..บันทึกผ่านเลนส์ ส่องโพธิกิจ..เปิดโลกอาริยะด้วยชุมชนโลกุตระ
วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม 2561
วันนี้พ่อครูลงมาฉันเวลา 11.07 น. ท่านปัจฉาสมณะ ได้เตรียมภัตตาหารและการจัดสำรับไว้ให้พ่อครูเรียบร้อยแล้ว พ่อครูปัจเวกข์พิจารณาอาหาร โดยมีท่านปัจฉานั่งฉันอยู่ข้างๆ สมณะ สิกขมาตุ ญาติโยมแทบจะไม่เหลือแล้วในศาลา เพราะเข้าศาลาฉันกันตั้งแต่ 9 โมง สำหรับภัตตาหารของพ่อครูทีมแม่ครัวได้ปรับให้เหมาะสมตามที่พ่อครูมีเจตนาเพียง ให้มีกับข้าวซัก 2-3 อย่างก็พอ ไม่ต้องมากนัก แต่ทีมดูแลสุขภาพพ่อครูได้ขออนุญาตพ่อครู ในการทำอาหารมาให้พ่อครูเลือก ไม่ต้องฉันก็ได้ โดยจะเน้นที่น้ำพริกผักเป็นหลัก ส่องผ่านเลนส์สังเกตเห็นวันนี้พ่อครูฉันกล้วยเป็นลำดับแรก เป็นที่ทราบของทุกคนว่ากล้วยนั้นมีประโยชน์มาก หมอบางท่านบอกว่าอย่าคิดว่ากล้วยนั้นเป็นผลไม้ให้คิดว่ากล้วยนั้นเป็นอาหารเพราะมีคุณค่ามาก กล้วย 1 ลูกมีคุณค่าทางโภชนาการมากมาย… เวลาประมาณ 11.30 น. ฑิตเดิมแท้ ได้นำชาวจีนกลุ่มใหญ่เข้ามากราบนมัสการพ่อครู ทราบว่าเป็นชาวจีนมาจากหลายเมืองซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มารวมตัวกันในนาม “องค์กรลั่วเหอกั่ว”ซึ่งเป็นกลุ่มบุคคลที่ติดต่อสื่อสารกันทางออนไลน์มีสมาชิกเป็นหมื่นคนมีเจตนาในการรวมตัวกันเน้นเรื่องของสุขภาพและการมีชีวิตอยู่กับการเกษตรแบบอินทรีย์ ทำอยู่ทำกิน ไม่เป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อม โดยกำลังรวมตัวกันเพื่อที่จะเสนอขอรัฐบาลจัดตั้งชุมชนซึ่งก็จะคล้ายกับชุมชนของชาวอโศก พ่อครูถามกลับไปว่า “มาที่นี่ ที่นี่มีดีอะไร” ผู้นำองค์กรตอบว่า “ที่นี่คือชุมชนยั่งยืนในเรื่องของอาหารและสุขภาพรวมถึงการนำศาสนาพุทธมาใช้ในชีวิตประจำวันได้” พ่อครูบอกว่า ให้ปฏิบัติ พากเพียรต่อไป…
หลังจากพ่อครูฉันภัตตาหารเสร็จนั่งรถสัญญาตะวันเพื่อติดตามความคืบหน้าในการยกและเคลื่อนย้ายเรือ เห็นรถเครน 50 ตันของบ้านราช จอดอยู่ เลยไปหน้าน้ำตกหินน้ำไหล รถเครนที่เราจ้างมาจากบริษัทอื่นกำลังเตรียมยกเรือในบุ่ง พ่อครูลงมาจากรถสัญญาตะวัน เดินดูความเรียบร้อยและจะเดินไปบริเวณฐานที่จะนำเรือมาตั้ง เดินผ่านไปทางบ้านศิษย์เก่า แต่ก็ไม่สามารถผ่านไปยังฐานที่ตั้งเรือบริเวณสวนทำกินได้ พ่อครูจึงกลับออกมารอรถสัญญาตะวันเพื่อจะไปบริเวณด้านหน้าหมู่บ้าน ดูการยกย้ายเรือของเมื่อวานที่ยังไม่แล้วเสร็จ.. เดินผ่านมาแก้งไทบ้านเป็นอีกสถานที่หนึ่งมีลักษณะเป็นแก่งตามถนนระหว่างเกาะรัตนราชธานีเชื่อมกับถนนทางไปแม่น้ำมูน เป็นแก่งน้ำตกย่อมๆ เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจสำหรับทุกคนโดยเฉพาะนักเรียนสัมมาสิกขาในช่วงเย็นหลังจากได้พักรับประทานอาหาร ก่อนเรียนภาคเย็นจะเห็นนักเรียนสัมมาสิกขามาเล่นน้ำอาบน้ำกันอย่างสนุกสนานกันอยู่บ่อยครั้งซึ่งเรือที่ติดอยู่กับแก้งไทบ้านก็เป็นเรือหอพักของนักเรียนชาย เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่สามารถให้ทุกคนมาเล่นน้ำได้อย่างสะดวก สบายและปลอดภัย.. รถสัญญาตะวันมารับพ่อครูที่สี่แยกถนนตรงศูนย์ผ่านมาสะพานเชื่อมรัตน์ แก้งติดรามวันนี้ น้ำไม่ค่อยมีเพราะว่ายังไม่สามารถเปิดน้ำโตนได้เนื่องจากต้องแก้ไขระบบไฟฟ้าก่อนที่จะเปิดทำการ ไปถึงทีมหินสร้างเมือง วิษรุจน์ ได้มากราบนมัสการรายงานเกี่ยวกับการใช้เครื่องมือยกเรือจากสุสานเรือไปยังแท่นวางด้านบน..
พ่อครูไปดูที่บริเวณที่จะยกเรือ ที่เมื่อวานวางไว้ด้านข้างฐานตั้ง วันนี้ยกขึ้นฐานเรียบร้อยแล้วมองเห็นความสง่างามของเรือโดยรอบได้อย่างชัดเจนซึ่งเรือทั้งสองลำ ยังคงต้องมีการซ่อมแซมและก่อสร้างให้สามารถเป็นเรือนเรือใช้ประโยชน์ในการอยู่อาศัยหรือสำนักงานต่อไป ฐานด้านล่างสูง 3 เมตร 80 ก็จะทำเป็นสโตนเฮ้าส์ ซึ่งสามารถเป็นที่พักและใช้สอยได้อีกเช่นกัน.. พ่อครูกลับมาบริเวณสามแยกถนนตรงโม ไทเทิดธรรม ช่างไม้ประจำหมู่บ้านผู้สร้างเรือรามรักษ์มากราบนมัสการพ่อครู ท่านทักทายปราศรัยด้วยความเอ็นดูเนื่องจากไม่ได้พบเจอหน้ามาหลายวันแล้ว พ่อครูผ่านลงมาถนนตรงโมบริเวณสุสานเรือ เรือทั้ง 2 ลำถูกย้ายออกไปแล้วแต่ยังเห็นร่องรอยของเศษไม้ เศษเหล็กต่างๆทำให้นึกถึงท่านสมณะหินจริง ถ้าทราบเรื่องท่านคงไม่ปล่อยทิ้งไว้เช่นนี้อย่างแน่นอนต้องมาเก็บไปไว้ที่ สขจ.เพื่อนำไปรีไซเคิลต่อไป.. ท่านกลับมาดูเรือลำสุดท้ายก่อนหน้านี้เป็นเรื่องที่อัศจรรย์มากสภาพของเรือลำนี้ไม่เป็นอย่างนี้เลยเหมือนเศษซากเรือที่ไม่สามารถประกอบเป็นเรือได้ น่าจะนำเศษไม้ไปทำฟืนหรือ แยกส่วน ออกจากกันมากกว่าแต่ด้วยทีมช่างมุสลิมจากจังหวัดอยุธยาที่มาซ่อมและสร้างขึ้นมาใหม่ มีความยินดีในการซ่อมเรือและมีฝีมือในการซ่อมเรือชำนาญมาหลายปี ทำให้เศษไม้ที่เรียกว่าต้องทิ้งแล้วถูกประกอบขึ้นมาปรับปรุงต่อเติมจนเป็นเรือซึ่งวันนี้ต้องรีบยกขึ้นด้านบนเพราะอีกไม่นานก็จะถึงหน้าฝน น้ำก็จะท่วม ถ้าย้ายไม่ทันเรือก็จะเสียหายไปอีกจึงต้องยกเรือขึ้นไปซ่อมด้านบนเพื่อป้องกันความเสียหายในช่วงฤดูฝนที่กำลังจะมาถึง..
ระหว่างนั้น อาเจมส์ เพชรพลังได้บินโดรนให้พ่อครูดูโครงสร้างเรือ ช่วงที่ยกด้วยศิษย์เก่าส้ม จากปฐมอโศกมากราบนมัสการพ่อครูบอกติดตามพ่อครู จากเพจ Facebook ของกองทัพธรรม FP มาตลอด .. ..เนื่องจากพ่อครูหยุดดูงานย้าย บริเวณสามแยกพอดี ทำให้ลูกๆที่ผ่านไปมาเห็นก็มากราบนมัสการ ทีมสหกรณ์บุญนิยมเช่นกัน อาซึ้งดิน อากอล์ฟ อาขวัญตะวันเพิ่งกลับมาจากญี่ปุ่นได้นำนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นซึ่งได้ไปช่วยงานกันมา ทั้ง 2 ท่านเมื่อคบคุ้นกับพวกเราจึงอยากมาดูเรียนรู้เรื่องราวชาวอโศก เข้ามากราบนมัสการพ่อครู อาหนึ่งน้ำนำมะม่วงผลใหญ่มาจากกรุงเทพ ก็ได้ฝากอากอล์ฟถวายพ่อครู พวกเราไปที่ไหนก็มีคนคงอยากทราบว่ามีความเป็นอยู่เช่นไรดังชาวญี่ปุ่น 2 ท่านนี้ถึงกับนั่งเครื่องบินตามมาดูถึงถิ่นชาวอโศกเลยทีเดียว.. ..นั่งดูอยู่นานพอสมควร ช่วงเวลาประมาณบ่าย 2 โมงเรือยังยกไม่ได้ คงต้องใช้เวลาอีกนาน พ่อครูจึงเดินทางกลับไปพักก่อน ผ่านมาทางชุมชนคุ้มย่านบาปซอย 8 ยังเป็นป่าไม้ที่ควรรักษาและร่มรื่นเสมอ…ผ่านมาทางเรือรามรักษ์ เข้ามาภายในชุมชน เห็นโต๊ะหินชุดใหญ่มีนกยูง 2 ตัวภายใต้ร่มจามจุรี บริเวณนี้ถือว่าเป็นจุดนัดพบของทุกคนที่มาบ้านราช ถามกันว่านัดเจอกันที่ไหน ก็จะบอกกันว่า มาเจอกันหน้าเฮือนสูญตรงข้ามห้องน้ำกางเกงยีนส์เป็นที่รู้กันว่าคือบริเวณนี้เพราะมีที่นั่งพักรอขนาดใหญ่และร่มรื่นตลอดทั้งวัน… พ่อครูเดินขึ้นชั้น 4 เพื่อพักผ่อนเตรียมงานแสดงธรรมในช่วงเย็นสังเกตเห็นดอกบัวสวรรค์บานสะพรั่งที่สวนเอาพิษออก สะดุดกับชื่อบัวสวรรค์ นึกถึงคำสอนพ่อครูที่ให้พวกเราฝึกจิตกับผัสสะที่เจอให้ไม่มีนรก ไม่มีสวรรค์ หมดทุกข์ หมดสุขนรก สวรรค์นรก สุขทุกข์ไม่มี แต่อยู่ในจิตวิญาณ เป็นธรรมะที่ทำให้เราเรียนรู้กับทุกสิ่งที่มีผัสสะ มีกรรมนิยามประพฤติตนเป็นดังพีชะนิยามหรือพืช ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุขกับโลกธรรม โลกกาม โลกอัตตา มีสัญญาตามที่กำหนดเพียงแค่เติบโตมีชีวิตเหมือนพืชเท่านั้นจึงงดงามดังดอกบัวสวรรค์ซึ่งไม่มีเวทนา ไม่มีสุข ไม่มีทุกข์กับผัสสะที่มันเจอยังเป็นดอกไม้ที่ชูช่องดงามเหมือนกันแทบทุกดอก..ถึงกาละก็ร่วงโรยเฉาเหี่ยวไปเองตามธรรมชาติแบบไม่มีตัวตน