ก.ค.122018ศาสนา610712_พ่อครูเทศน์ในพิธีบวงสรวงเจ้าคำผง ที่ เกาะดอนมดแดง อุบลฯ อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://drive.google.com/open?id=1MlsbfJvi7jhE5bqgbRL7bB2K0RYBYltzvcSRxq2kknE ดาวโหลดเสียงที่.. https://drive.google.com/open?id=1Oy7Zzf6LR6ebk_RNBByfYwhgpUu1M5mt พ่อครูว่า..วันนี้เป็นวันพิธีมงคลที่ดีมากเลย ได้ฤกษ์มาบรรจบครบวาระสำคัญที่เราได้รวมกันนัดแนะกันบ้าง ผู้ที่มาโดยไม่นัดแนะบ้างก็มาร่วมกันเพื่อที่จะผนึกน้ำใจทำความเข้าใจทั้งในด้านของประวัติศาสตร์ทั้งด้านของพฤติกรรมมนุษย์ชาติ โดยเฉพาะพวกเราชาวไทย เมืองไทยนั้นได้เป็นจุดศูนย์กลางของจิตวิญญาณโดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปหยกๆ เหตุการณ์หมูป่านี้ก็ตาม ผ่านมาตั้งแต่ปี 59 เหตุการณ์ บอมออฟเลิฟของในหลวงรัชกาลที่ 9 ก็ตาม มันเป็นเหตุการณ์ของปฏิกิริยาของจิตวิญญาณทั้งนั้นเลย ในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นพระโพธิสัตว์ อาตมาดำเนินสายโพธิสัตว์มาจนถึงปางนี้ก็ประกาศบอกกันไปแล้ว พูดกันย้ำซ้ำซาก ว่าอาตมาเป็นโพธิสัตว์ระดับนั้นระดับนี้ แล้วก็อธิบายเนื้อหาสาระแจกแจงขั้นตอนแจกแจงอะไรทุกอย่างในผู้ที่มีปัญญาจะเข้าใจชัดเจน สิ่งที่แสดงออกก็คือความรู้ที่เรามีจริงนั้นนั้นมันลงตัวกับความจริงไหม ความรู้จะต้องลงตัว รวมแล้วสรุปลงมันต้องเป็นความจริงที่ดิ้นไม่ได้ ความจริงมีสมมุติสัจจะกับปรมัตถสัจจะ ซึ่งทุกอย่างคำสอนของพระพุทธเจ้าครบหมดแล้วถ้าเข้าใจเรียบเรียงเอามาสรุปเอามากระจายเอามาสรุปมากระจายมาสรุป มันจะลงตัวเข้มข้นมาได้เรื่อยๆ จนกระทั่งดิ้นไม่ได้ไม่มีทางออกจบเป็นหนึ่งเดียว สัจจะมีหนึ่งเดียวเท่านั้น มันจะดิ้นไม่ได้ไม่มีทาง เป็น Axiom เป็นความแท้จริง ไม่ต้องเปรียบกับอะไรอีกแล้วไม่ต้องวิจัยวิจารณ์กันอีกแล้วเป็นต้น เหตุการณ์มาทุกอย่างมีเหตุรูปและนาม เรียกว่าวัตถุกับจิต 2 อย่างนี้เป็นธรรมะ 2 ทำงานร่วมกันมาตั้งแต่ อุตุนิยามมีพลังงานบวกพลังงานลบ จนมากระทั่งพลังงานระดับ พีชนิยาม ก็เกิดจากพลังงานบวกกับพลังงานลบ แต่พีชะก็เริ่มมีความเป็นชีวะ เริ่มเกิดในระดับพีชะ ซึ่งพีชะไม่มีเวทนาไม่มีวิญญาณ ไม่มีการจองเวรไม่มีความรู้สึกสุขทุกข์ เกลียดชัง ผูกพยาบาทรักผูกพันอะไรมันไม่มี มันมีแต่ตัวมันเองมีแต่ ISH เท่านั้น เพราะฉะนั้นมันก็ไม่รู้เรื่อง พีชะ มันก็มีได้เท่านั้น ส่วนกิจนิยามนี้พัฒนาพลังงานขึ้นมากลายเป็นชีวะในระดับสัตว์ เป็นจิตนิยามเป็นสัตว์ ตั้งแต่สัตว์เซลล์เดียวจนกระทั่งถึงสัตว์ล้านล้านล้านเซลล์ ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ แล้วก็มีการปรับปรุงมีการพัฒนาการมีความเจริญฉลาดระหว่างโลกกับอัตตา ระหว่างวัตถุกับจิต สังเคราะห์สังขารกันขึ้นมาจนกระทั่งยังไม่จบมันจะเฟ้อมันจะออกนอก จุดสมควรดูจุดพอดีไปอีกเยอะ เรียกว่าโลกจิตตา มันบานทะโร่ไปเรื่อย จิตวิญญาณมันพาให้บานออกไปเป็นโลกจินตา มันฟุ้งซ่านเกินกวาดไปแล้วเป็นต้น สิ่งเหล่านี้พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้เราก็ศึกษาตาม อาตมาก็ก้าวตามพระพุทธเจ้ามา จนถึงระดับ 7 นี่ก็รู้พอสมควร ก็ไม่ใช่น้อย แต่ก็ยังอีก ระดับ 8 ระดับ 9 พระพุทธเจ้าถือว่าเป็นระดับ 9 ชนเพดานแล้วอยู่ที่ศูนย์ พระปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ร้องจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์สุดท้ายในโพธิสัตว์มหาโพธิสัตว์ระดับ 9 อาตมาพูดนี่พูดด้วยความจริงไม่ได้อวดตัวตนไม่ได้อยากอวดอะไร แต่ว่ามาสถาปนา ความจริงลงไปในมนุษยชาติในยุคต่อไป จนกระทั่งใช้ความรู้และความจริงอันนี้ไปถึง จบ 5000 ปีซึ่งเป็นพุทธะกัปป์ของพระสมณโคดม อาตมานี่เป็นลูกแท้ๆที่สืบสานศาสนาพุทธเจ้ามาก็เลยต้องทำงานนี้ ถ้าเผื่อว่าชาตินี้อาตมาตอนนี้ปาเข้าไป 85 แล้ว ก็ใช้พลังงานทางศาสนานี่แหละที่ใช้ภาษาทางวิชาการว่าสัมประสิทธิ์ หรือพลังงาน coefficient และอาตมาก็มั่นใจว่าทฤษฎีนี้จะเป็นทฤษฎีที่ยิ่งใหญ่ เป็นทฤษฎีที่ต่อไม่จบ เป็นอายุวัฒนะ เป็นสัสดีที่ให้สร้างพลังงานนี้ โดยเฉพาะจิตวิญญาณถ้าผู้ที่สามารถสร้างได้ อาตมาพิสูจน์ตัวเองอยู่ อายุในกัปป์ของอาตมา 72 ปีก็ต้องตายแล้ว แต่อาตมาก็ใช้Coefficient ใช้สัมประสิทธิ์มาได้ 1 นักษัตรแล้ว 12 ปีแล้วอายุ 84 ปีตอนนี้ ขึ้น 85 ถ้าอยู่ถึง 96 ก็จะมั่นใจได้ถึง 1 นักษัตร ถ้าอยู่ต่อไปถึง 108 ชัวร์เลยเป็นสามเส้า มันจะเป็นสูตรนี้ ถ้าตามอายุ 108 อาตมาคงได้ nobel prize เขาคงยอมรับทฤษฎีนี้เป็นของโลกเลย เพราะว่าทางวัตถุนี้ยิ่งทำได้ง่าย ถ้าเป็นนามธรรมนี้ทำได้ยากกว่า อาตมาก็พยายามพากเพียรพยายามไม่ให้มันขาดพยายามไม่ให้มันสั้นไม่ให้มันกด ต่อให้ได้ต่อให้ได้ต่อให้ได้ไป ฝืนแต่มันเป็นการพิสูจน์ทฤษฎีนี้ ถ้าพิสูจน์ได้ทางโลกก็รับได้ทางนามธรรมก็ทำได้มันก็เป็นของดี เป็นแต่เพียงว่าอย่าเอามันไปใช้ในทางชั่ว อย่างไอน์สไตน์ก็สร้างE = mc2 แต่คนเอาไปเป็นระเบิดฆ่ามนุษยชาติอย่างนี้ แม้แต่ไอสไตน์ก็คิดไม่ถึงเสียใจว่าตัวเองไม่น่าเลย แต่มันก็ต้องเป็น มัน Born To Be มันต้องเป็นเช่นนั้น อาตมาก็มาต่อจากสูตรไอน์สไตน์มาเป็น E = mc2 + A จนมาถึงบัดนี้ E = C(mc2 + A) นี่เป็นสูตรที่อาตมาพัฒนาขึ้นมา ซึ่งกำลังพิสูจน์ ถ้าพิสูจอันนี้สำเร็จต้องเป็นที่ยอมรับ และก็เอาไปใช้ประโยชน์ได้แน่นอน และสังคมมันดีขึ้นตรงที่ว่ามันไม่เอาพลังงานไปทำเลวแล้ว รู้ตัวแล้ว มันเข้าใจแล้วเพราะฉะนั้นสังคมโลกก็จะหยุดแล้ว พลังงานแรงร้ายได้นะ แต่ไม่ได้เอาไปทำร้ายเพราะมีพลังงานที่มีฤทธิ์แรงพลังงานสูงเอามาสร้างให้เป็นประโยชน์ต่อสัตว์ทั้งหลาย เป็นประโยชน์ต่อสัตว์ทั้งปวง อย่างแท้จริง ก็จะเกิดคุณค่าที่ยิ่งใหญ่ อาตมาเองก็มาท้าวความงานนี้เป็นงานที่ รำลึกบวงสรวง ต้นตระกูลอาตมาก็มีเชื้อ หางๆ อาตมาก็ไม่ค่อยจะคล่องประวัติศาสตร์เท่าไหร่ขอเปิดตำรา จากหนังสือท้าวคำผงที่เป็นเล่มเล็กๆที่เป็นทวดของยายอาตมา ยายของอาตมาเป็นคนสุดท้ายของเชื้อวงศ์ อาตมาเกิดมาไม่รู้จักชื่อยายเลยคนทั้งหมู่บ้านเรียกว่า ญาแม่คุณ ๆๆ แล้วอาตมาก็ว่ายายเราชื่ออะไรก็ไม่รู้จัก จนโต จนน้องนุ่งมาศึกษาประวัติศาสตร์จึงได้รู้ว่ายายเราชื่อ บัพพาวันดี ลุงหมอสุรินทร์ก็เลยมาแปลงเป็นไทยว่าประภาวดี ก็สรุปแล้วก็คือ มาถึงวาระนี้มันก็มีทั้งสายเลือดก็สืบสายมา ก็หางๆไปแล้ว พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในอัมพัฏฐสูตร เราถึงเรื่องสายเลือดก็ดีความรู้ก็ดี และมีตัวเนื้อธรรมะความรู้ก็คือ บัญญัติภาษา ความจริงก็คือ สภาวะแท้ของสัจธรรม พระพุทธเจ้าก็บอกว่า ถ้าทิ้งเสีย มันจะไม่เหลือสัจธรรมเลย ถ้าเผื่อว่าทิ้งความรู้บัญญัติที่เป็นสัจธรรมบัญญัติที่ถูกต้องมันจะไม่เหลืออะไรที่เป็นตัวยืนยันของสภาวะ เพราะสภาวะนั้นเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป สูญ ก็จะมีบัญญัติตกทอดเหลือ ทุกวันนี้บันทึกการเป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่มากมายไม่ต้องกลัวจะสูญเลย ดีไม่ดีกดเอา ไม่ต้องไปแบกเล่มขนาดนี้หรอกกดเอา เจ้าไหนต่อเจ้าไหนบันทึกแข่งกันเลยไม่ว่าเจ้าไหนต่อเจ้าไหนตอนนี้ก็ยกให้ Google เป็นที่หนึ่งเสียเท่านั้นนอกนั้นก็เจ้าอื่นก็พยายามที่จะไล่ให้ทันให้นำหน้าให้แข่งกัน มันก็เป็นผลดีต่อผู้ที่จะสืบสาวราวเรื่องที่จะเชื่อมโยงอะไรต่ออะไรต่อไป สรุปแล้วบัญญัติก็เป็นสิ่งที่รักษาความจริง ที่เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป ความจริงจริงๆคืออะไร ความจริงจริงๆคือจิตวิญญาณ มันเป็นตัวหรือเป็นตัวจัดการ วัตถุมันจัดการไม่ได้หรอก วัตถุที่เป็นอุตุนิยามจัดการไม่ได้แม้แต่ พีชะที่เป็นชีวแล้วมันก็ไม่มีความสุขต่อเพราะมันไม่มีเวทนาไม่มีวิญญาณมันก็สืบต่อไม่ มันไม่รู้เรื่องสืบสาวราวเรื่องไม่ได้ จิตนิยามเท่านั้นสืบสาวราวเรื่องได้ ในบรรดา นิยามชีวิต 5 อุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยาม กรรมนิยาม ธรรมนิยาม ของพระพุทธเจ้านี้จบแล้ว อาตมานำมาบรรยายทุกวันนี้ เพื่อให้สืบสานเท่าที่เรารับผิดชอบคือธรรมะของพระสมณโคดม อาตมารับผิดชอบเท่านี้ ถ้าเผื่อว่าขณะนี้อาตมาเห็นว่าพลังงานระดับนี้ไม่น่าไว้ใจถ้าจะมาก็ต้องเกิดมาสืบทอด ปลูกฝังลงไปอีก แต่ถ้าคิดว่าไปรอดถึง 5000 ปี อาตมาก็บ๊ายบาย พัก แต่ยังนะ เพราะอาตมาตั้งาพุทธภูมิยังไม่สูญยังไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ยังจะเกิดมาอีกแต่ก็ขอพักหน้าที่ ที่จะทำเชื้อของศาสนาพุทธของพระสมณโคดมให้ครบ 5000 ปีเป็นหน้าที่ของอาตมา อาตมาพูดอันนี้ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ อาตมาไม่มีปัญหา ทุกวันนี้อาตมาหมดเนื้อหมดตัวเพราะอาตมามีความจริงแสดงความจริงออกไปหมดแล้วอาตมาก็ ไม่มีอะไรจะแย้งจะเถียงอะไรกับใครแล้ว อาตมามีหน้าที่ ที่จะพูดความจริงตามความเป็นจริงก็จบ ส่วนคนจะรับได้หรือรับไม่ได้นั้น ไม่รู้ไม่ชี้ คนจะย่ำยีดูถูกตีทิ้งอาตมาไม่มีปัญหาอะไร เพราะว่าขึ้นอยู่กับตัวแต่ละคนเขาจะเอาหรือไม่เอา ก็เรื่องของแต่ละคน เพราะฉะนั้นงานนี้เป็นงานที่จะสืบสานเป็นงานที่จะสืบต่อธรรมะของพระพุทธเจ้า กำลังพูด ด้วยศัพท์ง่ายๆ ว่ากำลังขึ้นหม้อ โลกกำลังขานรับ ลึกซึ้ง คัมภีรา (ลึกซึ้ง) ทุททัสสา (เห็นตามได้ผยาก) ทุรนุโพธา (บรรลุรู้ตามได้ยาก) สันตา (สงบระงับอย่างสงบพิเศษ แม้จะวุ่นอยู่) ปณีตา (สุขุมประณีตไปตามลำดับ ไม่ข้ามขั้น) อตักกาวจรา (คาดคะเนด้นเดามิได้) นิปุณา (ละเอียดลึกถึงขั้นนิพพาน) ปัณฑิตเวทนียา (รู้แจ้งได้เฉพาะผู้เป็นบัณฑิต บรรลุแท้จริงเท่านั้น) (พตปฎ. เล่ม 9 ข้อ 34) เพราะฉะนั้นตอนนี้พิสูจน์ความจริงพิสูจน์ความเป็นบัณฑิตพิสูจน์ความเป็นสัจจะสาระ เนื้อหาธรรมะที่แท้จริงจริงๆ ซึ่งตอนนี้กำลังเหตุการณ์อะไรต่ออะไร อาตมาถือว่าเหตุการณ์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่เป็น Bom of love ตั้งแต่ปี 2559 เป็นเรื่องที่กระเทือนโลก เป็นเรื่องบอมออฟเลิฟอย่างที่ไอน์สไตน์ เขียนจดหมายฝากลูกสาวทิ้งเอาไว้ ว่านี้จะเกิด แต่ว่าไอน์สไตน์ก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าจะเกิดเหตุอย่างไรจะเป็นอย่างไร เขามีภูมิรู้เท่านี้ จึงเขียนจดหมายทิ้งเอาไว้อัตโนมัติเจอจดหมายอันนี้ก็เลยเอามาเผยแพร่เอามาตีแผ่ เพื่อจะได้ประกาศยืนยัน อาตมาพูดก่อนเหตุการณ์ปี 2559 คำว่า bomb of love อาตมาเอามาจากภาษาของไอน์สไตน์ที่ใช้ภาษาอังกฤษเอามาขยายความยืนยัน สุดท้ายก่อนถึงปี 2559 คุณสมบัติคุณธรรมคนพิเศษของในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้ปรากฏตัวจริง เป็น Phenomenal เป็นปรากฏการณ์จริง คนผู้รู้ผู้มีปัญญาที่แท้จริงปฏิเสธไม่ได้ มันจึงเกิดเหตุการณ์นี้ ใครบังคับไปให้เขาตื่นตัว คนไทยนี้มีเชื้อของโลกุตระอยู่แล้ว ตื่นตัวเลยเป็นหนึ่งเดียวกันเลยคนต่างประเทศ ก็ตื่นด้วย ตื่นตาตื่นใจตื่นตัว ผู้ที่มีภูมิที่ตกอยู่ในต่างประเทศก็ประสานกันมา ขานรับวันนี้กันอย่างแท้จริง นี่ก็เป็นเรื่องลึกซึ้งเป็นเรื่องละเอียดที่เป็นจริงอยู่ในจักรวาลนี้อยู่ในมหาเอกภพนี้มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เป็นเรื่องที่ทั้งลึกและกว้าง อาตมาก็นำพิสูจน์เรื่องเหล่านี้ พิสูจน์ปรากฏการณ์ใหม่ ที่อาตมาสร้างพลังงานสัมประสิทธิ์ใหม่ Coefficient สามารถทำได้เป็นนามธรรมทางจิตวิญญาณไม่ใช่ทางไสยศาสตร์ไม่ใช่เรื่องลึกลับ ซึ่งอันนั้นพิสูจน์ได้ยากไปนั่งหลับตาเป็นไสยศาสตร์ทําได้ แต่ไม่สามารถอธิบายเป็นสื่อให้เรียนรู้ตามได้ แต่นี้มันได้ มันมีทฤษฎีมีตัวบัญญัติภาษา ตามหลักฐานไปได้ มันมีขา ที่โยงไปถึงกันมันไปได้มันเป็นธรรมะ 2 มันมี 2 ขาไม่ทิ้งกัน แต่อันนั้นมันหายไปเลยนอกจากมีขาเดียวแล้วมันสูญไปเลย สูญแล้วมือมิด ไปหาสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าเลย ไม่รู้เรื่องเลยจมหายไปเลย คลำหาไม่ได้ตามหาไม่เจอแต่ของพระพุทธเจ้านี้ ตามได้ มีสิ่งที่พูดที่มีภูมิรู้นำขึ้นมาอธิบายได้จึงไม่สูญหายไปจากเอกภพไม่สูญหายไปจากวัฏสงสาร ของพระพุทธเจ้านี้ไม่หายไปจากวัฏสงสารตามรู้ได้ แต่มันอาจจะถูกลืมทิ้งไปเป็นระยะได้ มันอยู่ในกฎของไตรลักษณ์เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป ไม่มั่นคงถาวรอย่างไม่วูบวาบไม่เปลี่ยนแปลงไม่ใช่มันเปลี่ยนแปลง แต่ผู้รู้ยังดึงขึ้นมาได้ เพราะฉะนั้นปรากฏการณ์ที่เรากระทำอยู่นี้ อาตมาขอย้ำ ให้ทุกคนมั่นใจเลย ว่า ดีแล้ว ดีที่สุดแล้ว อย่าวางมือ ช่วยกันคนละไม้คนละมือ อาตมานี้เป็นเพื่อนรักกันกับวิทยา(ที่เป็นอาของ พล.อ.นิรุทธ เกตุศิริ) เป็นเพื่อนสนิทกัน เสร็จแล้วเขาก็เสียไปก่อนแล้ว อาตมาก็เลยรับสู้สัมภาระอยู่ตอนนี้เขาก็ไปแล้ว แต่ก่อนร่วมเรียนอะไรต่ออะไรกันสนุก วิทยากับอาตมานี้ เขาเป็นคนชอบเรื่องถ่ายรูป สมัยนั้นยังไม่มีไอทีต่างๆ เทคโนโลยีต่างๆยังไม่เจริญ กล้องถ่ายรูปก็เป็นกล้อง box เป็นหลัก แต่ก็สามารถถ่ายรูปแฝดได้ ถ่ายรูปซ้อนกัน 3 ร่าง 4 ร่างได้ ไปถ่ายที่บ้านนั่นแหละลูกยังอยู่เลย อาตมานุ่งกางเกงขาสั้นเขาถ่าย คือบังเลนส์ จะเอากี่ร่างก็ปิดเปิดเอา กี่ส่วนๆ ก็เป็นเรื่องของเทคนิค แต่เรื่องของสัจจะเป็นเรื่องของวิญญาณเป็นตัวหลัก วิญญาณอะไร วิญญาณเป็นเรื่องที่ไม่มีตัวตน ผู้ใดทิ้งการยึดถือตัวตนของตัวเองได้มันสุดยอด ศาสนาพุทธนั้นไม่มีตัวตนแล้ว มีปัญญามีธาตุรู้รู้ที่จะรู้จักโลกและช่วยโลกเขาได้ ท่านจึงเรียกว่า โลกานุกัมปายะ เป็นผู้รับใช้โลกเป็นผู้ช่วยโลกโดยไม่ต้องไปนึกถึงตัวเองเลย …หลวงพ่อวัดหลวง…ได้นิมนต์ให้ พระพหรมวิชิรญาณ พบพ่อครู โดยที่ท่านจะได้กลับไปก่อน จากการมาเป็นประธานในพิธี ด้วยสัจจะก็เป็นอย่างนี้ อาตมาเป็นอาภัพบุคคล ปางนี้เกิดมา ซึ่งก็ไม่ได้น้อยใจ ที่พูดนี้ ไม่ได้ติดใจอาตมามีหน้าที่ทำความจริงให้ปรากฏเท่านั้น นอกนั้นเป็นไปตามเหตุปัจจัย ใครจะรับหรือไม่รับ รับบ้างไม่รับบ้างก็เป็นจริง อาตมามีหน้าที่ทำ โดยไม่คิดอื่นเลย ไม่ต้องการสิ่งตอบแทน ไม่ต้องการการยอมรับนับถือไม่ต้องการสิ่งที่จะย้อนมาให้แก่ตัวเองตัวเองสูญแน่นอน เพราะฉะนั้นจึงไม่มีปัญหาอะไรตั้งหน้าตั้งตาตั้งใจทำสิ่งดีๆนี้ให้ปรากฏแก่มนุษยชาติให้แก่สังคม ซึ่งทุกวันนี้ยิ่งทำให้อาตมามีกำลังใจ ที่จะทำเพราะว่าโลกขานรับ แล้วนี่ เราก็ต้องน่าทำมีผลกว้างขึ้น มีผลที่จะเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติเพิ่ม อาตมาก็เลยจริงต้องไม่เอานะ ไม่ตายง่ายๆน่ะ เพราะฉะนั้นตาอย่าเพิ่งพูดกับอาตมาเลย อาตมาไม่คุยด้วยเรื่องตาย อาตมาจะพูดถึงเรื่องเกิด เรื่องต่ออายุไปเรื่อยๆ เรื่องตายอาตมาเข้าใจแล้วจะตายเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ยากหรอก แต่ตายอาตมาไม่มีปัญหาอะไร อาตมาไม่มีปัญหาเรื่องตาย เพราะถ้าตายแล้วเราจะไม่สูญเราก็ต่อ เพราะอาตมาเข้าใจลักษณะของ อุปจยะ สันตติ ชรตา อนิจจตา แล้วก็ทำได้แล้วด้วย อาตมามีปัญหาอาตมาจะต่อสันตติเพื่อจะเกิดอีกเท่าไหร่อาตมาจะเร่งไม่ให้มันชรตา ไม่ให้เอนิจจตา ให้พัฒนาการต่อไปอาตมาจะทำอันนี้ให้ได้ อาตมามั่นใจเรื่องความจริง ไม่มีปัญหาเลย เพราะฉะนั้นสิ่งที่เกิดที่มีที่เป็นขณะนี้ เริ่มต้นอันนี้ อาตมาว่าเป็นศุภฤกษ์ ศุภชัยที่ดีมากแล้ว เป็นวาระดิถีที่สุดยอดแล้ว ก็ขอให้กำลังใจแล้วก็ปวารณาตัวไว้ จะเป็นเจ้าหน้าที่ ผู้ที่ท่านสืบทอดกิจกรรมกิจการอะไรต่ออะไรต่อพวกนี้ก็ จำไว้เลย มีอะไรจะให้อาตมาร่วมมือร่วมไม้ช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้บอกเลย ถ้าอาตมาไม่ติดอะไรจริงๆ ไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องเหลือบ่ากว่าแรงอาตมามาร่วมแน่ เพราะจะเป็นพัฒนาการที่จะสืบสานกันต่อไปเพราะฉะนั้นจึงถือว่าจุดนี้จุดที่จะสืบสานสืบสาวราวเรื่องทางประวัติศาสตร์ พฤติกรรมของมนุษย์บรรพชน ที่ได้ทำหน้าที่ยอดเยี่ยมดีเยี่ยมมากแล้ว เอาเลย อาตมาขอปวารณาตัวไว้ ทั้งท่านนิรุทธ ท่านพงศธร ปวารณาไว้เลย ได้ … คุณหนึ่งฟ้าถามเรื่องที่จะมีการเชื่อมต่อระหว่างดอนมดแดง ..พ่อครูพูดถึงเรื่องตลาดน้ำให้พัฒนาทางน้ำนี้ให้ดี อาตมาอบอุ่น มีอะไรต่อรายเริ่มต้นมาถึงบัดนี้ก็น่าชื่นใจดีใจมากแล้วก็ขอให้ทุกคนมีกำลังใจมีความตั้งอกตั้งใจที่จะบูรณะบูรณาการสิ่งเหล่านี้ขึ้น เป็นพัฒนาการเป็นที่พึ่งของสังคมเป็นที่พึ่งของโลกได้อย่างแท้จริง สาธุ Category: ศาสนาBy Samanasandin12 กรกฎาคม 2018Tags: พ่อครูสมณะโพธิรักษ์สมณะสมณะโพธิรักษ์ Author: Samanasandin https://boonniyom.net Post navigationPreviousPrevious post:สัจจะชีวิตของพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ เล่ม 1NextNext post:610712 บันทึกผ่านเลนส์ ส่องโพธิกิจ..เกาะดอนมดแดงแหล่งประวัติศาสตร์บรรพชนพ่อครูสมณะโพธิรักษ์Related Posts150401 จะพึ่งอะไรดี-พ่อท่าน-วัดมหาธาตุ28 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 2-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง7 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 1-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง4 พฤษภาคม 2024670224 พ่อครูเทศน์เวียนธรรมมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 48 ราชธานีอโศก24 กุมภาพันธ์ 2024670126 ตอบปัญหาเพื่อละอวิชชา 8 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก26 มกราคม 2024670117 ปฏิจจสมุปบาท ตอน 4 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก17 มกราคม 2024