610611_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ สุดยอดของสังคมเศรษฐกิจการเมือง
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://drive.google.com/open?id=11tNrHSP1I3yhuroO4ds69B7J_eHM8tu-d71vE7k5Pi8
ดาวโหลดเสียงที่..https://drive.google.com/open?id=1_Kvv5dTI-9EBFI7BEwfNOTo-t3j_CNL5
ดูยูทิวป์ได้ที่…
สมณะเดินดินว่า…วันนี้วันจันทร์ที่ 11 มิถุนายน 2561 ที่บวรราชธานีอโศก เราผ่านการจัดงานใหญ่ของเราผ่านไป มีคนมาลงทะเบียน 2605 คน มีคนยังไม่ได้ลงทะเบียนอีกเป็นจำนวนมาก ปีนี้เราฉลอง 84 ปี 48 พรรษาพ่อครู จริงๆแล้วพ่อครูเกิดจริงๆ 7 พ.ย. เป็นวันครบรอบการบวช จะฉลอง 48 พรรษา การจัดงานก็มาจัดที่บ้านราชฯเป็นส่วนใหญ่ เราคงมีเวลาทำองค์ประกอบให้สมบูรณ์มากขึ้นกว่านี้ ในช่วงงานฝนก็ตกมาบ้าง ทำให้เห็ดป่าออกมามาก เสร็จงาน เห็ดฟางก็ออกมาตาม เช้านี้เก็บเห็ดฟางได้ถึง 70 กิโลกรัม ตอนเย็นก็เก็บอีก แตงโมมาถึง 8 ตัน ทำให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ แม้ว่าฝนจะตกก็ไม่อนาทรร้อนใจเพราะเรามีอาคารบวร ขนาด 11 ไร่
ในปีที่เราฉลองพ่อครูอายุ 80 ปี มีไฮไลท์ 2 วัน วันบูชา พ่อครู กับวันบูชาพระบรมสารีริกธาตุ วันบูชาพ่อครู ฝนตกอย่างหนัก เราต้องใช้ผ้าพลาสติกสีขาวฟ้ามาคลุมหัว แต่คราวนี้ฝนตกอย่างไรเราก็มีที่มุงบังครบพร้อม
คุณสุทธิชัย หยุ่นมาสัมภาษณ์ เสียงสะท้อนก็มีทั้งบวกและลบ แต่ส่วนใหญ่เป็นความเห็นที่เป็นบวกมากกว่าลบ
พ่อครูว่า…SMS 5-10 มิถุนายน 2561
_6963 HBD ครับพ่อครูครับ ขอกราบพ่อครูด้วยความเคารพและศรัทธายิ่ง ลูกได้เกิดจิตวิญญาณใหม่ก็ด้วยความกรุณาชี้ทางของพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ พระคุณนี้ยิ่งใหญ่เกินบรรยาย
พ่อครูว่า…จิตที่เกิดใหม่เป็นจิตที่บรรลุธรรม เปลี่ยนสภาพ
อาตมาไม่เป็นหมันในการทำงานชีวิตนี้ชาตินี้ ดึงเอาเนื้อแท้ essence ของศาสนา คือเนื้อหาแก่นแท้ของสิ่งนั้นๆซึ่งมันจมหายไปแล้วแม้แต่ในเมืองไทย หลักฐานว่าหายไปคือ แค่นั่งหลับตาแล้วทำจิตให้เป็นฌาน สมาธิ เข้าใจว่านั่งหลับตาทำสมาธิก็ผิดไปจากศาสนาพุทธแล้ว เพราะศาสนาพุทธไม่ได้ทำฌานทำสมาธิแบบนั้น ศาสนาพุทธไม่ได้สอนให้นั่งหลับตาปฏิบัติ หลับตาก็ตอนนอนพัก หรือพักผ่อน ไม่ใช่การปฏิบัติธรรม อันนี้อาตมาย้ำหนักมาก เพราะมันน่าสงสารหลงทิศทางมัวเมา น่าเห็นใจ มาบวชมาปฏิบัติธรรมหวังจะได้มรรคผลนิพพาน แต่เสร็จแล้วทางปฏิบัตินี้ ออกนอกรีตไปคนละทาง หลับตาปฏิบัติเป็นของเดียรถีย์ เป็นเดียรถีย์สากล มาตั้งแต่ปางใดพระพุทธเจ้าออกบวชมาแล้วก็มีเต็มไปหมด จึงต้องแก้กลับมาอย่างยากเย็นแสนเข็ญ
ขนาดนั้นรวบรวมพระไตรปิฎก พระมหากัสสปะเป็นผู้ทำการสังคายนาจึงออกไปในทางแบบฤๅษีพระป่าไปเยอะ อาตมาก็ยากมากที่จะแก้คืน จะตายเร็วก็ไม่ได้ ฝืนไป คนที่ดูแลสังขารร่างกายอาตมาก็ต้องขอบคุณทุกคน มากัน ลูกๆหลานๆดูแล ผู้ที่ดูแลหนักสุดคือ เพ็ญเพียรธรรม ที่เรารู้จักนิกเนมคือ นิ่ม ดูแลอย่างใกล้ชิด แล้วอาตมาก็วาง จะกินจะขี้จะเยี่ยวจะไปจะมา มันวางมาก เขาก็คอยดูแลให้ตลอดเวลา คนก็เพ่งโทษว่าผู้หญิงดูแลใกล้ชิด อาตมาก็เข้าใจ โลกวัชชะ แต่เราขอยืนยันว่า อาตมาไม่มีอาบัติอะไรเลยที่ผู้หญิงอยู่ใกล้ชิด อีกอย่างหนึ่ง อาตมาก็ไม่เคยถามว่าจะถามเขา ว่าคุณนี่ไม่มี woman touch เลย ไม่มีลีลาจริตหญิงเลย คุณเป็นทอมหรือเปล่า? คุณเคยมีแฟนหรือเปล่า ว่าจะถามหลายที แต่เขาก็บริสุทธิ์ใจ ช่วยมาก เดี๋ยวก็ให้ดื่มน้ำ อาตมาไม่เคยกระหาย ต้องมีคนคอยจู้จี้จุกจิก ถือว่าเป็นการช่วยอย่างยิ่ง ถ้าเป็นคนสามัญธรรมดาก็ถือว่าจู้จี้จุกจิก แต่อาตมาไม่มีรำคาญ ต้องขอบคุณด้วยซ้ำไปถ้าไม่จู้จี้จุกจิกอาตมา จะเผิน แต่เขาก็ช่วย คือเขาอยู่ดูแลอาตมาใกล้ชิด คนข้างนอกไม่เข้าใจ ปัจฉาอาตมาเป็นพระภิกษุ 4 รูป ประกบตลอดเวลา ท่านเดินดิน ท่านดินไท ท่านหนักแน่น ท่านแสนดิน ยังมีท่านพิสุทโธกับท่านแสนจนอีก มี 4 รูปอยู่ประกบตลอดเวลา ไม่คลาดสายตา จะหลับจะนอนจะกินจะอยู่ แม้แต่จะเดินจะเหิน กลัวจะล้ม อาตมาก็ 84 แล้ว เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวหรอกว่าจะมีอาบัติเล็กอาบัติน้อย แม้อาบัติผู้หญิงอยู่สองต่อสองก็ไม่คลาด มีปัจฉาตลอด
เพราะฉะนั้นการช่วยดูแล ที่จะช่วยบริการ ช่วยเหลือต่างๆ มันก็เป็นเรื่องของน้ำใจ เป็นเรื่องของคุณงามความดีของมนุษย์ ช่วยดูแล อุปัฏฐากอุปถัมภ์ อาจารย์ครูบาอาจารย์มันเป็นสิ่งประเสริฐ จริง คนระมัดระวังไม่ไว้ใจ แต่อาตมาพูดไปแล้วว่า อาตมาเป็นอรหันต์เป็นโพธิสัตว์เขาก็ไม่ไว้ใจ จะทำยังไงได้ มันก็ต้องเชื่อตามภูมิเขา ก็ต้องขอพูดไปพอสมควรให้ฟัง
นี่ก็ทุกๆคนก็พอ บางคนมีปัญญาเข้าใจก็คลายใจได้บ้าง แต่คนไม่คลายใจอยู่ก็ไม่เป็นไร ดีไม่ดีหาว่าอาตมาพูดแก้ตัวก็ได้ ก็เป็นธรรมดา
_3867 ขอบุญบารมีด้วยกุศลจิตโดยชอบด้วยกุศลกรรมโดยธรรมในจิตวิญญาณปริโยทาตาผุดผ่องแผ้วในพ่อครูผู้ทรงธ.บริสุทธิ์ใจต่อพระพุทธศ.ต่อแผ่นดินต่อทุกชีวิตทุกสรรพสิ่ง!กลับมารักษาพ่อครูให้มีสุขภาพกายใจสมบรูณ์แข็งแรงถึง150ปีสาธุธ.วันครบรอบ 84ปีในพ่อครูฯกบสิ้นโศก!
_0750เสียงเร่งอีกนิด อย่าปรับบ่อยๆ ขอร้องนา
_3867 1ในมวลมหาปชช.อยากฟัง ความเห็นพ่อครูเรื่องการ หนุนพรรคกม.ที่หนุนลุงตู่!บ่ได้มีพรรคลุงกำนันกปปส.พรรคเดียว!พรรคใหม่ที่หนุนลุงตู่ก็มี หลายพรรค!พ่อครูจะหนุนพรรคใด?มวลเสริมกปท.ลุงปรีชาเอี่ยมฯกทธ.ลุงจำลองฯพธม.ยามใหญ่ฯคปท.นศ.ราม ฯ
พ่อครูว่า…อาตมามั่นใจว่าธรรมะกับการเมืองเป็นอย่างเดียวกัน เราก็หนุนเสริมให้คะแนนพรรคที่ควรยกย่องหนุนเนื่อง ทำตามสิทธิประชาชนในระบอบประชาธิปไตย ใครจะ–ตอนนี้บ้าง อาตมาก็ว่า ควรสนับสนุนสิ่งดี คนไทยไม่ค่อยสนับสนุนคนทำดี เพราะฉะนั้นจึงช้า ประเทศอื่นเขายกย่องคนดีกันมากกว่าคนไทย คนไทยไม่ค่อยชอบ จะบอกว่าริษยาคนดีหรือเปล่า ต้องให้กำลังใจคนดีที่ทำงานเพื่อประชาชนเพื่อสังคม ทำงานไม่ได้เพื่อด้วยความเห็นแก่ตัวมันหาได้ยาก มันเป็นเรื่องประเสริฐ ที่มีน้อย ต้องช่วยส่งเสริม คนจะตำหนิติเตียนอาตมาก็เชิญเลย เชิญเถอะ จะตำหนิก็ตำหนิไป แต่อาตมาก็ยังเห็นว่า สมควรที่จะทำเพื่อเสริมให้เกิดการเจริญของสังคม มันเป็นประโยชน์ที่ อาตมาเห็นควรต่อมสัปปุริสธรรม 7 มหาปเทส 4
_พิศมัย ชำนาญคิด · ขอตั้งจิตอธิษฐานกับหมู่กลุ่มผ่านทางหน้าจอทีวี ด้วยการคิดดีทำดีและอยู่ทางเดียวกับพ่อครูนะคะ กราบนมัสการด้วยความเคารพสูงสุดค่ะ และจะอยู่อย่างคนจนอย่างพอเพียงเป็นคนจนที่มีแบบ แบบคนจนนะคะ ขอบคุณค่ะ
พ่อครูว่า…เรากำลังเผยแพร่ เรื่องนี้
_โชติมณี· น้อมกราบนมัสการพ่อท่านด้วยความเครพยิ่งค่ะ ขอร่วมตั้งจิตอธิษฐานไปพร้อมกับพี่น้องผ่านหน้าจอค่ะ
พ่อครูว่า…
_ฉัน ตามธรรม · เมื่อใดพุทธแท้เกิด ปฏิกริยาสั่นสะเทือนหวั่นไหว ประดุจดังแผ่นดินไหว ย่อมบังเกิดขึ้น
พ่อครูว่า…นี่เป็นเพลงอาริยะที่อาตมาเขียนไว้นานแล้ว พ.ศ.2519
_ชุติวรรณ แสงสำลี · กราบนมัสการพ่อครูค่ะ,สวนป่านาบุญ 9,ได้ตั้งจิตร่วมกับในพิธีด้วยค่ะ
_ภูพัน· เป็นวันดีที่หลายหลายท่านได้มารวมตัวกันนะครับโอกาสเช่นนี้หาได้ยากนะในวาระสำคัญเช่นนี้
_ดาวตะวัน · ร่วมพิธีอยู่หน้าจอค่ะ
_แหม่ม สวิส · รับชมอยู่บนรถไฟสายใต้
_พีเจ เบียน · รับชม อยู่ ที่ เนเธอแลนด์ คะ
_วารุณี · รับชมที่แอลเอ
_พอล แจนเซ่น · กราบนมัสการพ่อท่านโดยความเคารพอย่างสูง เส้นทางเผยแพร่พุทธแท้ที่ผ่านมาล้วนลำบากยากเข็ญสาหัสสากรรจ์ จวบจนบัดนี้ได้บังเกิดสังคมชุมชนที่ดีงามพึ่งตนเองได้และเผื่อแผ่ออกไปภายนอกด้วยเช่นบวรอโศกหลายแห่งในขณะนี้ แต่เท่าที่สังเกตดูก็ยังมีบางคนบางกลุ่มที่เฝ้ามองการทำงานของพ่อท่านด้วยจิตปราศจากศรัทธาและความริษยาพร้อมไปด้วยจวบจนปัจจุบันนี้ ซึ่งเชื่อมั่นว่าพ่อท่านจะไม่ใส่ใจและยังคงมุ่งมั่นทำงานอุทิศจิตวิญญาณให้แก่พระศาสนาต่อไป แม้กระทั่งวันนี้เป็นวันมหามงคลอันเป็นวันคล้ายวันเกิดของพ่อท่านอโศกรำลึก ก็ยังอุตส่าห์มีมารที่ไม่เปิดเผยตัวตนมากระแนะกระแหนอีกจนได้…สาธุ
_1057งวดนี้ ลิงกินถั่วอีกแล้ว ข่าวออกเมื่อคืนนี้ครับสงสัยกลัวจะเอาไม่อยู่ ไวปานวอก แล้วทางเราจะเสียทางรู้ให้กับลิงอีกหรือเปล่าครับ ศีล 8ข้อ ถือยาก หรือเปล่าครับ กราบนมัสการ พ่อครูสมณะ ครับ
_3867เด็กนร.สัมมาสิกขาร้องเพลงพญาแร้งฯถวายพ่อครูฯกินใจคนโลกเงียบที่ได้ยินด้วยหูเทียมผ่านบุญนิยม!ประเทืองจิตประทับใจลูกแร้งนอกอโศกจริงๆ!
_9309 ขอถามจริงๆเถอะครับ สำนักปฏิบัติธรรมชาวอโศกทำไมชอบกินข้าวเย็นทั้งที่อาหารมื้อเย็นคนที่มาปฏิบัติธรรม ไม่ควรจะกินแล้ว เห็นผู้ใหญ่หลายคนไปนั่งกินข้าวเย็นรวมกับเด็ก สำนักปฏิบัติธรรมอื่น เค้าไม่กินข้าวเย็นกันนะครับ สายวัดป่าเค้าก็ไม่กิน ทำไมไม่คิดจะเพิ่มฐานการปฎิบัติธรรมของตัวเองบ้างละครับ หรือคิดจะเอาแค่ศีลห้าตลอดชีวิต หรือถ้าอยากกินก็ควรจะมีความละอายมากกว่านี้ ไปแอบกินเงียบๆก็ได้ ไม่ใช่ทำแบบโจ๋งครึ่ม มันเสียสถาบันหมด ดูดูไปแล้วท่านที่ไม่กินข้าวเย็นก็คงเหลือแค่สมณะและสิกขมาตุ รู้สึกช่วงนี้ชาวอโศกหย่อนยานมาก
พ่อครูว่า…ดีขันชะเนาะกันบ้าง ไม่เช่นนั้นก็จะหย่อนลงเป็นธรรมชาติของผู้ที่ไม่เอาถ่าน แต่ผู้ที่เอาถ่านก็ตั้งอกตั้งใจพากเพียร อาตมาก็เห็นส่วนมากส่วนใหญ่ที่ปฏิบัติธรรมกัน ก็ไม่ได้ย่อหย่อนแต่มันชินชา เพราะฉะนั้นก็ อย่ากลายเป็นชินชา เฉื่อยแฉะ
พวกเรายังดีอยู่ เกือบ 50 ปีแล้วที่พาทำมา ก็ไม่ย่อหย่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเงินทอง เรื่องกามที่เขาเป็นคดีกัน พวกชาวอโศกก็กลัวนะ บอกว่าชาวอโศกปฏิบัติธรรมมีสมณะมีสิกขมาตุเขาก็ว่า เดี๋ยวเถอะจะมีลูกเณรออกมา เราเป็นสหศึกษา ไม่แยกกันเป็นกิจจะลักษณะ อาตมาว่า ปฏิบัติได้โดยไม่เกิดเรื่องถือว่าเคร่งได้ดีกว่า แต่ปฏิบัติแยกแต่มันเกิดเรื่องอันนี้อ่อนแอกว่า รวมกันแต่เคร่งได้นี้ตรงกว่า
สมณะเดินดินว่า…พวกเรากินเย็นก็มีพวกกินสองมื้อ ส่วนพวกที่อื่นอาจกิน หลายมื้อเช่นกันแต่กินไม่เกินเที่ยง แต่ฆราวาสพวกเรากินสองมื้อก็มี
พ่อครูว่า…แต่ก่อนเป็นฆราวาส ก็กินสองมื้อ กินนอกบ้าน กลับบ้านก็มากินมื้อเย็น จนเปลี่ยนมากินมื้อเดียวก็สบาย
พูดถึงคุณที่ถามมา ถือศีล 8 นั้นยากหรือเปล่า การปฏิบัติศีล8 ก็ต้องยากกว่าศีล 5 เป็นอธิศีล จะยากหรือไม่ยาก คนที่เป็นศาสนิกชนของศาสนานั้นก็ต้องใส่ใจปฏิบัติ ไม่เช่นนั้นเกิดมาก็ไปกับโลกที่ดึงลงต่ำ โลกียะมันดึงลงต่ำ มีแต่กิเลสหนาขึ้นแย่งลาภยศสรรเสริญงมงายกัน เราศาสนาพุทธยิ่งจะเป็นโลกุตรธรรม เป็นศาสนาที่ให้คุณค่าให้ประโยชน์อย่างมากเลยสำหรับ การประพฤติปฏิบัติ
อาตมาพาพวกเราปฏิบัติไตรสิกขามาตลอด การศึกษาพระพุทธเจ้าก็มีไตรสิกขา ศาสนาทั้งหมดคือไตรสิกขา ของศาสนาพุทธไม่มีอื่น ไตรสิกขา ไม่ใช่เรื่องหลับตาแบบสะกดจิต มีศีล แล้วก็ปฏิบัติสมาธิ ในขณะลืมตา ในขณะปฏิบัติประพฤติชีวิตเป็นธรรมดา กำลังทำงานอาชีพอยู่เรียกว่าอาชีวะ ก็ปฏิบัติให้เกิดสัมมาอาชีวะ กำลังทำงานต่างๆด้วยการงานต่างๆเรียกว่ากัมมันตะ ข้อปฏิบัติให้เกิดสัมมากัมมันตะ การพูดก็พยายามสังวรระวังให้เกิดสัมมาวาจา อย่าให้มันเป็นมิจฉาให้มีกิเลสเข้าไปร่วม ต้องตัดกิเลสไปตลอดเวลาทั้งการทำอาชีพทำการงานกิริยาทุกอย่าง ทั้งพูด โดยเฉพาะสังกัปปะ เป็นแกนที่ต้องมีจิต ผู้ปฏิบัติธรรมมีกระบวนการ 7 ของสังกัปปะ
ตักกะ วิตักกะ สังกัปปะ อัปปนา พยัปปนา เจตโสอภินิโรปนา วจีสังขาร ปฏิบัติสังกัปปะ 7 อย่างไม่ให้ตกหล่นนั่นแหละคือการทำสมาธิของศาสนาพุทธ ไม่ใช่ไปนั่งหลับตา อันนั้นเป็นเรื่องนอกรีตศาสนาพุทธ พูดอย่างให้แยกขาวแยกดำให้ชัดเจน ไม่ต้องทำเลย หากคุณมีสัมมาทิฏฐิปฏิบัติธรรมตามพระพุทธเจ้า ตามมหาจัตตารีสกสูตร พระพุทธเจ้าบอกว่าเราจะสอนสัมมาสมาธิ ภิกษุทั้งหลาย นั่นคือ สัมมาสมาธิเป็นสมาธิเฉพาะของพุทธเจ้า ไม่ใช่สมาธิแบบเดียรถีย์ทั่วไป ไม่ใช่ meditation แต่ของพระพุทธเจ้าเป็น Supra Concentration
อาตมาพยายามอธิบายแต่เขาไม่ค่อยฟัง ก็แล้วแต่คน ใครเห็นว่าดีก็มาพิสูจน์ เอาตามพระไตรปิฎกนี่แหละ ทั้งๆที่เป็นฉบับที่เป็นของพระมหากัสสปะที่เป็นพระป่า จะหนักไปทางอัตกิลมถานุโยค เอียงไปข้างนั้น ขนาดนั้นก็ยังชัดเจนว่า ศาสนาพุทธตั้งแต่พระสูตรแรก พรหมชาลสูตรท่านตีทิ้งเจโตสมาธิเลย คือนั่งหลับตาสมาธิ ทำเฉพาะจิตไม่ใช่สายปัญญา ทำหนักไปทางเจโตศรัทธาไม่ใช่สายปัญญา เป็นสายสัทธานุสารี จะได้สัทธาวิมุติ กายสักขี พระพุทธเจ้าตรัสว่า หากไม่สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย คุณไม่สามารถบรรลุเป็นอรหันต์ อาจจะมีอาสวะบางอย่างหมดไปได้ดับไปได้ แต่มันไม่ถาวร อาสวะมันดับไม่ถึงถอนอนุสัย
อาสวะ อนุสัย ต่างกัน อาตมาอธิบายมามากแล้ว
หากปฏิบัติธัมมานุสารี ให้มีปัญญานำ จะมีแกนเป็นศรัทธาก็ตามต้องศึกษาให้เกิดสัมมาทิฏฐิ ถ้าไม่มีสัมมาทิฏฐิก็ไปไม่รอด เราเองสายนี้ก็ต้องแก้กลับมาอีกสายหนี่งที่ไม่ใช่แกนของเราต้องหามาเสริมให้สมดุล ถ่วงดุล
การปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้า อาตมามาชาตินี้ปางนี้ มาทำงานแก้กลับธรรมะของพระพุทธเจ้า พูดหมดแล้วว่าตัวเองเป็นใครขนาดไหน จนคนฟังที่เข้าใจดี ไม่ยึดมั่นถือมั่น ไม่ติดยึดไม่ถือสาก็หมดปัญหา แต่คนติดยึดถือสา อาตมาก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร อาตมาพูดไม่ใช่อวดตัวอวดตน แต่มันต้องยืนยัน ตนเอง ที่ต้องยืนยันตนเองเพราะ ตามความจริงของโลกทุกวันนี้ โลก ณ ลมหายใจเฮือกนี้ ศาสนาพุทธ แม้แต่เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ ต่างประเทศก็ยกให้ก็ตาม มันหมดเนื้อหาของโลกุตรธรรม อาตมาจึงจำเป็นต้องบอกตัวเองคนจะได้จับผิด คนจะได้จ้องพิสูจน์ ว่ามันพูดจริงหรือเปล่า ถ้ามันจริงก็ปาราชิก อวดอุตริมนุสธรรมว่าอาตมาเป็นอรหันต์ หากไม่จริงก็ปาราชิก หรืออวดอุตริที่เป็นฌานเป็นวิมุติว่าฉันเป็นฉันมีหรือรู้ตัวว่าไม่ถูกหรอกแต่ตัวเองก็อวด รู้ว่า ตนเองไม่ใช่แต่ก็ดันทำดันอวดก็ปาราชิก ทั้งๆที่ตัวรู้อยู่ว่าอวดอุตริมนุสธรรมครบองค์ธรรมกับอนุปสัมบันก็ปาราชิก
สิ่งเหล่านี้อาตมาว่า อาตมาเป็นผู้อยู่ในสัมมาทิฏฐิข้อที่ 10 ยืนยันว่าเป็น สมณพราหมณ์ทั้งหลาย เป็นผู้ดำเนินชอบ-ปฏิบัติชอบ ซึ่งประกาศโลกนี้-โลกหน้า ให้แจ่มแจ้ง เพราะรู้ยิ่งด้วย ตนเอง ในโลกนี้ มีอยู่
เป็นผู้ปฏิบัติที่รู้โลกนี้โลกหน้า อยังโลโก ปโรโลโก
โลกนี้คือโลกียะ โลกหน้าคือโลกุตระ หรือโลกนี้ คือสภาพที่เรากำลัง รู้ในปัจจุบันนี้ โลกหน้าคือสภาพวินาทีข้างหน้าต่อไป หากเรามีสัมมาทิฏฐิและสัมมาปฏิบัติ มันก็เจริญไปในโลกหน้าไปในสัมปรายิกภพ ก้าวหน้าไปเรื่อยๆ
อาตมาประกาศโลกนี้โลกหน้า และแบบที่ตายไปแล้วไปโลกหน้า เขาก็อธิบายกัน หรือแม้แต่การก้าวหน้าแห่งพฤติกรรมกิริยา ปัจจุบันกับวินาทีต่อไปที่คุณจะมีพฤติกรรมมีทุกอย่างที่คุณสามารถทำตนเอง ปฏิบัติตนเองด้วย สัมมัปปธาน 4 เจริญสติปัฏฐาน 4 ด้วยอิทธิบาท 4 หากทำอย่างนี้ได้ก็เจริญด้วยมรรคผล รู้จักกายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรมอย่างไร
ขออภัยเถอะ อาตมาขอยกตัวยกตน ไม่มีใครอธิบายกายในกายคืออย่างไร เวทนาในเวทนาคืออย่างไร จิตในจิตคืออย่างไร ธรรมในธรรมคืออย่างไรให้ละเอียดลออเท่ากับอาตมาอธิบาย เขายืนยันว่าไม่มีใครหรอก จบดอกเตอร์มา 10 ใบทางพุทธศาสนามาก็อธิบายอย่างอาตมาไม่ได้ หรือคุณจะรับนับถือใครเป็นครูอาจารย์ก็ตาม เอาที่สาธยายธรรมแสดงสัจธรรมสิ่งเป็นตัวชี้บ่งว่าอันนี้แท้หรือไม่แท้อันนี้จริงหรือไม่จริง ควรตามศึกษาหรือไม่ควรตามศึกษา อย่ายึดมั่นถือมั่น ไม่ชอบใจไม่เข้าหูในทิฏฐิเรา แล้วคุณก็ไม่เผื่อใจ ว่าเขาถูกเขาดีบ้าง ตีทิ้งไม่แยแส แน่นอนคุณก็ไม่ได้อะไร
นี่คือข้อที่ 10 ของทิฏฐิ 10 นัตถิโลเก แปลว่า ไม่มีแล้วในโลก นัตถิ โลเก สมณพราหมณา สัมมัคคตา สัมมาปฏิปันนา เย อิมัญ จ โลกัง ปรัญ จ โลกัง สยัง อภิญญา สัจฉิกัตวา ปเวเทนตีติ
นัตถิ คือ ขณะนี้ในโลกไม่มี สยังอภิญญา สมณพราหมณ์ โดยเฉพาะผู้เป็นสยังอภิญญาอาตมาอธิบายแล้วว่าอาตมามีภูมิของตนเองมาแล้ว ชาตินี้ไม่ได้ศึกษาจากสำนักไหนไม่มีศิษย์ร่วมสำนัก และที่พูดนี้ก็จะขัดแย้งกับสิ่งที่คุณนับถืออยู่ด้วย เพราะคุณยึดผิดเป็นมิจฉาทิฏฐิ อาตมาเอาสัมมาทิฏฐิมาบรรยาย พูดเน้นหนักยืนยันมั่นคง ข่มคนอื่นอย่างอภิมหาแรง พูดไปก็เกรงใจ ขออภัย แต่เป็นโวหาร นัจจะ คีตะ วาทิตะ ของอาตมา เหมือนพระพุทธเจ้าเข้าทรงจะเป็นเรื่องจริงที่เหลาะแหละไม่ได้
อาตมาย่าง 48 ปีไม่เบื่อไม่ท้อ แต่เหนื่อย เหนื่อยเรือหาย ภาษาอังกฤษเรือแปลว่า ชิป มันเหนื่อยก็ต้องสู้ ต้องทำ จนอายุปูนี้ก็ต้องทำ ดูแลสุขภาพร่างกาย ต้องสร้างพลังงานเสริมที่จะต่ออายุ ที่จะทำให้ตัวเองแข็งแรงสืบทอดต่อไป แม้จะต้องเกินอายุขัย เกินกว่ากัปป์ อาตมาพูดไปแล้วว่าอายุขัยอาตมาแค่ 72 แต่ก็ต้องพิสูจน์ จากนี้ 84 จะต่อไปเป็น 96 จากนั้นเป็น 120 จากนั้นเป็น 132 ครบรอบสามนักษัตร พยายามพิสูจน์ ใครจะว่าอวดเก่งก็ตาม
รับรองแค่อาตมาอายุถึง 108 สูตร CoEfficient ของอาตมามีคนเอาไปศึกษาต่อแน่ E=C(mc2+A)
ขณะนี้ประเทศไทย ทั้งธรรมะทั้งการเมือง ดำเนินไปได้ดี เศรษฐกิจก็ดี แต่คนเข้าใจว่าเศรษฐกิจดีคืออย่างไรไม่ได้ ไม่ใช่ว่าประเทศไทยประเทศเดียวทั้งโลกเข้าใจเศรษฐกิจดีไม่ได้
สังคมที่เศรษฐกิจดีต้องเป็นสังคมคนจน
ในหลวงของเราเป็นปราชญ์เอกเป็นโพธิสัตว์เป็นผู้ลึกซึ้งในเรื่องของความเป็นเศรษฐกิจการเมืองและสังคม ตามหลักธรรมพระพุทธเจ้า เป็นจริงนะไม่ได้โมเมพูดเล่น ท่านแสดงออกของท่านจริงเลย อาตมาเป็นโพธิสัตว์จึงต้องรู้ว่าท่านตรัสนี้เป็นของพระพุทธเจ้าตรงกับพระพุทธเจ้า เป๊ะๆ อาตมาต้องรู้เพราะเป็นโพธิสัตว์เหมือนกัน ชัดเจนยืนยันให้เข้าใจ
เพราะฉะนั้นโลกกำลังแลมา โลกค้นหาทางออกของสังคมมนุษยชาติ ต้องมาเป็นคนจนที่เป็นคนจนที่มีปัญญา เป็นคนจนที่อุดมสมบูรณ์ เป็นคนจนมหัศจรรย์ ไม่ใช่คนจนโง่เง่า แต่เป็นคนจนสร้างสรรมีประโยชน์ต่อสังคมโลก ซึ่งมันเป็นความหมายที่ลึกซึ้ง อธิบายไม่ง่าย แต่ก็ต้องอธิบาย
ชาวอโศกเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จทางเศรษฐกิจสังคมเรียบร้อยแล้ว ใครที่จะเข้ามาพิสูจน์ก็เชิญเลย ใครแสวงหาที่คิดว่าจริงหรือเปล่า เข้ามาเลยมาพิสูจน์ นี่พูดแรงท้าให้มาพิสูจน์ เอหิปัสสิโก เชิญให้มาตรวจสอบได้ เข้าหลักเกณฑ์ของพระพุทธเจ้า ถือว่าพระพุทธเจ้าเป็นปราชญ์เอก
เป็นคนจนที่อุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะตั้งแต่ปัจจัย 4 อาหาร เครื่องนุ่งห่ม บ้านช่องเรือนชาน ที่พักอาศัย ยารักษาโรคปัจจัย 4 ของชาวอโศกสมบูรณ์มาก นี่ดู เต็มเลย เครื่องนุ่งห่มก็สบาย เป็นแฟชั่นสำเร็จรูปจบแล้ว ไม่ไปบ้าบอกับแฟชั่นโลก ลงตัวเสร็จแล้วแฟชั่นของชาวอโศก แต่งสบายเลี้ยงง่ายดูง่ายสบายตา ไม่มียียวนชวนเซ็กซี่อะไรเลย ชวนกามฝ่อด้วยซ้ำ ดูแล้ว แค่สัมผัสรูป แต่ระวังกลิ่นหน่อย สัมผัสกลิ่นแล้วก็อื้อหือ มันก็จะเกินไป เราเคยถูกตำหนิอยู่เยอะ เดี๋ยวนี้ก็ยังรู้สึกว่าบางคนก็ยังมีกลิ่น แต่คนที่เข้าใจแล้วไม่มีปัญหา เพราะพวกเราไม่ได้ไปหลงแบบโลกที่ใช้น้ำอบน้ำหอมดับกลิ่น มันก็ธรรมดาขี้เหงื่อขี้ไคลกลิ่นคนมันก็เหม็น กลิ่นของคนไม่ได้หอม เป็นธรรมดาธรรมชาติ มันก็เป็นบ้าง แต่พวกเราก็ดูแลพอสมควรดูแลรักษาก็ใช้ได้
เครื่องนุ่งห่มก็พอสมควร อาหารการกินก็มีเหลือ เราพยายามสร้างอาหารการกินให้ไร้สารพิษ ให้มีเนื้อหาของสิ่งผลิต ผลผลิตที่เป็นพืชพันธุ์ธัญญาหาร ออกไปให้ดี ดูสินี่อาตมาเห็นแล้ว พวกที่นั่งอยู่ทางบ้านดูเห็ดฟางนี่ใหญ่มาก
คนเรามีอาหารเป็นหนึ่งในโลก แม้เครื่องนุ่งห่มก็เป็นรอง ยารักษาโรค ไม่เป็นทุกวัน แต่กินทุกวัน ที่อยู่และเครื่องนุ่งห่มก็ต้องใช้ทุกวัน ปัจจัย 4 ของพวกเราแข็งแรงมาก อุดมสมบูรณ์ และก็เป็นคนจนที่ประสบผลสำเร็จ เป็นคนจนที่อุดมสมบูรณ์ เศรษฐกิจเจริญ เพราะฉะนั้นจึงเป็นชาวประชาธิปไตย ที่พาสังคมเจริญ ก็เป็นคนทำให้เศรษฐกิจดีเป็นคนจนที่อุดมสมบูรณ์ เป็นคนจนที่ใจพอ ใจพอเท่านี้แต่ไม่หยุด วิริยารัมภะ ไม่ได้หยุดปรารภความเพียรไม่ได้หยุดขยันหมั่นเพียร กินอยู่กินใช้ในตัวเราให้พอ เหลือกินเหลือใช้ มีความเพียรก็สร้างสรรขึ้นมาให้มากให้ดี แล้วสะพัดออกไปสู่ผู้อื่น ขายถูกหรือแจกฟรี นี่เป็นนักเศรษฐกิจมือ 1 ของโลก ไม่เห็นแก่ตัวไม่เห็นแก่ได้ เป็นคนสร้างสิ่งที่ แจกจ่ายเผื่อแผ่ นี่คือเศรษฐศาสตร์บทที่สำคัญที่สุดของสังคม
จึงเป็นทั้งเศรษฐกิจทั้งการเมืองทั้งการสังคม ที่สบายมาก สบม.ธมด.ปกต. หห.จจ. มช.ยรล
อาตมาพูดถึงประชาธิปไตย ประชาธิปไตยของเรานี้สมบูรณ์ อาตมาพูดกระทั่งเมืองไทยขณะนี้ สังคมไทยในปัจจุบันนี้ การเมืองไทยเป็นประชาธิปไตยที่สุดยอด อาตมามีความเข้าใจไปตาม Concept ของอาตมา ว่า ประชาธิปไตยต้องเป็นเช่นนี้ คนไปเอาว่าประชาธิปไตยต้องมีเลือกตั้ง มันเป็นวิธีการ ให้ได้มาซึ่งคณะบริหารเท่านั้นเอง คณะบริหารหากบริหารเป็นประชาธิปไตยแล้ว จะได้มาดูที่ใด ก็ช่างศีรษะมันปะไร ขอให้มาบริหาร เป็นไปเพื่อประชาชน
นายกตู่ นายกประยุทธ์คนนี้บริหารด้วยประชาธิปไตย ตามคอนเซ็ปของอาตมา ตามทิฏฐิของอาตมา ตามความรู้ของอาตมา เข้าตา เพราะฉะนั้นจะเลือกตั้งหรือไม่เลือกตั้ง ไม่มีปัญหา ถ้าบริหารได้อย่างนี้อยู่ ก็นำพาประเทศชาติสังคมได้ดีอยู่แล้ว
เพราะเราต้องการคนบริหารที่ดีใช่ไหม จะเป็นกบเลือกนายทำไม จะโง่เหมือนกบแค่นั้นเองหรือ เราเป็นมนุษย์นะ เราไม่ต้องไปฟังเสียงนกเสียงกาเสียงร่ำร้องที่อยากได้ผู้บริหาร มันเป็นเสียงคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น เสียงนกเสียงกาก็อย่าไปเอาใจใส่ เราก็ฟังบ้างตามหลักประชาธิปไตยต้องฟังเสียง แต่ดูแล้วหากมันไร้สาระ มันไม่สมควรกับเหตุปัจจัย ไม่สมควรกับกาละ ไม่เหมาะกับเนื้อหาแก่นสาร ก็เป็นไป เพราะฉะนั้นจงดำเนินไปเถอะในขณะนี้ เขาก็สัญญาไว้ว่าจะให้ มีการเลือกตั้งอยู่ แต่เลือกตั้งแล้ว อาตมาก็ค่อนข้างจะเชื่อว่า ผู้จะมาบริหารเป็นนายกฯก็คงเป็นพลเอกประยุทธ์อีก ใครจะค่อนแคะว่า ออกกฎหมายเพื่อจะให้เป็นนายกฯตู่ มีการประชดประชันว่าทำไมไม่ระบุชื่อไปเลยล่ะ กฏหมาย บอกว่า นายกฯคนต่อไปคือพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา แดกดันประชดประชันกันถึงขนาดนั้น อาตมาว่ามันเป็นกบเลือกนาย มันไม่มีปัญญาไม่มีพอสมควรไม่ดูความเหมาะสม
เพราะฉะนั้นอาตมาก็ต้องแสดงความเห็นของอาตมาบ้างในฐานะประชาธิปไตย ประเทศไทยมีประชาธิปไตยเรามีสิทธิสมบูรณ์เต็มที่ เพื่อที่จะอธิบาย ความรู้ความเห็นของอาตมาที่เห็นว่าอันนี้เป็นสิ่งที่ดีที่ถูกต้องที่ควรจะเป็น ก็ต้องแสดงออกให้ฟังให้เข้าใจอย่างนี้มีหลักฐานอ้างอิง และโดยเฉพาะ หากอ้างอิงแล้ว ผู้ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติได้ถูกต้องก็มาเป็นชาวอโศกอีก เมื่อจะพูดก็เหมือนพูดยกตัวยกตน ก็เพราะว่าความถูกต้องดีงามนั้นก็อยู่ในพวกนี้ หรือพวกอื่นที่มีอยู่บ้างเช่นพวกนายกฯตู่ ไม่ใช่พวกอาตมาหรอกอาตมาไม่รู้จักมักจี่ ไม่เคยพบกันเลยสักครั้ง ไม่เคยประจันหน้ากันเลย ดูแต่ทางสื่อ ไม่ได้เห็นตัวตนจริงสักที แต่มันไม่สำคัญอะไรหรอก มันสำคัญที่ทำหน้าที่กับประชาชนได้ดี ก็ต้องส่งเสริม ใครจะบอกว่าอาตมานี้เข้าข้าง เขาก็บอกว่าอาตมาเป็นกากสังคมเป็นอีแร้งของสังคม ไปยกยอปอปั้นคนไหนก็จะเป็นการฉุดคนนั้นด้วย ก็ขออภัยไม่รู้จะเรียกอย่างไร มันก็ต้องเลือกเอาสิ่งอันนึง อันที่บกพร่องอย่างนั้นก็มีบ้างเป็นธรรมดา อาตมาก็ว่าอันนี้ดี เอาอันที่ถูกต้องมันดีแล้วนี่
มาขยายความคำว่าประชาธิปไตยกับเศรษฐกิจ
หนังสือเราคิดอะไรฉบับความเจริญ 3 ความหมาย
(1) ปรารถนาคนยิ่งล้น ความเจริญ
กิเลสจัดการเกิน กว่ารู้
แย่งลาภยศสรรเสริญ สุขใส่ ตนเฮย
ทำทุกข์ทับตนสู้ สุดด้วยอวิชชา
(2) พาโง่ตามฝรั่งเฟ้อ “อารยะ”
“อริยะ”ฝ่อเฟอะฟะ ผิดเพี้ยน
เพราะห่าง“อุตตระ” พุทธสัจ ไปแฮ
สาระ“อาริยะ”เหี้ยน หดสิ้นสูญหาย
(3) “อารยะ”หมายมุ่งได้ รูปธรรม
ทุนนิยมครอบงำ หนักหน้า
เทิด“วัตถุ”สูงสำ- คัญเลิศ สุดแล
แย่งฆ่าแกงกาจกล้า เบ่งบ้าอาธรรม์
(4) “อริยะ”นั้นมุ่งเข้า หา“จิต”
แต่ต่างทิฏฐิผิด สุดแก้
ทิ้งแก่นสู่ทิพพฤทธิ์ เทวโลก กันเลย
มีแต่ศาสน์พิธีแม้ สวดร้องแข่งกัน
(5) เลิกฝันหาแก่นแท้ “อาริยะ”
สิ้นซากโลกุตระ เมิดจ้อย
เต็มแต่“พระไพศาละ” ลาภยศ ย้อยหยด
เหลือแค่ผ้าเหลืองน้อย ติ่งห้อยติดหู
(6) เลิศหรูโลกียะถ้วน ติตถิยา
เดรัจฉานล้นศาสนา พุทธแล้ว
เอาแต่สวดมนตรา เป็นหลัก เลี้ยงอาตม์
นอกรีตนอกธรรมแคล้ว คลาดสิ้นพุทธธรรม
(7) สำเร็จสร้าง“โลก” พร้อม “อัตตา”
เจริญ“อธิปไตย”พา ศาสน์เพี้ยน
ธรรม“โลกุตระ”หา ไป่พบ แล้วพ่อ
สามเสียบแทงสุดเสี้ยน- ศึกล้างความหมาย
“สไมย์ จำปาแพง”8 พ.ค. 2561
[นัยปก “เราคิดอะไร” ฉบับ 335 ประจำเดือนมิถุนายน 2561]
สมณะเดินดินว่า…อ่านบทความคอลัมน์ คิดคนละขั้ว ในเราคิดอะไรต่อ … ปฏิบัติการฟ้าสาง ลุยล้างดงขมิ้น เมื่อพฤหัสที่ 24 พฤษภาคม 2561 มีข้อที่น่าคิดถึงเรื่อง “พระ กับอสรพิษ(เงิน)” ในปาราชิก4 ข้อ การโกงเงินเกิน 5 มาสก (300 บาท) ถือว่าทำได้ง่ายที่สุดกว่าปาราชิกข้อใด ๆ ง่ายยิ่งกว่าการได้เสียกับผู้หญิงเป็นไหน ๆ
เงินนั้นทำให้เกิดอันตรายกับพระและศาสนาอย่างมาก ดังโศลกธรรมที่ว่า “การดิ้นหาเงินของพระ คือความล่มจมของศาสนาพุทธ พระต้องหยุดหาเงินให้ได้ หยุดใช้เงินให้ได้ จึงจะเป็นความเจริญของศาสนาพุทธ!” ซึ่งตราบใดที่พระยังใช้เงินและสะสมเงินกันอยู่ ก็คือการเดินไปสู่ความเป็นผู้ทุศีล( ผิดศีลข้อที่ 10) ทั้งยังอาบัติเป็นอาจิณ (นิสสัคคิยปาจิตตีย์) และเดินทางเข้าสู่ความเป็น “ผีหัวขาด”(พระปาราชิก)ในที่สุด
เมื่อพระมุ่งหาเงิน จึงต้องทำสารพัดเดรัจฉานวิชา ไม่ว่าจะเป็นพระสวด- พระเสก- พระสร้าง(วัตถุอัปมงคลต่าง ๆ) แต่หาทำยาหยอดตาได้ยากก็คือ “พระสอน” สิ่งที่เป็นสัมมาทิฏฐิให้กับชาวพุทธ จึงไม่แปลกกับปรากฏการณ์ผีหัวขาดส่งเสริมพวกผีหัวขาดด้วยกัน ทั้ง ๆ ที่ธัมมชโย ถูกตัดสินให้ปาราชิก จากพระบัญชาของอดีตสมเด็จพระสังฆราช แต่หลังจากนั้น กรรมการมหาเถรสมาคม กลับเลื่อนสมณศักดิ์ขึ้นไปเป็นชั้นเทพ แทนที่จะถูกปลดให้เป็นเทพบุตรมาร กลับยกให้เป็น พระเทพญาณมหามุนี
นี่คือปรากฏการณ์ของ “ผ้าเหลืองน้อยห้อยหู” มีความเป็นพระเหลือเพียงแค่ผ้าเหลืองที่ห่อหุ้มเป็นสัญลักษณ์ให้รู้ไว้เท่านั้นเอง แต่เนื้อหาความเป็นพระไม่มีแล้ว(ศีลวิบัติ) มีชีวิตอยู่ด้วยการหลอกลวงชาวบ้านหากิน(อาชีววิบัติ) มีความเห็น(ทิฏฐิวิบัติ)และความประพฤติ(อาจารวิบัติ)ชั่วร้ายเลวทราม
เมื่อเหตุเลว(เพราะปฏิบัติเลว) มรรคผลที่เป็น “อริยะ”หรือ “อารยะ”(ภาษาสันสกฤต)ก็ย่อมเลวตามไปด้วย อริยะเพี้ยนไปกลายเป็นพวกจิตนิยมนั่งหลับตา สะกดจิต มีฤทธิ์มีเดช แต่ไม่ได้เรียนรู้การลดกิเลสแต่อย่างใด ส่วนอารยะ ก็กลายเป็นพวกวัตถุนิยม เป็นความเจริญรุ่งเรืองทางโลก จนเรียกว่าเป็นอารยะประเทศ
พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ เห็นว่าทั้ง “อริยะ”และ “อารยะ”เพี้ยนไปทั้งการปฏิบัติ และความเข้าใจ กลายเป็นสุดโต่งทั้ง 2 ฝั่ง จึงเอาทั้งสองคำมารวมกันเป็น “อาริยะ”( มาจากพระศรีอาริย์) แปลว่าผู้ประเสริฐ หรือคนที่บรรลุธรรม เป็นโสดาบัน-สกิทาคามี-อนาคามี-อรหันต์ ซึ่งพระอาริยะนั้น จะสามารถลดตัวลดตนจนหมดตัวหมดตนได้(โลกุตตระ) – มีความรอบรู้โลก(โลกวิทู)มากขึ้น –และสามารถรับใช้ ช่วยเหลือมนุษย์(โลกานุกัมปา)ได้ดีขึ้น ๆ
สรุปด้วยค่ารวมในขณะนี้แล้ว พ่อครูเห็นว่า ประเทศไทยดีขึ้นมาก ปราบตัวร้ายได้มาก มันก็เลยดีขึ้นมาก การทำให้ดีขึ้นนั้น ต้อง 1. ปราบสิ่งที่ร้าย 2. สร้างสิ่งที่ดี การปราบสิ่งเลวร้ายก็ทำได้อย่างมีประสิทธิผล และยังสร้างสิ่งที่ดีซ้อนเข้าไปอีก ที่อาตมาพูดยกย่องชมเชย เพราะว่ามันไม่ง่ายที่จะทำได้อย่างนี้ มันหมักหมมจับตัวแข็งด้าน แกะออกยาก เปลี่ยนแปลงยากแต่ก็เปลี่ยนแปลงได้ ตีให้แตกได้
อาตมาก็มองตามภูมิอาตมาว่า เมืองไทยนี้ดีจังเลย การเมืองของเมืองไทยมีวิวัฒนาการ เจริญทั้งความกว้างและลึก ไม่ได้พูดอย่างเล่นลิ้นแต่พูดตามความจริงที่อาตมาเข้าใจว่ามันเจริญกว่าประเทศใดๆในโลก เป็นประชาธิปไตยที่เจริญกว่าประเทศใดในโลก อาตมาเอาความหมายประชาธิปไตยที่ตามแบบพระพุทธเจ้าท่านหมายถึง
ประชาธิปไตยดีที่สุดคืออะไร เป็นความ “เป็นประชาธิปไตยที่อิสรเสรีภาพที่สุด”( ไม่ขึ้นอยู่กับใครมาบงการ)และ “ไม่มีตัวกูของกูที่สุด” (มีแต่ประชาชนมีแต่ผู้อื่นมีแต่คนอื่น เพราะฉะนั้นใครจะทำการใดเพื่อผู้อื่น ที่ไม่ได้ทำเพื่อตัวตนเองเลยนั่นแหละคือยอดประชาธิปไตย)นี่คือประชาธิปไตยที่ดีที่สุด อะไรก็เทียบไม่ได้แล้ว มันจบแล้วสุดยอดของความจริงแล้ว เป็นความอิสระสูงสุดและก็หมดตัวตนอีกด้วย
พ่อครูว่า…ถ้าเข้าใจเรื่องของธรรมะกับเรื่องการเมืองเป็นความหมายเดียวกัน ประชาธิปไตยก็เพื่อประชาชน ธรรมะก็เพื่อประชาชน ศาสนาก็สอนเพื่อให้หมดตัวตนให้ขยันหมั่นเพียรให้รับใช้มวลชน พหุชนหิตายะ(เพื่อหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก)พหุชนสุขายะ(เพื่อความสุขของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) โลกานุกัมปายะ(รับใช้โลก ช่วยโลก)
เป็นคำบาลีที่ยืนยันอยู่ของพระพุทธเจ้าเกือบ 2700 ปีแล้ว สมัยพระพุทธเจ้าเป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นยุคสมัยทาส ยังไม่เป็นประชาธิปไตย ท่านก็ตรัสไปอย่างนี้แล้ว เป็นเนื้อแท้ของประชาธิปไตย ว่ามันคือ
-
อิสระเสรีภาพ 2. ไม่มีอัตตาตัวตน 3. มีจิตวิญญาณ รู้จักวิญญาณรู้จักธาตุจิตที่เป็นประธานของความเป็นคน มีจิตวิญญาณเป็นประธานสิ่งทั้งปวง
เพราะฉะนั้นจึงจะทำวิญญาณของเรา ให้เป็นวิญญาณที่สูงสุดคือ อิสรเสรีภาพ และไม่มีตัวตน นี่คือสุดยอดของความเป็นประชาธิปไตย เมื่อคนที่ไม่มีตัวตน ไม่ได้เห็นแก่ตัว ไม่มีตัวเองเลย และเป็นวิริยารัมภะ มีปัญญา รู้ว่าตัวเองไม่มีตัวตนแล้วยังมีชีวิตอยู่จะอยู่ไปทำไม ชีวิตของเรามันเกิดมาแล้ว มันประเสริฐด้วยไม่มีกิเลส พระอรหันต์ไม่ได้โง่อะไร ท่านมีภูมิปัญญามีปฏิภาณพอ ก็ทำงานให้แก่มนุษยชาติให้มากพอ เรียกว่า พหุชนหิตายะ หิตะแปลว่าประโยชน์ พหุชน แปลว่า มนุษย์ทุกคนไม่จำกัดขอบเขต
เพราะฉะนั้นเศรษฐกิจ ก็เพื่อประโยชน์ทุกคน ไม่ใช่เห็นแก่ประเทศไทยเท่านั้น เอาหละ จะตีกรอบขอบเขตว่าเห็นแก่ประเทศตนก่อน ก็ถูกก็ได้ แต่จริงๆแล้วอย่าไปจำกัดว่ามันจะต้องมีอยู่แค่ประเทศไทย เศรษฐกิจเพื่อประเทศไทยเท่านั้น แต่เศรษฐกิจเพื่อประเทศไทย ก็เห็นแก่ประเทศตัวเองไปเอาเปรียบประเทศอื่นมา เอาเปรียบประเทศอื่นมาให้ได้มากที่สุดแล้วเรียกว่าเศรษฐกิจดี ยิ่งคุณทำได้คุณมีอำนาจบาตรใหญ่ คุณสามารถเอาเปรียบประเทศอื่น เอามาให้แก่ตัวเองมากเท่าไหร่ แล้วคุณหลงว่าเศรษฐกิจดี แต่มันสุดเลวเลย เข้าใจเศรษฐกิจไม่ได้
คนเศรษฐกิจดีหรือประเทศเศรษฐกิจดี สังคมที่มีเศรษฐกิจดี คือสังคมที่รู้จักการกินการใช้ของตนเองพอเพียง เหลือนั้นสะพัดแจกจ่ายแก่ผู้ที่ควรเผื่อแผ่ เฉลี่ยไป อย่างนี้คือการทำงานเศรษฐกิจ เศรษฐกิจไม่ใช่การเห็นแก่ตัวหรือเห็นแก่แค่ประเทศตัว ต้องเผื่อแผ่มนุษย์ทั่วโลก เผื่อแผ่ทั่วไป
หนึ่ง ตัวเราก็สามารถมีพลังงานมีแรงงานมีการทำงานสร้างสรร มีผลผลิต มีความรู้ เกิดผลผลิตจากกรรมกิริยาของเรา มันตีราคาคุ้มค่า คุ้มกินคุ้มใช้ตามหลักเศรษฐกิจโลก เราเป็นมนุษย์ที่ทำงานด้วยสุจริตธรรม ทำออกมาแล้วรวมผลงานเรา เราอาศัยกินใช้ในการงานของเรา พอ นอกจากพอแล้วเหลือ เกิน จากที่เรากินใช้ด้วยแล้วไม่หวงแหนกักตุน
ไม่ออกไปขายด้วยระบบทุนนิยมสามานย์เพื่อจะได้มามากกว่าเก่า จะต้องแลกเปลี่ยนมาเพื่อให้ได้กำไรแบบ Maximize profit ได้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งชื่นชอบเท่านั้น ถือว่าเจริญแบบนั้นมันโง่มันผิด มันเป็นความเข้าใจผิด เป็นความโง่ที่ทำร้ายตัวเองทำร้ายผู้อื่น ทำลายสังคมมนุษยชาติ
เพราะฉะนั้นการไม่เข้าใจสัจธรรมแบบนี้จึงปฏิบัติผิด ปฏิบัติก็ผิดทั้งตัวเองผิดทั้งสังคมผิดทั้งประเทศชาติ พระเจ้าอยู่หัวของเราเป็นโพธิสัตว์ตรัสว่าบริหารแบบคนจน ไม่ได้ตรัสเองกับประเทศไทยด้วย รัฐมนตรีต่างประเทศรัฐมนตรีประเทศเกาหลีมาดู และมาถามว่าบริหารประเทศอย่างไรดีที่สุด ท่านก็ว่าต้องบริหารแบบคนจน อธิบายให้เขาฟัง เขาฟังแล้วก็นั่งงง ก็แสดงว่าไม่เข้าใจ ก็ต้องอธิบายอีก ท่านก็ตรัสอยู่แล้วเอามาเปิดให้ฟังอยู่ อธิบายแล้วเขาก็งงอีก มันก็ต้องเป็นอย่างนั้น ในหลวงตรัสว่าขาดทุนของเราคือกำไรของเรามันถูกแล้ว แต่นักเศรษฐศาสตร์บอกว่าพูดอย่างนั้นได้อย่างไร ท่านตรัสมาถูกต้องเป็นความดีงาม ซึ่งมันไกลเกินเป็นความรู้ที่ลึกที่สูง จนคนสามัญเข้าใจไม่ได้ มันออกนอกกรอบโลกียะ
ประเทศไทย จึงเป็นประเทศที่นำหน้าทุกอย่าง ทั้งด้านเศรษฐกิจทั้งด้านการเมืองทั้งด้านสังคม จริงๆ ไม่ไปเป็นประเทศ ที่ไปข่มเหงใคร หรือแม้แต่จะไปเอาเปรียบใคร หรือมีผู้รู้ปัญญาชน อาตมาพาพวกเรา ไม่ให้เอาเปรียบใคร เราสิ เป็นผู้เสียเปรียบให้แก่ผู้อื่น เป็นการเจริญ เสียทั้งๆที่รู้ว่าเป็นการเสียสละ ไม่ได้เสียรู้อะไร รู้ว่าเราเสีย ก็ชัดเจนในการเสียสละให้แก่ผู้อื่น มันเป็นความประเสริฐมันเป็นความดีงามของมนุษย์ เราเป็นคนมีประโยชน์เป็นคนมีคุณค่าแก่คนอื่นเขา เราไม่ใช่เป็นตัวทาก เราไม่ใช่ตัวเสือ สิงห์อะไร ตัวที่ได้เบียดเบียนทำร้ายทำลายผู้อื่น
เพราะฉะนั้นถ้าเข้าใจสัจธรรมแล้ว คนเรานี้ ไม่มีพิษภัยอะไร จากตนเอง ไปกระทบคนอื่น มันจะมีแต่คุณค่าประโยชน์ อุดหนุนจุนเจือผู้อื่น โลกานุกัมปา ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่เจริญแล้วของมนุษย์
อาตมาเองอาตมาว่า ทำไม ฝึกคน สอนคน ให้มาเป็นคนดังที่พูดไปผ่านมานี้ เพราะว่าเราทำให้คนเป็นเช่นนี้มันมีประโยชน์ดี ดีกับตัวเองดีกับผู้อื่น เป็นรัศมีทั่วไปทั่วโลกเลย ไม่ขัดแย้งกับสัจธรรม ในประเทศใดเขาเข้าใจไม่ได้ แต่สัจธรรมนี้มั่นใจว่าไม่เป็นโทษเป็นภัย มันเป็นความดีงามอย่างสุดยอด Ultimate Absolute ไม่มีอะไรสุดไปกว่านี้
อาตมามั่นใจอย่างนี้จึงทำงานนี้ จะตายแล้วก็ยังไม่ยอมตายเพราะยังเห็นว่าคนยังได้ประโยชน์ยังแสวงหา(พ่อครูไอ ตัดออกด้วย)
สมณะเดินดินว่า…พ่อครูทำดาวสันติภาพ ซึ่งในโลกนี้มีแต่ดาวมฤตยู ดาวสันติภาพคือมีแต่ประโยชน์สร้างสรรไม่มีพิษภัย ประเทศไทยมีศาสนาพุทธอย่างยาวนานทำให้หัวใจของชาวไทยมีแต่ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เคยฟังท่านมนาโป นั่งรถไฟก็คิดว่าเขาเอาถั่วมาให้กินฟรีฟรี ท่านเป็นคนบ้านนอก ไปไหนก็ไม่ต้องไปซื้ออะไร มีคนแบ่งกันกินได้ เป็นวัฒนธรรมปลูกฝังกันมาอย่างยาวนานให้มีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ จนต่างประเทศยกย่องให้เป็น Land of Smile เพราะหัวใจของคนไทยชอบให้ชอบเอื้อเฟื้อ ใครมาถึงบ้านต้องเลี้ยงข้าวเลี้ยงน้ำ หากเป็นอย่างที่ พ่อครูว่า ก็ไม่ต้องโฆษณาการท่องเที่ยว
พ่อครูว่า…มาเข้าสู่คำสอน พระพุทธเจ้า คำสอนพระพุทธเจ้านั้นทันสมัยใหม่เสมอ ไม่มีการเก่า โลกทุกยุคสมัยเอามาใช้ได้ ประเสริฐดีที่สุดเป็นความสุข ความสุขนี้ใช้พยัญชนะมาเรียก ความจริงแล้วสุดยอดคือไม่มีสุขไม่มีทุกข์ พระอรหันต์ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ เป็นจิตที่ว่างจากสุขจากทุกข์ เป็นจิตที่ว่างจากสวรรค์นรก เป็นจิตกลางๆ
อาตมาอธิบายได้ดี เพราะอาตมามีอาการอย่างนั้นอย่างจริง จึงพูดความจริงสู่ฟัง คนที่รู้จักอาการ ลิงค นิมิต อุเทส อุเทสคือ เอาคำสอนพระพุทธเจ้ามาอธิบาย แสดงขยายความหมายของอาการและความแตกต่างให้ฟัง กับเครื่องหมายที่เราจะต้องกำหนดหมายรู้จะเป็นนามธรรม เป็นอาการทางจิตเราก็ต้องอ่านรู้กำหนดรู้อย่างแม่นยำ ถูกต้อง
อาการ ลิงค นิมิต อุเทส คือ จิตของเราจะรู้ได้ด้วยอาการ ลิงค นิมิต ที่ต้องรู้จากสัตบุรุษ ที่เป็นผู้รู้ ถ่ายทอด พระศาสนาพุทธเจ้าต้องมีผู้รู้ที่ถ่ายทอดอย่างไม่ผิดเพี้ยน หากถ่ายทอดผิดเพี้ยนก็เสียศาสนาพุทธ แต่หากเป็นผู้รู้ที่รู้จริงเป็นสัตบุรุษที่ไม่ผิดเพี้ยน มันก็เป็นสัจจะ มันก็เป็น สัจจะที่ถูกตรงได้ตลอดไป
เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสให้พบสัตบุรุษฟังสัทธรรมจากสัตบุรุษ เราจึงจะได้เกิดความเชื่อความรู้ความเห็นเรียกว่าศรัทธา ที่ถูกต้องในสัทธรรม เป็นธรรมะที่ถูกต้องดีงาม
การพบสัตบุรุษจึงจะได้ฟังสัทธรรม แล้วก็ตั้งใจฟังพากเพียรฟัง เป็นต้นทางที่เราจะได้รับสิ่งนี้ เพราะฉะนั้นธรรมะของพระพุทธเจ้านั้น ถ้าไม่ออกจากปากสัตบุรุษ คนที่เข้าใจเพี้ยนไปบ้างมันก็ไม่ตรงเท่าที่เพี้ยน จากปาก สองปาก สามปาก องศาออกจากความตรงนิดหนึ่ง ยิ่งไกลออกไปยิ่งผิดเพี้ยนบานปลายออกไป เป็นปากกรวย
เพราะฉะนั้นจึงจะต้องพยายามหาสัตบุรุษที่ถูกต้องที่สัมมาทิฏฐิจริงๆ ซึ่งหายาก แต่ยากก็ต้องพยายาม อัตถิโลเก ในโลกนี้มีไหม สมณพราหมณา สัมมัคคตา สัมมาปฏิปันนา เย อิมัญ จ โลกัง ปรัญ จ โลกัง สยัง อภิญญา สัจฉิกัตวา ปเวเทนตีติ
ผู้ที่เป็นสยังอภิญญารู้ด้วยตัวเอง อาตมาประกาศว่ารู้เองคนก็ไม่เข้าใจ อาตมาว่าอาตมาได้มีความรู้มาตั้งแต่ปางก่อนชาติก่อน เป็นโพธิสัตว์ไม่ใช่เป็นพระพุทธเจ้า
อาตมาก็ขยายความต่อโพธิสัตว์คืออะไร ในประเทศไทยเขาไม่ประสีประสาเรื่องโพธิสัตว์ เพราะเขาเป็นลัทธิเถรวาท ชาวพุทธในเมืองไทย มันถึงได้ยาก ถ้าหากอาตมาอธิบายไปในฝ่ายมหายาน โอ้โห อาตมาจะได้รับการยกย่อง ในเมืองจีนเมืองญี่ปุ่นจะรับได้ เขาจะไม่ติดใจ
แต่อาตมาอธิบายแบบมหายานที่เป็นเถรวาท ไม่ใช่ทั้งเถรวาท ไม่ใช่ทั้งมหายาน แต่เป็นทั้งสองอย่าง ไม่เป็นทั้งสองอย่าง ตรงตามพุทธวจนตรงตามพระพุทธเจ้า มั่นใจก็ทำมาจนป่านนี้แล้วจะทำต่อ ก็ได้ผล ทำงานได้สำเร็จเป็นผลอย่างจริง ในทุกวันนี้
จึงเป็นการยืนยัน อวดตัวอวดตน เหมือนข่มคนอื่น เพราะต้องการยืนยันว่ามันเป็นไปได้ อัตถิโลเก แม้ในยุคนี้ก็มี สมณพราหมณา สัมมัคคตา สัมมาปฏิปันนา เย อิมัญ จ โลกัง ปรัญ จ โลกัง สยัง อภิญญา สัจฉิกัตวา ปเวเทนตีติ
เป็นผู้รู้ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมาอธิบายโลกนี้โลกหน้าอยู่ คนไม่เข้าใจไม่เชื่อ ก็เลยกลายเป็นศาสนาใด อย่าพูดนะว่าตัวเองบรรลุอย่าบอกนะคนก็เลยต้องเดาว่าคนนี้เป็นพระอาริยะเป็นพระอรหันต์ เป็นโสดาแล้วเป็นสกิทาคามีก็ยิ่งไม่รู้ใหญ่ ไม่รู้รายละเอียดเลย เอายอดว่าคนนี้เป็นอรหันต์เลย เมืองไทยเลยมีแต่อรหันต์ เดา พูดไม่ได้
เพราะจะต้องรู้เอง ตัวเองเป็นอรหันต์ก็ไม่ได้บอกเขา ปล่อยให้เขาเดา เป็นพระอาริยะบอกโสดาบันก็ไม่ได้ สกิทาคามีก็ไม่ได้ อนาคามีก็ไม่ได้ อรหันต์ก็บอกไม่ได้ เขาก็เลยตีความไปเลยว่า ท่านไม่ให้บอกถ้าใครบอกคนนั้นไม่ใช่อาริยะะสักอย่างเพราะบอกไม่ได้ ความรู้ของผู้รู้ในเมืองไทยบอกว่าผู้ที่บอกว่าตัวเองเป็นพระอาริยะคนนั้นไม่ใช่เป็นพระอาริยะ
อาตมาก็สงสารพุทธศาสนิกชนนะ ผู้รู้ตีความอย่างนี้ก็เลยกลายเป็นศาสนาเดาเอา
ก็เลยกลายเป็นศาสนา มัวซัว มึนเมา มืดดำ งมคลำ กันอยู่อย่างนั้นไปกันใหญ่เลย ศาสนาเดินอยู่ในที่มืด น่าสงสาร เพราะฉะนั้นอาตมาถึงทำแปลกจากที่คุณเข้าใจมาว่าคุณนั้นสอนอย่างนั้นมาคิด อาตมาอวดตัวเองไม่อาบัติปาจิตตีย์
ในวินัยของพระพุทธเจ้าอวดหากไม่มีในตนนั้นปาราชิก 2. อวดแต่ถ้ามีในตน ก็อาบัติปาจิตตีย์
อาบัติปาจิตตีย์นี้ต้องอวดกับผู้ไม่ควรอวด อนุปสัมบัน อาตมาอวดกับผู้ควรอวด ให้มาฟังที่วัด ก็ถูกคน ของเถรสมาคมครองไว้แล้ว ก็มาแต่อุปสัมบัน แต่เขาตีความว่า อุปสัมบันคือ โกนหัวบวช อาตมาว่าไม่ใช่ อุปสัมบัน คือ ผู้ที่สนใจใส่ใจฟังธรรมะรู้เรื่อง ขอบคุณที่เถรสมาคมทำตะแกรง กรองไว้ให้แล้ว คนที่ไม่แสวงหาก็ไม่มาเจอ แต่คนที่แสวงหา จึงได้มาเพราะเขากรองเอากากไปแล้วเราจึงได้เนื้อๆ ก็ต้องขอบคุณมหาเถรสมาคม ที่กรองเอาเนื้อมาให้ พวกเราก็ได้มรรคได้ผล อาตมาประกาศว่าชาวอโศกมีอาริยะแท้ มีโสดาบัน สกิทาคามีอนาคามี อรหันต์ อย่างน้อยก็อรหันต์ในโสดาบัน อรหันต์ในสกิทา อรหันต์ในอนาคา ยิ่งอรหันต์อรหันต์ก็มี
แต่คนไม่เข้าใจอรหันต์แล้ว นึกว่าเป็นพวกเทวปุตตมารอย่างธัมมชโย บอกว่าเป็นต้นธาตุต้นธรรมอีก พระในประเทศไทยซูฮก ธัมมชโย เพราะแกเป็นนักล่าเมืองขึ้นที่เก่งที่สุด เลยได้อาณาจักรธรรมกายเยอะเลย ธรรมกายเก๊ ธรรมกายของพระพุทธเจ้าไม่ใช่อย่างนี้เลย
อาตมาถึงสบายใจมาก แม้จะทำงานก็มีมหาเถรสมาคมกลั่นกรองให้มา ก็เลยมีแต่ อุปสัมบันมาฟัง อนุปสัมบัน คุณกรองไว้แล้ว อาตมาไม่ได้ต้องอาบัติแม้แต่เป็นปาจิตตีย์ พูดอย่างไม่ได้หลบเลี่ยงอะไร ไม่เล่นลิ้นอะไร คนไม่ประสีประสา ฟังธรรมอาตมาไม่ชัดเจน เขาก็ต้องว่าต้องด่า เขาไม่มีภูมิจะรับได้ ไปโทษเขาได้อย่างไร เขาเป็นเช่นนั้นก็ต้องเป็นเช่นนั้น
ส่วนคนที่แสวงหามีภูมิปัญญาพอก็จะได้ แล้วยุคนี้เสื่อม คนไม่แสวงหาโลกุตรธรรมคนไม่มีภูมิปัญญาที่จะรับโลกุตรธรรมได้มีมาก มันก็ต้องมีแค่นี้แหละ มันเป็นธรรมดาธรรมชาติในยุคนี้ที่มันเสื่อมมาก ศาสนาพุทธก็จะเกินกึ่งพุทธกาลมาแล้ว มันเหลือแค่นี้ก็ดีนักหนา อาตมาไม่ได้ตะกละตะกรามอะไรหรอก แม้อยู่เท่านี้อาตมาก็จะสอนไปให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้แต่ยังไม่ยอมตายง่ายๆ ใครเบื่อขี้หน้า เบื่อหน้าอาตมาบ้างยกมือ …คนที่ไม่เห็นสาระว่าเป็นสาระก็ไม่มาเอาสาระก็เป็นสัจจะทั้งนั้น
อาตมาอธิบายธรรมะ เช่น อันตคาหิกทิฏฐิ 10
-
โลกเที่ยง (The world is eternal.)
-
โลกไม่เที่ยง (The world is not eternal.)
-
โลกมีที่สุด (The world is finite.)
-
โลกไม่มีที่สุด (The world is infinite.)
-
ชีวะก็อันนั้น สรีระก็อันนั้น (The soul and the body are identical.)
-
ชีวะก็อย่างหนึ่ง สรีระก็อย่างหนึ่ง (The soul is one thing and the body is another.)
-
ตถาคตเบื้องหน้าแต่ตาย ย่อมเป็นอีก (The Tathagata is after death.)
-
ตถาคตเบื้องหน้าแต่ตาย ย่อมไม่เป็นอีก (The Tathagata is not after death.)
-
ตถาคตเบื้องหน้าแต่ตาย ย่อมเป็นอีก ก็ใช่ ไม่เป็นอีก ก็ใช่ (The Tathagata both is and is not after death.)
-
ตถาคตเบื้องหน้าแต่ตาย ย่อมเป็นอีก ก็มิใช่ ย่อมไม่เป็นอีก ก็มิใช่ (The Tathagata neither is nor is not after death.)
-
โลกเที่ยง โลกคืออะไร โลกคือความหมุนวนเวียน พวกที่สามารถถึงความหมุน วนเวียน โดยเอาวัตถุ ถือว่าวัตถุเป็นโลก เข้าใจง่ายๆว่าโลกคือโลกลูกที่หมุน มันหมุน อยู่อย่างนี้ไม่มีเป็นแปลงอันนี้เข้าใจผิด เพราะเขาเข้าใจไม่ได้ว่าที่จริงโลกก็เสื่อม หนักเข้ามันก็ช้าลง เป็นดาวแดง มันจะค่อยๆ ห่างเสื่อม เปลี่ยนแปลงไป ทั้งเปลี่ยนที่เปลี่ยนความหมุนแต่คนไปวัดไม่ได้ เพราะความรู้มันแคบเกินไป
แต่ถ้าโลกคือภพชาติ คือ โลกคือการเกิดการตายของจิตวิญญาณ ผู้ที่ศึกษาประพฤติปฏิบัติธรรมะพระพุทธเจ้าแล้ว ก็จะทำให้เป็นความหมุนเวียนที่เที่ยง พระอรหันต์ขึ้นไป โลกคือ จิตวิญญาณของท่านเที่ยงแล้วไม่เกิดไม่ตาย หยุดความเกิดความตายได้แล้ว หยุดความหมุนวน เป็นอมตะบุคคล เป็นผู้ที่ไม่ตาย ไม่เกิดไม่ตาย
อมตะเขาแปลว่าไม่ตาย ที่จริง ไม่เกิดก็ได้ ไม่ตายก็ได้ ทำปรินิพพานเป็นปริโยสานก็ได้
ในมูลสูตร 10
-
มีฉันทะ เป็นมูล-รากเหง้า (มูลกา) . .
-
มีมนสิการ เป็นแดนเกิด (สัมภวะ) . . . .
-
มีผัสสะ เป็นเหตุเกิด (สมุทัย) . . .
-
มีเวทนา เป็นที่ประชุมลง (สโมสรณา) .
-
มีสมาธิ เป็นประมุข (ปมุขะ) . . .
-
มีสติ เป็นใหญ่ (อธิปไตย = พลังอำนาจ) . . . .
-
มีปัญญา เป็นยิ่ง (อุตระ = เหนือ) . กัปตันรู้ยิ่งยอด
-
มีวิมุติ เป็นแก่น (สาระ) . หลุดพ้นสุดยอดที่จะรู้ยิ่ง
-
มีอมตะ เป็นที่หยั่งลง (โอคธา). = สอุปาทิเสสนิพพาน.
-
มีนิพพาน เป็นที่สุด (ปริโยสาน) = อนุปาทิเสสนิพพาน