610604_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ตอบปัญหาพารู้หลักประชาธิปไตย 4
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://drive.google.com/open?id=1Knw9smKM9zu9nkEgRsdKDl-PbQ0ZwYmvwISns7cuv10
ดาวโหลดเสียงที่.. https://drive.google.com/open?id=1AyKRagI3cVkvE2h81Vvt-uhDGWIJky4A
ดูยูทิวป์ได้ที่…
สมณะฟ้าไทว่า…วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ 4 มิถุนายน 2561 ที่บวรราชธานีอโศก วันนี้เป็นวันสุกดิบของงานอโศกรำลึก ชาวอโศกมาร่วมที่ราชธานีอโศกเป็นจำนวนมาก ปีนี้เป็นปีครบรอบ 84 ปีของพ่อครู ดำเนินชีวิตมา 7 รอบ จะขึ้นนักษัตรที่ 8 พรุ่งนี้เป็นวันเริ่มต้นอายุ 85 ปี ก็ดูว่าพ่อครูยังแข็งแรงตามอัตภาพ ยิ่งตอนแสดงธรรมก็ยิ่งดูแข็งแรงอย่างน่าอัศจรรย์ อาจหาญแกล้วกล้า เสียงดังชัดเจน แม่นประเด็น
ในยุคนี้สังคมที่เป็นอยู่เป็นยุคไล่จับพระ หนีไปก็ไปจับถึงเยอรมนี แปลกที่แต่ก่อนเราเป็นพระก็ถูกจับ พอมาเป็นสมณะแล้วตำรวจไม่มาจับ ในปีนี้คนข้างนอกยอมรับจากอโศกมากขึ้น มีสื่อสารมวลชนสาธารณะเข้ามาทำข่าว
พ่อครูว่า…แต่ก่อนไม่เคยจะมีสื่อสารสาธารณะเข้ามาทำข่าว ตอนนี้ก็ฟ้าเปิดเริ่มเข้ามาแล้ว
สมณะฟ้าไทว่า..งานนี้ยังไม่ใหญ่เท่าตลาดอาริยะ คนมาตลาดอาริยะมากมายกว่านี้เยอะ แต่สื่อสารมวลชนก็ไม่ค่อยสนใจ
พ่อครูว่า…ขนาดเราทำมาเกือบ 40 ปีแล้วนะ
สมณะฟ้าไทว่า..เราไม่ได้แกล้งทำ เราทำกันมาอย่างจริงจังยาวนาน มีกระแสตอบรับที่ดีขึ้น แม้แต่หน่วยงานราชการ มาทำวิจัยเรื่องความจนความรวย จะทำอย่างไรให้แก้ปัญหา ของเราเขาบอกว่าเราเป็นคนจนก็แก้ปัญหาได้ เขาก็เห็นว่าจนแบบพวกเรานั้นมันสบาย เขาก็มีปัญญารู้ได้
พ่อครูว่า…ก่อนอื่นก็บอกโฆษณาสินค้าก่อน เรามีหนังสือใหม่สองเล่ม คนจนที่มีแบบ กับสัจจะชีวิตฯเล่ม 4
SMS 3 มิถุนายน 2561 (รายการวิถีอาริยธรรม)
_3867ไทยกำลังเข้าสู่ยุคศิวิไรซ์จะบังเกิดในสยาม!หลังฝนคร้ามลั่นครืนจะยืนได้จะเข้าสู่ยุคมหาชนพาไป!ตรงตามคำทำนายพระฤาษีลิงดำฤาเปล่า?
พ่อครูบอก ไม่รู้ว่าหลวงพ่อฤาษีลิงดำทำนายว่าอย่างไร
_3867เรียนบุญนิยมช่วยบอกช่องทางการสั่งซื้อหนังสือธรรมะพ่อครูทั้ง2เล่มได้ไหม?จรธ.
_บ้านราชฯมีพืชผักมากมาย หนูเคยได้กินหลายอย่าง มีหอมหัวใหญ่ด้วย เห็ดเผาะกินได้ เก็บตามธรรมชาติก็ได้ด้วย หากคนมาอยู่บ้านราชฯเยอะๆก็คงเก็บวัตถุดิบไว้ให้พ่อครูกิน จะได้ไม่ขาดแคลน วัตถุดิบไร้สารพิษที่เราทำเอง เมื่อญาติธรรมได้วัตถุดิบมาเยอะ หนูจะเก็บแช่แข็งไว้ดีไหมคะ อีกหน่อยก็จะมีโซล่าเซลล์ เราก็จะได้ไม่จ่ายค่าไฟแพง หนูจะซื้อตู้แช่แข็งไว้ดีไหมคะ อีกอย่างหนูว่า หากเราจะ เอาพืชผักที่สดๆน่าจะดีกว่าหรือไม่คะ
หนูคิดว่าหลวงปู่ทำงานมา 4 รอบนักษัตร ท่านมีแต่ให้ หนูอยากจะมีส่วนร่วมกตัญญูด้วยการประหยัดไม่ผลาญพร่า คิดอย่างนี้ถูกไหมคะ
พ่อครูว่า…ของเรามันไม่ขาดแคลนขนาดนั้นจะไปแช่แข็งทำไม เราไม่สนับสนุน สำหรับโซล่าเซลล์ก็คงจะเป็นฝัน ไม่มีคนมาช่วยทำ
อาตมาว่าหากจะได้รับอาหารที่ดีและปลอดภัยก็ขอบคุณแต่เราควรกินอาหารที่สดใหม่ ส่วนการคิดกตัญญูนั้นดีแต่อันนี้อาตมาก็ขอไม่ไปตามศรัทธา
_หนูมีคำถามที่สงสัยและงง มากเลยว่าทำไมคนเรามีความรัก และอกหัก แล้วก็ทุกข์ภาษาวัยรุ่นเรียกว่าเจ็บ พอหายก็ไม่เข็ด ยังจะมีความรักต่อเพื่อให้ทุกข์ให้เจ็บอีก หนูก็เป็นในสิ่งที่ถาม
พ่อครูว่า….ปัญหาโลกแตก ดีแล้วล่ะ ที่เอามาถาม
ความรัก หลวงปู่เขียนความรักบรรยายความรักไว้ถึง 10 มิติ เป็นหนังสือความรัก 10 มิติ ซึ่งเป็นหนังสือที่เขียนไว้ตั้งแต่พ.ศ 2517 จากการเทศนาสด ไม่ได้เตรียมการอะไรไว้ก่อนเลย เป็นของที่มีเองขึ้นมา เทศน์ที่จังหวัดเชียงใหม่ เทศนาที่วิทยาลัยครูกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 2 แห่ง จึงเอามารวมกันเป็นหนังสือความรัก 10 มิติ พิมพ์ออกไปแจก 10 ถึง 20 ครั้งแล้ว อาตมาก็เห็นว่ามันเป็นภาษาพูด ก็เลยเอามาเรียบเรียงให้กระทัดรัดสั้นเข้าไปอีก เสร็จแล้วก็พิมพ์ออกมาอีกเป็น 10 มิติ เล่ม 1 ให้พวกเราเรียนตั้งแต่เด็กมัธยมจนถึงชั้นประถม
ให้เรียนชั้นละ 2 มิติ พอถึงชั้นม.6 ก็รวมทุกมิติเลย กำหนดให้เรียนในชั้นเรียนมัธยม 1- 6
ความรักคนคู่ความรักเรื่องเพศเป็นความรักมิติที่ 1 เป็นความรักที่ต่ำที่สุด ให้เลิกได้เลย คนคู่มันทุกข์ มีความรักร้อยก็ทุกข์ร้อยมีความรัก 90 ก็ทุกข์ 90 โดยเฉพาะความรักที่เป็นคู่ ธรรมดาสัตว์โลกก็ต้องมีคู่ แต่นี้มันเป็นโลกุตรธรรม มันเป็นเรื่องทุกข์อริยสัจ เพราะฉะนั้นผู้ใดฝึกฝนของศาสนาพุทธแล้วเลิกได้จริง ศาสนาอื่นเขาก็เลิก แม้แต่ศาสนาคริสต์ก็ส่งเสริมอยู่ เขาก็ถือว่าสูง ผู้ที่ถือพรหมจรรย์ของศาสนาคริสต์ เป็นนักบวช ฟรานซิสโก ก็นิยมความเป็นโสด ไม่นิยมความเป็นคู่ อย่างนี้เป็นต้น
เพราะฉะนั้นอันนี้เป็นความรู้อริยสัจ ก็ว่าไปดีแล้วถามมา ก็พากเพียรไปเถอะค่อยๆพากเพียรไปมันจะมีวิบาก มันจะมีอะไรก็จะเห็นทุกข์ไป มันเนียนนะ วิบากที่แย่มันจะเนียนใน มันไม่มีอะไร เป็นวิบากทำร้ายกัน ชาติแล้วชาติเล่าเป็นร้อยชาติพันชาติกินกันหนัก แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ยังมีคู่ จนกระทั่งชาติที่ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าก็ยังมีเศษ ประปราย ออกมาแล้วก็ยังมีคู่วิบาก นางพิมพา อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องธรรมดา ออกมาบวชนางพิมพาก็ร้องห่มร้องไห้ไม่รู้จะทำอย่างไร มันเป็นเรื่องที่ลึกซึ้งมาก แต่เราจะมาทางโลกุตระมาทางนิพพาน ก็ต้องพยายามพากเพียรให้มากยิ่งขึ้น
ก็เอาไว้แค่นี้ก่อนก็แล้วกัน
_คนตายแล้วฟื้นมีจริงไหมคะ
พ่อครูว่า…คนตายแล้วฟื้นมีจริง ตายก็หมายความว่ากลไกองคาพยพของร่างกายมันหยุดทำงาน เสร็จแล้วมันก็ฟื้นขึ้นมาเองได้ บางคนก็ถูกกระตุ้น เดี๋ยวนี้เขามีวิธีกระตุ้นหลายอย่างที่เห็นชัดๆก็คือ สูบฉีดหัวใจให้พุ่งแรงขึ้น จนกระทั่งหัวใจถูกกระตุ้นให้ฟื้นขึ้นมาได้เป็นต้น
ถ้าจะให้ลึกซึ้งจริงๆแล้วมันตอบยากยังเป็นอจินไตย คนที่ตายแล้วฟื้นอย่างพระโมคคัลลานะ มีฤทธิ์มาก ทำพลังงานของจิตวิญญาณตายแล้วก็ยังไม่ยอมตายสามารถชุบให้ตัวเองฟื้นขึ้นมาได้ สุดท้ายด้วยวิบากที่ท่านรู้ว่าเป็นวิบากหนักอนันตริยกรรม ท่านก็เลยรู้ว่าไม่ตายไม่ได้ต้องใช้หนี้ไปชาติหนึ่งก่อน สุดท้ายก็ต้องยอมตายก็ไม่ฟื้น หากจะฝืนก็ฝืนได้แต่สุดท้ายท่านก็ไม่ฝืน ท่านก็ยอมตาย เป็นเรื่องอจินไตย
เราศึกษาธรรมะพระพุทธเจ้าแล้วจะไม่กลัวความตายทางร่างกาย แต่จะทำความตายให้แก่จิตวิญญาณ ตายชนิดที่ตายแล้วไม่ฟื้นขึ้นมาเลย เพราะแยกธาตุเป็นปรินิพพาน เป็นปริโยสาน สูงสุด อรหันต์ทุกองค์ เริ่มทำเป็นทำได้แล้วเรียกว่า เป็นปรินิพพานเป็นปริโยสาน แยกธาตุเหมือนแก๊สที่จับตัวเป็นธาตุน้ำคือไฮโดรเจนกับออกซิเจน
มาแยกธาตุไฮโดรเจนกับออกซิเจนออกจากกันให้เป็นแก๊ส แตกตัวแล้วมันรวมตัวกันใหม่ไม่ได้มันจะมาเป็นน้ำอันเดิมไม่ได้ จนกว่ามีเหตุปัจจัยตามธรรมชาติซึ่งจะรวมตัวเป็นน้ำ ส่วนน้ำอณูนั้น เมื่อถูกแยกธาตุเป็นแก๊สแล้วมันรวมกันเป็นแบบเดิมไม่ได้ เพราะว่าอุตุนิยามไม่สามารถทำตัวเองได้
แม้แต่มนุษย์ที่ไม่ถึงขั้นอมตะบุคคลที่สามารถทำเกิดทำตายเองได้ก็ไม่มีสิทธิ์ สูงสุดที่ทำจิตตัวเองให้เกิดแล้วตาย ตายแล้วฟื้นหรือตายแล้วไม่ฟื้นก็ต้องขั้นอรหันต์ขึ้นไป
_คำว่าสาธารณโภคีหมายความว่าอย่างไรหนูอยากให้แม่เข้าวัดจะทำอย่างไรคะ
พ่อครูว่า…สาธารณะแปลว่าครองส่วนกลางส่วนรวมทุกคนมีสิทธิ์ โภคี แปลว่าใช้สอยหรือบริโภคของที่เป็น สาธารณะหมายความว่าสมาชิกหรือใครๆก็บริโภคได้ เรียกว่าความเป็นสาธารณโภคี เหมือนอย่างชาวอโศกมีสาธารณโภคี
งานนี้อาตมาจะอธิบายเศรษฐกิจ 5 ชนิด
เศรษฐกิจที่ชนิดที่ 5 คือเศรษฐกิจประชาธิปไตยที่ถึงขั้นสาธารณโภคีสูงที่สุด
ชนิดที่ 1 คือเผด็จการ 100%
ชนิดที่ 2 เศรษฐกิจทุนนิยมสามานย์
ชนิดที่ 3 เศรษฐกิจแบบคอมมิวนิสต์ เขาพยายามแจกแบ่ง มีคณะบริหารที่ช่วยกันทำแต่ก็ได้ระดับหนึ่งเพราะไม่เป็นอิสระเสรีภาพ มันถูกบังคับ เป็นเศรษฐกิจที่ยังไม่มีความรู้ในเรื่องอิสระเสรีภาพสมบูรณ์ยังไม่มีความรู้ในเรื่องอัตตา
สองตัวนี้คืออิสระและอัตตา จึงทำให้เป็นเศรษฐกิจดีที่สุดไม่ได้
ชนิดที่ 4 ประชาธิปไตยโดยทั่วไป แต่เป็นประชาธิปไตยโลกียที่ไม่ยั่งยืน เป็นสมบัติผลัดกันชมใครมีเรี่ยวแรงมีความฉลาดมากก็ได้ แล้วก็ถูกแก้แค้นหรือหมุนเวียนกลับไป มีหนี้บาป หนี้อกุศลหมุนเวียนกันใช้หนี้เท่านั้นแหละ อยู่ในวัฏสงสารจนกว่าจะมาเป็นโลกุตระเป็นประชาธิปไตยที่เข้ากระแสโลกุตระตามลำดับ
ประชาธิปไตยโลกุตระรู้จักความเป็นอิสระเสรีภาพ แล้วก็เริ่มปลดปล่อยให้ตนเองมีอิสระเสรีภาพจริง โดยมีทฤษฎีพระพุทธเจ้าและสามารถปลดปล่อยความเป็นอัตตา รู้ เลิกหมดอัตตาไปเรื่อยๆ ความเป็นอิสระก็สมบูรณ์ขึ้น ความเป็นอัตตาก็หมดไป ถึงเป็นคนที่มีสมรรถนะความรู้ความสามารถทำงานรับใช้ประชาชนที่เป็นประชาธิปไตยจริงขึ้นๆๆ เป็นความบริสุทธิ์มากยิ่งขึ้นจนถึงสูงสุดเป็นประชาธิปไตยที่ 5
ชนิดที่ 5 เศรษฐกิจระดับที่ 5 คือสาธารณโภคี
มีเงื่อนไขคือ 1. มีกษัตริย์ 2. มีประชาชน 3.มีจิตวิญญาณ รู้เรื่องจิตวิญญาณรู้เรื่องความฉลาดโลกียะโลกุตระ แล้วดูรายละเอียดของจิตวิญญาณ มีความรู้ในปรมัตสัจจะ นี่คือได้เป็นประชาธิปไตยสุดยอด
_ถามว่าอยากให้แม่เข้าวัดจะทำอย่างไรคะ
ตอบก็ต้องปฏิบัติที่ตัวเองให้ได้แข็งแรงอย่างดีไม่ต้องไปบังคับท่าน ไม่ต้องไปใช้วิธีใดๆเลย วิธีปฏิบัติตนเองให้เป็นผู้ที่เข้าวัดได้เป็นผู้ที่มีโลกุตรธรรม อย่างสูงขึ้นๆจนกระทั่งเป็นอรหันต์เลย เป็นอรหันต์แล้วพ่อแม่ก็จะจำนน ถ้าไม่จำนนก็เป็นวิบาก เราก็รู้ว่าพ่อแม่มีวิบากมาไม่ได้
_ถ้าเพื่อนเอา ความลับของคนเพื่อน ไปบอกคนอื่น เราควรคบต่อดีไหมหรือควรเล่นต่อไป
พ่อครูว่า…ก็บอกกัน อย่าเอาสิ่งไม่ควรเปิดเผยไปบอกคนอื่น เขาจะทะเลาะกันได้ ผิดมิจฉาวาจา 4 มันเป็นบาป
_ลูกอยากทราบว่าโลกนี้เกิดมาได้อย่างไรคะ
พ่อครูว่า…ไม่รู้ มันมีมาแต่ไหนแต่ไรไม่สามารถหาต้นตอที่เกิดได้ แม้แต่พระพุทธเจ้าท่านรู้ได้สูงสุดแล้ว ท่านก็ตรัสตรงๆว่าท่านไม่รู้ที่ต้น ท่านไม่รู้ที่เกิดต้น พระพุทธเจ้าก็สารภาพว่าอันนี้ไม่รู้ พระสมณโคดมท่านบอกว่าไม่รู้ที่ต้น แล้วโพธิรักษ์มารู้ได้ไง มันจะเกินไปแล้ว ไม่รู้ก็ตอบว่าไม่รู้ แม้เราไม่รู้ที่ต้นเราก็ทำในที่ๆควรทำ จะรู้ไปทำไมมันไม่จำเป็น
-
ทำตัวเราให้หมดทุกข์ 2. ทำตัวเราให้เป็นประโยชน์ โดยที่ไม่มีโทษด้วย เราทำงานอย่างบริสุทธิ์ใจก็ทำตัวเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นอย่าง “รู้คุณ-รู้โทษ รู้ชั่ว-รู้ดี สรุปว่าพระพุทธเจ้าท่านให้รู้คุณรู้โทษรู้ดีรู้ชั่วรู้ความจริงตามความเป็นจริง ทำแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ไม่ทำสิ่งที่เป็นโทษเราจะสร้างประโยชน์ให้แก่โลกไปอีกนานเท่าไหร่ก็เชิญ ยังไม่อยากปรินิพพานเป็นปริโยสานก็ทำต่อ จะทำไปอีกนานเท่าไหร่ก็เชิญ โลกและมนุษยชาติและสัตว์โลกไม่เสียประโยชน์มีแต่ได้ประโยชน์ มีแต่คนเป็นคนที่เสียสละก็เชิญเลยไม่มีใครว่า แล้วสักวันหนึ่งคุณก็จะรู้ว่าพอเสียที จบเสียที ถึงขั้นที่จะเป็นพระพุทธเจ้าก็เลิกแล้วปรินิพพานไปแล้วก็เลิกแล้วเป็นพุทธเจ้าสมัยเดียวก็จะรู้เอง
_แล้วมนุษย์เกิดจากอะไรคะหมายถึงมนุษย์คนโลกบนแรก
พ่อครูว่า…มนุษย์คือคนนี่ เกิดมาจากเหตุปัจจัย 3 อย่าง 1.คือไข่ 2.เชื้อจากเพศผู้ 3.วิญญาณ ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดเป็นมนุษย์ไม่ได้ เช่นพืช มันขาดวิญญาณแต่มันมีพลังงานของมันในระดับหนึ่งเรียกว่า สัญญากับสังขาร
_หลวงปู่แต่งเพลงมากี่เพลงแล้วคะ
พ่อครูว่า…ร้อยกว่าเพลง แต่เพลงสุดท้ายคือเพลงสมรรถภาพ แต่งร้อยกว่าเพลงก็ไม่ได้มากมายอะไร
_ในสมัยพระพุทธเจ้ามีฤทธิ์เดชจริงไหม
พ่อครูว่า…จริง ปาฏิหาริย์ในศาสนาพุทธมี 3 อย่าง
-
อิทธิปาฏิหาริย์ (แสดงฤทธิ์ทางใจ ไปซ้ำกับพวกคันธารี)
-
อาเทสนาปาฏิหาริย์ (หยั่งรู้จิตคนอื่น ไปซ้ำกับมณิกา)
-
อนุสาสนีปาฏิหาริย์ (สอนวิชชา8 เป็นปัญญาสัมปทา)
เหมือนพลังงานทางวัตถุทำให้สลายทำให้รวมกันได้ พลังงานวัตถุก็ทำได้พลังงานจิตวิญญาณเมื่อฝึกให้ดีถึงขั้น ก็สามารถทำได้เหมือนกัน แต่มันยากมากๆ ทำวัตถุง่ายกว่า อย่าไปทำแข่งกับทางวัตถุเลย เอาวัตถุมาใช้ แต่ว่าจิตใจมันไม่เที่ยง ทำได้แล้วมันยากจะรวมพลังงานให้มาทำอะไรบางอย่าง หากรวมแล้วไม่ได้มันก็ต้องรวบรวมพลังงานใหม่อีก
หากไปหลงอิทธิปาฏิหาริย์ก็โง่ และไม่หมดกิเลสด้วย มีแต่ล่อกิเลสเพิ่มขึ้น นี่เป็นความรู้ของพระพุทธเจ้า
_การเสพสิ่งเสพติดกับการกินเนื้อสัตว์อย่างไหนบาปกว่ากัน
พ่อครูว่า…จริงๆแล้วเนื้อสัตว์ก็เป็นสิ่งเสพติด สิ่งเสพติดนี้คือสิ่งที่แย่กว่าเนื้อสัตว์ถ้าชัดเจน สิ่งเสพติดไม่ใช่เนื้อสัตว์ คือของ ระหว่างสัตว์กับของ สัตว์เป็นศีลข้อที่ 1 เป็นจิตวิญญาณ หากเป็นวัตถุก็เป็นข้อที่ 2 รองมาจากสัตว์ สัตว์มันเป็นชีวิต หากอธิบายตามหลักเกณฑ์พระพุทธเจ้าแล้ว การเสพติดเนื้อสัตว์นี้บาปกว่าเสพข้าวของ เสพติดเนื้อสัตว์มันมีวิบากแต่เสพติดข้าวของมันไม่มีจิตวิญญาณ แม้แต่พืชมันก็ไม่มีจิตวิญญาณ มันมีแค่สัญญากับสังขาร เพราะฉะนั้นมันไม่จองเวรเรา หากไปเสพติดเนื้อสัตว์นี้จองเวรอีกนานเท่านานเมื่อไหร่มันจะเลิกก็ไม่รู้ ส่วนพืชหรือวัตถุเสพติดมันก็ไม่จองเวร มันก็เลิกง่ายหลุดพ้นง่าย แค่นี้ก็ชัดเจนแล้ว เพราะฉะนั้นสิ่งเสพติดนี้ อย่าไปต่อเชื้ออะไรเลย แม้แต่เนื้อสัตว์มันก็เป็นสิ่งเสพติดได้ ไปติดอะไรที่เกี่ยวกับสัตว์เป็นวิบากกับสัตว์ พืชพันธุ์ธัญญาหารวัตถุมันไม่มีคู่วิบาก
ถ้าหากเป็นจิตวิญญาณ 2 หน่วยเราหยุดแล้ว แต่สัตว์มันไม่หยุดมันก็จองเวรไปอีกนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ นี่คือสัจจะที่ลึกซึ้ง สรุปแล้วหยุดกินเนื้อสัตว์นี่แหละดีกว่า มันถึงมีลำดับที่ต้องศึกษา อบายมุขของเป็นสิ่งเสพติด มันทรมานทรกรรมวุ่นวายก็เลิกก่อน สัตว์ก็ต้องเลิก
ในสัตว์ ในของ เป็นศีล 5 ศีลข้อที่ 1 เกี่ยวกับสัตว์กับคน ศีลข้อที่ 2 เกี่ยวกับของ ก็ไม่ควรติดทั้งคู่ สรุปได้อย่างนั้น อะไรที่เราติดอะไรมากกว่ากันก็เลิกอันนั้นก่อน เลิกเสพติดของก็ต้องเลิก เลิกเสพติดสัตว์ก็ต้องเลิก ส่วนรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสนั้นเป็นกามคุณ 5 มันเป็นต้นตอที่จะทำให้ต้องไปเสพ ก็ค่อยเลิก
_ต่อมาลูกอยากถามหลวงปู่ว่า มีวิธีอะไรบ้างที่จะปล่อยวาง จากสิ่งต่างๆ ทำให้จิตใจไม่เป็นทุกข์มีแต่ความเบิกบานแจ่มใส
พ่อครูว่า…สอนอยู่ตลอดเวลาให้ติดตามให้ดี มันจะวางของที่ชัดเจน ว่า เป็นโทษภัยนี้ออกก่อนได้ มันไม่เป็นของดีมันเป็นอบายมุข แล้วก็มาเลิกกามคุณต่อ
_ทำไมคนเราถึงต้องตายคะ ลูกไม่เข้าใจค่ะ
พ่อครูว่า…ที่เราต้องตายเพราะเรายังต้องเกิด ถ้าหากไม่เกิดมันก็ไม่มีการตาย ศึกษาให้ดีการเกิดกับตายเป็นของคู่กันได้ ทำความไม่เกิดได้มันก็ไม่ตาย เลิกเกิดได้ก็ไม่ตาาย
_พรุ่งนี้หลวงปู่บิณฑบาตหน่อยนะคะ หนูอยากใส่บาตรหลวงปู่ค่ะ หนูอยากให้หลวงปู่อยู่กับลูกหลานนานๆ
พ่อครูว่า…ก็คงจะบิณฑบาตนะ
_ของผมหายไปเกี่ยวกับวิบากไหมครับ
พ่อครูว่า..อย่าไปโทษวิบากเลยเราดูแลไม่ดีเอง เราปล่อยปละละเลยทิ้งขว้าง มันก็ต้องหายอย่าไปโทษวิปากไม่ได้ ต้องฝึกตั้งแต่เดี๋ยวนี้ วิบากมันก็มีได้เหมือนกัน แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องตื้นอย่าไปโทษที่วิบากเลยหัดฝึกฝนแค่ข้าวของนี้
_ทำอย่างไรจะบรรลุธรรมได้ค่ะ
พ่อครูว่า..ติดตามอย่ากระพริบตา มีเบื้องต้นท่ามกลางบั้นปลาย อธิบายเริ่มตั้งแต่ศีลแล้วสะสมเป็นปัญญา เพิ่มอธิจิต เจริญไปตามลำดับ เป็นโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ วางความติดยึดในสัตว์ ในของ ในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส จะมีลำดับเป็นขั้นตอน
_หลวงปู่คะ คนว่าตัวเองเป็นสัตว์ประเสริฐ หนูว่าไม่จริงเลยค่ะ หลวงปู่ว่าจริงไหมคะ หนูว่าคนเป็นส่วนเกินของโลกค่ะ ไม่ใช่สัตว์ประเสริฐ
พ่อครูว่า..ดีเข้าใจดีแล้ว เพราะฉะนั้นคนไหนที่เป็นคนส่วนเกินของโลก เราก็ต้องวิจัยลงไปว่าทำไมเขาเป็นส่วนเกิน ทำไมเขาไม่เป็นคนที่มีประโยชน์ต่อโลก
-
เป็นส่วนเกินที่เป็นคนทำลาย อย่างนี้เป็นส่วนเกินแน่ แต่ถ้าคนที่เขาไม่ได้เป็นคนที่ ผลาญพร่าทำลาย แต่เป็นคนสร้างสรรค์ทำสิ่งที่ดีให้แก่โลกไม่เป็นพิษภัยไม่มอมเมา รับใช้คนอื่น อย่างนี้เขาเป็นคนประเสริฐจริงๆ ก็ต้องศึกษาคนประเสริฐกับคนส่วนเกินให้ดีๆ
_ทำอย่างไรถึงจะเลิกรักคนได้ค่ะ (รักแบบศีลข้อ3)
พ่อครูว่า…ให้ติดตาม อยู่ที่นี่แหละ ที่นี่สอนความรักมิติที่สูงขึ้น ติดตามให้ดี ที่อื่นเขามีบ้าง ที่สอนกัน แต่ที่นี่เราสอนตามพระพุทธเจ้าท่านบอก
_หนูอยากรู้ว่าคำว่าเพื่อนนั้นมีความหมายอย่างไร แล้วเพื่อนแก้ปัญหาให้เรามากเท่าไหนล่ะ แล้วสำคัญมากน้อยเท่าไหร่
พ่อครูว่า…เพื่อน เป็นมิตรที่จะช่วยแก้ให้เราบ้างแต่มันไม่เท่ากับเราแก้เองพึ่งตัวเองแก้ไขให้ตัวเองให้ได้จะดีที่สุด อัตตาหิ อัตโน นาโถ ต้องพึ่งตัวเอง ควรแก้ปัญหาให้ตัวเอง ปัญหานั้นถ้าจะพูดง่ายๆ ปัญหาแก้ได้ด้วยปัญญา นี่พูดอย่างง่าย สร้างความรู้ ความรู้ในระดับปัญญาไม่ใช่ความรู้แค่ เฉโก มีบาลีสองคำ คำว่าเฉโก คือ ความฉลาดแบบโลกีย หากความฉลาดที่เข้ากระแสโลกุตระจึงเริ่มเรียกว่าปัญญา โดยมีอัญญธาตุ เป็นธาตุที่ต่างจากโลกีย์ตัวแรก เป็นธาตุจิตวิญญาณที่เริ่มเปลี่ยนจากตระกูล DNA ของโลกียะมาเป็นโลกุตระ
พระพุทธเจ้ากล่าวถึง อัญญธาตุ กับ คนแรกของศาสนาพุทธที่รู้คืออัญญาโกณฑัญญะเมื่อฟังธรรมพระพุทธเจ้าและเกิด อัญญธาตุ พระพุทธเจ้าก็บอกว่า อัญญาสิ วะตะโภ โกณฑัญโญ โกณฑัญญะเริ่มเกิด อัญญธาตุแล้ว อัญญะแปลว่าอื่น เป็นธาตุรู้แบบโลกุตระเริ่มต้นเลย
เริ่มต้นเป็นโลกุตรธรรมโลกุตรจิต โลกุตรมนุษย์เลย ช้าเร็วก็ขึ้นอยู่กับตัวเอง บางคนช้าอย่างเช่นนางวิสาขา ทุกวันนี้ไม่รู้จะไปอยู่วิมานไหนยังไม่เกิด มันมีได้อย่างนี้นะศึกษาให้ดีแล้วเราจะรู้มีตัวอย่างพระพุทธเจ้าท่านมีให้
_ถ้าเราไม่ชอบเพื่อนให้ทำอย่างไรคะ
พ่อครูว่า…ก็อ่านจิตใจเรา เอ๊..เราไม่ชอบนี้มันสบายใจไหม หากไม่สบาย อย่าให้มีอาการนี้ในใจ เปลี่ยนให้เป็นสบาย เราก็เปลี่ยนหากเราไม่ชอบ เราก็ไปชอบเสียมันก็เป็นขั้วที่ดีขึ้นก็ได้ แต่จะให้ดีก็คือเราไม่ชอบเราก็วางใจ เราก็ปล่อยทำให้เป็นใจกลางๆ เขาก็เป็นเพื่อนก็เป็นของเขา อะไรที่เราไม่รู้สึกสบอารมณ์ไม่ตรงสเป๊ค ไม่ถูกกับ specifications
การที่เราจะไม่ชอบก็ชอบเสีย หาจุดดีของเขา อย่างนี้ก็น่าชอบ เขามีจุดดีที่เราอาจจะไม่มีด้วย เราก็จะได้เอาตามเขาแบ่งจากเขาได้มองอย่างนี้
_การกินเนื้อสัตว์กับเถียงพ่อแม่แบบไหนบาปกว่ากันคะ
พ่อครูว่า…เถียงพ่อแม่บาปกว่า พ่อแม่อย่างไรๆก็คือพ่อแม่เรา เป็นวิบากมาจริงๆ คลอดเราออกมา อยู่ในท้องแม่ตั้ง 9 เดือน 10 เดือน เพราะฉะนั้นพ่อแม่เราเลือกไม่ได้หรอก มันเป็นวิบากมา อย่างไรท่านก็เป็นพ่อเป็นแม่ เราจะไปสอนก็ยาก ผู้ที่จะสอนพ่อแม่ได้ ต้องมีศรัทธา แม้ลูกดี เจริญเป็นพระอริยะเป็นอรหันต์ก็ยังสอนพ่อแม่ไม่ได้หากพ่อแม่ไม่มีศรัทธา เพราะแม่ถือตัวถือดี ก็ต้องให้คนอื่นสอน บางทีอย่าว่าแต่พ่อแม่เลย อย่างลูกก็สอนไม่ได้ พระพุทธเจ้ายังไม่สอนพระราหุลเลยให้พระสารีบุตรไปสอน
_ลูกอยากทราบว่า พระอรหันต์มีความฝันหรือเปล่าคะ หรือมีสติแม้กระทั่งตอนนอน
พ่อครูว่า…จริงมีสติตอนนอนแม้แต่ตอนฝัน แต่ฝันของพระอรหันต์ไม่เรียกฝัน แต่เป็นนิมิต ก็ค่อยศึกษาดู ความฝันของอรหันต์เป็นอย่างไร คนอธิบายไม่ถูกบอกว่าความฝันของอรหันต์ไม่มี อรหันต์จะได้พบฝันหรือนิมิตรก็ต้องเข้าใจว่าฝันหรือนิมิตคืออะไร พระอรหันต์ก็มีนิมิต ในสายปัญญานิมิตจะมีง่าย สายเจโตไม่ค่อยมีนิมิต ความฝันส่วนมากเป็นเรื่องไม่ดีเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ แต่ของพระอรหันต์ขึ้นไปแล้วนิมิตต่างๆเป็นธรรมะ อย่างหลวงปู่ เป็นสายปัญญา นอนก็มีแต่นิมิต เป็นธรรมะ ไม่ใช่เรื่องโลกีย์ เรื่องไปแย่งลาภยศ กามคุณไม่มีแล้ว นิมิตมันก็ไม่เกิด เกิดแต่นิมิตธรรมะ อันนี้เรารู้สึกว่าไม่ค่อยเรียบร้อยยังไม่ละเอียดเพียงพอก็ไปวิจัยต่อในตอนนอนหลับ บางทีนอนหลับตื่นไปถึงตี 2 ตี 3 ตื่นแล้วพอแล้วมันก็จะมีนิมิตขึ้นมาปรุง
สายเจโตเอาแต่นั่งหลับตาสะกดจิตดับเก่งก็จะไม่มีฝันเท่าไหร่ไม่มีนิมิต แต่สายปัญญานี้มี อย่างพระพุทธเจ้านอนหลับแค่ 4 ชั่วโมง จากนั้นท่านก็ไปทำงาน ส่วนของแต่ละอรหันต์สายปัญญาก็อย่างหนึ่งสายเจโตก็ดับเก่ง สายเจโตที่ไม่มีปัญญาก็อาจบอกว่า อรหันต์หลับไปไม่มีฝันหรอก มันก็เป็นแบบสายเจโตของท่าน สายปัญญาจะรู้จักเจโต แต่เจโตไม่ค่อยรู้จักปัญญา สายเจโตจะบอกว่า ตอนหลับไม่มีฝัน หรือนิมิต แต่สายปัญญาจะมี
_ก็แค่ความรู้สึกสงสัย ภาษาที่เขียนแบบนี้ เขาคิดค้นมาได้อย่างไร ทำอย่างไรถึงรู้ว่ามันเขียนแบบนี้
พ่อครูว่า…หลวงปู่ชำนาญเรื่องนี้ พอมีความรู้รากภาษาบาลี เอามาให้พวกเรารู้ บางคนก็ชอบมาก บางคนก็ไม่เอา ก็ตอบคร่าวๆ ภาษาเป็นเครื่องหมาย แล้วก็มีหลายภาษามากเป็นพันเป็นหมื่นเป็นแสนภาษา บางภาษาก็หายไปแล้วก็มี ในวัฏสงสารคนสร้างมาเยอะ สร้างติดตลาดก็อยู่ยืนยาวมา อย่างภาษาบาลีมันเก่ามาก เขาถือว่าเป็นภาษาที่ตายแล้ว วิวัฒนาการต่อไปไม่ได้ ศึกษาบาลีก็จะรู้สิ่งลึกซึ้งมาก ภาษาเป็นตัวแทนความรู้ของพระพุทธเจ้า ท่านพยายามตรัสไว้หมด เท่าที่ท่านจะตรัสไว้ เราก็ใช้ภาษาเหล่านั้นศึกษา
ตัวสะกด พยัญชนะ ภาษา หรือ ภาสา เขาคิดค้นมาจากไหนก็จากผู้ต้นก็ไม่รู้อีก ไม่รู้ว่าใครคิดบาลี แต่หลวงปู่รู้ว่า คนไทยเอาตัวอักษรบาลี มาเป็นอักษรไทย ประกอบกับของตนเอง เป็นรากเหง้า มาเป็นภาษาไทยแล้วจากบาลี 33 อักษร แล้วก็มาเติมเป็น 44 อักษร คนเติมก็อาตมารู้ดี บางอย่าง ค.ควาย ฅ.คน หรือ ฃ.ขวด เขาก็ไม่ใช้กัน เพราะมันไม่มีอะไรยากหรือพิสดารอะไรมาก ทุกวันนี้ก็มีคนดัดจริตใช้ ฅ.คน อย่าไปใช้ค.ควาย นอกนั้นก็ไม่ได้ใช้กับคำอื่นอีก
_การที่เราไม่มีหัวใจจะรับรู้ถึงตัวตนเราไหมคะ
พ่อครูว่า…หัวใจเป็นเครื่องสูบฉีดเลือด สมองเป็นอุปกรณ์ที่ให้จิตวิญญาณใช้งาน 2 อย่างนี้สำคัญ หัวใจทำงานเรื่องเลือด ไม่ได้ทำงานเรื่องคิดถึงรู้ แต่มันสลับภาษา คนไทยสลับภาษาหัวใจ ใจก็คือจิต จิตมันใช้สมองเป็นอุปกรณ์ ส่วนหัว กับใจ หัวนั้นอยู่ที่สมอง แต่ใจอยู่ตรงหน้าอก ใจมาเรียกหัวใจ คือตัวต้นของชีวิตสูบฉีดเลือด หากเลือดสูบฉีดไม่พอก็ตาย
หัวใจเป็นรองสมอง สมองมีประสาทมีนัยยะของวิญญาณ เจตสิกเยอะ ประสาทในสมองตายไปบางเส้นก็หยุดการรู้บางอย่าง ส่วนหัวใจสูบฉีด หากชำรุดก็เสียได้ อันนี้แพทย์เรียนรู้ได้ สรีระสมองแพทย์เรียน แต่วิญญาณนั้นต้องใช้ความรู้ของพระพุทธเจ้า
ความรู้ของพระพุทธเจ้าไม่ได้ไปสอนเรื่องหัวใจสูบฉีดโลหิต ท่านเอาภาระเรื่องของวิญญาณเรื่องจิตที่ใช้สมองเป็นอุปกรณ์ ท่านก็รับผิดชอบอันนั้น มันสำคัญทั้งคู่ บกพร่องได้ทั้งคู่ ขาดได้สัดส่วนไม่ได้สัดส่วนก็ตายทั้งคู่
_ของการเสียใจมากที่สุดในชีวิตคือตอนไหนคะ
พ่อครูว่า…ก็ตอนที่เรายึดมั่นถือมั่น ยึดมากเสียใจมาก ยึดน้อยเสียใจน้อย เราใช้เพียงอาศัยอย่ายึดมั่นถือมั่น ยึดมั่นถือมั่นมากตายไม่ลงอีก ต้องยึดพออาศัย มีกรรมกับกาละ หากเราตัดกรรมจากกาละ ท่านเรียกว่าผู้สามารถทำกาละได้ขาด คนทำกาละได้ขาดคือทำกรรมให้รู้จักพอจักหยุด คนทำกรรมจบได้ก็เท่ากับทำกาละให้อัตตาเราจบ กาละคือการวนเวียนในเอกภพมีอยู่นิรันดร คนที่ปรินิพพานเป็นปริโยสานแล้วก็จะหายไปไม่อยู่ในกาละอีกแล้ว จึงเรียกว่าเป็นผู้ทำกาละสำเร็จ จะไม่มีใน กาละอีก กาละจะมีอยู่อีกนิรันดรอัตภาพของผู้นี้ก็ไม่มีอยู่ใน กาละอีก จึงเรียกว่า ทำกาละ
_ลูกเคยได้ยินมาว่าผู้ชายมักจะไม่ค่อยมีความรู้สึกเท่ากับผู้หญิงที่มีความรู้สึกมากกว่า แต่มีคนบอกว่าผู้ชายก็ไวมากกว่าผู้หญิงมันต่างกันตรงไหนในเรื่องเพศ ในเรื่องสัญชาตญาณ
พ่อครูว่า…มันสลับไปสลับมา จริงๆแล้วผู้หญิงนี้อ่อนไหวผู้ชายนั้นมั่นคง แต่ผู้ชายที่ไม่มั่นคงอ่อนไหวก็มีได้ ผู้หญิงมั่นคงกว่าก็มีได้ แต่โดยเนื้อแท้แล้วผู้หญิงคือไดนามิกผู้ชายคือ static เพราะฉะนั้นผู้ชายจะนิ่งกว่าผู้หญิง เพศชายกับเพศหญิง นี่คือคำว่าเพศ เพศ + เพศลบ บวกคือชาย – ผู้หญิง ลบคือ Dynamic เพศ + คือ static ก็เป็นธาตุ 2 ธาตุของนิวเคลียส
มันเป็นคู่ที่เกิดมีในโลกจะต้องมีธาตุ 2 ถ้าหากทำให้ธาตุ2 นี้เป็นหนึ่ง มันไม่เกิดอีก จนกว่าธาตุนั้นจะสลายไป สลายคือปรินิพพานเป็นปริโยสาน เป็นอุตุนิยามมันก็รวมตัวกันเองไม่เป็น แม้แต่พีชะก็จะสามารถกำหนดต่อเผาพันธุ์ได้ แต่มันก็ได้อย่างแคบและจำกัด
ศึกษานิยามชีวิตทั้ง 5
_คนเราเกิดมาทำไมต้องมีบุญมีบาปด้วยครับ แล้วคนเราถ้าตายแล้วจะเกิดทันทีหรือหลังจากที่ตายเลยหรือครับ หรือว่าต้องไปที่ไหนอย่างไรก่อนครับ
พ่อครูว่า…บาปกับบุญ 2 คำนี้หลวงปู่อธิบายยากโดยเฉพาะคำว่าบุญ ทุกวันนี้ศาสนาพุทธเข้าใจคำว่าบุญผิด ผิดไปมากเลย บุญไม่ใช่กุศล บุญเป็นความดีที่ไม่ใช่ความดี กุศลเป็นความดีที่มีแต่ความดี และเป็นความดีที่เป็นสมบัติ ใครทำกุศลแล้วจะเป็นความดีแล้วสั่งสมในอัตภาพในวิญญาณของใครๆ มันจะสะสม
แต่ว่าบุญนี้ จะพูดตรงๆคือมันไม่ดีเลย บุญมันเลวเพราะมันเป็นนักฆ่า บุญคืออาวุธเป็นนักฆ่ากิเลสแล้วมันไม่ฆ่าอย่างอื่น บุญนั้นซื่อสัตย์สุจริตมีปัญญาสูงส่งรูปจากกิเลสชัดเจนตั้งแต่หยาบ กลาง ละเอียด ไม่ผิดพลาดละเอียดซื่อสัตย์ไม่ทำลายอย่างอื่นเลย ทำลายอย่างเดียวเอกังสะ ทำหน้าที่อย่างเดียวไม่ละเมิดอย่างอื่นทำลายกิเลสเสร็จ กิเลสไม่เกิดอีกเมื่อไหร่ บุญก็ไม่มีอีกเลย หายไปเลยหมดหน้าที่ เหมือนพลังงานปรมาณู ประกอบพลังงานปรมาณูได้ไปยิงตูม พลังงานปรมาณูก็หายไปจับมาสร้างเป็นระเบิดลูกใหม่ ก็เป็นลูกใหม่ เหมือนกับบุญมันก็จบไปแล้วถ้าทำได้ ทำได้เป็นส่วนก็เรียกว่า ปุญญภาคิยา จนหมดอาสวะอนุสัย บุญไม่สะสมที่ไหนเลย แต่ทุกวันนี้ไปอธิบายว่าบุญคือสมบัติ ไม่ได้ บุญมันเป็นสิ่งที่ทำหน้าที่ประหารอย่างเดียว หมดหน้าที่มันไม่อยู่ มันก็จบไม่เหลือสะสมไม่ได้
แต่ทุกวันนี้เอาบุญไปเล่นลิเก หน้าที่ฆ่ากิเลสถือว่าเป็นหน้าที่ที่ดีที่สุด ถ้าทำได้จริงๆดีที่สุดเลยในมนุษย์ จะว่ามันดีมันก็ดีเพราะมันฆ่ากิเลสได้อย่างแท้จริง เพราะฉะนั้นใครสร้างพลังงานให้เป็นบุญเป็นอาวุธฆ่ากิเลสตัวเองได้ เก่งที่สุด ศาสนาพุทธจึงสอนเรื่องนี้มันถึงเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติเป็นประโยชน์ต่อโลก อย่างไม่มีโทษเลย คนที่เสร็จจากบุญ จิตจะสะอาด เป็นวิชาเดียวที่มีในศาสนาพุทธที่ยิ่งใหญ่ในโลก
บุญอันประเสริฐสูงสุดเพราะฆ่าสิ่งที่เลวที่สุดคือกิเลสได้ มีคู่คือบุญที่ฆ่ากิเลส ไม่มีอย่างอื่น หากไม่สามารถสร้างพลังงานบุญได้ ก็ฆ่ากิเลสไม่ได้ บุญเท่านั้นที่จะฆ่ากิเลสได้พลังงานที่ชื่อว่าบุญนั้นยิ่งใหญ่ที่สุด ต้องมาเรียนรู้ศาสนาพุทธอย่างสัมมาทิฏฐิให้ดี แล้วจึงจะมีเหตุปัจจัยเพียงพอก็จะเกิดพลังงานบุญ
บาปนี้คู่กับบุญ แต่บาปมันก็เป็นตัวลำลอง มันเป็นสิ่งไม่ดีที่เหลือ=อกุศล จริงๆแล้วหมดบาปก็หมดบุญ หมดบุญก็หมดบาป ท่านถึงบอก ปุญญปาปปริกขีโณคืออรหันต์ บาปหมดบุญก็หมด
ส่วนกุศลเป็นสมบัติ เป็นสิ่งอาศัยเป็นเครื่องอนุเคราะห์ แม้แต่พระพุทธเจ้าก็อาศัยกุศล กุศลนั้นบางทีช่วยเราโดยเราไม่รู้มันช่วยเราเอง เราจึงหลงว่ากุศลของเราจริงๆที่มาช่วยเรานี้ว่ากุศลนี้คือพระเจ้า คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คือสิ่งที่ไม่มีตัวมีตนมาช่วยเรานั้นไม่ใช่ จริงๆแล้วคือกุศลของเราเองที่มาช่วย แม้แต่ศาสนาคริสต์ยังบอกว่าเราต้องช่วยตัวเองก่อนแล้วพระเจ้าจะมาช่วยทีหลัง เราทั้งนั้นที่สร้างเอง ก็เราช่วยตัวเองเสร็จแล้ว พระเจ้าจะมาช่วยอีกทำไม
_ตายแล้วไปไหน …ก็เกิดทันที …หากไม่มีวิบากคั่นก็เกิดทันที ตายแล้วคุณก็อยู่กับวิบาก จะเป็นนรกสวรรค์ก็เป็นวิบากของคุณเองทำเองหมดเลย เป็นสิ่งที่คุณสร้างเองทำเองทั้งนั้นในขณะที่คุณยังไม่มาเกิดทันที แต่ถ้าคนศึกษาศาสนาพุทธแล้วไม่ไปมีนรกสวรรค์อยู่ในภพไหน เหมือนพระสมณโคดมบอกว่าเราไม่เกิดแม้ในสุทธาวาส 5 ซึ่งเป็นแดนที่เป็นสวรรค์สะอาดบริสุทธิ์แล้ว ท่านไม่ไปเกิดที่นั่น ท่านจะตายแล้วเกิดทันที อาตมาคนหนึ่งก็เดินตามสายนี้ อาตมาตายแล้วเกิดทันที อาตมาจะเกิดบ่อยมาก
ตายแล้วต้องไปตามวิบาก
_สายเจโตสายปัญญามีนิสัยอย่างไรอันไหน บรรลุธรรมง่ายกว่า
พ่อครูว่า…สายปัญญาบรรลุธรรมได้ง่ายกว่าสายเจโต สายเจโตบรรลุช้ากว่า นิสัยก็เป็นสิ่งที่สั่งสม 1.อาศัย 2.นิสัย 3.วิสัย 4.อนุสัย
อาศัยคือ สิ่งที่เป็นปัจจุบันอาศัยอะไรอยู่ สั่งสมมากขึ้นก็เป็นนิสัย ติดตัวเรามากขึ้น แต่ท่านใช้คำว่านิ แปลว่าไม่ คำว่านิ คือปฏิเสธแต่ใช้สระอิ อะ อา อิเป็นสามเส้า นิ คือไม่ แต่ขออาศัยวัฏฏะทำงาน น้อยที่สุดแล้ว dynamic ก็ทำงานแค่วงวัฏฏสงสารน้อยนิด คือนิสัยคือเป็นตัวตนแค่นี้ เนี๊ยะ แค่เนี๊ยะ ก็เป็นตัวตนแค่นี้
วิสัยสั่งสมมากกว่านั้น มีสองอย่างวิสัยมีแย่ กับ ยิ่ง มากเลยกว่านิสัย วิก็คือวิเศษนี่แหละ เหลือที่เราเอาไว้ เรากำหนด เศษส่วนที่เหลือที่เราไว้อยู่ จนเป็น อนุสัย
อนุสัย อนุแปลว่าเล็กน้อยหรือตาม มันตามเรามาเราไป เป็นตัวสูงสุดของพลังงานเราที่จะกำหนดได้ แต่ปุถุชน อนุสัยเป็นเจ้าอำนาจคนเลย แต่อาริยชนก็จัดการอนุสัยได้ให้แววไว รู้ไว ปรับไว ปรับได้ไว จะให้เกิดหรือไม่เกิดอีกก็ได้
_ถ้ารุ่นน้องไม่เคารพรุ่นพี่จะทำอย่างไร
พ่อครูว่า..ก็บอกคณะส่วนกลางส่วนใหญ่หรือผู้ที่ท่านมีความรู้ความสามารถจะช่วยจัดการเรื่องนี้ เรามีระบบระดับ คณะนี้จัดการไม่ได้ก็ให้คณะอื่นจัดการที่มีความสามารถมีความเก่ง ที่จะทำได้ดีก็เป็นลำดับขึ้นไป เรามีเบื้องต้นท่ามกลางบั้นปลายหลายชั้นช่วยกัน
_ดิฉันมักมีความเห็นว่านักเรียนมักถามปัญหาโลกแตกซ้ำซาก รุ่นแล้วรุ่นเล่า มีความเห็นว่าน่าจะรวบรวมคำตอบเหล่านี้ให้นักเรียนม.1 รู้ก่อน จะได้ไม่ต้องให้พ่อครูตอบอีก
เข้าสู่เรื่อง กวีจากอ.เป็นต้น นาประโคน…
มาเข้าสู่เนื้อหาการเมืองกันหน่อย
ตอนนี้เขาตะโกนกันว่าไม่เลือกตั้งซักที ประเทศไทยเลยไม่เป็นประชาธิปไตยสักทีเป็นเสียงร้องของพวกคนอินโนเซ้นท์พวกนี้ Innocent ไปทางอวิชชา พวกหลงใหลเลือกตั้ง นี่คือความรู้อันไม่เดียงสาของคนไม่รู้ประชาธิปไตย ไปถูกพวกประเทศประชาธิปไตยขาเดียวหลอกมา เพราะเขาไม่มีทางเลือก จะต้องเลือกตั้งคนมาเป็นประธานาธิบดีอย่างเดียวเท่านั้น แต่ของไทยเรานั้นเป็นประชาธิปไตย 2 ขา มีกษัตริย์และประชาชน และมีสามเส้าด้วยคือมีจิตวิญญาณ ของพระมหากษัตริย์ที่มีทศพิธราชธรรมเป็นโลกุตระ และจิตวิญญาณประชาชนร่วมกัน วิญญาณเป็นประธานสิ่งทั้งปวง แล้วเป็นวิญญาณโลกุตระด้วยจึงดีงาม และสะอาดบริสุทธิ์
ความรู้ที่เห็นว่าการเลือกตั้งเท่านั้นจึงเป็นประชาธิปไตย เป็นความรู้ที่ด้อยอย่างหนึ่งมีจำนวนน้อยคนที่คิดเช่นนี้ในประเทศไทย ขณะนี้ ประเทศไทยบริหารโดยพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีด้วยการยึดอำนาจ ผ่องถ่ายอำนาจจากประชาชน เพราะ ประชาชนได้จัดการประชาธิปไตยในประเทศได้เรียบร้อยแล้ว ประชาชนชนะแล้ว พลเอกประยุทธ์เป็นตัวแทนของประชาชนมาบอกขอยึดอำนาจ ศัตรูหรือผู้ที่ยึดอำนาจในตอนนั้นหมดแรงหมดน้ำยา ก็เลยสามารถยึดได้โดยง่าย ไม่ต้องใช้เรี่ยวแรงอะไรมาก เพราะว่ามันได้สุกงอมลงตัวได้ที่แล้ว เป็นประชาธิปไตยที่สวยงาม ประชาธิปไตยสมบูรณ์แบบแล้วโดยประชาชน ประเทศไทยทำให้เกิดประชาธิปไตยโดยประชาชนเสร็จแล้ว เป็นแต่เพียงว่า
ในรูปแบบบริบทของประเทศไทย มีทั้งทหาร เป็นผู้ดูแลความมั่นคงของประเทศชาติ ก็จะทำหน้าที่ของตัวเองไป แล้วก็ไปบอกว่าขอยึดอำนาจมาบริหารก็สำเร็จง่ายดาย แล้วพลเอกประยุทธ์ก็มาบริหารและบริหารได้เข้าตาประชาชนด้วย มีกี่โพลก็ยังยินดีให้พลเอกประยุทธบริหารอยู่ นี่คือประชาธิปไตยของประชาชนโดยประชาชน เพื่อประชาชน ตามที่อับราฮัมลินคอล์น ได้พูดไว้ นี่แหละของแท้
ประชาธิปไตยของไทยทุกวันนี้พวกเราเข้าใจว่าดีเลยประเทศอื่นก็กำลังศึกษาตามประเทศไทย เพราะฉะนั้นประเทศที่ยังไม่ฉลาดก็แน่นอนเขาก็ยังบอกว่าประเทศไทยยังไม่เป็นประชาธิปไตยโดยเฉพาะพวกโง่ๆ พวกหัวแดงอะไรพวกนี้อยู่ ยังหลงกับการเลือกตั้งอยู่ ประชาธิปไตยก็คือการเลือกตั้ง นั่นมันเป็นลูกกะโล่ของพวกประชาธิปไตยขาเดียว เพราะการเลือกตั้งของเขามันเป็นความจำเป็น ประชาธิปไตยขาเดียวไม่เลือกตั้งก็ไม่รู้จะไปเอาใครมาเป็นผู้นำประเทศ เขาไม่มีทางเลือก แบบนั้นมันตื้นเขินมากประชาธิปไตยขาเดียว มันมีความจำกัดมันมีความจำเป็น นี่แหละคือประชาธิปไตยขาเดียว
อาตมาพูดชัดสั้น conscise ฟังแล้วเหมือนแข็งแรง ทุบเลยก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ตามนิส้ยอาตมา
สรุปแล้ว ประชาธิปไตยคืออะไร ขยายความ
ประชาธิปไตย คือ
อาตมาบอก process กระบวนการประชาธิปไตยมี 4 อย่าง
-
อิสระเสรีภาพ
-
อนัตตาไม่มีตัวตนหรือไม่เห็นแก่ตัว
-
ความรู้ความฉลาด เป็นปัญญา ไม่ใช่แค่เฉโก
-
มีศีล 5 เป็นหลัก
หากคนในประเทศมีศีล 5 อาจจะไม่ต้องถึง 50 เปอร์เซ็นต์ของคนในประเทศก็ได้ มีศีลข้อที่ 1-5 เฉลี่ยกัน ถ้าหาก 50% มีศีล 5 ประชาชนส่วนอื่นๆก็เฉลี่ยกันไปมีศีล แม้เพียงข้อเดียว 2 ข้อก็ตาม แต่ถ้ามีศีล 5 ถึงครึ่งประเทศรับรองไม่มีใครตีแตก เหมือนกับวัสสการพราหมณ์ที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสสอนไว้ ไม่มีใครตีแตกหรอก เพราะศีล 5 เป็นหลักประกัน
รวมไว้หมดแล้ว ศีลข้อ 1 2 3 เป็นหลักประกันของมนุษยชาติที่มีจิตใจเป็นพรหมเป็นพระเจ้า ศีลข้อที่ 1 2 3 มันทำให้จิตใจคนสามารถเป็นพรหมเป็นพระเจ้าได้เลย จะเป็นคนที่มีจิตรู้จักความเป็นสัตว์ ตั้งแต่เซลล์เดียวจนถึงสัตว์ชั้นสูงอย่างพระพุทธเจ้าเลย แล้วจะประสานสมานอยู่ อนุโลมปฏิโลมกับสัตว์ต่างๆอย่างไรขนาดไหนก็มีสัปปุริสธรรม 7 มหาปเทส 4 ที่จะรู้จักการเชื่อมสัมพันธ์ได้ดีได้เหมาะสม ปโหติ ได้อย่างเหมาะพอดี นี่คือหลักธรรมพระพุทธเจ้า
เพราะฉะนั้นในกระบวนการของประชาธิปไตย
-
อิสระเสรีภาพ 2. อนัตตา เห็นแก่ตัวน้อยลงจนกระทั่งไม่เห็นแก่ตัวเลย 3. มีปัญญา มีความฉลาดระดับโลกุตระ 4. มีศีล มีหลักสังวรตลอด