610606_คุณสุทธิชัย หยุ่น จาก TPBS สัมภาษณ์พ่อครู ธรรมะคือทางรอดของทุกสิ่ง
คุณสุทธิชัย หยุ่น จาก TPBS สัมภาษณ์พ่อครู ที่ บวร ราชธานีอโศก 6 มิถุนายน 2561 ประเด็น ที่ 1. ชุมชนชาวอโศก เป็นสำนักสงฆ์ เป็นคอมมูน หรือเป็นเมืองลับแลกันแน่
คุณสุทธิชัย หยุ่นว่า… สวัสดีครับไทยแลนด์ไลฟ์ ฟังเสียงประเทศไทย วันนี้ผมมาที่ชุมชนราชธานีอโศก ที่อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานีครับ แน่นอนครับ ขาดไม่ได้ก็คือจะต้องมาสัมภาษณ์กับชุมชนนี้ ซึ่งคนข้างนอกที่ไม่เคยมา มีคำถามมากมายหลายอย่าง ทั้งในแง่ที่มีเขาสงสัย และในแง่ที่มีความชื่นชม คนที่จะตอบได้ก็คือ แน่นอนต้องเป็นเจ้าสำนัก
กราบนมัสการครับท่านสมณะโพธิรักษ์
ก่อนมามีคนตั้งคำถามว่า ที่นี่คืออะไร ที่นี่เป็นชุมชน เป็นหมู่บ้านเป็นสำนักสงฆ์ เป็นคอมมูน หรือเป็นนครลับแลกันแน่ พ่อครูจะว่าอย่างไร
พ่อครูว่า…ก็เป็นทุกอย่างที่พูดมา แม้แต่เป็นนครลับแลก็ได้ จะเป็นนครลับแลก็ได้ ที่จริงเราเป็นนครที่เปิดเผย ไม่ใช่เปิดเผยธรรมดา ถ่ายทอดทุกวัน ถ่ายทอด สถานที่นี้รายงานความจริง ทุกบรรยากาศ รายงานความจริง Jingle ของเราเป็นอย่างนั้นเลย ทุกบรรยากาศคือการรายงานความจริง ตลอดเวลา เพราะฉะนั้น เปิดเผยให้มาศึกษาได้ แม้แต่ทางนิตินัย ที่บอกว่าเป็นหมู่บ้าน ทางนิตินัยของมหาดไทย ก็เป็นหมู่ที่ 10 ตำบลบุ่งไหม อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี
สุทธิชัย หยุ่นว่า…ก็ต้องมีผู้ใหญ่บ้าน
พ่อครูว่า…มีพร้อม
สุทธิชัย หยุ่นว่า…แล้วพระอาจารย์เป็นอะไรของที่นี่ครับ
พ่อครูว่า…เป็นสมณะ
สุทธิชัย หยุ่นว่า…ไม่ได้มีตำแหน่ง แต่ทุกคนก็ต้องยอมให้ยกให้
พ่อครูว่า…ก็เป็นส่วนตัวของเขา
สุทธิชัย หยุ่นว่า…ไม่มีการสั่งอะไรไม่มีสิทธิ์อะไร
พ่อครูว่า…มีสิทธิ์แต่อาตมาไม่ค่อยใช้อภิสิทธิ์ อย่าว่าแต่สิทธิ์เลยมีอภิสิทธิ์ด้วย
สุทธิชัย หยุ่นว่า…ทำไมถึงมีอภิสิทธิ์
พ่อครูว่า…เขายกให้ยอมให้ จะสั่งอะไรเขาก็ไม่มีปัญหา อาตมาจึงต้องเกรงใจ เขายิ่งให้สิทธิ์เรา เรายิ่งต้องระมัดระวัง อย่าไปใช้อภิสิทธิ์เป็นอันขาด ให้เขาเองเขาพอใจ แล้วเขาเสนอมาทุกอย่างก็เป็นไปได้
สุทธิชัย หยุ่นว่า…ผมก็ได้เดินพูดคุยกับคนในนี้ โดยที่ไม่ได้เตรียมไว้ล่วงหน้า ซักถามทุกคน
พ่อครูว่า…ออกรายการนี้ก็ไม่ได้เตรียมกันมาถามอะไรก็ไม่รู้
สุทธิชัย หยุ่นว่า…ยืนยันได้ที่ท่านอาจารย์บอกนี้ ทุกคนเปิดหมด ทุกคำถามและก็เป็นไปอย่างที่พระอาจารย์ว่าด้วยก็คือ ที่นี่มีเสรีภาพทางความคิด จะอยู่ก็ได้จะไม่อยู่ก็ได้ จะมาจะใช้ชีวิตอย่างไร แต่ว่าจะช่วยกันที่จะอยู่ร่วมกัน ให้เป็นสังคมที่แปลกใหม่ สังคมที่มีแต่ให้ ซึ่งผมคิดว่า ตรงกับที่พระอาจารย์ตั้งใจ ที่จะทำให้มันเกิดขึ้น
ผมเคยนั่งคิดเหมือนกันว่า พระอาจารย์สมณะโพธิรักษ์ ต้องการจะสร้างมนุษย์พันธุ์ใหม่ขึ้นมา ด้วยการที่ตั้งชุมชนขึ้นมาอย่างนี้ และมีกฎกติกาที่แปลกและแตกต่าง จากชุมชนสังคม ตามความหมายของพระอาจารย์ จริงหรือเปล่าที่พระอาจารย์ จะสร้างมนุษย์พันธุ์ใหม่คนไทย อีกแบบหนึ่งที่ไม่เหมือนคนอื่น
พ่อครูว่า…ใช่ เป็นคนทันสมัยที่เก่าที่สุด พระพุทธเจ้าสร้างขึ้นแล้ว คนพันธุ์นี้ เรียกคนพันธ์โลกุตระ หรืออาริยะ อาตมาไม่ใช้เรียกคำว่า อาริยะนั้น อาตมาเรียกว่า อาริยะ เพราะภาษาคำว่าอริยะ นั้นเพี้ยนไปแล้ว กลายเป็น ต้องนั่งไล่จับกันอยู่ทุกวันนี้ อาตมาก็เลยขอใช้ศัพท์เพิ่มเป็นคำว่า อาริยะ มันมีสามคำ แปลว่าเจริญ ศิวิไลซ์หมด
อารยะ นี้ ทั่วโลกเขาใช้กันเป็นชาติอารยะ ประเทศอารยะ
แต่ว่าเป็นคำที่มีน้ำหนักก็มีคำว่าอริยะ อริยะเขาก็ไปใช้ผิดออกเป็นเดรัจฉานวิชาเป็นฤษีไปหมด อาตมาก็ไม่ไหวใช้ร่วมกันด้วยไม่ได้เพราะมันจะเสื่อมมันคนละความจริง ก็เลยจะเพี้ยนความหมายก็เลยมาใช้คำว่า อาริยะ
มีคำว่า อริยะ อารยะ และเราใช้คำว่าอาริยะ ศรีอาริยเมตไตรย์
สุทธิชัย หยุ่นว่า…คนที่จะเป็นอย่างที่พระอาจารย์ต้องการให้เป็นจะเป็นคนอย่างไร
พ่อครูว่า…ตรวจสอบได้เลยตามหลักฐานพระพุทธเจ้า เช่นตามธรรมวินัย โคตมีสูตร 8 หลัก หรือตามวรรณะ 9 อย่าง ซึ่งเรียกวรรณะ the classes แต่ไม่ใช่ชั้นวรรณะอย่างอินเดีย แต่เป็นคุณสมบัติของธรรมะ เช่น วรรณะ 9
1 เป็นคนเลี้ยงง่าย สุภระ เป็นคนเลี้ยงง่ายไปง่ายมาง่ายอยู่ง่ายกินง่าย
2 เป็นคนที่เจริญพัฒนาได้ง่ายพัฒนาให้เจริญได้ง่าย สุโปสะ สั่งสอนอบรมฝึกฝนให้เจริญได้ง่ายไม่ดื้อดึงดันไม่ดื้อด้านว่านอนสอนง่าย
3 เป็นคนกล้าจน หรือมักน้อย อัปปิจฉะ เอาไว้ในๆมีไว้ในน้อยหรือมาเป็นคนจน มีจิตพอเพียง มีเท่านั้นก็พอฉัน
4 สันโดษ สันตุฏฐิ เป็นคนที่มีเท่านี้ก็พอใจ
5 เป็นคนขัดเกลากายวาจาใจ เปลี่ยนแปลงให้เป็นคนดีงามตามโลกที่เป็นมาตามสัจธรรมที่พระพุทธเจ้าสั่งสอนให้เกิด เรียกว่าเป็นผู้ สัลเลขธรรม
6 เป็นคนที่มีศีล เป็นศีลตามลำดับ ศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 ศีลจุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล เดี๋ยวนี้ภิกษุเขาไม่ถือศีลแล้วมีแต่วินัย 227 เมื่อไปถามว่าภิกษุทุกองค์ มีศีลเท่าไหร่ก็บอกว่า 227 อันนั้นมันเท่าวินัย อันนั้นมันกฎหมายอาญาผิดวินัยรับโทษ แต่ศีลนี้คือธรรมนูญ คือพุทธธรรมนูญ เป็นธรรมนูญของศาสนาพุทธ มีอยู่ 43 ข้อ นี่คือศีลของศาสนาพุทธ พระทุกวันนี้ถือว่าไม่มีศีล มีแต่วินัย ไปยึดถือศีลสมาธิปัญญาที่ผิด วิมุติก็ไม่เป็นสัมมา
หากคนไม่ปฏิบัติศีลก็จะรู้สึกว่าเคร่ง แต่คนปฏิบัติได้เป็นปกติแล้วก็จะไม่เคร่งเครียดอะไร ไม่ต้องฝืนอะไร เป็นอัตโนมัติในตัวเลย เป็นเองเป็นเช่นนั้นเองเลย เป็นตถตา
สุทธิชัย หยุ่นว่า…ก่อนที่ผมเข้ามา เห็นว่าคนที่นี้น่าจะเครียดมาก แต่เข้ามาแล้ว คนยิ้มแย้มแจ่มใส
พ่อครูว่า….อาตมาไม่เคยรู้เลยว่า อาการเครียดเป็นอย่างไร นึกไม่ออกเลย พยายามถามคนว่า เครียดเป็นอย่างไร
สุทธิชัย หยุ่นว่า…สมัยก่อน พระอาจารย์ก็ดูเคร่งเครียดนะครับ
พ่อครูว่า…โทรทัศน์เขาไม่ให้ ยิ้มออกอากาศ อาตมาก็เลยไม่ยิ้ม แต่ตอนนี้ ถือว่าเราไม่มีทุจริต กายวาจาใจอะไรก็ยิ้มได้ให้คนได้รู้สึกดี
พระพุทธเจ้าให้มีจิตที่ยินดี อภิปโมทยังจิตตัง เป็นผู้ตื่นผู้เบิกบาน ไม่ใช่เป็นผู้ที่เคร่งเครียด พระพุทธเจ้าก็ไม่สอน แต่ไปผิดเพี้ยนเอาเท่านั้นเอง
7 อาการน่าเลื่อมใส่ ปาสาธิกะ
8 แปล อปจยะ แปลว่า ไม่สะสมคือจะต้องมาจน
9 วิริยารัมภะคือยอดขยัน ปรารภความเพียร
สุทธิชัย หยุ่นว่า…ถ้าได้คนอย่างนี้ตามที่พระอาจารย์สร้างขึ้นมาเขาก็จะเป็นคนกลุ่มน้อย ก็จะดูเป็นปมขึ้นมา จะไม่เหมือนปกติคนทั่วไป ก็เลยเป็นคนแปลกแยก เขาก็ต้องแปลกแยกก็ต้องเครียดสิ
พ่อครูว่า…ตรงกันข้ามพวกเรา ก็แม้เขารังเกียจพวกเรา เราก็เข้าใจเขา แต่เราเป็นได้ชนิดที่เขารู้จริงแล้วจะไม่รังเกียจ นอกจากเขาไม่เข้าใจทั้งนั้น ถ้าเขาเข้าใจแล้วเราเป็นคนเสียสละเป็นคนรับใช้เป็นคนที่ไม่เอาเปรียบเอารัฐ ใครเขาจะไม่ชอบ ไปที่ไหนๆ เพราะฉะนั้นสถานีโทรทัศน์เดี๋ยวนี้เด็กเราจบออกไปทำงานตามสถานีต่างๆเขาต้อนรับทั้งนั้นเลย ฝีมือดีทำงานได้ กวาดเช็ดถูยังได้เลย ไม่เรียกร้องมากด้วย ขึ้นเงินเดือนให้ก็ไม่ค่อยเอา เขาก็รับ ต้องการตลอดเวลา เพราะฉะนั้นอาตมาก็เลยขาดแคลนหน่อย เพราะไปทางโน้นต้องการอยากได้ก็ไปช่วยกัน
สุทธิชัย หยุ่นว่า…ฉะนั้นก็แปลว่า คนที่ได้รับการฝึกฝนอย่างนี้ ควรจะเข้าไปเปลี่ยนสังคมไม่ใช่ให้สังคมเปลี่ยนเรา
พ่อครูว่า…แน่นอน อยู่เหนือสังคม เป็นโลกุตระแต่ไม่ใช่เบ่งข่มนะ แต่อำนาจแรงของโลกที่จะมามอมเมาให้เป็นไปตามโลกนั้นทำไม่ได้ เพราะมีอำนาจจิตแข็งแรงในตัวเองจึงเรียกว่า อุตระ หรือโลกุตระ อยู่เหนือโลกอีกโลก เป็นอย่างนี้ แต่เขาทำอะไรเราไม่ได้ แต่ไม่ได้ไป เบ่มข่มเขา แต่ย้อนกลับ เรากลับรับใช้เขา เป็นคนเสียเปรียบดีกว่าได้เปรียบเขา เพราะเอาเปรียบมันเลว เสียเปรียบนี้มันดีกว่า
สุทธิชัย หยุ่นว่า…มันขัดกับสัญชาตญาณมนุษย์ที่ต้องเอาเปรียบอยากได้มีกิเลส แล้วเราสอนให้เขาขัดเกลามันสวนทาง มันก็ต้องยากสิ
พ่อครูว่า…ยากสิ ถ้าไม่ยากแล้วจะไปกราบเคารพเขาที่ดีได้อย่างไร เขาก็ต้องว่าคนนี้ดี
เขาทำสิ่งที่เราทำไม่ได้ก็ต้องเคารพเขา มันก็ถูกต้องแล้ว
สุทธิชัย หยุ่นว่า…พระอาจารย์สำเร็จไปแล้วกี่เปอร์เซ็นต์ ครับ
พ่อครูว่า…มั่นใจว่าอาตมาสำเร็จแล้ว อาตมาทำงานมา 47 ย่างเข้า 48 ปี บวชมา 47 ปีย่างเข้า 48 ปี บวชเมื่อ 17 พฤศจิกายน 2513 ทำงานนี้มาตลอด ไม่เคยหวั่นไหว ไม่เคยเปลี่ยนความคิด มีแต่มุ่งหน้าได้ผลสำเร็จ ภาคภูมิใจชื่นใจที่ทำสำเร็จ จนมาถึงทุกวันนี้อาตมาว่า ถ้าหากอาตมาจะตายลง ในวินาทีนี้ อาตมาก็ไม่ต้อง กังวลอะไรอีกเลย เป็นแต่เพียงว่า
สุทธิชัย หยุ่นว่า…ยังมีภารกิจที่ต้องทำอีกอย่างไปไม่ได้
พ่อครูว่า…อยากให้เผื่อพอ คืออาตมานี้ รับผิดชอบธรรมะ พระพุทธศาสนา ของพระสมณโคดม รับผิดชอบมาเพื่อที่จะสืบสาน ให้มันครบพุทธกัปป์ของท่าน มาได้ 2560กว่าปีแล้ว เหลืออีก 2000 กว่าปี ก็ยังไว้ใจไม่ได้ เพราะอัตราการก้าวหน้าของความเลวมันแรงขึ้นเรื่อยๆ
สุทธิชัย หยุ่นว่า…มันเลวกว่าความดี ถ้าความเลวมันเก่งกว่า ชนะกว่าความดีนี้ เราจะมีความหวังไหมครับในโลกนี้
พ่อครูว่า….ก็นั่นสิมันถึงต้องประมาทไม่ได้ เพราะฉะนั้น เราจะไปหวังอย่างประมาทไม่ได้ เราต้อง เผื่อพอ เราต้องทำให้มั่นใจ เราไม่ใช่คนที่ทำอะไร โดยไม่รู้ว่าเราทำอะไร ทำไปแล้วได้เท่าไหร่ ได้ผลจริงหรือว่าเดาเอา ต้องวัดได้ประเมินได้ เพราะว่าพระพุทธเจ้า ท่านมีการตรวจสอบ
นัยยะที่จะสรุปผล หรือว่ามีการคำนวน ของสิ่งที่ได้ แม้เป็นนามธรรม ไม่ใช่ว่าประมาณไม่ได้ ภาษาบาลีถึงเรียกว่า มัตตัญญุตา เป็นการประมาณได้ ไม่ใช่ว่า สุ่มสี่สุ่มห้า ไม่มีหลักฐาน แม้แต่เป็นนามธรรม ก็สามารถที่จะรู้ได้ วัดผลได้
สุทธิชัย หยุ่นว่า…อย่างนั้นก็แปลว่า พระอาจารย์เองยังไว้ใจไม่ได้ ยังจะต้องมีภารกิจ
พ่อครูว่า…แหม ทวนไปแล้ว พูดเมือกี้นี้ มันมั่นใจได้ขั้นหนึ่ง แต่อาตมาจะเผื่อพอ ไม่ประมาท เพราะฉะนั้น ถึงบอกว่ามันจะหนักหนาสาหัส อาตมาก็จะยอมเกิดมาทำต่ออีก ถ้าแม้ว่าอาตมาตั้งเกณฑ์เอาไว้ว่าจะอยู่ถึง 151 ปี ปีนี้ 85 ย่าง
สุทธิชัย หยุ่นว่า…อีก 60กว่าปี ก็151
พ่อครูว่า…ถ้าอาตมาอายุ 151 ก็ประมาณได้ว่า ถ้าอาตมาอายุไปถึง 144 จากนี้ไปอีก 2 นักษัตร เกือบสองรอบ อีก 36 ไปถึง 144 อาตมาจะปลดเกษียณตัวเอง แล้วชมผลงานอีก 7 ปีถึงจะตาย
สุทธิชัย หยุ่นว่า…แต่ว่ามันจะได้หรือ
พ่อครูว่า…ภาษาทางวิชาการ เขาใช้คำว่าสิ่งที่คาดไว้ว่า
สุทธิชัย หยุ่นว่า…คือมีความมุ่งมั่น แล้วพระอาจารย์บอกว่า จะเกิดใหม่อีกครั้ง แล้วมันไม่ผิดคำสอน ของพระพุทธเจ้าด้วยครับ พระพุทธเจ้าบอกว่า ไม่ต้องเกิดมาอีก
พ่อครูว่า…คำว่าไม่เกิดใหม่นี้ อันนั้นระดับหนึ่ง ความรู้ในระดับหนึ่ง เกณฑ์ของความรู้ในระดับประถม ก็ต้องจบสูงสุดคือของขั้นประถมก็คืออย่างนั้น ระดับมัธยมก็ต้องเกณฑ์เท่านี้ ระดับปริญญาตรีก็เท่านี้ ใช่ แต่มันมีระดับขึ้นไปอีก เราก็ทำตามสมควรว่าจะทำถึงขั้นไหน อาตมามีหน้าที่ทำเช่นนี้
คุณสุทธิชัย หยุ่น จาก TPBS สัมภาษณ์พ่อครู ที่ บวร ราชธานีอโศก 6 มิถุนายน 2561 ประเด็น ที่ 2. ควรสังคายนาวงการสงฆ์แล้วหรือไม่ พุทธศาสนิกชนควรทำตนเช่นไร
สุทธิชัย หยุ่นว่า…ผมเข้าใจเลยครับว่าภารกิจนี้มันจะสิ้นสุดหรือไม่ก็ตามต้องเผื่อไว้ เพราะว่าโลกียะมันเยอะเหลือเกิน
พ่อครูว่า….อัตราการก้าวหน้ามันสูงมาก
สุทธิชัย หยุ่นว่า…แต่ว่าสิ่งที่ยังทำไม่สำเร็จก็คือในแวดวงพระสงฆ์ ยังมีข่าวคราวที่แย่ลงทุกวัน
พ่อครูว่า…ยังจับไม่ได้ยังค้นไม่เจอยังค้นไม่พบ ยังหมกเม็ดอีกเยอะเลย
สุทธิชัย หยุ่นว่า..จะให้เรามีความมั่นใจในศาสนาพุทธได้อย่างไร
พ่อครูว่า…มั่นใจนะว่าเราได้ทำในส่วนหนึ่ง ส่วนนั้นเขาก็ทำเราก็ทำ มันก็ต้องมีประสิทธิผลของที่เราทำได้แน่ ถ้ามันเป็นความจริงมันต้องมี นอกจากว่าเราทำแล้วมันไม่ใช่ความจริงเราเข้าใจผิดแต่อาตมาว่ามั่นใจว่านี่เป็นความจริงเพราะฉะนั้นก็ต้องมีผล ซึ่งมันก็ต้องพิสูจน์ตัวมันเองอยู่ จะพูดมากไปก็ไม่ดี
สุทธิชัย หยุ่นว่า…แต่ว่าความดีเท่าเทียบกับความไม่ดีในวงการศาสนาพุทธนี้มันมากกว่าเยอะ ผมไม่รู้ว่าวัดจริงๆแล้วอะไรเยอะกว่ากันนะครับ ความไม่ดีมากกว่า เป็นเปอร์เซ็นต์สักเท่าไหร่
พ่อครูว่า…ประมาณ 70 ต่อ 30
สุทธิชัย หยุ่นว่า…แล้ว 30 จะสู้ 70 ได้หรือครับ
พ่อครูว่า…สู้ได้แน่ๆ เพราะน้ำหนักของความดีนั้นเหมือนปรอทหนักกว่าน้ำหนักของโฟม โฟมเบากว่าเยอะ ปรอทมีน้ำหนักสูงกว่าถ่วงโฟมได้แน่
สุทธิชัย หยุ่นว่า…สามสิบพัฒนา 70 ได้แน่
พ่อครูว่า…เพราะฉะนั้นไม่มีปัญหาได้แน่ ถ้าหาก 50 ต่อ 50 นี้ต้องสมัยโลกพระศรีอาริย์ สมัยคนดีทั้งนั้นเลยเพราะฉะนั้น 80-90 นั้น เป็นได้ในยุค กัปป์ที่จะถึงวาระโน้นเราก็เกินกว่าที่เราจะคิด
สุทธิชัย หยุ่นว่า…ในฐานะเป็นชาวพุทธ เป็นฆราวาสจะทำอย่างไรได้บ้างครับเมื่อเราเห็นข่าวเกี่ยวกับพระผู้ใหญ่ที่เขาคอรัปชั่นที่เขาทำผิดศีล ที่ไปมั่วสีกาต่างๆนานา เราอ่านแล้วก็รันทดใจเราก็ไม่รู้ว่าแล้วใครจะแก้ปัญหานี้
พ่อครูว่า…ประชาชน โดยเฉพาะสมาชิกของชาวพุทธก็คือพุทธศาสนิกชนของชาวไทย ต้องร่วมมือร่วมใจกัน เพื่อที่จะ อย่าส่งเสริม มีอะไรที่จะต้องเป็นผลประโยชน์ที่จะทำให้เกิดจัดการกับสิ่งที่ไม่ดีก็ทำให้เกิดความดีนั้นเจริญขึ้นมาได้ ร่วมมือร่วมใจร่วมทุกอย่างกัน ทุกวันนี้อาตมาก็เห็นว่าคนก็ตื่นขึ้นมา ไม่ชั่วช่างชีดีช่างสงฆ์ก็กลับตื่นขึ้นมา เท่านี้ก็เป็นคำตอบว่ามันไม่สูญเปล่า มันต่อไปได้แต่ไม่ต้องทำความหวังทำเหตุให้ดีให้ถูกต้อง ผลมันก็เกิดตามเอง เราประเมินได้ ตามอนาคตังสญาณ vision อีกนิดหน่อย
เรารู้ว่าทำ 1 + 1 จะได้ 2 ถ้าเอา 2 ไปบวกกับ 3 จะได้ห้าขึ้น เราคำนวณได้ แต่เราไม่ต้องไปคิดว่าเราจะได้ 5 แล้วได้ 4 กว่าแล้ว ไม่ต้องไปกังวลเลยทำเหตุให้ดีแล้วผลมันจะเกิดเอง คุณไปบิดเบี้ยวความจริงไม่ได้ คุณทำเหตุให้ถูกต้องอย่าหวังข้างหน้า ให้ดีที่สุด มากที่สุดจบ ไม่ต้องไปเสียแคลอรี่ไปอยากได้เลย
สุทธิชัย หยุ่นว่า…พระอาจารย์วิเคราะห์ว่าสาเหตุที่มีพฤติกรรมอย่างนี้ในหมู่สงฆ์ ในระดับสูงเกิดจากอะไรครับ
พ่อครูว่า…เกิดจากความเสื่อมของคน เกิดจากความเสื่อมของสัจธรรมที่เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปในวัฏสงสาร เพราะในยุคนี้เป็นกลียุค เป็นยุคที่ศาสนาพุทธกำลัง เสื่อมถอยลงไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นมันก็ต้องเดินทางของมันจะห้ามกันไม่อยู่หรอก เป็นแต่เพียงถ้าเรารักษาเราเสริมเติมให้มันมีน้ำหนักมีปฏิภาคทวีเอาไว้ ช่วยๆๆ เพื่อที่จะให้ศาสนาพุทธนี้ยืนยาวต่อไป
คนเราก็ต้องรู้ความเป็นตัวเราก็เท่านี้ ต้องรู้เขตว่าตัวเราก็เท่านี้ พระพุทธเจ้าก็ต้องรู้เกณฑ์ของท่าน พระมหาสาวกที่เป็นอัครมหาสาวกใหญ่ ที่ท่านบอกว่าศาสนาพุทธของพระพุทธเจ้ามีอายุ 5000 ปี พระพุทธเจ้าไม่ได้พยากรณ์เอาไว้นะ แต่อาจารย์โบราณจารย์ รุ่นใหญ่ๆที่เป็นพระโพธิสัตว์ก่อนๆอาตมา ท่านมีภูมิพอที่จะคำนวณไว้แล้วว่าจะมีถึง 5000 ปี ทุกคนก็เข้าใจยอมรับเหตุปัจจัยอันนี้ซึ่งไม่มีปัญหาหรอก เรื่องพวกนี้ไม่ใช่ทำนายแต่ว่าต้องเป็นได้ยกตัวอย่างเช่นว่า พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า คนนี้จะต้องเกิดเท่านั้นเท่านี้เป็นชื่อนั้นชื่อนี้ท่านไม่ใช่คำนวณ ท่านบอกได้ท่านมีเหตุเท่านี้ท่านรู้จักเหตุ ของคนนี้จากอดีตชาติจากวิบาก ท่านก็ยิ่งกว่าหมอดูท่านไม่ใช่เดา เอาเหตุปัจจัยมาเป็นตัวบวกลบคูณหาร Solution ให้เกิดได้
เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่อง Magic เป็นเรื่องมีเหตุมีผลเป็นวิทยาศาสตร์ เป๊ะเลย ไม่ใช่ด้นเดา ไม่ใช่เรื่องลึกลับเป็นเรื่องกระจ่างทุกอย่าง
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าองค์นี้จะไปเกิดชื่อนั้นชื่อนี้ได้ฐานะนั้นอย่างนี้อย่างนั้น คนนี้จะเป็นสมณะสายไหน สาวกเก่งทางนั้นทางนี้ อิสีติสาวะระดับไหน ท่านรู้หมดท่านไม่ได้เดา แต่คำนวนได้ ทั้งโลกเขาไม่รู้แต่พระพุทธเจ้าท่านรู้มันเป็นเรื่องสัจจะที่สุดยอด เป็นเรื่องอจินไตย คุณจะไปลอกเลียน
สุทธิชัย หยุ่นว่า…เรื่องเงินทอนวัดนี้คนก็งงว่าตอนแรกมันเกิดขึ้นได้อย่างไร เงินที่ว่านี้เป็นงบประมาณที่ให้ไปปฏิสังขรณ์ไปปรับปรุง
พ่อครูว่า…ทั้งงบประมาณด้วยทั้งที่ได้จากญาติโยมเขามาบริจาคด้วยเป็นเงินของส่วนกลางไม่ใช่เงินส่วนตัว จริงๆแล้วพระไม่มีเงินส่วนตัว มีเงินส่วนตัวไม่ได้เป็นอาบัติ รับได้เอาเป็นของส่วนกลางแล้วไม่ได้ถือสิทธิ์ จิตใจจริงๆต้องไม่ได้ยึดเป็นเราเป็นของเราเป็นตัวเรา อันนี้ภาษาว่าอย่างนั้นแต่สัจธรรมจะต้องมี จิตจริงนี้ อันนี้เราไม่ยึดถือเป็นเราเป็นของเราคำว่าไม่ยึดไม่มีอุปาทาน อุปาทายติ อาการจิตของคนเป็นอย่างนี้คือคนที่บรรลุธรรม ส่วนคนไม่บรรลุธรรมก็ไม่มีคุณธรรมอันนี้ คนที่ปฏิบัติธรรมพระพุทธเจ้าบรรลุธรรมมันก็ต้องมีคุณธรรมอันนี้ มันก็เป็นไป เพราะว่าคุณธรรมมันไม่มีจริงจึงมาหลอกชาวบ้าน เอาคำสอนพระพุทธเจ้ามาหลอกแล้วตัวเองก็หมกเม็ด
สุทธิชัย หยุ่นว่า…แสดงว่าเป็นมานานแล้ว พระอาจารย์คงล่วงรู้มาก่อนแล้ว
พ่อครูว่า…อาตมาขอแยกจากเถรสมาคมตั้งแต่พ.ศ. 2518 พออาตมารู้ แล้วขออภัยที่ต้องพูดความจริง ขออภัยทางมหาเถรสมาคมจริงๆ อาตมาถึงประกาศแยกตัวออกมา ไม่ใช่ว่าอาตมาไปหาเรื่องอะไรมันไม่ใช่ ตามสัจจะแล้ว อาตมาอยู่ด้วยไม่ได้
สุทธิชัย หยุ่นว่า…ทำใจไม่ได้
พ่อครูว่า…ทำใจได้ แต่ว่าอาตมาทำอะไรไม่ได้ 1 อาตมาเป็นพระใหม่พระผู้น้อย พระผู้ใหญ่ก็ไม่เอาด้วย อาตมาถึงได้โดนกีดกัน
สุทธิชัย หยุ่นว่า…ในระบบสงฆ์ของไทยเรา พระผู้น้อยไม่สามารถแสดงความคิดเห็นต่อพระผู้ใหญ่ได้
พ่อครูว่า…แน่นอน
สุทธิชัย หยุ่นว่า…พุทธศาสนาไทยก็ไม่ใช่ประชาธิปไตยสิครับ
พ่อครูว่า…ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประชาธิปไตยที่ดีที่สุดในโลกแต่ถ้าเป็นกระบท มาทำลายความเป็นประชาธิปไตยของพระพุทธเจ้าให้เป็นเผด็จการหมด เผด็จการยิ่งกว่าฆราวาสอีก
สุทธิชัย หยุ่นว่า…สังคมนับถือยกย่องให้เกียรติให้อภิสิทธิ์ จึงน่ากลัวมาก หลายอย่างมอบวัตถุต่างๆให้อีก
พ่อครูว่า…และแม้หลอกได้ด้วย
สุทธิชัย หยุ่นว่า…ไม่มีการตรวจสอบบัญชีเข้าออกอะไรด้วย
พ่อครูว่า…ภาษีก็ไม่ยอมเสีย
สุทธิชัย หยุ่นว่า…แล้วมันจะได้จังหวะปฏิรูปเสียทีไหมครับ ผมว่าประชาชนเห็นด้วยนะถ้าจะปฏิรูป
พ่อครูว่า…เชื่อว่าถ้าทำแน่กำลังทำอยู่ อย่าเพิ่งใจร้อนอย่าเพิ่งรีบร้อนเกินไป ให้โอกาสท่านบ้างมันไม่ง่ายนะ
สุทธิชัย หยุ่นว่า…เร่ิมตรงไหนครับ
พ่อครูว่า…ธรรมะ ถูกต้องแล้ว เริ่มต้นจากเรื่องเงินตราซึ่งเป็นปาราชิกข้อสำคัญ อาตมาเคยพูดว่าในหมู่สงฆ์หมู่ใหญ่ หากตรวจเช็คเรื่องเงินทองนี้ปาราชิกกันเกือบหมด ตัวเล็กตัวน้อยก็มี
สุทธิชัย หยุ่นว่า…พระอาจารย์กล้าพูดว่าเกือบหมดนะครับ
พ่อครูว่า…ถูกต้องแล้วเพราะว่าทุจริตเกินกว่า 5 มาสก เอาเงินมาเป็นของเราทั้งที่ไม่ใช่ของเราไปฝากธนาคารก็ดีเอามาเก็บเป็นของส่วนตัวเลยก็ดี แม้แต่เคลื่อนจากฐาน เกินกว่าองคุลีในเงินที่ไม่ใช่ของเรา ก็เป็นของทุจริตเราไปหยิบมา เคลื่อนที่เกินกว่าเท่านี้นิ้วก็ปาราชิกแล้ว
สุทธิชัย หยุ่นว่า…แต่ที่ผ่านมาไม่มีใครทักท้วง
พ่อครูว่า…อาตมาท้วงเขาไม่ฟัง หากเขาฟังก็ต้องปรับตัวเองแต่เขาไม่ฟังไม่เอา อาตมาออกมาแล้วเราก็ไปแก้เขาไม่ได้ เราก็ได้แต่ทำที่เรา ก็ได้แต่ด่าๆๆๆ ขออภัยใช้ศัพท์ง่ายๆให้เข้าใจ ก็ได้แต่ตำหนิ
สุทธิชัย หยุ่นว่า…ด่าแล้วได้ผลไหมครับ
พ่อครูว่า…ก็ได้ผลบ้าง สำหรับคนที่ไม่กระด้างแสวงหาความจริง
สุทธิชัย หยุ่นว่า…หากเขาไม่กระด้างก็ต้องเชื่อแล้วแต่นี้เขากระด้างมาก
พ่อครูว่า…เขาเรียกว่าพระอลัชชี หน้าแข็ง มีเยอะ ก็ค่อยเป็นไป มันก็ดีขึ้นอาตมาว่า มันแสดงถึงสังคมไทยประเทศไทย พระพุทธศาสนาคนนับถือทั่วโลกมันจะดีขึ้น
สุทธิชัย หยุ่นว่า…เมื่อถึงความมืดสุดแล้วมันก็จะเห็นแสงสว่าง
คุณสุทธิชัย หยุ่น จาก TPBS สัมภาษณ์พ่อครู ที่ บวร ราชธานีอโศก 6 มิถุนายน 2561 ประเด็น ที่ 3. ประชาธิปไตยของไทยขณะนี้ดีที่สุดในโลก!!!
พ่อครูว่า…เราพูดกับพวกเราว่าเป็นยุคของการเปิดศักราช ไม่ว่าทางด้านศาสนาไม่ว่าทางด้านประชาธิปไตย ประชาธิปไตยก็เจริญ อาตมาของพูดแล้วก็อะไรก็ยังไม่เข้าใจ ประชาธิปไตยเมืองไทยเป็นประชาธิปไตยที่ดีที่สุดในโลก
สุทธิชัย หยุ่นว่า…นี่เป็นประชาธิปไตยทั่วไป
พ่อครูว่า….การเมืองของไทยประชาธิปไตยที่เป็นประชาธิปไตยที่ประพฤติอยู่ขณะนี้ suddenly status quo ขณะนี้ พลเอกประยุทธ์เป็นหัวหน้าปฏิวัติตอนนี้เป็นประชาธิปไตยที่ดีที่สุดของโลก
สุทธิชัย หยุ่นว่า…มีคนไม่เห็นด้วยกับพระอาจารย์เยอะนะครับ
พ่อครูว่า..อาตมากำลังอธิบายประชาธิปไตย 3 เส้าคือ
1 มีประชาชน 2 มีกษัตริย์ 3 มี วิญญาณ
ประชาธิปไตยคือจะต้องมี อิสรเสรีภาพ มีความไม่มีตัวตน มีความหมดอัตตาเป็นอนัตตาได้จริง รัฐช่วยเหลือประชาชนจริง จึงเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบ
ประชาธิปไตยที่ไม่มีกษัตริย์จะไม่มีความเชื่อมต่อ ใครมีอำนาจทางเงินทางอำนาจทางโครงสร้าง ก็จะได้ขึ้นมาครองอำนาจปกครอง ใครสะสมอำนาจพวกนี้ได้ ก็จะได้อำนาจ ไม่มีอะไรค้าน
แต่ประชาธิปไตยที่มีกษัตริย์ ผู้จะเป็นกษัตริย์จะต้องได้รับการอบรมจากพระประยูรวงศ์ ตามกฎมณเฑียรบาล ต้องทำให้เกิดโลกวัชชะไม่ได้นะ ต้องระมัดระวังสังวรทั้งนั้น เพราะฉะนั้นจึงต้องมีการศึกษาฝึกฝนและจะต้องเตรียมตัว จะขึ้นไปเป็นรัชทายาทแล้ว จะไปเป็นอะไรตำแหน่งอะไรแล้วก็จะมีการฝึกฝนทั้งนั้น ต้องเตรียมไว้มีการเตรียมไว้อันดับ 1 2 3 มันเป็นระบบมันเป็นสิ่งที่ทำจริง ต้องศึกษาทุกคนอยู่ในกรอบในกฎมณเฑียรบาลอยู่ในหลักเกณฑ์จริงๆ สืบทอดกันเป็นสายสันตติวงศ์ แต่ว่าประชาธิปไตยขาเดียว ใครก็ไม่รู้โมเมมีอำนาจทางการอำนาจ มีอำนาจเครือข่ายโครงสร้าง ตูม ก็ขึ้นมาได้ แล้วก็ไม่มีฐานสืบต่อ นอกจากจะสืบต่อโครงสร้างเงินทอง ที่เป็นอยู่นี้ ไม่ว่าจะเป็นตระกูลไหนก็ตามเอาอำนาจเงินอำนาจวัตถุเป็นตัวหลัก มันจึงเป็นประชาธิปไตยที่ไม่มีความสืบต่อทาง ยีนของชีวะที่เป็นจิตวิญญาณ
สุทธิชัย หยุ่นว่า…แล้วพลเอกประยุทธ์เข้าข่ายสามเส้านี้ไหมครับ
พ่อครูว่า…เป็น ตามภูมิธรรมอาตมา อาตมาตรวจสอบหลายอย่างหลายอย่างก็พูดไม่ได้ พูดไปแล้วจะเป็น โอษฐภัย อาตมาจะให้ข้อสังเกตในประเทศไทยคนชื่อว่าประยุทธ์มี 2 คน
เป็นทางธรรมะคนหนึ่งเป็นทางโลกคนหนึ่ง คนที่สูงทางธรรมะก็ชื่อประยุทธ์ คนที่สูงทางโลกก็ชื่อประยุทธ์
สุทธิชัย หยุ่นว่า…ท่านอ.ประยุต ใช่ไหมครับ
พ่อครูว่า….ประเทศไทยจะต้องมีอะไรที่ลงตัวพระพุทธเจ้าจะต้องชื่อสิทธัตถะ
สุทธิชัย หยุ่นว่า…พระอาจารย์ก็จะเชียร์ให้พลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯหลังเลือกตั้ง
พ่อครูว่า…เชียร์อยู่ แต่ก็มีพวกเราบางคนบอกว่า ถ้าเชียร์พล.อ.ประยุทธิ์ เขาก็จะไม่เชียร์พ่อครู
สุทธิชัย หยุ่นว่า…ก็ที่ พระอาจารย์เชียร์ พลเอกประยุทธ์ก็จะยิ่งอยู่ในฐานะลำบากได้
พ่อครูว่า…ก็ประมาณ เห็นใจเขาเหมือนกันไม่ต้องไปประชดเขาแต่ต้องพูดความจริงเมื่อถึงเวลา
สุทธิชัย หยุ่นว่า…ประชาชนมาถึงคูหาเลือกตั้งไปหย่อนบัตรไปเลือก สมมุติว่าเลือกพรรคการเมือง จะเป็นพรรคการเมืองใหม่เก่าหรือรวมตัวกันได้แล้วก็ไม่เอา พลเอกประยุทธ์ พระอาจารย์จะออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่ถูกต้องหรือไม่ คนดีที่สุดคือพลเอกประยุทธ์ทำไมคุณไม่เอาหรือไม่
พ่อครูว่า…ตอนนี้วาระนี้ เราก็ต้องรู้ว่าพลเอกประยุทธ์ทำงานได้ดีอยู่ ด้วยค่ารวมก็ไม่ได้เสียหาย แต่ถ้าเผื่อว่าอีก 5 วันข้างหน้า 5 เดือนข้างหน้า 5 ปีข้างหน้า พลเอกประยุทธ์เปลี่ยนไปอาตมาก็ไม่เอาด้วยเหมือนกัน แต่ถ้าพลเอกประยุทธ์ไม่เปลี่ยนไปยิ่งทำได้ดียิ่งขึ้น อาตมาก็จะต้องระดมพลังจะช่วย
สุทธิชัย หยุ่นว่า…พระอาจารย์ไม่สนใจว่าจะมาจากไหนจะมาจากทหารหรือปฏิวัติไม่สนใจขอให้เป็นคนทำงานคนดีเท่านั้นหรือครับ
พ่อครูว่า…คนดีที่ทำหน้าที่ถูกต้องตาม ที่ชื่อว่าระบอบประชาธิปไตยหมายความว่าอย่างนั้น อาตมาก็ว่าอาตมาพอมีความรู้เรื่องประชาธิปไตย แต่ว่าอาตมาอธิบายยากมากเลย ประชาธิปไตยของพระพุทธเจ้าเป็นประชาธิปไตยที่ดีที่สุด โลกจะเปลี่ยนแปลงไปกี่ยุคสมัย พระพุทธเจ้าประกาศประชาธิปไตยตั้งแต่สมบูรณาญาสิทธิราชย์ มนุษย์ยังไม่รู้เรื่องสิทธิมนุษยชนอะไรเลย แต่ท่านประกาศประชาธิปไตยของท่านไปได้ ไปเยอะแยะ ทวีปอินเดียนี้ไม่เล็กนะ มีแคว้นมีรัฐที่ใหญ่มากนะ และคนก็ยอมท่าน แคว้นที่ใหญ่ที่สุดในยุคนั้นในทวีปอินเดียก็ยกให้ท่านหมด เพราะฉะนั้นประเทศเล็กประเทศน้อยยกให้ท่านหมดท่านถึงไปแก้ได้
สุทธิชัย หยุ่นว่า…คนอินเดียชอบถกเถียงขัดแย้งกันแต่ไม่ตีไม่ฆ่ากัน พระพุทธเจ้าจึงไปเกิดที่อินเดีย
พ่อครูว่า…อันนี้เป็นรากเหง้าของจิตวิญญาณเรียกอนุสัย เรื่องอนุสัยนี้ลึกซึ้งมาก อาตมาอธิบายว่าตั้งแต่สร้างเมืองไทยมีความเป็นศาสนาพุทธมาตั้งแต่กำเนิด มีรากเหง้าประชาธิปไตย แบบพูดก่อนที่โลกจะรู้จักประชาธิปไตยอีกพระพุทธเจ้ามีมาแล้ว รากเหง้านี้มีมาแล้ว
เพราะฉะนั้นในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นยอดของประชาธิปไตยที่สุด ท่านทรงงานมา 70 ปี ก็แสดงปรากฏการณ์ Phenomenal ของประชาธิปไตย อย่างแท้จริง
สุทธิชัย หยุ่นว่า…สมัยพระพุทธเจ้ามีคนเถียงพระพุทธเจ้าไหม ขัดแย้งพระพุทธเจ้าไหม ครับ
พ่อครูว่า…มี แย้งอย่างคารวะ มีที่ไม่คารวะ เหมือนพวกแดงตอนนี้เหมือนกัน แต่พระพุทธเจ้าก็ให้รู้ว่าเขาก็ต้องเป็นอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร ท่านพอสอนได้ก็สอน สอนไม่ได้ท่านก็ไม่สอน
สุทธิชัย หยุ่นว่า…ท่านตรัสตามที่ควรเป็นไป
พ่อครูว่า…ท่านก็ต้องคำนวณประมาณค่าเฉลี่ย เพราะฉะนั้นท่านก็รู้จักใจเขาแม้แต่ใจของศัตรูก็ต้องให้เกียรติ เพราะเขา ยึด แบบนั้นจริงๆเราจะไม่ให้ที่อยู่ที่ยืนกับเขาเลยมันก็เกินไปเพราะฉะนั้นจะต้องเฉลี่ย มันไม่ถึงกับล่มจม มันยังไปได้ดีอยู่ อันนี้แหละคือ มัตตุญญุตา ตามมหาปเทส 4 สัปปุริสธรรม 7
สุทธิชัย หยุ่นว่า…สมณะโพธิรักษ์นี้มีลูกศิษย์ลูกหาค้านแย้งได้ไหมครับ
พ่อครูว่า…ค้านได้ คนไม่มีสัมมาคารวะด่าพ่อล่อแม่อาตมามีเยอะไป
สุทธิชัย หยุ่นว่า…ลูกศิษย์ ที่คิดในใจ
พ่อครูว่า…ในใจนั้นไม่รู้เขา
สุทธิชัย หยุ่นว่า…แต่ในใจนี้มีลูกศิษย์ที่การแย้งมีไหมอย่างเรื่องการเมืองนี้
พ่อครูว่า…มีลูกศิษย์ก็มี แต่เขาถกสู้อาตมาไม่ได้ แต่อาตมาไม่ไปห้าม
สุทธิชัย หยุ่นว่า…ก็ปล่อยให้ถกกัน
พ่อครูว่า…คางคกเลือดไม่ตกยางไม่ออกไม่ยอมหยุด ให้เลือดหัวเขาออกเองจะรู้
สุทธิชัย หยุ่นว่า…ธรรมะจะช่วยกันเลือกตั้งครั้งหน้านี้ได้อย่างไรครับ เราจะเห็นภาพว่าเดี๋ยวจะมาขัดแย้งกันอีก
พ่อครูว่า…อาตมาเชื่อมั่นในธรรมะ เชื่อมั่นในประชาชน หือไม่ขึ้นหรอก คนไหนแหลมมาเกิน ก็คุก แน่นอน
สุทธิชัย หยุ่นว่า…อย่างที่เห็นแล้ว
พ่อครูว่า….แล้วยิ่งดันทุรังมา แต่ถ้าดันสุรังก็ค่อยยังชั่ว แต่ทุระนี้เลวนะ แต่ถ้าสุรังนี้ดีนะ สุระ กับทุระนี้แรงทั้งคู่ แต่ถ้าดันทุรังนี้ คุกๆๆๆ ตลอดชีวิต
สุทธิชัย หยุ่นว่า…ไม่เป็นห่วงว่า ข่าววิจารณ์สมณะโพธิรักษ์ว่า Take side(เข้าข้าง)ทางการเมือง
พ่อครูว่า….เทคไซด์จริงๆ เลย
สุทธิชัย หยุ่นว่า…ทำไมต้องกระโดด ไปเข้าฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ทำไมว่าไม่วางตัวเป็นกลาง
พ่อครูว่า…โอ้โห นี้ยอดของความเป็นกลาง ความเป็นกลางต้องเข้าใจความเป็นกลาง
มีความเป็นกลางอย่างโง่เง่า ความเป็นกลางอย่างมิจฉาทิฐิ ความเป็นกลางอย่างถูกต้อง
เอา 3 ประเด็นนี้
-
ความเป็นกลางอย่างโง่เง่าคือความเป็นกลางที่ไม่รู้ว่าใครดีใครชั่ว คนไม่รู้ว่าใครถูกใครผิด ก็เลยไม่เข้าข้างใคร อันนี้ก็ต้องเห็นใจเขา
-
ส่วนพวกมิจฉาทิฏฐิ รู้ว่าใครดีใครชั่ว อย่าไปเชื่อใครมาไม่รู้ ว่า ความเป็นกลางต้องไม่เข้าข้างใครคนดีต้องไม่เข้าข้างคนชั่วต้องไม่เข้าข้าง แล้วเองจะทำอย่างไรให้คนชั่วเขามานั่งทำชั่วคนชั่วมีอำนาจและเองต้องอยู่ในภายใต้สังคมที่มันมีความเชื่อ ทำไมเองคิดง่ายอย่างนั้น ทำไมคิดฉลาดน้อยอย่างนั้น อย่างนี้เป็นต้น
-
เพราะฉะนั้นที่ถูกแล้ว คนที่รู้ว่าอะไรดีต้องเข้าข้างคนดีพระพุทธเจ้าตรัสว่าต้องอยู่กับบัณฑิตอย่าไปอยู่กับคนพาล นี่คือสำนวนของพระพุทธเจ้า ต้องอยู่กับคนที่เป็นบัณฑิตอย่าไปอยู่กับคนพาลคนโง่ พาลคือ คนโง่คนชั่วคนไม่เดียงสาอย่าไปอยู่กับคนพรุ่งนี้ต้องมาอยู่กับบัณฑิต นี่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าและเป็นศรัทธาที่ถูกต้องด้วย เพราะฉะนั้นจึงต้อง take side