610617_วิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ โพธิสัตว์ สยังอภิญญาผู้ทำโลกหน้าในโลกนี้
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://drive.google.com/open?id=16ue4wsm_iU_x_qdwYyNRqUieGAM3MUIoryrs7aPgn8U
ดาวโหลดเสียงที่.. https://drive.google.com/open?id=1KDJ8BKuUs12Ed-66sVuf6XyzcmBqu14z
ดูยูทิวป์ได้ที่…
สมณะฟ้าไทว่า…วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน 2561 ที่ บวรราชธานีอโศก แต่ก่อนอาตมาไปวัดเป็นปกติของชีวิต แม้จะอยู่ถึงอยุธยา การฟังธรรมทำให้ชีวิตเราเจริญเข้าถึงโลกุตรธรรมได้มากขึ้น
ในโลกนี้ขณะนี้ก็กำลัง ตื่นเต้นกับเรื่องฟุตบอลโลกที่รัสเซีย ของเราก็มีกีฬาอาริยะ หลายอย่าง ตอนนี้ดำนากัน เพราะกล้าข้าวมีจำนวนมาก เป็นงานที่ชาวชุมชนได้มาเสียสละทำงานฟรี มาเป็นคนจน เราไม่มีเงิน จะไปกินอะไรก็ต้องเจียมตัวอย่างมาก ป่วยก็ต้องอ่อนน้อมถ่อมตนเข้าหาผู้รักษา มันต้องสลายตัวตน ถึงจะอยู่ได้ คนจนทำให้ชีวิตตัวเราลดละได้ มีชีวิตที่ผาสุก ให้เป็นคนจนจริง จนอย่างมีลักษณะพิเศษ ไม่ใช่จนอย่างจำนน แต่เป็นคนอยากจน เป็นคนจนที่เสียสละ พ่อครูพูดว่า คนจนเป็นคนที่ดีที่สุดในโลก
พ่อครูว่า…SMS วันที่ 15 มิย. 2561
_8866อยู่ข้างนอก ลงทะเบียนสัมมาโนชาวอโศก ได้ไหมคะ
พ่อครูว่า…ของเราเป็นด้วยพฤตินัยพฤติกรรมมากกว่าที่จะเป็นการทำพวกนี้ ถ้าคุณมาอยู่ในชุมชนชาวอโศก คุณก็เป็นสมาชิกชาวอโศก คุณจะย้ายเข้าหรือไม่ย้ายเข้า มันก็ไม่มีทางนิตินัยเขา ก็ไม่มีปัญหาอะไร ถ้าคุณจะมาย้ายมา คุณอยู่ข้างนอก คุณจะเชื่อมโยงชาวอโศกปฏิบัติตามฟังธรรมอะไรต่ออะไรไป มันก็เป็นชาวอโศกอยู่ดี เพราะฉะนั้นเอาพฤติกรรมที่พวกคุณปฏิบัติเถิด แต่ที่จริงว่าถ้าร่วมไม้ร่วมมือ ให้ลงทะเบียนก็ช่วยลงทะเบียนด้วย จะได้เอาไปใช้ประโยชน์ได้ ก็เป็นไปตามกาละเวลาที่มีความจำเป็น
_วาสนา นมัสการ พ่อท่าน ท่านสมณะ สิกขมาตุ และเจริญธรรมญาติธรรมทุกท่านคะ ฟังอยู่ อ.เบตง จ.ยะลา ใต้สุดสยาม ชัดดีคะ
_เอื้อมพร กราบพ่อครูด้วยความเคารพอย่างยิ่งค่ะ ฟังอยู่หลังเขาสุเมรุ(Denmark) ค่ะ
_0591 สันติอโศกคือแหล่งเรียนรู้สารพรรณทั้งศาสนา วัฒนธรรม สังคม เศรษฐกิจ (พอเพียง) ผมดูทุกเช้าครับ ถ้าทุกคนได้ดู ประเทศชาติเจริญและมั่งคงยั่งยืนไปชั่วลูกชั่วหลานครับ
_บ้านเล็กเมืองน้อย…กราบนมัสการพ่อท่านด้วยความเคารพอย่างสูง
ในสมัยกรีกยุคโบราณ ที่ยังสู้รบกันด้วยหอกดาบธนู นักรบผู้ทรงพลังที่เก่งกาจ มีอยู่มากมาย
ทำให้ผู้ปกครองเกิดความหวาดระแวงในความจงรักภักดี จึงได้คิดวิธีที่แยบยลในการควบคุมให้อยู่ในร่องในรอย และไม่ให้สุมหัวรวมตัวกันติด จะได้ไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อผู้ปกครอง
วิธีที่ใช้ก็คือการจัด Olympic ครั้งแรกของโลก ให้ผู้ทรงพลังทั้งหลายที่เป็นขวัญใจของปวงประชา มาแสดงฝีมือกันในสนามแข่งขัน เป็นต้นกำเนิดของกีฬาหลากหลายชนิด แต่เป้าหมายซ้อนเร้นที่ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริงกลับเป็นความมั่นคงในบัลลังก์ของผู้ปกครอง
โคลอสเซียม(Colosseum) เป็นสถานที่แสดงการละเล่นและใช้แข่งขันกีฬาในยุคโรมัน ซึ่งมี Hidden agenda มุ่งเน้นไปในการสร้างความบันเทิงเริงรมณ์ เพื่อล่อลวงมอมเมามวลชน และเบี่ยงเบนประเด็นความสนใจ รวมทั้งใช้หาเสียงทางการเมือง โดยทั้งหมดนี้ ยังคงทำเพื่อสร้างเสถียรภาพที่มั่นคงแก่ผู้ปกครองเช่นกัน แต่ถึงอย่างไรก็ตามทั้ง 2 อาณาจักรก็ต้องล่มสลายลงในที่สุด
มา ณ ปัจจุบันนี้ นายทุนคือผู้ยิ่งใหญ่ ความยอกย้อนซ่อนเงื่อนในระบบทุนสามานย์ ทำให้เกิดการสมคบคิดที่แยบคาย ทำกีฬาให้กลายเป็นสินค้า ส่งผลให้ฟุตบอลโลกกลายเป็นกีฬายอดฮิต สร้างกระแสความคลั่งไคล้ ไปทั่วทุกมุมโลก ทุกระดับชนชั้น ทุกเพศทุกวัย การได้เป็นเจ้าภาพ หมายถึงการได้สัมปทาน ได้งบบริหารจัดการ ได้ส่วนแบ่งจากค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด ค่าโฆษณามูลค่ามหาศาล สินค้าที่ระลึก จัดงานพิธีเปิด-ปิด จัดหาดารานักร้องนักแสดง สปอนเซอร์สนับสนุน มีแฟนบอลนักท่องเที่ยวหลั่งไหลจากทั่วโลก อาหารการกิน โรงแรมที่พักค่าเดินทาง และธุรกิจอื่นๆอีกมากมายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การพนัน แหล่งบันเทิงเริงรมณ์ ของมึนเมา ทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย ผลประโยชน์อันมหาศาลเหล่านี้ คือสิ่งเย้ายวลใจที่ผลักดันให้ FIFA มีอิทธิพลและอำนาจการต่อรองระดับโลก
ทุกคนอยากจะมีเอี่ยวด้วยกันหมด ผู้เกี่ยวข้องและสนับสนุนจึงมีมากมายมหาศาล ความเชื่อมโยงของผลประโยชน์เหล่านี้แหละ คือกำแพงป้องกันการล่มสลายของระบบได้อย่างดีเยี่ยม และนี่แหละคือกลไกของระบบทุนนิยมสามานย์ กลุ่มนายทุนยักษ์ใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังลงแรงเพียงครึ่งเดียว เพียงแค่จัดสรรปันส่วนผลประโยชน์เพียงเล็กน้อยให้แก่พวกเบี้ยตัวเล็กๆ แล้วเบี้ยตัวเล็กๆที่มีอยู่จำนวนมากนี่แหละจะเป็นผู้ออกหน้าวิ่งเต้นผลักดัน ทั้งเป็นหน้าม้าเชียร์แขกและเป็นผู้ปกป้องระบบให้อยู่รอดต่อไป เป็นหลักประกันที่ค้ำบัลลังก์ ให้แก่โลกของทุนสามานย์
ฟุตบอลโลกจึงไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่า อภิมหามหกรรมแห่งโลกอบายแสดงการสะพัดของกิเลสตัณหาครั้งยิ่งใหญ่ ที่เพิ่มความบัดซบแก่ปุถุชน ให้พอกพูนหนี้สิน พันธนาการตัวเองให้เป็นทาส ผลาญทรัพยากรที่มีอยู่จำกัด จนทำให้เรือหายกันไปทั้งโลก เหลือเจิ้นเทิ่นเพียงลำเดียว
พ่อครูว่า…ที่พูดมานี้ถูกหมดเลย สิ่งที่เขาเป็นกันนั้นมันเป็นขิฑฑาปโทสิกนรก ขิฑฑาแปลว่า ความสนุกสนานรื่นเริง เป็นปโทสิกะ เป็นโทษ เป็นภัย เป็นพิษของมนุษยชาติ
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัด มันมี 2 อย่าง 1. ขิฑฑาปโทสิกะ 2. มโนปโทสิกะ
คือการติดความสนุกสนานเป็นทาส กับการติดยึดจิตเป็นโทษ
เป็นทาสที่ปล่อยไม่ไป ในทุกวันนี้ไม่มีทาสแล้ว หมดยุคของทาสแล้ว แต่คนเอาตัวเองไปเป็นทาส ทุกอย่างไม่ขาดจากกัน อิทัปจยตา เชื่อมโยงกันไปหมด ตราบใดเราไม่หลุดพ้นเป็นอิสระเสรีภาพขาดจากอำนาจของโลก ขาดจากอำนาจโลกอบาย เขาก็ไม่ขาด โลกต่ำที่สุดคือโลกอบาย โลกนรกต่ำ
การละเล่นเป็นอบายมุข การบันเทิงเริงรมย์เป็นอบายมุข เรียนมาในศาสนาพุทธ แต่เขาหลงจมอยู่ในสิ่งเหล่านั้น ออกมาไม่ได้เลย มีชาวอโศกหลุดพ้นออกมาได้แล้วสบาย ใครก็ตามที่ยังไม่หลุดพ้นคุณจะแข่งขันบอลโลกอย่างไรก็ตาม ออกมาอยู่ตลอดเวลา ข่าวฟุตบอลออกมาทุก 5 นาที 10 นาที ข่าวธรรมะมันไม่ออกข่าวให้เลย พูดแล้วมัน…
มันทำไมสังคมนี้ถูกครอบงำอย่างสนิทจนกลายเป็นทาส สื่อสารก็กลายเป็นทาส ผู้บริหารปกครองก็พลอยไปส่งเสริมกับเขาอยู่ ปัดโธ่เอ๋ย!.. ไปส่งเสริมต่อเชื่อมสิ่งเหล่านั้นทำไม ผู้บริหารไปสนับสนุนส่งเสริมทำไม เข้าใจให้ชัดเจนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เป็นอบายมุข เป็นเรื่องจริง ชีวิตมนุษย์นั้นต้องมีความรื่นเริงบันเทิงใจบ้าง ก็จริงอยู่ แต่มันก็เป็นแค่ สิ่งที่ เล็กๆน้อยน้อยๆในชีวิต มันเป็นเรื่องให้มีการพักผ่อน เล็กๆน้อยๆ มันก็พอแล้ว เราก็ไม่ได้ซีเรียสจนกระทั่งไม่ให้มีเลย ไม่ให้เกิดอันนี้เลย ไม่ให้ทำเลย มันก็ไม่ถึงขนาดนั้น จะเป็นการแค่ สมัครเล่น Amateur มันไม่ใช่อาชีพ ไม่ใช่การที่จะต้องไปเอาเป็นการเลี้ยงชีพ
อาตมาพูดไม่รู้กี่ที ถ้าประเทศใดสังคมใด เอาการละเล่นการบันเทิงเอากีฬามาเป็นอาชีพเลี้ยงตนเอง สังคมนั้นประเทศนั้นเป็นสังคมที่เสื่อมประเทศที่เสื่อม ชัดเจน
เพราะฉะนั้นอย่าไปส่งเสริมคนที่หลงการละเล่นการบันเทิงเริงรมย์ ความสนุกสนานอะไรเกินการ มันเป็นเรื่องปลีกย่อยที่ให้มีชีวิตเล็กๆในน้อย เป็นเรื่องสมัครเล่น ใครไม่สมัครจะเล่นก็สบาย จะไปออกกำลังกายบริหารก็ให้บริหารให้เป็นประโยชน์ จะทำให้เหงื่อไหลก็ทำแล้วก็เกิดผลพลอยได้ตามมาไม่ใช่ทำไปแล้วสูญเปล่า ได้ประโยชน์กลับมาด้วยยิ่งดีใหญ่เลย เห็นพวกเราทำการงานเหงื่อไหลไคลย้อย แข็งแรง เป็นการประพฤติอย่างที่มีผลประโยชน์ด้วย มันสุดยอดแล้วพวกเราไม่ได้สูญเปล่า
แต่พวกที่ทำนั้นทำให้เกิดการสูญเปล่า และติดยึดจมเข้าไปอีก ซวยหมดเนื้อหมดตัว เรือหายหมด เหลือแต่เรือเจิ้นเทิ่น พูดแล้วก็ชัดเจน
พ่อครูให้เปิดคลิปที่เตรียมไว้ เป็นคลิปคุณธนาธรกับคุณอภิสิทธิ์ คุณธนาธรเขาก็เป็นนักการเมือง คำว่านักการเมืองนี้เขาเห็นว่าเป็นนักอาชีพหากินกับการเมืองที่จริงไม่ใช่นักประชาธิปไตย มันเป็นนักถ่วงนักทำลายความเป็นประชาธิปไตย มันเป็นเช่นนั้นเพราะมันเป็นโทษที่ไปหากิน อาศัยประชาธิปไตย ที่จะทำงานเพื่อประชาชน เอาประชาชนมาเป็นเครื่องมือที่จะ ทำเป็นเต๊ะ ทำเพื่อประชาชน แต่ที่จริงเขาทำงานได้บริหารรายได้ บริหารเงินของประเทศ เพื่อที่จะยกตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด คือพวกนักการเมืองที่ประสบผลสำเร็จ นักการเมืองของไทยที่ประสบผลสำเร็จ ความเป็นนักการเมืองบ้าๆบอๆ ไม่ใช่การเมืองจริงนะ การเป็นนักการเมืองแบบโกหก ผู้ที่บริหาร เป็นนักการเมืองในประเทศไทย เช่นคุณทักษิณและยิ่งลักษณ์ เห็นไหมล่ะ โกงกัน ตั้งงบประมาณของรัฐเป็นเท่าไหร่ 5 แสนล้าน เป็นล้านล้าน เพื่อจะไปปู้ยี่ปู้ยำกัน นั่นคืออาชีพของนักการเมืองเรือหายพวกนี้
พูดถึงเรื่องนี้จริงๆด้วย นักการเมืองที่แท้จริงคือชาวอโศก เพราะฉะนั้นจึงเหลือเรือเจิ้นเทิ่น อยู่ที่ชุมชนชาวอโศก นอกนั้นนักการเมืองพวกนั้นเรือหายหมดเลย ไปกับเรือหมดเลย เรือเน่าเรือพวกนี้ เรือไม่รู้จะว่าอย่างไรเรือปหายะ เรือหาย มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ
ที่อาตมาพูดนี้ เป็นทั้งอจินไตย เป็นนิมิต พยัญชนะ รูปนาม อโศกเรายืนยันทุกอย่าง แม้แต่เรือ ใหญ่ในระดับศาสนาเทวนิยมก็มีเรือโนอาห์ เป็นที่พึ่งที่สุดแห่งสัตว์โลก ทางด้านโน้นเอาน้ำท่วม ทางศาสนาพุทธเอาไฟไหม้โลก เขาก็สร้างเรือโนอาห์ให้มนุษย์ได้พึ่งพาอาศัย มันเป็นความหมายลึกซึ้งของธรรมะ ส่วนของทางศาสนาพุทธนั้น สร้างพลังงานเย็น พลังงานที่จะมาดับพลังงานร้อน สร้างพลังงานที่เรียกว่าฌาน ไฟเพลิง เป็นพลังงานที่มาดับร้อนดับไฟราคะโทสะโมหะ พลังงานร้อน พลังงานนรก ดับได้ หยุดจบ ฌานก็หาย การดับไฟที่ถูกดับก็ต้องทำฌานไปดับให้ได้ เกิดความสำเร็จเรียกว่าบุญ บุญคือการชำระกิเลส ทำลายไฟราคะโทสะโมหะ
ความร้อนของพลังงานไฟราคะโทสะโมหะ เมื่อคุณสามารถทำพลังงานฌานที่เป็นพลังงานอันยิ่งใหญ่สลายไฟราคะโทสะโมหะให้หายไปหมด ไฟของความเป็นฌาน ทำให้เกิดผลสำเร็จของบุญ ชำระไฟราคะโทสะโมหะ ให้มันหมดความร้อนทุกอย่างก็หมดสิ้นไป เหลือแต่ความเย็น
พวกเราชาวอโศกไม่มีไฟราคะโทสะโมหะ ไม่ต้องทำสงคราม ข้าวมีกิน ดินมีเดิน แดดมีส่อง พี่น้องมีเสร็จ เห็ดมีเก็บ ป่วยเจ็บมีคนรักษา ขี้หมามีคนช่วยกวาด ผ้าขาดมีคนช่วยชุน
อาตมาเอง อาตมาพาทำ พามนุษยชาติ พาคนจริงๆทำมา ถึงวันนี้อาตมากล่าวว่าได้สำเร็จแล้วจบกิจ เป็นสังคมที่จะต้องปฏิบัติธรรมะ จบกิจ ทุกอย่างตอบตัวเอง บริหารกันเอง อาตมาปลดเกษียณแล้ว พวกเราก็ช่วยกันรับช่วงไป บริหารการ อาตมานั่งดูชมผลงาน
(เปิดคลิป)
เป็นความเห็นที่ขัดแย้งกันต่างมุม เป็นเรื่องธรรมชาติของโลก เพราะฉะนั้นในการรู้ ในการจะมีภูมิปัญญารู้ความจริง ในโลกนี้ อาตมาว่า มันก็อยู่ที่ภูมิปัญญาของตนเองแต่ละคน จะมีความพอหรือจบ จะมีความเห็นว่า ที่ดำเนินไปดีแล้วหรือไม่ นี่แหละคือคุณค่าของความลงตัวของสังคม ที่ดีที่สุด จะได้เป็นภาษาว่าประชาธิปไตย คอมมิวนิสต์ หรือเผด็จการก็ตามใจ แต่ประชาชนที่เขามีพฤติกรรมอย่างนี้ ยกตัวอย่างประเทศไทยในขณะนี้
อาตมาก็แสดงความจริงของอาตมา ตามภูมิธรรม จะเรียกว่าการปกครองประชาธิปไตยแต่เอาพฤติกรรมจริงของสังคม พฤติกรรมจริงซึ่งองค์รวมของประเทศค่าเฉลี่ยแล้ว ประเทศไทยจะเรียกอะไรก็แล้วแต่จะเรียกประชาธิปไตยหรือเผด็จการก็ตาม ดูชื่อที่ต่างกัน แต่มันจะต้องมีพฤติกรรมจริงที่เกิดขึ้น
บัญญัติภาษานั้นเรียกเพื่อจะนำไปสู่พฤติกรรมให้เกิดขึ้น พฤติกรรมจริงคือความลงตัวเหมาะสม สำเร็จแล้วหรือยัง ถ้ามันได้ลงตัวเหมาะสมแล้วก็จบแล้วนี่
ความลงตัวเหมาะสมที่ดีที่สุดคืออะไร ก็คือความสงบเรียบร้อย ความอยู่ดี ความไม่มีความเดือดร้อนวุ่นวายอะไรกัน ไม่มีตีรันฟันแทงฆ่าแกงวุ่นวาย มันเป็นไปได้ด้วยดีแล้ว อาตมาว่า สังคมประเทศชาติของมนุษย์ เป็นสังคมที่เจริญมาก สรุปความเจริญ
คำว่าความเจริญของสังคมมนุษย์ อาตมาว่ามันยากที่สุดที่คนจะเข้าใจ มันเจริญที่สุดไม่ใช่ความรวย ไม่ใช่ความมีอำนาจบาตรใหญ่ ไม่ใช่ อาตมาเอาคลิปของในหลวง มาเปิดประจำเลย ทำให้ประเทศดีเจริญต้องเป็นแบบนี้ให้มาเอาแบบคนจนไม่ใช่ไปรวย ให้เลี้ยงตนไปรอด หากต้องไปรวย อย่างประเทศที่มีมิจฉาทิฐิกัน เขาก็ทำกันเป็นผลสำเร็จ มันไม่ใช่ประเทศที่เป็นประเทศที่ดีที่สุด ประเทศที่ดีที่สุดต้องเป็นประเทศที่เสียสละที่สุด คนที่เสียสละที่สุดได้ก็คือคนที่ ไม่เอาอะไรว่าเป็นของตัวของตน สุดยอดก็คือไม่มีตัวตน ไม่เอาวัตถุไม่เอาอะไรไว้แต่ของตน มีแต่เป็นเครื่องอาศัย ถ้ารวมก็เรียกบริขาร สมควรแก่ชีวิตก็ใช้ไม่มากไม่มาย
ชาวอโศกมีบริขาร แต่ละคน ขาดแคลน ก็ไม่ได้ไปรบกวนกองกลางเท่าไหร่ ไปเดินเข้ากองขยะ หรือสขจ. หาเอามาใช้ นี่เป็นพฤติกรรมจริงของชาวโศก เราไม่ต้องสวยงามหรูหราตามค่าโลก กองขยะที่เรามีนี้ มีของแกะกล่องก็มี อาจจะตกยุคตกรุ่น อะไรก็แล้วแต่ที่เขาเอามาให้แก่ สขจ. ซึ่งเราเห็นว่า มันเป็นกองสมบัติที่ยิ่งใหญ่ ที่ชาวอโศกเราได้อาศัยกองขยะนี้ และมีชีวิตอยู่กับกองขยะนี้ เป็นกองขยะที่มีความครบพร้อมบริบูรณ์ไม่ขาดแคลน
นอกจากใจเรามีกิเลสตัณหา อยากได้ของไฮโซ อยากได้ของทันสมัยอยากได้ของราคาแพง ไฮคลาส อะไรของเขา ซึ่งมันเป็นเรื่องของโลกที่หลอกกันโดยทุนนิยมสามานย์ พวกที่ตกเป็นเบี้ย เป็นทาสที่ปลดปล่อยไม่ไปของทุนนิยมสามานย์ ปล่อยเขาโง่ไปให้สุดขีดเลย โง่ไปเถอะ เราเข้าใจแล้วเราไม่บ้า ให้ทุนนิยมพวกนี้มาเป็นนายหรอก
แม้เราน้อยลง อย่างชาวอโศกเป็น ก็ไม่เห็นเดือดร้อนอะไร ใจของเราพอ ใจของเรามีเท่านี้ อัปปิจฉะน้อยเท่านี้ก็เหลือเฟือแล้ว อาตมาทุกวันนี้มันเหลือเฟือ ทั้งของกินของใช้ต่างๆนานา และพวกเราไม่ได้งอมืองอเท้าเราก็ทำงานสร้างสรร สร้างสิ่งที่เราคิดว่าเราควรสร้างเราควรเสียแรง เสียเวลาทุนรอนเข้าไปทำงานอันสร้างสรรอันนี้ มันเหมาะสมเราก็ทำ ก็เกิดผลผลิต เกิดแรงงานช่วยเหลือกันมีการรับใช้กัน สมบูรณ์แล้ว จนมันพอ ไม่ขาดแคลนอะไรเลย
จริงๆแล้วอาตมาว่าพูดอย่างไรเขาจะเข้าใจ อาตมาไม่มีความสามารถมากพอ เพราะอาตมาพูดไปยืนยันตัวอย่าง ชาวอโศกนี้เป็นคน อยู่ในโลกในสังคมยุคสมัยนี้อยู่ในบรรยากาศ อันเดียวกัน จะเรียกบรรยากาศการเมืองการเศรษฐกิจการสังคม ก็ตามในประเทศไทย เป็นบริบทเดียว อยู่ด้วยกัน
เสร็จแล้วเราทำไมเป็นสุข ไม่ได้เกี่ยวเลยนะว่าเรามาเป็นคนจน ใครจะมาตราหน้าว่าเราเป็นไอ้คนจน ก็ไม่เห็นจะน่ารังเกียจอะไร ภูมิใจซะอีก เป็นคนจนสุขสำราญเบิกบานใจ เป็นคนจนที่ยิ่งใหญ่ คนจนที่อุดมสมบูรณ์ มีเหลือเผื่อแผ่แจกจ่ายไปสู่คนรวย อะไรต่างๆนานา เราไม่ได้พูดเล่น
อาตมาจึงยืนยันพูดยกตัวอย่างของสังคมประเทศ ให้ประชาชนผู้เป็นคนทั้งหลายฟังไม่ใช่อวดอ้าง ไม่ใช่อยากใหญ่คุยโม้ แต่เป็นสิ่งแสดงความจริง ประชาชนชาวอโศกมีความรู้ทางด้านเศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ แบบพระพุทธเจ้า แล้วก็เอาสูตรทฤษฎี หลักการของพระพุทธเจ้ามาประพฤติ สำเร็จแล้ว สบายแล้ว จนอาตมาวางมือไม่บริหารแล้ว มันจบแล้วเสร็จแล้ว แล้วพวกคุณจะทำต่อไปได้ไหม
อาตมาหยุดบริหาร ก็กลายเป็นผู้บริหารใหญ่ที่ไม่ต้องบริหาร นี่คือการบริหารที่ไม่ต้องบริหาร เพราะพวกคุณเครื่องติดแล้ว ทำกันเองได้แล้วโดยที่อาตมาไม่ต้องไปดูเลย ไม่ต้องไปคอยกดปุ่มไม่ต้องไปคอยดูแล มันเดินเครื่องโดยอัตโนมัติ อันนี้มันบกพร่องก็แก้ไขมันเอง เป็นระบบที่ลงตัวสมบูรณ์แบบได้
ไม่ได้คุยตัวให้คนเห็นว่าตัวเองใหญ่โต แต่เป็นการขยายความ ให้เห็นว่ามีความสอดคล้องมีการขัดแย้งกันอย่างไร
คุณอู๊ดว่า เป็นผู้บริหารที่ยิ่งใหญ่ของโลก
พ่อครูว่า…คนนี้เขาไปท่องโลกมาแล้วจึงเอามายืนยันว่าเชื่อ
ใครจะว่าอาตมาหลงใหลคลั่งไคล้พระพุทธเจ้า หลงใหลคลั่งไคล้ศาสนาพุทธ อาตมาก็ยอมรับโดยดุษณี และอาตมาก็ขอพูด ลัดเลยว่า อาตมานำธรรมะพระพุทธเจ้าอย่างถูกต้อง ธรรมะพุทธเจ้าอย่างเป็นเนื้อแท้ของจริง เอามาประกาศเอามาสาธยาย เอามายืนยันว่านี่คือสิ่งที่ถูกต้อง ไอ้ที่มันผิดไปจากนี้ก็คือความไม่ถูกต้อง ขอยืนยัน ใครจะว่าหลงตัว อะไรก็แล้วแต่ อาตมาว่าไปหมดแล้วก็ไม่มีปัญหา อาตมานำธรรมะพุทธเจ้ามา อธิบาย มันเป็นธรรมะที่เป็นสัทธรรม ของพระพุทธเจ้าดีแล้วทุกอย่าง คนที่ไม่ได้ฟังสัทธรรมอันนี้เป็นเรื่องยาก
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า กิจฉัง สัทธัมมัสวณัง การได้ฟังพระสัทธรรม เป็นเรื่องยาก
ยากเพราะอะไร ยากเพราะ
-
เพราะไม่มีคนมาอธิบายสัทธรรมนี้ เพราะฉะนั้นก็ไม่ได้ฟังสัทธรรม เพราะไม่มีคนนำสัทธรรมนี้มาอธิบาย ตรงไหนก็แล้วแต่ สังคมนี้โลกนี้ขนาดนี้มันก็ย่อมไม่ได้ฟังสัทธรรม เพราะไม่มีคนมาสอน
-
มีคนมาสาธยายสัทธรรมนี้ แต่คุณไม่ได้ฟังเพราะคุณโง่ คุณไม่รู้ว่านี่คือสัทธรรม ที่คุณจะต้องได้ฟังแล้วนะ แต่มีคนเอาสัทธรรมนี้มาเปิดเผยมาขยายแล้ว คุณกลับเห็นว่าไม่ใช่ คุณปิดความฉลาดของคุณเอง คุณเองปิดจิตของคุณให้โง่เอง คุณทำเองนะ
สมณะฟ้าไทว่า..เราไม่ปิดแต่มันโง่เอง
พ่อครูว่า…คุณต้องพูดเอง เดี๋ยวจะหาว่าผมไปว่าเขาถ้าผมพูด
แจกแค่สองประเด็นนี้ก็ชัดแล้ว
อาตมายืนยันว่าอาตมาเป็นสยังอภิญญาตามหลักฐานให้พระไตรปิฎก อธิบายหลักฐานปฏิบัติบทนี้ก็แล้วกัน พระพุทธเจ้าตรัสว่าต้องมีสยังอภิญญาเกิดขึ้นในโลก
โลก คือโลเก ก็มีคนสองพวก พวกหนึ่ง นัตถิโลเก ไม่มีในโลก อีกพวกหนึ่งก็เห็นว่า อัตถิโลเก เห็นว่ามีอย่างพวกคุณนี้แหละเห็นว่ามีคนนั้น แล้วใครล่ะ ในโลกนั้นก็คือ สมณะโพธิรักษ์
โลกเดียวกัน กาละเดียวกันแล้วก็มี สัตบุรุษหรือสยังอภิญญาเกิดขึ้นมาในโลก เกิดขึ้นมาในวินาทีนี้เกิดขึ้นในปัจจุบัน
เรามีหน้าที่ทุกวันนี้คือ อยู่อย่างสบายและสื่อสารกับคนที่ต้องการ
สัทธรรมมีอยู่ พวกหนึ่งนัตถิโลเก พวกหนึ่งอัตถิโลเก
การได้ฟังสัทธรรมเป็นเรื่องยาก เพราะฉะนั้น 1. ยากตรงที่ไม่มีคนมาประกาศสัทธรรม 2. มีคนประกาศสัทธรรมแต่เขาไม่เชื่อว่าจะเป็นคนมาประกาศสัทธรรม เขาไม่เชื่อว่าเป็นสยังอภิญญาไม่ใช่ว่าเป็นสัตบุรุษ ไม่เชื่อว่าเป็นของจริงก็เลยไม่ฟัง เพราะฉันนั้นจะได้ไปบอกว่า การได้ฟังสัทธรรมเป็นเรื่องยาก มันก็ยากอยู่ที่เขา เขาฟังไม่ได้ เพราะสัทธรรมมันยาก
เขาฟังไม่เข้าใจ เขาฟังก็ไม่รู้เรื่อง เขาฟังก็ไม่อร่อยไม่มีธรรมรส พวกเราฟังได้ฟังดีฟังดีฟังได้ มีที่ไหนเทศน์แล้วก็มีคนมาเพิ่ม 1 ชั่วโมง 2 ชั่วโมงก็มีแต่คนเพิ่ม ธรรมดาเทศนาสัทธรรม คนฟังก็จะเมื่อย นานเข้าก็ทยอยออกไป แต่ที่นี่ มีแต่คนมานั่งฟังเพิ่มขึ้น ฟังธรรมกันประมาณนี้ก็ได้เท่านี้ คนที่ฟังธรรมได้ฟังธรรมเป็น ฟังธรรมให้เป็นธรรมรส ฟังธรรมที่มันยาก เสียสละเวลามาฟัง เพราะเห็นว่าสิ่งนี้เป็นสาระที่ควรฟังจำเป็น ก็ต้องมาเอาถึงเวลาวาระแล้ว ผู้ที่เห็นความสำคัญในความสำคัญก็มาเอา มีกำหนดหมายเวลามา เพราะฉะนั้นในรายละเอียดของ ผู้ที่ไม่รู้ไม่เห็น
ไม่รู้ก็คือ ผู้ที่คิดว่ามันไม่มี อาตมาเองประกาศว่าอาตมาเป็นสยังอภิญญา เป็นสัตบุรุษเป็นพระอรหันต์เป็นพระโพธิสัตว์ หมดเนื้อหมดตัวแล้ว พูดไปด้วยความจริงใจไม่มี สาเฐยจิต ไม่ได้อยากโอ่อยากใหญ่ อยากจะได้สิ่งตอบแทนอะไร เป็นการบอกความจริงที่หมดเนื้อหมดตัว แม้แต่กิเลสสักนิดสักน้อยก็ไม่มี อาตมาพูดครบพูดไม่เหลือ แต่อาตมาใช้พยัญชนะภาษาบอกความเป็นจริงอย่างไม่เหลือเศษอะไรเลย
แต่เขาก็ไม่รู้ไม่เห็น สมณพราหมณ์ผู้ใดผู้หนึ่งไม่ใช่แค่ในยุคนี้ นานๆก็จะมีสมณพราหมณ์ผู้มาประกาศโลกนี้โลกหน้า อธิบายสัทธรรมให้แจ่มแจ้ง เขาก็ยังไม่รู้ไม่เห็นสมณะพราหมณ์ผู้นั้นอยู่ คุณจะไปดึงเอาคนพวกนั้นมาฟังได้ไหม มันยากที่จะไปลากคนอย่างนั้นมา
เขารับไม่ได้สัทธรรม เขารับได้แต่อสัทธรรม
สมณะฟ้าไทว่า…อย่างฆฏิการะมานพ ต้องลากเพื่อนไปฟังธรรม ..
พ่อครูว่า…ในยุคโน้นทำได้ แต่ในยุคนี้ทำไม่ได้ก็เลยทำได้เท่านี้ แล้วจะทำไหมล่ะ ถึงอย่างไรอาตมาก็ทำเท่าที่ควรทำจากนี้ไป 84 เต็มแล้ว ย่าง 85 แล้ว
คุณอู๊ดว่า แม้คนไม่รู้แต่ฟ้าสิรู้
พ่อครูว่า..อย่างนี้เขาเรียกว่าสอย สนับสนุนส่งเสริมกัน ขอร่วมหน่อย
เพราะฉะนั้น ในสังคมโลก ที่มีสัทธรรม ปรากฏ มีผู้นำสัทธรรมมาประกาศ สัจฉิกตวาปเวเทนตีติ อย่างแจ่มแจ้ง ปเวเทน แปลว่าประกาศ แล้วๆเล่าๆ มันก็ไม่มีอื่น
เรื่องที่ประกาศคือประกาศโลกสองโลก
อยังโลโก ปโรโลโก เอาโลกสองโลกมาประกาศ
โลกนี้คืออะไร โลกหน้าคืออะไร ?
ผู้ที่ยังไม่รู้ว่าโลกหน้าคืออะไร ก็แปลว่าโลกหน้าคือคนที่ตายจากร่างกายนี้แล้วก็ไปเกิด เรียกว่าโลกหน้า ก็เชิญไปพบกันเอง อาตมาจะไปรู้เรื่องกับคุณได้อย่างไร ก็ต้องปล่อยคุณไปอาตมาไม่เอาโลกหน้าแบบนั้น มันเป็นโลกหน้าของคนฉลาดน้อย มันจะได้พบกันและพูดกันอย่างไร กับคนตาย คนเป็นไปคุยกับคนตาย เอาคนตายมาคุยกับคนเป็น Impossible
เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่อง Impossible เป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้คนที่พูดนี้ พูดไม่ถูก แปลว่าโลกหน้าคือการตายจากร่างกายนี้ไปคือโลกหน้า คนเหล่านี้ที่พูดเป็นคนอวิชชา เป็นคนพูดอย่างมิจฉาทิฐิ พูดอย่างเป็นไปไม่ได้
อาตมาถึงเอาเรื่องโลกนี้ และอธิบายโลกหน้าในโลกนี้ โลกหน้าคือสัมปรายิกัตถประโยชน์
สัมปรายิกัตถประโยชน์คือ ศรัทธาศีลจาคะปัญญา เพราะฉะนั้นผู้ที่เข้าถึง อุปสัมปทา
สัมปทาคือข้อปฏิบัติ เมื่อปฏิบัติได้เรียกว่าอุปสัมปทา เข้าถึงบรรลุ บรรลุในศรัทธาศีลจาคะปัญญา ขอถามพวกเรา ชาวอโศกมีศรัทธาในพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์เต็มใหม่ ..เต็ม มีศีลไหม…มี ตั้งแต่ศีล 5 ใครมั่นใจว่าเรามีศีล 5 เต็มบ้าง
คุณมีมากกว่านี้สูงกว่าโสดาฯ แต่ศีล 5 มีแล้วอุปสัมปทาแล้ว ได้บวชแล้ว เต็มไปด้วยศีล 5 แล้วเป็นมรรคเป็นผลของศีล 5 แล้วไม่ฆ่าสัตว์ไม่ลักทรัพย์ ไม่ผิดผัวผิดเมียเขาอีกละ ไม่พูดปดไม่มีอบายมุขโดยเฉพาะขั้นต้นสุราเมรยะ ได้แล้ว มั่นใจแล้ว
พวกเรากำลังสร้างเครื่องตรวจสอบโสดาบันให้เป็นกิจจะลักษณะ เราเรียนรู้มาปฏิบัติมารู้จักสภาวะรู้จักผล รู้จักสิ่งที่เราปฏิบัติ เราได้หรือไม่ได้เราก็ต้องรู้ เราได้จริงๆมั่นใจใช่ไหมที่พูดนี้มั่นใจใช่ไหม นี่คือสิ่งที่สำเร็จ
จาคะล่ะ การไม่หวงแหน มีการบริจาคเกื้อกูลเสียสละคนอื่นมีไหม ไม่ว่าตัวเราเองเป็นคน 0 บาท ด้วยความจริงโดยสิ่งที่เป็นปรากฏการณ์แท้ที่เกิดขึ้นในสังคม เรามีร้านอาหาร 0 บาท ก็มากินกันฟรี ทำมานานแล้ว โดยเฉพาะเชียงใหม่ทำมาเกิน 10 ปีแล้ว
พวกเรานี้ พวกเด็กๆเดินเข้ามาเล่นน้ำในหมู่บ้านนี้เข้ามากินอาหารได้ กินเสร็จแล้วก็กลับบ้านสบาย คือเราทำสำเร็จ ในศีล จาคะ ไม่ต้องหวงแหน อดอยากก็มากินได้ พอเป็นพอไป
เพราะว่าเรามีปัญญา นี่คือสัมปรายิกัตถประโยชน์ อาตมาทำสำเร็จ สร้างโลกหน้าไว้ในโลกนี้ไม่ต้องตายไปแล้วไปโลกหน้า นี่คือธรรมะพระพุทธเจ้าที่ยืนยันพิสูจน์ได้ อาตมาก็ได้อธิบายขยายความให้เข้าใจว่าเป็นจริงไหม เข้าใจได้ด้วยและยืนยันว่าเราได้สิ่งที่พูดนี้ เป็นภาษาอย่างที่บอกมันมีสภาวะจริง มีความเป็นจริงของเรา ก็ครบแล้ว อาตมาปฏิบัติธรรมสอนธรรมะประสบผลสำเร็จอย่างยิ่งยวดแล้ว
พวกเราที่ได้แล้ว ฟังแล้วก็อยากจะฟังอีก เป็นธรรมรส โดยเฉพาะผู้แสดงก็มีสัจธรรมเป็นสัตบุรุษ ก็เลยได้ฟังดีฟังเรื่อย เป็นอานิสงส์ของการฟังธรรม 5 ประการ เกิดแล้วก็เกิดอีก เกิดอีกก็เกิดแล้ว
-
ผู้ฟังย่อมได้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง (อัสสุตัง สุณาติ) มันได้สิ่งที่ใหม่มาเสมอเสมอจึงไม่รู้สึกเบื่อ
-
ย่อมเข้าใจชัดในสิ่งที่ได้ฟังแล้ว (สุตัง ปริโยทเปติ)
-
ย่อมบรรเทาความสงสัยเสียได้ (กังขัง วิหนติ)
-
ย่อมทำความเห็นให้ถูกตรง (ทิฏฐิง อุชุง กโรติ) เส้นที่สั้นที่สุดคือเส้นที่ตรงที่สุด ลัดที่สุด ไปได้เร็วที่สุด ไม่มีทางไหนไปได้เร็วเท่าเส้นนี้
-
จิตของผู้ฟังย่อมเลื่อมใส (จิตตมัสสะ ปสีทติ)
(พตปฎ. เล่ม 22 ข้อ 202)
นี่คือสัทธรรมมีสิ่งที่เป็นผู้แสดงได้ ยังมีผู้ที่ทำได้ ได้โดยไม่ยากไม่ลำบากได้เสมอๆ การแสดงธรรมของคนแสดงธรรมก็มีผู้ฟัง ผู้แสดงก็มีธรรมะที่จะแสดงได้เพิ่มเสมอๆ ทำไม อาตมาแสดงธรรมะเบื้องต้นๆๆมา อธิบายมานานไปๆ มาอธิบายต้นอีกก็เหมือนใหม่ ฟังแล้วคุณก็ลืมหัว ลืมหาง ก็เลยเทศน์อยู่ได้เรื่อยๆ
แม้ที่สุด ตนเองเป็นอรหันต์แล้วจะฟังธรรมไม่มีเบื่อ จะฟังซ้ำซากฟังอีกฟังแล้ว ดีไม่ดีพระอรหันต์ฟังผิดฟังถูกจากผู้แสดงธรรมด้วยก็ไม่เบื่อ ไม่โกรธ พระอรหันต์ฟังธรรมคนแสดงที่แสดงถูกได้ไม่โกรธไม่เบื่อหรอก เสร็จแล้วก็สอนเขา ไม่มีอัตตา หากมีอัตตาก็จะนึกว่าทำไมเทศน์ผิด คนมันไม่เคยถูกก็ต้องผิดก่อน แสดงออกมาจะได้จับตัวว่าผิด จะได้สอนได้ถูก
ที่สอนที่พูดนี้ไม่ได้พูดเล่นหัวแต่พูดสัจจะ
อาตมาเอง อาตมามีหนังสือ คนส่งหนังสือของธรรมกายมาให้ ตลอด คราวนี้มาตั้ง 3 เล่ม เขาก็บอกมาว่า เป็นหนังสือที่ดีสุดในโลก เป็นด็อกเตอร์นะคนที่ส่งมาให้ อาตมาก็เลยได้รู้ว่าธรรมกายเขาเป็นไปอย่างไร ที่จริงก็พอรู้ แต่เขาเองเป็นพวกที่ไม่เชื่อพระพุทธเจ้า ไปละเมิดพระพุทธเจ้า สร้างวิมานใหม่ออกไปเรื่อย คนก็รู้ไม่ทัน มันสร้างได้เพราะ โลกจินตา การคิดเรื่องโลก สร้างโลกไปได้เรื่อยๆ เพื่อหลอกคนโง่คนไม่รู้ ก็เชื่อว่าโลกใหม่มีเรื่อยๆ นึกว่าคนนี้เป็นพวกสร้างโลก นิรมาณกาย สร้างโลกมาได้เรื่อย แล้วพวกนี้ก็จมในโลก บริโภคร่วมกันเรียกสัมโภคกาย เขาก็ร่วมกันบริโภค อร่อยดี สุขดี บันเทิงดี จมอยู่กับอันนั้น เพราะเป็นพวกตาบอด อาทิสมานกาย มองไม่เห็นกาย แล้วหลงกายนี้ว่าเป็นธรรมกายที่เป็นกายของพระพุทธเจ้า แต่ของเขาคือพวกที่จมอยู่ใน 3 กายนี้ นิรมาณกาย สัมโภคกาย อาทิสมานกาย (อาทิส =ไม่เห็น) ไม่เป็นจิตวิญญาณที่มีแต่ มานะ อติมานะ มทะ ปมาทะ
มทะคือเมา เมาตลอดกาลเมาอย่างหนักด้วย พวกธรรมกาย และเต็มไปด้วยความประมาทด้วยเต็มไปด้วยอุปกิเลส 16 แค่ มานะ อติมานะ มทะ ปมาทะ ก็เป็น ตัวตนที่เบ้อเร่อ เป็นจิตที่เขายึด มานะ อติมานะ ยึดตัวเองใหญ่ข่มดูถูกเหยียดหยามดูแคลน พวกเขาเป็นต้นธรรมต้นธาร เป็นอะไรทุกอย่าง
สมณะฟ้าไทว่า..คนที่รู้สึกว่าเราไม่บกพร่องอะไรเลยดีทุกอย่างเป็นอติมานะไหม
พ่อครูว่า…ใช่.. ดีไม่ดีข่มคนอื่นหมด จม อันสุดท้ายคือพวกขี้เมา ขี้เมาตาบอดหูหนวกด้วย อาทิสะ ไม่เห็นไม่อะไรเลย ใครจะพูดอะไรใครจะทำอะไรก็ฉันจะทำอย่างนี้ แล้วเขาก็ชวนกันมา พวกนี้คือพวก ตาบอดแถมหูหนวกไปดูหนังใบ้ หนังไม่ต้องมีภาพเลย หนังไม่มีเสียงอีก คือพวกสูญเปล่าทั้งนั้นเลย
พวกตาบอดแถมหูหนวกไปดูหนังใบ้ที่ไม่มีภาพ เอาไปคิดอันนี้
คือคนตาบอด แถมหูหนวกที่ชวนกันไปดูหนังแล้วหนังเป็นหนังใบ้ที่ไม่มีภาพอีก
คนหลอกก็ไม่รู้ตัว คือมทะ แล้ว ไม่รู้ว่าตัวเองประมาทด้วย
มันเป็นเรื่องสูญเปล่าทำไปเถอะเสียของเปลืองเปล่าไปผลาญพร่าอะไรไป มันก็หลอกคนโง่อะไรไป หนังสือนี้เขาชื่อว่าหนังสืออยู่ในบุญ
บุญคืออาวุธฆ่ากิเลส เขางมงายไม่รู้ว่าบุญคืออะไร คนที่มีบุญอยู่คือคนโง่ คนที่หมด บุญอย่างเด็ดขาดคนที่ฉลาดหรือคนอรหันต์ อรหันต์คือคนสิ้นบุญสิ้นบาป
พวกชาวธรรมกายเขาฟังไม่เข้าใจหรอก เขาคือ พวกตาบอดแถมหูหนวกไปดูหนังใบ้ที่ไม่มีภาพ แล้วไปเสียเงินมาดูอีก ติดด้วย ติด น่าสงสาร น่าเวทนา
สงสาร เป็นสังสารวัฏ คนเรานี้น่าสงสารเวทนาเพราะเขาไม่รู้จักสังสารวัฏ เขาคือปลาไม่รู้จักน้ำ คือนกไม่รู้จักฟ้า เขาจมอยู่ในนั้นแต่ไม่รู้จักว่าจมอยู่ในอะไร มันไม่รู้จะทำอย่างไร
พวกนี้ ต้องการน้ำ แต่เขาก็หนีในน้ำ แต่เขาไม่ได้น้ำ เขาไม่รู้จักน้ำ
คุณอู๊ดว่า..คนพวกนี้คือพวกอยู่ในนรกอเวจี แต่ไม่รู้จักนรกอเวจีนั้น
พ่อครูว่า…จริงที่สุด ที่มันน่าสงสารก็เพราะว่า ที่เขาจมอยู่ในน้ำคืออเวจี แล้วเขาก็ต้องการอเวจี แล้วเขาก็ได้อเวจี แล้วเขาก็ไม่รู้อเวจีเขาก็ยิ่งจมอยู่ในอเวจีน่ะ มีเวลามีแรงงานเท่าไหร่ก็จะตามหาสิ่งที่เขาต้องการ อยู่ตลอดเวลาเลย เพราะฉะนั้นเขาจะหมดสิทธิ์เลย
คนไม่รู้โลกไม่เข้าใจโลก เขาจะจมอยู่ในโลก ไม่รู้เวทนา
ความรู้ของพุทธเจ้าให้มาเรียนรู้กรรมฐานคือเวทนา เดี๋ยวนี้เขาปฏิบัติออกนอกทางไปหมด (พ่อครูไอ ตัดออกด้วย)
สมณะฟ้าไทว่า…พ่อครูอธิบายเรื่องโลกนี้โลกหน้า อยังโลโก ปโรโลโก ท่านก็สามารถทำให้เราทำโลกหน้าอยู่ในโลกนี้ได้ ด้วยการให้เรามีศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธ พระธรรมพระสงฆ์ เป็นพระโสดาบันได้เป็นอย่างน้อยด้วย
พ่อครูว่า…เป็นผู้ที่มีความเจริญในตน เดินทางไปสู่สัมปรายิกภพ จนเข้าไปสู่อุปสัมบัน อุปสมบท เข้าถึงบรรลุแล้ว อาศัยพยัญชนะสื่อสภาวะ
ใครก็ตามที่สามารถบรรลุธรรมเป็นโสดาบันแล้ว ผู้นี้มีความเป็นสัมโพธิปรายนะเป็นผู้ที่จะได้เป็นอรหันต์ในเบื้องหน้า สัมปรายภพ แน่นอน ไม่มีตกหล่นเรียกว่าอวินิปาตธรรม
โสตาปันนะ อวินิปาตธรรม นิยตะ สัมโพธิปรายนะ
เข้ากระแสแล้ว จริงด้วยเต็มด้วย โสดาปัตติผล ไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา ยึกยักได้ต้องทำให้ไม่ยึกยัก จึงเที่ยงนิยตะ เป็นขั้นที่ 3 นิ่งแล้วมีแต่ฐานตั้ง นอกนั้นมีแต่สิ่งที่จะเจริญ เหมือนนักวิ่ง มีฐานตั้ง เหมือน falcum ของคนจะงัดโลกให้เคลื่อนที่แล้วได้ เขาก็มีแต่สิ่งที่จะพุ่งไปสู่ข้างหน้าอย่างเดียว ไปสู่สัมโพธิปรายนะ
อาตมาสัมผัสพยัญชนะ ก็ชัดในสภาวะ อธิบายอย่างไรก็ละเอียดละออได้หมด คนไม่รู้จักความวนสังสารวัฏไม่รู้จักความรู้สึกของตน
ปฏิบัติให้มีเวทนาเป็นกรรมฐานความรู้สึกเป็นกรรมฐานแล้วจะรู้จัก อันตคาหิกทิฏฐิ 10
-
โลกเที่ยง (The world is eternal.) เห็นผิดว่าโลกอย่างไรก็เที่ยง โลกไม่หมุนไม่เคลื่อนที่ด้วย โลกแบบนั้นไม่เทียง แต่เอาที่ความรู้สึกหรือเวทนาทำให้เที่ยงไม่ไปไม่มาไม่ขึ้นไม่ลงไม่สุขไม่ทุกข์ เข้าใจเวทนาแล้วทำให้เวทนาไม่ไปไม่มาได้แล้วคุณจะมีโลกเที่ยง
พระอรหันต์โลกเวทนาของท่านเที่ยงแล้ว เวทนาของท่านไม่ไปไม่มาไม่ดูดไม่ผลักไม่สุขไม่ทุกข์ เป็นความสูญ อทุกขมสุข ไม่มีอันตา ไม่มีปลายข้างไหนให้ไปได้เลย
เวทนาเที่ยงแล้ว คนที่ยึดโลกเที่ยงโดยไม่ได้ทำเวทนาในเวทนา ทำเวทนาเที่ยงไม่ได้ก็เยอะ ไม่รู้เวทนา 108 ไม่แยกแยะเคหสิต เนกขัมมะ เราสามารถทำเวทนาเคหสิต 18 ให้เป็นเนกขัมสิตะ 18 ได้ ทำจากผัสสะทางทวาร 6 มีสามเวทนา ก็เป็น 18 ทำอย่าให้มีสุขมีทุกข์ก็จบ อรหันต์
-
โลกไม่เที่ยง (The world is not eternal.) คนนี้ไม่เที่ยงสักที แต่อรหันต์ทำโลกเที่ยงได้แล้ว คุณว่าเที่ยงไม่มี ไม่เที่ยงทั้งนั้น คุณจะไม่สามารถปฏิบัติเบื้องต้นได้เลย เพราะคุณเห็นว่าโลกนี้มันไม่เที่ยง จริงๆมาเรียนรู้โลกปุถุชนนั้นไม่เที่ยงไปเรื่อยๆแหละ อย่างที่ว่า ฟังอันเก่า นานเข้าก็วนมาใหม่ก็เหมือนเก่า ลืมไปหมด เป็นมาหมดทำไมหมดไม่รู้กี่ชาติได้แต่สั่งสมวิบาก โอ้โห หนัก จะไปสร้างวิบาก
-
โลกมีที่สุด (The world is finite.) เห็นผิดไปเตลิดสุดโต่งไปข้างหน้าว่าโลกมีที่สุด ก็ยังเห็นว่าโลกมีที่สุดได้ แต่ไม่หาเหตุ ไม่เรียนรู้ทำเหตุให้หมด ต้องสร้างเหตุให้ครบ จะได้เข้าใจ พวกสายดับตะพึด เหมือนในเกวัฏฏสูตร…ไปตามหาที่สุดแห่งโลก ไปถามพระพรหม พระพรหมก็ว่าข้านี่แหละใหญ่ …
-
โลกไม่มีที่สุด (The world is infinite.)
-
ชีวะก็อันนั้น สรีระก็อันนั้น (The soul and the body are identical.) สรีระส่วนที่ไม่ใช่ชีวะ ก็ไปยึดว่าเป็นชีวะ เช่น ไปเข้าใจผิดว่ากายคือสรีระ ชีพคือสรีระ
พืชไม่มีอัตตาไปทำร้ายใคร มีแต่สร้างตัวเอง จิตใจพระอรหันต์จึงเป็นจิตใจที่มี พีชะนิยม จิตนิยามแต่เป็นจิตที่ไม่มีความเป็นสัตว์แล้ว รู้จักสัตว์ทั้ง 9 คือสัตตาวาส 9 แล้วปฏิบัติลดละความเป็นสัตว์ ปฏิบัติได้ในขณะมีวิญญาณตั้งมั่น วิญญาณฐิติ 7
เหลืออีก 2 คืออสัญญีสัตว์กับเนวสัญญานาสัญญายตนสัตว์ ก็
อสัญญีสัตตายตนะคือไม่ต้องทำสัญญาอีกแล้ว แต่สัญญาไม่ได้หายไปเหมือนบุญ บุญจบกิจแล้วหายไป แต่สัญญากลับอยู่อย่างสะอาดบริสุทธิ์ทำงานได้ดี
เนวสัญญานาสัญญายตนสัญญา คือใช้สัญญากำหนดสิ่งที่รู้ก็ไม่ใช่ไม่รู้ก็ไม่ใช่ ยังเหลือเศษของความไม่รู้อยู่บ้างก็ทำ ให้สัญญาต่างๆที่เหลือ นานัตสัญญา ทำให้รู้ให้ครบ ถ้ารู้ไม่ครบก็เหลือเศษ ก็ต้องทำให้จบเสียก็หมดความเป็นสัตว์
ทำวิญญาณสัตว์ให้หมด เหลือเศษสุดท้ายคือ อสัญญีสัตว์คือไม่ต้องตรวจสอบอีกแล้วเพราะเสร็จกิจหมดแล้ว
ต้องทำอสัญญีให้เป็นสัมมาทิฏฐิหรือธาตุรู้ เนวสัญญานาสัญญายตนะให้รู้ให้จบให้ครบ ใช้พยัญชนะพวกนี้สื่อสภาวะ แต่พวกธรรมกายไปหลงอายตนะนิพพานไป เป็นการพูดส่งเดชไป
-
ชีวะก็อย่างหนึ่ง สรีระก็อย่างหนึ่ง (The soul is one thing and the body is another.) ต้องเข้าใจชีพหรือชีวะคืออะไร ส่วนสรีระคือสิ่งที่ไม่ใช่ชีพ คือร่างภายนอก จริงๆแล้วคือร่างไม่มีคำว่ากาย