บันทึกผ่านเลนส์ ส่องโพธิกิจ…วันอาสาฬหบูชา บูชาคุณพระรัตนตรัยใช่วัตถุบูชา
วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม 2561
ช่วงนี้เข้าฤดูฝนแล้ว บรรยากาศราชธานีอโศกครึ้มฟ้าครึ้มฝนตลอดทั้งวัน วันนี้เป็นวันอาสาฬหบูชา วันสำคัญทางพุทธศาสนาด้วย
พ่อครูลงมาฉันภัตตาหารเวลาประมาณ 11.45 น. คุณป้าอรวรรณและลูกหลานได้นำผักผลไม้มาถวายพ่อครูชุดใหญ่มาถวายพ่อครู ท่านปัจฉารับประเคน พ่อครูเห็นถึงกับเอ่ยว่าถ้าฉันหมดนี้ คงฉันอาหารชนิดอื่นๆไม่ได้อย่างแน่นอน ซึ่งก็มีทั้งผักพื้นบ้าน ลำไยพวงโตและทุเรียน2 พู เม็ดใหญ่ๆ หลังฉันภัตตาหารมีญาติโยมจากตัวเมืองอุบลราชธานีที่มาเยี่ยมชมสถานที่ ได้นำเทียนพรรษาและถังสังฆทานมาถวายพ่อครู พ่อครูรับและอนุโมทนาพร้อมกับถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก นานแล้วที่พ่อครูไม่ได้รับถังสังฆทานอย่างนี้ จึงมองด้วยความสนใจรวมถึงเทียนพรรษาที่มีขนาดพอเหมาะ สามารถนำไปใช้ได้จริง ทางทีมงานบุญนิยมทีวีสงสัยเรื่องสิ่งของในถังสังฆทานที่เป็นข่าวในเรื่องการเอาเปรียบผู้บริโภค ทั้งสินค้าและราคา จึงขออนุญาตพ่อครูเปิดดูสินค้าภายในถัง ซึ่งพบว่าแต่ละถังจะมีรายการสินค้าแจ้งกำกับไว้ดูเผินๆก็ดูดี เพราะมีจำนวนมากหลายประเภทสินค้าในราคาถังละ 135 บาทถือว่าเหมาะสมกับราคา แต่พอมาดูเครื่องใช้แต่ละอย่างก็นึกขำกันว่า ทุกอย่างเป็นแบบมินิกระทัดรัดมาก อย่างเช่นน้ำขิงโสมแจ้งในรายการว่ามีจำนวน 2 กล่องในราคา 10 บาท พอเปิดกล่องมาพบซองขิงผงจำนวน 1 ซองอยู่ในกล่อง 2 กล่องก็มี 2 ซอง ถ้าไม่ได้สังเกตดีๆก็จะคิดได้ว่ามีขิงผงเต็มกล่อง แม้กระทั่งสบู่ก็เป็นสบู่ก้อนเล็กกระทัดรัดแบบพกพาใช้ได้ไม่กี่ครั้ง ธูปเทียนก็เล็กจิ๋ว จนพ่อครูนึกขำไม่คิดว่าการค้าในยุคนี้จะมีการเอาเปรียบกันขนาดนี้ ทีมงานจึงขออนุญาตพ่อครูนำไปออกรายการวิปัสสนาข่าวในวันรุ่งขึ้น
หลังจากพ่อครูฉันภัตตาหารเสร็จ ออกมาเดินย่อยอาหารตามปกติ วันนี้มีลูกหลานชาวทะเลธรรมมาเดินตามพ่อครูด้วย พ่อครูมองไปที่สวนไม้ตาย นึกคำคล้องจองของบริเวณนี้ว่า “หินน้ำไหล สายน้ำม่าน น้ำตกผาแหงน”ซึ่งพ่อครูมีเจตนาที่จะสร้างธรรมชาติให้เป็นสถานที่สัปปายะ สำหรับนักปฏิบัติธรรมและผู้มาเยือนทุกคนพ่อครูเดินมาด้านหลังองค์พระพุทธโต เลี้ยวขวาตรงไปที่ริมมูน ตามที่ได้รับแจ้งมาว่า น้ำจากแม่น้ำมูนเริ่มสูงขึ้น ช่างก่อสร้างถนนกำลังเทแบบอีกฝั่งหนึ่ง พ่อครูมีดำริให้นำต้นจานเหลืองจำนวนกว่าพันต้นที่อาไม้ผล เพาะต้นกล้าขึ้นมาสมบูรณ์แล้ว มาปลูกตามไหล่ทาง ทีมงานท่านปัจฉารับเรื่องนำเข้าที่ประชุมวันบวร เพื่อจัดสรรวันเวลาที่เหมาะสมในการโฮมแฮงช่วยกันปลูกต้นจานรอบๆในชุมชน
พ่อครูเดินผ่านหน้าบ้าน ป้าเต็มสิริซึ่งกำลังดูแลต้นไม้ ป้ามากราบนมัสการพ่อครูบ้านป้าเต็มถือว่าเป็นบ้านตัวอย่างในการปรับพื้นดินได้เขียวขจีรวดเร็วภายในระยะเวลา 2-3 ปีเท่านั้นเอง พ่อครูเดินตรงมาผ่านโรงหล่อศิลป์ธรรม แวะเข้าไปเยี่ยมทีมงาน พ่อครูเย้าว่าไม่เห็นพญานาคพ่นน้ำเสียที มาดูที่รูปเหมือนพ่อครูในแบบล็อกเก็ตแขวนอยู่ภายในโรงหล่อ พ่อครูยังเย้าว่าเป็นเหรียญรุ่น 1 ใช่ไหมเนี่ยรวมถึงงานปั้นพระพุทธรูปต่างๆที่คุณแสงศิลป์ได้ออกแบบไว้ บริเวณหน้าบ้านได้ทำบ่อน้ำปลูกพืชน้ำได้อย่างร่มรื่น พ่อครูเดินต่อมาผ่านบุ่งกะโป๋ ที่ตอนนี้บุ่งสะอาดไม่มีวัชพืช มีต้นแหนอยู่ตรงกลางบุ๋ง ยังคงเด่นตระหง่าน ซึ่งเป็นต้นไม้ที่พ่อครูดำริว่าถ้ามีต้นแหนแบบนี้ก็จะให้นำมาปลูกไว้กลางวงปีกหินที่เดิ่นเข่ามวน”
พ่อครูเดินผ่านโรงซ่อมเรือของท่านสมณะข้าฟ้า ที่ยังคงซ่อมเครื่องจักรเกี่ยวกับเรืออยู่หลายอย่าง พ่อครูเดินผ่านรถ 6 ล้อขนาดเล็กที่พวกเราซ่อมนำมาใช้งานถึงอดขำไม่ได้กับลักษณะรถที่ไม่อยากจะเรียกว่ารถเลยเพราะหน้ารถประกอบขึ้นมาใหม่แทบไม่มีเค้าเดิม แค่ให้เคลื่อนที่ได้เหมือนรถเท่านั้นเอง
พ่อครูเดินลงไปที่บริเวณริมมูนเวลานี้น้ำได้ท่วมถนนด้านล่างของริมมูนแล้ว เพียงไม่กี่วันหลังจากที่ฝนตกลงมาเป็นระยะๆตลอดทั้งวัน น้ำก็ค่อยๆขึ้นแบบที่พวกเราไม่ทันตั้งตัว พ่อครูเดินลงไปบริเวณท่าน้ำ เดินขึ้นสะพานมาท่าเรือข้ามไปที่เรือแงกเบิ่งแน ซึ่งเป็นเรือโดยสารลำแรกของชาวบ้านราช พ่อครูเข้านั่งเก้าอี้คนขับเรือ ดูตำแหน่งและการควบคุมเรือซึ่งยังคงสามารถใช้การได้ แต่อาจจะไม่คล่องตัวนักสำหรับผู้ที่หัดใหม่ต้องเป็นผู้ที่ชำนาญการใช้ประจำถึงจะใช้งานได้ดีพ่อครูข้ามไปที่เรือเอี้ยมจุ้นอีก 2-3 ลำติดกัน เรือ 3 ลำเป็นเรือ มีชื่อว่า ย่านซั่ว ชนะมาร และสานธรรมซึ่งเป็นเรือที่ใช้งานได้เป็นอย่างดี มีความสมบูรณ์มากเหมาะเป็นที่พักพิง ถ้าเกิดอุทกภัยหรือน้ำท่วมบ้านเรือน เรือทั้ง 3 ลำนี้จะเป็นที่พักชั้นเยี่ยมของชาวชุมชน มองไปที่ริมฝั่งถนนสันริมมูน น้ำได้ท่วมบริเวณถนนด้านล่างริมมูนแล้วสังเกตจากเสาไฟที่ปักไว้สำหรับผูกเรือก็คือถนนด้านล่างของริมมูน เหลืออีกประมาณ 2 เมตรกว่าๆก็จะขึ้นถึงถนนสันริมมูน ต้องคอยติดตามว่าถ้าฝนตกตลอดทั้งวัน ทิศทางของน้ำในปีนี้จะเป็นเช่นไร
พ่อครูเดินกลับ ข้ามเรือแต่ละลำ จากเรือสานธรรมไปที่เรือชนะมาร พ่อครูเกิดอุบัติเหตุเล็กน้อย นิ้วเท้าเตะเข้าที่ตอไม้ข้างเสา ท่านปัจฉานิมนต์ไปทำแผลห้ามเลือดและใส่ยาเบื้องต้น ทำแผลเสร็จท่านปัจฉาสมณะแสนดินมาถึงพอดี จึงได้นิมนต์พ่อครูเดินกลับเพื่อไปทำแผลให้เรียบร้อยอีกที ขณะที่พ่อครูเดินมาถึงท่าลงเรือ มองไปที่แม่น้ำมูน น้ำในแม่น้ำมูน เป็นสีน้ำตาลออกส้มแสดงถึงมวลน้ำที่มีอยู่เป็นจำนวนมากได้ไหลมาอยู่ตลอด พ่อครูเดินกลับมาผ่านชุมชนจัดสรรใหม่เฟส 1 ซึ่งมีลักษณะการปลูกบ้านค่อนข้างต่างจากหมู่บ้านเฟส 2เพราะในเฟส 1 ส่วนมากจะเป็นลักษณะบ้านที่เป็นครอบครัวมีเพียงบางหลัง จำนวนน้อยที่เป็นลักษณะของหน่วยงานหรือองค์กรชาวอโศก
พ่อครูสังเกตเห็นการตีแบบทำถนนทำให้ต้นทองอโศก เสียหายหลายต้น คนงานเรียนพ่อครูว่าถนนจะสร้างมาถึงแค่บริเวณสี่แยกถนนตรงแก่งเท่านั้น พ่อครูเดินกลับมาหน้ารถอีโบเพื่อทำแผล ระหว่างทำแผลพ่อครูมองไปที่ฟ้อนหรือตัวหนังสือของชาวอโศก 2 แบบคือ Fontอโศกแบบแรก ที่ใช้มาเป็นเวลานานหลายปีแล้วและFontใหม่ ชื่อFontบุญนิยม ที่ยังมีอักษรไม่ครบ พ่อครูยังดำริให้ พี่โน๊ต เพชรพันศิลป์ ผู้ออกแบบให้ทำต่อจนครบทั้งทุกตัวอักษร