610713_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ แผ่นดินแห่งอนาคามีที่สมบูรณ์ด้วยสาธารณโภคี
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://drive.google.com/open?id=138lz_eDGGgyiMMh-9Vd3lz4R8T2BxAl5nNSxfmmXERY
ดาวโหลดเสียงที่.. https://drive.google.com/open?id=1h_Soy-fsspD36AfnoxQPbtkcSz5rZ_0b
สมณะเดินดินว่า…วันนี้วันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก วันนี้เป็นวันที่ 13 เลข 13 เป็นเลขที่เราได้ยินติดหู เรื่องหมูป่า 13 คนติดถ้ำ ดูเหมือนว่าจะเป็นเลขที่ไม่เป็นมงคล แต่ก็กลายเป็นเลขที่สวยงามได้ เป็นปรากฏการณ์ที่ทำให้ อาตมานึกถึงที่ พ่อครูบอกว่า ต่อไปประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางคุณธรรมของโลก ก็ยังดูว่าจะเป็นไปได้อย่างไร ยังมีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายแบ่งพวกกันอยู่ แต่จากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น คุณธีรยุทธ บุญมี บอกว่าเป็นพลังบวกที่มีอยู่ในสังคมไทย ปรากฏการณ์ที่โลกจับตามองการช่วยชีวิตนี้ ก็ทำให้ดูว่ามีเค้าน่าจะเป็นไปได้ ที่พลังบวกพลังคุณธรรมในจิตวิญญาณคนไทยจะเพิ่มขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ
วันนี้ทางเจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรฯก็มาประชุมที่บ้านราชฯ เพื่อคุยกันว่าอยากจะทำให้จังหวัดอุบลฯ เป็นเมืองเกษตรอินทรีย์ ทำ MOU กับผู้ว่าจะทำเกษตรอินทรีย์ให้ได้ล้านไร่ ก็ตอนแรกจะทำให้ได้สองแสนไร่ ตอนนี้มีห้าหมื่นไร่ ภายในปี 2564
ก็มีผู้ใหญ่บ้านที่เคยมาอบรมกับพวกเราเมื่อปีที่แล้ว ตั้งแต่เป็นลูกบ้านตอนนี้เป็นผู้ใหญ่บ้านแล้ว อบรมก็กลับไปทำเกษตรอินทรีย์ทำมา 10 กว่าปีเขาก็บอกว่าไม่ง่าย เขารู้สึกว่าการทำเกษตรอินทรีย์ไร้สารพิษมันจะต้องทำด้วยใจ ในช่วงที่เขาฝ่าฟันก็พบกับอุปสรรครายได้ ตอนแรกก็พอได้แต่พอมีการประกันราคาข้าวเกวียนละ 20,000 สมาชิกหายไปเกือบหมดเลย เพราะเขาไม่สนใจคุณภาพข้าว ใส่ใจแต่จะให้ได้ปริมาณมาขาย ตอนนี้เขาก็กำลังหนักใจอีกว่า รัฐบาลให้ทำเกษตรอินทรีย์แต่จะให้เงินปีละ 2000 ในปีแรกปีต่อไปให้ปีละ 3000 ทำให้เห็นว่าพอเป็นตัวเงินขึ้นมา คุณภาพก็จะเปลี่ยนไป
แต่ถ้าเป็นเรื่องของจิตใจ อย่างตอนนี้ที่ถ้ำขุนน้ำนางนอน ปรากฏว่า แม้ช่วยเด็กออกไปได้แล้ว ก็ประกาศที่จะช่วยกันฟื้นคืนสภาพภูมิทัศน์ให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม เพราะว่ามันเปลี่ยนทิศทางไป ต้องการให้เป็นการอนุรักษ์ให้เป็นที่ท่องเที่ยวที่สมบูรณ์ มีจิตอาสาไปทำกันพันกว่าคน บางคนเป็นชาวบ้านบอกว่ามีความรู้น้อยก็สมัครไปเป็นแม่ครัวทำอาหารได้ ตามกำลังที่ตัวเองจะทำได้แม้จะเป็นคนเล็กคนน้อย แต่ก็มาด้วยใจและช่วยเหลือ ถ้าหากเอาเงินเป็นตัวตั้งก็จะไม่ได้จิตใจและจิตวิญญาณ
ในหลวงองค์ปัจจุบันส่งเสริมเรื่องจิตอาสา มีชุดให้พร้อมเลย ให้เป็นกิจกรรมที่สามารถสร้างคนสร้างสังคมให้เป็นไปได้ด้วยดี แต่อย่างไรก็ดีบางทีเรานึกไม่ออกว่าจะพัฒนาไปอย่างไร แต่ก็ทำให้เห็นโมเดลของ คนมาอบรมที่เขาจากเราไปเสียก่อน แต่ก่อนเขาเป็นชาวบ้านธรรมดา ตอนนี้เป็นผู้ใหญ่บ้านแล้ว และก็มี Power พอสมควร ที่จะเป็นผู้พานำพาทำ หากผู้ใหญ่บ้านพานำพาทำในสิ่งที่สมควรก็จะเป็นสิ่งที่ดี
ตอนนี้การระดมจิตอาสาเป็นไปได้อย่างดี เราก็ไม่เคยคาดคิดว่าสังคมไทยเราจะเป็นไปได้ดีอย่างนี้ แต่เดิมมีแต่พวกแร้งลงไทยมุง เวลารถอุบัติเหตุก็จะมีคนไปเอาของคนบาดเจ็บ ตอนนี้กลับปรับเปลี่ยนทิศทางไปอย่างไม่น่าเชื่อ พ่อครูบอกว่า เป็นเพราะว่าคนไทยมี DNA ของโลกุตระ เป็นการให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
งานนี้ถ้าไปถามคนแต่ละคน ว่าเป็นฮีโร่เขาบอกว่าไม่ใช่ ไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนไม่ได้หวังรายได้หวังชื่อเสียงอะไร ทุกคนมาเพื่อช่วย สิ่งที่อยากจะขอได้ก็คือขอให้เด็ก 13 คนนี้รอดปลอดภัย ในงานนี้มีประโยคทองเกิดขึ้นเยอะแยะ แม้แต่ชาวบ้านธรรมดา อย่างเมียของจ่าแซม เขาเล่าให้ฟังว่า เมื่อรู้ว่าเด็ก 13 คนรอดได้หัวใจเขาโล่งโปร่งเลย ไม่ใช่โล่งเพราะว่าสามีตาย แต่เพราะว่า ภารกิจของสามีที่ทำไว้เสร็จแล้ว แล้วเขาไม่ได้คิดอะไรมาก เขาเป็นปุถุชนคนธรรมดาไม่คิดว่าสังคมต้องมายกย่องอะไรเขา คนเราเมื่อไม่ได้คิดอะไรเพื่อตัวเองก็จะมีความสุข ถ้าหากคิดอะไรเพื่อตัวเองก็จะทุกข์ หัวใจของชาวบ้านธรรมดาที่ไม่ได้คิดเพื่อตัวเองคิดว่าจะให้คนอื่นกลับจะเป็นหัวใจที่มีความสุขขึ้นมาทันที
พ่อครูบอกว่าทิศทางที่ดีของโลกเริ่มดีขึ้นแล้ว ขนาดโค้ชทีมฟุตบอลโลกยังบอกว่า แชมป์ที่แท้จริงอยู่ที่ถ้ำ คือทีมหมูป่า
พ่อครูว่า…ก็น่าประทับใจ น่ายินดีอย่างที่แนวโน้ม จิตวิญญาณของชาวโลก มีความรู้สึกร่วม มีความเข้าใจร่วม มีการเห็นคุณค่าอันสำคัญ ขึ้นมา เห็นคุณค่าอันสำคัญมันเป็นเรื่องของสิ่งที่ประเสริฐที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้คือ เขตของความสำคัญคือคำว่าโลกุตระ
มันตัดความเป็นตัวตน ตัดความเห็นแก่ตัวออกไป นิยามชัดๆของโลกุตระคือลดตัวตน ความเป็นจริงของสภาวะจิตสภาวะธรรมของแต่ละคนมันลดได้จริง และการลดตัวตนมันไม่ได้เสียดายมันไม่ได้ห่วงแหน มันไม่รู้สึกว่าเป็นการเสีย มันรู้สึกว่าเป็นการเจริญของคนเลยเมื่อลดได้ มันดีเลย เป็นเรื่องที่เราได้เสียสละ ให้ทำประโยชน์แก่ผู้อื่น เป็นความประทับใจเป็นเรื่องของ มีศัพท์บัญญัติว่าคือตัวตน แล้วมันก็ลดตัวตน ตัดความเป็นตัวตน ตัวตนก็จะต้องคิดว่าตัวเองจะต้องได้ตัวเองต้องมีต้องเป็น แต่นี่มันหายไปตัวตนของเราส่วนนี้มันหายไปลดลงไป มันลดลงไปได้ 5% 25% มันก็รู้สึกว่าหายไป ยิ่งรู้สึกว่าเราไม่ยึดถือตัวตนเลยชั่วขณะหนึ่งก็ตาม ก็นั่นแหละ เริ่มเป็นสภาพของโลกุตรธรรม แล้วก็ยินดีในการที่จะทำให้ตัวตนเราหายไป ยิ่งเป็นปัญญาเป็นความฉลาดเลยว่า ตัวตนมันหายไปนี้มันเป็นความเจริญนะ ถ้ายิ่งสำทับความเข้าใจความเชื่อถือความเชื่อมั่นว่า อาการอย่างนี้ของจิตเพื่อการที่พิเศษ นั่นแหละ จิตโลกุตระเกิดขึ้นแล้ว
ซึ่งมันเป็นจริงศาสนาพุทธตรัสรู้แล้วทำให้หมดตัวตนได้ พวกเราความเป็นตัวตนหมดบ้าง ในชาวอโศก เป็นแดนแห่งอาริยะ ในขั้นอนาคามีภูมิขึ้นไป นี่แดนอาริยะอนาคามีภูมิ ถึงขั้นอรหันต์
อนาคามีภูมิ ก็มีนิยามจำกัดความว่า เรามาทางนี้เกินครึ่งแล้ว ขึ้นเป็น 60 70 75 เปอร์เซ็นต์ เลย 75% ก็เป็นอนาคามีไปถึงอรหันต์เลย เพราะฉะนั้นในช่วงที่เราเป็นอนาคามี
อนาคามิกะ หรืออนารามี คือ ผู้มี อนาคมะ คือไม่ย้อนกลับไปอีก อนาคมะ ไม่เป็นอย่างชาวโลกอีกแล้ว อาคามีคือเวียนกลับแต่เป็นโลกียะเหมือนโลกเขาอีก
แต่อนาคามิกะ คือไม่ไปแล้ว จิตมันไม่ไปกับโลก มันมีปัญญาเป็นความรู้ว่าความวนเวียนมันเป็นทุกข์ร้อน ไม่วนเวียนอีก มันมาทางนี้
ชาวอโศกเป็นได้ ชาวโลกีย์ จะมาหลอกล่อชี้ชวนครอบงำอย่างไร ใครไม่จริงก็หลุดไปตามเขา อาตมาไม่กลัวหรอก มวลที่มีอยู่มีมากพอ อาตมาไม่จำเป็นต้องต้านทานในคนที่ดึงเอาคนมาส่งไป คนที่คิดว่าแน่มาเอาคนอโศกไปก็เอาไป มาเอาไปเลย จิตมันจะเกิดปัญญาเป็นเจโตอย่างนั้น จิตมันเป็นอย่างนี้ ปัญญามันก็รู้เลยมันต้องอยู่ที่นี่อย่างไม่มีวันไปแน่ชัด
เพราะฉะนั้นผู้อยู่ที่นี่แน่นอนแล้ว ไม่มีใครแวบวับว่าไปตามเขา เขามีอะไรหรูหราฟู่ฟ่ามากมายอะไรก่ายกอง ลาภยศสรรเสริญโด่งดัง เด่น หรูหราฟู่ฟ่า ยิ่งชัดเจนว่ามันฟุ้งซ่านฟุ้งเฟ้อฟรุ้งฟริ้งมันเกินไป ในใจของเรานั้นไม่ล่ะไม่แยแสหรอก จิตมันจะเป็นจริงอย่างนั้น
อาตมาถึงบอกว่า ถ้าไม่จริงมันก็ไปคนที่จริงก็อยู่เป็นการพิสูจน์ความจริงนี้ด้วย อาตมาจะใช้เวลาพิสูจน์ เพราะฉะนั้นจึงพยายามอยู่กันให้ยืนยาว ดูซิว่าใจแก้วจะตายหรือเปล่า คิดว่าจะอายุเท่าไหร่ 100เดียวหรือ? ตอนนี้ 69 แล้ว อีกปีก็ 70 แล้ว อีก 30 ปี เท่านั้นเอง
เราสร้างสรรแล้วก็ไม่ได้หวงแหน ไม่ได้คิดเป็นคุณค่าเพื่อตัวเองอะไร มันไม่มี มันชัดเจนในปัญญามันชัดหมดเลย มันสบายใจ อบอุ่น ตอนนี้ก็อย่างไรๆ โรงเรือนตลาดแปรรูปก็เข้าไปร่วมหรือยัง ตอนแรกจะให้เป็นตลาดตอนหลังก็กลายมาเป็น อาคารหลังใหญ่แทนที่เป็นตลาด ตรงนั้นก็ให้เป็นที่สร้างผลผลิต เชิญเลย เป็นโรงเรือนใหญ่ห้อมล้อมไปด้วย เรือต่างๆ ที่จะได้พักอาศัย แล้วมันจะเป็น
มาอ่าน SMS 12 กรกฎาคม 2561 (พ่อครู : บวรราชธานีอโศก รีรัน)
_3867ขอบคุณบุญนิยมที่ออกรายการธรรมะเทปซ้ำพ่อครูให้ดูชดเชย!วันถ่ายสดตรงกับรายการพิเศษปิดศอร.จบภารกิจกู้วิกฤติภัยโลก
_3867สามัคคีพลังกู้ภัยสัมฤทธิ์ถ้ำหลวงจารึกประวัติศาสตร์โลกที่รวมกองทัพนานาชาตินักกู้ชีพหมูป่า!แปรพลังเปลี่ยนสงครามความรุนแรงที่รบกันด้วยอาวุธ เป็นสงครามกอบกู้วิกฤติภัยธรรมชาติปรวนแปรทั่วโลก รบกันด้วยหัวใจนักกู้ชีพกู้ภัย!สากลคงเจริญสุขสงบสันติศิวิไรซ้ทั่วโลก!
พ่อครูว่า…มันเหมือนการแข่งขันแต่ไม่ใช่แข่งขัน ต่างคนต่างทำเต็มที่จึงเป็นประสิทธิภาพที่วิเศษ รบกันด้วยหัวใจนักกู้ชีพ เขาไม่ได้รบ แต่ดูเหมือนแข่งกันก็ไม่ใช่ ต่างคนต่างเร่งกันเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพเต็มที่โดยไม่คิดถึงชีวิตเลยด้วย นี่แหละคือการหมดตัวตน การลืมนึกถึงตัวตน แต่ก็จิตมันก็ไม่ถึงขั้น ปล่อยให้เลยเถิดจนตัวเองเป็นภัยมันต้องมีปฏิภาณ
_0015จิตสำนึกกับจิตใต้สำนึก จิตใดเป็นจิตวิญญาณครับ
พ่อครูว่า…ฟังดีๆ จิตสำนึกคือ เบื้องบน จิตปกติที่มีการใช้ในสามัญจากภายนอกภายใน เรียกว่าจิตสำนึก conscious เป็นพื้นฐานเบื้องต้นของคนทั่วไป คนที่ไม่ได้ศึกษาก็จะใช้อันนี้ของเขา จิตใต้สำนึกก็ช่วยเขาอยู่ แม้แต่จิตไร้สำนึก
มันจะมีจิตสำนึก conscious จิตใต้สำนึก subconscious และจิตไร้สำนึก Unconscious
ถามว่า จิตสำนึกกับใต้สำนึก อันไหนเป็นจิตวิญญาณก็ขอตอบว่าทั้งสองอันยังไม่ใช่จิตวิญญาณ ใช้คำว่าวิญญาณหรือจิตวิญญาณก็อันเดียวกัน เป็นความเป็นของพลังงานจิต พลังงานวิญญาณ conscious เป็นเจตสิกส่วนหนึ่ง subconscious ก็อีกมิติหนึ่ง หมายความว่าเป็นส่วนย่อยส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณที่จะมีมิติที่ต่างกัน
เพราะฉะนั้น จิตสำนึก conscious สามัญทั่วไป จะใช้ จิตใต้สำนึก subconscious ก็ลึกลงไปอีก ยิ่งลึกลงไปหาอนุสัยเท่าไหร่ เรียกว่า เวทนา หรือเรียกว่า ความรู้สึกเจตสิก ส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณ มันก็เป็นส่วนที่ทำหน้าที่ไม่ใช่จิตวิญญาณทั้งหมด มีความแข็งแรงแต่ละลักษณะต่างๆ มันก็พัฒนาขึ้นมา เป็นเวทนา แล้วก็เลื่อนชั้นไปสู่ลึกขึ้น จึงเรียกว่า จิตใต้สำนึก subconscious และจิตไร้สำนึก Unconscious
ใครทำจิตสำนึกได้เต็มหรือไม่บริบูรณ์ก็ทำอันที่ 2 เพิ่มขึ้นอีกก็ไปสู่จิตสำนึกต้น ก็เป็นพื้นฐานต้นฐาน ให้แก่อันต่อๆไปที่จะพัฒนาขึ้นร่วม เป็น dynamic พัฒนาเพิ่มขึ้น เจริญขึ้น ลึกไปหา subconscious จนจิตไร้สำนึกเต็มก็เลื่อนมาเป็นจิตใต้สำนึก แล้วก็พัฒนาเลื่อนมาเป็นจิตสำนึก
มันเจริญขึ้นมาหาปัจจุบันสามัญชีวิตของมนุษย์ หรือว่าข้างนอกที่เกี่ยวข้องกับความเปิดตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ร่วมกับข้างนอกข้างในร่วมกันไปด้วยกัน นี่เป็นสามัญธรรมดาเป็นความจริงที่สุด เพราะฉะนั้นปัจจุบันนี้เป็นความจริงที่สุด ใครยึดอดีต ก็เอามาไม่ได้แล้ว ใครไปคว้าอนาคตก็ยังไม่ถึง ต้องเอาปัจจุบันนี้ เน้นให้เข้าใจ
สรุปอีกที จิตสำนึก จิตใต้สำนึก เป็นส่วนประกอบของวิญญาณ อยู่ภายในวิญญาณ ต่างกันนะ เป็นพลังงานของจิต
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ อาตมาก็เรียนตามพระพุทธเจ้ามา มาถึงในยุคนี้พลังงานกำลังเลื่อนไหลมาสู่จิต ระดับวัตถุนั้นเขาเก่งกันจนจะรู้รอบ เอามาใช้งานได้เต็มที่จนกระทั่งออกไปนอกโลก ออกไปสร้างสถานีนอกโลก ไปเป็นอะไรต่ออะไรเยอะแยะมากมาย ซึ่งมันก็เสียพลังงานเสียเวลาไปอีกเยอะ ทุนรอนมากมายป่วยการ อยู่ในพื้นโลกนี้ก็เหลือแหล่ แต่คนมันอยากอวดอ้างอวดเก่งก็เลยออกไป
แท้จริงจิตที่ช่วยมนุษย์ให้มนุษย์อยู่ร่วมกันอย่างสมบูรณ์อันนี้สำคัญกว่า คนสามารถเข้าใจได้ มารวมกันให้เป็นหนึ่งเดียวกัน เกื้อกูลกันช่วยเหลือกัน ใครประพฤติตกต่ำก็พยายามช่วยกันให้ดีขึ้นมา ให้เป็นมนุษย์ที่ดีอยู่ในสังคมร่วมกันเจริญทั้งโลกมากขึ้นๆ ความเข้าใจนี้เกิดขึ้นทั่วโลกแล้ว ชัดเจนแล้ว เพราะฉะนั้นความรุนแรงที่จะทำร้ายกัน ความเป็นสัตว์ที่เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปก็จะวนเวียน เขาก็จะรู้ความวนเวียนของจิตวิญญาณ
ศาสนาเทวนิยมนั้นไม่รู้ความวนเวียนของจิตวิญญาณไม่รู้ reincarnation การเกิดแล้วตาย เขาศาสนาเทวนิยมเกิดแล้วเมื่อตายลงก็ไปอยู่กับพระเจ้าเลย แต่ของพุทธไม่ใช่ เกิดมาเพียงชาติเดียวและพระเจ้าก็พิพากษาให้ลงนรกหรือขึ้นสวรรค์ ไม่ใช่ จริงๆแล้วคนส่วนมากที่อวิชชาอยู่ก็เป็นอย่างนี้เยอะ คนจึงนับถือศาสนาพระเจ้าพึ่งพาอันนี้มากกว่า
พุทธไม่ได้สงสัยริษยารู้ความจริงอย่างนั้นเขามีภูมิที่จะรู้แค่นั้น เท่านั้นเราก็ผ่านมาแล้วไม่มีปัญหา เป็นแต่เพียงเราวางเสียอย่าไปดูถูกข่มเขา ศาสนาเทวนิยมที่เป็นลัทธิที่แรงก็แตะไม่ได้จึงต้องระมัดระวัง คริสต์นี้ค่อยยังชั่วรู้ตัวขึ้นมา แต่ศาสนาหลายศาสนานั้นรุนแรง ต้องระมัดระวังในการพาดพิง เขายึดถืออย่างนั้นหวงแหนเชิดชูบูชา
สัจธรรมพวกนี้พระพุทธเจ้าศึกษาและเอามาประกาศ อาตมาศึกษาตามมาทุกวันนี้แล้วก็ภูมิใจ ดีใจ ชื่นใจที่ คนชักจะเข้าใจความลึกซึ้งอันนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมในโลก เป็นพฤติกรรม เราหยิบขึ้นมาเป็น phenomenal ของในหลวงก็ตาม
อาตมาเคยโยงใยมาแล้วว่า ไอน์สไตน์เขียนจดหมายบอกลูกเอาไว้ว่าเป็นBomb of love ไม่รู้ว่าคืออะไร แต่ก็ยินดีพร้อมใจกันทั่วโลกทุกประเทศ เป็นการตื่นตัวตื่นเต้น แล้วก็เป็นการเสียดาย เป็นการเชิดชูบูชาร่วมกันเป็น Bomb of love ที่ ไอน์สไตน์ก็บอกลูกว่า อธิบายให้ลูกฟังไม่ไหวว่ามันจะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นในอนาคต เป็นอนาคตังสญาณของไอน์สไตน์ อาตมาเจอจดหมายฉบับนี้จึงเอาออกมาพูด ชี้ให้เห็นได้เลยว่าเหตุการณ์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 คือ Bomb of love อาตมาพูดไปเขาก็ไม่ฟังหรอก อาตมาเป็นอาภัพบุคคล แต่เดี๋ยวนี้เข้าใจมากขึ้นแล้ว เหตุการณ์ของหมูป่าก็ย่อยลงมาอีก
เหตุการณ์นี้มันเฉพาะเรื่อง โดยประเด็นหยิบเอาความเป็นชีวิต จงมาร่วมกันช่วยชีวิต เท่านั้นเอง ที่สำคัญ มันตัดกรอบ เข้ามาตีกรอบที่ชีวิตคนซึ่งสำคัญนะ มี 13 คน ทั้งๆที่คนในโลกนี้มีตั้งพันกว่าล้าน เขาเห็นความสำคัญของชีวิตว่ามีประโยชน์คุณค่า อาตมาสอนเอาธรรมะพุทธเจ้ามา
ศีลข้อที่1 อย่าฆ่าชีวิตสัตว์ใดๆ พยายามย้ำแล้วย้ำอีก แต่ข้อสุดท้ายที่ท่านตรัสไว้ในศีลข้อที่ 1 มีความปรารถนาดีต่อสัตว์ทั้งหลาย หวังประโยชน์แก่สัตว์ทั้งปวงอยู่ เพราะฉะนั้นคำสุดท้ายของศีลข้อที่ 1 ละการฆ่าสัตว์ เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ วางทัณฑะ วางสาตรา มีความละอาย มีความเอ็นดู มีความกรุณาหวังประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์ทั้งปวงอยู่
คำว่าละ นี้สูงกว่า เว้น ทัณฑะคือวัตถุที่ใช้ฆ่า เช่นระเบิดไฮโดรเจน ปืนต่างๆ หรืออาวุธต่างๆที่ใช้ฆ่าคน วางศาสตรา มีความหมายถึงอาวุธและความรู้ เพราะฉะนั้นเป็นอาวุธที่ใช้ความรู้ เรียนมาก็ใช่ ที่จริงแรงกว่าอาวุธหยาบก็ได้ ศาสตราวางหมด สรุปคือเครื่องมือฆ่า ก็วางหมด สมัยโบราณ กิโยติน เป็นต้น หรือสมัยของเปาบุ้นจิ้น เครื่องประหารหัวสุนัข ก็วางศาสตราวางอาวุธแล้ว มีความละอายที่จะไปเบียดเบียนทำร้ายสัตว์
เราเป็นสัตว์ชั้นสูงแล้วทำไมจะไปทำร้ายสัตว์ที่ชั้นต่ำ เหมือนผู้ใหญ่ที่ไปรังแกเด็ก มันแย่นะ มันต้องเสียสละให้เด็กสิ เด็กจะทุบจะตีเราบ้างก็ทนได้ จะรังแกเด็กเมื่อไหร่ก็ทำได้ เพราะฉะนั้นมันก็สลับไปสลับมาในความสำนึก ในความคิดของคนอยู่ที่การเสียสละ ที่จะใช้ความแข็งแรงใช้ความเป็นผู้ใหญ่ผู้ที่อยู่เหนือ จะต้องช่วยผู้ที่ด้อยกว่า สูงขึ้นเรื่อยๆ ก็มีความละอาย มีความเอ็นดูในสัตว์ทั้งหลาย แล้วก็มีความกรุณา หวังประโยชน์แก่สัตว์ทั้งปวง (พ่อครูไอ ตัดออกด้วย)
สมณะเดินดินว่า…พ่อครูนำจุลศีลมาอธิบาย บางแห่งเขาว่าศีล 5 ไม่ใช่แค่ฆ่าสัตว์ แต่มันมีรายละเอียดอีก
พ่อครูว่า…เบื้องต้นหยาบ ศีลข้อ1 เต็มก็สวยงาม ไม่มีจิตทำร้ายต่อสัตว์ใดๆเลย มีแต่จิตที่หวังประโยชน์ หากเราเองจะไม่เป็นโทษภัยจนสัตว์ทั้งหลายไม่กลัวเรา สัตว์ทั้งหลายไว้ใจเรา จะเห็นได้ว่า แดนของพวกเรา นกกระจาบมาสร้างรัง มันมีเซ้นส์ของมันนะ ที่ไหนไม่ปลอดภัยมันก็ไม่ไปอยู่นะ 1. ความสะอาด 2. ปลอดภัย มันเป็นเครื่องวัดบรรยากาศของสังคม 1.ในความสะอาด 2. ไม่มีพิษภัยและความปลอดภัย เป็นตัวชี้ค่านี้ เพราะฉะนั้นตอนนี้นกกระจาบมา ที่สวนบุญผักพืชก็มีรังนกกระจาบมาสร้างรังเยอะ ดินแดนของพวกเราจะมีเพราะมันมี sense ที่จะไว้ใจได้ ถ้าหากที่ไหนไว้ใจไม่ได้มันไม่สร้าง นกกระจาบมี sense อะไรอย่างอื่น สัตว์เดรัจฉานจะมี senseพิเศษ เก่งกว่าคนหลายอย่าง คนนี่ไม่เก่งเท่าไหร่
ศีลที่อาตมากำลังอธิบายอยู่ขณะนี้ กำลังขยายความให้เป็น อธิจิต อธิปัญญา อธิมุติ อธิวิโมกข์ คือให้จิตโน้มไปสู่ความเจริญขึ้น อาการจิตเจริญสูงขึ้นไป เป็นแนวโน้มเป็น trend เข้าสู่กระแสไปเรื่อยๆ
อาตมาเอาอัมพัฏฐสูตร อธิบายถึงข้อใดแล้ว..ย้อนหน่อยว่าอัมพัฏฐะนี้ไปพบพระพุทธเจ้า อัมพัฏฐมานพ เป็นผู้รู้ในศาสนาพราหมณ์ เขาก็หลงตัวเองว่าพวกกษัตริย์เป็นเพียงพวกที่ไปรบเท่านั้น สำหรับความรู้ก็ต้องยกให้พราหมณ์ เขาก็หลงตัวเองว่าตัวเองเป็นผู้เรียนจบไตรเพท พวกเราเองก็ไม่เก่งในภาษาโดนเขาว่ามาอยู่เรื่อยตอนแรกๆอาตมาก็ไม่เก่ง ตอนนี้ก็รู้มาเยอะ แต่อาตมามั่นใจว่าอาตมาเหนือกว่าในสภาวะ ก็ขอพูดความจริงใจอันนี้ อาตมาจึงไม่มีปัญหา เข้าใจว่าข้อด้อยของเราคืออะไรข้อเด่นของเราคืออะไร
ทีนี้ก็มาสรุปที่จรณะกับวิชชา อัมพัฏฐมานพทูลถามว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ
[162] อัมพัฏฐมาณพทูลถามว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ก็จรณะนั้นเป็นไฉน วิชชานั้นเป็นไฉน.
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรอัมพัฏฐะ ในวิชชาสมบัติและจรณสมบัติอันเป็นคุณยอดเยี่ยม เขาไม่พูดอ้างชาติอ้างโคตรหรืออ้างมานะว่า ท่านควรแก่เรา หรือท่านไม่ควรแก่เราอาวาหมงคล วิวาหมงคล หรืออาวาหวิวาหมงคล มีในที่ใด ในที่นั้นเขาจึงจะพูดอ้างชาติบ้างอ้างโคตรบ้าง หรืออ้างมานะบ้างว่า ท่านควรแก่เรา หรือท่านไม่ควรแก่เรา ชนเหล่าใดยังเกี่ยวข้องด้วยการอ้างชาติ ยังเกี่ยวข้องด้วยการอ้างโคตร ยังเกี่ยวข้องด้วยการอ้างมานะ หรือยังเกี่ยวข้องด้วยอาวาหวิวาหมงคล ชนเหล่านั้น ชื่อว่ายังห่างไกลจากวิชชาสมบัติ และจรณสมบัติอันเป็นคุณยอดเยี่ยม การทำให้แจ้งซึ่งวิชชาสมบัติและจรณสมบัติ อันเป็นคุณยอดเยี่ยมย่อมมีได้เพราะละการเกี่ยวข้องด้วยการอ้างชาติ ความเกี่ยวข้องด้วยการอ้างโคตร ความเกี่ยวข้องด้วยการอ้างมานะ และความเกี่ยวข้องด้วยอาวาหวิวาหมงคล.
พ่อครูว่า..ในยุคนี้โลกมีแนวโน้มจะไม่ได้แสดงความยิ่งใหญ่ด้วยการรบพุ่ง แต่โลกจะแสดงความยิ่งใหญ่ด้วยคุณธรรม ด้วยความช่วยเหลือกัน
พระอาทิตย์ดวงหนึ่งก็มีโลกดวงหนึ่งที่รับแสงจากพระอาทิตย์ หรือมีโลกหลายดวงที่รับแสงจากพระอาทิตย์หนึ่งดวง แต่หมู่เล็กที่สุด เขาเรียก นว คือ 9 ดวง เป็นเครือแหของพระอาทิตย์ 9 ดวงคือ 3 3 3 โลกนี้อยู่ใน สุริยจักรวาล มีดาวนพเคราะห์ นักวิทยาศาสตร์ไม่เข้าใจกำลังจะตัดเอาดาวพลูโตออกไป เขาคิดว่ามันไม่ใช่ เขาเองไม่มีความรู้พอก็เลยจะทิ้ง เป็นความบกพร่องผิดพลาดของเขา ไม่ต้องพูดเรื่องนี้มาก ไปบังคับเขาไม่ได้ เขาจะคิดอย่างนี้ เขาก็ค่อยๆก้าวหน้าเก็บรายละเอียดที่เขาคิดว่าเขารู้ไป
สรุปหาเป้าว่า เทวดาของโลก โลกจะมีแสงสว่าง ที่เป็นนามธรรม 3 คือ 1. ปัญญา 2. ญาณ 3. วิชชา
วิชชาคือเต็มองค์รวมใหญ่ ปัญญาญาณ คือธาตุรู้ ที่เพิ่มขึ้น และความรู้ที่เป็นนามนี้อยู่ในโลกที่มีทั้งแสง อาโลก คือมีแสงอาทิตย์แสงสว่างไม่อยู่ในความมืดลืมตามีผัสสะ 6 ครบ อาโลกต้องมีแสงสว่างจริงและมีญาณปัญญาวิชชาอยู่ครบ แสงก็คือ จากพระอาทิตย์มา อาโลกคือรวมทั้งแสงนามธรรม แสงก็เป็นพลังงาน แต่จิตวิญญาณก็เป็นนามธรรมเป็นพลังงานเหมือนกัน แสงเป็นอุตุนิยาม เพราะฉะนั้นศึกษาธรรมะพระพุทธเจ้าเข้าใจดีแล้วจะเข้าใจธรรมะ 2 มีวัตถุกับจิต หรือมีกายกับจิต มันต้องทำงานร่วมกันตลอดเวลา เหมือนนิวเคลียส พลังงานบวกกับลบ จับตัวกันอย่างแข็งแรงมีอำนาจเท่าที่มันมี มันมีบวกมากลบมากก็มีอำนาจสูงเท่านั้น มันเป็นธรรมดาธรรมชาติ แล้วก็มีตัวที่เพิ่มขึ้น
หากตัวที่เพิ่มขึ้นนี้มีพลังงานที่จะทำให้เกิดปฏิกิริยาสังเคราะห์สังขารกันในตัวเอง ไม่ลดไม่เสื่อมก็อยู่ในระดับสมดุล เรียกว่า อยู่ในระดับการทำงานร่วมกันหมุนอยู่ พลังงานมีแรงภาวะ เป็นอำนาจเป็นฤทธิ์แรงหนึ่งอัน เขาจะรู้สอง แต่ตัวรู้อีกอันคือคนเป็นจิตวิญญาณ ซ้อนอยู่ ที่จริงมีอันที่ 3 จะมีฤทธิ์เสื่อมหรือก้าวหน้า ไม่ก้าวหน้าก็จะเสื่อม
มารคือตัวร้าย เทวดาคือตัวดี พรหมคือตัวบริสุทธิ์ ก็คือจิตกลางๆ จิตที่เป็นตัวเจ้าของจิต ที่จะต้องรู้ว่าจิตตัวเองเป็นมารหรือเป็นเทวดาหรือเป็นพรหม
พรหมคือ ความบริสุทธิ์จากความเป็นมารหรือความเป็นเทวดา มารคือนรก เทวดาคือสวรรค์ เทวดาคือสุข มารคือทุกข์ คือบวกกับลบ สองขั้ว หากไม่มีทั้งบวกและลบก็เป็นพรหมเป็นกลาง
ไม่มีอาการของบวกลบทั้งเป็นวัตถุ ไม่มีความรู้สึกบวกลบหรือไม่มีความรู้สึกสุขหรือทุกข์ ก็คือ พรหม อาการของจิตนี่แหละ
เบื้องต้นของโลกีย์ก็พยายามจัดการจิตตัวเองด้วยการกดข่ม อำนาจ จัดการ ไม่มีปัญญาไปเป็นตัวจัดการตามลำดับ จัดการอย่างนั้นเลย ไม่มีเบื้องต้นท่ามกลางไม่มีองค์ประกอบจัดการเข้าดื้อๆ ก็ง่าย สายเทวนิยมก็ทำ จัดการด้วยอำนาจบาตรใหญ่ให้เป็นอย่างนี้ๆ เพราะฉะนั้นเทวนิยมจึงฆ่ามารหรือซาตานไม่ได้ ก็บอกว่าพระเจ้าที่ใหญ่ที่สุดสร้างทุกอย่างเลย แต่สร้างซาตานมาทำไม อำนาจซาตานต้องออกไปจากวงจรจิตเราสิ ต้องไม่มีซาตานเลยสิ พูดได้อย่างไรว่า ฉันเป็นคนสร้างและทำลายทุกอย่างได้ด้วย พระเจ้า แต่ทำไมไม่ทำร้ายซาตานออกไปให้หมดจากวงจรของพระเจ้า เขาเรียกซาตานว่าเป็นภาษาอีกเยอะแยะ เรียกว่าเป็นผี สัตว์นรก แล้วก็เอาพลังงานพวกนี้ มาเป็นลักษณะในคน เขาก็พูดว่าจิตวิญญาณของคนคืออันหนึ่งอันเดียวกับพระเจ้า ก็ทำจิตวิญญาณมนุษย์ อันหนึ่งอันเดียวทำให้เต็มสูงสุดคืออย่างไร ก็คือมนุษย์อย่างเดียวกัน นี่คือ ความฉลาดของพระพุทธเจ้าค้นพบแล้วเอามาพิสูจน์ จนรู้ความเป็นพระเจ้าสูงสุด
สูงถึงขั้นเทวนิยมหรือพระเจ้านั้น ทำให้พลังงานจิตที่จะให้เกิดเป็นคน เขาบอกว่าไม่มีใครรู้จักพระเจ้าหรอก เป็นแต่เพียงนิรมาณกาย อาทิสมานกาย สัมโภคกายเท่านั้น เป็นองค์ประชุมของนามรูปที่คุณไม่มีทางเข้าใจ ก็สร้างภพ พระเจ้าใหญ่ที่สุด แต่ไม่เคยเห็นเหรอ อาทิสมานกาย สร้างได้แต่ไม่เคยเห็นเลยนิรมาณกาย แล้วก็ร่วมกันบริโภค ในศาสนาเทวนิยมศาสนาพระเจ้าก็บริโภคร่วมกันอยู่หมด
ของพระพุทธเจ้ารู้แจ้งไปหมดเลยไม่ว่าจะเป็นนิรมาณกาย สัมโภคกาย อาทิสมานกาย องค์ประชุมธรรมะ 2 รู้
มารคือ จิตวิญญาณที่ไม่ดีทำให้เป็นทุกข์และทำให้ชั่ว เอาแต่ชั่วกับทุกข์ อาการของจิตที่ชั่วกับทุกข์ก็รู้หมดเลย ในโลกแต่ละองค์ประกอบ ในมนุษย์แต่ละพวกเขาสมมติกันทั้งนั้นเลย สมมุติไม่เหมือนกัน เราก็ทำตามความสมมุติของเขานั่นแหละ จิตของเราเป็นปรมัตถสัจจะ เราก็ร่วมกับสมมุติเขาคิดจะไม่ยึดมั่นถือมั่น เอาอันนี้ก็เอา เข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตาม ไม่เช่นนั้นเราก็อยู่ร่วมกับเขาไม่ผาสุก
ถ้าเราไม่อยู่ร่วม เราก็ออกไป แต่ถ้าเราบอกว่าของเราดี เราก็พิสูจน์ของเรา ปาท่องโก๋ชั้นดีเจ้าข้าเอ๋ยเอาไหม ก็แสดงสูตรแสดงทฤษฎี จนพิสูจน์ว่าสูตรนี้ดี เขาก็มา อาตมาทำมาจนถึงทุกวันนี้จะ 50 ปีแล้ว ได้ลูกค้าร้านปาท่องโก๋มาแค่นี้ อาตมาก็อยู่เป็นสุขแล้ว อาตมาไม่ได้มากๆ มากขึ้นก็ดีถ้าได้เนื้อแท้มา ไม่ใช่เนื้อแท้มามากไม่เอา มาแล้วเป็นความเสียหาย nuisance
มารคือตัวร้าย เทวดาคือตัวดี รู้ทั้งมาร รู้ทั้งเทวดา แล้วไม่เกิดจิตวิญญาณที่เป็นมารอีกเลย อาศัยเป็นเทวดาทำกุศล แล้วซ้อนยืน เป็นปัญญาเฉลียวฉลาดว่าแม้แต่กุศลก็อย่ายึดถือเป็นเราเป็นของเรา แม้เทวดาก็อย่าไปยึดติดแป้น หรือไปยึดว่าเทวดาจะไม่พรากจากกัน ของพุทธเหนือชั้นขนาดนั้น ผู้ไม่ยึดเทวดา จิตวิญญาณกลับเป็นเทวดาแล้วนะ เป็นเทวดายิ่งใหญ่สูงสุดเป็นพระเจ้าสูงสุด เรียกว่าเจ้าแห่งเทวดาทั้งหลาย ศัพท์ทางโบราณเรียกว่าพระอินทร์บ้าง หรืออะไรก็แล้วแต่มากมาย หนักเข้าก็บอกว่า พระเจ้ามีองค์เดียวใหญ่ที่สุด องค์อื่นไม่ใหญ่เท่าพระเจ้าของข้าเท่านั้นเอง แต่เขาก็ไม่เคยเห็นพระเจ้า อาทิสมานกาย แต่เขาก็ยึดถือร่วมกันว่ามีอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ นิรมาณกาย แล้วก็บริโภคร่วมกันว่าพระเจ้าเป็นอย่างนี้ หรือแม้แต่พระเจ้าจะให้เราทุกข์หรือสุข ก็เป็นพระประสงค์ของพระเจ้า
ศาสนาพุทธนั้นบอกว่าไม่จำนน พระเจ้าทำให้เราทุกข์เราไม่เอา เรียนรู้ว่ามันจะทุกข์มันจะสุขอยู่ที่กรรมต่างหาก กรรมกับกาละ
กรรมพฤติกรรม กับกาละ เพราะฉะนั้นเราไม่ทำเหตุที่จะทำกรรมชั่วกรรมที่จะทำเป็นเหตุแห่งทุกข์เราเลิกหมดเลย มันก็ไม่มี มันจะเกิด ทุกข์ขึ้นมา ทุกข์ก็คู่กับสุข
เพราะฉะนั้นเราไม่มีทั้งทุกข์และสุข โดยมีกรรมกับกาละที่ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ เป็นอารมณ์ที่สะอาดบริสุทธิ์สูงสุด ไม่มีบวกไม่มีลบ นิวตรอน เทียบกับวัตถุคือนิวตรอน
นี่คือสัจจะที่ ผู้ที่รู้พยัญชนะภาษาว่า พลังงานเป็นอย่างนี้ แล้วทำพลังงานนี้ได้ที่เรา จนเรารู้ว่าเรามีอยู่ในจิตเราเป็นอย่างนี้ คุณก็ได้อาศัยสิ่งนั้น อย่างอาตมาทำได้ก็ได้อาศัยสิ่งนั้น แล้วก็อยากให้พวกเราทำได้และอาศัยสิ่งนั้นด้วย พวกเราก็มาทำตามแต่ละฐานะได้ไป อย่างเป็นจริง
อาตมาเห็นว่า คนที่มีจิตอย่างนี้มันปลอดภัยเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติ มันเป็นประโยชน์จริงๆ ไม่ได้เสียพลังงานแคลอรี่อย่างที่เขาทำ เอามาเป็นตัวย้อนกลับที่ทำให้เสียเวลาแรงงานทุนรอนไม่ทำ เราก็มาทำตามที่พระพุทธเจ้าสอน ถึงอยู่ดีกินดีไปหมดเลย
มองไปทางกสิกรรมก็จะมา ตอนนี้ชักจะเชื่อมือ พวกเราอย่าเสียท่านะ ช่วยกันให้ดี พวกเราสร้าง พืชพรรณธัญญาหารแบบไร้สารพิษและมีคุณภาพดี (พ่อครูยกตัวอย่างมะระกับกระท้อนที่ลูกใหญ่อย่างกับมะพร้าว)พวกเราทำให้ดี ทำให้มีมากก็แบ่งแจกกินใช้ พวกเราพอกินพอใช้ไม่ขี้โลภเป็นคุณสมบัติของวรรณะ9 เป็นคุณสมบัติอันยอดเยี่ยม
อาตมามั่นใจว่าธรรมะของพุทธเจ้าจะเจริญและแพร่หลาย อาตมาได้สรุป พระพุทธเจ้าท่านได้เรียนความเป็นมนุษย์กับความเป็นสังคมมนุษย์ที่สุดยอด สังคมจะเจริญเพราะมนุษย์เจริญ มนุษย์เจริญรวมตัวก็เป็นสังคม แล้วทำให้สังคมมีความเจริญตามทฤษฎีตามหลักธรรมพระพุทธเจ้านี่แหละสุดยอด อาตมาภูมิใจมาก ในตัวเองที่ได้เอาสัจธรรมพระพุทธเจ้ามาพิสูจน์ให้เป็น phenomena เป็นปรากฏการณ์ที่มันเกิดจริงได้ ทั้งที่มันยากแสนยาก
เกิดจนกระทั่งเศรษฐกิจเศรษฐศาสตร์ขั้นสาธารณโภคี เป็นเศรษฐศาสตร์สุดยอดแล้วในโลกมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐศาสตร์เศรษฐกิจในระดับไหน ในระดับเผด็จการฟาสซิสม์ เอาตัวเองเป็นใหญ่หมดเลย เผด็จการในระดับหมู่กลุ่มก็เป็นคอมมิวนิสต์ เผด็จการที่เรียกว่าทุนนิยมสามานย์หนักมาก อ้างว่า ให้อิสระเสรีภาพผู้อื่น หลอกลวงด้วยวิธีการ ไม่กดข่ม แต่เป็นวิธีการรวบอำนาจเอาเปรียบมาได้มาก จนกลายเป็นประชาธิปไตยทุนนิยมสามานย์
สามอย่างแล้วนะ เผด็จการ คอมมิวนิสต์ ทุนนิยมสามานย์ เอาไปเอามา ทุนนิยมสามานย์นั้นเลวกว่าคอมมิวนิสต์
เอาล่ะทีนี้ เป็นประชาธิปไตย เขารู้ทันก็กลายเป็นประชาธิปไตย ประชาธิปไตยขึ้นไปตามหลัก คือให้ประชาชนเป็นเจ้าอำนาจเจ้าของอำนาจ ไม่ใช่ให้เราเป็นใหญ่หรือคณะเราเป็นใหญ่ ให้ประชาชนนี่แหละมีอิสระเสรีภาพยิ่งใหญ่ แล้วเขาจะยกให้เราเอง เขาจะยกให้เราเป็นอย่างนี้ เพราะฉะนั้นประชาธิปไตยคือใช้ความรู้ความเป็นจริงที่อิสระเสรีภาพจริง ผู้ที่จะทำให้จริง ต้องมีอัตตาน้อยหรือไม่มีอัตตาเลย ถึงจะให้อิสระแก่ผู้อื่นได้หมด เพราะตัวเราไม่เอาเลยตัวเราไม่มีตัวเรา เราก็เลิกไปหมดเลย ส่วนคุณจะให้เราบ้างเราก็เอาบ้าง อย่างอาตมานี้ทุกวันนี้เขาให้บ้างนิดๆหน่อยๆ อาตมาบริสุทธิ์ใจให้เท่านี้ก็ทำเท่านี้ ถ้าอยากจะให้มากกว่านี้เราจะไปโลภไปเอามาอีกทำไม ตอนนี้ จะมีสายทั้งฆราวาสและนักบวชเข้ามาร่วมกันก็จะเข้าใจช่วยกันรังสรรค์สังคมมนุษยชาติให้เจริญไปได้ดีด้วยกัน
อาตมาบอกว่า อาตมาไม่มีอัตตาตัวตน เขาก็ไม่เชื่อ ว่าคุยโม้เกินไป ไม่ได้โม้นะ อาตมาพูดความจริงยืนยันได้อธิบายไปหมดแล้ว
อาตมาไม่ได้บอกว่าตัวเองเก่ง แต่เอาความรู้ที่ให้ไปนี้ เขามารับเอง อาตมาไม่ได้หลอกล่อและเล็มเลียบเคียง ให้เขาเข้าใจเองและมาเองนะไม่มีและเล็มเลียบเคียงหว่านล้อม อาตมาตรงอย่างเดียว เปรี้ยงๆๆ ไม่ไว้หน้าใครเลย เพราะมันตรงอย่างเดียว ตอนนี้เขาชักเข้าใจขึ้นว่าไม่มีอะไรที่จะมีพลังผิดปกติสาเฐยจิตเลย
อาตมาด่าคนแต่ไม่ชังคนที่ถูกด่าเลย สงสารเวทนาเขาด้วย เขาหาว่าพูดเอาโก้ แต่ก็จริงใจนะ พูดชัดๆ จริงใจไม่ได้พูดเอาโก้
อาตมาอ่านอาการจิตเป็นหยาบ กลาง ละเอียด สาเฐยจิต แปลว่าจิตมีอะไรแฝง ทางด้านอวดตัวอวดตน แฝงอย่างมีพยาบาท หรือกามก็ตาม ไม่บริสุทธิ์แม้มานะอวดตัวหลงตนไม่มี ที่จะแฝงยกตัวตนอวดตัวตนก็ไม่มี ผู้ที่เชื่อเขาก็เชื่อ ผู้ไม่เชื่อก็เป็นอย่างนั้น ไปบังคับกันไม่ได้ ก็เอาเท่าที่พอจะเชื่อถือกันยอมรับกัน
มันยากที่จะเชื่อได้ง่ายๆ เพราะว่าถูกหลอกมามากถูกหลอกมานาน ถูกหลอกมาหนักหนาสาหัสเหลือเกิน มันก็เลยไม่อยากเชื่อใครง่ายๆก็เห็นใจอยู่นะ ก็เลยกลายเป็นเรื่องลำบากเรามาก เพราะเขาเข็ดกับคนอื่นที่หลอกจังเลย แล้วจะมีใครที่พูดจริงไหมมีความจริงมาเปิดเผย เขาก็เลือกที่จะไม่เชื่อกันง่ายๆ
อาตมาก็เลยว่าเอาละ ไม่ใช่ง่ายๆก็ไม่เป็นไร พยายาม พยายามพิสูจน์ความจริงนี้ จึงต้องอาศัยเวลา เวลามันจะเป็นเครื่องพิสูจน์คนพิสูจน์สัจธรรม ระยะทางพิสูจน์ม้ากาลเวลาพิสูจน์คน นี่ก็เป็นคำพังเพยโบราณที่เป็นจริง อาตมาจึงแม้แต่จะตายก็ตายไม่ลง หมดอายุขัยแล้วก็ยังตายไม่ได้ อาตมามองไป หมดอายุขัยตายไม่ได้ก็ดีเหมือนกัน ก็หาทฤษฎีที่จะทำให้ไม่ตาย ต่ออายุไปได้อีกก็เลยสร้างพลังงานที่มันจะต่อไปอีกจริงๆ ก็ยังไม่เก่งที่จะอธิบายให้เป็นรูปธรรมขึ้นๆๆก็ได้แค่นี้ อาศัยภาษาวิทยาศาสตร์ที่พอมีความรู้ อย่างไส้เดือนกิ้งกือ ไม่ใช่แค่งูๆปลาๆ นะ ก็ยังยากก็เอา จนกว่าเราจะเก่ง จะมีผู้ที่เก่งกว่าเรามาใช้ภาษาใช้สภาวะสื่อให้คนได้รู้เก่งกว่าเรา อาตมาก็รอว่าใครหนอจะมาเป็นผู้ช่วย
ท่านเดินดินก็ได้อธิบายสภาวะได้เก่งกว่าอาตมานะ เพราะท่านไม่รู้มากยากนานเหมือนอาตมา อาตมานั้นรู้มากยากนาน เป็นเศรษฐีบ้านนอก เยอะเลย ไม่รู้จะเอาอะไรบ้าง ก็ว่าเอาแค่นี้ก่อน อาตมาก็อาศัยพวกเราช่วยกันแต่ละคน ที่จะหนักเป็นแต่ละแขนงไหน ก็ช่วยกันคนละไม้คนละ
มาเข้าเป้า เทวดา มาร พรหม
พระพุทธเจ้าสรุปไว้ 3 คำ มาร เทวดา พรหม
มารคือ พลังงานที่มันเลวร้ายตั้งแต่หยาบ กลาง ละเอียด
คุณเข้าใจเท่าไหร่ก็แล้วแต่ที่มันหยาบเอาออกก่อน ก็เปลี่ยนแปลงพลังงานจิตของเราให้เป็นพลังงาน ไม่เป็นเลยไอ้ที่เลวไม่เป็นเลย เราเข้าใจแล้วก็จะทำให้ได้ จิตของเราจะมีกำลังอำนาจ ไม่เป็นอีกเลยจะถูกล่อลวง ถูกกระทบกระแทกถูกฆ่าตายก็ไม่เป็น แม้ฆ่าเรา เราก็ไม่ไปเป็นอย่างที่คุณจะให้ทำ มันเป็นความชั่วมันเป็นมาร ฉันจะไม่เป็นมารอีกเลย จะเป็นตั้งแต่เทวดาขึ้นไป
เทวดาคือ พลังงานจิตที่จะเจริญ สูงสุดคือสะอาด เจริญสูงสุดคือสะอาดจนไม่มีความชั่วเลยเด็ดขาด มีแต่ดี และไม่ยึดดึ เป็นตัวตน ภาษาได้แค่นี้ เราอยู่ในพลังงานที่ดีทั้งนั้น กายกรรม วจีกรรม มโนกรรมของเราไม่ทำชั่วอีกเลย ทำแต่ดี แล้วก็รู้ว่าจะทำดีประมาณไหน กับคนไหน ปุคคลปโรปรัญญุตา กับหมู่กลุ่มประมาณไหนปริสัญญุตา กับกาละไหนกาลัญญูตา โดยจัดสรรเนื้อหาอัตถัญญุตา ประมาณองค์รวมได้ ตัวเราก็เท่านี้จะอนุโลมได้เท่าไหร่ ได้แบ่งเท่าไหร่เบาเท่าไหร่ก็ทำ โดยใช้สัปปุริสธรรม 7 ประการนี้ แถมด้วยมหาปเทส 4
ตัวอย่างพระพุทธเจ้าเป็นหลัก ท่านใดที่ท่านไม่บัญญัติว่าห้ามหรืออนุญาต แต่กาละนี้นอกเหนือจากการห้ามหรืออนุญาตของพระพุทธเจ้าแล้วเราก็ต้องประมาณเอาเอง แล้วก็พิพากษาเอง มันไม่มีที่พึ่งแล้วพระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติว่าห้ามหรืออนุญาต เพราะฉะนั้นเหตุการณ์นี้มันมีมันเกินกว่าที่จะอนุญาต คนมันเป็นไปได้ คนทุกวันนี้ปรุงแต่งเกินกว่าที่พระพุทธเจ้าจะมีในยุคของท่าน ในยุคนี้มันบ้าปรุงแต่งกัน ผสมส่วนมา ก็มี เราจึงต้องพึ่งตนเอง ใช้วิจารณญาณของเราเป็นตัวตัดสิน นี่คือมหาปเทส 4
แล้วเราเป็นคนจริง เป็นคนมีความรู้ไม่ลำเอียงไม่มีอคติ เอาสิ่งที่ดีสิ่งที่ถูกต้องตัดสินมาใช้ มันเป็นความจริงของคนจริง เพราะฉะนั้นผู้ที่มีความจริงของคนจริงอย่างนี้แหละ จึงทำงานอยู่กับสังคมโลกอย่างไม่เสียหาย เพราะไม่ได้ลำเอียงกับใคร ทำเอาสัจจะเป็นตัวตั้ง สัจจะบวกลบคูณหาร ด้วยจิตที่เป็นจิตบริสุทธิ์ไม่ลำเอียง เอาสัจจะสาระเป็นตัวหลักเป็นองค์ประกอบของการทำงาน ตัดสิน
ทีนี้คำว่าเทวดากับพรหม
พรหมนี้ ภาษาอีกอันว่าวิสุทธิเทพ คือเทพที่บริสุทธิ์ สูงสุดแล้วคือพรหม พระพุทธเจ้าจึงบัญญัติ เทพไว้ 3 คือสมมุติเทพ อุปัติเทพ วิสุทธิเทพ
คนที่ทำจิตให้เป็นอุปัติเทพคือโลกุตระบุคคล คนที่ยังไม่สามารถทำได้ก็คือ สมมติเทพ ดีชั่วก็อยู่ในระดับสมมติเทพ เอาลาภยศสรรเสริญ ที่บริสุทธิ์สะอาดเป็นตัวตัดสิน คุณได้ลาภยศสรรเสริญด้วยความบริสุทธิ์เท่าไหร่ จะมีวิธีการเอาเปรียบด้วยความบริสุทธิ์ไม่ผิดกฎหมายไม่ผิดหลักเกณฑ์ไม่ผิดวัฒนธรรม คุณก็ได้มามากคุณก็ยังขี้โลภอยู่ แล้วคุณก็รักษาความขี้โลภความรวยความมีมากไว้ คนอื่นก็อยากได้อย่างนี้ เขาก็พยายามรักษา คนอื่นก็ยังมาได้คุณก็แพ้ก็ตกลงไป คนอื่นก็ขึ้นมา ก็แย่งกันเป็นใหญ่ แย่งกันรวย แย่งกันมี แย่งกันมาก แย่งกันเสพสุขเสพทุกข์ เป็นโลกียะ สองอยู่อย่างนี้ไม่ล้างออกจากจิต คนที่วนในโลกียะชน เป็นสมบัติผลัดกันชมชาติแล้วชาติเล่า สมบัติผลัดกันชม ใครอยากรู้ก็ไปอ่านชาดกพระพุทธเจ้ามีมากมายเป็นร้อยเรื่อง คือสมบัติผลัดกันชม จนมาเป็นโลกุตระ ก็เป็นชาดก แต่ก็มีแกนของสมบัติผลัดกันชมในชาดกนั้นเยอะ
ความหมายของสมมติเทพ คือเทพที่เป็นสมบัติผลัดกันชม เทพที่เอาลาภยศสรรเสริญที่เป็นโลกียะ เป็นตัวตัดสิน ใครได้ลาภยศสรรเสริญมาก ก็เอาอันนี้มาให้แก่ตัวเอง ตัวเองก็ใช้อำนาจมีได้หามาได้มาก็เป็นสุข ถูกเขาแย่งไปก็เป็นทุกข์ เท่านี้แหละแย่งกันอยู่ได้นานกี่ล้านล้านๆๆๆชาติ นั่นแหละโง่วนอยู่นานมาก ใครรู้สึกได้ว่า เราจะไปวนเวียนอีกกี่ล้านชาติ คนมีไหวพริบจึงออกจากอันนี้ได้ ก็ล้างออกไป แล้วสิ่งที่ละออกมันสะเด็ดเด็ดขาดไม่เวียนกลับอีกเลยจนเป็นอนาคามีจนเป็นอรหันต์ ทำได้ด้วย
เพราะฉะนั้น อุบัติเทพจึงเป็นโลกุตระ มีทางออกจึงเป็นโลกุตระ หากไม่มีทางออกก็วนเวียนเป็นสมมติเทพวนเวียนเป็นเทวนิยม อย่างเก่งก็มีความรู้ความสามารถให้คนยอมรับในความรู้ อำนาจใหญ่ที่สุด เรียกในสมัยโบราณคือพระเจ้าก็คือพระพรหม ข้านี่แหละใหญ่ๆๆคือพรหมโลกีย์พรหมเก๊ ก็ยึดได้แต่สมบัติผลัดกันชมเท่านั้น
อาตมาว่าใช้คำว่าสมบัติผลัดกันชม ไม่มีอะไรดีกว่านี้อีกแล้ว มันเป็นโลกธรรมหมด สมบัติโลกธรรม ลาภยศสรรเสริญ เราไม่เกี่ยวแล้ว ลาภจะมากหรือน้อย เราก็มีอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์แล้ว เราก็สร้างให้มากแล้วเผื่อแผ่ให้เพื่อนมนุษย์ มนุษย์โลกุตระก็จบด้วยความรู้อย่างนี้ แล้วพวกเราก็เข้าใจก็ช่วยกันทำ สร้างพลังงานองค์รวมให้ดีขึ้น อุดมสมบูรณ์ในสิ่งที่เป็นปัจจัยของชีวิต
สิ่งที่ไม่เป็นปัจจัยชีวิต เราก็ไม่เสียแคลอรี่ไปทำไปสร้าง จะไปสร้างอาวุธทำไม อาวุธเป็นอบายมุขที่ร้ายแรงเป็นมิจฉาวณิชชาข้อที่ 1 อย่ามาสร้างอาวุธอย่ามาค้าขายอาวุธมันจะเป็นบาปเป็นอีกนานมาก พวกที่สร้างอาวุธค้าขายได้เก่งมีประสิทธิภาพแรงมาก อันนี้มันเป็นอำนาจ คิมจองอึน เหลือเศษที่ตกยุค ใช้อาวุธเป็นอำนาจ ตอนนี้ก็กำลังจะเข้ามาสู่โลก หากเขาไม่ยอมรับความจริง หากขืนสร้างอำนาจอย่างนี้อยู่เกาหลีเหนือจะหายไปจากแผนที่โลก
เราก็มาเป็นคนที่มีเมตตาเกื้อกูลมักน้อยสันโดษ อย่าอวดดีไปเก่งทางอาวุธ ถ้าคุณอวดดีอวดเก่งในอาวุธ ตายอย่างเขียดแล้วไม่ได้เหยียดขาตายด้วย ตายแหลกเลย หากว่าคิมจองอึนผยองอีกก็จะตายอย่างเขียดที่ไม่เหลือซากเลย แหลกเป็นผง ไม่เหลือขี้เถ้า เพราะฉะนั้นอย่าทำเป็นเล่นไปเถอะ
แต่อาตมาก็เชื่อว่าเกาหลีเหนือก็จะรู้ตัว อย่างน้อยเกาหลีใต้ก็สืบเชื้อสายมาก็จะช่วยกัน ปลอบประโลมกัน อย่างน้อยที่สุดก็เป็นพี่ อย่างไรก็เป็นญาติกัน มาคืนดีกันอย่างเดิมเถอะความเป็นญาติก็จะคืนมา สายเลือดสายตระกูลดีเอ็นเอเกาหลีจะเกิดขึ้นมาใหม่ เกาหลีก็จะผนึกกันที่ก็แยกออกไป จะมีสามัคคีธรรมเกิดขึ้นในโลก ทิศทางมันดีขึ้น
ตอนนี้ ท่าที จะประนีประนอมหรือจะต่อสู้กัน ก็ระหว่างคิมจองอึนกับโดนัลด์ทรัมป์ เป็นตัวพระเอกของเรื่อง อาตมาว่า ถ้าโดนัลด์ทรัมป์ข่มมากเกินไป คิมจองอึนไม่ชอบใจก็จะไปร่วมกับเกาหลีใต้หรือผู้ที่เห็นใจ รวมตัวกัน ก็จะเกิดสองค่ายในสังคมโลก แต่อาตมาก็มั่นใจว่าสงครามโลกครั้งที่ 3 จะไม่เกิด ไม่เกิดหรอก เพราะท่าทีที่เห็นว่าความปรองดองสามัคคีความช่วยเหลือกันนั้นยิ่งใหญ่กว่าการฆ่า จิตมนุษย์ในโลกนี้กำลังรู้แล้วว่าการช่วยเหลือเกื้อกูลเหมือนอย่างหมูป่า มันเหนือชั้นกว่าที่คุณจะฆ่ากัน นี่เป็นธรรมะสอง ใครที่คิดจะฆ่ากันนั้นตกยุคแล้ว เขาช่วยกันแล้วนะตอนนี้ ไปอยู่ในหลุมดำเบอร์มิวด้าที่ไหนอยู่ อยากไปตกในเครื่องบินมาเลเซียที่ยังหาไม่เจออีกหรือ เขาออกมาได้หมดแล้ว
สมณะเดินดินว่า…ผมฟังวันนี้พบว่าแนวโน้มควรจะประนีประนอมกันมากขึ้น ก็จะได้คะแนน
พ่อครูว่า…แนวโน้มมันดีไปหมด เรามีอย่างสำคัญของเรา ไทยนี่แหละ กสิกรแข็งขันเป็นกระดูกสันหลังของชาติ ไทยจะเรืองอำนาจเพราะไทยเป็นชาติกสิกรรม
เพลงของหลวงวิจิตรวาทการชั้น 1 เลย นี่มันจริงนะ เพราะฉะนั้นเราชาวอโศก ทำกสิกรรมเป็นไหม เก่งไหม เอาเลยๆ ทำขึ้นมาให้เต็มที่เลย หากใครขี้เกียจเข้าไปหาไฟพรตามพร แม้แต่สิกขมาตุเป็นหญิงก็ไปหาเลย เอาเลยช่วยกัน ที่ดินของเรา ทำให้อุดมสมบูรณ์เลยทั้งงามทั้งสวยทั้งดีไม่มีพิษมีภัย ใครเห็นแล้วจะต้องน้ำลายไหล เช็ดไม่ทันเลย และก็ของดี ราคาถูก ซื่อสัตย์ มีน้ำใจ ขายสด งดเชื่อ เบื่อทวง ปวดท้อง
สร้างขึ้นมาแล้วก็เป็นของดีราคาถูก หรือแจกได้แจก ไม่เอาระบบสินเชื่อซึ่งเป็นระบบที่ทำให้สังคมเป็นทุกข์ เราไม่เอา เราใช้แบบสด ขายไม่ได้ก็แจก แจกไม่ได้ก็จะเน่าเสีย เสียดาย จะให้เหลือทำไมก็รีบแจก
นี่คือสัจจะ พูดจนสิ้นเกลี้ยงแล้วไม่รู้จะพูดตรงไหน
สรุปแล้วมาเลย เมืองไทยอยู่ในเขตศูนย์สูตร ในพิกัดของโลก เป็นโซนอบอุ่นที่สร้างพืชพรรณธัญญาหารได้ดีมากเลย ทั้งฤดูกาลทั้งแผ่นดินองค์ประกอบต่างๆ ต้องทำให้เป็นประโยชน์เลย ที่ของเรายังพอมี ทำให้มันเต็มที่ไปเลย ยังมีแรงทำอีก อาตมาพยายามขวนขวายจะหาทางมีที่เพิ่มอีก ตอนนี้มีนาคำยอด นาโม นาเรามีหลายร้อยไร่ ทั้งนาทั้งสวน จะทำสวนทำนาทำไร่ก็ได้ พวกเราก็มีความรู้อันนี้อยู่แล้ว
จึงรู้กาละเทศะนี้ว่าอันนี้ จึงเตรียมตัว ใครจะเก่งอย่างไรก็ต้องกินอาหารนะ ไม่ว่าศาสนาไหนก็กินได้ อิสลามมากินที่เราก็สบาย เพราะเราสะอาดอยู่แล้วไม่มีสิ่งที่เป็นของแสลงของห้ามของพวกเขา อิสลามมาที่เรานี้สบาย เวลาเราไปชุมนุมพวกอิสลามมาอยู่กับเราก็สบาย เขาก็ได้ติดป้ายว่ากองทัพธรรมเหมือนกัน
เทวดาที่เป็นสมมติเทพจึงมีความแตกต่างจากอุบัติเหตุ
สมมุติเหตุจึงวนเวียนอยู่ในสมบัติผลัดกันชมที่เป็นโลกีย์ เริ่มมีธาตุรู้ที่ออกจากโลกียะได้เป็นลำดับเรียกว่าอุบัติเทพ ได้เป็นลำดับ ก็เลิกจากโลกโลกียที่เรายังติดอยู่ คนนี้ติดความรวยยังไม่ยอมรับความจน อย่าง ดร.ต้อม ปรารถนา ตั้งชื่อให้ใหม่และว่าปรารถนาจน ก็บอกว่าใจยังไม่ถึง มันยังไม่ไว้ใจตัวเองมันยังไม่กล้า เมื่อไหร่จะกล้าก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้ไปไหนไม่ออกอยู่ที่นี่แล้ว สักวันหนึ่งก็ต้องยอมรับชื่อปรารถนาจน จนได้ พัฒนาแล้ววันหนึ่งก็ต้องเอาจนได้ก็มันจริง เพราะพวกเรามันชัดแล้ว อย่าว่าแต่ชื่อเลย นามสกุลก็ตั้งกันไม่รู้กี่จนแล้ว จนอีหลีอีหลอก็ยังมีเลย เพราะฉะนั้นมาเป็นเทวดาที่จน แล้วจะจบเทวดาเลย มันไม่มีการลังเลสงสัยจะแปรปรวนแปรเปลี่ยน นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ) จนทิศทางเดียวเป็นแต่เพียงว่าเรายังจนไม่ลงเท่านั้นเอง เหลือมากหรือน้อยก็ของใคร เพราะฉะนั้นสังคมเราจึงเป็นสังคมคนจนที่ยิ่งใหญ่มาก สังคมที่จนจริงๆ ไม่ใช่สังคมพูดเล่น ล่อลวง dramatic ทุกอย่างเป็นของจริงหมด ไม่มีอะไร แฝงเลศเล่ห์ จริงใจจริงจัง มันสุดยอด แล้วมันจนไม่ดียังไง ขอแวะเลย
แวะเข้าหาเศรษฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์คนจนนี้ ในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นพระโพธิสัตว์ ท่านจึงตรัสอันนี้อย่างอาจหาญแกล้วกล้า อย่างจริงพระทัยของท่านจริงๆ ก็อธิบายท่านอธิบายไม่มาก แค่นั้น ท่านอยู่ในฐานะพระเจ้าแผ่นดิน อาตมาก็มาอธิบายต่อ ไม่มีปัญหา I don’t care If the sun Don’t Shine I don’t care If the moon Glow blind
คนจนทำให้โลกสะดวกสบายขึ้น เพราะจนอย่างมีหลักวรรณะ 9 เป็นคนเลี้ยงง่ายบำรุงง่ายเจริญได้ง่าย เป็นคนมักน้อยมีน้อยก็พอ สูญก็ยังพอเลย เราอยู่กับหมู่สูญก็ได้ แต่เรากินใช้อยู่อย่างสาธารณโภคี ไม่สงสัย ตายอีกกี่ชาติ ตายแล้วมาเกิดอีกจะเชื่อถือแบบนี้ไหม ถ้าจิตใจไม่เปลี่ยนแปลงแล้วจะเชื่ออีกไม่รู้กี่ชาติ ดีไม่ดีก็เกิดมาก็จะมาหาสังคมแบบนี้ว่าอยู่ที่ไหน เพราะมันฝังรากในจิต ตายแล้วเกิดชาติหน้าชาติไหน หากมีโลกุตระแล้วก็จะมีในจิต มันก็จะมีแกนของจิตเป็นอย่างนี้ เรียกว่าเป็นเชื้อแก่น อีกกี่ชาติก็จะเป็นแบบนี้ เป็นของตัวเองไม่ใช่ของพ่อแม่ เป็นจิตวิญญาณของตัวเองที่เป็นแก่นเชื้อ ไม่ใช่ทางวัตถุ ไม่ใช่ทางสรีระไม่ใช่ทาง DNA แบบวัตถุ แต่เป็นทางจิตวิญญาณ แบ่งกันไม่ได้ ของใครของมันของคนนั้น
คำว่าเศรษฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์เผด็จการฟาสซิสต์ แบบนี้เลวที่สุด เศรษฐศาสตร์มาเป็นคอมมิวนิสต์ เป็นคณะใหญ่ มีอำนาจเหมือนเผด็จการ เพราะฉะนั้นคอมมิวนิสต์ ก็ยังไม่ถึงขนาดนั้น ขณะนี้ถ้าเป็นคอมมิวนิสต์แบบอำนาจบาตรใหญ่ไปไม่รอด จีนเขาดูแล้วไปแบบนั้นไม่ได้ อย่างเกาหลีเหนือก็ไปไม่ได้
เศรษฐศาสตร์เผด็จการเลวที่สุด เผด็จการคอมมิวนิสต์เอากลุ่มหมู่ตัวเองเท่านั้น เหมือนยังกับโดนัลด์ทรัมป์บอกว่า America First แบบนี้ คอมมิวนิสต์First เหมือนกัน อย่างนั้นไม่ได้ ต้องคำนึงถึงเพื่อนฝูงของโลก ถ้าหากเราได้เราสบายต้องอยู่ยอดเหนือกว่าอะไรทั้งหมด แล้วคนอื่นก็จะอยู่อย่างทุกข์ร้อน เขาต้องการความช่วยเหลือคุณก็ไม่เห็นใจเขา อย่างนี้อยู่ไม่ได้หรอก หากจิตใจของโดนัลด์ทรัมป์บอกว่า American First อย่างนี้ไปไม่รอดหรอก ไปไม่ออกแน่นอน
สิ่งเหล่านี้เป็นตัวอย่างของ มนุษยชาติ พฤติกรรมมนุษย์ตัวอย่างของสังคม
อาตมาแยกเศรษฐศาสตร์เป็น 5 อย่าง
เผด็จการ คอมมิวนิสต์ ประชาธิปไตย ทุนนิยมสามานย์ ประชาธิปไตยชั้นดี คือจะต้องมีอิสระเสรีภาพ ตัวหลักที่เป็นตัวใคร ความเป็นประชาธิปไตยคือ
-
มนุษย์มีอิสระเสรีภาพ 2. ไม่ได้มีอัตตาตัวตน เป็นเรื่องใหญ่ หากจิตใจใครไม่มีอัตตาตัวตนหรือมีอัตตาตัวตนน้อยเลย แล้วก็ให้อิสระเสรีภาพแก่ทุกคนนั่นแหละคือจริง นี่คือยอดประชาธิปไตย มันจะเป็นได้ คุณต้องศึกษาทางนี้ จิตวิญญาณเท่านั้นที่จะรู้ความเป็นอิสระเสรีภาพ จิตวิญญาณเท่านั้นที่จะรู้จักอัตตาตัวตนแล้วทำความไม่เป็นอัตตา ทำความเป็นอิสระเสรีภาพได้ จิตวิญญาณเท่านั้นเป็นตัวรู้และเป็นตัวปฏิบัติให้สำเร็จ พืชทำไม่ได้ จิตวิญญาณของคนเลวทำไม่ได้ ต้องเป็นจิตวิญญาณคนประเสริฐเท่านั้น เห็นไหม