610803_พ่อครูโฟนอิน วันแก่ ชมร.เชียงใหม่
พ่อครูว่า…ถึงวันที่เราเคยเกิดมันก็เป็นวันแก่แต่เขาเรียกว่าวันเกิด ที่จริงวันเกิดมันมีวันเดียวเกิดวันไหนก็วันนั้น พร้อมกับวันที่เราเคย ซึ่งเป็นวันที่วนเวียนมาตามนักกษัตร มาตกซ้ำวันนักษัตรใหม่ ต่อไปๆก็ยังเรียกว่าวันเกิดอีกนั่นแหละที่จริงมันวันแก่ มันควรจะเรียกว่าฉลองวันแก่อะไรอย่างนี้นะ แต่เขาไม่ยอม คนไม่ยอมแก่เหมือนอาตมาก็เหมือนกันไม่ยอมแก่ ก็เลยขอเรียกวันเกิดอยู่นั่นแหละ
อาตมาว่าพวกเรามีชีวิตมาอย่างนี้ ขนาดมีคนแก่ มานั่งเด็ดผักมานั่งทำอะไรกันทุกวัน มีความสุขสบายไป แต่ละวันๆ สถิติไม่น้อยกว่า 20 30 คน คนแก่นะ ส่วนคนหนุ่มคนสาวคนอื่นอีก แม้ร้านขายอาหาร ที่มีพนักงานเจ้าหน้าที่คนทำงานอยู่ 30 40 50 คนในร้านๆหนึ่ง เฉพาะคนทำงาน ก็ 40 50 คนขึ้นไป มันไม่ใช่ร้านเล็กๆนะ มันร้านใหญ่เบ้อเร่อเท่อ และเราก็ทำได้ยืดยืนยาวมา เป็นการเปิดกิจการโดยไม่มีการจ้างหรือการบังคับกันเลย
มันมีแต่ความอิสรเสรีภาพ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ อิสรเสรีภาพเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ ศาสนาพุทธเรานี้ เป็นศาสนาที่มีอิสรเสรีภาพ เมืองพุทธก็ต้องมีประชาธิปไตยที่เป็นอิสรเสรีภาพ จะต้องมีความเข้าใจว่าประชาธิปไตย คือเรื่องของประชาชนที่อยู่รวมกันจะต้องเป็นสังคม มนุษย์ที่มีอิสรเสรีภาพ ยิ่งของพุทธเราก็สอนถึงอัตตาด้วย และเรียนรู้อัตตาและลดความมีอัตตาตัวตนสูงสุดเข้าไปอีก
จึงเป็นสังคมที่ไม่มีอัตตาตัวตนและมีอิสรเสรีภาพได้จริงๆ คุณสมบัติ 2 อย่างนี้ ความเป็นอิสรเสรีภาพและความไม่มีตัวตน เป็นคุณสมบัติที่ยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ สังคมที่สามารถทำให้คุณสมบัติหรือคุณธรรม เข้าค่ายอิสรเสรีภาพและไม่มีตัวตนได้อย่างแท้จริง ก็จะต้องมีความรู้ในเรื่องของ การเรียนรู้ปรับปรุงจิตวิญญาณ เพราะฉะนั้นสังคมใดประเทศใด ที่เป็นสังคมประเทศที่เรียนรู้เรื่องจิตวิญญาณกันอย่างจริงจัง แล้วก็ทำตัวเองให้มีจิต ลดตัวตน และก็เป็นคนที่มีอิสรเสรีภาพจริง คนที่ไม่หมดตัวตน ไม่มีอิสรเสรีภาพจริงหรอก ก็ยังเป็นทาส โอฬาริกอัตตา มโนมยอัตตา อรูปอัตตา เป็นทาสตัวตน ไม่ได้มีอิสรเสรีภาพที่แท้จริง
ความเป็นอิสรเสรีภาพคนก็ยังไม่ค่อยเข้าใจกันถ้าไม่ได้ศึกษา อัตตา ในโลกทุกวันนี้ไม่มีความรู้ไม่มีการเรียนรู้ทางจิตวิญญาณในเรื่องความเป็นตัวตน อัตตานี่
ศาสนาพุทธเป็นศาสนาเดียวกล่าวได้อย่างนั้นเลยว่าเป็นศาสนาเดียวที่สามารถ ลดความเป็นอัตตาได้ เป็นศาสนาอเทวนิยม อเทวนิยมคือ ความไม่เป็นสองแล้ว
เทวะ คือความเป็น 2 ศาสนาเทวนิยมทุกศาสนา ประเทศที่เป็นประชาธิปไตยแบบที่มีความเป็นเทวนิยมนั้นยังมีความเป็น 2 ยังไม่มีความเป็นหนึ่ง นั่นคือยังไม่มีอิสระเสรีภาพ อิสระเสรีภาพนั้นมีความเป็นหนึ่งในตัวเอง เพราะเราต้องลดกิเลสในตัวเองได้อย่างสำเร็จแท้จริง
การบริหารปกครองของมวลชนประชาชนก็ตาม ถ้าไม่เรียนรู้เรื่องจิตวิญญาณและก็ปรับจิตวิญญาณเป็นหลัก ประชาธิปไตยก็ไม่จริง ประชาธิปไตยขาเดียว ประชาธิปไตยที่ไม่มีจิตวิญญาณ เป็นองค์รวม จิตวิญญาณเป็นสภาวะรวมของสังคมซึ่งสามารถที่จะมีจุดศูนย์รวม เช่น มีพระมหากษัตริย์เป็นจิตวิญญาณรวมของแต่ละสังคมประเทศ ประเทศที่ไม่มีกษัตริย์ มีประธานาธิบดี ก็เป็นจุดศูนย์กลางองค์รวมของประเทศไม่ได้ กษัตริย์จึงเป็นจุดองค์รวมของประชาชน นอกจากว่ากษัตริย์ไม่มีทศพิธราชธรรม หรือว่ากษัตริย์ที่ไม่เป็นที่นับถือของประชาชนก็แน่นอนก็ไม่เป็นองค์รวม ของประเทศนั้น สังคมนั้นรัฐนั้นแน่นอน
ประเทศที่มีกษัตริย์มีทศพิธราชธรรมอย่างประเทศไทยเรา เป็นสังคมประเทศที่เป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์แบบ ที่เรียกเต็มๆว่าประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นประชาธิปไตย 2 ขา ความแตกต่างของประชาธิปไตยขาเดียว กับประชาธิปไตย 2 ขานั้น เป็นความแตกต่างที่สำคัญมากเลย อาตมาก็สงสารประชาธิปไตยขาเดียว เพราะเขาจะเดินแบบ กระโผลกกระเผลก ไม่เต็มที่ แต่เขาไม่รู้ตัว เอาแต่เลือกตั้งเลือกตั้งใครมาก็ได้ สมบัติผลัดกันชมใครมีอำนาจใครมีเงินทอง ใครมีกลเม็ดเด็ดพรายที่ดี ก็สามารถสร้างอำนาจให้แก่ตัวเองขึ้นไปเป็นใหญ่ไปเป็นผู้ปกครองมีอำนาจได้ ก็เป็นสมบัติผลัดกันชมขึ้นไปครองอำนาจกันอยู่อย่างนั้นวนเวียน ไม่มีหลักแกนของความเป็นองค์รวม ของจุดศูนย์กลางของจิตใจที่ต่อเนื่อง ถาวรและทรงคุณงามความดีเป็นหลักมันไม่เป็น (พ่อครูไอ ตัดออกด้วย)
ขออภัยที่โฆษณาตัวเอง การไอเป็นการโฆษณาตัวเองอย่างหนึ่งของอาตมา
พวกเราก็ได้ศึกษาเรียนรู้มาทางศาสนาพุทธ ที่เป็นศาสนาอเทวนิยม เป็นศาสนาที่รู้จัก 2 และทำ 2 ให้เป็นหนึ่งได้ ส่วนศาสนาเทวนิยมหรือประเทศประชาธิปไตยขาเดียวนั้น เขาไม่ได้รู้จักความเป็นสอง และทำให้เกิดความเป็นหนึ่งได้เขาไม่มีความรู้อันนี้และไม่เคยทำ จึงเป็นศาสนาที่ จัดการให้มีความเป็นหนึ่งเป็นเอกภาพเป็นความลงตัวกันอย่างจริงไม่ได้ จะต้องใช้กฎระเบียบใช้อำนาจกดขี่บังคับตลอดเวลา
ประชาธิปไตยขาเดียวนั้นไม่มีการพ้นจากทาส ไม่มีอิสระเสรีภาพจะต้องใช้วิธี กดข่มตลอดเวลา ประเทศชาติที่มีประชาธิปไตย 2 ขาจึงจะสามารถทำให้ เกิดความเป็นสมานฉันท์ที่เป็นความเป็นหนึ่งเดียวได้ ความสมานฉันท์ ก็โปรดติดตามเย็นนี้ อาตมาจะอธิบายความสมานฉันท์ ที่ได้ขยายความจากที่ได้บรรยายไปให้แก่ สถาบันพระปกเกล้าที่เขามาดูงานที่บ้านราชฯ ผู้บริหารมาเกือบร้อยคน อาตมาก็ได้เทศน์บรรยายไป 30 กว่านาที เขาตั้งเป้ามาดูงานในเรื่องความสมานฉันท์ ของท้องถิ่นก็เลยมาดูตัวอย่างของเรา อาตมาก็ได้รวบรวมไว้ ตอนเย็นวันศุกร์นี้ก็จะได้ขยายความเรื่องสมานฉันท์ เรื่องนี้กัน ก็โปรดติดตามอย่ากระพริบตา
สำหรับวันนี้ก็สมควรแก่เวลานะบรรยายเกินไปเกือบ 20 นาทีแล้ว ขอให้บรรยายถึง 10 โมง เอาไหม?
เอาได้ ต่อไปถึง10 โมง ตามผู้กำกับเวทีบอกให้อยู่
ต่อกันด้วยงานที่พวกเราทำนี่แหละ งานที่พวกเราได้มาศึกษาปฏิบัติประพฤติตามแบบพระพุทธเจ้า กันอย่างจริง อาตมาก็เอาความรู้ที่มี ตามพระพุทธเจ้ามาให้พวกเราได้ศึกษาและปฏิบัติตามจนพวกเรามีจิตวิญญาณ เข้ามาทำงานเสียสละ ทำงานโดยไม่ได้เงินได้ทอง มีความสุขสำราญเบิกบานใจไป เป็นอยู่อย่างที่มีความลึกซึ้ง ทางจิตวิญญาณมาก เราทำมาได้กันอย่างไม่เกิดปัญหามีแต่ความราบรื่นไปเรื่อยๆ เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพราะมีทั้งสภาพที่เป็นธรรมะพระพุทธเจ้า ที่เราได้ปฏิบัติตามมรรค ที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ตามพระสูตรต่างๆที่อาตมาได้หยิบเอามาใช้ เช่นการปฏิบัติตามมูลสูตร 10 เป็นต้น
ต้องมีความยินดีเป็นการปฏิบัติที่เป็นต้นทางฉันทะ เป็นมูลกา สามารถปฏิบัติธรรมใจในใจได้ถึงที่เกิด เรียกว่ามีมนสิการ สัมภวะ เป็นการหยั่งลงถึงแดนเกิดได้ เป็นการจัดการจิตใจต้องให้ถึงแดนเกิด หทยรูปได้ และมีผัสสะเป็นปัจจัย เป็นเหตุในการปฏิบัติ
ทุกวันนี้ศาสนาพุทธได้ผิดเพี้ยนไปนั่งหลับตาจนไม่มีผัสสะเป็นปัจจัย มันผิดตามมูลสูตร ตั้งแต่เค้าโครง มนสิการก็ทำไม่เป็น ไปยินดีนอกทิศทางพุทธ ยินดีไปในทางมิจฉาทิฐิออกนอกทางพุทธศาสนาจึงไม่ได้อะไรสักอย่าง มีความมีฉันทะเป็นมูลก็ไม่ได้ มีมนสิการเป็นแดนเกิดก็ไม่ได้ ผัสสะก็ไม่มี จึงทำเวทนาให้รวมลงเป็นหนึ่งไม่ได้ ธรรมทั้งสองเหล่านี้ รวมเป็นอันเดียวกันกับเวทนา โดยส่วนสอง (เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ ฯ ) ล.10 ข.60 เขาทำไม่ได้จึงไม่เหลือเค้าของศาสนาเลย
มีสติเป็นอธิปไตย มีปัญญาเป็นโลกุตระก็ไม่ได้ จะได้เป็นอมตะบุคคลนั้นฝันไปเสียเถิดไม่มีทางที่จะมีความเป็นไปได้เลย อยู่ในความฝันอันเวิ้งว้าง เพราะฉะนั้นจะมีนิพพานเป็นปริโยสานนั้น ตามมูลสูตร 10 อย่างที่อาตมาไล่เรียงมานี้ไม่ได้เป็นต้น
เขานอกรึตหมด แต่อาตมาพาพวกเราทำแล้วเกิดผลมีประโยชน์ตามวรรณะ 9 the classes เป็นคนมีชั้นวรรณะที่ไม่ใช่ ชั้นวรรณะ ข่มเบ่งทางสังคมนะแต่มีความมี วรรณะ 9 เลี้ยงง่าย (สุภระ) บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ) มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) เพ่งทำลายกิเลส มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ) ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ตรงข้าม อวรรณะ9 ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ) หรือ
มีสาราณียธรรม 6 พุทธพจน์ 7 สาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคคียะ เอกีภาวะ ถูกต้องตามธรรมะพระพุทธเจ้าที่เป็นคำสอนที่เป็นสวากขาโต ที่สอนได้ดีแล้ว เป็นคนมีวรรณะ 9 สาราณียธรรม 6 เพราะว่าจิตใจเกิดพุทธพจน์ 7 ตามที่ว่าแล้ว จึงเกิดสังคมกลุ่มอย่างชาวอโศก ที่ทำตามพระพุทธเจ้าได้อย่างเป็นสัมมาทิฏฐิเป็นสัมมาปฏิบัติ จึงเกิดสัมมาปฏิเวธที่เกิดผลได้จริง ที่เป็นชุมชนกลุ่มอยู่ในประเทศไทยทุกวันนี้ เป็นชุมชนชาวอโศกทั้งหมด พวกเราเป็นคนเลี้ยงง่าย สุภระ เป็นคนบำรุงง่าย พัฒนาให้เจริญได้ง่าย จึงเป็นประชากรของประเทศที่ทำให้เจริญได้ง่ายมีความศิวิไลซ์เป็นคนศิวิไลซ์ เป็นคนเจริญทำได้ง่ายอยู่ทุกวันนี้มีแต่ช่วยสังคมประเทศชาติ ไม่ได้เป็นตัวรวน ไม่ได้เป็นคนที่อย่างเขาฉลาด เราไม่เป็น ฉลาดไม่ได้ เขาโง่ไม่เสร็จ ที่จมในรั้วตอนนี้
ทั้งๆที่ประเทศไทยอยู่ในภาวะที่สงบเรียบร้อยเจริญสมบูรณ์แบบเลยนะ อาตมาว่า สมบูรณ์แบบในลักษณะประชาธิปไตย แม้จะไปกล่าวถึงความสมบูรณ์แบบในลักษณะคอมมูน
ชาวอโศกเป็นคอมมูนที่ยิ่งใหญ่เป็นสาธารณโภคีจึงช่วยทางด้านเศรษฐกิจการเมืองสังคมของประเทศกันอย่างจริงจัง ไม่ได้หมายความว่าเราไปพูดตู่เลย แต่มันเป็นความจริงแม้นายกจะชื่อตู่ก็ตาม แต่ชาวอโศกไม่มีการตู่ ที่เราเป็นคนจริงเลยที่ช่วยการเมืองเศรษฐกิจสังคมอยู่อย่างดี มีความประพฤติจริงมีการเป็นอยู่ที่เป็นสุขอย่างสบาย และเป็นคนที่ลงตัวอย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสคือคนมีวรรณะ 9 มีชั้นของความเป็นมนุษย์ 9 ชั้น
คือเป็นคนจนได้ อันนี้เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มากเลยที่มนุษย์เรามาเป็นคนจนได้ โดยมีปัญญารู้ว่าคนจนคืออะไร แล้วก็ทำตนให้เป็นคนจนที่สุขสำราญเบิกบานใจ เป็นคนจนที่มหัศจรรย์ เป็นคนจนที่มีคุณค่า มีประโยชน์ ต่อสังคมมนุษยชาติไม่ได้เป็นภาระสังคม แต่เป็นตัวช่วยเป็นประโยชน์ช่วยสังคม เป็นคนจนที่เป็นประโยชน์ช่วยสังคมอยู่ตลอดเวลา เป็นคนจนที่ไม่แย่งชิงแล้ว เป็นความพอเพียง เป็นความยินดีที่จะมีฐานะ จนอย่างนี้แหละ ไม่พยายามจะกอบโกยเอามาเพราะเรารู้จักเศรษฐศาสตร์ดี
ถ้าไปดึงเอาความเป็นสมบัติส่วนกลางของสังคมมาไว้ที่เรามากๆ แล้วเรียกตัวเราว่าคนรวย แล้วก็ลงว่าเป็นผู้ประสบผลสำเร็จ ที่จริงผู้ที่รวยๆนี้ เป็นผู้ประสบความสำเร็จของความเป็นนรก เพราะเขาจะได้สร้างความเลวจริงความเอาเปรียบ ซึ่งเป็นอกุศลกรรมทั้งนั้น แล้วคนรวยเขาก็ได้อกุศลกรรมให้แก่ตัวเอง
ที่พูดนี้เป็นหลักวิชาการอธิบายให้ฟังกันแท้ๆ เป็นการอธิบายสัจธรรมให้ฟังอย่างแท้จริง ตอนนี้ก็มีการถ่ายทอดออกไปสู่ Social Media ออกทางโทรทัศน์ยังไม่ออกในปัจจุบันนี้ แต่ไม่ต้องกลัวออกแน่ เอาไปฉายซ้ำแน่นอน เพราะว่ามันเป็นความรู้ เป็นความจริง ที่ประเสริฐแท้ คนที่ได้เกิดมามีชีวิตแล้วก็ได้เอาชีวิตมาฝึกฝน ศึกษาเล่าเรียน อย่างนี้แหละโดยเฉพาะของพระพุทธเจ้า เหล่านี้ อย่างที่มีปัญญาเข้าใจว่าสุดยอดแล้ว ได้มาอยู่ในชีวิตที่แต่ละวันๆเราก็สังวรระวัง มีสติปัฏฐาน 4 มีสัมมัปทาน 4 มีอิทธิบาท 4 พยายามปฏิบัติกันจนเกิดอินทรีย์ 5 พละ 5 ตามหลักโพชฌงค์ 7 มรรคมีองค์ 8 ครบโพธิปักขิยธรรม 37 เป็นโลกุตรธรรม
โลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้าก็มี 37 นี่แหละ รวมทั้งที่ทำได้ ไปตามลำดับ เป็นโสดาปฏิมรรคโสดาปัตติผล สกิทาคามีมรรคสกิทาคามีผล อนาคามีมรรคอนาคามีผล อรหัตตมรรคอรหัตตผล ถึงนิพพาน อีก 9 โลกุตระรวมแล้วโลกุตรธรรม 46 ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้เลย
อาตมาจำหลักฐานอ้างอิงในพระไตรปิฎกว่ามีโลกุตระ 46 ล.31 ข.620
ทางโน้นถามได้นะ
…ทางโน้นมีแต่ฟังแล้วก็ยิ้มยังไม่มีคำถามออกมา
_สมณะโพธิสิทธิ์ กราบเรียนพ่อครู ในขณะที่ฟัง ผมก็จดเลคเชอร์ น้ำตาผมก็ไหลอยู่ตลอดเวลาเลยด้วยความปีติ กราบขอบพระคุณพ่อครูครับผม
เวลาก็หมดแล้ว ก็สรุปว่า…พวกเรานี่เอาชีวิตมา ทำงานมามีชีวิตดำเนินชีวิตอยู่ไม่ได้ทำงานเฉยๆ แแต่ปฏิบัติชีวิตมาดำเนินทั้งกายและจิต เจริญแล้วนะอาตมาทำงานมา 47- 48 ปีประสบผลสำเร็จแล้วพวกเราก็ดำเนินต่อไปก็แล้วกันขออนุโมทนาสาธุ กับผู้ที่เจริญด้วยธรรมยิ่งๆถึงนิพพานเร็ว
รายงานความเคลื่อนไหว ในรอบ ๑ ปี ของชมร.เชียงใหม่ ( ปี ๒๕๖๐-๒๕๖๑)
-
ชมรมมังสวิรัติแห่งประเทศไทย สาขาเชียงใหม่ หรือ ชมร.ชม. ได้เปิดมา ตั้งแต่ปี ๒๕๓๕-๒๕๖๑ วันนี้ จึงเป็นวันครบรอบคล้ายวันแก่ ๒๖ ปี ของชมร. เชียงใหม่
-
ชมร.เชียงใหม่ ได้รณรงค์ต่อเนื่องเรื่องการงดใช้ถุงพลาสติกใส่อาหารและถุงพลาสติกหูหิ้วสำหรับใส่ของทำได้ ๑๐๐ % มาแล้วประมาณ ๘ ปี ตั้งแต่ปี ๒๕๕๓ เป็นต้นไป ส่วนถุงพลาสติกบรรจุอาหารได้งดใช้มานานกว่า ๑๐ ปี
-
ส่วนด้านอาหารของ ชมร.เชียงใหม่ ท่านสมาชิกมาขอร่วมบุญเหมาแจกอาหารในแต่ละแผนก ตั้งแต่ ๕ บาท – ๑๐,๐๐๐ บาท ทำให้เกิดกระแสการแบ่งปันอย่างต่อเนื่อง
นโยบายที่ร้านไม่ได้เน้นทำอาหารที่ความอร่อยเป็นหลัก แต่เน้นสุขภาพ คุณภาพ เช่นได้ใช้น้ำมันมะพร้าวและพืชผักไร้สารพิษในการทำอาหารได้ ๑๐๐% รสชาติอาหารพอทานได้
ส่วนใหญ่ท่านสมาชิกให้ความสนใจดื่มน้ำสมุนไพรและน้ำผัก-ผลไม้ไร้สารพิษปั่นกันมาก
สมาชิกที่มาทานมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ต่างศาสนามารับบริการ และยังคงเน้นวัฒนธรรมเรื่องของการบริการตนเอง โดยท่านสมาชิกช่วยกันเช็ดโต๊ะ เก็บเก้าอี้ และล้างภาชนะด้วยตนเอง
-
ชมร.เชียงใหม่ได้จำหน่ายข้าวสารในราคาเท่าทุนทุกวัน ตามแนวนโยบายของพ่อครูที่ว่า “ข้าวไม่ใช่สินค้า ข้าวคืออาหารที่ต้องแบ่งปันกันกิน” ทำมาได้ ๔ ปี ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๗ และจำหน่ายสินค้าจากโครงการหลวง(ดอยคำ) ในราคาเท่าทุนเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ซึ่งเป็นการส่งเสริมอาชีพที่สุจริตแก่ชาวเขา
-
ทุกวันพระ จำหน่ายสินค้าในราคาเท่าทุน เริ่มมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๕๗ ถึงปัจจุบัน ทำมาได้เป็นเวลา ๔ ปีแล้ว
-
ส่วน สขจ. เชียงใหม่ ก็มีการบริการ ทั้งแจกฟรี และการจำหน่ายสินค้า ในราคาเริ่มต้นที่ ๑ บาท ทุกวันศุกร์ลดจากราคาปกติ ๕๐ % ทำมาได้ ๓ ปีแล้ว
-
ที่ผ่านมา ชมร.เชียงใหม่สนับสนุนการใช้พลังงานทดแทนหรือพลังงานทางเลือก ด้วยการติดแผงโซลาร์เซลล์ จำนวน ๓๖ แผง ซึ่งเป็นพลังงานสะอาด ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม และมีการแยกขยะ ล้างถุงพลาสติกกลับมาใช้ใหม่และรวบรวมนำไปจำหน่าย
-
การดำเนินการ กิจการทุกวันนี้ สามารถพิสูจน์พาณิชย์บุญนิยม ๔ ระดับว่าเป็นไปได้จริง คือ ๑. ขายต่ำกว่าท้องตลาด ๒.ขายเท่าทุน ๓. ขายต่ำกว่าทุน และระดับที่ ๔. แจกฟรี โดยเฉพาะบุญนิยมระดับที่ ๔ คือการแจกฟรี หรือ ๐ บาทก็ทานได้ เราได้ทำมาแล้วประมาณ ๑๓ปี โดยเริ่มตั้งแต่ปี ๒๕๔๙ ค่ะ
-
ชมร.เชียงใหม่ ยังคงมีญาติธรรมผู้อายุยาว มาช่วยกันปอกเสร็จเด็ดผัก รวมอาสาสมัคร ๓๐ ชีวิตต่อวัน ทุกวันหลังจากปิดร้านจะมีการสรุปบทเรียนและหาแนวทางการแก้ปัญหาร่วมกัน