บันทึกผ่านเลนส์ ส่องโพธิกิจ..บ้านราช เมืองเรือ แผ่นดินพุทธ รีสอร์ทเรือโลกุตระ
วันเสาร์ที่ 14กรกฎาคม 2561
วันนี้พ่อครูลงมาฉันภัตตาหารเวลาประมาณ 11. 20 นาที หลังจากฉันภัตตาหารเสร็จ ดร.พิมพ์ ลูกสาวป้าขาว พิมพ์พร แห่งสันติอโศก ได้มากราบนมัสการลาพ่อครูกลับกรุงเทพ หลังจากที่ป้าขาวได้พาดร.พิมพ์ ลูกสาวที่มาจากอเมริกามากราบพ่อครู ท่านมอบหนังสือสัจจะชีวิตให้ไปอ่าน ดร.พิมพ์เรียนขอลายเซ็นต์พ่อครูเซ็นให้ที่หนังสือไว้เป็นที่ระลึก พ่อครูบอกว่าไม่ได้ให้ลายเซ็นใครนานแล้วและที่หน้าปกก็มีลายเซ็นของพ่อครูอยู่แล้ว …ถ้าเซ็นให้กันคงไม่ไหว ไม่ต้องไปทำอะไรแล้ว
..หลังจากนั้นพ่อครูเดินออกมาย่อยอาหารและตรวจงาน ไปที่เฮือนสวยเหมิดดูตู้กับข้าวเห็นกระติบข้าวเหนียวขนาด Big Size ซึ่งไม่ค่อยได้เห็นทั่วไป แต่ชุมชนเราอยู่ทางภาคอีสาน ข้าวเหนียวจึงจำเป็นสำหรับท้องถิ่นของชาวบ้านราชที่ต้องมีข้าวเหนียวเป็นอาหารหลักในทุกๆมื้อของอาหาร…พ่อครูเดินมาที่เฮือนหญังกินเข้าไปดูที่ประกอบอาหารในครัว ตอนนี้ได้ปรับพื้นปูแกรนิตให้พื้นเสมอกันทั้งหมด..อาดินนา โคตรบุญอารยะกำลังล้างครัวได้เข้ามากราบนมัสการทักทายพ่อครูรวมถึงยายหยุยกำลังเตรียมอาหาร พ่อครูถามหาผู้อื่นหายไปไหนหมด ยายหยุยบอกว่า เวลานี้ประมาณบ่ายโมงเป็นช่วงเวลาพัก จะมาช่วยงานกันอีกทีในช่วงเย็น…
พ่อครูเดินออกมาหน้าเฮือนหญังกิน เข้ามาภายในชุมชนเจอคุณวิเชียรและลูกชายทั้งสอง มาตามหาครูติ้วเพราะในช่วงวันหยุดลูกชายทั้ง 2 มักจะเข้ามาเล่นกับเพื่อนๆสมุนพระรามในชุมชน พ่อครูสังเกตเห็นต้นมะขามเปรี้ยวซึ่งหาได้ยากเพราะส่วนมากจะมีเมล็ดที่ปลูกเป็นมะขามหวาน ส่วนมะขามเปรี้ยวทั่วไปจะแกะเมล็ดออกแล้วแปรรูปเป็นมะขามเปียก เวลาเราซื้อมาก็จะมีเฉพาะเนื้อ ไม่มีเมล็ดไว้ทำพันธุ์ต่อได้..
พ่อครูเดินมาถึงสี่แยกถนนตรงศูนย์ ครูติ้วออกมารับลูกๆคุณวิเชียร ผ่านมาหน้าเฮือนเพิ่งกัน เฮือนฝั่นเซียว เด็กชายวังซึ่งกำลังเรียนอยู่ได้วิ่งออกมากราบนมัสการพ่อครูจากนั้นนักเรียนสมุนพระรามชั้นป. 3 ทั้งหมดก็วิ่งออกมากราบนมัสการรวมถึงคุรุตุ๊กตาด้วยเช่นกัน พ่อครูเย้าเด็กๆว่าออกมาอย่างนี้ขอคุรุหรือยัง เด็กชายวังตอบว่ายัง พ่อครูเลยบอกว่างั้นกลับเข้าไปเรียนกันได้แล้ว เป็นบรรยากาสที่อบอุ่น น่าเอ็นดูลูกหลานที่แสดงความเคารพ อ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่..
พ่อครูเดินผ่านมาถึงสามแยกเห็นต้นยอป่าอยู่ติดกับต้น Star Apple บริเวณใต้ต้นไม้ทั้งสองมีป้ายเป็นต้นไม้พูดได้เขียนไว้ว่า”ยอดไม้สูง ยิ่งอ่อนโยน ยอดคนดี ยิ่งอ่อนน้อม” รวมถึงป้ายบอกทางไปเขตสิกขมาตุและบ่อผำ ซึ่งเป็นงานศิลปะป้ายบอกทางของ ศิลปินเปีย หม่องทำได้ชัดเจนน่ามอง..
พ่อครูเดินมาถึงเรือรามรักษ์ บอกว่าจะขึ้นไปดูงานของช่างคณิต ไทเทิดธรรมเพราะผ่านมาหลายครั้งแต่ว่าไม่ได้แวะขึ้นไปดูพ่อครูเดินขึ้นไปชั้น 2 ดูงานซ่อมแซมตกแต่ง ยังไม่แล้วเสร็จดี ช่างคณิต ไทเทิดธรรมวันนี้ไม่อยู่ในพื้นที่ พ่อครูขึ้นไปดูบริเวณชั้น 2 ที่จะใช้เป็นที่พักพ่อครู ก็ยังตกแต่งไม่เสร็จเช่นกัน ขณะที่พ่อครูเดินลงบันไดมา ป้าขาวกับด็อกเตอร์พิมพ์กำลังคุยกันเรื่องบุญต่างจากกุศลอย่างไร พ่อครูได้ยินก็อธิบายให้ดอกเตอร์พิมพ์เข้าใจในเรื่องของบุญซึ่งตอนนี้เข้าใจกันผิดเพี้ยนไปมากแล้วในสังคมพุทธปัจจุบันนี้..
พ่อครูเดินมาถึงบริเวณด้านข้างเรือรามรักษ์ มีพืชผักหลายชนิดที่สามารถรับประทานได้เช่นอ่อมแซบหรือเบญจรงค์หรืออีกชื่อนึงพ่อครูเรียกว่า ต้นบุษบาริมทาง ป้าขาวบอกว่าอยู่ที่บ้านนำมาปั่นดื่มทุกวันเพื่อสุขภาพ …
พ่อครูเดินมาที่สะพานเชื่อมรัตน์ มองเห็นแก้งติดราม วันนี้น้ำมีการไหลหมุนเวียนดี เนื่องจากบริเวณน้ำตกผาแหงนได้เปิดหมุนเวียนมาถึงบริเวณนี้บ้างแล้ว แต่ที่ถนนก็ยังเป็นหลุมชื้นแฉะเนื่องจากฝนตกตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา พ่อครูเดินขึ้นมาบริเวณเฮือนตลาด เจอแม่เทียนดินกำลังปลูกมะละกอและพืชผักอีกหลายชนิด เข้ามาภายในเฮือนตลาดด้านหลังจะเป็นส่วนฐานแปรรูปของท่านสิกขมาตุศิริพร วิภาษา เจอยายประคองและทีมงานกำลังบรรจุมะขามแขกนำส่งอุทยานบุญนิยมเพราะเป็นที่นิยมสำหรับลูกค้าที่รักษาสุขภาพ ส่วนสิกขมาตุศิริพรก็กำลังบรรจุงาคั่ว ซึ่งท่านเป็นผู้คั่วเอง…
..พ่อครูเดินมาด้านข้างเฮือนตลาด ไม่ได้มานานเวลานี้ต้นไม้ร่มรื่นขึ้นมาก โดยเฉพาะต้นกล้วยกับมะละกอที่สูงแข่งกันจนเป็นร่มเงา ทำให้อากาศเย็นสบายไม่ต้องติดแอร์ พ่อครูสังเกตเห็นต้นไม้ประเภทเฟิร์นที่ติดมากับก้อนหิน ใบเริ่มแห้งจึงบอกให้ช่วยกันดูแลรดน้ำให้ด้วย หวังจะให้เฟิร์นได้มีชีวิต เติบโตต่อไป…คุณรุ้งผู้รับใช้ดูแล หม่องสมุนไพรมากราบนมัสการพ่อครู และคุณรุ้งกำลังหั่นตะไคร้หอมเพื่อเตรียมแปรรูปทำผลิตภัณฑ์กันยุง ..ส่วนป้าเข่ง ใจแก้ว ลงจากเรือมานมัสการพ่อครูและรายงานว่า ได้ย้ายจากสันติอโศกมาที่ราชธานีอโศกและได้อาศัยบนเรือข้างหม่องสมุนไพรนี้ ฝนตกลงมาก็ตื่นเต้นเพราะจะต้องคอยระวังฝนทุกทิศทุกทาง พวกเราเย้าว่าเป็นการใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติจริงๆ..
พ่อครูเดินลงมาบริเวณที่เคยตั้งเรือตถตาที่อนิจตา สลายไปแล้ว วันนี้เรือเอี๊ยมจุ๊นใหญ่ได้ซ่อมแซมปรับปรุงเป็นเรือนเรือเสร็จเรียบร้อยแล้ว พ่อครูเดินผ่านเรืออีกหลายลำที่อยู่ข้างเฮือนตลาด ในอนาคตบริเวณนี้ก็จะมีผู้หญิงมาอยู่อาศัยเต็มทุกลำเรือ พ่อครูเดินลงมาถึงเรือที่เพิ่งย้ายมาและยังต่อเติมซ่อมแซมไม่แล้วเสร็จ เส้นทางที่พ่อครูเดินแม้จะเฉอะแฉะด้วยพื้นดินที่เหนียวและลื่น แต่พ่อครูก็เดินเยี่ยมชมทุกจุดในบริเวณนี้ น่าประทับใจพ่อครูในการดูแลเอาใจใส่ในทุกอณูพื้นที่จริงๆ พื้นที่ด้านหน้าติดถนนเริ่มทำฐานเพื่อเตรียมยกเรือที่ทีมงานช่างหนวดกำลังซ่อมแซมทำโครงเรือให้สมบูรณ์ มองเรือลำนี้ทีไรนึกถึงสภาพก่อนที่จะซ่อมแซมเป็นเศษไม้ที่มีหญ้าและไมยราบยักษ์คลุมแทบไม่เห็นเป็นชิ้นเป็นอัน แต่ด้วยทีมงานเป็นช่างฝีมือทางด้านต่อเรือสามารถปลุกชีวิตของเศษไม้ แล้วนำมาซ่อมแซมปรับปรุงเป็นเรือนเรือได้ นับเป็นช่างไม้ ช่างต่อเรือที่มีฝีมือหายากแล้วในยุคปัจจุบันนี้ ..
พ่อครูเดินมาถนนตรงกลางมองไปที่ก้อนหินใหญ่กลางลำธารถอยหลังเข้า ปกติจะเห็นก้อนหินลอยเหนือน้ำ แต่วันนี้ก้อนหินเหมือนจะจมน้ำแสดงว่าน้ำมีปริมาณเพิ่มขึ้น เดินไปพบเรือแคนูจอดติดอยู่ข้างโขดหินใกล้แก้งตำอิด ไม่แน่ใจว่ามีผู้ดูแลอยู่หรือไม่.ซึ่งแก้งตำอิดตอนนี้มีต้นโสนน้อยเรือนงามคลุมเต็มพื้นที่ ถ้าผู้ใดไม่คุ้นชินเส้นทางก็จะคิดว่าไม่สามารถเดินข้ามได้ ..
พ่อครูเดินมาด้านข้างเรือ 2 ลำหน้าวิทยาลัยอาชีวะเข้ามาภายในวิทยาลัยอาชีวะ เจอพัดลมเก่ามากๆ ยังหมุนได้ดีแต่สั่นไปทั้งตัวเครื่อง พ่อครูบอกด้วยอารมณ์ดีว่า พัดลมเป็นไข้จับสั่น เปิดทีสั่นไปทั้งเครื่องแต่ก็ยังสามารถให้ความเย็นได้ ท่านสมณะหินกลั่นและท่านสมณะมือมั่นมากราบนมัสการพ่อครู รายงานการทำงานบริเวณพื้นที่ปฏิบัติการของวิทยาลัยที่จะพยายามซ่อมแซมเครื่องยนต์ต่างๆ รวมถึงใช้เป็นฐานปฏิบัติงานซ่อมเรือโคกใต้ดิน ..
ก่อนที่พ่อครูจะเดินออกมาด้านหลังวิทยาลัยสังเกตเห็นเรือมดลำเล็ก พ่อครูบอกว่าเป็นเรือที่น่าจะอนุรักษ์ไว้อีกลำหนึ่ง แต่พ่อครูเล่าว่าไม่สามารถนั่งได้เพราะนั่งทีไรก็คว่ำทุกที เดินมาด้านหลังวิทยาลัยอาชีวะพ่อครูชมต้นเอื้องหมายนาว่ามีดอกที่งดงามและสามารถรับประทานได้ ท่านสมณะมือมั่นได้รายงานพ่อครูว่ารถที่จอดบริเวณนี้เป็นรถสำหรับให้นักศึกษาปวช.แผนกช่างยนต์และต่อเรือ ไว้ฝึกซ่อมเครื่องยนต์ให้สามารถใช้งานได้เป็นการเรียนการสอนบูรณาการแบบลงมือจริงกับสถานการณ์จริงคือซ่อมรถให้สามารถใช้ได้จริงๆ..
พ่อครูเดินมาที่อาคารบวรวันนี้เป็นวันหยุด จึงมีทีมนายรักษ์เขตมาปิดบริเวณถนนด้านหน้าอาคารบวรเพื่อให้รถขึ้นไปจอดในอาคารและป้องกันรถมอเตอร์ไซค์ที่นำมาแข่งซิ่งภายในชุมชนและจัดระเบียบดูแลความปลอดภัยเบื้องต้นสำหรับผู้ที่มาเที่ยวน้ำตกในช่วงวันหยุด ขึ้นไปหน้าอาคารบวรพบกับคุณเป็ด จตุพลกำลังทำหน้าที่ดูแลรถ พ่อครูเดินลงมาด้านหน้าอาคารบวรพบ อาดาวนา มาเรียนพ่อครูเรื่องได้ต้นโพธิ์มาแล้วเจ็ดต้น พ่อครูจึงเดินไปบอกตำแหน่งที่ปลูกต้นโพธิ์กลางเดิ่นเข่ามวน ซึ่งมีหิน 3 ก้อนวางไว้อยู่ตรงกลางและได้ชี้ตำแหน่งให้ป้าดาวนาปลูกต้นโพธิ์ทั้ง 7ล้อมหินทั้ง 3 ก้อนนี้ เมื่อโตมาจะเป็นซุ้มโพธิ์ใหญ่กลางลาน
พ่อครูแวะมาที่ศาลาน้อยหลังใหม่ ข้างแก้งสะโพ ท่านปัจฉานิมนต์ลองขึ้นไปนั่งดู เป็นศาลาขนาดกระทัดรัดเหมาะสมสำหรับมานั่งพักผ่อนกินข้าวร่วมวงพูดคุยเล่นน้ำ สำหรับผู้ที่มาเป็นครอบครัวหรือกลุ่มเล็กๆ..ใกล้ๆศาลา ปู่เถาและทีมงานกำลังปลูกมะเขือพริกและพืชผักสวนครัวอื่นๆภายในถุงปุ๋ย เพื่อนำมาประดับริมถนนและพื้นที่ภายในชุมชนและสามารถเคลื่อนย้ายตามความเหมาะสมได้ตลอดเวลา
พ่อครูเดินกลับมาทางแก้งสะโพ ที่มีต้นหญ้าขึ้นตามโขดหินเป็นภูมิทัศน์น่ามอง รื่นรมย์ตามธรรมชาติ พ่อครูเดินกลับขึ้นมาด้านหน้าน้ำตกผาแหงนยืนมองต้นพยุงที่วันก่อนช่วงน้ำโตนเปิด มองไกลๆเห็นมีใบเหลืองเหมือนจะไม่รอด แต่วันนี้สังเกตเห็นต้นพยุงออกดอกอยู่หลายช่อและใบยังอุดมสมบูรณ์ วันนี้มีผู้มาเล่นน้ำหนาตาโดยเฉพาะเด็กวัยรุ่นได้มาเล่นน้ำจำนวนมาก ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ของพ่อครูในการสร้างธรรมชาติ สร้างสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ โดยไม่เคยคิดเอารายได้จากผู้ที่มาเที่ยวเลย
พ่อครูเทศน์ไว้ว่า บวรราชธานีอโศกเป็นสถานที่ที่เรียกได้ว่ายิ่งกว่ารีสอร์ทเมืองเรือที่ ทุกคนมากินมานอนมาพักได้ เราสร้างธรรมชาติ น้ำตกภูเขา นกร้อง ลำธาร แก้งต่างๆเพื่อให้คนมาอาศัยใช้สอย อย่างเต็มใจไม่เคยเสียดายทุนรอนที่ลงไป เพื่อให้เป็นที่อยู่ของมนุษย์ทุกคน มีนิเวศวิทยาเป็นธรรมชาติ มากินเข่ามวน ให้เป็นที่รื่นรมย์ สถานที่นี้เป็นสิ่งที่ควรได้มาสัมผัสธรรมชาติที่หาได้ยากในปัจจุบัน เป็นสิ่งที่มีคุณค่าที่ตีเป็นมูลค่าไม่ได้ พ่อครูบอกว่าพวกเราเป็นคนจนที่มีแบบและประพฤติตนแบบคนจนตามในหลวงรัชกาลที่ 9 พวกเราจึงสุขสำราญเบิกบานใจและยินดีต้อนรับทุกท่านที่มาเยือน