสำเร็จผล ประพฤติการเป็นคนในสังคมสำเร็จผล ไม่ต้องไปเรียนพวกนั้นมา เรียนของพระพุทธเจ้าอย่างเดียวรู้หมดเลย ความประเสริฐความถูกต้องของมนุษยชาติที่ต้องการได้หมด
อาตมาเองอยากให้คนมาศึกษาคำตรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านตรัสไว้เยอะ อาตมาเอามาออกที่ดีแก้แบบคนจนขาดทุนของเราคือกำไรของเรา เอามาแค่นี้ นอกนั้นมีเยอะแยะ ศาสตร์พระราชาที่เขารวบรวมไว้อีกเยอะ แต่แบบคนจนและขาดทุนคือกำไรคือยอดสุด นอกนั้นก็มีที่ท่านได้ตรัสไว้
ขออภัยที่ต้องพูด ผู้บริหาร ภูมิไม่ถึงในหลวง ภูมิไม่ถึง พระพุทธเจ้า คุณทำได้แค่นี้ยกตัวอย่างให้ชัดเจน คือ อาตมาเอา เศรษฐศาสตร์ของพระพุทธเจ้า มาประกาศ เอามาอธิบายเอามาประพฤติปฏิบัติกันจนเกิดผลแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เสร็จ จบ
ชาวอโศก ทุกชุมชน ในประเทศไทย คือคนไทย แก้ปัญหาเศรษฐกิจ ตก ทุกชุมชน เพราะแต่ละคน เป็นคนจนสำเร็จ ในหลวงต้องการให้เป็นแบบคนจนก็เป็นคนจนสำเร็จ และสามารถที่จะขาดทุนได้จริง ไม่ได้หวงแหน ไม่ได้กระเหี้ยนกระหือรือที่จะเอากำไร เหมือนอย่างชาวโลกที่เขาไม่มีภูมิธรรมแบบชาวอโศก ใครจะมีบ้างก็แล้วแต่ ใครไม่มีแล้วก็ยิ่งดี เราเหลือกินเหลือใช้เราขาดทุนให้แก่ผู้อื่นได้ ดีไม่ดีเราก็แจกฟรีเพราะมันมีเหลือ จะทิ้งขว้างมันก็เน่าเสีย ไปดูสวนแตงไทย มันเหลือแล้วก็ปล่อยให้เป็นปุ๋ย หมุนเวียนไป อย่างนี้เป็นต้น
ที่อาตมาพูดนี้ไม่ได้พูดอย่างอวดดี ทำเท่ โก้ๆ ไม่ใช่ แต่เป็นเรื่องจริง อาตมาเป็นยอดนักการเมืองคนหนึ่ง เพราะอาตมาออกมาทำงานเมื่อ 47 ปีที่แล้ว อาตมามาทำงานการเมืองแต่ทำการเมืองภาคประชาชน ไม่ดิ้นรนไม่เอาการเมืองในรัฐสภา อาตมาหันหลังให้กับการเมืองขี้หมาพวกนั้น คุณชวน หลีกภัยพูดเองว่า การเมืองต้องระบบรัฐสภาเท่านั้น การเมืองระบอบประชาชนไม่มี นี่นายกฯสองสมัย ของประเทศไทยได้กล่าวไว้ คำต่อคำอาจไม่ตรงตามนี้
เขาว่า ผมเชื่อในระบบรัฐสภา ให้การเมืองประชาชนใหญ่กว่ารัฐสภาได้อย่างไร? ซึ่งพูดอย่างนี้ก็ผิดเพี้ยนไป จากความเป็นประชาธิปไตย
คนไทยนี่ โดยเฉพาะอาตมาคนไทย อาตมาออกมา เกือบ 48 ปีแล้ว ออกมาตั้งแต่ 7 พ.ย. 2513 อาตมาก็มาทำงานการเมือง ที่ออกมามาทำงานการเมืองนะ อย่าหาว่าทำแต่ธรรมะ เพราะว่าการเมืองกับธรรมะเป็นอันเดียวกัน ออกมาจะเต็ม 48 ปีแล้ว ก็ทำได้ผล
ทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีอยู่เย็นเป็นสุข เป็นการอยู่ได้อย่างถูกต้องตามเศรษฐศาสตร์ แบบคนจนตามที่ในหลวงตรัส ถูกต้องเต็มที่เลย เป็นสังคมที่สงบสุขสบายช่วยเหลือประเทศชาติ เป็นคราวที่เราจะไปช่วย แม้ทุกวันนี้เราก็ช่วย
ชาวอโศกเราช่วยเศรษฐกิจ แต่ละวันแต่ละคนทำรายได้ หากได้อัตราขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน แต่จริงๆแล้วเขาตรวจสอบแล้ว ที่นี่โดยเฉพาะบ้านราชฯ กินใช้คนละไม่เกิน 50 บาท ต่อวัน เพราะฉะนั้น อีก 250 หักจาก 300 ให้ประเทศ เพราะเรากินใช้ในนี้ คนละไม่เกิน 50 บาท ความจริงเขาบอกว่า 34 กว่าบาท นี่คือเราช่วยประเทศชาติอยู่นะ เราจะได้รายได้จากอุทยานบุญนิยม ได้จากสหกรณ์บุญนิยมบ้าง จากปุ๋ยบ้าง เข้ามา ก็เป็นรายได้รวมแล้ว ที่เขาเอามาบวกลบคูณหาร แต่เงินไม่ได้เข้ากระเป๋า เราเอาตัวเลขมาคิดตามหลักวิชาการ เราก็ได้ประมาณนี้คนละ 30 กว่าบาท
มีพลเมือง ประชากรของภายนอกเข้ามาทำงานในนี้ทุกวันคนงานทำมาหากินอยู่ในนี้ บางคนเป็นสิบกว่าปีแล้วเขาก็เลี้ยงชีวิตตัวเขาได้ ก็ได้เงินจากบ้านราชฯ มีคนทำงานเป็นร้อยคนขึ้นไป เราก็ได้ช่วยประเทศชาติช่วยประชาชน เราก็ไม่ได้เดือดร้อนขาดแคลนอะไร เราไม่ได้เป็นชุมชนสังคมร่ำรวยแต่เป็นสังคมคนจน เขามาตรวจสอบ คนจนในจังหวัดในอำเภอในตำบล ก็บอกว่าหมู่บ้านราชธานีอโศก เขาบอกว่าเป็นลำดับ 5 จนเป็นอันดับ 5 จริงๆแล้วต้องมาถามประชากรในนี้ว่ามีรายได้เท่าไหร่ มีรายได้ 0 บาททุกคน ก็น่าจะเป็นคนจนระดับ 1 ของโลก ไม่ใช่แค่จนในระดับประเทศในจังหวัดเท่านั้น คนในนี้ทุกคนเลยได้ 0 บาทต่อคนต่อวัน อาตมาว่าพวกนี้สุ่มสี่สุ่มห้ามาตรวจสอบได้อย่างไร แล้วบอกว่าหมู่บ้านราชธานีอโศกจนเป็นอันดับ 5 ของจังหวัด หากเอาทรัพย์สินในบ้านในตัวมากองแล้วเทียบกัน ใครจนกว่ากัน ใครจะมีมากกว่ากัน ระหว่างชาวบ้านราชฯกับชาวอื่นๆเขา
หากว่า ชาวอโศกไม่ได้ปฏิบัติการเมือง เศรษฐศาสตร์ สังคมศาสตร์แบบนี้ แปลว่าชาวอโศกที่เป็นสมาชิก จะมีรถยนต์ประจำตัวในบ้านมากกว่านี้ไหม ก็ต้องมีมากกว่านี้แน่ แต่ทุกวันนี้ไม่ใช่ หมู่บ้านนี้เฉลี่ยแล้วมีคนมีรถยนต์ ของแต่ละครอบครัวน้อยกว่าหมู่บ้านอื่น หรืออะไรอื่นก็ได้ สะสมเงินส่วนตัว แต่ละเดือนๆ ให้มาสำรวจได้เลยว่าชาวอโศก สะสมเงินแต่ละเดือนมากหรือน้อยกว่าข้างนอก หากจะเช็คตรวจสอบ เรื่องของเศรษฐกิจเศรษฐศาสตร์ยังมีหลักฐานที่จะตรวจสอบได้อีกเยอะ
ซึ่ง เศรษฐศาสตร์ของพระพุทธเจ้านี่ยิ่งใหญ่ อาตมาเป็นนักศึกษาคณะเศรษฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แต่ไม่ได้ปริญญาจากมหาวิทยาลัยเลย เสียเงินค่าลงทะเบียนเรียน แม้แต่ไปสอบก็ต้องเสียค่าโอเลี้ยงทุกคนนะ
สรุปแล้ว เรื่องเศรษฐศาสตร์ อาตมา ให้ความหมายเศรษฐศาสตร์ ตามนิยามวิชาการเขาก็ว่าไป แต่อาตมาเข้าใจโดยภูมิธรรมโดยรวมว่า เศรษฐศาสตร์คือชีวิตของเราที่อยู่ร่วมกับสังคม แล้วก็ทำกินทำใช้อยู่ในสังคมนี้ โดยตนเองนั้นไม่ได้ทำร้ายสังคม แต่กลับเป็นประโยชน์ให้แก่สังคมด้วย เป็นผู้สำเร็จเป็นผู้บรรลุทางเศรษฐกิจส่วนตัว นักวิชาการจะว่าอย่างไรก็ช่าง
สรุปแล้ว อธิบายเป็นภาษาคน คนจะต้องดูแลเศรษฐกิจส่วนตัวทั้งนั้นไม่ว่าจะโง่หรือฉลาด ก็ต้องดิ้นรนเพื่อหากินหาใช้ทำกินทำใช้ ก็คือ
-
ทำกินทำใช้ตนเองขึ้นมา 2. ไปแย่งชิงจากสังคมมา