“ขอเล่าเข้าพรรษา” ตอนที่ 8 ปฏิวัติลิ้นกินแบบปฏิบัติธรรม
ประโยชน์การกินมื้อเดียว 5 พระพุทธเจ้าตรัสใน พตปฏ 12/265 “กกจูปมสูตร”
การกินมื้อเดียว (เอกาสนโภชนัง) มีอานิสงส์ คือ
1. มีความเจ็บป่วยน้อย (อัปปาพาธัง)
2. มีความลำบากกายน้อย (อัปปาตังกัง)
3. มีความเบากายเบาใจ (ลหุฏฐานัง)
4. มีกำลัง (พลัง)
5. อยู่อย่างผาสุก (ผาสุวิหารัง)
ปี พ.ศ. 2533 เริ่มปฏิวัติเรื่องมื้ออาหารคือกำหนดเลยว่า จะกิน 3 มื้อโดยไม่กินนอกมื้อ โอ้โห…สู้น่าดูเลยค่ะ ยิ่งอาหารการกินมันเยอะแยะไปหมด ตามองเห็นของกินก็จะหยิบใส่ปากตามความเคยชิน โถ..ก็ความสุขมากับความอร่อยนี่คะ พอเริ่มฝึกก็ทำได้บ้างทำไม่ได้บ้างแต่ก็ต้องทำ เวลาสอบตกจิตไปกินตามใจกิเลสก็จะเศร้า…ใจก็คิดว่า เฮ้อ…เราคงทำไม่ได้หรอก เลิกดีไหม อีกใจก็บอกว่า ไม่ได้นะ…ลงสนามสู้แล้วจะมาท้อทำไม ต่อสู้กับใจตัวเองค่ะ อาศัยหัวข้อธรรมะของฆราวาสธรรม คือ สัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ ค่ะ ก็สอนตนเอง เราต้องมีสัจจะ ต้องจริง ต้องตรง ต้องแท้ กับการตั้งสัจจะการกินสามมื้อของเราให้ได้ ต้องฝึกข่มจิตข่มใจที่จะทำให้ได้กับการตั้งสัจจะการกินมีมื้อของเรา ขันติ อดทนอดกลั้นเวลากิเลสมันจะชวนให้เราไปหยิบของกินเข้าปากนอกมื้อ จาคะ เราต้องละนิสัยไม่ดีของเราในเรื่องนี้ ทำมาเรื่อยๆ เก็บสถิติวันที่ทำได้และวันที่ทำไม่ได้ ทำต่อเนื่องมาเรื่อยๆ ก็จะเกิดปัญญาที่จะเลิกได้ค่ะ จากวันนั้นถึงวันนี้ ปะกินมื้อเดียวเป็นปกติ กินเสร็จแล้วใจมันก็ไม่โหยหิวอะไรเลย ทำงานหรือทำกิจกรรมต่างๆ ได้สบาย (แต่ถ้ารู้สึกไม่สบายปะก็จะเสริมค่ะ ไม่ได้เถรตรงว่ากินมื้อเดียวตลอด) ร่างกายแข็งแรงไปตรวจสุขภาพอัลตร้าซาวน์อวัยวะภายในอยู่ในสภาพดี ปะไม่มีโรคประจำตัวค่ะ และจิตใจก็ดีด้วย ตรวจสอบจากเวลาตามองเห็นอาหารการกินที่เคยชอบและมันทำลายสุขภาพ มันก็เฉยๆ ไม่เหมือนก่อน ถ้าเห็นอะไรก็อยากจะกินไปหมด หรือไม่ต้องเห็นก็คิดอยากกินนั่นโน่นนี่ มโนขึ้นเองแล้วก็ไปแสวงหา ลิ้นน้อยๆ ของเรามันพาเราทุกข์ทรมานไปโดยที่เราคิดว่าความสุขค่ะ ทุกวันนี้ความสุขไม่ได้อยู่ที่การได้กินสมใจ แต่ความสุขมันเปลี่ยนเป็นใจสบายใจเบาว่าง เพราะไม่มีใจอยากกินนอกมื้อแล้ว แถมอยู่กับคนที่เขายังกินได้ ชนะได้หลายอย่างแล้วนะคะ น้ำแข็งน้ำหวานน้ำอัดลมชากาแฟสบายแบบฉลุย อาหารเส้นแม้ยังไม่เลิกเด็ดขาดแต่ปกติของก็กินข้าว เป็นคนชอบกินข้าวมากกว่าเส้นค่ะ อาหารเจเทียมไม่แตะแล้ว และอาหารที่มีไขมันทรานส์ พึ่งชนะแบบไม่กินได้แล้วแม้จะยังมีใจที่ชอบอยู่ แต่กำลังที่จะไม่กินแข็งแรงกว่า ก็บังคับใจได้ โจทย์นี้ยังต้องใช้การวิปัสสนาวิเคราะห์วิจัย เวลามีโอกาสที่จะกินแต่ไม่เอามากิน เวลาคิดจะเอามาเสพก็คิดว่า มันก็เป็นเพียงความรู้สึก มันเป็นสัญญาความจำเก่าๆ ของเรา ตากระทบรูปสิ่งที่ชอบก็มีความจำเก่าๆ ขึ้นมาเป็นปกติ อารมณ์นี้มันเกิดขึ้นมาให้เราได้ต่อสู้ ได้วิเคราะห์วิจัย ก็ได้ชัดเจนว่ายังไม่จบนะ แม้จะไม่กินได้ แต่ใจยังล้างไม่หมด ก็ทำต่อไปทนสู้ต่อไป เราชนะได้ด้วยกายกรรมคือการเว้นขาดก็ดีมากมายแล้ว (ขอให้กำลังใจตนเองหน่อยคะ) สมณะท่านสอนว่า ต้องพรากไม้ที่ชุ่มด้วยยางก่อน ปฏิบัติธรรมฝึกลดละการกินได้สุขภาพดีนะคะ เพราะแพทย์ญี่ปุ่นได้ค้นพบว่า กินวันละมื้อดีที่สุด หิวนี้มันทรมาน กินวันละมื้อ แรกๆ มันจะลำบาก เมื่อลำบาก ร่างกายจะสร้างเซลล์ให้แข็งแรง มาสู้กับความลำบาก ด้วยการสร้าง/หลั่งสารฮอร์โมนเซอร์ทูอินขึ้นมา เพื่อสู้กับความลำบากได้ เพราะฉะนั้นกินวันละมื้อดีที่สุด
ที่หมู่บ้านราชธานีอโศก อาหารการกินทำที่โรงครัวกลางที่มีชื่อว่าเฮือนหญังกินค่ะ ที่หมู่บ้านของเราจะมีนโยบายไม่ซื้อผักจากตลาด ชาวบ้านราชจะกินผักที่เราปลูกหรือของเครือแหกสิกรรมไร้สารพิษ ไม่ใช้น้ำมันพืชผ่านกรรมวิธี ตอนนี้ก็ใช้น้ำมันมะพร้าว ไม่ใช้ผงชูรสและบริวาร ทุกวันนี้ผักที่ทำอาหารก็เป็นผักเก็บสดๆ ความอุดมสมบูรณ์ที่ช่วยกันปลูกมีทั้งพืชผัก ผลไม้ กะทิก็ทำจากมะพร้าวเป็นลูกๆ อะไรๆ ก็ของหมู่บ้านเรา ปะก็คิดถึงคำกล่าวที่ว่า เงินทองเป็นของมายา ข้าวถั่วงาเป็นของจริง ปะคิดว่าหมู่บ้านของพวกเราเป็นหมู่บ้านที่ส่งเสริมทั้งเรื่องสุขภาพพร้อมๆกับอยู่ในวิถีแห่งการลดละกิเลสกามคุณ 5 ถ้าคนที่ยังติดรสจัดจ้านหรือติดผงชูรส มาอยู่ที่บ้านราชไม่ได้แน่ค่ะ แต่ถ้าใครอยากเป็นคน มีวรรณะ 9 มาอยู่ด้วยกันนะคะ มาเป็นคนเลี้ยงง่ายบำรุงง่ายกัน การอยู่ที่บ้านราช ได้ฝึกตนเองอยู่กับหมู่กลุ่ม เราก็ทำของเราไม่ไปบังคับผู้อื่นหรอกค่ะ เอาที่สบายใจ ก่อนจากวันนี้ขอฝากโศลกธรรมพ่อครูที่ท่านสอนว่า เคี่ยวเราเพื่อเอามิตร ผลิตผลเผื่อคนอีกหลาย ขวนขวายงานแบบสานหมู่ ทำตามคำสอนนี้เจริญแน่นอนค่ะ วันนี้อยู่กับงานจัดรายการโทรทัศน์ตลอดช่วงบ่ายค่ะ
ปะตรงเตือน นาวาบุญนิยม
พุทธสถานราชธานีอโศก อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
วันพฤหัสบดีที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2561