610625_พุทธศาสนาตามภูมิ ปฐมอโศก ตอบปัญหาพาให้จนแบบสุขสำราญเบิกบานใจ
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://drive.google.com/open?id=1jBmRrnRD-ZJ_OrR8fexf7sjyAak7sZgTI67bE1aHOas
ดาวโหลดเสียงที่.. https://drive.google.com/open?id=16anumiBqFTz58U16DZzVSBWjTAF92Suh
ดูยูทิวป์ได้ที่…
สมณะเดินดินว่า…วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน 2561 ที่บวรปฐมอโศก ช่วงที่ขึ้นมานี้โทรทัศน์ช่องต่างๆกำลังรายงานอย่างตื่นเต้นเป็นข่าวไปทั่วโลก มีเด็ก 12 คนกับโค้ช 1 คน ไปหลงอยู่ในถ้ำ อยู่เกือบ 2 วันแล้ว ยังหาทางออกไม่ได้ เป็นถ้ำที่เรียกชื่อว่าถ้ำนางนอน มีคนเคยหลงไปเหมือนกัน ช่วงนี้เป็นช่วงที่ฝนตกทำให้น้ำไหลเข้าไปในถ้ำ ตอนนี้ต้องเอาหน่วยซีลดำน้ำเข้าไปเพื่อหาทางไปช่วย
ความมืดของถ้ำนี้ในพระสูตรพระพุทธเจ้าตรัสว่ายังไม่มืดเท่ากับอวิชชา แต่คนจะไม่ค่อยเห็นว่าน่ากลัวกัน ดีไม่ดีจะเข้าไปหาอวิชชาด้วยซ้ำไป มีพุทธพจน์ที่พระพุทธเจ้าท่านตรัจไว้ว่า โลกนี้คือ หมู่สัตว์มีอวิชชาห่อหุ้มไว้ ไม่แจ่มแจ้งเพราะความสงสัย มีตัณหาเป็นเครื่องฉาบทาไว้ มีทุกข์เป็นภัยหน่วงโลกนี้ไว้ ภัยใหญ่คือความทุกข์ ตอนนี้ผู้ปกครองก็ไปเฝ้ากันจะให้กลับอย่างไรก็ไม่กลับ บนบานศาลกล่าวเจ้าที่เจ้าทางให้ช่วยออกมาให้ได้เถอะ นี่ก็คือทุกข์จากการพลัดพราก แต่พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า โลกนี้มีตัณหา เป็นเครื่องฉาบทาโลกมีไว้
บุคคลผู้ถูกราคะย้อมแล้ว คือบุคคลที่ถูกราคะฝังเข้าไปในจิตใจแล้ว เด็กๆเท่าพวกเธอนะ สมัยนั้น แทบจะไม่รู้เรื่องราคะอะไร อย่างมากก็ฟังนิยายพระเอกนางเอกติดตามกันแค่นั้น แต่เด็กทุกวันนี้ เมื่อกี้นี้ เห็นน้องข้าวหอมดูรูปในโทรศัพท์แล้ว ในโทรศัพท์ก็มีผีบ้ามีหนังโป๊อะไรต่างๆนานา เด็กก็จ้องกัน ราคะก็เข้าไปห่อหุ้มในจิตใจ
พระพุทธเจ้าบอกว่าบุคคลเมื่อมีราคะย้อมจิตแล้ว ย่อมไม่รู้อรรถไม่รู้ธรรมไม่รู้อะไรผิดอะไรถูก บางทีเกิดตัณหาหน้ามืดไปข่มขืนคนอายุ 80 ปีก็มี เมื่อธรรมราคะครอบงำผู้ใดความมืดตื้อย่อมครอบงำผู้นั้น มืดยิ่งกว่าอยู่ในถ้ำอีกมันหาทางออกไม่ได้มันจะทำบาปอย่างเดียว แต่ข่าวพวกนี้เขาไม่ทำข่าวกัน คนถูกครอบงำด้วยราคะแล้วทำบาปกรรมกัน นี่เดือดร้อนยิ่งกว่า เด็กที่อยู่ในถ้ำอีกแต่คนก็ไม่รู้กัน
สิ่งที่หน่วยกู้ภัยเขาต้องการคือ ทำอย่างไรเด็กถึงจะมีแสงสว่าง คิดว่าถ้ามีแสงสว่างก็จะหาทางออก แต่ถ้าอยู่ในความมืดมองอะไรไม่เห็น แต่พระพุทธเจ้าตรัสว่าปัญญาเป็นแสงสว่างที่สุดในโลก อวิชชาเป็นสิ่งที่มืดที่สุดในโลก
พ่อครูว่า…พูดถึงความสว่างเป็นภาษาธรรมะ ถ้าไม่มีแสงก็มืด ถ้ามีแสงก็ไม่มืด เราฟังภาษาธรรมดาก็แค่นั้น แต่ความสว่างที่เป็นภาษาธรรมะนั้นเป็นความสว่างที่ลึกซึ้งจริงๆ มันเป็นความเข้าใจมันเป็นความรู้ รู้ที่ว่านี้รู้ในอะไร มันเป็นความรู้ที่รู้ว่าคนนั้นเกิดมาจะมีชีวิต ชีวิตที่เป็นไปเหมือนกันหมด เหมือนสัตว์เดรัจฉาน เหมือนคนจนคนรวยอะไรก็แล้วแต่ มันมีความรู้สึกต้องการจิตวิญญาณของตนต้องการด้วยความมืด ด้วยความไม่รู้ ด้วยความไม่สว่าง ต้องการ
ยกตัวอย่างเช่น ต้องการสวรรค์ ศาสนาพุทธพระพุทธเจ้าตรัสรู้ชัดเจน สวรรค์มันเป็นอุปาทาน มันเป็นความนึกคิด มันเป็นความปั้นขึ้นมา สวรรค์คืออะไร สวรรค์คือสิ่งที่ตัวเองพอใจ อยากได้สิ่งใด ถ้าได้สิ่งนั้นตามสิ่งที่ตัวเองต้องการ อยากได้ พอได้มา ก็ดีใจชอบใจ คนที่ชอบใจมากก็สวรรค์ใหญ่โต สดใสสว่าง ชื่นใจมาก ถ้าไม่ได้ก็มืด จิตใจหดหู่เศร้าสร้อยมืดมัวหม่นหมองทุกข์ทรมาน
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ แสงสว่างที่มาจากดวงอาทิตย์ก็เรียกว่า อาโลก ก็เป็นธรรมดาธรรมชาติของสัตว์เล็กสัตว์น้อยรวมถึงคน ก็ใช้ เป็นประโยชน์ประกอบชีวิตไป จิตวิญญาณที่มีความมืดความสว่าง มนุษย์ก็ต้องใช้ มนุษย์ไม่รู้ก็เลยมืด อยากได้สวรรค์นี้เป็นความมืด เป็นความโง่เป็นความไม่รู้เรื่องเป็นความไม่มีความรู้จริง ก็ไปอยากได้มา มันก็ไม่เป็นการรู้จักที่สิ้นสุดเป็นอารมณ์โลกียะ พระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วสุดท้ายศาสนาพุทธไม่มีสวรรค์ไม่มีนรก นั่นคือผู้ที่สว่างทางธรรมะ จิตสว่าง รู้แจ้งหมดเลย มันจึงไม่ทุกข์ไม่สุข มันจึงสบายๆ
เพราะฉะนั้นผู้ที่ได้ความรู้ได้แสงสว่างทางธรรมะนี้ จึงสบายไม่ทุกข์ไม่สุข สว่างตลอดกาล กลางวันกลางคืนสว่างหมด ไม่ทุกข์ไม่สุขทั้งกลางวันทั้งกลางคืน สบายจริงๆ เป็นความสบายที่ผู้ที่เข้าถึงแล้วผู้ที่บรรลุธรรมแล้ว รู้แจ้งเห็นจริงเอง ผู้ที่บรรลุแสงสว่างตลอดกาล แสงสว่างที่มีทั้งกลางวันกลางคืนก็คือพระอรหันต์ขึ้นไป สว่างไม่มีที่สิ้นสุดไปตลอด มันสบาย
อาตมาประกาศบอกว่า ตนเองเป็นอรหันต์ตนเองบรรลุธรรมจึงเห็นความจริงอันนี้ชัดเจน เอามาพูดนี้ไม่ได้พูดลอยลม เป็นความจริง ทุกวันนี้อาตมาสบายใจและได้ประกาศได้บอกไปหมดแล้วว่าเราเป็นใครเป็นอะไรมีความจริงความรู้อย่างไร จึงพูดแต่ความจริงออกไป
ใครที่ยังถือสายังติดใจ ดีไม่ดีก็ไปหาตำรา พระวินัยที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้มาคอย เอารายละเอียดมาจับผิดอาตมา ก็ว่ากันไป เขาก็คิดว่าเขาหวังดี ไม่อยากให้อาตมาผิด จริงๆแล้วอาตมาไม่มีความผิดอะไร คุณจะมองในแง่มุมไหนของพระวินัยของธรรมวินัยต่างๆเอามาจับผิดอาตมาไปก็จับผิดไป อาตมาก็ฟัง แง่นั้นแง่นี้ อธิบายได้ก็อธิบาย อธิบายไม่ได้ก็แล้วแต่เขาหาจุดมามอง ก็ไม่อธิบาย ก็ไม่รู้ อาตมาไม่ใช่ว่ารู้ไปทั้งหมด ที่คุณเอาเหตุผลเหตุปัจจัยอะไรมามองอาตมา อาตมาก็จำนนอาตมาก็ไม่รู้ได้ด้วย ไปไม่ออกเหมือนกัน
อาตมาเกิดมาชาตินี้ อาตมาก็รู้แต่ว่า รู้ชัดว่า เราเป็นใครทำหน้าที่อะไรก็บอกไปตามภาษาว่าเป็นโพธิสัตว์ อาตมาบำเพ็ญชีวิตเพื่อจะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตก็บำเพ็ญมาจนกระทั่งถึงปางนี้ บอกทุกอย่างบอกความจริง แม้แต่ไล่ว่าอาตมาเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 และโพธิสัตว์มีกี่ระดับก็พูดก็บอก อาตมาไม่เคยได้ยินใครพูดนะว่าโพธิสัตว์มีกี่ระดับ โพธิสัตว์ 9 ระดับ 1.โสดาบันโพธิสัตว์ 2.สกิทาคามีโพธิสัตว์ 3.อนาคามีโพธิสัตว์ 4.อรหันต์โพธิสัตว์ 5.อนุโพธิสัตว์ 6.อนิยตโพธิสัตว์ 7.นิยตโพธิสัตว์ 8.มหาโพธิสัตว์ 9.สัมมาสัมพุทธโธ(พระพุทธเจ้า)ปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้า
อาตมาก็ไล่อย่างมั่นใจ จริงๆก็ไม่เคยไปเห็นในตำราไหนว่าไว้ มหายานก็ไม่ได้ศึกษา แม้ในเถรวาท อาตมาก็ไม่เห็นเถรวาทที่ไหนเรียบเรียงอธิบายไว้ อาตมาได้ของอาตมาเอง ซึ่งเป็นความรู้ที่จริงๆ ที่อาตมามีว่า ของพระพุทธเจ้าเป็นเช่นนี้อธิบายได้ โพธิสัตว์ 9 ระดับ 1.โสดาบันโพธิสัตว์ 2.สกิทาคามีโพธิสัตว์ 3.อนาคามีโพธิสัตว์ 4.อรหันต์โพธิสัตว์ 5.อนุโพธิสัตว์ 6.อนิยตโพธิสัตว์ 7.นิยตโพธิสัตว์ 8.มหาโพธิสัตว์ 9.สัมมาสัมพุทธโธ(พระพุทธเจ้า)ปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นอย่างไร
มหาโพธิสัตว์ก็สูงกว่าที่อาตมาเป็น ยิ่งพระพุทธเจ้าก็ยังไม่ถึง ก็อธิบายไม่ได้ เกิดมาชาตินี้รู้ตัวว่าต้องมาทำงานศาสนาสืบทอดมาหลายชาติมาแล้ว เป็นโพธิสัตว์ เสียเวลาไปตามโลกบ้าง พระพุทธเจ้าก็เกิดมาเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ เสียเวลาไป 29 ปี 35 ปี กว่าจะมั่นใจว่าตัวเองเป็นพระพุทธเจ้า ซึ่งความเป็นพระพุทธเจ้าของพระองค์ ในชาติที่เป็นเจ้าชายสิทธัตถะก็เป็นมาแล้วมีบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณมาก่อน แล้วมาเกิดเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ ท่านไม่ได้ปฏิบัติธรรมอะไร ท่านเอาของเก่าเหมือนกันมา แต่ของท่านเป็นสัมมาสัมพุทธะ ของอาตมาเป็นแค่โพธิสัตว์มันคนละระดับเท่านั้นเอง อาตมาก็รู้ว่ามันคล้ายกัน พระพุทธเจ้าท่านก็เป็นอย่างนี้ท่านก็มีของท่าน ที่อาตมาเทียบตรงนี้ก็หมายความว่าอาตมาเกิดมาในชาตินี้มันยังไม่มีใคร ที่มีภูมิธรรมทางพุทธธรรมสูงกว่าอาตมา อาตมาชาตินี้มี ก็ทำหน้าที่ของอาตมาไป ตามที่จริงใจมั่นใจตามรู้ว่าเป็นหน้าที่อาตมาก็ทำไป ส่วนคุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ก็ไม่ได้พูดไปเพื่อให้ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ มีหน้าที่พูดความจริง ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ใครจะรับเอาหรือไม่เอา ก็ไม่มีปัญหาอะไร
ผู้ที่รับเอาได้ประโยชน์จากที่อาตมาเทศนาบรรยาย ไม่อยู่ตลอดเวลา
มาอ่าน sms
_จากบ้านเล็กเมืองน้อย..กราบนมัสการพ่อท่านด้วยความเคารพอย่างสูง
จากที่ได้อ่านหนังสือเก่าที่ดีมากๆของพ่อท่าน กราบขออนุญาตคัดคำความจากหนังสือ
ที่สะท้อนแนวคิดต่อเรื่องที่พ่อท่านพูดว่า “จุดลงตัวที่สุดของความสามัคคี อยู่ที่ความไม่เที่ยง”
ในความไม่เที่ยงนี้ การยึดมั่นถือมั่น ก็คือการแสดงออกซึ่งความเห็นแก่ตัว ของผู้ที่ยังหลงในปรมาตมันแห่งตน
ถ้าความเห็นแก่ตัวไร้กรอบ ก็เป็นเหตุให้เรื่องราว ลุกลามใหญ่โต จากสามัคคีกลายเป็นการทะเลาะเบาะแว้งได้
ณ จุดนี้เอง ศีล จะมีบทบาทอย่างยิ่ง ช่วยให้อยู่ในกรอบแห่งความเมตตา เอาใจเขาใส่ใจเรา ด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน
จะช่วยควบคุม Scope ของความขัดแย้ง และคล้อยตาม ให้พอเหมาะ อะลุ่มอล่วยกัน จนเกิดสมดุลได้
แล้วเมื่อมีสภาวะพอจะทำความเข้าใจ ในความไม่เที่ยงของทุกสรรพสิ่งในมหาจักรวาลนี้ได้ ก็จะรู้ว่า อะไรก็ตามที่ยึดอยู่นั้น มันไม่เที่ยง
จุดลงตัวที่สุด ที่จะทำให้เกิดความสามัคคีได้ ก็คือ การสลายความติดยึดของตนเอง
*** ” ดังนั้น ผู้ที่พ้นโลกอบายหยาบๆแล้ว ไม่เป็นตัวการไปทำความต่ำความไม่เจริญแก่โลกให้มีราคี เรียกได้ว่าเป็นอาริยะชนผู้เจริญในชั้นต้น
แต่ยังไม่รู้เรื่องของวิญญาณเพียงพอ ว่ามันยังเสพย์ยิ่งใหญ่
ติดยึด เผาผลาญกินพลังงานมากมาย ไม่สิ้นสุดได้ยิ่งกว่าเสพย์ยึดในวัตถุเสียอีก
อาริยะชนเหล่านั้น ต้องพยายามเข้าใจความอิสระแห่งจิตที่หลากหลายมากมายของคน ซึ่งมีขนาดไม่เท่ากันเลย
ไม่เช่นนั้นท่านจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับทุกสิ่ง อย่างแท้จริงไม่ได้
เพราะความอยากของตนยังมากมาย และยังทรงพลังแรงอยู่ เกิดแรงโน้มถ่วง กันตัวเองออกจากผู้อื่น ไม่รู้ขอบเขตของตน
ไม่รู้ความอยากที่สิ้นสุดในผู้อื่น ซึ่งสิ้นสุดพลังอยากแล้ว เพราะอำนาจรู้แห่งจิตวิญญาณของท่านสิ้นสุดลงแค่นั้น
จึงนับว่าเป็นคนดีได้แค่นั้น เพราะแผ่พลังที่เป็นคุณประโยชน์ได้ยังไม่สุดรอบ ไม่มากกว่าที่เป็นอยู่
คนใดที่ยังมีจิตยึดวิชาความรู้ความเก่งไม่ว่าแขนงใดๆก็ตาม ผู้นั้นก็คือผู้ยังหลงปรมาตมันแห่งตน หลงพลังงานแห่งตนอยู่
ความอ่อนน้อมถ่อมตนหาได้ยาก จึงทำให้ตนยังมีความเห็นแก่ตัวอยู่นั่นเอง
หรือแม้แต่ผู้เล่าเรียนปฏิบัติธรรมจนแตกฉานรู้มาก แต่ไม่รู้โลกแท้ๆ ไม่แจ้งวิญญาณจริงๆ ยังดับโลกให้แก่ตนยังไม่ได้
สันติภาพอันสูงสุดจึงมีไม่ได้เลย ถ้าไม่แจ้งด้วยปัญญาว่า อย่ายึดอย่าหลงในสิ่งที่เรามี เราเป็น
รู้เท่าทันมานะทิฐิ รู้โลกเรียนวิญญาณให้แจ้งแก่ตน แล้วดับโลกที่ตนยังตกเป็นทาสมันให้มอดสนิท ดับทั้งวิญญาณ ที่ตนยังหลงใหลงมงายให้ถูกรูปถูกร่างแท้
จนเหลือพลังสันติธรรมที่แท้เท่านั้น ที่แผ่รังสีที่แสนดีของตนได้ทั่วทั้งเอกภพ
โดยไม่เกียจคร้าน อย่างไม่เห็นแก่ตัว ไร้ตัวตน เป็นสูญ……ดั่ง สุญญตา “
*** คัดย่อคำความจากหนังสือเก่าของพ่อท่าน
พ่อครูว่า ชัดเจน อาตมาบรรยายมา 47 ปีจนจำไม่ได้ว่าปัญญาอะไรมาตั้งแต่ต้นต้นบ้างจำไม่ได้หรอกว่าตนเองพูดว่าอย่างไร แต่ก็เข้าใจหมดว่าใช่ทั้งนั้นที่พูดนี้
SMS 24 มิถุนายน 2561 (พ่อครู : สันติอโศก)
_0015ญาติโยมเตรียมอาหารไว้ถวายพระ แต่มีเหตุไม่สามารถมาประเคนอาหารได้ ถ้าบอกถวายทางโทรศัพท์หรือทางไลน์จะได้หรือไม่ พระจะรับอาหารนั้นได้หรือไม่ครับ
พ่อครูว่า…ถ้าคุณเจตนาเอามาวางบนโต๊ะ แต่ไม่ได้ประเคน ตนเองกลับบ้านไป แล้วก็ส่งไลน์มา ถ้าจะรับอาหารได้หรือไม่ก็ได้ เพราะการประเคนคือจิตเจตนา หากมีรูปธรรม มือต่อมือหน่อยก็ครบ แต่ถ้าไม่เห็นก็ชัดเจนอยู่แล้ว พระท่านก็รับรู้ว่าเป็นอย่างนี้ เจ้าของเขาอนุญาตเขาให้ เราก็รับรู้แล้วก็รับประทาน ก็ไม่ผิดอะไร โดยวินัยจริงๆก็ไม่ได้ผิดอะไร สมัยพระพุทธเจ้าไม่มีโทรศัพท์ ก็เลยไม่มีอันนี้สมาทาน แต่สมัยนี้มันมีอันนี้ก็เอาอันนี้มาถาม ก็ตอบอย่างไม่ขัดข้อง
สมณะเดินดินว่า…เห็นว่าทางเนินพอกินเตรียมอาหารมาจะใส่บาตรพ่อครู แต่พ่อครูไม่ได้บิณฑบาตเขาจะทำใจอย่างนี้ บุญที่เขาตั้งใจว่าจึงจะสมบูรณ์ไม่บกพร่อง
พ่อครูว่า…เหตุการณ์มันไม่สมดุลไม่ครบเท่านั้นเอง จิตที่เต็มแล้วถวายแล้วก็ได้แล้ว ตั้งใจแล้วมีเจตนาที่ดี ก็จบ เราก็ไม่มีปัญหาอะไร พระพุทธเจ้าเคยบอกว่า ของที่เอามาถวายพระแล้ว เมื่อไม่ถวายมันก็ยังอยู่ตรงนั้น มันก็เป็นของเธออย่างเก่า เธอก็เอาไปกินไปใช้เสียก็จบ ถ้าได้ถวายก็ได้ถวาย ไม่ได้ถวายก็ไม่ได้ถวาย แต่ผู้ที่ถวายแล้วอยากถวายแล้วอยากจะได้กุศลอยากได้วิมานอยากได้บุญบารมีอะไร มันก็เลยรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ จิตไม่มีกุศลจิตแล้ว แต่ทำแล้ว ก็ได้แล้วด้วยความดีที่เราเองยังมีทานมีบริจาคในจิต ก็เป็นคุณงามความดี แม้ไม่ได้บริจาควัตถุนั้น จิตของคุณมีแล้วก็ได้แล้ว เท่านั้นเอง
คำว่าบุญ ถ้าคุณเองถวายหรือไม่ได้ถวายก็ตาม แต่คุณเองก็ว่าคุณไม่ได้ คุณก็ไม่ได้มีบุญอะไร แต่ถ้าคุณคิดว่าจิตเราก็ไม่ต้องไปมีความยึดมั่นถือมั่น ยึดถือว่าจะต้องถวาย เขาเจตนาดีนะ แต่ไม่มีโอกาสไม่สมพร้อมที่จะได้ทำ เราเองก็กินเองอย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ใจเรามีกุศลก็ดีแล้ว เราไม่ต้องไปยึดมั่นถือมั่นว่าต้องได้หรือไม่ได้ ถ้าหากเรายึดมั่นถือมั่นว่าไม่ได้ถวายหรือถวายคุณก็ มีภพชาติเท่านั้นเองก็ยังอวิชชา
สมณะเดินดิน..สอบถามนักเรียนว่า ที่ศีรษะอโศกมีศาลาหลังหนึ่งชื่อว่าบุญถ่วม แต่ว่าไม่ถูกความหมาย พ่อครูเลยเลือกใหม่ว่า บุญหมด หรือบุญเหมิด ถามว่านักเรียนจะไปศาลาไหน
นักเรียนตอบว่า บุญเหมิด
พ่อครูว่า..แสดงว่าเข้าใจดี ไม่เสียเปล่าที่มาที่อธิบายธรรมะ บุญหมดนี้ถูกว่าบุญถ่วม แต่ทุกวันนี้คนเข้าใจบุญเป็นตัวเป็นตนไปซะอีก
_อำพัน ศรีทองก้อน • น้ำไหลนิ่งคือ จิตสงบใจสว่าง ใช่เปล่าครับ
พ่อครูว่า…ใช่แล้ว
_พานิรัฐ ธนวุฒิ • ฟังพ่อครูประจำคะมีความเข้าใจที่ถูกต้องเพิ่มขึ้น
_อยากรู้ว่าปะ กินอาหารเสริมได้หรือไม่คะหนูเห็นกินอาหารเสริมทุกวันตอนเช้าเลยค่ะ
พ่อครูว่า..ปะคือฐานะผู้ปฏิบัติ ก่อนจะไปเป็นนาคเป็นเณร หรือเป็นกรัก สิกขมาตุ…ก็ถ้าเผื่อว่ามันไม่สบาย มันจะต้องกินอาหารเสริมหรือว่ามันไม่พอจริงๆ ที่เป็นทางสรีระ กินอาหารเสริม เราก็กิน แต่ทว่าไม่ใช่ ยังตะกละจะกินอยู่ กิเลสมันก็ขึ้น เป็นปะก็ปะผุพังเท่านั้น ก็ไม่เจริญกินไม่รู้เรื่องไม่รู้เวลาเพราะมันเป็นกิเลส แต่ถ้าไปรู้ว่า เราไม่น่าจะไปติดอะไรมากมาย เรามามีความเจริญนะ มาเป็นปะต้องเลิกกิเลสจึงเจริญ ก็มีคนมองให้ก็ดีแล้ว ท้วงไป
_หนูอยากรู้ว่าคนที่ขี้อิจฉาคนอื่นแล้วทำให้ผู้อื่นแตกแยก ให้ร้ายผู้อื่น พูดว่าคนอื่นในทางไม่ดี จะได้รับวิบากอย่างไรบ้างคะ และถ้ามีคนแบบนี้อยู่ในอโศกจะได้รับวิบากหนักไหมคะ
พ่อครูว่า…หลวงปู่ตอบไม่ได้หรอกวิบากกรรมเป็นอจินไตย ตอบเป็นรูปธรรม ตอบเป็นเรื่องเป็นราวตัวตนไม่ได้จะได้รับวิบากอะไรก็คือได้รับความทุกข์ความชั่ว
ถ้าคนแบบนี้อยู่ในอโศก ก็ได้รับวิบากหนักก็อยู่ในวงการอื่น เพราะว่าอโศกนี้เขาปฏิบัติธรรมจริงๆ ตั้งใจปฏิบัติธรรม และก็เป็นแดนถิ่นเป็นเสนาสนะ เป็นสัปปายะ 4 มีบุคคล อาหารสถานที่ ธรรมะ ที่เหมาะสำหรับปฏิบัติธรรม อาตมามาทางนี้ 47 48 ปี เป็นแดนที่ปฏิบัติธรรมจริง คนที่จะเข้ามาอยู่ในนี้แล้ว หากมาละเมิดธรรมะก็บาปกว่าคนข้างนอกหลายเท่า ละเมิดเช่น ยกตัวอย่างง่ายๆ คนโกหก โกหกข้างนอกก็บาปประมาณหนึ่ง
ภิกษุเมื่อบวชเป็นภิกษุแล้ว โกหก หากโกหก ที่ไม่ใช่อุตริมนุสธรรมก็ปาจิตตีย์ แต่ถ้าโกหกเรื่องอุตริมนุสธรรมที่ไม่มีในตน แล้วก็บอกว่ามีในตนก็ปาราชิก โทษมันหนักกันถึงขนาดนี้ อันหนึ่งปาจิตตีย์อันหนึ่งปาราชิก
ฉันเดียวกันกับผู้ปฏิบัติธรรม โกหกอยู่ข้างนอกก็ได้บาปประมาณหนึ่ง แต่ถ้ามาโกหก ในดินแดนผู้ปฏิบัติธรรมจริงๆอย่างชาวอโศก บาปมากกว่ากันเป็นร้อยเท่า เพราะฉะนั้นอยู่ในนี้อย่าทำชั่วอย่าทำผิดศีลผิดธรรม บาปมันหนัก นี่เป็นเรื่องจริงเป็นสัจธรรม ใครทำก็เป็นของจริงของคนคนๆนั้น มันไม่เห็นหรอกตัวตนรูปร่างบาปเป็นอย่างไร แต่มันเกิดกรรมที่บาปแล้วมันบาปจริงๆ ใครไม่เชื่อบาปไม่ใช่วิบากก็แล้วไป ถ้าหากเชื่อก็อย่าไปละเมิด นี่เป็นเรื่องจริงอย่างนั้น อาตมาก็สงสารคนพวกเราที่ปฏิบัติธรรมและประมาท อาตมาว่าออกไปดีกว่า ออกไปอยู่ข้างนอกอย่ามาอยู่ในข้างในหมู่นี้ หมู่นี้เขาปฏิบัติธรรมกันจริงๆ มันเป็นบาป หลายอย่างเป็นตัวอย่างที่แย่ทำให้หมู่กลุ่มเสื่อม ลากจูงดึงฉุด สังคมกลุ่มนี้เขา มันเลวหลายชั้น บาปหลายชั้น เพราะฉะนั้นอย่าทำ
_คำว่าประชาธิปไตย คืออะไร
พ่อครูว่า…อาตมาพยายามอธิบายอยู่เสมอว่าประชาธิปไตยคืออะไร ประชาธิปไตยคือ พหุชนหิตายะ(เพื่อหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก)พหุชนสุขายะ(เพื่อความสุขของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) โลกานุกัมปายะ(รับใช้โลก ช่วยโลก) เอาของพระพุทธเจ้ามาพูดเลย
ประชาธิปไตยคือ เพื่อประชาชน ผู้ใดมีความจริง ที่ตัวเองประพฤติ แล้วประพฤติเพื่อประโยชน์ให้แก่ประชาชน ผู้นั้นมีเชื้อประชาธิปไตยมีเนื้อแท้ประชาธิปไตย ถ้าหากประพฤติปฏิบัติไปแล้วยังมีส่วนที่จะให้ตนเอง ก็ยังไม่เป็นประชาธิปไตยบริบูรณ์ แต่คนจะปฏิบัติประชาธิปไตยบริบูรณ์นั้น คือพระอรหันต์ขึ้นไป พระอนาคามีก็จะเหลือภพชาติในใจนิดนึง นอกนั้นก็ทำเพื่อประโยชน์ประชาชน ขนาดอนาคามีก็ยอดแล้วทางโลกเขาไม่เข้าใจหรอก ในทางธรรมะถ้าเป็นคนจริงนี้ยอด สกิทาคามีก็ลดลงมา โสดาบันก็ลดลงมา แต่มีภูมิธรรมที่ลดตัวตนลดอัตตาทำเพื่อผู้อื่นได้มากขึ้นมากขึ้นเป็นลำดับ ชาวอโศกเป็นนักประชาธิปไตยตัวจริงที่ทำตามพระพุทธเจ้า
_ประชาธิปไตยต้องมีรูปแบบจากการเลือกตั้งหรือไม่
พ่อครูว่า…การเลือกตั้งเป็นรูปแบบวิธีการหนึ่งเท่านั้นที่เอามาใช้กับประชาธิปไตย เป็นแรงงานเป็นความเห็นร่วม สูงสุด เพราะฉะนั้นเลือกตั้งเอาคนไปบริหาร ก็เลือกเอาคนที่ประชาชนมีความเห็นว่าสมควรจริง ก็เป็นความเห็นความรู้ประชาธิปไตยแบบนี้ ว่าให้ประชาชนเลือกคนนี้ไปเป็นส.ส. ไปเป็นนายกไปเป็นประธานาธิบดี อย่างเช่นอเมริกาประชาชนเขาเลือกประธานาธิบดีโดยตรง เมืองไทยก็เลือกส.ส. แล้วส.ส.ก็ไปเลือกนายกฯอีกชั้นหนึ่ง ก็เป็นวิธีการอีกอย่าง เป็นรูปแบบวิธีการไม่ใช่เรื่องยิ่งใหญ่ ถ้าสมควรทำก็ทำกันถ้าไม่สมควรก็ไม่ทำ
แต่ว่านักบริหารนั้นจะเป็นประชาธิปไตยไหม ประชาธิปไตยคือทำเพื่อประชาชน ไม่ทำเพื่อตนหรือหมู่ของตน
เมืองไทยขณะนี้ผู้บริหารไม่ได้มาจากการเลือกตั้งแต่ทำเพื่อประชาชนจริง ไม่ได้ทำเพื่อหมู่กลุ่มของตนเองอย่างเห็นๆ ทำได้ดีกว่าผู้ที่ได้รับการเลือกตั้ง การเลือกตั้งมีมาไม่รู้กี่ปีแล้วในประเทศไทย คณะบริหารที่ไปจากการเลือกตั้งไปทำเพื่อประโยชน์ตัวเองเพื่อพรรคพวกตัวเองอย่างเช่นทักษิณยิ่งลักษณ์ ชัดที่สุด ทำอย่างโจ่งแจ้งหน้าด้าน ทำเพื่อตนเองหมู่ตนเอง อย่างนั้นไม่ใช่ประชาธิปไตยเขามาหลอกเท่านั้นแหละ พวกได้มาจากการเลือกตั้ง แล้วเอาการเลือกตั้งเป็นใหญ่ พวกนี้มีความรู้เรื่องประชาธิปไตยเท่าขี้เล็บก็มากไปด้วยซ้ำ อย่าไปถือสาระของฝ่ายทักษิณที่ตะโกนอยู่ตอนนี้ คนไทยน่าจะตื่นตัวอย่าเอาพวกนี้มาเข้ามาบริหารให้วุ่นวายเลย มันจะพาประเทศเสื่อมต่ำ จนมีคดีมีเรื่องราว เดี๋ยวนี้ก็ตะลอนๆแล้วพยายามเลี่ยงใช้ อาชญวิทยาที่ตัวเองเรียนรู้มา หนีตอนนี้ เอาน้องสาวมาน้องสาวก็ถูกตัดสินติดคุกหนักกว่าอีก ก็เลยต้องหนีไป เห็นชัดเจนในรูปธรรมที่เขาทำ พวกนี้ไม่มีความรู้เท่าขี้เล็บเรื่องประชาธิปไตย ฝ่ายทักษิณหรือฝ่ายแดงไม่มีความรู้ประชาธิปไตยเท่าขี้เล็บแต่เอาความรู้มาหลอกประชาชนว่าการเลือกตั้งคือประชาธิปไตย
อาตมายืนยันว่าขณะนี้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยที่ดีที่สุดในโลก เพราะทำอย่างจริงจังมีมรรคผล แต่ความเสื่อมของประเทศไทยที่ถูกนักเลือกตั้งนักการเมืองทำมาตั้งเกือบ 80 ปีแล้วมันสะสมหมักหมมมาแย่เต็มที่ก็เลยต้องแก้ไขกัน มันก็ดีขึ้นดีขึ้น
เรื่องนี้จะเลือกตั้งหรือไม่เลือกตั้งอาตมาไม่มีปัญหาเดือดร้อนด้วย ไม่เห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร แต่เขาก็เข้าใจอีกอย่างก็เลยไปแย่งกัน ประชาชนทั่วโลกไม่มีความรู้ลึกซึ้งพวกนี้ก็เลยมาท้วงติง เขาก็ไม่ได้ปล่อยปละละเลยวางแผนว่าจะเลือกตั้งปี 62 ต้นปี ตอนนี้ก็ขอทำไปก่อน เขาก็มีคนมาตะโกนประท้วงเท่านั้นเอง เป็นเสียงหมูเสียงหมาเห่าไป
_ประเทศไทยตอนนี้มีนายกฯ และคณะรัฐบาลที่มาจากคสช ซึ่งเป็นการยึดอำนาจจากคณะรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หากคณะคสช.ไม่ยึดอำนาจแล้ว เข้ามาบริหารประเทศจะเกิดอะไรขึ้นบ้างสำหรับคนไทยและประเทศไทยในตอนนั้น
พ่อครูว่า..มันเป็นเหตุการณ์ที่นายกฯตู่ เข้ามาเขาใช้อำนาจยึดประเทศเพราะนายกฯตู่ตอนนั้นเป็นทหาร ในยุคที่มันไม่มีคณะบริหารประเทศแล้ว
ในยุคนั้นตอนนั้น ประชาชนได้ยึดอำนาจของยิ่งลักษณ์ ของผู้ที่มาเป็นตัวแทนของยิ่งลักษณ์ ในขณะนั้น มันเป็นความสำเร็จในประชาธิปไตยคือว่าประชาชนได้ยึดอำนาจโดยการประท้วงขับไล่รัฐบาลออกไปหมด รัฐบาลก็ไม่เหลือแล้ว ในฐานะที่พลเอกประยุทธ์เป็นผู้ดูแลเรื่องความมั่นคงของประเทศก็เข้าไปยึดอำนาจถูกต้องดีทุกอย่างไม่มีอะไรผิด จริงๆแล้วจะเรียกว่ารัฐประหารก็ไม่ได้รัฐประหาร ไปสวมหน้าที่ที่จะต้องเป็นเช่นนั้น มันเป็นหน้าที่ที่จะต้องทำอย่างนั้น ถึงได้เรียบร้อยราบรื่นสงบ รัฐศาสตร์ควรจะมาศึกษา เป็นตัวอย่างประวัติศาสตร์ของประชาธิปไตยของโลกเลย
บอกว่าหาก คสช.ไม่มายึดอำนาจแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทย ซึ่งมาสมมุติเท่านั้น มันก็ต้องเป็นไปตามที่มันควรเป็น มันเป็นไปไม่ได้ไปสมมติสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ มันเป็นตถตามันต้องเป็นเช่นนั้น axiom ไม่มีอะไรเปรียบเทียบสงสัย มันต้องเป็นเช่นนั้น นี่คือความจริงประเทศไทยต้องเป็นเช่นนั้น มันคือความจริงแล้วไม่ให้มันเป็นก็ไม่ได้ คุณมาพูดภาษาสมมุติเท่านั้นเองสมมติให้ตายก็ไม่ได้ เพราะมันต้องเป็นเช่นนั้น หากไม่ยึดอำนาจประชาชนก็ยึดอำนาจแล้ว
แต่ผู้ที่ไม่มีความรู้เรื่องประชาธิปไตย เขาก็ไม่รู้ว่าประชาชนคือพวกเรานี่แหละไปประท้วงยึดอยู่ จนสำเร็จแล้วด้วยความสงบ 1. สงบไม่มีอาวุธ 2. เปิดเผยความจริง อธิบายเลยว่าผู้บริหารนี้ผิดอย่างไรเร็วอย่างไรไม่สมควรอย่างไร จนประชาชนในประเทศ เห็นพ้องต้องกันเห็นด้วยก็มาร่วมกันชุมนุม จนกระทั่งพวกเราชุมนุมอยู่ คุณสุเทพก็เอาขนะมาเติม ข่าวชุมนุมประท้วงอยู่แล้วได้เรียบร้อย คุณสุเทพก็เอามาเติม ซ้ำอีก เรียกว่าคณะ กปปส.ก็ยิ่งสำทับชัดเจนว่าได้แล้ว คุณประยุทธ์มายึดอำนาจบริหารก็ถูกแล้ว ไปบริหารก็ลงตัวหมดทุกอย่างเลย ยิ่งลักษณ์ตอนนี้ก็ถูกตัดสินให้จำคุกอีก
_ตอนนี้นายกประยุทธ์ จันทร์โอชา บริหารอยู่นี้เป็นประชาธิปไตยมากน้อยหรืออย่างไร
พ่อครูว่า..เป็นประชาธิปไตยมากกว่านายกฯที่ผ่านมา 29 คน มีน้ำมีเนื้อ มีอะไรดีที่สุด แม้แต่เรื่องเศรษฐกิจก็ดีแต่คนเข้าใจเศรษฐกิจที่ดีที่สุดไม่ได้ ชาวอโศกเป็นผู้ที่มีประชาธิปไตยมีเศรษฐกิจที่ดีที่สุดในโลกทุกคนมีชีวิตสบายมากเลยแล้วมาเป็นคนจนด้วยซึ่งตรงตามที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ภูมิรู้ พระปรีชาญาณก็ไม่หลวงรัชกาลที่ 9 กับสัจธรรมประชาธิปไตย เยี่ยมยอด การบริหารประเทศต้องบริหารอย่างแบบคนจน ตามในหลวงรัชกาลที่ 9 ตรัส ขาดทุนของเราคือกำไรของเรา ถ้าทำ…
-
ประชาชนเป็นคนจน เป็นคนจนผู้ยิ่งใหญ่คนจนมหัศจรรย์ไม่ใช่คนจนกระจอกงอกง่อย 2. พอกินพอใช้ สร้างสรรให้เหลือกินเหลือใช้เกิน จึงเป็นคนจนอุดมสมบูรณ์แล้วสะพัดความเกินความเหลือที่มีนั้นแก่ผู้อื่น จึงเป็นคนจนที่เลี้ยงโลก เลี้ยงผู้อื่น จะให้ดีแล้วคนไทยมีเศรษฐกิจดีเหลือกินเหลือใช้ก็ขายให้แก่ต่างประเทศอย่างราคาถูกขายต่ำกว่าทุนเลย อันนี้ยิ่งจะยืนยันความชัดเจนของประเทศไทยว่ายิ่งใหญ่ เศรษฐกิจดีที่สุด