610715 แยก เนกขัมสิตะกับเคหสิตะ ในศีล 5
พ่อครูสนทนากับปัจฉาฯ เช้า 15 ก.ค. 2561
พ่อครูว่า…มันยังแยกมโนปวิจาร 18 ไม่ออก แล้วก็ไม่รู้อาการของมโปวิจาร รู้อาการของมโนปวิจารณ์ และเคหสิตะ แตกต่างจากเนกขัมมะอย่างไร แต่ชัดเจนเลย อาการวิราคานุปัสสี เห็นตั้งแต่ว่ามันไม่เที่ยง ไม่เที่ยงอย่างไร มันจะลดอย่างไร
เนกขัมมะเนี่ย ตัวเนกขัมมะ อาการเนกขัมมะเป็นอย่างไร ต้องจับสักกายะ ต้องจับตัวกิเลส และกิเลสมันจางคลาย วิราคานุปัสสี แล้วเห็นความจางคลายต่างกันแล้ว ดีไม่ดีต้องทำไปจนกระทั่งมันต่างกันมาก จนเห็นมันต่างกันมาก ถึงจะค่อยแล้วจะค่อยๆ เข้ามาหาความใกล้ ต้องต่างมากถึงจะรู้ ถ้าต่างนิดนึงจะไม่แยกไม่ออก
รู้ความต่างถึงจะค่อยๆรู้เวทนา เวทนาปลอมเวทนาเก้กับเวทนาแท้ แยกเวทนาแท้กับเวทนาเก๊ได้เก่งขึ้น ก็แยกเนขัมมะสิตะกับแยกเนกขัมมะเจตสิกได้ละเอียดขึ้น แล้วค่อยไล่กลับไปกลับมากลับไปกลับมา อาการ
สรุปแล้วเข้ามาหาอาการ วิญญัติ การเคลื่อน การเคลื่อนตัวไคเนติกของพลังงานจิต มันมีรสแท้-รสเทียม อัสสาทะรสเทียมเนี่ย มันเป็นยังไง
อัสสาทะรสเทียมเนี่ย ไม่ใช่รสแท้ มันคือเรื่องของอารมณ์จริงๆ เรื่องของเวทนาแท้ๆ อารมณ์ชอบอารมณ์ชัง อารมณ์ที่เกิดทางตาหูจมูกลิ้นกาย อารมณ์ที่มันแตะเนื้อแล้วมันมีปฏิพัทธ์ มันมีชอบหรือมันไม่ชอบ มันผลักหรือมันดูด
ทุกวันนี้มันได้ขึ้นไม่เสียของ คนแสวงหามากขึ้น สังคมโลกคนกำลังโน้มเน้นมาหาจิตวิญญาณ ที่นี้มันยังไขว้เขวกันอยู่ จิตวิญญาณที่ไป Meditation มันเยอะ อันนี้แหละที่จะต้องมาคัดเลือก จากพวก Meditation ให้มีอัญญะธาตุให้เข้าใจ ออกมาเป็นวิปัสสนา มามีสามัญปกติชีวิตมีอาการ อ่านจิตเจตสิกต่างๆออกจริงๆ
ตอนนี้ผมพยายามเน้นเข้ามาหาศีลสมาธิปัญญา อธิบายศีลตัวเดียว ให้เขาอ่านเรื่องสัตว์เสียก่อน เรื่องสัตว์ เกี่ยวข้องกับสัตว์ต่างๆ แล้วจิตของคุณจะมี อยากฆ่า ละ วางอาวุธ มีความเอ็นดู มีความกรุณา จนกระทั่งถึงขั้นหวังประโยชน์ เพื่อสัตว์ทั้งปวงอยู่ อาการจิตจะละเอียดเป็นอย่างนี้ จนกระทั่งรู้ว่าจิตของเรา เกี่ยวกับสัตว์และเกี่ยวกับของ ศีลข้อ 2 เรายังอยากได้อยากมีอยากอยู่ ศีลข้อ 3 อยากเสพย์รส อยากเสพย์รสทางตาหูจมูกลิ้นกาย แล้วค่อยๆอธิบาย ตอนนี้กำลังเน้นสัตว์ แล้วมาเน้นของ แล้วค่อยมาเน้น 5 ทวาร กามคุณ 5 ค่อยๆไล่ไป มันละเอียดนี่มันไม่ง่าย มันช้ามันยาก
ตอนนี้เราเน้นศีลเดียว ศีล 5 ที่ไหน แล้วค่อยๆ 2 ค่อยๆ 3 ศีล3 ข้อจะเป็นหลัก เพราะศีล 3 สมบูรณ์แบบ แล้วค่อยขยายไปวาจา แล้ววาจาก็จะไปหาจิต แล้วยกจิต จากสุราเป็นเมรยะ จากเมรยะเข้ารอบสูง ก็กระจาย เมรยะนี้กว้าง กว้างรอบสกิทาคามี สุราก็โสดา เมรยะก็สกิทาคามีจะกว้าง จะยาว จะเยอะ จนกระทั่งหมดข้างนอกโอฬาริกอัตตา แล้วก็ไปอรูปราคะ เก็บจนขึ้นเป็นอนาคามี จะถึงขั้นมัฌฌะ มัทฉะจะจบกันที่มานะอติมานะ มทะ ปมาทะ
ถอดความโดย…อุทัย กิตติธรรมคุณ
[embedyt] https://www.youtube.com/watch?v=ln5vmUgb2Xc[/embedyt]