….บันทึกผ่านเลนส์ ส่องโพธิกิจ…ผู้นำที่เป็นแบบอย่างสัมประสิทธิ์ได้ทั้งรูปและนามได้อย่างสมบูรณ์
วันอังคารที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2561
แสงอรุณยามเช้ายังสดใสเสมอ ยิ่งได้เห็นพระโพธิสัตว์ที่ตื่นเต็มรับอรุณ มีเมตตากรุณาต่อทุกสรรพสิ่ง ยิ่งทำให้ทุกคนมีพลังต่อลมหายใจ ปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพ่อพระโพธิสัตว์ สิ่งที่พ่อครูปฏิบัติเป็นปกติในทุกเช้าก่อนนอน หลังจากกราบคุณพระรัตนตรัยเสร็จแล้วพ่อครูก็จะออกกำลังกาย 4 ท่าทันที โดยเฉพาะการวิดพื้น เมื่อคืนนี้พ่อครูวิดพื้นได้ 10 ครั้ง เช้านี้เพิ่มขั้นอีกเป็น 11 ครั้ง…
.. ท่านปัจฉา ดินไท เรียนพ่อครูว่า เมื่อคืนเจอหมูป่าแล้ว และรายงานเรื่องราวให้พ่อครูทราบ พ่อครูก็บอกว่า “ไปดูข่าวกัน” ช่องทางเดินข้างโบสถ์(โบสถ์ย้ายจากเรือในบุ่งมาอยู่ที่ชั้น 4 เฮือนศูนย์สูญ) กระแสการแยกขยะในชุมชนทำให้บริเวณโบสถ์เอง ก็ยังมีถังสำหรับแยกขยะอย่างน้อย 4 ถัง …ไม่นานนัก พ่อครูมายืนดูข่าวการพบเด็กทั้ง 13 คนพร้อมโค๊ชทีมฟุตบอล หมูป่า อะคาเดมี่ ที่เนินนมสาว เลยพัทยาบีชไปอีกเล็กน้อย ภายในถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ผ่านหน้าจอทีวีทั้ง 3 พ่อครูจะชั่งน้ำหนักเป็นประจำทุกวันหลังจากตื่นนอนและเข้ามาที่ห้องทำงาน วันนี้ชั่งน้ำหนักได้ 49.4 กก. ซึ่งน้ำหนักพ่อครูประมาณ 49-50 กก.เป็นมาตรฐานไม่ขึ้นไม่ลงมากไปกว่านี้มาหลายปี…
ประมาณ 11.17 น.พ่อครูลงมาฉันภัตตาหารตามปกติที่ชั้นล่างเฮือนศูนย์สูญ ครูติ้วกับน้องเพลง ถ้าพบพ่อครูลงมาฉันก็จะมากราบนมัสการทุกครั้ง หลังจากฉันภัตตาหารเสร็จ พ่อครูเดินย่อยอาหารเล็กน้อย ผ่านไปด้านหลังพระพุทธาภิธรรมนิมิต พบต้นกระโดนน้ำ3ต้นที่ล้อมมาปลูกไว้ทางเข้าน้ำตกหินน้ำไหล มี 1 ต้นอาการใบแห้งทั้งต้น ท่าทางจะไม่รอดแน่ แต่มีต้นอ่อนที่เพิ่งงอกขึ้นมา
พ่อครูเดินมาบริเวณหลังพระพุทธโต สังเกตเห็นต้นโพธิ์ 7 ต้นกำลังเติบโตงดงามดีแข่งกับต้นมะละกอ มะละกอด้านหลังพระพุทธโตรูปทรงลำต้นสูงชะลูดเกือบเท่าองค์พระแถมต้นมีทั้งดอก มีทั้งผล พ่อครูชี้ให้ดูความประหลาดของมะละกอที่สามารถมีทั้งดอกและผลอยู่ต้นเดียวกัน แต่ละต้นลูกค่อนข้างดก..เลยมาอีกนิดหน่อยจะเห็นเรือลำกกแฮก ซึ่งด้านล่างก่อสร้างเป็น Stone House เป็นการใช้ประโยชน์จากเรือที่ไม่สามารถแล่นบนน้ำได้ แต่นำเรือนั้นมาเป็นที่พักชั้น 2 และด้านล่างก่อสร้างเป็นสถาปัตยกรรมปูนปั้น พ่อครูเรียกว่าซิโตนเฮา…พ่อครูเดินขึ้นถนนตรงมูน ส่องผ่านเลนส์ไปที่พ่อครู เวลาเดินผ่านป้ายหินที่เขียนที่อยู่บวรราชธานีอโศก นอกจากหินที่เด่นตระหง่านรับกับท้องฟ้า มีเมฆขาวตบแต่งเหมือนปุยฝ้ายที่งดงามแล้ว..สังเกตดีๆจะเห็น posture ท่าทางของพ่อครูก็หลังตรง ลีลาการย่างก้าวสง่างามดั่งเช่นหินที่เด่นตระหง่านเช่นกัน…ด้านบนก้อนหินมีต้นข่อยหินยืนเด่นโดยท้าทายอยู่ได้โดยไม่มีดินหรือน้ำหล่อเลี้ยง
เดินมาถึงอาคารหน้าอาคารบวรเจออาเดือนแก้วที่นำคั่วมะระขี้นก ซึ่งจัดแบ่งให้กับหลายๆคนภายในชุมชน วันนี้ส่องผ่านเลนส์ก็ได้รับน้ำใจนั้นเช่นกัน ช่างใจดีอะไรขนาดนี้ ทำทีไรก็นึกถึงพี่น้องต้องจัดสรรและแบ่งกันตลอด พวกเราทำอะไรกินก็จะทำมาก ทำเสร็จก็จะต้องแบ่งพี่น้องในชุมชนได้รับประทานด้วยกัน..
ทุกย่างก้าวที่พ่อครูเดินสังเกตเห็น posture ท่าทางของบุคคลที่มีวินัยในการดูแลตนเองดีมากในวัย 84 ปีไม่มีหลังค่อมหรือเดินไม่ไหว มีแต่ความกระฉับกระเฉงว่องไว หลังตรง เป็นตัวอย่างให้ลูกๆได้เพียรปฏิบัติในเรื่องของการดูแลรักษาตนเองได้เป็นอย่างดีที่สุดในเรื่องการดูแลสุภาพ 8 อ.ในแบบฉบับพ่อครูสมณะโพธิรักษ์โดยไม่มีลิขสิทธิ์ใดๆ..
ทุกครั้งที่คณะท่านปัจฉาสมณะเดินตามพ่อครู ท่านเห็นขยะตามทางก็จะคอยเก็บมาทิ้งและแยกขยะ วันนี้เช่นกันท่านปัจฉาดินไท ได้เก็บขยะตามทาง การทิ้งก็สะดวกขึ้นเพราะมีถังขยะสำหรับแยกขยะไว้ตามจุดต่างๆง่ายต่อการทิ้งขยะ..
พ่อครูเดินมาบริเวณด้านหลังวิทยาลัยอาชีวะ ท่านปัจฉาหนักแน่นบอกให้ดูต้นไม้ยืนต้นหลายต้นมีทั้งต้นตะกู ต้นไทร พ่อครูเลยมีดำริที่จะปรับภูมิทัศน์บริเวณนี้เป็นที่นั่งสำหรับพักผ่อนและรับประทานอาหารกันในช่วงมีงาน รวมถึงบริเวณลานทรายหน้าอาคารบวรท่านก็มีดำริให้ล้อมต้นหว้าที่นาคำยอดมาไว้กลางลานทรายและนำต้นโพธิ์อีก 10 ต้นมาปลูกไว้โดยรอบลานทรายอีกด้วย..
พ่อครูเดินเข้ามาอาคารบวรอีกครั้งผ่านเรือเจิ้นเทิ้น หน้าเรือเป็นเกลียวคลื่นอวิชชาสีเงินที่นาวาบุญนิยมลำนี้ต้องฝ่าฟันให้พ้นอวิชชาให้ได้…ร้านตรงตรงข้ามเรือ เจิ้นเทิ้น ชื่อ”ห้านปันกัน”เป็นร้านค้าของชุมชนราชธานีอโศกซึ่งภายในจำหน่ายสินค้าผลผลิตและผลิตภัณฑ์ของชาวอโศกรวมถึงเครื่องอุปโภค ปัจจัย 4 เครื่องมือทางการเกษตรที่จำเป็นสำหรับพี่น้องเกษตรกรและชาวบ้านใกล้เรือนเคียง..
พ่อครูเดินขึ้นมาที่ชั้น 2 อาคารบวรฝั่งตะวันออก ทางเดินเป็นทรายล้างเสร็จแล้วดูเป็นระเบียบเรียบร้อย ท่านใดอยากจะมาชมวิวน้ำตกผาแหงน น้ำโตนก็สามารถมาชมได้ที่บริเวณชั้น 2 อาคารบวรเช่นกัน..สังเกตเห็นทางเดินที่เสาเหล็กแต่ละเสามีรังแตนหลายเสา ท่านใดที่ผ่านมาบริเวณชั้น 2 ของอาคารบวรก็ขอให้ระมัดระวังรังแตนด้วย..งานปูพื้นที่ชั้น 2 อาคารบวรยังไม่เรียบร้อยหลายจุด
พ่อครูมาดูกระจกแตกที่วางไว้หน้าอ่างล้างหน้า ท่านกำลังจะไปเก็บเพื่อตั้งขึ้นมาแต่พวกเรานิมนต์อย่าพึ่งจับเพราะอาจจะทำให้ได้รับบาดเจ็บได้ …
..ลงมาจากอาคารบวรช่างกำลังนำแผ่นแกรนิตขึ้นไปปูที่ชั้น 2หัวหน้าช่างได้ลงจากรถมากราบนมัสการพ่อครู จากนั้นพ่อครูเดินกลับมาหน้าอาคารบวรอีกครั้งสังเกตศาลาน้อยที่ลานทรายยังไม่เสร็จดีนัก พ่อครูมีดำริให้นำศาลาน้อยแบบนี้มาอีก 6 หลังถ้าทุกอย่างที่พ่อครูดำริเสร็จ ลานทรายนี้จะเป็นสวนหย่อมที่น่าอภิรมย์มากเพราะมีทั้งต้นโพธิ์ ต้นหว้า และศาลาพักเต็มพื้นที่ อยู่ใกล้กับแก้งสะโพที่มีน้ำใสไหลริน เป็นบรรยากาศที่รื่นรมย์ ธรรมชาติบำบัดให้จิตใจร่มเย็น เหมาะสำหรับการพักผ่อนและที่สำคัญเป็นสถานที่สัปปายะของผู้ปฏิบัติธรรมที่ใครก็สามารถมาได้อย่างสงบที่สุดเพราะปราศจากอบายมุขทั้งปวง..
พ่อครูเดินกลับมาที่หน้าน้ำตกผาแหงนก่อนที่จะขึ้นไปพักที่ชั้น 4 เฮือนศูนย์สูญ วันนี้พ่อครูเพิ่มสัมประสิทธิ์ให้ร่างกายอีกแล้ว พ่อครูหยิบดัมเบลล์ขนาด 1.5 กิโลกรัมมาออกกำลังยกขึ้นยกลง 25 ครั้งถือว่าเป็นครั้งแรกที่พ่อครูบริหารร่างกายบริเวณท้องแขนด้านบน เห็นแล้วทำให้ลูกๆต้องเพิ่มสมรรถนะตนเอง เพิ่มสัมประสิทธิ์ทั้งเรื่องการดูแลรักษาร่างกายตนเอง และเพิ่มสัมประสิทธิ์ในเรื่องของการพัฒนาจิตวิญญาณลดละเลิกกิเลสให้ได้ยิ่งๆขึ้นต่อไปอีก…