มิ.ย.102018ธรรมะพ่อครูศาสนา610609_ พิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ งานอโศกรำลึกครั้งที่ 37 อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://drive.google.com/open?id=12Eexz9qAwM6XzMa3MJEgEqU_4A0RhfqkZ9ZOveT29gQ ดาวโหลดเสียงที่.. ดูยูทิวป์ได้ที่… พ่อครูเทศนาก่อนพาทำพิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ …..วันที่ 9 มิถุนายนของทุกปีชาวอโศกเราก็เรียกกันว่า เป็นวันที่เราจะทำการบูชาพระบรมมาสารีริกธาตุ เมื่อก่อนเราทำกันอยู่ที่สันติอโศกมีพระเจดีย์อยู่ที่พระวิหารพันปี ที่นั่นที่บรรจุพระบรมมาสารีริกธาตุเอาไว้เยอะ โดยเฉพาะพระบรมสารีริกธาตุ 12 องค์แรกที่อาตมาได้มา จริงๆแล้วอาตมามีพระธาตุอยู่องค์เดียวในชีวิตที่ปฏิบัติธรรมมาก็ได้อยู่องค์เดียว ขนาดเท่าเมล็ดข้าวสาร ก็ประกาศไปว่ามีใครอยากจะได้ก็มาขอ ก็มีคนชื่อ ธรรมสามีติดต่อมารับไป จากนั้นก็ไม่มี จนกระทั่งวันหนึ่งได้บิณฑบาตอยู่หน้าพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม วันที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้เดินบิณฑบาตข้ามสะพานเจริญศรัทธา ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเอาสตางค์มาใส่บาตร อาตมาก็รับเป็นพิธี รับเสร็จแล้วก็มอบคืนอย่างที่เราเคยทำ เราปฏิบัติธรรมมาแล้วบวชแล้วก็ไม่ได้ใช้เงินใช้ทองไม่ได้รับเงินมาเพื่อเป็นของตัวของตน เพราะผิดวินัยทำไม่ได้ ก็เลยรับกรรมที่เขาศรัทธาใส่แล้วด้วยใจจริงและก็คืนเขาไป บอกว่าเรารับมันไม่ได้เขาก็รับเงินคืนไป แล้วเขาก็บอกว่า…ใช่แล้ว อาตมาก็ไม่รู้ว่าเขาว่าใช่อะไรนะ แล้วเขาก็ควักสิ่งของในกระเป๋าออกมา ควักเอาตลับสีแดงออกมา ตลับสำหรับใส่ทองคำ ก็นึกในใจว่าคงเป็นทองคำเอามาให้อีก อาตมาก็บอกว่าจะรับอย่างไรเพราะเห็นว่าตลับสำหรับใส่ทองคำ เขาก็บอกว่าอันนี้ใส่พระบรมสารีริกธาตุ 12 องค์ ที่เขาได้มา ซึ่งอาตมาไม่กล่าวว่าได้รับมาจากใคร เพราะไม่ควรกล่าวได้รับมาจากคนที่สูง เขาบอกว่า ถ้าพบผู้ที่มี ความควรจะรับพระบรมสารีริกธาตุก็ให้ไป เขาก็บอกว่า เจอแล้ว ใช่แล้ว ตอนนั้นเราไม่เพียงแต่ไม่รับเงินแต่เดินบิณฑบาตสงบมาก ไปเห็นกิริยาตอนนั้นสงบเนียนดีมากเลยทุกอย่าง ทุกอย่างตอนนั้นเรานิ่งมาก เสร็จแล้วเขาก็ยืนยันว่าท่านต้องรับไป อาตมาก็เห็นว่าปรารถนาดีไม่ใช่ระเบิดแน่นอน อาตมาก็รับมา รับมาจนกระทั่งบิณฑบาตเสร็จ กลับมาที่สนามตรงพระปฐมเจดีย์ จึงเปิดออกมาเห็นเป็นพระบรมสารีริกธาตุ 12 องค์ พอได้พระบรมสารีริกธาตุมา กำลังนั่งล้อมวงจะฉันอาหารกัน แผ่นดินก็ไหวเลย ตรงที่พระปฐมเจดีย์นั่นแหละ ก็มีแผ่นดินไหว จากนั้นมาอาตมาจึงนำพระบรมสารีริกธาตุมาเก็บรักษาเอาไว้ จนกระทั่งมีคนนั้นคนนี้เอาพระบรมสารีริกธาตุมาให้อีกเยอะเลย ไหลมาเทมาเยอะแยะ จนกระทั่งอาตมาจะสร้างพระวิหารพันปีที่สันติอโศก เราก็ทำเจดีย์เป็นทองคำ ผสมเจดีย์ที่เป็นทองคำทำด้วยทองโกลด์มาสเตอร์ ไม่ใช่ทองคำgilding แบบทองคำเปลว แต่เป็นทองคำโกลด์มาสเตอร์ ใช้เครื่องสำหรับผสมทองคำมาใช้ทำเจดีย์ เสร็จแล้วก็นำมาไว้เป็นยอดพระวิหาร ก็บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ บรรจุในเจดีย์ทองคำอันนั้นก็มีพระบรมสารีริกธาตุนอกจาก 12 องค์นั้น ก็มีพระพุทธรูปหลายองค์ที่บรรจุในเรือนแก้วของเจดีย์ มีหิน ที่มาจากอินเดียเป็นถิ่นกำเนิดมีทั้งใบโพธิ์ที่มาจากอินเดีย จากสังเวชนียสถานบรรจุเข้าไป ในพระเจดีย์เสร็จแล้วตั้งแต่วันนั้น ก็ยกเจดีย์ขึ้นตั้งก่อนจะยกเจดีย์ขึ้นตั้งขึ้น มีคนปรารถนาดีต้องเป็นช่างทองเขาก็เอา cyanide มาล้างเจดีย์ มาฉาบเพื่อจะทำให้มันวาววาม แล้วก็ล้างหากเป็นทองคำเปลวที่แน่นไม่มีรูเข้าไป น้ำยาก็จะเข้าไปไม่ได้ แต่ทองโกลด์มาสเตอร์นี้มันมีรูมีร่องไม่แน่น มันก็ทำให้น้ำยาซึมเข้าไปได้ น้ำยาก็เข้าไปทำปฏิกิริยากับ nickel ที่ฉาบโครงสร้างของเจดีย์เอาไว้ด้วยทองเหลืองแล้วก็ผสมทองคำเข้าไปซ้ำไป ถ้าหากผสมทองคำกับทองเหลืองมันจะไม่ติดกันจึงต้องใช้นิกเกิลหุ้มเอาไว้ เสร็จแล้วน้ำยาก็ไปทำปฏิกิริยากับนิกเกิลเป็นสนิมออกมาไหลออกมาห่อหุ้มทองคำโกลด์มาสเตอร์ทำให้เจดีย์มีสีดำเหลื่อม ทองคำก็ไม่ได้หายไปไหนนะ แต่เหตุประการนี้ ทุกอย่างมาแต่เหตุ เราก็ยังนึกว่าอโศกเอ๋ยทองคำยังดำเป็นสนิมเลย เจ้าประคุณมันไม่ใช่สนิมทองคำแต่เป็นสนิมอื่นเข้ามา จบ มันไม่สะอาดบริสุทธิ์สดใสชัดเจนได้ มันจะต้องคลุมเครืออยู่อย่างนั้น ทองคำก็ยังคลุมเครือหาว่าเป็นทองคำจริงหรือไม่ แต่แปลกนะหากดูพระเจดีย์นี้ตอนกลางวันจะเป็นสีคล้ำดำ แต่ว่าถ้าเห็นตอนกลางคืนจะมีแสงไฟสาดสองจะเห็นเจดีย์เหลืองเป็นทองคำแต่ตอนกลางวันจะดำ ถ้าเป็นกลางคืนเหลืองเป็นสีทองอร่าม เป็นเรื่องที่ทุกอย่างมาแต่เหตุไม่ได้เป็นเรื่องลึกลับหรือเรื่องแปลก แต่เป็นเรื่องที่น่าประหลาดอย่างมีเหตุปัจจัย นี่คืออโศก เป็นเรื่องที่ชาวอโศกต้องเป็นเช่นนี้ อาตมาเข้าใจตัวเองเกิดมาปางนี้ เหมือนกับพญาแร้ง อย่างเพลงที่ร้องกันเมื่อกี้นี้ คนรังเกียจแต่พญาแร้งไม่มีอะไรที่ทำให้คนลำบากเดือดร้อน มีแต่ทำให้เกิดความสะอาด เป็นสัตว์ที่ทำให้เกิดประโยชน์แก่โลก แข็งแรงที่สุดบินได้สูงที่สุด เป็นพญาแร้งจะไปบอกว่าเป็นสกั๊งค์ คนก็ยังไม่เข้าใจเรา ก็เลยกำหนดอะไรซักอย่างที่เหมาะสมกับเรา ก็คือแร้งเป็นสัตว์ประเภทแร้ง อาตมาเป็นหัวหน้าแร้งเป็นพญาแร้งก็เป็นนิทานนิยายของชาวอโศก อาตมาก็จะขอพูดในวันสำคัญนี้ เรามาสร้างราชธานีอโศกก็เป็นสถานที่กว้าง สันติอโศกขยายไม่ออกแล้ว ถูกบังคับด้วยกรอบและที่ดินก็แพง ไม่ได้บรรยากาศอีก อาตมาก็เลยว่ามาสร้างที่นี่ ก็มาลงตัวที่นี่ ไม่ได้เจตนาแต่ทุกอย่างมีเหตุปัจจัยที่จะต้องมาที่นี่ เป็นที่นี่ อาตมาไม่มีความคิดจะวางแผนจะต้องทำให้กว้าง มันเป็นไปตามธรรม ก็มาเกิดราชธานีอโศกซึ่งเป็นถิ่นที่เกิดของอาตมาอยู่ที่อุบลราชธานี ก็เลยตั้งที่นี่ขึ้นมา ก็พอดีอาตมาเลือกที่นี่ก็เอาเท่านี้แหล่ะ ก็เลยตั้งชื่อสถานที่นี้ว่าราชธานีอโศก เอามาจากคำว่าอุบลราชธานีต่อคำท้ายมาตั้งชื่อเป็นหมู่บ้าน ตอนแรกก็เป็นชุมชนราชธานีอโศกก็ไปขอจดทะเบียนทางมหาดไทยทางการก็ยอมรับว่าเป็นหมู่บ้านหนึ่งในตำบลบุ่งไหมหมู่ที่ 10 เรียกเต็มๆว่าหมู่บ้านชุมชนราชธานีอโศก หมู่บ้านเป็นนิตินัยแต่ชื่อของเราคือชุมชนราชธานีอโศก เขาไม่ยอมแก้ให้เป็นหมู่บ้านราชธานีอโศกก็เลยตั้งชื่อว่าเป็น หมู่บ้านชุมชนราชธานีอโศก จังหวัดที่มีชื่อท้ายว่าราชธานีก็มีแต่อุบลราชธานีนี่แหละ พวกเราเป็นราษฎรเต็มขั้นแล้วจะเปลี่ยนเป็นราษฎรอโศกเขาจะให้ใหม่นะหมู่บ้านราษฎรอโศก แต่มันจะมากไป ก็เลยเอาตามเหตุปัจจัย เราเป็นราษฎรเต็มขั้นก็เลยต้องเอาแบบนี้ เราดำเนินชีวิตกันมาเป็นหมู่บ้าน ที่อาตมาใช้ทฤษฎีธรรมะพระพุทธเจ้าเป็นหลักในการสร้างมนุษย์ จนได้มรรคได้ผลกันเป็นชุมชนที่มี ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุติอย่างแท้จริง คนเขาไม่เข้าใจเขารังเกียจก็ไม่มา แต่คนที่เขาไม่เชื่อก็มี มันก็มีสองทิฏฐิ คนที่ไม่เชื่อก็ไม่มา แต่เราพูดความจริงเรามีสิทธิ์พูดความจริง แต่ความจริงใจอาตมาตรวจจิตใจตัวเองว่าเราอยากอวดไหมเราอยากโชว์ไหม อาตมาว่าอาตมาไม่มีสาเฐยจิตพวกนี้แต่ทำไมต้องพูด เพราะคนเข้าใจผิดในเรื่องอาริยะมันเป็นเรื่องผิดฝาผิดตัว เป็นเรื่องเลอะเถอะไปหมดแล้ว เราก็ทำตามหลักพระพุทธเจ้ามีหลักฐานตรวจสอบตามหลักวรรณะ 9 เรื่องศีล สมาธิ ปัญญา อาตมาก็อธิบายมาหมด คำว่าบุญ คำว่ากุศลธรรม กาย คำว่าศีล สมาธิ ปัญญา เป็นนัยยะที่เป็นโลกุตระ อาตมาก็ขยายความอ้างอิงคำสอนพระพุทธเจ้ามาตลอด เอาพระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐมาเป็นหลัก ก็พออยู่ได้มีหลักฐาน เขาก็ยอมรับนับถือพระไตรปิฎกฉบับเดียวกัน ก็เลยอยู่ได้ทำงานศาสนามา 47 ปี เริ่มปีที่ 48 จะพยายามสร้างสมรรถภาพ อาตมายืนยันว่าจะอยู่ทำงานอีกต่อไปพยายามรักษาร่างกายขันธ์ให้มันยืดยาวต่อไปจนถึง 151 ปีตามที่ตั้งไว้ มันจะได้เท่าไหร่ก็ไม่รู้ ก็เป็นการพิสูจน์ธรรมะพุทธเจ้าที่เป็นสัมประสิทธิ์ พลังงานสัมประสิทธิ์ออกมาพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ C เป็นสูตรที่ต่อจากไอน์สไตน์คิดมา E=C(mc2+A) ตัว A ใหญ่คือ Abstract เป็นนามธรรมที่ทำเพิ่มขึ้นไป เติมต่อไปจนเกิดสัมประสิทธิ์ได้ ตัว m คือมวลแล้วก็มีพลังงานทางจิตคือตัว c คือจิต มันเร็วกว่าแสง เพราะฉะนั้นความเร็วกว่าแสงนี่แหละมันก็เท่ากับความเร็วที่ยกกำลังแล้วเราก็เพิ่มยกกำลังได้อีกโดยชุด E=C(mc2+A) นี่คือชุดของ C ใหญ่ที่อยู่ข้างนอก อาตมาจะพิสูจน์สูตรของ CoEfficient สัมประสิทธิ์ แม้เป็นนามธรรมก็ทำให้มีฤทธิ์. อายุของร่างกายอาตมาก็ทำให้เกิดผลตามที่เข้าใจ ต่อไปเราก็จะได้พาบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ตั้งนะโมสามจบ คำกล่าวบูชาพระบรมสารีริกธาตุ งานอโศกรำลึก อิติปิโส ภควา อรหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจรณสัมปันโน สุคโต โลกวิทู อนุตตโร ปุริสทัมมสารถิ สัตถา เทวมนุสสานัง พุทโธ ภควาติ ขอนอบยอบหมอบกราบคารวะ ด้วยสุดเกล้าสุดเศียรสุดกระหม่อม ของเหล่าข้าน้อยนี้ เกลือกถูรองรับอยู่ใต้ละอองผงคลีแห่งธุลีฝ่าพระบาทของสมเด็จพ่อ ผู้เป็นพระอนุตตรสัมมาสัมพุทธเจ้า พระผู้มี “พุทธคุณ” ดังกล่าวข้างต้น อย่างสุดเทิดสดบูชายิ่ง เหล่าข้าน้อยทั้งหาย ขอน้อมบูชา เทิดทูนพระคุณอันหาที่สุดมิได้ ณ วาระศุภสมัยนี้ เหล่าข้าน้อยทั้งหลาย ขอตั้งปณิธานต่อพระมหาบรมสารีริกธาตุ ต่อพระพุทธาภิธรรมนิมิต ณบัดนี้ว่า… เลือดและวิญญาณของเหล่าข้าน้อยทั้งหมดนี้ ขอถวายอุทิศแด่พระพุทธศาสนาไปตราบดินสิ้นฟ้า จนกว่าข้าน้อยแต่ละคนจะปรินิพพาน ขอได้โปรดรับปณิธานนี้ ด้วยสุดเกล้าสุดเศียรสุดกระหม่อม เหล่าข้าน้อยเถิดเทอญ สาธุ-สาธุ-สาธุ จากนั้นพ่อครูได้เทศนาต่อ….ตอนได้พระบรมมาสารีริกธาตุนี้ ได้ตลับทองคำก็ไม่รู้จะเอาไว้ทำอะไร พอดีได้พระบรมมาสารีริกธาตุโดยที่ไม่ได้สรรหาไม่ได้ต้องการทุกอย่าง และที่นี่ก็มีพระบรมสารีริกธาตุ บรรจุไว้ที่พระพุทธาภิธรรมนิมิต และก็ได้พระบรมมาสารีริกธาตุมาอีกเรื่อยๆ ก็บรรจุใส่พระพุทธาภิธรรมนิมิตองค์เล็กอีกหลายแห่ง ไม่ได้ไปต้องการสรรหาอะไร แต่มันไปตามเหตุปัจจัยที่จะได้ พวกเราที่มั่นใจในเรื่องของธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตามที่เราได้พากเพียร อาตมามั่นใจว่าอาตมาได้ ถ้าทำปฏิบัติกัน ก็ให้มาพิสูจน์จนทำให้เป็นหลักวิชาตรวจสอบ ก็มีเป็นครั้งแรก ช่วยกันทำเริ่มต้นทำโสดาบันตรวจสอบตัวเอง อ่านรูป-นาม อ่านกาย อ่านจิตของตัวเองออก แล้วก็ทำให้สำเร็จมาได้ คนอื่นล่วงรู้ด้วยไม่ได้เป็นนามธรรม เป็นปัจจัตตัง ก็สามารถรู้อาการ ลิงค นิมิตที่เราจะเรียกด้วยพยัญชนะภาษา โดยบัญญัติอาการอย่างนี้ เรียกว่าเวทนาอาการอย่างนี้เรียกว่าสัญญา อาการอย่างนี้เรียกสังขาร อาการอย่างนี้เรียกว่าวิญญาณ เป็นต้น หรือแม้แต่คำอื่นๆในรูป 28 และนามธรรม อีกเยอะแยะ จนกระทั่งถึงจิตเจตสิกต่างๆ เจตสิก 52 จิต 89 จิต 121 อย่างที่พระอภิธรรมเขาเรียนอาตมาก็ไม่ได้เรียนกับเขาแต่อาตมาก็ขยายมาเรื่อยๆ ส่วนใหญ่พุทธเจ้าบัญญัติไว้เป็นภาษา เป็นภาษาบาลีที่เป็นตัวใช้สื่อสภาวะให้รู้กัน เราก็ต้องดูทั้งพยัญชนะและสภาวะด้วย รู้ทั้งอรรถะและพยัญชนะ พยัญชนะตัวนี้มีแก่นสารสาระอันนี้ อันนี้มีอาการอย่างนี้ เราอ่านออกมีเครื่องหมายกำหนดรู้เรื่องมาเองว่า อย่างนี้มีสัญญาอย่างไร สัญญาสังขารก็เป็นเจตสิก เจตสิกหลักก็คือเวทนา สัญญา สังขาร นอกนั้นก็เป็นสิ่งที่เป็นนาม 5 เวทนา สัญญา เจตนา ผัสสะ มนสิการ ขยายจากนาม 5 เป็น เจตสิก 52 จิต 89 จิต 121 เราก็เข้าใจพยัญชนะให้ถูกกับสภาวะ ถูกฝาทุกตัว มันก็ตรงกันลงกันได้ พูดกันรู้เรื่องดี หลักฐานอ้างอิงยืนยัน 2 คน 5 คน 100 คน 1000 คน 10,000 คน 100,000 คน 1,000,000 คน สื่อสารตรงกันหมด มันถึงจะเป็นสัจจะที่มีสองสัจจะ ตั้งแต่สมมุติสัจจะและปรมัตถ์สัจจะ เป็นสัจจะสองอย่างยืนยันกันได้ ไม่ใช่รู้แค่หนึ่งเดียว กำหนดอยู่ในภพคนเดียวเป็นสัญญานิจจานิ ถือว่าเป็นสัจจะ เป็นสัจจะของตนกำหนดรู้ของตน สัญญายะนิจจานิคือสิ่งที่เที่ยงแท้ เป็นจิตเจตสิกต่างๆ เป็นภพเป็นชาติ ก็รู้อยู่แต่ก็รู้อยู่กับตัวเอง แต่ก็เป็นเอหิปัสสิโกรู้อยู่แต่ตัวเอง เป็นเรื่องให้คนอื่นมาพิสูจน์ไม่ได้ ไม่เป็นสวากขาตธรรม ทำไมพระพุทธเจ้านั้นจะต้องยืนยันกัน 2 คน 3 คน 4 คน 1,000,000 คน 1000 คนจึงจะถือว่าเป็นสัจจะที่แท้ หรือจะเป็นโลกุตรธรรม 37 เป็นองค์ความรู้ที่เอาไปปฏิบัติประพฤติเอาไปใช้แทนสภาวะได้ ชีวิตก็มาทางนี้ ทิ้งและปล่อยวางในโลกีย์ ซึ่งคนที่มาทางนี้ไม่ใช่คนสิ้นไร้ไม้ตอก ไม่ใช่คนล้มเหลวทางโลกก็เลยเข้าหาทางธรรม ไม่ใช่ แต่ไปในทางโลกก็ได้ แต่เราเข้าใจด้วยปัญญา คำว่าปัญญาเป็นความเฉลียวฉลาดที่เป็นโลกุตระธรรม เป็นของศาสนาพุทธโดยตรง ปัญญา ไม่มีในศาสนาอื่น ฉลาดอย่างอื่น เรียกว่าเฉโกเป็นความฉลาดเอาไปใช้กับความฉลาดแบบโลกียะ เป็นความฉลาดโลกีย์นั้นสูงสุดได้ เป็นศาสดาก็เป็นได้ มีความฉลาดมาก เป็นปราชญ์ก็ได้ เป็นอัจฉริยะก็ได้แต่ก็ฉลาดสูงสุดได้แค่โลกีย์ ไม่ได้ข้ามเขต ซึ่งเป็นสภาพหมุนรอบเชิงซ้อนไม่ใช่แค่ตรรกะความเข้าใจ อย่างเช่นเข้าใจว่ามาเป็นคนจนอยู่แบบคนจนต้องชัดเจน ไปโลกุตระธรรมก็จะค่อยๆปล่อยวาง สละออกๆ สมบัติที่เรามี ด้วย ลาภ ยศ สรรเสริญโลกียสุข จะค่อยๆลดออกไป หรือว่าเป็นรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสที่เป็นโลกีย์ ก็ล้างกิเลส กำจัดกิเลส ลดกิเลส จนฆ่ากิเลสได้จนกระทั่งเกิดเป็นโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ ซึ่งอาตมาว่าพวกเราเป็นชาวพุทธที่ปฏิบัติได้จริง ก็พยายามยืนยันกัน พยายามทำแบบวิชาการทางโลก ก็เริ่มต้นทำกันมาตรวจสอบ สำหรับผู้แสวงหาความจริงโดยไม่โกง ทำอย่างตรงจริงๆ พยายามทดสอบทางวิชาการตามที่เราสามารถ ใช้หลักเกณฑ์ตามหลัก วิทยาศาสตร์ทางโลกได้ เราก็พยายามทำกัน ก็ต้องขอบคุณพวกเราหลายคน ที่ช่วยกันร่วมไม้ร่วมมือกันทำเครื่องมือขึ้นมานี้ อาตมามั่นใจว่าใช้ได้ ได้ผลถ้าเราสามารถทำได้สูงสุดเท่าที่เราจะสามารถทำได้ จะถูกปรับปรุงจัดสรรให้เป็นเครื่องมือทดสอบที่ดีที่สุด ให้จิตใจไม่มีความผิดเพี้ยน ให้ตรงให้ได้ไม่โกง น่าจะมาได้ประกาศไปว่าโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้าเกิดแล้ว ตั้งหลักอยู่ที่ราชธานีอโศก อยู่ตำบลบุ่งไหม อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดอุบลฯนี้ เขาว่ามีพระอาริยะเยอะ ทางศาสนาพุทธแม้แต่จะเป็นพระอริยะที่ไม่เข้าร่องเข้ารอยเข้าใจผิดกัน แต่ที่มีสัมมาทิฏฐิก็มี อาตมาก็มาทำสัมมาทิฏฐิให้ตรงกันอยู่ตามความเป็นจริง ไม่ได้โกหกไม่ได้หลอกลวงไม่ใช่ให้คนมาหลงผิดศรัทธาเลื่อมใสเรา อาตมามาปางนี้เป็นปางขี้เหร่เป็นความอาภัพ เป็นคนวาสนาน้อย ซึ่งมีคนนิยมนับถือทางโลกน้อย เพราะมันเป็นลักษณะการขัดเกลาตำหนิติเตียน อาตมาก็ไปตำหนิสิ่งที่ผิด โดยเฉพาะติเตียนผู้ที่มาทำลายศาสนา ทำลายพุทธศาสนา อย่างเอาจริงเอาจัง จนกระทั่งวันนี้ก็ต้องตำหนิต่อไปอีก ต้องขออภัย มันเป็นความจำเป็นที่ต้องตำหนิ พระพุทธเจ้าสอนให้ทำในสิ่งที่ควรทำ นี้ควรยกย่องสิ่งที่ควรยกย่อง แต่สิ่งที่ควรจะยกย่องมันมีน้อย พอจะยกย่องคนมันก็มาถูกชาวอโศกอีก มันก็เลยยากที่จะยกย่อง ยกย่องก็หาว่ายกย่องพวกตัวเองเพราะว่าอันนี้ก็คืออันนี้ การจะยกย่องตัวเองพวกตัวเองมันก็ไม่สวย อาตมาจะทำในสิ่งที่ผิดแต่สิ่งที่ผิดมันเยอะการทำผิดนั้นต้องถูกตำหนิติเตียนอย่างเร็ว พระพุทธเจ้าบอกว่าเหมือนกับผ้าที่ชุบน้ำมันพันอยู่บนหัว มันไหม้ไฟอยู่ต้องรีบเอาผ้านี้ออกไปอย่างเร็ว ต้องรีบต้องเร็วให้เอาพิษภายในออก เอาผ้าร้อนนี้ออกไปไม่ให้ไหม้หัว พระพุทธเจ้าก็บอกไว้ อีกสำนวนหนึ่งคือ เราจะกระหนาบแล้วกระหนาบอีก ตำหนิแล้วตำหนิอีก เราจะไม่ทำกับเธออย่างช่างปั้นหม้อที่ทำกับเธออย่างทะนุถนอม แต่เราจะขัดแล้วขัดอีกตำหนิแล้วตำหนิอีก คนที่ศึกษาด้วยความไม่ลำเอียงเป็นคนที่ซื่อตรงต่อธรรมะ ฟังอาตมาก็จะเข้าใจความจริงก็ดี ก็จะได้ปัญญา สัมฤทธิผลจะฟังด้วยดีก็จะเกิดปัญญา ปัญญาไม่ใช่เฉโก แม้แต่ปัญญาที่เป็นโลกุตระที่จะก่อเกิด เป็นปัญญาภาพ อาตมาก็เข้าใจความจริงอันนี้ แต่มันมีหลักฐานมีตำนานหลักฐานว่าจะต้องเป็นอัญญาโกณฑัญญะท่านเดียว จะเกิดธาตุรู้กับพราหมณ์ อัญญาโกณฑัญญะเป็นธาตุรู้ธาตุอื่นที่ต่างจากธาตุรู้แบบเดิมที่เป็นโลกเก่าดาวดวงเก่า แต่เป็นธาตุรู้ที่เป็นโลกใหม่ดาวดวงใหม่พ้นไปจากโลกเก่าได้นั่นเอง อาตมาเอามาจากบาลี คำว่าบาลีกับสันสกฤต ภาษาบาลีเกิดก่อน สังเกตได้ว่าสันสกฤตนี้มีพยัญชนะมากกว่าบาลีเพราะว่าสันสกฤตมันเกิดจากการขยายหลักเดิมคือบาลี แล้วภาษาสันสกฤตไม่เพิ่มเติมมากกว่าบาลี อย่างนี้เป็นต้น ภาษาบาลีมีอักษร 33 ตัวภาษาไทยก็มาอุตริเพิ่มเป็น 44 ตัว แต่เอามาใช้แล้วก็ซ้ำซ้อน เช่น ข.ขวด ค.คน เป็นต้น มีพยัญชนะเพิ่มขึ้นบางอันก็ไม่ได้ใช้ เรื่องพวกนี้มันมีหลักฐาน มีที่ไปที่มาของอะไรต่ออะไรทั้งนั้น อาตมาคนหนึ่งเชื่อถือ หากคุณเชื่อถืออาตมา ธรรมะพุทธเจ้าก็เดินทางไปไกล อาตมาก็พยายาม จะช่วยสร้างให้มันเกิดความจริงความเป็น ให้เกิดคนจำนวนมากขึ้นโดยสภาวะความจริงและเวลาที่ยาวนานและกลุ่มหมู่ มีผู้รู้มีคนแสวงหาเข้ามาเป็นมวลรับรองเพิ่มเติมขึ้นๆ มันก็จะทำให้คนยอมรับนับถือเพิ่มขึ้น เพราะว่าสัจจะพระพุทธเจ้าเป็นของยาก เป็นแต่เพียงว่าเราไม่พยายามแสดง ทำอย่างทุจริตโกหกหลอกลวงเราไม่ทำเด็ดขาด เอาความจริงแม้ว่าความจริงนี้ก็จะไม่และเล็มเลียบเคียงให้มันมีทุจริตปนอยู่ ผู้ที่หลอกลวงและเล็มเลียบเคียงล่อลวงล่อหลอก ไม่ทำ อาตมาพยายามจะใช้ภาษาพวกนี้สื่อ มันก็ยิ่งละเอียดขึ้นไป บางทีมันคล้ายกันมากเหมือนกับประชานิยมก็สั่งให้คนนิยมชมชอบ แต่ในยุคประชานิยมหรือสร้างรสนิยมสร้างความนิยมแบบโลกีย์ เขาก็ทำกันปรุงแต่งกันไปผสมผเสความหลอกลวง เราคบกันได้ แต่เมื่อเรารู้สภาวะธรรมก็พยายามให้มันไม่มีที่ไม่สุจริตไม่สะอาด ให้มันสะอาดให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะสะอาดได้เท่าที่อาตมามีภูมิ อาตมานี้ซื่อตรงต่อธรรมะพระพุทธเจ้า ไม่ให้ผิดเพี้ยน ถ้าหากผิดเพี้ยนจะเป็นบาปเป็นเวรเป็นอกุศลกรรม เบี่ยงเบนในการที่พูดโลกุตระธรรมเป็นบาปที่หนักมาก แค่การโกหกอุตริมนุสธรรมก็เป็นปาราชิก โลกุตรธรรมเราไม่มีแล้วก็ไปโกหกว่ามี คนคนนี้เป็นปาราชิกตัดสะพานเลยข้ามฝั่งไม่ได้ คนอยู่ฝากฝั่งโลกีย์เลยไม่มีสิทธิ์จะข้ามฟากฝั่งมา ทั้งรบกวน แต่อย่างน้อยถ้าที่มีชีวิตในชาตินี้ เพราะฉะนั้นถ้าใครปาราชิกนี้ ถูกตัดหัวก็ตายสนิทมันถูกตัดหัวเหมือนกระเบื้องแตกสองเสี่ยง เอามาต่อกันไม่ได้แม้ว่าจะมีกาวอีพ๊อกซี่ติดแน่น และกลบร่องรอยเลย มันก็ยังเห็นรอยต่อได้แหละ แต่หากขยายออกไปมากๆมันไม่ใช่เนื้อแท้เดียวกันแล้ว เหมือนกับใบไม้เหลืองที่ร่วงแล้วหล่นจากขั้วจากต้นแล้ว จะเอาไปต่อให้ติดเหมือนเดิมไม่ได้ เหมือนกับคนเป็นปาราชิกแล้วตัดขาดจากศาสนาพุทธไปชาตินี้เลยไม่สอนไม่เอื้อเฟื้อธรรมะเลย ถ้าหากเข้ามาในรัศมีที่เรากำลังพูดกำลังเทศธรรมะ ถ้าเรารู้ก็ให้ออกไปเลยก่อนคนนี้จะต้องออกจากรัศมีนี้ หรือไม่เราก็หยุดเทศน์จนกว่าเขาจะออกไป ไม่ให้ได้ยินได้ฟังถ้าเรารู้ แต่ถ้าเขาแอบศึกษาค้นคว้าเองก็เป็นเรื่องของเขาเป็นสิทธิของเขา เราก็จำกัดเพราะเราไม่รู้แต่ถ้าเรารู้เราก็ไม่ให้ทุกประตู นี่คือโทษของคนทำปาราชิก แต่เดี๋ยวนี้มันผิด เพี้ยนไปเป็นสมีก็ยังลงสังฆกรรมร่วมกันเลย อาตมาก็เลยพาพวกเราออกมาจากหมู่ใหญ่ตั้งแต่พ.ศ. 2513. เป็นหมู่สงฆ์อโศกตั้งแต่พ.ศ. 2513 ที่แดนอโศกพ.ศ. 2513 ที่ตำบลทุ่งลูกนกเป็นแดนอโศก เป็นสถานที่แรกที่เราบ่มเพาะกันมา เป็นสวนมะพร้าว ก็เป็นแหล่งตั้งรกรากของอโศกตอนหลังเราก็ไปซื้อคืนยังไม่ได้เป็นพุทธสถานสังฆสถานธรรมสถานอะไร ก็เป็นแดนอโศกอยู่ที่นั่น มีชาวอโศกเราปลูกผักปลูกพืชอยู่ที่นั่น ที่อำเภอกำแพงแสน ตำบลทุ่งลูกนก จนกระทั่งเราเกิดหมู่กลุ่มพ.ศ. 2517 แล้วก็เติบโต แต่เราอยู่กับหมู่ก็ไปไม่รอด ถูกกลั่นแกล้งอะไรต่ออะไร เราก็เห็นว่าเขามีสมีเยอะมีพวกปาราชิกเยอะ โดยเฉพาะปาราชิกในเรื่องเงินเยอะมาก นอกนั้นก็ปาราชิกเรื่องผู้หญิง ก็ปนเปกันอยู่อย่างนั้น ปาราชิกในปาราชิกสี่มีเรื่องเงินทองกับเรื่องผู้หญิง เรื่องฆ่าคนนี้จะมีหรือไม่ก็ไม่มีหลักฐานแต่เรื่องผู้หญิงกับเรื่องเงินนี้แน่นอน ตอนนี้เขากำลังชำระปฏิรูป ก็ดีมากเลย เรื่องเงินทองตอนนี้เขากำลังชำระปฏิรูป ก็ดีมากเลยที่ปฏิรูปเรื่องเงินทองกับเรื่องผู้หญิง หลวงปู่พุทธะอิสระเป็นนิกายเดียวกันกับหมู่ใหญ่ ท่านฟ้องร้องกันได้ แต่อาตมาไปฟ้องร้องเขาไม่ได้อธกรณ์เขาไม่ได้ คนก็บอกว่าทำไมเราไม่ทำงานเอง ทำไมต้องพึ่งหลวงปู่พุทธะอิสระ ก็บอกว่าเราทำไม่ได้เพราะผิดธรรมวินัย ไปเอาเรื่องเอาราวฟ้องร้องเขาไม่ได้ อธิกรณ์เขาไม่ได้ เป็นวิธีการของพระพุทธเจ้าที่แยกกันทำเรียกว่านานาสังวาส ไม่ใช่อสังวาส แต่ก็ไม่ใช่สมานสังวาส สังวาสแปลว่าร่วมกัน ถ้าเป็นอสังวาสก็คือไม่ร่วมกัน เช่น เป็นคนละนิกายซึ่งก็มีนัยยะละเอียด ก็เล่าให้ฟังเป็นความรู้กันบ้าง ศึกษาให้ดีในวินัยมีทั้งที่เป็นพระวินัยปิฎก อ่านในพระไตรปิฎก จากนั้นก็เป็นพระสูตรและก็มีพระอภิธรรม รวมกันแล้วฉบับสยามรัฐนี้มี 45 เล่ม การร่วมกันเป็นสังวาสเดียวกัน การเป็นนานาสังวาสนั้นแตกต่างกันด้วยศีลไม่เสมอสมานกัน ทางโน้นเขาไม่มีศีลแล้วเขาถือวินัย 227 ข้อ เราก็มีวินัย 227 ข้อ แต่มีจุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล ถือศีล 43 ข้อ ทำให้เกิด ศีล สมาธิ ปัญญา ไปตามลำดับ วินัยเป็นรั้วป้องกันของศาสนา ป้องกันสัตว์ร้ายเข้ามา ส่วนเรื่องของศีลนั้น เป็นธรรมนูญเป็นหลักเกณฑ์สำหรับพุทธปฏิบัติ เมื่อปฏิบัติได้อย่างสัมมาทิฏฐิ สัมมาปฏิบัติก็สัมมาปฏิเวธ ในวินัยนั้นเป็นเรื่องแรงผู้ที่ไปที่ไหนต้องถูกลงโทษต้องปลงอาบัติต้องมาสารภาพผิด อย่างอื่นก็จะมีตามลำดับของการอาบัติซึ่งพระพุทธเจ้าท่านตรัสไปหมดแล้ว เป็นสวากขาโตทำถูกต้องใช้ได้กาละ ตราบใดที่ยังมีผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอยู่ตราบนั้นโลกไม่ว่างจากพระอรหันต์ ในยุคนี้อาตมาขอยืนยันว่ามีความถูกต้องของศาสนา ยังมีผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ สมณพราหมณ์ในสัมมาทิฏฐิข้อที่ 10 ถ้าใครไม่เห็นไม่ยอมรับไม่รู้จัก สมัยนี้มีพระที่เป็นสมณะพราหมณ์เป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจริงหรือไม่ อาตมาประกาศว่าอาตมาเป็น อาตมาก็รับรองพวกเรา แต่ไม่ได้ชี้เป็นตัวตน พวกเราก็รับรองตัวเองหากรับรองผิดก็เป็นวิบากบาปก็เป็นของท่านเองถ้าท่านเองโกหก ตัวเราชอบอยู่แต่ก็บอกว่าเราไม่ชอบ อันนี้เป็นการปกปิดบาปกรรมกริยาก็ยิ่งทำอนันตริยกรรมซ้ำซ้อนอยู่อีก บาปไปจนตาย ถ้าโกหกปาราชิกมันก็ยิ่งซวยซ้ำสอนอีกอย่างนี้เป็นต้น ก็มีนัยยะซ้ำซ้อนหลายอย่าง ก็ให้พระท่านจับผิดตัวเองท่านรู้จากที่ไหน รู้จากระเบียบกันพอสมควร เพราะฉะนั้นที่ละเอียดลึกซึ้งจึงสอนลงไปว่าถ้าความลึกซึ้งละเอียดทางนี้ ควรรู้กันเฉพาะในหมู่สงฆ์ ก็ยังมีพระวินัยห้ามอีกถ้าหากเอาความลับหมู่สงฆ์ไปพูดกับฆราวาสก็อาบัติอีก เอาของส่วนรวมมาพูดข้างนอกให้คนอื่นที่ไม่สมควรรู้ก็อย่าไปทำ และในยุคพระพุทธเจ้ากับในยุคนี้ก็ต่างกันอีก มันมีรายละเอียด มันมีบริบทต่างกัน สรุปแล้วนั้น นานาสังวาสก็ต่างกันด้วยศีล ศีลสามัญญตา ใน จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล เป็นต้น แต่เขาถือศีล 227 ซึ่งมีแต่วินัย ไม่มีจุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล สำหรับเถระสมาคม โดยในมหาศีลก็คือเดรัจฉานวิชาเป็นไสยศาสตร์ แม้แต่เดรัจฉานวิชาเป็นเรื่องลึกลับ เป็นเรื่องไม่จริง เป็นเรื่องไม่จริงด้วยเช่นการรดน้ำมนต์แล้วก็จะได้อิทธิฤทธิ์อิทธิเดชไป ได้ประสบผลสำเร็จอย่างนี้ อะไรต่างๆนานา เป็นอิทธิปาฏิหาริย์ อาเทศนาปาฏิหาริย์ พระพุทธเจ้าก็ไม่ให้ใช้กัน ถ้าไปใช้อยู่ก็เป็นอาบัติ อย่างนี้เป็นต้น บางอย่างอย่าเอาไปพูดอย่าเอาไฟในออก เรื่องในหมู่สงฆ์อย่าไปพูดข้างนอกก็มีอาบัติตั้งแต่อาบัติเบาปาจิตตีย์ ไฟในอย่าเอาออกไปพูด อย่าออกไปพูดเล่น อย่าหาเรื่อง โดยเฉพาะสวดมนต์ เอาธรรมบทของพระพุทธเจ้าไปสวดมนต์สองคนพร้อมกัน สวดกันต่อหน้าอนุปสัมบัน แม้เป็นเพื่อนสหธรรมิก อย่าเอาไปสวดต่อหน้าสหธรรมิกที่เป็นฆราวาสบ้าง อย่างนี้เป็นต้น แต่ถ้าเป็นศาสนิกไปสวดพร้อมกัน ถ้าอย่างที่ธรรมกายทำ มันเป็นเรื่องที่ผิดแต่เขาไม่เข้าใจ ไปลงโทษเขาก็ไม่ได้เพราะเขาโง่ มีบางคนรู้ว่าหลักเกณฑ์พระพุทธเจ้าห้ามไว้ แต่กิเลสมันอยากจะทำก็ยิ่งบาปซ้ำซ้อน ยิ่งอวดอุตริมนุสธรรมอวดทั้งที่ว่าตัวเองไม่มีอุตริมนุสธรรมก็ปาราชิกแล้วปาราชิกซ้ำอีกไม่รู้กี่กรรมกี่วาระ กี่กระทง คนที่มีบาปเวรเช่นนี้อาตมาก็รู้เห็นอยู่ ถึงบอกว่าหยุดเสียเถิดอย่าไปทำต่อไปอีกเลย ให้จับเสียแม้จะมัดไม้มัดมือก็อย่าให้เขาไปทำ อย่างนี้เป็นต้นก็ได้ แต่บอกให้ด้วยความสงสาร เวทนา เพราะเขายิ่งทำจะยิ่งจมในสังสารวัฏยิ่งจะจมในเวทนาหนักเข้าไปใหญ่ อาตมาขยายความเวทนากับสงสาร ซึ่งพยัญชนะกับสภาวะที่เอามาพูดกันนี้ สงสารคนนี้ก็คือเห็นคนนั้นวงเวียนตกอยู่ในวัฏฏะที่วนเวียน อยู่ในสังสารวัฏไปอีกนานเท่านาน จึงเลือกศัพท์คำนี้ว่าสงสารเขา ก็ไม่อยากให้เขาตกนรกขึ้นสวรรค์หนักหนาสาหัสอยู่อย่างนั้นไม่รู้กี่กัปป์กี่กัลป์กี่ชาติก็อยากให้เขาดีพ้นสงสาร เวทนา สงสาร พัฒนาต่อเป็น ศัพท์คำไทย เวทนาคือความรู้สึก ก็ไปหลงความสุขความทุกข์อยู่กับเวทนาไม่รู้ว่าเป็นของหลอก ก็ไปหลงอยู่กับเวทนา ก็น่าเวทนาน่าสงสาร คุณไม่รู้จักเวทนาคุณก็วนอยู่ในเวทนาหนักเข้าไปอีกซ้ำซ้อน คุณไม่รู้จักเวทนาที่คุณหลง หลงในสวรรค์ เป็นสุขซึ่งเป็นสวรรค์เก๊คุณก็ตกนรกกัน คุณยิ่งสร้างสวรรค์แก่ตัวเอง ก็เท่ากับสร้างนรกอย่าไปอยากได้สุข พอสุขก็คือทุกข์ สวรรค์ไม่ใช่ธรรมะเดียวเป็นธรรมะคู่ มีสวรรค์ต้องมีนรก ท่านบอกว่าอย่าสาเปกโข อย่าไปหวัง ให้มันจบในตัว เวลาทำอะไร ทำทาน ทำทานคือการให้ ให้ก็จบแล้ว แต่ไปสร้างสวรรค์ต่อ ต้องมีสวรรค์ ต้องมีวิมานในอนาคต อยากได้แดนสวรรค์ แน่นอนนรกต้องมาแน่ ฟังจากการเทศน์บรรยาย ให้อยากได้สวรรค์มากมายกี่ชั้นๆยิ่งจะซวยหนักยิ่งจะโง่หนัก หลงผิด นี่คือความซับซ้อนของสภาพหมุนรอบเชิงซ้อนที่ภาษาเรียกว่าคัมภีรา หรือเป็นปฏินิสัคคะ ทั้งๆที่มันไม่มีสวรรค์แต่ก็ชวนไปเป็นสภาพสวรรค์นรกอีกเป็นธรรมะมี action reaction คุณเกิด action ก็ต้องมี reaction เป็นของคุณ คุณก็โง่ทำ action อีก ยิ่งมากยิ่งหนักขึ้นไปเรื่อยๆ ซับซ้อน มันก็เลยเป็นเรื่องซับซ้อนหมุนรอบเชิงซ้อนหนักด้วยอวิชชา หากไม่อยู่ในหมู่มิตรดีสหายดีอยู่โดดเดี่ยว ไม่มีผู้ที่จะช่วย โดยเฉพาะคนที่เป็นพ่อเป็นพี่ที่จะช่วยเราเลี้ยงเราขึ้นมาเป็นพ่อเป็นแม่เป็นพี่ไม่มี ก็ยิ่งจะยาก ก็ขออวยพรคำว่าพรเป็นสิ่งที่ประเสริฐไม่ใช่พูดไปแล้วก็ลูบหัวให้ซึมใส่หัวเข้าไปได้ คุณฟังให้เข้าใจก่อนแล้วเอาไปปฏิบัติตามคำพรคำประเสริฐให้ได้ให้เป็นประโยชน์ให้เป็นอานิสงส์ของคำที่พูด เช่นให้ไปปฏิบัติศีลให้เกิดอธิจิตให้เกิด อธิปัญญา เกิดอธิศีลในศีลข้อที่ 1 2 3 เป็นต้น ตามที่ได้อธิบาย ฟังดีดีแล้วเอาไปปฏิบัติปฏิบัติธรรมะพระพุทธเจ้าก็จะมีผลตามไตรสิกขา ศีล สมาธิ ปัญญาเป็นหลักเกณฑ์ ถือศีลให้เกิดอธิจิต อธิปัญญาสิ ศีลข้อที่ 1 ก็จะเกิดอธิจิต ในศีลข้อที่ 1 เกี่ยวกับสัตว์ ศีลข้อที่ 2 ก็เกี่ยวกับของ ศีลข้อที่ 3 ก็เป็นรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ซึ่งยากกว่า อาตมายังจะสอนต่อไปอีก พิสูจน์ อิทธิบาท อาตมาจะอายุยืนยาวถึง 151 ปี พวกเราก็พยายามทำตามอยู่ต่อไป ตาม อย่าประมาท ทำให้ตัวเองเจริญขึ้น ให้ได้ ไม่อย่างนั้นจะเป็นตัวฉุดคนอื่น พระพุทธเจ้าไม่ได้สรรเสริญความเนิ่นช้า ปปัญจะรามมตา อย่าไปยินดีในความเนิ่นช้า ก็ขอให้ทุกคน พากเพียร ปฏิบัติให้ได้ธรรมสมควรแก่ธรรมเทอญ…สาธุ Categories: ธรรมะพ่อครู, ศาสนาBy Samanasandin10 มิถุนายน 2018Tags: พ่อครูสมณะโพธิรักษ์สมณะสมณะโพธิรักษ์สมาคมศิษย์เก่าสัมมาสิกขา Author: Samanasandin https://boonniyom.net Post navigationPreviousPrevious post:013 ธรรมปัจเวกขณ์ ๙ มีนาคม ๒๕๒๖NextNext post:ประชุมคณะกรรมการสมาคมศิษย์เก่าสัมมาสิกขา ประจำเดือน มิถุนายน 2561Related Posts150401 จะพึ่งอะไรดี-พ่อท่าน-วัดมหาธาตุ28 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 2-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง7 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 1-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง4 พฤษภาคม 2024670224 พ่อครูเทศน์เวียนธรรมมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 48 ราชธานีอโศก24 กุมภาพันธ์ 2024670126 ตอบปัญหาเพื่อละอวิชชา 8 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก26 มกราคม 2024670117 ปฏิจจสมุปบาท ตอน 4 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก17 มกราคม 2024