วันพฤหัสบดีที่ 21มิถุนายน 2561 …บันทึกผ่านเลนส์ ส่องโพธิกิจ..
เป็นประจำเกือบทุกวันถ้าพ่อครูไม่ติดงานอะไรช่วงเช้าก็จะจัดสรรเวลาให้กับการออกกำลังกาย..เช้านี้พ่อครูสวมถุงเท้ารองเท้าเพื่อความปลอดภัยในขณะเดินเร็วด้วย ส่องผ่านเลนส์ทีไรท่าทาง posture พ่อครูที่คล่องแคล่วกระฉับกระเฉงไม่เหมือนคนอายุ 84 ปีเลย…วันนี้พ่อครูเดินได้ 19 รอบของชั้นล่างเฮือนศูนย์สูญ ช่วง cool down พ่อครูและท่านปัจฉาเดินไปที่โรงครัวเฮือนหญังกิน อาสังวรณ์ผู้ที่รับใช้ดูแลหุงข้าวให้กับชาวชุมชนกว่า 500 คนมากราบนมัสการพ่อครู…ท่านเดินผ่านมาบริเวณภายในครัวซึ่งกำลังทุบและก่อสร้างตกแต่งครัวใหม่ ทีมงานศิลปินมากราบนมัสการพ่อครู…ในครัวก็จะเห็นแม่ทัพเหล่าพลาธิการซึ่งเป็นผู้อายุยาวมานั่งเด็ดผัก หั่นเตรียม ฟังข่าวไปด้วย เป็นภาพที่ทำให้ลูกๆหลานชุ่มชื่นใจที่แต่ละวันไม่มีทางอดอาหารอย่างแน่นอนเพราะแม่ๆทุกคนเอาใจใส่ดูแลในเรื่องนี้เป็นอย่างดี
ประมาณ 8:30อาหารที่ปรุงสำเร็จก็เริ่มทยอยลงมาจัดไว้ที่ตู้อาหารของส่วนกลางซึ่งมีทั้งข้าวหลายๆชนิด ผัดผัก น้ำพริก ผักต้ม ผักสด แกงต่างๆทั้งเผ็ดทั้งจืดมีมากมายหลายอย่างมากเพราะต้องทำอาหารให้เพียงพอต่อจำนวนคนกว่า 500 คนซึ่งรวมถึงคนงานด้วย..วันนี้ป้าภัทรินทร์ทำอาหารพิเศษข้าวเหนียวหน้ากระฉีกทำขนาดหม้อเบอร์ 50 กันเลยทีเดียว..พ่อครูเดินเลยมาถึงลานสะโพ- ต้นหญ้าเขียวขจีตัดกับลานหินเป็นภูมิทัศน์ที่สวยงามมาก…พ่อครูสังเกตเห็นซุ้มถังขยะใหม่ที่นำมาตั้งจุดที่เป็นแหล่งมีผู้คนเดินผ่านไปมามากที่สุด เป็นผลงานของท่านสมณะหินจริงและพระศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยการออกแบบและผลิตซุ้มขยะนี้ขึ้นมา….พ่อครูเดินมาถึงอาคารบวรเดินเข้ามาภายในอาคาร พบคนงานในช่วงเช้าจะกวาดฝุ่นหน้าอาคารเหมือนมาถึงเข้างานก็ต้องกวาดบ้านก่อนเลย ทำให้พวกเราที่เดินเท้าเปล่าเดินได้อย่างสบายเท้า…งานนิทรรศการพระโพธิสัตว์ก็ยังจัดแสดงอยู่ ท่านใดที่ยังไม่ได้มาชมก็ยังสามารถมาชมได้…พ่อครูเดินผ่านเสาเหล็กรูปตัวIหลายต้นภายในอาคารบวรมีดำริว่าถ้ามีโอกาสอยากจะหุ้มสแตนเลสทุกเสาเลย
..เดินผ่านด้านหลังอาคารบวรมาอีกฝั่งนึง ต้นทองอโศกเขียวขจีแต่ยังไม่ออกดอก พ่อครูบอกว่าอย่างน้อยก็รู้แล้วว่า ทองอโศกไม่ค่อยชอบน้ำเท่าไหร่เพราะช่วงนี้ฝนตกทองอโศกไม่ชอบน้ำแต่ช่วงหน้าร้อนจัด ทองอโศกออกดอกงดงามดีมาก.
.ผ่านมาที่หน้าอาคารบวรต้นดาวกระจายกลับสวยงามน่าปลูกสลับกันกับทองอโศก…สสธ.เวฟชั้น ม.4กราบนมัสการพ่อครูรายงานว่ากำลังขึ้นเสาเพื่อติดลำโพงกระจายเสียงภายในชุมชน….
….ใกล้ๆกันพวกเรานิมนต์พ่อครูดูดงกล้วยที่สูงใหญ่เหมือนต้นมะพร้าวหัวปลีและกาบใบใหญ่มาก กล้วยต้นนี้เมื่อครั้งมีเครือก็จะใหญ่มาก ผลอ้วนอุดมสมบูรณ์.
ผ่านมาถึงป้ายหินหน้าทางเข้าน้ำตกผาแหงนพ่อครูเหลือบดูต้นข่อยหินที่อยู่บนสุดของป้ายยังเขียวงดงามดีแต่ยังไม่มีดอกคงยังไม่ถึงฤดูที่จะออกดอก…กลับมาดูซุ้มขยะอีกครั้งพวกเรารายงานว่ายังจะมีการตบแต่งซุ้มให้น่าดู น่าให้ความร่วมมือนำขยะมาทิ้งอีก…เดินไปซักพัก ท่านปัจฉาดินไทชี้ให้พ่อครูชมศาลาน้อยที่ติดตั้งเสร็จแล้ว พ่อครูจึงเดินมาดูเป็นศาลาน้อยที่ทำให้ภูมิทัศน์น่าอยู่มากท่านบอกว่า หาศาลาน้อยแบบนี้มาอีก 6 หลังแล้วกระจายตามจุดต่างๆบริเวณลานทรายนี้…เหลือบไปเห็นเต้นท์ผ้าใบใหญ่ที่มุงเรือโคกใต้ดินท่านบอกว่าต่อไปถ้าซ่อมเรือโคกใต้ดินจะยกสูงขึ้นอีก 3 เมตรรวมกับเรือโคกใต้ดินที่สูง 3 เมตรกว่ารวมพื้นเดิมอีกสูงประมาณ 3 เมตรก็จะได้ความสูงของเรือโคกใต้ดินจากพื้นประมาณกว่า 9 เมตรจะทำให้เรือโคกใต้ดินเป็นเรือที่เด่นตระหง่านมองเห็นแต่ไกล ..เดินกลับมาที่หน้าน้ำตกผาแหงนสองข้างทางมีต้นไม้ขึ้นเขียวงดงามตามตอไม้ไม้ที่ตายมองเห็นอนาคตของความร่มรื่นภายในบริเวณนี้….หน้าน้ำตกผาแหงนจะมีป้ายที่ขอความร่วมมือจากผู้ที่มาเล่นน้ำตกในเรื่องของการห้ามนำบุหรี่ สุรา อาหารเนื้อสัตว์เข้ามา กิน ดื่ม เสพ ในบริเวณนี้ กรุณาแต่งตัวให้สุภาพไม่โป๊นะจ๊ะเพราะที่นี่คือสถานปฏิบัติธรรม…อากาศยามเช้าสดชื่นปลอดโปร่งพ่อครูเดินผ่านต้นสร้อยระย้าทักทายต้นสร้อยระย้าว่าดูแลตัวเองดีๆนะพร้อมทั้งจับหนวดไปพาดไว้ให้เลื้อยต่อได้ …พ่อครูพร้อมท่านปัจฉาเดินขึ้นชั้นสอง ไปดูช่างที่กำลังแกะกล่องวัสดุอุปกรณ์ในการประกอบลิฟท์ขึ้นมาไว้ในแต่ละชั้นเพื่อเตรียมประกอบภายใน 20 วันตามกำหนด…
ในช่วงหลังฉันวันนี้มีโครงการพัฒนาทักษะการทำการเกษตรอย่างยั่งยืนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง มีเกษตรกรที่มีบัตรสวัสดิการรัฐจำนวนกว่า 40 คนเข้ามารับการอบรมเป็นวันแรก รุ่นแรกของโครงการนี้วันนี้ คุณอนันต์ ปรีชาวุฒิวงศ์ เกษตรและสหกรณ์จังหวัด มาเป็นตัวแทนของผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลฯ เปิดงานและได้เข้ามากราบนมัสการพ่อครู..หลังพ่อครูฉันภัตตาหารเสร็จ เสร็จพ่อครูเดินมาดูบริเวณ packagingที่ใส่อุปกรณ์ทำลิฟท์เห็นลังต่างๆที่บรรจุวัสดุมาน่าจะทำประโยชน์อย่างอื่นได้ดี ท่านปัจฉาดินไทแนะว่าเป็นกระดาษอัดมาน่าจะหลบฝนไม่เช่นนั้นจะเสียหายและใช้การไม่ได้…พ่อครูออกมาทางหน้าน้ำตกผาแหงนวันนี้น้ำโตนเปิดท้าทายสายลมแสงแดดได้แล้ว สังเกตเห็นทิศทางของน้ำตกน้ำโตนเปลี่ยนไปกระจายมากขึ้น ยืนชมสักครู่..พ่อครูเดินผ่านสขจ.(สถาบันขยะวิทยาด้วยหัวใจ)ท่านสมณะหินจริง กำลังลำเลียงขยะที่สามารถรีไซเคิลได้มาเก็บรอจำหน่าย …พ่อครูเดินมาถึงเรือโคกใต้ดินพบกับท่านสมณะแก่นเกล้า พ่อครูแนะนำเรื่องของการต่อเติมโครงสร้างผ้าใบขึ้นไปอีกเพื่อสะดวกในการทำงานและยกพื้นของเรือซึ่งต้องใช้ความประณีตละเอียดอ่อนในการซ่อมแซมเพราะเรือชำรุด ทรุดโทรม ผุพังหลายจุดแต่ด้วยจิตพระโพธิสัตว์ที่มีเจตนาในการอนุรักษ์เรือไม้โบราณเป็นเรื่องที่ยากแต่ด้วยความเพียรของลูกๆตั้งใจจะซ่อมเรือถวายพ่อครูแม้แต่ละคนไม่ใช่ช่างต่อเรือที่ชำนาญงานแต่ทุกคนทำด้วยใจที่เคารพศรัทธาบูชาครู
…ส่องผ่านเลนส์มองเห็นเส้นทางที่พ่อครูเดินเลาะน้ำโคลนที่แฉะและลื่น เป็นเส้นทางที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทางเรียบเลยมีอุปสรรคมากมาย แม้เส้นทางนี้เช่นกันจะมีลูกๆสักกี่คนที่เดินผ่านทางนี้บ้างบางคนเห็นก็อาจจะเลี้ยวกลับไปทางอื่นแต่พ่อครูไม่เคยที่จะทิ้งหรือหนีเส้นทางไหนๆบนแผ่นดินพุทธนี้ แม้ขรุขระยากลำบากแค่ไหนก็จะเดินให้ถึงและช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆทุกจุด…พ่อครูเดินกลับมาถึงเวทีธรรมชาติเดิมบอกพวกเราว่าต้นตีนจำหรือพิลังกาสาทานได้ รสชาติจะมันๆหน่อย พวกเราชิมดูแล้วก็บอกจืดไม่มีรสชาติอะไรเลยใกล้ๆกันต้นรางจืดกำลังเลื้อยงดงามอุดมสมบูรณ์ ท่านบอกว่าบริเวณนี้ต้นกินจำเติบโตดีมาก..ก่อนท่านขึ้นบันไดยังบอกว่าตามภูมิของท่านที่ราชธานีอโศกยังมีต้นไม้หายากอยู่เป็นจำนวนมากที่นักพฤกษศาสตร์ก็อาจจะยังไม่เคยเห็น พวกเราเลยเย้าว่าถ้ามีต้นไม้หายากมากขึ้นอนาคตคงต้องไปจดเป็นมรดกโลกได้(ไม่แน่เหมือนกันอาจเป็นได้ในประเด็นนี้ ตอนนี้เป็นมรดกอโศกไปก่อน)
.จากนั้นพ่อครูขึ้นไปพักบนชั้น 4ซึ่งต้นทองอโศกออกดอกเหลืองสวยงดงามมากเหมือนจิตพระโพธิสัตว์ที่เบิกบานแจ่มใส หมดสุข หมดทุกข์ในทุกวินาที…ท้ายสุดวันนี้พาไปดูแตงโมชั้น 4 ใกล้กุฏิที่พักพ่อครูมองแล้วไม่น่ารอดแล้ว เถาเริ่มแห้งเหลือง พ่อครูบอกว่าปล่อยให้เขาเป็นไปตามธรรมชาติจะไปตัดกินก็ไม่ได้อะไรหรอกขอให้ปล่อยเป็นไปตามธรรมชาติคอยดูความชรตาของเขาไปเอง พ่อครูสอนธรรมะเราได้ในทุกวินาที น้อมกราบบูชาพ่อครูด้วยเคารพศรัทธาสูงสุด…