610723_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ตอบปัญหาให้มีสภาวะอันพ้นตรรกะ
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://drive.google.com/open?id=1VR_P8T1nI343ztot5al2UTehvdj-470kESzMfHBn-d0
ดาวโหลดเสียงที่.. https://drive.google.com/open?id=1fCfuhlYZcxwwHEHTJOVv_itXgdWTbPIn
สมณะเดินดิน ว่า…วันนี้เป็นวันบวรของชาวราชธานีอโศก วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม 2561 วันนี้เราจะมีกิจกรรมร่วมกัน กิจกรรมที่สำคัญคือร่วมฟังธรรม
วันนี้เรามีการบวชสมณะเพิ่มขึ้นอีก 1 รูป สมณะรูปสุดท้ายรูปที่ 88 ได้จากเราไปคือหลวงตาพรหมจริโย วันนี้มีท่านสันติ อาภัสสโร ก็เข้ามาแทน ท่านเป็นพระอาคันตุกะอยู่กับเรามา 7-8 ปีแล้ว เข้ามาเป็นรูปที่ 88 ปีนี้ สมณะรูป 88 จากเราไป แล้วเราได้สมณะรูปที่ 88 มาอีก 1 รูป เป็นปีที่มีเดือน 8 สองหนด้วย
หลวงตาพรหม ชื่อเดิม คือแดนเดิม พรหมจรรย์ พ่อครูถึงตั้งฉายาให้ว่า พรหมจริโย ผู้มีความประพฤติดั่งพรหม และท่านก็เป็นผู้ที่มากด้วยความเมตตากรุณา ช่วยเหลือทุกคน ใครเจ็บใครป่วยใครไม่สบายใครตายก็ไปตลอด ปะที่สันติอโศกเป็นมะเร็งท่านก็ไปเป็นเพื่อนพบหมอด้วยเสมอ น้ำหนักของความเมตตามีมาก เป็นพรหมของชาวอโศก มีคนบอกว่า ความเป็นพรหมไม่น่าจะมีที่หลวงตาคนเดียว น่าจะไปอยู่ที่หัวใจของชาวอโศกทุกคน ที่เราจะมองกันด้วยความเมตตา ด้วยความเป็นพรหม
วันนี้เราก็คงจะได้มาฟังสัจจะจากพ่อครูอีกครั้งหนึ่ง
พ่อครู ว่า…เอา sms เมื่อวานก่อน SMS วันที่ 22 กค. 2561
_2166พ่อท่านครับคนใส่ชุดสีเทามีผ้าโพกหัวเป็นคนอินเดียหรือเปล่าครับ?ผมสังเกตุดูแกจะมาเฉพาะวันที่พ่อท่านเทศน์แกฟังภาษาไทยรู้เรื่องหรือครับ? เพราะแกชอบพยักหน้ารับอยู่บ่อยๆเวลากล้องจับหน้าแก รู้สึกแกเล่นกับกล้องเก่ง!!!?
พ่อครูว่า…เขาเป็นคนมีจริตอย่างนี้ มุ่งมั่น ค่อนข้างจะคิดถึงครูบาอาจารย์อยู่พอสมควรเหมือนกัน คนเรา หากมีความจริง มีความรู้ที่มีปัญญาด้วยก็จะไม่หวั่นไหว จะไม่สงสัยอันนั้นอันนี้
_3867นมัสการพ่อครูฯสมณะสิกขมาตุ!จรธ.ญตธ.บ้านราชฯ กับอักษรโลกุตระจากนามธรรมในอักขระจากจิตฝ่ายปัญญาและรูปธรรมในอักขระจากกายฝ่ายเจโต!ด้วยกรรมทุกกาละจากรูปนาม
พ่อครูว่า…รู้สึกว่าจะติดใจในพยัญชนะเยอะนะ มันจะนานช้า หลายกัปป์หลายกัลป์ คนที่หลงพยัญชนะจะอยู่กับพยัญชนะ มันมีมากมายและจะวน
_3867ฟังธ.พ่อครูรู้จักรูปนามรู้ถึงกายใจรู้ทันทุกข์สุขเวทนา พิชิตโรคหัวใจนำใจอ่อนล้า!โรคเครียดพาใจอ่อนไหว !โรคซึมเศร้าดึงใจอ่อนแอ!โรคแพ้อบายฉุดใจพ่ายโลก ธ.ด้วยโลกุตระนำหลักธ.สุขภาพ 8 อ. อายุวัฒนะยืนย๊าวยาวน๊านนาน
_3867คำพรหมฯพ่อครูสอนมีอันเดียวกับจิตพรหมของอาฬารดาบสกาลามโคตรที่มรณะภาพแล้วตถาคตฯโปรดแสดงธ.ไม่ได้ เพราะดาบสอยู่โลกอรูปพรหมฤาอรูปฌา ณฤาพรหมบ่มีรูปฤาในอรูปภพ!ฤาเปล่าหนอ?
พ่อครูว่า…นั่งหลับตาจะติดในภพชาติ ไม่มีธรรมวิจัย ไม่มีผัสสะ ไม่มีกาย เวทนา จิตธรรม คนปฏิบัตินั่งหลับหูหลับตาในภพ
_จาก..สมณะพอจริง
พรหม 3 เส้าที่ 3 คือ ฌาน 3 ประกอบด้วยอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย
ปริตตาสุภาพรหม ยึดสุข(วูปสม)มาก อุเบกขามีน้อย
อัปปนาสุภาพรหม ยึดสุข(วูปสม)ปานกลาง อุเบกขามีปานกลาง
สุภกิณหาพรหม ยึดสุข(วูปสม)น้อย อุเบกขามีมาก(ถึงจะมีความบริสุทธิ์มากแต่ก็ยังมีจุดด่างดำอยู่)
สุข+อุเบกขา=เอกัคคตา
สุข=อุบัติเทพ
อุเบกขา=วิสุทธิ์เทพ
เอกัคคตา=วิสุทธิ์เทพ=พรหม
พ่อครูว่า…เดี๋ยวจะมีรายละเอียดของท่านพอจริงที่ส่งมาเพิ่มอีก
ก็แวะมาที่ของคุณบ้านเล็กเมืองน้อย…กราบนมัสการพ่อท่านด้วยความเคารพอย่างสูง
จากคอลัมน์ คนจะมีธรรมะได้อย่างไร?, เราคิดอะไร ฉบับที่ 336……
” เพราะไม่มี “ผู้รู้ธรรมที่เป็นโลกุตระ” ได้แท้ แม้จะ “รู้” ก็รู้กันไม่สัมมาทิฏฐิพอ
จึงไม่สามารถนำพาผู้ศึกษาปฏิบัติบรรลุธรรมที่เป็น “โลกุตรธรรม” ของพุทธถูกต้องแท้ๆได้ “
เกิดคำถามว่า…..ผู้รู้ธรรมที่เป็นโลกุตระซึ่งเป็นธรรมะขั้นสูง
ทำไมจึงไม่มีสัมมาทิฏฐิ ซึ่งเป็นหลักอันดับต้นๆในการปฏิบัติธรรม ?
ความผิดพลาดใดจึงทำให้เกิดปัญหานี้ขึ้น ?
พ่อครูว่า…ความผิดพลาดที่เราเข้าใจว่าสัมมาทิฏฐิมันมีตัวเดียวเป็นโลกุตรธรรม ไม่ใช่ สัมมาทิฏฐิมันมีเป็นลำดับเหมือนกัน นี่คือสภาพเชิงซ้อนที่หมุนรอบเชิงซ้อน ไปตามลำดับอย่างซับซ้อนลึกซึ้งมาก ตั้งใจฟังให้ดี ตอนนี้ก็กำลังพยายามสาธยายพวกนี้อยู่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากในการอธิบาย
สมณะเดินดินว่า..คงเหมือนกับพระอานนท์ที่รำพึงบอกว่ามิตรดีสหายดีเป็นครึ่งหนึ่งของพรหมจรรย์ แต่พระพุทธเจ้าบอกว่าเป็นทั้งหมดทั้งสิ้นของพรหมจรรย์เลยทีเดียว
เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับการปฏิบัติของตนเอง พบว่ามีบางครั้งสอดคล้องกันกับคำกล่าวข้างต้น
แล้วนำมาเทียบกับหลักปฏิบัติที่ว่า รู้โลก เหนือโลก ช่วยโลก ที่พ่อท่านสอน
สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจน ที่ว่า “รู้” นั้น ไม่ได้ “รู้” จริงๆ
หากเพียงแค่พอลูบคลำสังเกตเห็น… แล้วนำมาพูดเป็นพยัญชนะ…บางครั้งเอาคำบาลีมาเสริมให้ดูจริงจังเพิ่มขึ้นเท่านั้น
มิได้มีสภาวะที่เกิด ตัว”รู้” ที่เป็น”อัญญา” เลยแม้แต่น้อย เนื่องจากไม่ยอมอนุญาตตัวเอง ให้ได้เห็นแม้เพียงแสงอรุณ ที่เป็นจุดเริ่มต้นของความสัมมา
จึงไม่มีทางเข้าใจได้ว่าความสว่างที่แท้จริงนั้น มีสภาพเป็นเช่นไร
ผลก็คือไม่ได้ “รู้” สิ่งแปลกใหม่ ที่จะทำให้เปลี่ยน วิธีคิด วิธีพูด วิธีทำ และปฏิบัติตนเป็นคนใหม่ที่ดีขึ้น
ได้แต่ปฏิบัติตามจิตวิญญาณที่ยังตกอยู่ภายใต้การครอบงำของโลกธรรม ทำซ้ำรอยเดิม ด้วยวิธีปฏิบัติเดิมๆ วันแล้ววันเล่า
แต่หวังจะได้ผลลัพธ์อื่น ที่แตกต่างออกไป หวังให้ออกมาเป็นโลกุตรธรรม มันจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ตัว”รู้” ที่ว่ารู้นั้น ต้องเป็นตัว”รู้” ที่ทำให้พ้นทุกข์ได้จริงเท่านั้น จึงเรียกได้ว่าเป็น”ตัวรู้”
ไม่ใช่เพียงรู้ไว้เพื่อ show off…. ให้ได้โลกธรรม….
เมื่อรู้แล้วว่า “ไร้ตัวตนได้น้อยลงเพียงใด ก็จะพ้นทุกข์ได้มากขึ้นเท่านั้น” จึงจะเกิด ปัญญา ที่เป็น อัญญา และจะนำพา ผู้ศึกษาปฏิบัติ ให้บรรลุธรรม
ให้”รู้”โลกได้จริง,,,,ให้อยู่เหนือโลกได้แท้,,,,เป็น “โลกุตรธรรม” ที่พร้อมจะไปช่วยเหลืออนุเคราะห์โลกได้
แม้ยังต้องคลุกคลีกับโลกโลกีย์อยู่ก็ตาม จิตวิญญาณก็ยังคงความบริสุทธิ์อยู่ได้ ไม่ถูกครอบงำอีกต่อไป
การรู้และเข้าถึงโลกุตรธรรมได้จริงๆ จึงเป็นยิ่งกว่า ความมีเอกราชในแดนดิน ยิ่งกว่าสวรรคาลัย ยิ่งกว่าอธิปไตยใดๆในโลกทั้งปวง
พ่อครูว่า…เราเหนือโลกีย์แล้ว จะไปอยู่ที่ไหนก็เหนือมันได้ โลกอื่นใดก็สู้โลกโสดาบันไม่ได้ เหนือกว่าคนโลกๆได้จริง ก็ค่อยๆเข้าใจไปตามลำดับ
_สมณะพอจริง ขออภัยครับ ข้อมูลเรียงใหม่ พรหม 16 ชั้นนี้ถูกต้องไหมครับ
จาก..พรหม 3 เส้าแรก คือ ฌาน 1 วิตกวิจาร ปิติ สุข เกิด แต่วิเวก
วิตก เป็น อุบัติเทพ
ปีติ เป็น อุบัติเทพ
สุข เป็น อุบัติเทพ
ทั้ง 3 อย่างนี้ รวมเป็น เอกัคคตา
เอกัคคตานี้ คือ พรหม เพียงแต่ ชีวิตินทรีย์ ของ วิตกวิจาร นั้นต่างกัน จึงทำให้ ความบริสุทธิ์ของพรหม ต่างกันไปด้วย
ปาริสัชชาพรหม มี วิตกวิจาร มาก ปีติ สุข มีน้อย
ปุโหิตมาพรหม มี วิตกวิจาร ปานกลาง ปีติ สุข มีปานกลาง
มหาพรหม มี วิตกวิจาร น้อย ปีติ สุข มีมาก
นั่นคือ วิตกวิจาร เป็น ตัวหลัก(เหตุ) ปีติ สุข เป็น ตัวตาม(ผล) จึงต้องสร้างเหตุ เพื่อ ให้เกิดผล ดังกล่าว
เหตุ กับ ผล รวมลงเป็น หนึ่งและเป็นหนึ่งที่ยิ่งใหญ่อีกด้วย เรียกว่า เอกัคคตา
เอกกัคคตาจึงเป็น สัมมาสมาธิเบื้องต้นอันเป็นผลของ ฌาน ๑(ผลรวมของ วิตกวิจาร ปีติ สุข) เรียกว่า ขณิกสมาธิ ยังมีข้อบกพร่องที่ทำให้ลำบาก โทมนัส อยู่ มาก ปานกลาง น้อย ตามเหตุปัจจัย เอกกัคคตา จึงเป็น วิสุทธิ์เทพ หรือ พรหม เบื้องต้น
สรุป วิตกวิจาร+ปีติ+สุข=เอกัคคตา
วิตกวิจาร = อุบัติเทพ ปีติ = อุบัติเทพ สุข = อุบัติเทพ เอกกัคคตา = วิสุทธิเทพ
วิสุทธิ์เทพ = พรหม
.•. อุบัติเทพ+อุบัติเทพ+อุบัติเทพ=วิสุทธิ์เทพ=พรหม
พรหม 3 เส้า ที่ 2 คือ ฌาน 2 ปีติ สุข ที่เกิดจากสมาธิ
ปริตตาภาพรหม มีปีติ(ดีใจ)มาก สุข(วูปสม)น้อย
อัปปมานาภาพรหม มีปีติ(ดีใจ)ปานกลาง สุข(วูปสม)ปานกลาง
อาภัสราพรหม มีปีติ(ดีใจ)น้อย สุข(วูปสม)มาก
ปีติ+สุข=เอกัคคตา
ปีติ=อุบัติเทพ สุข=อุบัติเทพ เอกกัคคตา=วิสุทธิ์เทพ=พรหม
เป็น สัมมาสมาธิท่ามกลางอันเป็นผลของฌาน ๒(ผลรวมของปีติกับสุข)เรียกว่า อุปจารสมาธิ เกิดโสมนัสขึ้น
พรหม 3 เส้าที่ 3 คือ ฌาน 3 ประกอบด้วยอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย
ปริตตาสุภาพรหม ยึดสุข(วูปสม)มาก อุเบกขามีน้อย
อัปปนาสุภาพรหม ยึดสุข(วูปสม)ปานกลาง อุเบกขามีปานกลาง
สุภกิณหาพรหม ยึดสุข(วูปสม)น้อย อุเบกขามีมาก(ถึงจะมีความบริสุทธิ์มากแต่ก็ยังมีจุดด่างดำอยู่)
สุข+อุเบกขา=เอกัคคตา สุข=อุบัติเทพ อุเบกขา=วิสุทธิ์เทพ เอกัคคตา=วิสุทธิ์เทพ=พรหม
เป็น สัมมาสมาธิท่ามกลางอันเป็นผลของ ฌาน ๓ (ผลรวมของสุข กับอุเบกขา)เรียกว่า อุปจารสมาธิ ทำให้มี โสมนัส มากขึ้น
พรหมอีก 2 คือ ฌาน 4 มีสติบริสุทธ์ เพราะอุเบกขา
เวหัปผลาพรหม มีอุเบกขาเป็นผลสมบูรณ์
อสัญญีพรหม มีอุเบกขาสมบูรณ์เป็นอัตโนมัติจนไม่ต้องกำหนดอีก
อุเบกขา=เอกัคคตา อุเบกขา=วิสุทธิเทพ=พรหม
เป็น สัมมาสมาธิบั้นปลายอันเป็ผลของ ฌาน 4(อุเบกขาที่มีองค์ประกอบ 5)เรียกว่า อัปปนาสมาธิ(อัปปนา พยัปปนา เจตโสอภินิโรปนา)
สุทธาวาส 5
อวิหา ไม่เสื่อม อตัปปา ไม่เดือดร้อน สุทัสสี เห็นดี สุทัสสา เห็นดียิ่งขึ้น อกนิษฐา ยิ่งใหญ่มาก
พรหมที่ส่งมานี้เป็นพรหมแบบพุทธนะครับ จึงใช้ฌานลืมตา ส่วนแบบ ฤาษี นั้นจะเป็นฌานหลับตาครับ
พ่อครูว่า…ท่านพอจริงก็บวชมานาน ก็วนกับพยัญชนะเสียเยอะ สิ่งที่ละเอียดพวกนี้ ที่เขียนมานั้นถูกต้องแต่มีสภาวะหรือไม่ หากมีสภาวะแล้วจะรู้ว่าเป็นสิ่งละเอียดไม่ใช่สิ่งที่ง่ายๆถ้ารู้แล้วว่าเป็นสิ่งละเอียดและมีสภาวะด้วยก็จะจบ ที่ถามมานี้ อยากจะถามลองภูมิหรือไม่พ้นสงสัยก็เลยต้องถาม แต่ถ้าไม่มีวิจิกิจฉาคุณจบแล้วคุณก็จะไม่ถามอาตมา
ที่พูดมานี้ไม่ผิด แต่คุณจะเอาแต่พยัญชนะหรือ ถ้าคนมีสภาวะแล้วพยัญชนะจะยาวไปเท่าไหร่ก็ไม่มีปัญหา คนที่มีจิตสนุกอยู่กับพยัญชนะ หรืออยากอวดว่าฉันรู้พยัญชนะบ้างก็จะโชว์ ก็จะจมอยู่ตรงนั้น ไม่ไปต่อ ฟังไว้นะตัวผีหลอกที่แฝงมา จะเอาตัวเองตายระวังเถอะ
ถ้าหากสภาวะตรงตามสภาวะที่เขียนมานี้ก็ถูกหมด (พ่อครูไอ ตัดออกด้วย)
สมณะเดินดินว่า…เขามีคำถามว่า พรมประเทศไหนที่มีประโยชน์ต่อมนุษย์มากที่สุดคำตอบที่ออกมาก็คือพรมเช็ดเท้า
พ่อครูว่า…ถ้าสภาวะที่คุณมีตรงกับพยัญชนะก็ถูกหมด แต่ถ้าสนุกแค่พยัญชนะก็มีแต่ความรู้แต่ไม่มีความจริง
หากจะเอาสูตรสามเส้า มาจับกับสภาวะหรือภาษาก็ได้ทั้งนั้น เข้าใจความจริงที่ถูกต้องของพยัญชนะนั้นก็ทำได้ เหมือนพวกอภิธรรมที่ท่องพยัญชนะจิตเจตสิก จิต 83 ดวง พิสดาร 121 เขาท่องได้ อาตมายังทำไม่ได้เลย ท่องเก่ง แต่สภาวะมีตามนั้นไหมหากมีสภาวธรรมนั้นก็เป็นอรหันต์ หากพูดแต่พยัญชนะมากมันก็เมื่อย คนจะได้ความจริงมีน้อยแล้วจะเสียเวลา ก็จะกลายเป็นหลงอยู่กับพยัญชนะบัญญัติภาษา ตัวสภาวะไม่ได้เลย คนที่จะเห็นพยัญชนะสูงกว่าบัญญัติหรือพยัญชนะก็จะมาหาพยัญชนะน้อยลง เสียพลังงานลดน้อยลง ลงทุนน้อยลงก็จะได้สภาวะเพิ่มขึ้น
พ่อครูว่า…ก็ขอสรุปว่า หากเอาสามเส้ามาจับกับสภาวะก็ได้ทั้งนั้น หากมีสัมมาทิฏฐิจริงและได้ปรมัตถธรรมแล้ว สัมมาทิฏฐิคือความเข้าใจที่ถูกต้องเป็นตรรกะแต่มีสัมมาทิฏฐิได้
หากมีสัมมาทิฏฐิจะไปมิจฉาปฏิบัติและจะเกิดสัมมาปฏิเวธได้อย่างไรถ้าเอาแต่ตรรกะที่จะหมุนไปตามตรรกะก็ได้ แต่มันเป็นเพียงตรรกะ
ข้อสังเกต
ผู้ที่มีแต่ตรรกะนั้น จะไม่มีจุดจบ
ผู้ที่มีตรรกะนั้นจะไม่มีจุดจบ ที่จะพ้นวิจิกิจฉา ได้ง่ายๆ
ส่วนผู้ที่มีสัมมาทิฏฐิแท้ คมชัดแม่นตรงสภาวะปรมัตถธรรมจริง จะไม่ขี้สงสัย
เพราะจะพ้นวิจิกิจฉาสังโยชน์ (ตัวที่สองของอาสวะ 10) (อยู่ในตัวที่ 4ของอนุสัย 7)
ตั้งแต่แค่สังโยชน์ 2 ของสังโยชน์ 10 ที่จะสงสัยในวิจิกิจฉานุสัยนั้น จะไม่แสดงออกง่ายๆ เพราะว่าผลความสงสัยเบื้องต้นแล้ว หากรู้ปลายแล้วคนจะมารู้ด้วยได้ยาก แม้จะมีวิจิกิจฉาก็จะพูดคุยถามส่วนตัวจะไม่พูดออกมาข้างนอก เท่ากับขายขี้เท่อของตนเองด้วย
ดังนั้นผู้ที่มีแต่ตรรกะ ก็จะมีวิจิกิจฉาไม่จบง่ายๆ
ส่วนผู้ที่มีสัมมาทิฏฐิแล้วจะพ้นวิจิกิจฉาสังโยชน์จริง ก็จะไม่ขี้สงสัยเก่ง จริงแม้ไม่หมดวิจิกิจฉาง่ายๆ แต่ก็จะรู้ว่ามันเป็นปลายแล้ว
โทษของวิจิกิจฉา
-
ทำให้ทุกข์ 2. ทำให้ระกำช้ำระบม 3. ไร้พลัง 4. เนิ่นช้า 5. เหยาะแหยะ ไม่เด็ดขาด