610714 การใช้นาม 5 ให้เกิดสัมประสิทธิ์
พ่อครู : มันไม่พาเจริญ เจริญด้วยชีวิตจริงด้วย ชีวิตที่จะอุดมสมบูรณ์ ชีวิตที่ไปให้ประโยชน์ ไม่พาเจริญ ธรรมะพระพุทธเจ้าก็มีการพิสูจน์เยอะ อย่างมารวมกันอยู่นี่ทำงาน ต่างคนต่างไม่ยึดเป็นของตัว เสร็จแล้วไม่ได้สะสม มีน้อย แล้วทำไมไม่แย่งกันไม่ทะเลาะกัน มันมีนัยยะพิสูจน์ธรรมะเยอะเลย
ส.แสนดิน : มันไม่เดือดร้อนวุ่นวาย
พ่อครู : ก็จิตมันเจริญไง จิตมันดี จิตมันไม่เห็นแก่ได้ ไม่เห็นแก่ตัว แบบโลกๆ ไม่เห็นแก่ได้ ไม่เห็นแก่ตัว แล้วก็ไม่อยากวิวาท ไม่มีโทสะ ไม่ต้องไปขึ้น ไปทะเลาะเบาะแว้งอะไรกัน จิตมันชัดเจนไง จิตมันยืนยันความเป็นจริง
ส.แสนดิน : มันมีบ้าง แต่ว่ามันไม่มาก
พ่อครู : อันนั้นกิเลสมันเหลือ มันก็มีบ้างนิดๆหน่อย
ส.แสนดิน : บางที่ก็มีพูดขัดคอขัดแย้ง แทบจะทะเลาะกันบ้างครับ
พ่อครู : ทฤษฎีมันถูกไง แต่กิเลสมันยังไม่หมด ทฤษฎีมันถูกต้องแล้ว แต่กิเลสมันยังไม่หมด มันก็ต้องแสดงบ้าง มันก็ต้อง มี error มีการ สิ่งที่มันยังมีจริง มันก็ต้องออกมาเป็นจริง มันก็นั่นแหละ มันก็ต้องมีผัสสะไง ถ้าไม่ผัสสะมันก็ไม่มีจริง มันก็นึกว่าเราหมดแล้ว มันก็ไม่ขึ้น หรือว่ามันเกิดมา มันไม่ปรากฏตัว มันก็เลยไม่รู้ เพราะนั้นธรรมะพระพุทธเจ้าจึงชัดๆเจนๆแล้ว ต้องมีผัสสะเป็นปัจจัย ไม่มีผัสสะเป็นปัจจัยปฏิบัติธรรมะไม่ได้ ไม่มีผัสสะไม่มีฐาน พระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้แล้ว ไม่มีฐานะที่จะเป็นได้ เป็นได้ก็คือที่จะสามารถเป็นโสดา สกิทา อนาคา อรหันต์ ไม่มีเวทนามาปฏิบัติ ไม่มีฐานะจะเป็นอะไรได้เลย เป็นได้อย่างเดิม เป็นปุถุชนที่เต็มไปด้วยกิเลสอย่างเดิม เป็นตัวเจริญ เป็นตัวที่พัฒนาโลกุตระขึ้นมาไม่ได้เลย ปฏิบัติเป็นอาริยะไม่ได้เลย
ส. แสนดิน : ผัสสะนี่เป็น นามหนึ่งในนาม 5 คนจะต้องกำหนดมา
พ่อครู : ใช่ ถ้ารู้ว่านาม 5 นี่คือ นามคืออะไร รูปคืออะไร รูป 28 นาม 5 จบ เขาไม่พูดถึงเลย พวกนั่งหลับตา เขาไม่พูดถึงเลย ไม่พูดถึงนาม 5 เลย ไปพูดถึงจิตเจตสิก 89 121 อะไรไปโน่นเลย
ส.แสนดิน : จิตในจิต
พ่อครู : ไปเอาตัวที่มันเป็นตัวผล ตัวที่เขาแยกสำเร็จไปออกมา ไอ้ตัวนาม 5 ที่เป็นตัวปฏิบัติตามปฏิจจสมุปบาท ที่ท่านตรัสไว้ ไม่พูดถึงเลย ไอ้เราก็เพิ่งมารู้ใน ปฏิจจสมุปบาทของพระพุทธเจ้า นาม 5 ที่พูดไว้ อ๋อ มี เวทนา สัญญา เจตนา ผัสสะ มนสิการ นี่เอง โอ้โห ชัดเจนเลย คุณต้องทำใจในใจด้วยผัสสะ ด้วยผัสสะ แล้วคุณต้องมีเจตนา เจตนา 3 กาม มโนสัญเจตนา มีกามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา ไง เพราะงั้นคุณก็ไม่รู้ว่า อ้าว เจตนา 3 และคุณก็ต้องจัดการกับ กามตัณหา ภวตัณหาไป ก็หมด วิภวตัณหาเป็นตัณหาแบบวิมุติ
ส.แสนดิน : ในนาม 5 ที่เป็นตัว A ในสูตรพ่อท่าน m นี่คือ ขันธ์ 5 A นี่คือ นาม 5
พ่อครู : c อ๋อ ใช่ A คือนาม 5
ส.แสนดิน : c ใหญ่
พ่อครู : c เล็กคือ ความเร็วของจิต c ใหญ่ก็คือ มุทุ
ส.แสนดิน : c ใหญ่ก็คือ สัมประสิทธิ์ที่มันจะเกิดจาก mc2 + A
พ่อครู : A คือ สัมประสิทธิ์ ที่จะเพิ่มขึ้นๆ
ส.แสนดิน : ถ้าจะทำก็ทำที่ A คือ ทำที่นาม 5
พ่อครู : เอ่อ A นะมันมีตั้งแต่บวก เพราะฉะนั้น เราก็มาเพิ่มขึ้นอีก มี C ใหญ่ก็คือ mc2 + A ใหญ่นี่แหละ แล้วมีอัตราการก้าวหน้าขึ้นมาจึงเป็น c ใหญ่
ส.แสนดิน : ต้องมีอัตราการก้าวหน้าด้วย
พ่อครู : ต้องเป็นคูณขึ้นไป ถึงยกกำลังเพราะฉะนั้นถึงยกขึ้นมาเป็น c c คือ ตัวที่เพิ่มส่วนจากการก้าวหน้าที่เป็นคูณ เป็นยกกำลังขึ้นมาของ A A มันคือบวก A ใหญ่นี่มันคือ mc2 + mc2 + mc2
ส.แสนดิน : บวกถึงระดับนึง
พ่อครู : บวกถึงระดับนึงก็คูณ ถ้าเป็น 4 ก็เท่ากับ 2 x 2 ถ้าเป็น 2 x 2 เป็น 4 เริ่มต้นเป็นยกกำลังก็ได้ สอง สอง สี่ เป็น ห้า เป็น หก เป็น หก ก็คือ บวกอยู่ ถ้าเป็นเก้า ก็เป็นยกกำลัง อัตราการก้าวหน้าก็เพิ่มไป
ส.แสนดิน : ถ้าภาคของพ่อท่าน มันเป็นภาคของพระโพธิสัตว์ ย่อมไม่เหมือนภาคเสขบุคคลนะครับ
พ่อครู : บริสุทธิ์มันก็ต้องรู้ส่วนที่คุณต้องทำตามลำดับ คุณจะไปมั่ว เอามาทั้งก้อน เอามาทั้งใหญ่เลยไม่ได้ ต้องแบ่งส่วนออกมาทำตามลำดับ อย่าไปทำ ทั้งก้อนเลย กิเลสคุณเท่าภูเขา คุณก็จะเอาภูเขามาทลายเลย คุณก็ต้องค่อยๆแซะ ค่อยๆแบ่งส่วน อ้าว เท่านี้ขีดเส้น ตีผัง เอาเท่านี้ก่อน
ส.แสนดิน : แต่ว่ามันก็จะไม่เหมือนกับสัมประสิทธิ์พ่อท่านที่ เร่งให้อายุขัยขึ้น
พ่อครู : อันนี้เราไปใช้งาน เราใช้งานที่ว่า รู้จักจิตแล้วเราไว้ใช้งาน นี่มัน advance มันเป็นความรู้ที่มันสูง
ส.แสนดิน : จะมาใช้กับพ่อท่านนี่มันจก็ะยากไง
พ่อครู : ยาก แม้แต่ผมก็ยังหยิบมาอธิบายเป็นสภาพให้มันเป็นตัว อธิบายเป็นคำๆเลยยังไม่ได้ แล้วมันจะไปทำให้เกิดสรีระที่มันจะต้องก้าวหน้าทั้งกายคือรูปกับนาม อะไรยังไงยังไม่เก่ง ไปขับเคลื่อนยังไงไปกดปุ่มไหน รหัสไหน ตัวไหน
ส.แสนดิน : ใช่ เมื่อวาน พ่อท่านตื่นมาตอนดึกๆ ไอมากเลย เหมือนจะเป็นหวัด ไอมากเลย แล้วก็พอจะนอน ตื่นมาก็เป็นอีกสภาพหนึ่ง
พ่อครู : ถ้าเผื่อว่ามัน หนึ่งมากไปก็ไอ สองนิ่งๆก็ไอ นิ่งๆก็มากเกิน แต่พอดีๆ สบายๆ
คุณเจมส์ : พ่อครู เหมือนพยายามใช้ตัวพีชะ มาบริหารตน บางทีผมมอง ต้นไม้มัน น้ำมันเยอะก็รู้สึกเป็นหวัด ไม่ออกดอก น้ำน้อย
ส.แสนดิน : มันก็ปรุงไปเอง ปรุงให้มันมีพลังงานขึ้นมา แล้วกำหนดไหมครับว่ามันจะต้องหาย
พ่อครู : ไม่ตั้ง แต่มันหาย พลังงานไม่ต้องไปบอกมันหรอก มันได้สัดส่วนของมัน มันก็เป็นเช่นนั้น
ส.แสนดิน : แต่เราก็ต้องทำอะไรกับมัน ถ้าไม่ทำปล่อยมันก็
พ่อครู : ก็เกิด dynamic ไง เกิดการทำการเคลื่อนตัว การปรุงแต่ง
ส.แสนดิน : ปรุงแต่ง ภายในจิต เป็นวจีสังขาร
พ่อครู : ใช่ ด้วยเจตนาไง โดยที่เรามีความรู้ของการเจตนาที่จะให้ทำ ถ้าโดยสามัญปุถุชน มันเป็นอัตโนมัติ มันไม่มีเจตนาเข้าไปคุม เพราะงั้นเจตนาเข้าไปคุมไม่มี ก็มีตัวกิเลสเป็นตัวเข้าคุม แต่ทีนี้ถ้าเรามีเจตนาเข้าคุม มันก็มีสติ มีเจตนา มันก็อย่างน้อย กิเลสมันทำงานไม่ได้เต็มที่ ถ้าเราฝึกดีๆ กิเลสมันก็ทำงานไม่ได้เลย
ถอดความโดย … ในสวนดาว
[embedyt] https://www.youtube.com/watch?v=pZQ-_yYyf4c[/embedyt]