เก็บเกี่ยวข้าวทำให้เราเข้าใกล้นิพพาน – Harvesting rice, harvesting the stages of Nirvana
24 ก.ค. 2561 ณ บวร ราชธานีอโศก
เมล็ดข้าวเปลือกสีน้ำตาลแซมเขียว เต็มรวง มีน้ำหนักโน้มตัวลงสู่ผืนดินเป็นสัญญาณของการเกี่ยวข้าว
ที่นี่ บวร ราชธานีอโศก ผู้มีหน้าที่ดูแลนา ต้องใช้ความเพียรพยายามอย่างมากในการไล่นกที่หิวโหยไม่ให้มากินผลผลิตไปจนหมด ขณะที่ไล่นกก็ต้องเพียรพยายามมีสติในการรักษาศีล โดยเฉพาะศีลข้อที่1 ไล่นก แต่ต้องไล่ด้วยกายและจิตที่วางอาวุธ วางทัณฑะวางศาสตรา มีความละอายต่อบาป มีความเอ็นดู มีความกรุณาหวังประโยชน์ต่อสัตว์ทั้งปวงอยู่ แม้แต่นกที่มาจิกกินข้าวที่เราปลูก บ้างก็ว่าทำใจแบ่งกันกิน
ซึ่งอาจดูเหมือนขัดแย้งกัน แต่จริงแล้วไปด้วยกันได้ หากปฏิบัติธรรมตามมรรคมีองค์ 8 อย่างสัมมาทิฏฐิ ปฏิบัติธรรมกับ การคิด พูด ทำ อย่างมีสติและความเพียรในการลดกิเลส แม้จะไล่นก ก็ไล่อย่างมีจิตกรุณา หวังประโยชน์ต่อสัตว์ทั้งปวงได้ เป็นการปฏิบัติธรรมกับผัสสะจริง ไล่นกไป ก็กำจัดกิเลส ความโกรธความโมโหนกไปด้วย และก็แม้จะถูกนกกินไปบ้างก็ไม่ตระหนี่ ได้แบ่งปันได้ลดความโลภไปด้วย โดยไม่ต้องปลีกเวลาไปปฏิบัติธรรมด้วยการนั่งหลับตาซึ่งเป็นการปฏิบัติแบบไม่มีผัสสะ เป็นการปฏิบัตินอกมรรคมีองค์ 8 ซึ่งพระพุทธเจ้าไม่พาปฏิบัติ
ฝนที่ตกแทบทุกวัน ทำให้ระดับน้ำในนาเพิ่มสูงขึ้นไปด้วย การเก็บเกี่ยวด้วยมือคนทำได้ยากขึ้น เพราะต้องเดินด้วยเท้าเปล่าย่ำโคลนที่บางจุดลึกกว่าหัวเข่าเข้าไปเก็บเกี่ยวและลำเลียงออกมา แต่ก็ไม่ทำให้ชาวบวร ราชธานีอโศกย่อท้อแต่อย่างใด
เมื่อใช้เคียวเกี่ยวข้าวรวมกันเป็นฟ่อนพอสมควรที่จะหอบได้ไม่หนักเกินไป ก็ใช้ต้นขาวที่ยาวๆมาเป็นเชือกมัดฟ่อนข้าวไว้ด้วยกัน ซึ่งก็ต้องใช้ความชำนาญพอสมควร เด็กๆสัมมาสิกขาทุกคน จะได้เรียนรู้ขั้นตอนนี้จนเกี่ยวข้าวเป็นกันทุกคน เป็นการเรียนรู้แบบชีวิตนอกกล่องที่ไม่มีตำราไหนสอนได้ นอกจากทำจริงบนผืนนา จึงมีความเป็นงาน
กำลังคนส่วนหนึ่ง ต้องเดินลุยโคลนไปหอบฟ่อนข้าวแล้วลำเลียงมาใส่รถที่ริมถนน เคราะห์ดีที่ผู้ดูแลคือ คุณพลังพร ได้ปราบต้นไมยราพยักษ์ไปมากแล้ว ต้นไมยราพยักษ์นี้มีหนามแหลมคมแทบทุกส่วนของลำต้นและใบ เป็นอันตรายต่อเท้าเปล่าอย่างมาก แต่กระนั้นบางคนก็ยังโดนหนามไมยราพยักษ์นี้เข้าไปจนได้ ทำให้แต่ละคนต้องมีสติในการเดินเพิ่มขึ้น ต้องค่อยๆก้าวย่างอย่างมีสติและช้า เพื่อจะได้ชักเท้ากลับได้ทันหากโดนหนาม จะได้ไม่บาดเจ็บ เพราะฉะนั้นจะเดินอย่างขาดสติ และใจร้อนไม่ได้เลย
ฟ่อนข้าวเมื่อถูกลำเลียงใส่รถก็จะถูกนำไปตากที่ลานในอาคารพื้นที่ 11 ไร่ คืออาคาร บวร เพื่อตากให้แห้งก่อนนำไปสีให้เป็นข้าวสารเพื่อบริโภคต่อไป เป็นข้าวอินทรีย์ไร้สารพิษ ที่เป็นปัจจัยหลักในการดำรงชีวิตของมนุษย์
แม้จะมีอุปสรรคมากมายในการทำนา แต่ชาวอโศก ก็ยังคงมุ่งมั่นบนเส้นทางสายเก่านี้ เพราะเป็นกิจการงานอาชีพที่เป็นสัมมาอาชีพ พึ่งพาตนเองได้และหากมีเหลือก็เผื่อแผ่แก่เพื่อนร่วมโลก เพราะอาหารเป็นหนึ่งในโลก ข้าวเปลือกเป็นทรัพย์อย่างยิ่ง มีเงินทองมากมาย หากติดเกาะก็กินเงินทองเข้าไปไม่ได้ เงินทองจึงเป็นของมายา ข้าวถั่วงาคือของจริง ชาวอโศกต้องเป็นชาวนา นี่คือคำสอนของพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ที่ให้ไว้แก่ลูกๆอโศก
กสิกรรมธรรมชาติเป็น 1 ใน 3 อาชีพกู้ชาติของชาวอโศก ปีนี้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ของบวร ราชธานีอโศกได้เรียนรู้อีกหนึ่งขั้นตอนของการกู้ชาติร่วมกัน ยิ่งมีอุปสรรค ยิ่งทำให้เราได้ฝึกฝนจิตใจให้เข้มแข็ง ให้ผ่านพ้นอุปสรรคไปได้ร่วมกัน เข้าใกล้นิพพานร่วมกันไปอีกนิด…
?ตื่นรู้ตามโพธิ์
[embedyt] https://www.youtube.com/watch?v=7SD9aUV24Co[/embedyt]