….บันทึกผ่านเลนส์..ส่องโพธิกิจ..วันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน 2561 พ่อครูกลับมาบ้านราชวันแรก ชมที่นา
เช้าแรกของการกลับมาสู่บวรราชธานีอโศกของพ่อครูสมณะโพธิรักษ์พร้อมทั้งคณะท่านปัจฉาสมณะ ต้อนรับด้วย เสียงนก เสียงประกาศพร้อมสายลม แสงแดดอ่อนๆ อากาศสดชื่น ดินแดนแห่งสัปปายะ เช้านี้พ่อครูสนทนาธรรมกับคณะท่านปัจฉาเป็นปกติ..
พ่อครูลงมาฉันภัตตาหารเวลาประมาณ 11.00 ของทุกวันทำให้ลูกๆหลานๆได้มีโอกาสมากราบกันอยู่บ่อยๆ วันนี้แม่บุญรุ่งเห็นพ่อครูก็ดีใจมาก ขอได้มากราบเห็นหน้าก็มีปิติ ยิ้มได้ตลอดวัน
หลังฉันภัตตาหารพ่อหินเข้มขับรถสัญญาตะวันมารับพ่อครูไปชมรอบๆภายในชุมชน เพื่อไปดูความเปลี่ยนแปลงหลังจากที่เดินทางจากบ้านราชไป 1 สัปดาห์
บริเวณน้ำตกหินน้ำไหล สถาบันขยะวิทยาด้วยหัวใจทำงานในเรื่องการกำจัดขยะกันอย่างเต็มที่ ท่านสมณะหินจริงและท่านพระศักดิ์สิทธิ์ได้ทำซุ้มแยกขยะไว้ตามจุดต่างๆของน้ำตก…ผ่านเรือนเรือหอพักนักเรียนชาย อสม.กำลังฉีดหมอกควันกำจัดยุงลายงานอยู่ ไม่รู้ว่ายุงจะเป็นอย่างไรแต่นักเรียนชายถึงกับต้องหนีหมอกไล่ยุงมาอยู่ท้ายเรือ.
.รถสัญญาตะวันมาถึงลานเบิ่งฟ้า เห็นต้นตาลหลายต้นเริ่มออกลูกหลายทะลายเป็นจำนวนมากรอผู้ชำนาญในการปีนมาขึ้นนำลูกตาลลงมา…มาถึงลานเบิ่งฟ้ายังมีเรือที่รอซ่อมแซมหลายลำ บางลำมีแต่โครงคล้ายซี่โครงเห็นแล้วต้องเรียกว่าซากเรือ ยังไม่เป็นรูปร่างเรือจนกว่าจะมีการซ่อมแซม…มาถึงบริเวณท้ายบุ่งทางออกสู่แม่น้ำมูน ยังมีเรือเอี้ยมจุ๊นหลายลำ ที่จอดอยู่เป็นเหมือนท่าจอดเรือของบวรราชธานีอโศก เรือชลชาติอยู่ที่ริมแม่น้ำมูนเป็นเรือนเรือที่ลมพัดเย็นสบายได้บรรยากาศรับตะวันตั้งแต่ตอนเช้า..ผ่านมาทางเฮือนสุดชีวิต แต่ชีวิตทุกคนก็ยังดำเนินอยู่ เป็นป่าร่มรื่นเขียวชอุ่ม
…ผ่านมาทางนาคำยอด พ่อครูบอกว่าต้นทักษิณ(ไมยราพยักษ์)นี้เติบโตเร็วกำจัดยาก สังเกตมีพื้นที่นาอยู่แปลงหนึ่งไม่มีต้นทักษิณอยู่เลยพูดกันว่าดินบริเวณนี้น่าจะมีระบบนิเวศที่ไม่เอื้อต่อต้นทักษิณ น่าจะนำดินแปลงนี้มาพิสูจน์เพื่อหาทางกำจัดต้นทักษิณต่อไป…รถเลี้ยวมาถึงถนนตรงกลางซึ่งสองฝั่งคือนาคํายอดและนาโน ตอนนี้เป็นผืนนาทั้งหมดที่ชาวบ้านราช ได้ช่วยกันทำนาโดยมีท่านสมณะถักบุญเป็นที่ปรึกษาและอำนวยความสะดวกโดยได้นำพันธุ์ข้าวลอย ทนต่อน้ำท่วมจากกรมการข้าวมาปลูกหลายสายพันธุ์ แต่ละแปลงจะมีชื่อพันธุ์ข้าวโดยมีชาวชุมชนแต่ละหน่วยงานช่วยกันเป็นเจ้าภาพดูแลแปลงนา …ผ่านแปลงนาได้กลิ่นต้นข้าวอ่อนๆ เราไม่ได้กลิ่นต้นข้าวมานานแล้วรู้สึกว่าข้าวแปลงนานี้มีกลิ่นหอมมาก..เหลือบไปเห็นคนงานยังแวะซื้อลอตเตอรี่ซึ่งมาขายถึงที่นาเลยเห็นแล้วยังอดนึกถึงอยู่ใกล้แต่ยังไกลต่อธรรมะของชาวอโศกที่พยายามให้ลดละเลิกอบายมุขโดยเฉพาะ”หวย”…ผ่านมาถึงบริเวณซ่อมเรือซึ่งเป็นเรื่องที่น่าทึ่ง ช่างจากอยุธยาสามารถซ่อมซากเรือที่ย่อยแทบจะไม่มีชิ้นดีประกอบขึ้นโครงมาใหม่เห็นเป็นรูปร่างเรือ อีกไม่นานคงสามารถใช้ประโยชน์ได้ …ผ่านมาถึงที่นาหลังโรงปุ๋ยพลังชีวิตชื่อ 48 ไร่ 48 พรรษาโคกหนองนาโมเดลซึ่งทำการปลูกข้าวหลายสายพันธุ์จะเป็นต้นแบบในการทำนาซึ่งท่านรัฐมนตรีช่วยเกษตรและสหกรณ์ อาจารย์ยักษ์ได้มาแนะนำให้ทดลองปลูกและปรับพื้นที่เป็นโคกหนองนาโมเดลโดยมีอาน้อยกำลังดำนาในแปลงที่มีข้าวถึง 37 สายพันธุ์อยู่ในแปลงเดียวกัน
ในยามนี้บวรราชธานีอโศกให้ความสำคัญกับการทำนา ปลูกข้าวโดยทุกคนร่วมแรงร่วมใจเป็นเจ้าของที่นาทั้งหมด 77 ไร่ถือว่าเป็นวาระแห่งการพัฒนาชุมชนในปี 2561 นี้..
ผ่านมาถึงโรงปุ๋ยพลังชีวิตมีนักเรียนชาวชุมชนเป็นจำนวนมากกำลังขึ้นปุ๋ย พ่อครูไม่รอช้ารีบจะลงไปช่วย แต่ด้วยพวกเราเห็นพ่อครูจึงรีบนิมนต์ให้พักเพราะมีคนมาช่วยเยอะแล้ว พ่อครูจึงได้แต่ยืนมองเพราะทุกคนเห็นพ้องต้องกันที่จะนิมนต์ให้พ่อครูพัก ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของลูกๆได้ทำกันเองซึ่งไม่เหลือบ่ากว่าแรง…หลังจากนั้นพ่อครูไปที่บริเวณหลังโรงสี เห็นดอกจำปา(ลั่นทมดอกขาว)บานสะพรั่ง เลยไปอีกนิดหน่อยมีชาวบ้านราช 3 คน 3 แรงแข็งขัน ช่วยกันทำโรงเห็ด อาหินพัน อาจำเริญและญาติธรรมอีก 1 ท่านซึ่งมีแนวคิดที่บอกว่าบ้านราชมีทุกอย่างตามที่พ่อครูบอกว่า “ข้าวมีกิน ดินมีเดิน ตะวันมีส่อง พี่น้องมีเสร็จ เห็ดมีเก็บ ป่วยเจ็บมีคนรักษา….” แต่ยังขาด”เห็ดมีเก็บ”จึงเกิดความคิดที่จะให้ประโยคนี้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น จึงได้ช่วยกันทำโรงเห็ดและให้มีรับประทานกันได้ตลอดปี…พ่อครูผ่านป่าทางลัดไปโรงสีบอกว่าบ้านราชยังมีต้นไม้อีกหลายชนิดที่นักพฤกษศาสตร์ยังไม่ได้มาสำรวจ ถ้ามาสำรวจก็จะพบว่ามีต้นไม้ที่หายากในบวรราชธานีอโศกแห่งนี้ พ่อครูเองก็มีเจตนารมณ์ที่จะรักษาธรรมชาติเหล่านี้ไว้ชั่วลูกชั่วหลานเป็นแหล่งสัปปายะของมวลมวลมนุษยชาติ
หลังเทศน์คืนนี้พ่อครูนำบวบงูปลูกที่บ้านราชยาวกว่า 1.50 เมตร มาเทียบกับความสูงพ่อครู ทึ่งในกสิกรรมไร้สารพิษที่เหมือนแกล้ง ยิ่งทำยิ่งแจกยิ่งเจริญเติบโตดี