ธรรมปัจจเวกขณ์ (26)
24 มีนาคม 2519 ณ พุทธสถานแดนอโศก
เราพยายามพึงเพียร พูดก็พูดกันมาก อธิบายก็อธิบายกันมาก เตือนก็เตือนกันอยู่ ก็พยายามพึงทำความเข้าใจให้ลึกซึ้ง เข้าใจแล้ว แล้วมันยังทำไม่ได้ก็มีอยู่จริงๆ เพราะฉะนั้น อย่าประมาท ว่าเราสักแต่ว่ารู้แล้ว แล้วเรานึกว่าเราสำเร็จ ที่เรียกว่าเรากระทำได้โดยจริง มันไม่ใช่ วิมุตินั้นไม่ใช่แต่เพียงรู้ วิมุตินั้น มันจะต้องทำได้จริง กระทำแล้วมันก็ไม่มีทุกข์ หลุดพ้นจริงๆ เป็นไปโดยสบาย เป็นไปโดยไม่เดือดร้อนจริงๆ ว่าเราจะวิมุติ วิมุติในเรื่องใด ส่วนใด ที่เราเป็นอยู่ โดยธรรมดากับโลกเขา เราทุกข์เราก็ไม่ได้ทุกข์ เราทนเราก็ไม่ลำบากเหมือนเขา จึงจะเป็นผู้นำเขาได้ เขาทนได้ยาก เขาทนได้ลำบาก เขาโศกเศร้าโสกา ปริเทวนาการ ทุกขโทมนัส โอดโอย ลำบาก เป็นไปด้วยความคับแค้น แต่เราก็ไม่คับแค้น เป็นไปโดยง่ายโดยดาย เบิกบานแจ่มใส เป็นไปโดยรู้อยู่ตื่นอยู่ โดยเหตุโดยปัจจัยของมัน ว่ามันประกอบกันอย่างนั้น มันเป็นอย่างนี้ มันจึงเป็นอย่างนี้ หลีกพ้นได้ก็พ้นไป หลีกพ้นไม่ได้ก็ต้องปล่อยที่จิต วางที่จิต จิตต้องไม่ถือสา เพราะว่าเราจะต้องรู้เท่าทัน อันใดที่มันอยู่เหนือจิตเรา มันมาบังคับจิตเรา จนเราจะต้องเป็นทาสมัน จะต้องเข้าใจทุกข์ทุกอย่าง มาทางหูทางจมูกทางลิ้นทางกาย หรือแม้ที่เกิดอยู่แต่ใจเอง เราก็จะต้องรู้เท่าทันมันจริงๆ แล้วก็ปรับเปลี่ยนจิต หัดกับจิต เล่นกับจิต รู้จุดวางรู้สภาวะที่ว่าวางทำอย่างไร ปล่อยทำอย่างไร จิตมันโล่งมันสบายมันโปร่ง ทำอย่างไร ให้รู้จุดนั้นเป็นสำคัญ และทำเอาให้ได้ ทำให้ได้ ทำให้เก่ง และเอามาไว้ใช้ พอมันประสบอะไรแล้วมันเป็นโลภะ โทสะ อย่าให้มากเร่าร้อนรุนแรง ถ้าเป็นไปพอได้ และเป็นความเจริญ เป็นการสร้างสรรที่ดี ไม่ใช่เห็นแก่ตัว เราก็กระทำไป และใจของเราก็ยังวางซ้อนลงไปอีก และยิ่งทุกข์ยิ่งทรมานยิ่งโทสะ ตัดทีเดียว ไม่มีทางดีอะไร เราอึดอัดขัดเคืองลำบากใจ เศร้าหมอง หม่นหมอง หงุดหงิด ไม่มีประตูดีเลย ถ้ารู้อาการอย่างนี้อยู่ที่จิต ปล่อยทิ้ง ตัดทิ้ง เปลื้องทิ้ง โยนทิ้ง ให้จิตมันเบิกบานแจ่มใส ให้จิตมันโปร่ง มันโล่งมันง่ายมันเบา มันสะดวก มันสะอาด อย่าให้มันหม่นๆ หมองๆ อย่างนั้น ไอ้นั่นเป็นทุกข์ ตัวทุกข์แท้ ตัวทุกข์ชัดๆ ต้องรู้ลักษณะทุกข์อย่างนี้แล้วก็ตัดออก แม้เรายังมีการต้องการที่จะกระทำดีอยู่ ก็อย่าไปหลงมันมาก กระทำไปโดยดีโดยเต็มกำลัง ทำแล้วก็อย่าไปยึดมั่นถือมั่นในดี เราก็จะเป็นผู้ที่ได้เพิ่มภูมิขึ้นมาเรื่อยๆ ฝึกปรือเอาจริง แล้วก็มีฐานพัก มีจุดพัก
เมื่อรู้แล้วก็จะรู้ความจบของตน ว่าตนทำได้ดีถึงขั้นนี้ ปล่อยวางได้สบายแล้ว ทุกอย่างก็ไม่อึดอัดไม่ขัดเคือง ไม่มีอาการอึดอัดขัดเคือง อาการทุกข์โศกเศร้าหมองไม่มีเลย และจะมีแต่การมุ่งดี แล้วก็ไม่หลงดี ดีเกินไป จนกระทั่ง เขามาแข่งดีมาแย่งดี เขามาต่อต้านความดีบ้าง เราก็เกิดโกรธเข้าไปอีก ก็ไม่มี ไม่เกิดอีกเลย ใครจะมาว่า ลบหลู่ดูถูก ใครจะมาขัดขวาง ใครจะมาห้ามมาปราม ใครจะมาต่อต้าน ใครจะมาลบล้างยังไง ก็ไม่ไปโกรธไปเคือง เขาอย่างแท้จริง พยายามที่จะสามารถทำ ฝืน หรือดันไปได้พอสมควร เมื่อเราแน่ใจว่าดี ก็ดันไปบ้างพอสมควรแล้ว ถ้าเป็นไปได้ก็ทำ ถ้าเป็นไปไม่ได้ก็หยุดเลย ไม่โศกเศร้าไม่เสียใจไม่อาดูร เป็นไปได้อย่างนั้น ผู้นั้นก็สบาย ก็ดำเนินธรรมไปเรื่อยๆ มันจะสูงขึ้นๆ มีความเกื้อกูล กระทำไปแล้วก็มีความปล่อย ความวางได้สนิทแนบเนียน เบาสบายไป ไม่ทุกข์ร้อน เป็นผู้มีประโยชน์แก่โลก อย่างแท้จริง.
*****