610709_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ตอบปัญหาพาให้รู้โพธิสัตว์ 9 ระดับ
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://drive.google.com/open?id=1YNLuPPsDAineC1-8Ubrkuggimhov6M5KWfH5iW8dPWc
ดาวโหลดเสียงที่.. https://drive.google.com/open?id=1L3sYcbLdYUBGVgzpDvvFK6Ral-0gkAUp
สมณะเดินดินว่า…วันนี้วันจันทร์ที่ 9 กรกฎาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก วันนี้เป็นวันที่คนไทยปิติยินดีที่หมูป่าคนที่ 5 ออกมาแล้ว เท่าที่ดูทุกอย่างเขาต้องวางแผนกันหลายขั้นตอน ปฏิบัติงานทุกอย่างให้เป็นความลับสุดยอดหมดเลย เกิดปรากฏการณ์รวมพลังด้านบวกทั้งในประเทศและต่างประเทศ เหมือนกับเป็นคนครอบครัวเดียวกัน ทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อน เป็นคนแปลกหน้าด้วยซ้ำ แต่เป็นคนแปลกหน้าที่คนอยากพบเจอที่สุด
พ่อครูว่า…ก่อนอื่นขอคุยกับ sms ก่อนSMS วันที่ 8 กค. 2561
_8498เลือกตั้งเป็นคำไทยครบงาม เลือกก็ได้ ตั้งเองก็ดี ขอให้ได้คนดีมาทำงานคนที่คิดคำว่าเลือกตั้งนั้นมีภูมิ คือว่ามีทั้งเลือก ทั้งตั้งให้เลือกใช้
พ่อครูว่า…เมืองไทยมีพระเจ้าแผ่นดิน เลือกก็ได้ ตั้งก็ได้ ถูกต้อง
_3867ปรองดองกับจิตสำนึกไร้สปิริตโอบอภิสิทธิ์ชนอุ้มด้วยกฎมิชอบฯสุขสงบสันติฤาจะเกิด?สมานฉันท์กับจิตสำนึกกลับใจเอื้อสิทธิมนุษยชนอารีด้วยกฎโดยชอบฯประโยชน์สุขเกิดจริงได้ด้วยชอบธรรม!กบสิ้นโศก
พ่อครูว่า…คือคนนี้รู้มาก เลยเก็บมาร้อยเรียงมาได้อย่างนี้ ก็ขอติงไว้ว่า รู้มากจะยากนานได้นะ
_ปัญญา บรรลุผล · ผมชอบมากๆม.ราชธานีอโศกครับว่างเมื่อไรจะไปหาครับ
พ่อครูว่า…มาเลยๆ
_พอล แจนเซ่น · ทุกเรื่องที่พ่อท่านเมตตาเทศน์มาล้วนเชื่อถือศรัทธาและพยายามปฏิบัติตามพลอินทรีย์ของสัตว์ผู้น้อยครับ แต่มีสิ่งเดียวที่รับไม่ได้คือรักผู้นำรัฐบาลปัจจุบันไม่ลงแม้จะอ่านหนังสือความรัก10มิติก็ไม่สามารถทำใจได้จริงๆขอรับ กราบนมัสการขออภัยสุดเกล้าสุดเศียรจริงๆ สาธุ(มิบังอาจอยากเห็นแย้งพ่อท่านเลย)
พ่อครูว่า…ไม่มีปัญหาหรอกใครจะเห็นแย้งอาตมาไม่มีติดใจอะไรหรอก อาตมาไม่เคยติดใจอะไรใครที่เห็นแตกต่าง คนเห็นดีด้วยก็ดีแล้ว ส่วนคนเห็นต่างก็เห็นต่างกันได้ อิสระเสรีภาพดีไม่มีปัญหาอะไรหรอก
_จาก พชร ทองอ้ม… ได้ฟังเรื่องนายกฯตู่มีความเป็นประชาธิปไตยมากกว่าโดนัล ทรัมป์แล้ว ผมอยากรบกวนถามว่า รูปแบบไม่สำคัญเท่าวิธีการที่จะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในบริบทที่เป็นไปได้ในสถานการณ์ปัจจุบันนั้นๆใช่ไหมครับ?
พ่อครูว่า…ใช่ จะเป็นรูปแบบก็ตาม จะเป็นบัญญัติเป็นหลักเกณฑ์ก็ตาม ก็เป็นเพียงการกำหนด สาระสำคัญจริงๆนั้น มันอยู่ที่ ความรู้ของคนแล้วปฏิบัติได้ตรงได้ผลดี ผลดีที่ว่า ก็อยู่ที่คนที่รู้ว่า ตนเองได้ปฏิบัติ(พ่อครูไอ ตัดออกด้วย)
สมณะเดินดินว่า..ทุกวันนี้แม้แต่ชื่อว่าประชาธิปไตย แต่พฤติกรรมนั้นยอดของเผด็จการเลย ไม่ว่าคนจะออกมาประท้วงสักเท่าไหร่ กี่สิบล้านก็ไม่ยอมออก
พ่อครูว่า…ส่วนมากจะเป็นอัตตาธิปไตย ประชาธิปไตยต้องเป็นความเห็นของมวลชนรวม ถ้าเป็นความเห็นของตัวเองก็เป็นอัตตาธิปไตย ก็เอามารวมกัน เราจะไปยึดเอาความเห็นของเราอย่างเดียวไม่ได้ จะไปยึดถือเอาความเห็นของโลกอย่างเดียวก็ไม่ได้ ต้องประมาณ
อาตมาทุกวันนี้ก็ทำงานประชาธิปไตยเพราะศาสนาพุทธเป็นสุดยอดประชาธิปไตย ประชาธิปไตยจะต้องชัดเจนจริงๆว่า มันคืออะไร
อาตมาพูดและพยายามสรุปหัวใจของประชาธิปไตยเอาไว้แล้ว
ประชาธิปไตยมีหัวใจอยู่สองหัวใจ
-
อิสระเสรีภาพ 2. ความไม่มีอัตตาตัวตน
2 เรื่องนี้เป็นเรื่องของจิตวิญญาณ อิสรเสรีภาพและไม่มีอัตตา ไม่ยึดตัวตนเป็นหลัก แต่ก็ต้องมีส่วนตนที่มีความเจตนาดีปรารถนาดีที่จะทำให้แก่สังคม ไม่ใช่ว่าตัวเองไม่รู้เรื่องอะไรเลย ให้โลกจูงดึงไปหมดเลย ตัวเองไม่มีความคิดอะไรเลย ก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ก็เป็นควายตัวหนึ่งให้เจ้านาย ให้โลกเป็นเจ้านายดึงไปดึงมาอย่างเดียว โลกเราต้องช่วยเขา ก็คือสังคมที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มหมู่เป็นประเทศ เรามีความคิดขึ้นมา มีความคิดถูกผิดดีไม่ดี เราก็ต้องใช้วิจารณญาณของเรา ต้องมีความรู้ว่า มีความมั่นใจในความรู้นั้นของตัวเองด้วย ว่าอันนี้ดี ถูกต้องมั่นใจและพยายามทำความคิดของเราลงไปในสังคมประเทศชาติ ไม่เช่นนั้นเราก็ไร้ค่าไร้ประโยชน์ไม่มีอะไรเลย
คุณคนนี้ก็ดูเป็นกลางๆ คุณพชร ทองอ้ม
อาตมาเชื่อมั่นว่านายกฯประยุทธ์มีความเป็นประชาธิปไตยมากกว่าโดนัล ทรัมป์ เพราะอเมริกาสร้างลัทธิประชาธิปไตยขาเดียวมานาน คนอเมริกาจึงมีความยึดมั่นถือมั่น เอียงไปข้าง บอกว่าประชาธิปไตยนั้นคือ ตามที่เขาคิด แต่ละคนอิสระที่ตนเองตามที่แต่ละคนคิด หรือใครก็ตามที่คิด ประชาธิปไตยที่เขาคิดนั้น เขาไม่ได้เรียนรู้เรื่องอัตตา ไม่ได้ล้างกิเลสส่วนตน เพราะฉะนั้นความคิดของแต่ละคนซึ่งมีความคิดเห็นส่วนตนเป็นหลัก หรือเห็นตามอัตตาตัวเองเป็นหลัก เพราะเขาไม่ได้เรียนรู้ศึกษาโลกและอัตตา ศาสนาอื่นไม่ได้สอนมีแต่ศาสนาพุทธที่สอนเรื่องนี้ เมื่อเขาไม่ได้เรียนรู้เขาก็มีอัตตาโดยที่เขาไม่รู้ตัว และอัตตาก็ทำตามแต่ละคน
เพราะฉะนั้นความเป็นประชาธิปไตยของประเทศที่เป็น ประชาธิปไตยแบบดังกล่าวนี้ ต่างคนต่าง อัตตา ต่างคนต่างเห็นว่า ประชาธิปไตยก็อย่างที่ กูคิด กูเชื่อ เป็นประชาธิปไตยที่ สัมมะปิ ปนกันเลอะไปหมด ต่างคนต่างก็ของกูๆ แล้วมันจะเฉลี่ยแบ่งออกไปได้อย่างไร ทุกคนก็คิดเห็นอย่างนั้น เป็นประชาธิปไตยที่ต้องใช้อำนาจ กูจึงได้เป็นผู้บริหารชนะการเลือกตั้ง เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดได้ เพราะฉะนั้นการเรียนรัฐศาสตร์เขาจึงเรียก การเมือง คือ การแสวงหาอำนาจ รัฐศาสตร์การเมืองคือการแสวงหาอำนาจ ผู้ที่เข้าไปบริหารปกครองก็คือผู้ที่แย่งอำนาจมาได้
ตรงนี้อาตมาขออธิบายเลยว่าผู้ที่สมควรจะได้ไปบริหาร ถ้าหากแย่งอำนาจอยู่ก็ยังไม่ใช่ประชาธิปไตยแม้สักนิด ส่วน ประชาธิปไตยจริงคือประชาชนเขาเห็นด้วยให้คนนี้ขึ้นไปบริหาร ที่นี้จะให้คนในประเทศทั้งหมดนั้นเห็นด้วยกับคนๆใดคนหนึ่งก็ไม่มี หมดประเทศเลยไม่ได้ ยาก มีถ้าจะให้พูดแล้วมียกเว้น แต่เขายกเว้นนี้ เป็นข้อสมบูรณ์แล้วด้วย ที่ว่าเป็นข้อสมบูรณ์ก็คือว่า ผู้ที่ประชาชนจะยอมยกให้ขึ้นไปบริหารเป็นรัฏฐาธิปัตย์องค์ยอดจริงๆเลย ไม่ว่าจะกี่ปีก็คนนี้แหละ มีความเห็นขัดแย้งกันน้อยที่สุด เหมือนอย่างที่ในประเทศไทยยกให้ในหลวงรัชกาลที่ 9 ขัดแย้งกันน้อยที่สุด พวกแดงที่ไม่ยอมรับในหลวงกับพวกที่ยอมรับทักษิณระวังพวกนี้เอง ที่จะไม่เห็นด้วย ซึ่งเป็นคนส่วนน้อย
แต่พระองค์ทรงงานมา 70 กว่าปี ประชาชนยอมรับเลย ยอมรับนับถือว่านี่คือสุดยอดแห่งนักประชาธิปไตย และก็เป็นนักประชาธิปไตยที่โลกเขารับรองด้วย อาตมามองเห็นชัดว่า ในหลวงได้ประพฤติตามครรลองทฤษฎีของพระพุทธเจ้า แม้แต่ที่สุดคำตรัสที่บอกว่าต้องบริหารแบบคนจน ขาดทุนของเราคือกำไรของเรา มันเป็นโลกุตรธรรม 100% ซึ่งไม่มีโลกประชาธิปไตยที่ไหนเขามาพูดหรอก ประชาธิปไตยประเทศไหนก็ไม่พูดอย่างในหลวงรัชกาลที่ 9 ว่าต้องบริหารแบบคนจน ใครฟังก็หูหักทั้งนั้น รัฐมนตรีเกาหลีมาถามฟังแล้วก็น่าจะหูหักไปเลย ทุกคนก็เชื่อว่าไม่ได้พูดเล่น พูดจริง เขาก็ต้องหูหัก บริหารประเทศแบบคนจนจะบริหารอย่างไร
พวกเราชาวอโศกสงสัยไหม นี่แหละคือ นักประชาธิปไตยสูงสุด ผู้ที่ต้องการมาจนและจนสำเร็จจนอย่างสุขสำราญเบิกบานใจ พวกชาวอโศกนี่แหละเป็นนักประชาธิปไตยที่ปฏิบัติตัวเองบรรลุผลสุดยอดแล้ว ในโลก เป็นนักประชาธิปไตยเบอร์หนึ่งในโลกพวกชาวอโศกนี่แหละ ได้อยู่ในประเทศไทยในคนไทย จะพยายามอธิบายเรื่องนี้ตลอดเลย ถือว่าในหลวงทรงฝากฝังไว้ ให้สืบทอดประชาธิปไตยแบบคนจน
เพราะฉะนั้นนักบริหารประเทศทั้งหลายเอ๋ย โพธิรักษ์ขอเตือนสติท่าน ในหลวงท่านฝากไว้แล้วนะ เงี่ยโสตสดับบ้าง แล้วศึกษาให้ดีว่าเศรษฐกิจแบบคนจนเป็นอย่างไรเป็นศาสตร์พระราชานะ เขาก็พูดอยู่ว่าจะทำตามศาสตร์พระราชา ศาสตร์พระราชาก็คือบริหารแบบคนจนต้องทำคนให้จนลงไม่ใช่บริหารประเทศให้คนไปรวย ถ้าหากบริหารประเทศให้คนไปรวยนั้น เชิญเถิด ตลอดชาติอีกกี่ชาติก็บริหารไม่เสร็จ
แต่ผู้บริหารประเทศมาเข้าใจคนจนเป็นคนจนยิ่งใหญ่อุดมสมบูรณ์มีใจเสียสละอย่างชาวอโศกนี่แหละคือสำเร็จ อาตมาเคยบอกแล้วอาตมาทำงานกับชาวอโศก อาตมาทำสำเร็จแล้วแม้ยังไม่ถึง 50 ปี ท่ามกลางความเข้าใจไม่ได้ของคนทั้งโลก นักประชาธิปไตยนักรัฐศาสตร์จบด็อกเตอร์กี่ใบก็เข้าใจยาก แต่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเข้าใจ จะทรงตรัสอย่างนั้นเลย นี่คือความยิ่งใหญ่ที่สุดที่ประเทศไทยมี ประเทศอื่นทุกประเทศในโลกก็มี 200 กว่าประเทศก็ยากจะเข้าใจว่า มาทำประเทศให้จน จนอย่างมีคุณสมบัติจนอย่างมีคุณภาพ อย่างชาวอโศก เกิดความสุขสำราญเบิกบานใจสงบสุขอบอุ่น ทุกอย่างมันจบ สบาย เป็นสังคมอยู่เย็นเป็นสุข
มันสูงสุดถึงขั้นเศรษฐกิจระดับสาธารณโภคี สมาชิกสังคมนี้ทำงานเสียภาษีร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วจะไม่สุดยอดได้อย่างไร มีประเทศไหนทำได้ สังคมไทยทำได้ จริงๆนะ พูดนี่รู้สึกยิ่งใหญ่ เหมือนโพธิรักษ์คุยเลย แต่ไม่ใช่แค่ตรรกะภาษาปรัชญามาพูดและเป็นไปไม่ได้แต่นี่เป็นไปได้ทำได้แล้ว แล้วก็อาศัยอันนี้ประพฤติอยู่เป็นวัฒนธรรม
เอ้า ถามซิ …ใครที่มาเป็นอยู่ที่นี่แล้วรู้สึกว่ามันไม่สุขสำราญเบิกบานใจไม่อยากอยู่ที่นี่เลยยกมือขึ้น แล้วคนที่มานี่ก็เป็นหน้าเก่าๆ คนหน้าใหม่มีน้อย คนหน้าใหม่ก็คงโน้มเอนมาทางนี้แล้ว
_สมพร ชุมสงค์ …จริงๆแล้วพ่อท่านกล่าวถูกต้องทุกประการ แต่บางประโยคมันไปขัดกับกิเลสของบางคนก็เลยว่าไม่ใช่
_Ton Son Son Son….. หมดศรัทธา ตรงไปสนับสนุนไอ้ตู่นี่แหละ
พ่อครูว่า…ก็ขอแสดงความคิดเห็นว่าความไม่พอใจไม่ชอบใจนี้มันเป็นความทุกข์นะ ก็เห็นแก่สังคมแก่คนอื่นบ้าง อาตมาก็เป็นสมาชิกในสังคมประเทศไทย อาตมาก็เห็นว่านายกฯตู่คนนี้ บริหารได้ประโยชน์ได้ดีทีเดียว ก็เห็นดีเห็นควรว่าให้ทำงานไป มันไม่ตรงกับคุณแน่นอน จะมีคนที่ไม่เห็นด้วยอย่างอาตมา ที่บอกว่านายกฯตู่บริหารดี ก็คงจะมีพวกเราที่เห็นเช่นเดียวกัน คุณน่าจะเป็นส่วนน้อยในประเทศไทย ที่ไม่ชอบนายกฯตู่ก็คงจะเป็นพวกแดงหรือทักษิณ
สมณะเดินดินว่า…อาจเป็นพวกเหลืองเข้ม ก็ว่าผิดทั้งบิ๊กตู่และพวกแดง
พ่อครูว่า…ก็ให้เขาบริหารเองก็แล้วกัน
_Loy Chunpongtong ……..
ทรัมป์เป็นอันธพาล แต่ระบบของอเมริกา ยังให้ประท้วงได้ครับ
คำว่าประชาธิปไตยเป็นชื่อของระบบ ไม่ใช่ชื่อนิสัยของบุคคล
พ่อครูว่า…อาตมาว่า จะเป็นระบบ ระบบนี้เป็นรูปธรรม นิสัยของบุคคลเป็นนามธรรม แยกระบบออกจากนิสัยของบุคคลจากกันไม่ได้ เพราะฉะนั้นระบอบประชาธิปไตยก็ต้องมีบุคคลที่มีนิสัยอย่างไรๆ อย่างใดอย่างหนึ่งเข้าไปใช้ระบบ เข้าไปทำงานกับระบบ เพราะฉะนั้นควรจะมาแยกระบอบแยกนิสัยกัน แล้วเอามาพูดกันไม่รู้เรื่องหรอก เพราะระบบมันก็ต้องอาศัยคนที่มีนิสัยไปใช้ระบบ ระบบเฉยๆจะทำอะไรได้ มันไม่ได้มีอะไรหรอก ที่มันมีเรื่องเกิด เพราะตัวบุคคล ไม่ใช่ระบบ
ต่อให้ชื่อระบบที่เละเทะเลวร้ายอย่างไรก็ตาม แต่ถ้าบุคคลนิสัยดีปัญญาดีมีความรู้มีสมรรถนะดี ทำงานมันก็ดีอยู่แล้ว ชื่อระบบจะเป็นไอ้บ้าอะไร แต่ผู้ปฏิบัตินี้เป็นสุดยอดแห่งอัจฉริยะ ใช้ระบบชื่อว่าไอ้บ้าก็ได้ ไม่เห็นเป็นปัญหา
_Rugpong Sripetpong….. การประกาศตัวเองเป็นอรหันต์มีทั้งผลดีและผลเสียนิ่งเอาไว้ไม่ดีกว่าหรือครับ
พ่อครูว่า…อันนั้นเป็นความเห็นของคุณ คุณเห็นว่า ถ้าประกาศอรหันต์นี้มีทั้งผลดีและผลเสีย คุณเห็นว่า ถ้านิ่งไว้นี้ดีกว่า แต่อาตมาเห็นว่ายุคนี้และมีอาตมาในยุคนี้ อาตมาเห็นว่าอาตมาควรประกาศดีกว่า เพราะว่า
ประเด็นที่ 1 เขาไม่เข้าใจศาสนาพุทธแล้ว อาตมาก็ต้องประกาศว่าอาตมานี้รู้จักศาสนาพุทธ รู้จักศาสนาพุทธและก็ประกาศว่าเป็นพระอรหันต์ เพราะอะไร เพราะว่ามันมีอรหันต์เดา แล้วอรหันต์จริงมีไหมก็นี่ไง จึงต้องมายืนยันอรหันต์จริง เขาจะได้เห็นว่า อ๋อ อรหันต์จริงมีอย่างนี้หรือเป็นอย่างนี้หรือ อรหันต์ที่เขาเข้าใจไม่เหมือนกับอาตมาแน่นอน ถ้าคนจะเข้าใจว่าอะไรคือคนนิ่งๆเงียบๆสุภาพ คำว่าสุภาพเป็นคำกลางๆ สุภาพคือคนที่ไม่ใช่อ่อนแอ ความหมายของเขาคือสุภาพ เป็นคนอ่อนแอคนไม่กล้า นั่นคือคนสุภาพแบบความหมายจริงๆของเขา แต่ว่าสุภาพแท้ๆของพระพุทธเจ้านั้น สุภาวะคือ คนแข็งแรง คนกล้าหาญ คนกล้าพูด กล้าแสดง กล้ารับผิด คนกล้ารับถูก คนมีภูมิปัญญา คนที่มีความจริงคนเฉลียวฉลาดคืออรหันต์ อรหันต์คือคนกล้า คนมีภูมิรู้มีความจริงจึงต้องออกมาแสดงความจริง เพื่อยืนยันว่าอย่าเดา
คนเดาความเป็นอรหันต์ไม่ออกหรอก ยิ่งจะไปครอบงำพาเข้าใจผิดมาไกลและนานแล้วศาสนาพุทธในเมืองไทย จนเข้าใจอรหันต์ว่าเป็นอรหันต์เก๊ไปหมดเลย และเดาว่าอรหันต์เก๊เป็นอรหันต์จริง อาตมาเลยต้องพยายาม อาตมาจะอยู่ยืนยาวไปเท่าไหร่เชียวจะยืนยันว่าทำไมพุทธเจ้าเป็นอย่างนี้ อาตมายืนยันประกาศเพื่อให้ถือสรรสาระที่อาตมาอธิบายตรวจสอบในพระไตรปิฎก 1. ตรวจสอบว่าตรงตามพระไตรปิฎกไหม 2. ลึกซึ้งตามพระวจนะตามคำสอนพระพุทธเจ้าไหม 3. ตามคำความอธิบายต่างๆลึกซึ้งไหม 4. ดีไหม อาตมาที่อธิบายไปนี้อย่างนี้ถูกไหม แต่มันดีหรือไม่ดี คุณก็มาแย้งได้ ว่ามันไม่ดีมันไม่ถูก ของพระพุทธเจ้าต้องถูกและดีคุณก็แสดงออกมาถ้าจะมาก็จะได้อธิบายว่าดีของคุณเป็นอย่างนี้นะ
เช่น ดี ความเป็นอรหันต์ของคุณคุณเข้าใจว่า 1. อรหันต์ประกาศตัวไม่ได้เป็นต้น เป็นอรหันต์ก็บอกไม่ได้เป็นต้น เขาเข้าใจอย่างนี้ เขาก็บอกว่าบอกได้กับอุปสัมบัน บอกกับอนุปสัมบันไม่ได้ หากบอกกับอนุปสัมบันก็ปาจิตตีย์
สรุปแล้วอาตมาว่าในกาละนี้ จำเป็นจะต้องมีคนกล้าคนจริง อย่างอาตมากล้ารับผิดกล้ารับชอบ แม้แต่ผิดใครว่าผิดก็กล้ารับ กล้ารับผิดอย่างหน้าชื่นตาบานเลย เพราะอาตมามั่นใจว่าอาตมายอมแพ้ได้แต่ไม่ยอมผิด อาตมามั่นใจว่าแสดงสิ่งที่ถูกไม่มีผิด ไม่เอาสิ่งที่ผิดมาอธิบายมายืนยันพยายามจริงๆ อาจจะมีบกพร่องว่าอาตมารู้ยังไม่ครบก็อาจจะผิดได้ เพราะอาตมายังไม่ใช่พระพุทธเจ้าก็อาจจะบกพร่อง อาตมามั่นใจว่าอาตมาแสดงไม่ผิดหรอก มีแต่จะลึกซึ้งขึ้นไปเรื่อยๆทุกวันนี้
เพราะฉะนั้นทำการประกาศตอนนี้ ขออภัยอย่างผู้ที่ชื่อรักพงษ์ ศรีเพชรพงษ์นี่ ก็ออกความเห็นมาก็เอามาวิจัยวิจารณ์ให้เกิดความรู้ ไม่ได้แย้งได้เถียงอะไรหรอก ขยายความให้มีความรู้เพิ่มเติมขึ้น
อาตมาเองกำลังเอาพระไตรปิฎกอัมพัฏฐสูตรมาอ่าน ก็จะอธิบายต่อก็ยังไม่ได้ เพราะวันนี้มีเด็กมานั่งสลอนอยู่เต็มเลย
_พระที่ใส่จีวรสีเหลืองมันผิดพระธรรมวินัยใช่ไหมคะ เพราะเหตุใด
พ่อครูว่า…ผิด เพราะเหตุว่าพระพุทธเจ้าไม่ให้นุ่งไม่ให้ใส่ เป็นเหตุผลของพระพุทธเจ้าอาตมาไม่ได้เคย อธิบายละเอียดว่า สีที่พระพุทธเจ้าห้าม ใช้คำว่าห้ามเลยนะ พระพุทธเจ้าห้ามไว้ไม่ให้ใช้สี 7 ชนิด ในพระไตรปิฎกเล่ม 5 ข้อ 169
1.สีครามล้วน 2.สีเหลืองล้วน 3. สีแดงล้วน 4.สีบานเย็นล้วน 5. สีดำล้วน 6. สีแสดล้วน 7. สีชมพูล้วน (พตปฎ. เล่ม 5 ข้อ 169)
คำว่า ล้วน บาลีว่า สพฺพ (สรรพะ)
สีน้ำตาลไม่มีในนี้ พระพุทธเจ้าใช้คำว่าสีน้ำฝาด กาสาวะ สีเปลือกไม้ เปลือกไม้มีสีแดงล้วนก็มีสีน้ำเงินล้วนก็มีสีครามลดก็มี แต่ถ้ากล่าวว่าสีเปลือกไม้หมายถึงสีน้ำตาล เหตุผลอาตมาไม่รู้ลึกซึ้ง
สู่แดนธรรมว่า…เพราะว่าประชาชนเพ่งโทษว่าไปนุ่งห่มสีเหมือนชาวบ้าน
พ่อครูว่า..ชาวบ้านชอบสีเด่นๆ สีล้วนๆ แต่ถ้าสีปนๆไม่เด่น พระพุทธเจ้าให้เป็นเช่นนั้น ไม่เหมือนชาวบ้านไม่ให้หลงแฟชั่นสี เป็นวินัยเลย
_ชาวอโศก เพื่อมวลมนุษยชาติแปลว่าอะไรคะ
พ่อครูว่า…แปลว่า ชาวอโศกเรานี่ มาศึกษาฝึกฝนตัวเองและเป็นคนรับใช้มนุษยชาติ ทำงานเพื่อมนุษยชาติ มีชีวิตเพื่อมนุษยชาติ อย่างนี้เป็นต้น
_เรื่องที่มีงูพันกัน 7 ตัวมันเกี่ยวกับอะไรคะ
พ่อครูว่า…นานๆทีจะพูด มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่ออาตมาพาคณะพวกเรา ไปปักหลักแห่งแรกเลย จะไปบำเพ็ญธรรมกันที่นั่น จะไปพักกันที่นั่นเป็นสถานที่เป็นเสนาสนะ ของพวกเรานักบวช และก็ผู้ที่จะมา เป็นเสนาสนะของศาสนานั่นแหละ พอลงไปที่นั่นเสร็จ เข้าไปก็ไปเจองู 7 ตัว พันกันอยู่ นี่ก็เป็นเหตุการณ์ มันเกี่ยวอะไร มันเกี่ยวก็เรามีประสบการณ์ไปอยู่ที่นั่น ใครจะคิดไปไกลเป็นเรื่องลึกลับเป็นเรื่องมหัศจรรย์เป็นเรื่องวิเศษก็ว่ากันไปแล้วแต่จะคิด ถ้าไม่คิดก็คือเหตุการณ์ มันเกี่ยวอย่างไรก็เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่มันเกิดจริงเท่านั้นเอง สนใจจะไปอธิบายเป็นเรื่องมหัศจรรย์อะไรก็แล้วแต่ก็ว่ากัน
_กินเนื้อสัตว์มันบาปอย่างไรคะ
พ่อครูว่า…ตอบตามคำตรัส พระพุทธเจ้าเลย เนื้อสัตว์ที่เรากินนี้มันเป็นบาปที่ลึกซึ้ง เป็นบาปเป็นอันมากไม่ใช่บุญเลยตามคำตรัสของพระพุทธเจ้า
-
ผู้นั้นกล่าวอย่างนี้ว่า “ท่านทั้งหลายจงไปนำสัตว์ชื่อโน้นมา” (อุทิศ, อุททิสสะ คือ เจาะจงมุ่งหมายไปที่สัตว์ชื่อนั้น)
-
สัตว์นั้นเมื่อถูกเขาผูกคอนำมา ย่อมได้เสวยทุกข์โทมนัส
-
ผู้นั้นพูดอย่างนี้ว่า “ท่านทั้งหลายจงไปฆ่าสัตว์นี้”
-
สัตว์นั้น เมื่อกำลังถูกเขาฆ่าย่อมเสวยทุกข์โทมนัส
-
ผู้นั้นยังตถาคตและสาวกตถาคต ให้ยินดีไปด้วยเนื้อ ย่อมประสพบาปมิใช่บุญเป็นอันมาก (ตถาคตํ วา ตถาคตสาวกํ วา อุทฺทิสฺส ปาณํ อารภติ โส อิเมหิ ปญฺจหิ ฐาเนหิ พหุง อปุญฺญํ ปสวตีติ) ชีวกสูตร ล.13 ข.60
ข้อที่ 5 นี้บาปสูงที่สุด เจตนาคนเอาเนื้อสัตว์ไปถวายพระ เป็นอาหารอันประณีต เขาก็ว่าต้องปรุงด้วยเนื้อสัตว์จึงเป็นอาหารชั้นสูงชั้นประณีต ผู้ใดมีเจตนามุ่งหมายอย่างนี้แหละ ประสบบาปไม่ใช่บุญเป็นอันมาก
บาปมิใช่บุญ เพราะผู้ที่มีจิตถึงขั้นนี้โง่ โง่ตั้งแต่ 1. ไม่ควรไปจับสัตว์มา สัตว์ทุกตัวมันอิสระเสรีภาพ สัตว์ทุกตัวมันต้องไปตามวิบาก อย่าไปคิดจะไปจับสัตว์มาเลยด้วยวิธีใดๆ เพราะฉะนั้นเจตนากล่าวชื่อสัตว์ใดสัตว์หนึ่ง โดยมีเจตนาตามข้อที่ 2. คือจะต้องจับมา มันก็บาปตั้งแต่เริ่มต้นกล่าวชื่อแล้ว เพราะฉะนั้นไปจับมันมาอีกก็บาปหนัก เป็นปฏิภาคทวี ข้อที่ 3 .ก็คือจับมาแล้วฆ่าอีก ก็ยิ่งชัดเจนยิ่งขึ้น
เพราะฉะนั้นเรามาแนะนำกันอย่าไปนำสัตว์มาแม้จะไปเลี้ยง แม้จะให้สัตว์มันอยู่ ปรารถนาเพื่อประโยชน์ของมันก็อย่าเกี่ยวข้องกัน เพราะสัตว์ทุกตัวเกิดมาใช้วิบาก เราเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับมนุษย์ก็แสนยากแล้วจะไปยุ่งกับสัตว์มันเรื่องง่ายนักหรือ ชีวิตนี้อยู่กับมนุษย์ พยายามอยู่กันอย่างให้ดีมีความประนีประนอม อยู่อย่างช่วยเหลือเกื้อกูลกันให้ดีก็แล้วกัน สัตว์ก็ปล่อยมันเถอะไปตามวิบากของมัน อย่าให้มันมารักเรา เราก็อย่าไปแตะต้องมัน อย่างนี้นกหนู มันอยู่กันก็ปล่อยมันไปขี้รดก็เช็ด มันตกมาก็สุดวิสัย หากเราเห็นว่ามันมากเกินก็ไล่มันออกไป มันไม่ออกไปก็ไม่รู้จะทำอย่างไรปล่อยให้มันขี้ ก็เท่านั้นเองหรือว่าสัตว์มันดุร้าย สัตว์มันเป็นพิษก็ต้องเอาออกไป พวกนกที่อยู่นี่ อย่างมากที่สุดก็แพร่เชื้อโรค นิดๆหน่อยๆ
สรุปแล้ว กินเนื้อสัตว์มันบาปอย่างไร พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าบาป 5 ข้อนี้สุดยอดแล้ว ไม่เข้าใจ ท่านตรัสไว้ลึกละเอียดไว้มากแล้ว อาตมาก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้สุดยอดยิ่งกว่าพระพุทธเจ้าแล้ว
การเอาอาหารเนื้อสัตว์มาถวายพระพุทธเจ้าถวายภิกษุมันบาปเป็นอันมากถึงขั้นข้อที่ 5 มันไม่ใช่บุญถึงขั้นข้อที่ 5 เข้าใจบ้างไหม ว่ามันบาปหนักหนามหาศาล เพราะฉะนั้นแค่ไปกล่าวชื่อสัตว์ โดยมีเจตนาไม่ดี ตามข้อที่ 2 ข้อที่ 3 ข้อที่ 3 คือฆ่า ข้อที่ 2 คือจับมันมาให้ลำบาก 4 สัตว์ย่อมเสวยทุกข์โทมนัสทุกข์หนัก มันก็ยิ่งพยาบาท แล้วเอาเนื้อสัตว์ที่มีความพยาบาทโดยคนที่ฆ่า
เขาเป็นเลี่ยงบาลีว่าฆ่าเฉพาะเพื่อคนนั้นคนนี้ ความจริงความหมายชัดๆของคำว่าอุทิศ คือหมายความว่า สัตว์ที่มันตายเพราะคนไปเจตนาเจาะจงฆ่า ถ้าสัตว์มันฆ่ากันเองนี่แหละไม่ใช่ อุทิสมังสะ แต่ถ้าสัตว์ที่คนฆ่าคือ อุทิสมังสะ คนนี้แหละมีความเจาะจงเจตนาฆ่าอุทิสะ แปลว่าเจาะจงเจตนา สัตว์มันตายเพราะคนเจตนาฆ่า แต่ไปเบี้ยวบาลีว่า เจตนาฆ่ามาเฉพาะบุคคล ภาษาบาลีว่า สัญญจิจจะ(เจตนา) ปาณัง(มีชีวิต) ชีวิตา โวโรเปตุง (เจตนาฆ่า) บาลีมีเท่านี้ก็แปลว่าเจาะจง ใช่ คือจิตใจคนเจตนาเจาะจงฆ่ามัน แต่ไปเบี้ยวบาลีว่าฆ่าเพื่อเจาะจงบุคคลผู้นั้น คนไหนคนนั้นก็กินไม่ได้ บาป เลี่ยงไปโน่น เบี้ยวบาลีไปโน่น เวรจริงๆ ไปไกลเลย
เรื่องนี้อาตมาอธิบายไปๆมามากแล้ว กินเนื้อสัตว์มันบาป อธิบายยาวแล้ว มากแล้วนานแล้วเมื่อยเอาแค่นี้แหละ ใครไม่เชื่อก็กินไปเถอะ บาปใครบาปมัน
_ทำไมเขาถึงต้องให้หลวงปู่เข้าเป็นมหานิกายด้วยค่ะ
พ่อครูว่า….จริงๆแล้วนี่ เขาไม่ได้ให้อาตมาเข้ามหานิกายหรือธรรมยุติ แต่เขาจะไล่อาตมาออกจากทั้งสองอย่าง แต่อาตมาเองเจตนาไปเข้าต่างหาก อาตมาเอง ตอนแรกบวชในนิกายธรรมยุต สวดญัติ ตามพิธีกรรมสงฆ์ แล้วอาตมาก็ไปบวช สวดญัตติ เป็นสงฆ์ในมหานิกายอีก อาตมาก็เลยมีทั้งญัติ ของธรรมยุติและมหานิกาย ไม่ใช่เขาให้อาตมาเป็น เขามีนิกายกัน อาตมาไม่เคยเจตนาจะมีนิกาย อาตมาพยายามเลิก ไม่ให้มีนิกาย คนไหนแยกนิกายคนนั้นเป็นอนันตริยกรรมเป็นสังฆเภท
อาตมาอธิบายให้เป็นแค่นานาสังวาส ความประสงค์ของอาตมา พูดกันว่าอย่าให้ไปแยกนิกายกัน ใครไปทำก็อนันตริยกรรม ใครอยากจะรับก็รับไปเลยนิกายใครจะทำนิกายอาตมาไม่รับ เพราะฉะนั้นใครมาให้อาตมาเป็นนิกาย คนนั้นแหละเป็นอนันตริยกรรม เพราะว่าอาตมาไม่มีเจตนามีจิตอยากให้เกิดเลย แม้แต่พวกคุณก็อย่าไปทำกัน
คุณต้องเชื่อก่อนว่า มีนานาสังวาสแล้วปฏิบัติตามธรรมวินัยอย่างนานาสังวาสอย่างไรอย่างไรก็แยกกันทำอยู่แล้ว มันแยกโดยสัจธรรมก็ต้องแยก แต่แยกอย่างนานาสังวาสอย่าไปแยกขาดอย่างนี้กายมันเป็นอนันตริยกรรม
_ตอนที่หลวงปู่บวชใหม่ๆ โดนกล่าวหาเยอะใช่ไหม เอาเรื่องมาจากไหนแต่งเรื่องกล่าวหาหลวงปู่
พ่อครูว่า..ใช่
_ทำไมต้องสร้างน้ำตก แล้วถ้าไม่สร้างน้ำตกจะเป็นอย่างไรครับ
พ่อครูว่า…ทำไมไม่ให้หลวงปู่สร้างน้ำตก สร้างแล้วได้อาบน้ำตกไหมก็ต้องทำอย่างนี้ ทำไมต้องไม่ให้สร้างไม่ให้สร้างไม่ได้อาบน้ำตกนะ ไม่สร้างน้ำตกก็ไม่มีน้ำตกให้อาบให้เห็น ถ้ามีน้ำตกก็ 1.อย่างน้อยได้เห็นได้ดู 2.ให้อาบให้ใช้ ให้เกิดการสะพัดกระแสน้ำไอน้ำขึ้นมา บรรยากาศนิเวศวิทยาของหมู่บ้านเรา ก็จะมีกระแสน้ำ 3.ทำให้ออกซิเจนแตกตัวทำให้เกิดบรรยากาศกระจายออกซิเจนไปได้เยอะ อากาศก็จะดี ทำให้สูงอากาศจะได้แต่งตัวเยอะแล้วก็สวยดูด้วย
_สงครามต่อไปจะเป็นสงคราม 1. การค้าจีนกับสหรัฐ 2. สงครามศาสนาจะเกิดอีกไหมคะ
พ่อครูว่า…เขาก็ค้ากันทุกประเทศ ไทยเราก็ยังมีการค้าเลยกับจีนกับสหรัฐ เรื่องนี้อาตมาเข้าใจเรื่องการค้าขาย จึงมาพาพวกเรานี้ ให้เป็นผู้ที่ฝึกเลย ให้เป็นวัฒนธรรมสังคมแบบนี้ก็คือเป็นสังคมที่ค้าขายขาดทุน อย่าไปค้าขายเอากำไร นี่มันเป็นความดีงามเป็นความประเสริฐของมนุษย์ ซึ่งเป็นความคิดของคนประเสริฐ ถ้าความคิดของคนเลวคือค้าขายต้องเอากำไรเอาเปรียบเขานั่นเป็นความคิดของคนเลว อาตมาพูดซื่อๆอย่างนี้แหละ ถูกใครก็แล้วแต่ หากใครคิดว่าค้าขายขาดทุนนั่นแหละดี หากขาดทุนไม่ได้ก็เท่าทุนก็แล้วกัน ถ้าหากขายเท่าทุนก็ไม่ได้มันไปไม่รอดจะต้องหมุนเวียนมากกว่านี้ ก็ขายเกินทุน ก็ให้เกินน้อยๆอย่าไปเกินมาก ถ้าหากเกินมากขึ้นก็จะเลวยิ่งขึ้นๆ ใครขายเกินทุนมากยิ่งขึ้นคือเลวยิ่งขึ้นๆ บาปยิ่งขึ้นๆ ไม่ได้ใส่ความ แต่เรื่องจริงเป็นอย่างนั้น
ใครจะเข้าใจเรื่องการค้าขายอย่างที่อาตมาพูดไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเป็นเรื่องยาก อาตมาเข้าใจแล้ว แล้วก็พามนุษย์พวกเราทำ เมืองไทยมีพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระปรีชาญาณเข้าใจเรื่องนี้ จึงได้ตรัสเรื่องนี้ จริงมีหลักฐานยืนยันเอามาออกอากาศอยู่ทุกวัน ขาดทุนของเราคือกำไรของเราต้องทำแบบคนจน เป็นสัจจะที่ลึกซึ้งมาก ควรทำอย่างยิ่งและชาวอโศกเราก็ทำ จริงๆแล้วไม่ใช่แค่เป็นคำตรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 แต่เป็นคำตรัสของพระพุทธเจ้า เป็นทฤษฎีหลักของพระพุทธเจ้า ขาดทุนหรือเรามาเสียสละนี่แหละ สรุปรวมคำง่ายๆ จงเป็นคนเสียสละจงเป็นคนขาดทุน เป็นคนให้ผู้อื่นได้มากกว่าที่จะไปเอาเปรียบเขา เสียสละได้มากเท่าไหร่ดีเท่านั้น ถ้ามีปัญญาเข้าใจก็จบแล้ว
เพราะฉะนั้นคนเสียสละคือคนขาดทุนคนให้คนอื่นได้นี่แหละคือสุดยอด
ส่วนสงครามศาสนานั้น ศาสนาพุทธเกิดมา 2000 กว่าปีไม่เคยเกิดสงคราม
_ถ้าสมมุติว่า เราเข้าไปในสถานที่แห่งหนึ่ง เพราะคิดว่าจะมีของที่เราจะยืมมาใช้ได้ แล้วเราก็ไม่รู้ว่าที่นั่นคืออะไร พอเราเข้าไปเลยรู้ว่าเป็นกุฏิสมณะ แล้วเราจะบาปไหมคะ กุฏินั้นมันเหมือนที่เก็บขยะมากเลยค่ะ
พ่อครูว่า…เราจะโทษนักเรียนผู้ที่จะเข้าไปก็ไม่ได้ให้ เพราะว่าทำกุฏิให้เป็นที่เก็บขยะรก ทำให้เด็กเข้าใจผิดก็เป็นความผิดของสมณะที่ไม่ดูแลกุฏิ ปล่อยให้กุฏิเป็นที่เก็บขยะ ความผิดอยู่ที่สมณะ
_ต้นกำเนิดสิ่งมีชีวิตอยู่ที่ไหน
พ่อครูว่า…ต้นกำเนิดสิ่งมีชีวิตอยู่ที่พลังงานเริ่มตั้งแต่ จากอุตุนิยาม เป็นพลังงานที่ยังไม่มีชีวิต พลังงานเมื่อสะสมตัวเอง แล้วก็จะเกิดวิวัฒนาการเกิดการพัฒนาขึ้นมา เมื่อเกิดวิวัฒนาการมันจะเป็นอย่างนี้
รูป กับ นาม จะไม่ถึงขั้นรูปกับนาม ธรรมะ 2 บวกกับลบ นิวเคลียสเป็นความบวกกับลบ เมื่อทำงานขึ้นมาได้ระดับหนึ่งจะจับตัวกันขึ้นเกิด เป็นสามเส้า เรียกว่า ISH
I เป็นประธานเจ้าของอีก 2 พลังงานนี้ เกิดอัตตาตัวตนขึ้น อธิบายอย่างวิชาการพระพุทธเจ้าเมื่อจับตัวเป็น สามเส้า จึงยึดตัวตนว่า ตัวข้า มีลักษณะเป็นตัวข้าอย่างนี้อาการอย่างนี้จึงเกิดเป็น ชีวะขึ้นมาเรียกพีชธาตุ คือพีชนิยาม
จากพีชะ มันก็จะวิวัฒนาการเป็นจิตนิยามจากพืชก็เป็นสัตว์
วิวัฒนาการจากสามเส้า มากขึ้นไป มีนัยยะลึกซึ้งซับซ้อนไปอีกมาก
อันนี้เป็นความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าที่ค้นพบ เสร็จแล้ว สัตว์โลกที่เป็นมนุษย์จะเรียนรู้เรื่องกรรมแล้วจัดการเรื่องกรรม ให้อยู่เหนือ อัตตา ให้เป็น พีชะ แล้วเป็นสัตว์ จึงเกิดพลังงานจิตกับพีชะ จึงเป็นอรหันต์เป็นพลังงานที่มีคุณค่าประโยชน์ต่อสัตว์โลกอย่างมหาศาลนี้เป็นความตรัสรู้ของพุทธเจ้า
ขออภัยต้องยืนยันว่าหากไม่มีอาตมามาไม่มีใครอธิบายอย่างนี้หรอก ขอยืนยันว่าที่อธิบายนี้ถูกต้องไม่ใช่โมเมไม่ใช่เดาเอา เป็นเรื่องสัจจะตามพุทธเจ้าตรัสรู้ อาตมาก็เป็นผู้ที่รู้ตามพระพุทธเจ้าเป็นพระโพธิสัตว์ระดับ 7 จึงพออธิบายได้ ผู้ที่ไม่มีความรู้เท่าอาตมาอธิบายไม่ได้หรอก จริง ไม่ใช่กดข่มยกตนข่มท่าน พูดจริงๆ อาตมามีข้อด้อยที่ชอบพูดความจริงไม่ไว้ท่าด้วย ไม่รักษาท่าที เป็นคนไม่มีมารยาทสังคม เป็นข้อที่ด้อยของอาตมา
_ลูกอยากรู้ว่าอนาคตที่นี่จะเป็นอย่างไรครับ แล้วจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างครับ
พ่อครูว่า…อย่างน้อยที่นี่ก็สุขสำราญเบิกบานใจแล้ว ตอบว่าอนาคตก็สุขสำราญเบิกบานใจมากยิ่งขึ้นๆ เปลี่ยนแปลงพัฒนาให้ดีขึ้นจนถึงวาระเสื่อม ทุกอย่างเกิดขึ้นตั้งอยู่เสื่อมไปไม่มีอะไรจะไม่เสื่อม ให้เก่งเท่าพระพุทธเจ้า พุทธศาสนาของพระพุทธเจ้าก็ยังเสื่อมเลย แต่ธรรมะของพระพุทธเจ้าไม่เสื่อม คนนั้นเสื่อมจากศาสนาจากธรรมะของพระพุทธเจ้า
_หลวงปู่มีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเด็กที่ชอบพูดจาหยาบคาย
พ่อครูว่า…ก็เลวสิ อย่าฝึกอย่าหัด ตระกูลหลวงปู่ ตั้งแต่หลวงปู่เกิดมาตั้งแต่จำความได้ในตระกูลของหลวงปู่ ไม่เคยมีเห็นใครพูดกูพูดมึง ทุกครอบครัวในตระกูลหลวงปู่ พูดไม่ออก มันรู้เขาพูดกัน เพื่อนอาตมาพูดกับอาตมากูมึง อาตมาพูดกูมึงไม่ออก พูดได้แต่ลื้อ อั๊ว เอ็งข้า เท่านั้น พูดกูเป็น แต่พูดไม่ออก ไม่ยอมใช้ดีกว่า
_ข่าวหลวงปู่ลงหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ ไทยโพสต์แทบลอยด์ ที่หลวงปู่ว่า นายกประยุทธ์ดีที่สุดใช่ไหมคะในบรรดานายกฯที่มีมา ถ้าบ้านเมืองไม่สงบร่มเย็นหลวงปู่จะให้เขาตัดคอจริงไหมคะ อีก 10 ปีข้างหน้า
พ่อครูว่า…ก็พูดไปเท่านั้นแหละ ให้เขาทำไป 10 ปีถ้าไม่ดีให้ตัดคอ แต่ว่า 10 ปีถ้าทำจริงๆแล้วอาตมามั่นใจ เป็นความรู้สึกของอาตมา เขาบริหารดี มีการวางแผนมีการตั้งใจทำอย่างมีโครงสร้างมี Road Map เท่าที่เห็นชั่วชีวิตหลวงปู่เจอนายกฯมา 29 คน คนนี้เข้าตาที่สุด ก็เห็นว่า อย่างนี้ดีแน่ๆ แล้วก็ดีจริงๆแต่คนก็ใส่ความ เพื่อจะลดเครดิต ว่านายกฯตู่ ใส่ความไป เป็นเรื่องของการแข่งอำนาจ แต่จริงๆแล้วเป็นเรื่องดีถ้าทำไปได้สัก 10 ปีเชื่อว่าจะดี ข้อสำคัญนายกฯตู่จะเอาถึง 10 ปีไหม นี่ไป 4 ปีแล้ว อีก 6 ปี อาตมา 90 พอดีเลย อาตมาตีม้าล่อ
_มนุษย์เกิดมาไม่มีใครไม่เคยทำความผิดแม้จะดีที่สุดในโลกก็ตาม เมื่อทำผิดแล้วถูกลงทัณฑ์ก็ย่อมจะสำนึกผิด (เป็นบางคนก็ไม่สำนึก ถ้าหากจิตสำนึกตายด้านมาก) และก็คงจะเครียดน่าดู ขอโอกาสถามว่า 1. เมื่อเราทำผิดพลาดแล้ว ควรทำอย่างไรครับ
พ่อครูว่า…เมื่อเราทำผิดพลาดแล้วก็ศึกษาความผิดของตัวเอง แล้วจะแก้ไขความผิดนั้น ก็จงทำ จงทำ วิธีแก้ไขอย่างไรก็ถามผู้ใหญ่ดู ถ้าไม่รู้ ตัวเองก็พอรู้ก็เลิกสิ่งที่ผิด ก็รู้กันโดยทั้งนั้นโดยปฏิภาณ จะหยุดอย่างไรจะถาวรอย่างไร ก็ถามผู้ใหญ่ผู้รู้
-
เราควรจะบริหารจิตใจอย่างไรเมื่อโดนลงทัณฑ์ครับ