…บันทึกผ่านเลนส์ ส่องโพธิกิจ..วันหยุดสุดสัปดาห์มีผู้คนมาเยี่ยมราชธานีอโศกแผ่นดินพุทธ ดินแดนแห่งผู้แสวงหาโลกุตระธรรม.. (คลิกลูกศรข้างๆภาพเพื่อดูภาพเพิ่มเติม)
วันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน 2561
การเพิ่มสัมประสิทธิ์หรือ co-efficient สำหรับกายขันธ์ของพ่อครูสิ่งที่สำคัญก็คือในการปฏิบัติ 8 อ. โดยเฉพาะ ออกกำลังกาย ซึ่งเหมือนยาขมของหลายคนแต่พ่อครูถือว่าเป็นวัตรปฏิบัติที่ต้องปฏิบัติเป็นประจำเมื่อมีเวลาที่เหมาะสม…ช่วงสายวันนี้ประมาณ 9 โมงเช้า พ่อครูลงมาเดินเร็วที่ชั้นล่างเฮือนศูนย์สูญ ส่องผ่านเลนส์เห็นการทรงตัวของพ่อครูคล่องแคล่วว่องไวในวัย 84 ปี สามารถพลิกกลับตัวได้อย่างปราดเปรียว การทำได้เช่นนี้เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมากเลยทีเดียว
วันนี้มีชาวชุมชนมาร่วมเดินด้วย ดูยาวเป็นหางว่าว มีทั้งกรรมการชุมชน ผู้ใหญ่บ้านก็มาเดินเร็วออกกำลังกายกับพ่อครูด้วย ..เดินไปได้สักครู่ก็ถึงเวลาที่นักเรียนสัมมาสิกขาเดินจงกรมเข้าสู่ศาลา จึงมองเห็นความแตกต่างของ 2 อย่างคือขบวนพ่อครูเป็นการเดินเร็วเพิ่มสัมประสิทธิ์ให้กับร่างกาย ขบวนเดินจงกรมของนักเรียนสัมมาสิกขาเป็นการเพิ่มเจโตสมถะเพิ่มสัมประสิทธิ์สำหรับจิตวิญญาณ เปรียบเสมือนเจโตและปัญญา เป็นทั้ง static และ Dynamic ที่ต้องทำงานด้วยกัน นึกถึงพ่อครูได้แสดงธรรมเมื่อคืนในเรื่องของศีล สมาธิ ปัญญา ศีลเหมือนขบวนเด็กที่กำลังเดินจงกรม ปัญญาเปรียบเสมือนพ่อครูที่กำลังเดินเร็ว ซึ่งต้องทำงานร่วมกันถึงจะเกิดสัมมาสมาธิจนถึงวิมุตและวิมุตติญาณทัสสนะได้ในที่สุด วันนี้พ่อครูเดินได้ 16 รอบภายใน 25 นาทีเป็นการเดินที่สนุกสนานมาก เพราะพ่อครูได้เดินเลี้ยวคดไปเคี้ยวมาไม่ได้เดินเป็นเส้นตรงทำให้เพิ่มความคล่องตัวในการทรงตัวได้มากยิ่งขึ้น…
หลังจากหมดเวลาเดินเร็ว พ่อครูได้ออกมาเดิน cool down ที่เฮือนสวยเหมิด นักเรียนสัมมาสิกขากำลังเข้าแถวพบคุรุก่อนที่มาตักอาหารที่เฮือนสวยเหมิด…
เดินไปถึงเฮือนหยังกินพบคุณพรเทพซึ่งเมื่อวานมีอาการอ่อนแรงไม่ดีนัก วันนี้อาการค่อยยังชั่วสามารถเดินมาตักอาหารรับประทานได้ พ่อครูบอกว่าเป็นได้ก็รีบหายได้เช่นกัน แล้วมองคุณพรเทพด้วยสายตาแห่งความเมตตาปรานี…พ่อครูสังเกตที่เรือเอิ้นขาน มีพืชที่เลื้อยขึ้นมาพยายามคลุมเรือ ท่านบอกว่าพีชะ เขาก็แสวงหาการเกิดที่ไม่เป็นพิษภัยกับสิ่งใด…เดินมาที่บริเวณครัวเก่าตอนนี้ได้ถูกปรับปรุงให้แข็งแรงขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์ได้มั่นคงแข็งแรงต่อไป..เดินออกมาหน้าเฮือนหญังกินพ่อครูรู้สึกได้ถึงความสดชื่นถึงกับเอ่ยขึ้นว่า บ้านราชอากาศหวาน อากาศสด ผู้คนเรียบง่ายสงบ รู้สึกถึงความผ่อนคลายที่พ่อครูได้สัมผัสกับบรรยากาศที่บวรราชธานีอโศก…
เดินมาถึงหน้าเฮือนศูนย์สูญ ท่านปัจฉาทักว่าธง 45 พรรษาต้องนำออกแล้ว พ่อครูเย้าพวกเราว่าตอนนี้อาตมา 48 พรรษาแล้วทำให้พวกเราต้องรีบรับปากว่าจะนำธงมาเปลี่ยน…
เดินเลยขึ้นมาอีกนิดหน่อย พ่อครูถามหาต้นรักแรกพบไม่เห็นมีดอกเลย ท่านปัจฉาเลยชี้ให้ดูว่าลำต้นสูงขึ้นและดอกก็ออกเป็นกลุ่มๆ..ก่อนถึงเฮือนศูนย์สูญ ท่านเอ่ยว่าพญาแร้งบนป้ายเฮือนสูญหายไปแล้วมองขึ้นไปจะเห็นต้นบานบุรีและเถาไม้ต่างๆได้คลุมรูปปั้นพญาแร้งจนมองไม่เห็น…
พ่อครูกลับขึ้นมาที่เอือนศูนย์สูญ ก่อนจะเข้ามาภายใน มองเห็นงานศิลปะแกะสลักปูนที่ผนังเฮือนศูนย์สูญ มีผู้คนมากมายกำลังช่วยสมณะเข็นกรงล้อธรรมจักร เปรียบเสมือนอาคารหลังนี้เป็นแหล่งรวมของบุคคลอมตะที่มาฝึกฝนลดละกิเลสเพื่อช่วยเข็นกงล้อศาสนาให้อยู่คงทนอีกกว่า 2500 ปี..
เวลาประมาณ 11.40 น. พ่อครูลงมาฉันภัตตาหารเหมือนเช่นเคยในทุกๆวัน..หลังจากฉันภัตตาหารเสร็จเดินออกมาย่อยอาหารและตรวจตามที่ต่างๆวันนี้เป็นวันเสาร์จึงเห็นเด็กๆและนักท่องเที่ยวมาเล่นน้ำที่น้ำตกผาแหงนหนาตา…มองไปที่พ่อครูสังเกตเห็นความคล่องแคล่วปราดเปรียวและการทรงตัวที่สมดุลในแต่ละก้าวของพ่อครูเป็นสัญญาณที่ดีของ cyclic ใหม่แห่งการต่ออายุขัยให้ยืนยาวถึง 151 ปี..บริเวณลานสะโพหน้าพระพุทธาภิธรรมนิมิต กลุ่มงานศิลปะปูนปั้น ช้างและฮิปโปยังเป็นที่นิยมชมชอบของผู้ปกครองที่มีทารกและเด็กเล็ก…
..พ่อครูเดินไปที่หน้าทางเข้าน้ำตกผาแหงนพวกเราเห็นซองบุหรี่ทิ้งที่พื้น เก็บขึ้นมาดู พ่อครูไม่ทราบนี่คือกล่องอะไรเพราะไม่มีสัญลักษณ์บอกถึงการเป็นซองบุหรี่ซึ่งมีแต่โรคภัยไข้เจ็บที่น่ากลัว แม้จะมีการรณรงค์ให้ลด ละ เลิกอย่างไร ทั้งในทางโลกและทางธรรมก็ยังไม่สามารถทำได้สำเร็จ 100% ….
..พ่อครูมาถึงอาคารบวรบริเวณกลุ่มสิงห์ทั้ง 4 ตัว มองเห็นร่องรอยของเจ้าถิ่น(มูลนกเอี้ยง)ที่กำลังเข้ามาจับจองบริเวณตัวอาคารบวรทิ้งร่องรอยปฏิกูลไว้เลยน่าสงสารคนที่ทำความสะอาด….พ่อครูยืนชมสัตว์ในนิพพาน ผู้สร้างสรรงานชิ้นนี้ปั้นแต่งขึ้นมา ทั้งคชสีห์และสิงห์ พ่อครูชมว่าคนปั้น(คุณแสงศิลป์ เดือนหงาย) ไม่ได้เรียนมาทางนี้เลยแต่ สามารถสร้างสรรงานที่วิจิตรงดงามได้ขนาดนี้….เดินเลยมาถึงเรือเจิ้นเทิ่น บริเวณคลื่นใต้ท้องเรือ มีมาร 3 ตนกำลังลอยคอ ยักษ์ตัวใหญ่ร่างกายแดง มือซ้ายถืองู มือขวาถือถุงเงินหมายถึงเขาได้ถืออสรพิษไว้ทั้ง 2 อย่าง ซึ่งมันกำลังจะกลับมาทำร้ายเขาได้ทุกเมื่อโดยไม่รู้ตัว ยักษ์สีเขียวถือขวดสุราหมายถึงอบายมุขที่ทำให้เขาตกนรกไปโดยที่ยังมีชีวิต อยู่รวมถึงยักษ์โกนหัวมีเขี้ยว ห่มผ้าเหลืองถือถุงเงิน(อาจจะเงินทอนวัดด้วย) ซึ่งเป็นปัญหาอยู่ในศาสนจักรของประเทศไทยในปัจจุบัน…
..เลยมาถึงนิทรรศการพระโพธิสัตว์ 48 ปี 48 พรรษาพ่อครูสมณะโพธิรักษ์สร้างคนจนสุขสำราญเบิกบานใจ ซึ่งยังเปิดให้เข้าชมได้ทุกวัน และก็เป็นอีกวันนึงที่พ่อครูมีเวลาได้ยืนพิจารณาแต่ละบอร์ดอย่างตั้งใจ โดยเฉพาะบอร์ดของคำพิพากษาที่พ่อครูถูกกล่าวหาและเป็นผู้แพ้มากว่าสิบปี เดินมาถึงฤาษีอยู่ในถ้ํากะลามีพวกเราเย้าว่าฤาษีตนนี้ตอนนี้ย่อมมืดมิดยิ่งกว่าเด็ก 13 คนที่ยังติดอยู่ถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอนเสียอีก..เห็นเด็กนักเรียนกำลังเข้าห้องเรียนบูรณาการที่บริเวณนิทรรศการ ซึ่งนักเรียนสัมมาสิกขาราชธานีอโศกในช่วงงานไม่มีโอกาสได้มาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของหลวงปู่ ดังนั้นหลังจากจบงานคุรุแต่ละวิชาจึงได้มาบูรณาการให้นักเรียนได้ศึกษาประวัติศาสตร์ของหลวงปู่รวมถึงการกำเนิดของชุมชนราชธานีอโศก…
ท่านใดมาที่ราชธานีอโศกถ้าอยากจะทราบสถานที่สำคัญหรือเส้นทางเดินรถภายในชุมชนก็สามารถมาดูได้ที่บอร์ดสถานที่สำคัญบวรราชธานีอโศกภายในนิทรรศการพระโพธิสัตว์ได้..
…พ่อครูหยุดยืนดูที่ตู้เก็บของเก่าซึ่งเป็นภาพบรรพบุรุษและครอบครัวรวมถึงบริขารต่างๆ ..ส่องผ่านเลนส์สนใจ section ที่เป็นเหตุการณ์เกิดเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ช่วงการชุมนุมพันธมิตร ช่วงนั้นพ่อครูปลงผมเองแล้วลับมีดโกนด้วยตนเอง บนผ้าสบงแล้วพลาดถูกมีดโกนบาดเข้า เป็นแผล ตอนนั้นต้องเย็บถึง 7 เข็ม มีภาพบาดแผลรวมถึงสบงที่มีรอยขาดได้นำมาจัดแสดงภายในนิทรรศการนี้ด้วย…
อีกตู้หนึ่งที่สำคัญคือตู้แสดงสิ่งพิมพ์ซึ่งเป็นหนังสือธรรมะที่พ่อครูมีเจตจำนงที่จะพิมพ์หนังสือธรรมะให้ท่วมโลก มองไปเห็นหนังสือ “คนคืออะไรทำไมสำคัญนัก” เป็นหนังสือที่หลายคนได้อ่านถึงกับเปลี่ยนจิตวิญญาณมาสู่โลกใหม่…
ใกล้ๆกันพอเดินผ่านงานศิลปะอาริยบุคคล ระดับปุถุชนทำให้ได้คิดว่าตอนนี้เรายังแบกอะไรอยู่เต็ม 2 บ่า…พ่อครูหยุดดูที่บอร์ดสมณพรหมนา ผู้มีสยังอภิญญา ประกาศโลกนี้และโลกหน้าให้ผู้อื่นได้รู้ตาม เป็นแสงอรุณแรกที่ทำให้ลูกๆได้พบกับธรรมะที่เป็นโลกุตระ..
ณจุดเล็กๆใต้ขอบฟ้ากว้างมีบุคคลท่านหนึ่งที่เป็นจุดศูนย์รวมจิตวิญญาณโลกุตระประกาศโลกนี้โลกหน้าได้อย่างกล้าหาญ ชัดเจน แม่นยำ พ่อครูเคยกล่าวไว้ว่าแม้เส้นทางของการทดสอบจะขวางกั้นด้วยอุปสรรคและขวากหนามเพียงใด พ่อครูก็ยังยืนหยัดอย่างมั่นคงฝ่าฟันไป โดยไม่ถอยสักก้าว ไม่ลงใต้ดินแม้ครึ่งเมล็ดงาเดียว ..ณ ลมหายใจเฮือกนี้ท่านประสบความสำเร็จแล้ว เป็นข้อความของบอร์ดนิทรรศการบอกไว้ว่า ขอพูดตรงๆว่าภูมิใจเถิดเกิดเป็นชาวอโศก มองไปที่พ่อครูและอ่านคำความนี้ทำให้เกิดปิติอย่างบอกไม่ถูก…
…พ่อครูเดินมาที่ตลาดประชารัฐ Green market สนใจเฮือนหมอยาพื้นบ้านซึ่งเป็นร้านของ หมอได้คิด ดวงวงษาหรือหมอแตงไทที่ได้รับการยกย่องเชิดชูเป็นหมอพื้นบ้านที่มีผลปฏิบัติการดีเด่น มีสมุนไพรหลายตัวสำหรับให้คำแนะนำและบริการของผู้ที่รักสุขภาพทางเลือกแบบไทยๆ พ่อครูสนใจมัดยาที่สมุนไพรที่เขียนสรรพคุณรักษามะเร็ง พ่อครูหยิบขึ้นมาดู คุณกานแม่บ้านหมอแตงไทบอกว่าเป็นยาสมุนไพรไทยป้องกันและรักษามะเร็งและ มีไมยราพพันธุ์เล็กและไมยราพยักษ์ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวยาสมุนไพรรักษามะเร็งพ่อครูให้ความสนใจและบอกเสมอว่าไมยราพยักษ์นี้น่าจะมีการนำมาวิจัยเพราะเป็นพืชที่ขึ้นเองง่ายทนต่อทุกสภาวะน่าจะมีประโยชน์อะไรบ้าง…
วันนี้เป็นวันเสาร์จึงมีผู้คนมาท่องเที่ยวและมาแวะรับประทานอาหารที่ตลาดประชารัฐ Green market เห็นหนูน้อยทานก๋วยเตี๋ยวหมดเกลี้ยงชาม แม้กระทั่งน้ำก๋วยเตี๋ยวก็ไม่เหลือ มองแล้วน่าเอ็นดูเหลือเกิน พ่อครูทักทายหนูน้อยด้วยความเอ็นดู มีญาติธรรมมาจากตัวเมืองอุบลก็มาซื้อของและรับประทานอาหารที่ตลาดด้วยเช่นกัน..
เดินมาถึงร้านเล่นลาย สานเส้นพลาสติกวันนี้ได้รูปทรงตะกร้าแปลกใหม่มาอีกเช่นเคย
…ก่อนออกจากอาคารบวรมีผู้ชมทางบ้านเจอพ่อครูรีบมากราบและขอจับมือด้วยความปิติยินดีมาก..พ่อครูและคณะปัจฉากลับมาที่หน้าน้ำตกผาแหงนยังมีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจหนาตาเช่นเคย พ่อครูเดินมาที่หน้าน้ำตกผาแหงน นักท่องเที่ยวซึ่งเป็นชาวต่างชาติเผลอพลาดลื่นไถลตกลงไปที่บ่อน้ำหน้าน้ำตกผาแหงนโดยไม่ตั้งใจแต่ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บ…
วันนี้บวรราชธานีอโศกจึงเป็นบรรยากาศของการเรียนรู้ ได้เห็นถึงโลกนี้และโลกหน้าได้อย่างชัดเจน โดยมีทั้ง บุคคล สถานที่ให้ได้สัมผัสและศึกษาเรียนรู้เป็นที่ประจักษ์สมกับเป็นแผ่นดินพุทธ ที่ชาวพุทธน่าจะมาศึกษาเรียนรู้ให้เกิดสัมมาทิฐิกันได้อย่างแท้จริง