ธรรมปัจจเวกขณ์ (57)
18 ตุลาคม 2519 ณ พุทธสถานสันติอโศก
ความตั้งใจดี จนมีสัมมาสังกัปโป หรือความดำริดี ในการที่จะผลักดัน ชีวิตของเราเอง แม้แต่กายกรรม แม้แต่วจีกรรม โดยจับได้ที่แต่ต้นจิต เรียกว่าสัมมาสังกัปโป สังกัปปะ อยู่ประกอบขึ้นที่จิต หยั่งลงที่จิต วางรากเหง้าที่จิต เมื่อเราพยายามที่จะมีธรรมะวิจัย พยายามที่จะวิเคราะห์วิจารณ์ มีวิตกวิจารให้รู้ ก่อนที่จะมีอะไรเกิดบทบาท หรือก้าวออกมาเป็นอายุ หรือกิริยา มีกรรมอะไรขึ้นมาตั้งแต่จิต แล้วจะส่งผลถึงวจี มโน ผู้ใดทำได้จริง ฝึกปรือจริง เป็นจริงอยู่เสมอ ทุกอย่างดีก็ได้อบรม ทุกอย่างดีก็ได้มีการฝึกปรือขึ้นมาจริง และก็เป็นไปได้ด้วย ตามที่เราตั้งใจดำริ แล้วก็ต้องพยายาม พิจารณาให้รู้ชัด ถึงความเป็นจริงว่าดีจริงถูกจริง โดยการใช้หลักสัตบุรุษเจ็ด หรือ สัปปุริสธรรมเจ็ดประการ พิจารณาไตร่ตรองทำตน เราได้กระทำไปเสมอ โดยจุดมุ่งหมายของเรา ที่ได้ฝึกเพียรกันมา และเราก็ได้ซับทราบผล ผลที่เราได้ทำตน ผลที่เราได้รู้ แม้ว่าการก้าวหน้า การเจริญขึ้นของเราเอง เราได้ฝึกหัดมา เราได้ปฏิบัติมา กายกรรมเราดีขึ้น วจีกรรมเราดีขึ้น จิตของเราได้ตั้งมั่นขึ้น เป็นสัมมาสมาธิยิ่งขึ้นๆ ด้วยปัญญา ด้วยเจโตที่มีฐิติ มีสมาบัติ มีฐิติ มีวุฏฐานะ จนเป็นกัลลิตะ เป็นโคจระ จริงๆ แม้ที่สุดบางสิ่งบางชิ้นบางอัน ทำได้อย่างสมุจเฉทเป็นอภินิหาร เป็นสมาธิอภินิหาร แล้วก็มีอยู่ รู้ชัด ไม่ใช่มีแต่ภาษา ที่พูดไปนี้ มีสภาวะมีของจริงที่เรา เราก็จะรู้ได้ด้วยเหตุด้วยปัจจัย บางสภาวะเราทำได้แล้ว เป็นความเบาความง่ายความว่าง ความที่เป็นสันติเป็นวิเวก เป็นความสงบระงับ พึงเป็นไปด้วยดี เราก็รู้วิมุติรส เมื่อซับทราบวิมุติรสนั่นแหละ เราก็เรียนรู้ในทางนิพพานที่แท้จริง นี่เป็นสิ่งจริง เป็นของจริง
ผู้ใดมีจงพึงมี ผู้ใดรู้จงพึงรู้ให้ชัด อย่าสงสัย อย่าให้มันสงสัยอยู่ ต้องเอามันให้ชัดเจนชัดแจ้งแน่ใจ ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ ให้เป็นบัณฑิต ให้เป็นผู้ฉลาดเอง ที่เรารู้ได้ด้วยตน สัมผัสที่จิตเกิดที่จิต รู้ได้ด้วยความรู้สึก รู้ได้ด้วยความจริงใจ มั่นคงแน่นอน นั่นก็เป็นของจริง เป็นสัจธรรมที่เราได้ฝึกเพียร เรามีแนวทาง เป็นไปด้วยความสงบระงับ ละหน่ายคลายเบาว่างง่ายสบาย และเราก็เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น ต่อไปอีก ตนรู้ความจริง ตนได้ของจริง ตนเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น ไปตามขั้นตอน แม้จะไม่ได้เป็นไปโดยตรง เราเป็นแต่หน่วยสนับสนุนอยู่ เป็นโดยอ้อมโดยไกล ก็ไม่ต้องกลัว เราก็ดำเนินไปเอง ถนัดไปเอง ชำนาญไปเอง เก่งไปเอง จะได้รับชื่อเสียงเอง แม้เรายังไม่มีปรากฏชื่อเสียง เราก็อย่าเพิ่งดิ้นรน ปรารถนาชื่อเสียงให้มากนัก มันจะก้าวหน้าไปเอง นั่นคือเราไม่ต้องไปหลงในสรรเสริญ เพราะสรรเสริญ มันยังเป็นโลกียะ ต้องพยายามช่วยกันไป เป็นไม้เป็นมือ เป็นขั้นเป็นตอน นี่ก็จะเป็นบทพิสูจน์จริง เป็นบทหรือว่าเป็นการกระทำจริง ที่เรากระทำอยู่ จงให้เห็นจริง อย่ามาปฏิบัติธรรม โดยไม่มีหลักไม่มีเกณฑ์ ไม่มีของจริง ไม่มีสภาวะ ไม่มีสภาพ แม้ที่สุดสภาพเป็นปัจจัตตัง เป็นปรมัตถ์ต่างๆ อย่างที่อธิบายโดยภาษา มาเทียบเคียงเข้า มีของจริงมีความจริงอยู่ แม้น้อยเราก็รู้ในส่วนน้อย แม้เป็นขณิกะ แม้เป็นชั่วครั้งชั่วคราว หรือแม้ที่สูงขึ้นแล้ว ใกล้เข้าไป ใกล้ความจริงเข้าไปเป็นอุปจาระ แม้ที่สุด แนบแน่นเป็นอัปปณา หรือเป็นส่วนที่เป็นตทังคะ เป็นชั่วครั้งชั่วคราว เป็นวิกขัมภนะชั่วครั้งกดข่มไว้ หรือมันจะเก่งขึ้นไปเป็นปัสสัทธิ เป็นนิสสรณะ สุดท้ายเป็นสมุจเฉท ก็ต้องให้รู้จริง ภาษาที่พูดนี่ หมายถึงอะไร และมีสภาวะอย่างนั้น จริงหรือไม่
รู้ให้จริง แล้วก็มีสภาพนั้นที่เราจริง เราก็ยืนยันอันนั้น แน่ใจขึ้นไปเรื่อยๆ เราจะยิ่งแน่ใจขึ้นไปเรื่อยๆ ตัวผมเอง ผมไม่เห็นมีอะไรน่าสงสัย และผมยิ่งเห็นความจริง ยิ่งปักมั่น ยิ่งแน่ใจ ยิ่งมั่นคง ยิ่งขึ้นๆๆๆๆ นับวันยิ่งๆขึ้น ยังไม่เห็นอะไรถดถอย ยังไม่เห็นอะไรจะเปลี่ยนแปลง มีแต่แน่นอนมั่นคง เข้าไปทุกทีๆ เพราะงั้น ตัวพวกคุณเอง คุณก็จะต้องพยายามสังเกตตัวเองเหมือนกัน แล้วก็เข้าใจ อย่าเลอะเลือน อย่าพร่าพราง ต้องให้มันสะอาดใส เด่นชัด แล้วเราก็จะเป็นผู้ที่สร้างศาสนา มีประโยชน์ตน มีประโยชน์ท่าน อันบริบูรณ์สูงสุดได้.
*****