มิ.ย.282018ศาสนา 610628_โอวาทพ่อครูในพิธีไหว้ครู สันติอโศก (เร่งสัมประสิทธิ์) อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://drive.google.com/open?id=1BFgkcSR0Eyn0DFKP-l-D1-oJt50XMoWRPYYoIafcjOg ดาวโหลดเสียงที่.. https://drive.google.com/open?id=1AiqT6Io5smcQXlHHM6mmaROXC8MP1ySm ดูยูทิวป์ได้ที่… พ่อครูว่า…พวกเราก็เป็นประชาชนอยู่ในประเทศเราก็พอใจที่จะเลือกชีวิตอยู่ในระบบแบบนี้ อาตมาก็มีความรู้ความเข้าใจว่าระบบที่ดีที่สุด ที่มนุษย์ควรจะเป็นสังคมควรจะเป็น อาตมาขอยืนยันว่าอาตมาดำเนินมาตามครรลองของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าศึกษาความเป็นมนุษย์ มีอะไรเป็นกลไกใน มนุษยชาติ จะพัฒนาให้เจริญ เจริญของมนุษย์นั้นคืออย่างไร เกิดจากอะไรเป็นต้นเหตุ พระพุทธเจ้ารู้รอบหมดทุกอย่างเราก็ดำเนินตาม ใจเป็นประธานเป็นต้นเหตุของทุกอย่าง แล้วก็มีปรัชญา ความหมายความเจริญของมนุษย์และสังคม ท่านก็สรุปไปแล้วว่าเป็นความอิสรเสรีภาพ ความไม่มีตัวตน ความพัฒนาจิตวิญญาณ สามเส้านี้ อาตมาก็พยายามอธิบายให้ผู้อยากจะรู้ฟัง มนุษย์นั้นแก้ไขได้ที่จิต แล้วก็ความรู้ รู้ว่าอะไร รู้ในความอยู่ร่วมกันกับมนุษย์โลก ว่าจะอยู่ได้ดีที่สุดประเสริฐที่สุด วิเศษที่สุดได้อย่างไร พระพุทธเจ้าท่านก็ค้นพบมาแล้ว อาตมาก็ดำเนินรอยตาม พยายามใช้ทฤษฎีวิธีการต่างๆนานาที่ได้สอนไว้ เอามาใช้เอามาพากเพียรปฏิบัติกัน ก็ได้ ได้ผล ได้ประโยชน์ดังที่เป็น พวกเราหลายคนได้ประโยชน์มาก มีความเห็นดี ขอยืนยันว่าพวกเราไม่ได้ไปบังคับ ล่อลวง และเล็ม เลียบเคียงประเหลาะให้มา พูดผ่าๆตรงๆเปรี้ยงๆ จะลดเลี้ยวหน่อยไม่ได้ ซึ่งดีแล้วล่ะ เขาจะคดเคี้ยวอย่างไรแต่อาตมาเอาอย่างนี้ดีกว่า ก็ได้ทำมาตลอด ผู้ที่มีลักษณะ มีรสนิยม มีค่านิยมที่เห็นดีเห็นงามแบบนี้ แบบที่อาตมาพาทำ อิสระเสรีภาพแต่ละคนก็เลือกมา มาเอาอันนี้ จนเป็นกลุ่มหมู่ชุมชนพัฒนาเป็นพฤติกรรมสังคม เป็นจริงอยู่ในสังคมโลกมนุษย์ แม้จะมีกลุ่มเท่านี้ ยิ่งมันโตขึ้น มีพฤติกรรม กายกรรมวจีกรรมมโนกรรมของมนุษย์เกิดขึ้นมา ในหมู่พวกเราอย่างที่เห็น อาตมายิ่ง สรุปผลว่ามันมีประโยชน์มีคุณค่าต่อมวลมนุษยชาติ ไม่เบียดเบียนใครมีแต่รับใช้เห็นแก่ผู้อื่นเขา ช่วยเหลือผู้อื่นเขา โดยมีหลักสำคัญที่อาตมาย้ำแล้วย้ำอีก ว่าเราจะต้องเป็นความรู้มีความสามารถแล้วก็ขยันหมั่นเพียร ทำ ประพฤติ เกิดผลผลิต เกิดแรงงาน เกิดความรู้ ให้แก่ผู้อื่นได้รับไป และเราเองเป็นผู้ทำงานมีค่าเฉลี่ยทางเศรษฐกิจเศรษฐศาสตร์แล้ว เราคุ้มตัว เลี้ยงตนรอด ด้วยค่าแรงงานผลผลิตตามที่เราอาศัยใช้สอย มันคุ้มตัว และมีส่วนเกินส่วนเหลือ เราก็เอาไปแจกจ่ายต่อ ไม่ใช่มีส่วนเกินเพื่อเอาไป หาค่าแบบทุนนิยมสามานย์ไปขูดรีดจากคนอื่นเขามา ว่าของเราดี ก็คิดราคาแพงๆ เป็นการได้เปรียบเอาเปรียบคน เราเองเห็นว่าการได้เปรียบเอาเปรียบไม่ได้เป็นคุณงามความดีมันเป็นความชั่ว เราไม่ประพฤติไม่กระทำ ไม่เอาตาม เราก็ได้ทำมาจนเกิดผลสำเร็จตามที่เรามีความรู้ที่ได้สาธยายความจริงให้ทราบไป ก็เป็นสังคมชีวิตแบบนี้อาตมาก็ยิ่งมั่นใจ ยิ่งมากขึ้น แม้แต่เด็กเด็กเล็กๆก็แสวงหาความดีความจริงความประเสริฐเหมือนกัน โตขึ้นมาก็ค่อยมีพฤติกรรมร่วม มีกายกรรมวจีกรรมมโนกรรมร่วมกันเป็นองค์รวม เกิดเป็นผลงาน ผลประพฤติองค์รวม ของคนชนิดเดียวกัน เข้าใจในแนวเดียวกันมันก็จะเป็นผล เป็นพฤติกรรมสังคมในโลก ที่ให้ผลกระทบต่อมวลมนุษยชาติ จะกระทบทางดีหรือไม่ดี ก็เป็นความจริงของแต่ละสังคมกลุ่ม ที่ประพฤติออกไป เราก็เอาออกไปตามสิ่งที่เราเป็นจริงเราทำได้ อาตมาว่าเป็นมนุษย์มันก็มีความรู้เท่านี้ อาจจะมากกว่านี้เจริญกว่านี้ก็ได้ แต่ว่า แนวนี้ ทิศทางนี้ ถ้าเข้าใจองศาของทิศทาง ที่พระพุทธเจ้าจะนำพา อาตมาว่าอาตมาได้นำพายังไม่สูงสุด ชัดเจนว่าสูงสุดด้วยกว่านี้ ตามที่อาตมารู้ว่ามันยังมี อนาคต มีอนาคตังสญาณ ที่มองไปมีวิสัยทัศน์มองไกลไปกว่านี้ เห็นแล้วว่ามันยังมีอะไรอีกที่ยังเจริญได้กว่านี้ โดยมีค่าต้นทุนอันนี้ แล้วก็ยังมีการก้าวหน้าเจริญขึ้นไปอีก อาตมาว่าอาตมาชัดเจน ไม่ได้มัวซัวงมงายมืดมน ก็กระทำตามที่ชัดเจนและมั่นใจ พวกเราทุกคนที่อาตมาพูดไปนี้ก็บอกความจริงเท่านั้น เราจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็แล้วแต่จะขอกำชับ ถ้าเห็นด้วย เชื่อว่าอาตมาพูดนี้ชัดเจน ถ้าเห็นดีเห็นด้วยตาม ก็เร่งเพิ่มเติมพลังงานของเราให้มากขึ้น พัฒนาอันนี้อย่าไปเฉื่อย เช้าชามเย็นชาม นั่งๆนอนๆ ดีไม่ดีก็ไปกด like เล่นเหลาะแหละ ให้เสียเวลาทั้งนั้นเลย เราก็ผ่านเวลาไป อย่าให้เวลามันผ่าน ให้กาลเวลามันพาเราก้าวหน้าพัฒนาขึ้นไปเถอะ เราก็ขมีขมันไปกับหมู่พวก อาตมาว่าหมู่พวกพวกเรานี้ใช้ได้ พัฒนากันไปได้ อย่าเฉื่อยแฉะ ให้ตื่นตัว active มองหมู่ฝูงเขาทำอะไร ขมีขมัน อุตสาหะวิริยะพากเพียรไปตามหมู่ มันจะเกิดพลังงานก้าวหน้าซับซ้อน มันเป็นนามธรรม ที่มันมีจิตเป็นตัวแกน ไม่ใช่พลังงานทางวัตถุหรือแม้แต่พลังงานทางพืช แต่เป็นพลังงานทางจิตวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานที่ใช้ภาษา สื่อแทนว่า มีประสิทธิภาพสูงสุดแล้วในตัวมันเอง ที่มันจะขับเคลื่อน มันยิ่งกว่าหุ่นยนต์ มันเป็นพลังงานในตัวมันเองมีพัฒนาการของการเจริญในตัวเองซับซ้อน ซึ่งเรียกว่าจิต วิญญาณ มันพยายามรวบรวมความก้าวหน้าด้วยความรู้ความเฉลียวฉลาด มันรวบรวมพลังงานทางความฉลาดได้ เป็นเชิงฉลาดระดับปัญญาที่ต่างจากเฉโก อาตมาพยายามแยกแยะให้ฟัง ความเฉลียวฉลาดแบบปัญญากับความเฉลียวฉลาดแบบเฉโก มันต่างกัน ฉลาดเฉโกมันเห็นแก่ตัวจัด จะฉลาดทางปัญญานี้เห็นแก่ตัวน้อยลงหรือไม่เห็นแก่ตัวเลยมันเห็นแก่ผู้อื่นมันหมดตัวตน ใช้ภาษาสื่อให้ง่าย ชัดเจนแล้วนะ พยายาม ฝึกฝนให้ตรงตามสภาวะที่อาตมาใช้ภาษาสื่อนามธรรม จะรู้เอง เป็นปัจจัตตังเข้าใจเอง มันเป็นตถตา เป็นอย่างนี้เอง เองอย่างไร ก็ของเอ็งอยู่ที่เอ็ง ของเราของใครของมัน พระพุทธเจ้าจะล่วงรู้ของคนอื่นได้บ้าง เก่งก็เอา แต่ใครมันจะรู้ดีเท่ากับเรา นอกจากเราเองจากโง่ของเราเองยังไม่รู้ของเราเองเลย ก็ไม่พยายามรู้ของตัวเองแล้ว ดีๆ แต่ไม่รู้ว่า ดีของตัวเองคืออย่างไรและจะพัฒนาขึ้นอย่างไรและจะไปช่วยได้อย่างไร ดีไม่ดีก็ปล่อยให้ดีของเรานั้นไม่พัฒนาให้ดียิ่งขึ้นก็ปล่อยให้เสื่อมลงไปอีก ซวยใครซวยมัน มันหมดประตูจะช่วยกันแล้ว ก็มีกันแค่นี้เท่านี้ อาตมาก็พูดวนไป จะอายุยืนเพื่อพูดวนกันอย่างนี้แหละ ก็คิดว่า วนในแนวลึก เซาะลึก ไปเรื่อยๆนะ อาตมาไม่ได้วนอยู่กับที่เท่าไหร่หรอก ใครที่จะมีปฏิภาณปัญญาฟังตามจริงๆ ก็คงเห็นด้วยได้ เดี๋ยวนี้ไม่เห็นแต่ก่อนแล้ว แต่ก่อนเวลาเท่าไหร่ก็ไม่พอ เดี๋ยวนี้เวลาทำไมมันมากมายนัก มันพูดก็คงจะซ้ำซากวนเวียนไปหมดแล้ว พูดไปแล้วก็ชักเซ็งๆที่ตนเองพูดบ้างเนาะ ก็วกเข้ามาสู่พวกเราเอง อาตมาก็ขอย้ำยืนยันว่า อาตมาไม่ได้หลงตัวเองอะไร คิดว่ามันถูกต้อง เชื่อมั่นว่าที่เราเองเท่าใจดีดีมากจนไม่มีใครเหมือนกว่านี้ อาตมาก็ว่าการรู้การเข้าใจสิ่งที่ดี สิ่งที่ประเสริฐสุด อาตมาว่าอาตมามีความรู้อันนี้และก็พาทำอธิบายให้คนเข้าใจและปฏิบัติตาม ซึ่งแนวนี้เป็นแนวของพระพุทธเจ้าที่มี ลูกพระพุทธเจ้าที่ชื่อว่าพระโพธิสัตว์ อาตมาก็ชัดเจนว่า ใครเป็นพระโพธิสัตว์ กล่าวนามไปมีสามคน ไอสไตน์ ก็ตายไปแล้ว คานธี ก็ตายไปแล้ว ในหลวงรัชกาลที่ 9 อีกองค์หนึ่ง ท่านก็สวรรคตไปแล้ว แต่ก็มีหลักฐานยืนยันทั้งนั้น ก็เน้นไปเลยคนละแบบ คานธีเน้นทางคุณธรรมไม่ใช่ทางวัตถุ ไอน์สไตน์เป็นทางวัตถุ เราก็เข้าใจ วัตถุแล้วก็ต้องอาศัย คุณธรรมหลักต้องอาศัย ยิ่งคุณธรรมก็มีเกี่ยวกับจิตวิญญาณวัตถุก็ต้องมีจิตวิญญาณเป็นตัวควบคุม แต่ไปเด่นที่ตัววัตถุ มันก็ด้อยกว่า จิตวิญญาณและคุณธรรม ความรู้วัตถุที่ดีก็สู้จิตวิญญาณและคุณธรรมไม่ได้ คราใด มีความเฉลียวฉลาดทางจิตวิญญาณมันเลยเถิด ก็ต้องระวัง อย่าให้ความเจริญทางวัตถุไปก้าวหน้ามันจะทำร้ายตัวมันเองก็ต้องกดวัตถุไว้ ให้ความเจริญทางก้าวหน้าเจริญขึ้นไปอีกมันจะเป็นเช่นนี้พยายามใช้พยัญชนะสื่อ มันก็ต้องสลับกันไปไม่เที่ยง ต้องเห็นธรรมะ 2 รูปกับนาม จิตกับกายจับคู่ตลอดเวลา อย่าเผลอ ความไม่เที่ยงนี้มันซ้อนอยู่ในตัวมันเองทุกเวลาในธรรมะ 2 ทุกอย่างเลยตลอดเวลา กลับกันไปกลับกันมาอย่างนี้ เพราะฉะนั้นเราต้องเร็ว เราต้องแววไว ทันทุกกาละทุกวินาที ทุกละเอียดกว่าวินาที ให้ทันได้เท่าไหร่ก็ยิ่งดี จิตนี้มันเร็ว เร็วกว่า ความเร็วของแสง เคยเทียบให้ฟังหลายที นีลอาร์มสตรองไปมาดวงจันทร์แล้ว ระยะทางเท่าไหร่ก็คำนวณได้ แล้วแสงเดินทางเท่าไหร่กว่าจะถึงดวงจันทร์ ที่นี่ความคิดของคน นีลอาร์มสตรองมาอยู่โลกใบนี้แล้ว จะส่งความคิดไปถึงดวงจันทร์ที่แกเคยไปมันเร็วกว่าแสงใช่ไหม แสงต้องใช้ 1.24 วินาที แต่จิตใจนี้ไปเร็วกว่าอีก แสงยังต้องใช้เวลานาน แต่จิตมันเร็วกว่า จิตจึงเป็นตัวประธานทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นความร้อนแสงสีเสียงทุกอย่างอันที่ฟิสิกส์มี จิตวิญญาณเป็นประธานสิ่งทั้งปวงพระพุทธเจ้าก็พาเราเน้นพวกนี้ จิตวิญญาณนี้ซื่อสัตย์ดีที่สุด เป็นความปรารถนาดีต่อมวลมนุษยชาติต่อโลก แม้แต่ต่อดินน้ำไฟลมต่อพืช มันเป็นความปรารถนาดีต่อทุกอย่างไม่มีปรารถนาร้ายเลย นี่คือความจริงที่ซื่อสัตย์ หากมันผิดเพี้ยนไปก็ไม่ใช่ความจริงที่เป็นสัจจะ เราเลือกความรู้ที่มนุษยชาติค้นพบความรู้สูงสุดคือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกพระองค์ก็มีบารมีอย่างนี้ อาตมาก็สั่งสมบารมีให้สูงไปจนเท่ากับพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง ปฏิบัติธรรมไปอีกสักกี่ชาติก็แล้วแต่ เราก็เอาคุณภาพของความรู้ ความเข้าใจความเฉลียวฉลาด ในประดาโลกแต่ละโลก ที่เราจะสามารถวัดได้ ไปเอาความจริงมาได้ว่ามันมีเท่านี้ ความจริงของดินน้ำไฟลมความจริงของจิตวิญญาณ มันร่วมกันในกาละ ที่แต่ละโลก พัฒนาไปไม่มีมนุษย์เกิดขึ้นในมหาจักรวาลในเอกภพนี้ ก็มนุษย์เท่านั้นที่เป็นผู้สามารถมีจิตวิญญาณรู้ได้ยิ่งกว่าชีวะต่างๆ เรียกว่าจิตนิยาม พืชก็เป็นชีวะสู้ไม่ได้ สัตว์ก็มีหลายชั้น สัตว์โลกียะ โลกุตระ จนกระทั่งโลกุตระระดับสูงๆๆขึ้นอีก โสดาบันสกิทาคามีอนาคามีอรหันต์จนสูงกว่าอรหันต์อีก อนุโพธิสัตว์ อนิยตโพธิสัตว์ นิยตโพธิสัตว์อีก อาตมาก็อยากจะเห็นคนที่เจริญคนที่สูงกว่าจะมา เป็นพระโพธิสัตว์ที่เป็นพี่ จะได้ทำงานช่วยกัน อาตมาก็ไม่คิดจะท้อแท้ท้อถอยจะอยู่เพื่อทำงานต่อไปและพิสูจน์พลังงานสัมประสิทธิ์ coefficient เป็นพลังงานที่มีทฤษฎีของมันเอง เขียนมาเป็นตัวหนังสืออธิบายทุกอย่างพวกเราก็ต้องเอาไปประกอบขึ้นในจิตวิญญาณตัวเองว่าลักษณะอย่างนี้ ลักษณะโครงสร้างของสัมประสิทธิ์ coefficient อย่างนี้แหละทำให้ได้นะเอาไปปฏิบัติเองประกอบเองนะของใครของมันใช่ไหม ได้เป็นรูปร่างโครงสร้างถูกต้องตามนี้ หรือคุณจะเห็นว่ามีดีกว่านี้อีกก็เอามาบอกกันเติมมุมเหลี่ยมอันนี้ดีกว่านี้นะ ก็มาประกอบกัน ถ้ายังเห็นว่ายังไม่ดีกว่านี้ก็เอาไปตามโครงสร้างนี้พิสูจน์ไปเรื่อยๆ อาตมาว่ามันไม่มีหลักการวิธีการอื่นหรอก ก็มีวิธีนี้แหละที่สามารถนำพาสิ่งที่มีทั้งโครงสร้างทั้งตัวจริงที่มันจะเป็นได้ตามความรู้นี้ไปได้ ไม่มีทางอื่น เราก็พิสูจน์ความจริงอันนี้ไปต่างคนต่างพิสูจน์คนละไม้คนละมือคนละคน พิสูจน์ความจริงอันนี้ ถ้าหากตรงกันก็เป็นความจริงสัจจะมีหนึ่งเดียวมันตรงกันหมด พฤติกรรมตรงกันผลงานก็ออกมาลงตัวกันไม่ผิดเพี้ยนไป ไม่ซ้อน จะตรงเป๊ะๆๆ โดยนามธรรม มันจะเป็นได้ โลกทุกวันนี้ สังคมโลกเข้าใจแล้วทิศทางที่ประเสริฐของความรู้ ความรู้อย่างนี้ เขาแสวงหากัน เป็นความรู้ที่สุดยอดเลย ความรู้ที่มีเห็นแก่ตัว ความรู้ที่อิสระเสรีภาพจริงๆ เป็นความรู้ที่มีจิตวิญญาณเป็นประธาน ก็ต้องเข้าใจตัวประธานของเราจัดแจงให้เป็นไปเกิดการพัฒนาการแล้วก็มีแกนอิสระ มีแกนที่ไม่มีอัตตา มีแกนอนัตตา พลังงานวิญญาณคือ Dynamic พลังงานที่ไม่มีตัวตน อนัตตาคือ Static อยู่ในนิวเคลียส มีจิตวิญญาณมาควบคุมนิวเคลียส ในนิวเคลียสก็มีตัวประธาน แต่ประธานของมันอยู่ในลักษณะอุตุนิยาม ไม่เลยออกไปจากวงวน พอเป็นพีชะ ก็จะมีพลังงานออกมาจากวงวน เป็น 4 5 แต่ 4 นี้ไปทะลุทะลวงอื่นไม่ได้ หาก 5 ก็ออกหาจิตนิยาม 6 ก็มีสองเส้า 7 ก็มีพลังงานออกมาแรง ไปหา 8 9 ได้ดี หาก เป็น 4 ก็ออกไปช้า พอ 6 ก็พยายามออกไป 7 เป็นขึ้นเส้าที่3 แต่ออกได้จะเป็นแรงปฏิภาคทวีสูง กว่า 123 456 ก็จะเป็นพยายามเป็น 8 ได้เก่งกว่า ก็พยายามเป็น 8 9 ได้เส้าที่ 3 เป็นเสาเส้าของ 7 8 9 ก็จะเก่งกว่า 123 456 จะยกกำลังไปซ้อนเรื่อยๆ จากคูณเป็นยกกำลัง ระดับบวกนี้ไม่ถือเป็น Coefficient ต้องระดับคูณขึ้นไปจึงชื่อว่า สัมประสิทธิ์ หรือ ของCoefficient หากเอาแต่บวกไป ประสิทธิภาพไม่สูงเท่ากับคูณ แต่คูณก็ไม่สูงเท่ายกกำลัง หมดเวลาแล้ว ก็แสดงถึง พลังงาน Coefficient ของอาตมา รับรองอาตมาหนุ่มขึ้นแน่ คอยดู ตอน 90หรือ 96 …จบ Category: ศาสนาBy Samanasandin28 มิถุนายน 2018Tags: พ่อครูสมณะโพธิรักษ์สมณะโพธิรักษ์ Author: Samanasandin https://boonniyom.net Post navigationPreviousPrevious post:หนังสือ รวมคนจะมีธรรมะได้อย่างไร เล่ม 1NextNext post:โครงการพัฒนาคุณธรรมในสถานศึกษา ค่ายคารโว นิวาโต ปี 2560Related Posts150401 จะพึ่งอะไรดี-พ่อท่าน-วัดมหาธาตุ28 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 2-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง7 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 1-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง4 พฤษภาคม 2024670224 พ่อครูเทศน์เวียนธรรมมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 48 ราชธานีอโศก24 กุมภาพันธ์ 2024670126 ตอบปัญหาเพื่อละอวิชชา 8 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก26 มกราคม 2024670117 ปฏิจจสมุปบาท ตอน 4 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก17 มกราคม 2024