รินน้ำใจกลางสายฝน
เป็นชื่อประจำรุ่นของค่ายสัมมาอาริยมรรค จัด ณ บวร ราชธานีอโศก เมื่อวันที่ 24-26 สิงหาคม 2561ที่ผ่านมา เป็นค่ายที่มาพร้อมกับสายฝนที่โปรยปรายในเดือนสิงหาคมที่เย็นฉ่ำเป็นกิจกรรมเล็กๆสำหรับผู้สนใจใฝ่ในธรรมมาพบกันทั้งชาวชุมชนและผู้มาใหม่เป็นชาวต่างชาติมาพบกัน เพื่อทบทวนสภาวะ ถามปัญหาที่สงสัย พูดคุยกัน ตามประสาพี่ๆน้องๆ มีสนทนาธรรมกับสัตตบุรุษ เพิ่มพูนปัญญา เกิดสัมมาทิฏฐิในเส้นทางแห่งมรรคมีองค์ 8 โดยท่านสมณะ สิกขมาตุร่วมให้สัมมาทิฎฐิทุกๆครั้ง กิจกรรมเริ่มต้นด้วยการปฐมนิเทศน์ด้วยเวลาประมาณ 20.15 น.ของวันศุกร์ หลังจากจบรายการพ่อครูเทศน์แล้ว เพื่อต้อนรับญาติธรรมทั้งคนใหม่และคนอยู่ประจำ แนะนำตัวเอง เปิดโอกาศพูดคุยให้รู้จักกัน ครั้งนี้มีชาวต่างชาติเป็นชายมาร่วมค่ายฯด้วยแม้จะไม่เข้าใจภาษาไทยเลย แต่ก็ให้ความสนใจทุกกิจกรรมเช่นกัน เพื่อนๆในกลุ่มพอรู้ภาษาอังกฤษอยู่บ้าง เลยได้เป็นล่ามในทันที ทุกคนต่างที่มาแล้วมาพบกันมักมีเรื่องราวหลากหลายน่าประทับใจอย่างถ้วนหน้า ด้วยจำนวนประมาณ 31 คนบ้างจะไปธุระที่อื่นๆ พอรู้ข่าวการรับสมัครค่ายฯจึงจัดสรรเวลามาร่วมด้วยความยินดี ด้วยความรู้สึกว่ามาบ้านราชฯแห่งเดียวได้หลายบรรยากาศ หากว่างจากการภารกิจเร่งด่วนในหน้าที่ตนเองก็แวะไปชม ไปเดินเล่น ถ่ายภาพ เซลฟี่ ได้อีกด้วย ก่อนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อนหลับนอน และที่สำคัญแต่ละคนเตรียมคำถามหรือข้อข้องใจมาถามได้ในเช้าวันใหม่
ช่วงเช้าของวันใหม่เวลา 04.30-06.00 น. เป็นเวลาแห่งการสนทนาธรรม พูดคุยได้ทุกเรื่อง สารพัดที่จะสื่อสารมาเล่าสู่ฟัง ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่เพิ่มเติมปัญญาทั้งสิ้น จะมีสมณะและสิกขมาตุเป็นที่รับฟังปรึกษาอย่างเป็นกันเองและอบอุ่น ตามฐานะ เช่น คุณสมชาย ทราบว่าที่อโศกปฏิบัติแตกต่างจากพระทั้วๆไปไม่รับเงินทอง ฉันมื้อเดียว ไม่สวดมนต์แบบมีจังหวะเหมือนพระแหล่ร้อง ข้างนอกก็ประทับใจ คุณวรวิทย์ มาจากสมุทรประการ ผู้หนึ่งที่รู้จักชาวอโศกมา2-5 ปีแล้วเพราะศรัทธาแนวนี้ เคยไปร่วมงานกับพันธมิตรช่วงมีการชุมนุม เคยทำงานโรงงานพลาสติก ประจวบเหมาะกันเกษียนจึงสนใจเรื่องกสิกรรมไร้สารพิษพอดี และอีก1 ครอบครัวก็มาร่วมกิจกรรมด้วย ส่วนคุณแหม่มซึ่งเป็นญาติธรรมเก่า ปกติเรียนแพทย์แผนไทย ก็สนใจมาร่วมด้วย พอจบการสนทนาธรรมรอบเช้าแล้วก็มาใส่บาตรและถ่ายภาพหมู่ร่วมกันเป็นที่ระลึก ต่อมาเป็นกิจกรรมบำเพ็ญคุณด้วยหัวใจมาช่วยที่ฐานสขจ.เป็นงานสัมมาอาชีวะ ที่นี่สมณะหินจริง ดูแลฐานอยู่พอดี ชาวค่ายต่างช่วยเก็บแยกกระดาษ กล่อง กระดาษสี เพื่อนำไปขาย ทุกคนก็ได้เรียนรู้วิธีการคัดแยกอย่างเป็นระบบ มีอะไรบ้าง สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งใกล้ตัวเรามาก จะเกิดขึ้นทุกวัน เหมือนกระตุ้นเตือนเราให้มีวินัยในการใช้ชีวิตมากขึ้น เอาใจใส่สิ่งแวดล้อมมากขึ้นพร้อมดูแลจิตใจตนเองทุกขณะการทำงาน ดูความรู้สึก การกระทำ ทั้งภายนอกและภายในเป็นเรื่องๆเท่าที่จับความรู้สึกได้ เป็นการปฎิบัติธรรมขณะลืมตา
ช่วงบ่ายโดยประมาณ ฝึกปลูกสติในอิริยาบทของการเจริญกรรมฐาน ด้วยการเดินจงกรม นำโดยท่านสมณะแสนดิน ภูมิพุทโธ ( เดินจงกรมนี้ได้อานิสงค์ ๕ ประการ คือ เดินได้ทน ทำงานได้มาก บำบัดโรคบางอย่างได้ อาหารย่อยง่าย สมาธิที่ได้จากการเดินจงกรมตั้งอยู่ได้นาน) พอได้ฝึกสติกำหนดรู้ในสนามฝึกแล้ว ต่อไปเป็นภาคปฏิบัติการภาคสนามด้วยการทำการงานนอกพื้นที่เช่นแปลงเกษตรบ้าง ไปพบเจออะไรบ้าง แล้วกระทบความรู้สึกอย่างไร อึดอัด ขัดเคือง สนุก ตื่นเต้น อะไรกันบ้างแล้วแต่ละคนจัดการกับอาการที่เกิดกับใจอย่างไร ก็ฝึกได้คนละมุมต่างกันไป เป็นบรรยากาศที่สดชื่น ลมพัดอ่อนๆ แดดก็ไม่ร้อนมากนัก ต่อมาเวลา18.00-200 น.มาร่วมรายการฟังธรรมอย่างพร้อมเพรียงกันอีกครั้ง ก่อนเข้าพักผ่อนมาร่วมกันสรุปสภาวะที่ได้จากการทำงานร่วมกันว่าเป็นไปแบบไหนของแต่ละคน เท่าที่จะมาร่วมแบ่งปันประสบการณ์แก่กันและกัน
ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาไม่นานนัก สำหรับผู้หวังความเจริญทางธรรมแล้วนับว่า มีความสำคัญมากไม่น้อยไปกว่าการทำงานง่วนๆอยู่คนเดียว เป็นการ สลายภพ ลดอัตตา สลายตัวตน ได้ตามความสามารถของแต่ละท่านที่พัฒนาจิตวิญญาณของตนต่อไปงานเลี้ยงก็ต้องมีวันเลิกรา คงเหลือไว้แต่เวทนาสุขๆทุกข์ๆที่เป็นภาพอดีต คอยเก็บไว้ให้อ่านในความทรงจำที่แสนน่าประทับใจ