บันทึกผ่านเลนส์ ส่องโพธิกิจ….. พ่อครูสร้างคนเพื่อให้คนสร้างงานที่มีคุณค่าเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ
วันอังคารที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2561
กราบนมัสการอรุณสวัสดิ์ยามเช้ากับพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ที่ตื่นมากับวัตรปฏิบัติที่เห็นแล้วเป็นตัวอย่างให้ลูกหลานได้พากเพียรในการดูแลตนเอง ด้วยการบริหารร่างกายเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง 4 ท่าทุกวัน เช้านี้พ่อครูวิดพื้นพร้อมท่านปัจฉาหนักแน่นได้ 43 ครั้ง นับว่าเป็นจำนวนที่มากพอควรสำหรับผู้ที่มีอายุ 85 ปี ส่องผ่านเลนส์เห็นทุกครั้งก็ทึ่งและละอายใจที่ตนเองไม่มีความเพียรพอดั่งภาพพ่อครูที่ปฏิบัติให้เห็นเป็นประจำ
หลังออกจากเต๊นท์นอน พ่อครูมานั่งสนทนาธรรมเป็นปกติกับท่านปัจฉาสมณะ พร้อมกับฉัน น้ำปัสสวะผสมน้ำร้อนนิดหน่อยพอให้น้ำปัสสวะอุ่น ซึ่งเป็นเครื่องดื่มแก้วแรกที่พ่อครูฉันเป็นปกติในช่วงเช้า
ไม่นานนักพ่อครูก็จะเข้าห้องส้วมขับถ่ายตามปกติ เช้านี้พ่อครูพ่อครูแวะมาดูสวนเอาพิษออก ที่ท่านปัจฉาดินไทนิมนต์มาดูต้นพุดน้ำบุษย์ ที่มีดอกกำลังบานอยู่หลายดอก พ่อครูสังเกตว่าดอกทำไมมีหลายสี กลีบใบก็มีจำนวนไม่เท่ากัน จึงค้นข้อมูลมาว่า พุดน้ำบุษย์ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Gardenia carinata Wallich.) เป็นดอกพุดชนิดหนึ่งที่นิยมปลูกกันมาก เนื่องจากเป็นไม้ดอกไม้ประดับที่สวยงาม ดอกมีกลิ่นหอมแรง ดอกบานอยู่ได้ราว 7 วัน เมื่อแรกแย้มบานเป็นสีออกขาวนวลส่งกลิ่นหอมมาก หอมไกล 2 – 3 เมตร เมื่อบานเข้าวันที่สองสีจะเริ่มออกเหลืองอ่อน ต่อมา ค่อยๆ เหลืองเข้มจนกระทั่งเข้มจัด ออกดอกตลอดทั้งปี กลิ่นหอมตลอดวันแต่จะหอมมากในตอนค่ำ น้ำบุษย์หมายถึงพลอยสีเหลืองหรือบุษราคัม เป็นคำเปรียบความงามของดอกไม้ชนิดนี้[1]
- ดอก: ดอกเดี่ยวบริเวณซอกใบใกล้ปลายกิ่ง แรกบานดอกมีสีขาว เมื่อแก่เต็มที่จะกลายเป็นสีเหลืองเข้ม โคนกลีบดอกเชื่อมกันเป็นหลอดสีเหลือง ความยาวของกลีบ ของกลีบดอก 2 เซนติเมตร มี 7-8 กลีบ คลายรูปช้อน ชูดอกอยู่บนก้าน มีกลิ่นหอมแรงในช่วงพลบค่ำ
- การดูแล: เติบโตได้ดีในดินร่วน ระบายน้ำได้ดี ชอบความชื้น เป็นไม้กลางแจ้งต้องการแสงแดดจัด ถ้าไม่สามารถหาแดดเต็มวัน ให้ได้ แดดครึ่งวัน แดดช่วงเช้าหรือเย็นก็ได้ แสงแดดจะมีผลต่อการเจริญเติบโตและการออกดอก พุดน้ำบุษย์สามารถปลูกได้ทั้งแบบลงดินกลางแจ้ง หรือปลูกลงกระถางขนาดใหญ่ แต่ควรตั้งไว้ในที่มีแสงแดดส่องถึง หลังปลูกบำรุงดินด้วยปุ๋ยมูลสัตว์ประเภทขี้วัวขี้ควายแห้งโรยกลบฝังดินรอบโคน ต้นหรือรอบขอบกระถางปลูก 15 วันครั้ง รดน้ำให้พอชุ่มทั้งเช้าและเย็น
ส่องผ่านเลนส์ เลยถือโอกาสเดินชมสวนเอาพิษออกที่มีดอกไม้บานอีกหลายชนิด บางต้นเริ่มมีดอกตูมๆบ้างแล้วแต่ก็ยังไม่ทราบว่าเป็นต้นอะไร ดอกไม้ต่างๆส่งกลิ่นหอมสดชื่นอบอวลควบคู่กับอากาศโอโซนอันแสนบริสุทธิ์ของบ้านราช เช่นดอกราชาวดี ต้องให้คะแนนเต็มเพราะยังส่งกลิ่นหอมตลอด ดอกสายน้ำผึ้ง และดอกเล็บมือนาง เป็นต้น ยังมีต้นป่าช้าเหงาหรือหนานเฉาเหว่ย ที่พ่อครูฉันใบสดเป็นยาวันละ 2 ใบทุกวัน กำลังแตกกอเติบโตงดงาม
พ่อครูลงมาฉันภัตตาหารเวลา 11.10 น.สนทนาทักทายกับ ท่านปัจฉาเดินดินและท่านสมณะฟ้าไทเล็กน้อยก่อน ที่พ่อครูจะปัจเวกข์พิจารณาอาหาร พ่อครูฉันภัตตาหารเสร็จเวลาประมาณ 12.38 นาที แล้วเดินออกมาพร้อมท่านปัจฉาดินไทและท่านปัจฉาหนักแน่น อาเจมส์ เพชรพลังขับรถสัญญาตะวันมารับพ่อครู เพื่อไปดูสถานการณ์น้ำในพื้นที่ราชธานีอโศกก่อนที่พ่อครูจะสัตตาหะเดินทางไปกรุงเทพในวันพรุ่งนี้ รถสัญญาตะวันพาพ่อครูมาที่บริเวณถนนตรงมูน ผ่านบุ่งกะโป๋ พ่อครูสังเกตเห็นบริเวณลานของต้นสะตือหรือต้นดวงใจรัก มีร่องรอยการถางไมยราพยักษ์และวัชพืชจนเตียนราบคาบ ท่านปัจฉาดินไทบอกว่ายังมีต้นสะตืออยู่ตรงข้ามต้นฉำฉาบริเวณก่อนถึงหมู่บ้านเฟส 1/2 ซึ่งทีมงานปลูกต้นไม้ป้าดาวนากำลังหาต้นนี้มาปลูก รถผ่านมาบริเวณริมมูน ดูปริมาณน้ำก็ยังทรงตัวไม่ขึ้นมากนัก ผ่านมาถึงต้นกุ่ม ริมถนนตรงเนิน รังนกกระจาบก็คงยังอยู่ ได้ยินเสียงนกน้อยร้องจี๊บๆแสดงว่านกกระจาบยังอาศัยอยู่ในรัง พ่อครูผ่านมาชุมชนเรือนเรืออ้ายข้างสวนสองโภชน์ ผ่านแปลงที่นาเมื่อ 2 วันก่อนมีการสาธิตการหย่อนข้าว วันนี้ต้นข้าวตั้งตรงดูแข็งแรงดี พ่อครูมาถึงลานเบิ่งฟ้าเห็นเรือเอี้ยมจุ้นลำใหญ่ เริ่มมีการซ่อมแซมโดยใช้รอกหลายตัวดึงเรือให้เป็นรูป เป็นร่างบ้างแล้ว พ่อครูมองแล้วเป็นเรื่องยาก ที่จะซ่อมแซมเรือที่มีความชำรุดทรุดโทรมอย่างนี้ให้กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง เห็นเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ที่ใช้สำหรับสูบน้ำจากบุ่งไปที่ลานสะโพ กำลังซ่อมแซมยังไม่แล้วเสร็จ ท่านใดที่มาเล่นน้ำตกผาแหงนช่วงนี้ก็คงยังไม่ได้เล่นน้ำบริเวณหน้าพระพุทธโตหรือน้ำที่ไหลมาจากสัตว์ปูนปั้นต่างๆบริเวณหน้าลานสะโพ พ่อครูไปดูท้ายบุ่งท่าจอดเรือ มีน้ำขึ้นมามากกว่าเดิมเล็กน้อย ทำให้เรือดูโดดเด่นเพราะอยู่ในระดับเสมอกับถนนแล้ว ระหว่างที่พ่อครูกำลังดูงาน อาพรตะวัน พยาบาลประจำโฮงปัวได้โทรศัพท์มารายงานพ่อครูถึงอาการของคุณปะดาวบุญ ที่พ่อครูอยากจะทราบตั้งแต่ช่วงหลังฉันพ่อครูถามถึงอาการคุณปะดาวบุญ อาพรตะวันรายงานว่าวันนี้คุณปะไม่ค่อยลืมตาหรือรู้สึกตัวเหมือนวันที่พ่อครูไป ส่วนมากก็จะหลับอย่างเดียว วันนี้ได้เจาะช่องคอเพื่อให้อาหารแล้ว ดูคุณปะก็ยังอ่อนแรงอยู่ พ่อครูรับทราบและให้ช่วยกันดูแลกันต่อไป รถสัญญาตะวันขับมาถึงบริเวณเฮือนสุดชีวิต แต่ไม่ได้ขับไปที่ถนนตรงเมรุทางออกถนนตรงกลางเพราะเสี่ยงถนนขาดซึ่งเมื่อสองสามวันก่อนน้ำเริ่มมาชนกันแล้ว
รถสัญญาตะวันขับออกมาตามเส้นทางเดิมผ่านแปลงนาที่ท่านสิกขมาตุเป็นหญิงดูแล และแปลงนาที่อากล้าตรงและอามุ่งบุญดูแลอยู่ดูแข็งแรง เขียวสดงดงามดี สังเกตเห็นต้นข้าวของแปลงนาสาธิตเครื่องหย่อนข้าว ยืดตัวตรงเป็นระเบียบดี รถผ่านมาถนนป๊อดแป๊ด แก้งไทบ้าน ท่านปัจฉาดินไทชี้ให้ดูต้นสะตือบริเวณแก้งไทบ้านฝั่งหญิง ซึ่งมีอยู่ 1 ต้นพ่อครูบอกว่าเห็นมีฝัก พวกเราเลยไปหยิบฝักมาเก็บไว้ รถผ่านมาด้านหน้าเฮือนเผิงกันพบป้าดาวนาและทีมงานพอดี ป้าดาวนามารายงานพ่อครูเรื่องได้นำฝักต้นสะตือหรือดวงใจรักนำไปเพาะแล้ว ฝักก็หายากมาก1 ต้นมีเพียงแค่ 2-3 เมล็ดเท่านั้น พ่อครูให้ลองหาต้นมาปลูกดู ป้าดาวนาก็รับปากที่จะช่วยเพาะต้นดวงใจรักและพยายามหาต้นกล้ามาปลูก ผ่านมาพบคุรุดาวชิดเดือนกำลังเก็บขยะไปทิ้ง รถสัญญาตะวันผ่านเข้ามาภายในชุมชนฝั่งตะวันออก พ่อครูบอกว่าหมู่บ้านเราเงียบๆจริงๆไม่มีเสียงอะไรเลย ทั้งเสียงโทรทัศน์ วิทยุ เสียงพูดคุยกันซึ่งต่างจากหมู่บ้านทั่วไป
รถสัญญาตะวันพาพ่อครูมาบริเวณที่นาคำยอดผ่านกองซากต้นไมยราบยักษ์ที่วันนี้ถูกไถไปถมสระเตรียมทำเพอร์มาคัลเจอร์ต่อไปแล้ว
ระดับน้ำบริเวณแปลงนา ที่นาทำยอดก็ยังทรงตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย พวกเราก็ยังลุ้นว่าข้าวพันธุ์ขาวบ้านนาซึ่งเป็นข้าวลอยจะแข็งแรงพอที่จะลอยเหนือน้ำได้หรือไม่ นาบางแปลงก็มีน้ำเต็มเป็นสระน้ำไปแล้ว รถผ่านมาถึงปลายสุดที่นา เลี้ยวไปหาที่นาชาวบ้านน้ำท่วมแล้ว ชาวบ้านไม่ได้ทำนาแต่มาหาจับปลาแทน สังเกตเห็นมีนกกระจิบกระจาบจำนวนมาก พวกเราไม่ได้มาบริเวณนี้นาน พบเห็นมีชาวบ้านมาสร้างบ้านเลี้ยงไก่อยู่ริมข้างทางบริเวณตรงข้ามนาโม รถผ่านมาตามถนนข้างทางที่ทางเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ(สบอ.9)เคยมาร่วมกันปลูกป่ากับชาวบ้านราชเวลานี้ต้นไม้เจริญเติบโตอุดมสมบูรณ์มากทั้งขี้เหล็ก สะเดาและกล้วย ขับรถไปสักครู่เห็นบ้านหลังเล็กๆของชาวบ้านเพิ่มอีก 1 หลังบริเวณริมถนนฝั่งบึงสาธารณะ ตรงข้ามนาโม
พ่อครูบอกว่าให้ขับรถไปดูที่สวนอุทยานและสวนอาไม้ผล ผ่านถนนหน้ารีสอร์ทที่กำลังนำดินมาปรับพื้นถนนให้เรียบและขยายพื้นที่ข้างถนนทั้งสองฝั่ง สังเกตที่บริเวณบล็อคคอนเวิร์สน้ำยังไม่ขึ้นสูงมากนัก เจอเจ๊กเอี๋ยวกำลังขี่จักรยานไปทางหมู่บ้านกุดระงุม ท่านปัจฉาดินไท เย้าถามว่าเจ๊กเอี๋ยวจะไปไหน(ซึ่งก็พอจะรู้คำตอบกันแล้วแต่ลองถามดู) เจ๊กเอี๋ยวก็ตอบคำตอบเดิมตลอดเหมือนหุ่นยนต์ว่า “ไปบ้านราช” ในขณะที่เจ๊กเอี๋ยวเองกำลังขี่จักรยานไปกุดระงุมแท้ๆไม่ได้ไปทางบ้านราชเลย ทำให้ได้ยินเสียงหัวเราะกันทั้งคันรถ รวมถึงตัวเจ๊กเอี๋ยวด้วยที่หัวเราะในคำตอบของตัวเอง พ่อครูสังเกตเห็นมีร้านค้าของชาวบ้านเริ่มนำอาหารและเครื่องดื่มมาขายบ้างแล้ว
พ่อครูแวะไปที่สวนอุทยานลงจากรถพบต้นหมากที่เริ่มออกลูกแล้ว พ่ออุ้มดินเข้ามากราบนมัสการและพาพ่อครูเดินชมสวน ซึ่งพ่อครูไม่ได้มาที่สวนอุทยานเป็นเวลาหลายเดือนแล้วซึ่งสวนอุทยานเวลานี้เปลี่ยนแปลงไปมากพืชผัก เติบโตเต็มพื้นที่ทั้งกล้วย ไชยา มะพร้าว อ้อย มะนาว และผลผลิตพืชผักสวนครัวอีกหลายชนิดโดยมีพ่อเป็นแก่น เกษตรสมพงษ์ พ่ออุ้มดิน 3 ท่านที่ช่วยกันดูแลสวนอุทยาน เกษตรสมพงษ์นำรังนกกระจาบที่ถูกลมพัดตกลงมาให้พ่อครูดูพ่อครูชมนกกระจาบว่าเก่งในเรื่องการสร้างรัง ที่แต่ละครั้งจะไม่เหมือนกันเลย และยังมีความแข็งแรง สานต่อกันได้เหนียวแน่น ไม่น่าเชื่อว่ามาจากแค่ปากนกกระจาบเท่านั้นและภายในของรังก็ยังแบ่งฟังก์ชั่นซอกเล็กซอกน้อยสำหรับลูกนกตัวน้อยๆอีกด้วย
พ่อเป็นแก่นได้นิมนต์พ่อครูไปดูรังนกกระจาบที่อยู่บนต้นกระถินณรงค์ท้ายสวนอีกหลายรังพ่ อครูถึงกับบอกว่านกกระจาบเป็นนกที่เป็นตัวชี้วัดถึงสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยได้ เพราะสถานที่ที่จะมาทำรังต้อง 1.สะอาด 2.ปลอดภัยถึงจะเห็นรังนกกระจาบได้ สวนอุทยานก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่นกกระจาบสัมผัสได้และมาทำรังกันหลายรัง โดยพ่อเป็นแก่นบอกว่าต้นไม้บริเวณภายในหมู่บ้านแถวนี้ก็ไม่พบรังนกกระจาบไปทำรัง พ่อครูเดินผ่านแปลงอ้อยที่กำลังเติบโตซึ่งเป็นแปลงอ้อยของนักศึกษาอาชีวะเกษตร ทำแปลงปลูกอ้อยเพื่อทำน้ำตาลสำหรับบริโภคแทนน้ำตาลจากโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นโปรเจคจบสาขาเกษตรของนักศึกษาเจนด้วย ภายในสวนอุทยาน ต้นไม้ขึ้นเต็มพื้นที่แม้กระทั่งต้นชายาปลูกติดกันก็เป็นเหมือนร่มเงาที่ร่มรื่นได้ รวมถึงมะนาวที่สวนนี้ออกลูกดกมาก เกษตรสมพงษ์รายงานพ่อครูถึงแนวรั้วที่ได้นำต้นเสาวรสมาปลูกและเริ่มออกลูกแล้ว เกษตรสมพงษ์นิมนต์มาดูพ่อครูมาดูต้นมะพร้าวน้ำหอมที่เริ่มออกลูกแล้ว เป็นมะพร้าวน้ำหอมพันธุ์เตี้ย
อาเจมส์ เพชรพลัง ขับรถสัญญาตะวันมารับพ่อครูที่ประตู 2 เพื่อไปเยี่ยมสวนอาไม้ผลโดยมีพ่อเป็นแก่น พ่ออุ้มดินและเกษตรสมพงษ์ขึ้นรถไปด้วยกัน ผ่านร้านค้าชาวบ้าน มีชาวบ้านผู้หญิงออกมานมัสการที่หน้าร้านค้า พ่อครูมาที่สวนอาไม้ผลไม่มีใครอยู่ที่สวนแต่แม่เขียวใบตองอยู่ที่โกดัง และได้พาพ่อครูเข้าชมสวนด้านหน้า ซึ่งได้ปิดประตูล้อมซาแลนกันสุนัขเข้าไปทำลายพืชผักภายในสวน รถผ่านเข้ามาภายในสวนซึ่งพ่อครูไม่ได้เข้ามานานเป็นเวลาหลายเดือนแล้วเช่นกัน สวนมีความอุดมสมบูรณ์ ร่มรื่นมากกว่าเดิม มีทั้งต้นไม้ที่เป็นพืชผักและต้นไม้ยืนต้นเต็มพื้นที่เกือบทั้งหมดแล้ว ซึ่งท้ายสวนยังได้ปลูกอินทผาลัม และมะพร้าวกำลังเติบโตงดงาม รถสัญญาตะวันมาจอดที่ใต้ต้นอีซึกหรือต้นขุนศึก แม่เขียว ใบตองรายงานว่าต้นขุนศึกนี้มีอายุ 1 ปีกว่าๆ ส่องผ่านเลนส์เห็นแล้วก็ทึ่งว่า 1 ปีต้นสามารถสูงและแข็งแรงได้ขนาดนี้เลย พ่อครูบอกว่าต้นขุนศึกนี้เลี้ยงง่าย โตเร็วมีประโยชน์มาก ทั้งเป็นร่มเงาและเก็บไว้กินได้ตลอดทั้งปี แม่เขียวรายงานพ่อครูว่าบริเวณสระที่เราเก็บน้ำมีชาวบ้านมาหาปลาทุกวัน ไม่รู้จะบอกเขาอย่างไร กลัวจะผิดใจกัน แต่ก็ไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่นัก บริเวณท้ายสวนก็ยังมีทั้งต้นพยุง ต้นจานและไม้ยืนต้นอีกหลายต้น ท่านปัจฉาหนักแน่น ยังเย้าว่าปลูกไปเถอะ จะได้รู้ว่า “ไผใญ่”หรือต้นไหนที่แข็งแรงสามารถเติบโตได้ สวนอาไม้ผลนี้เป็นสวนที่มีความสมบูรณ์มากทั้งพืชผักสวนครัวและผลไม้รวมถึงไม้ยืนต้นที่ปลูกเต็มพื้นที่ 25 ไร่เรียกได้ว่าไม่พอมือจริงๆกับพ่อไม้ผลและแม่เขียวใบตองเพียง 2 ท่านก็สามารถสร้างป่ากินได้ทั้ง 25 ไร่เข้าชุมชนอย่างไม่ขาดสาย รถสัญญาตะวันมาส่งปราชญ์ชาวบ้านทั้ง 3 ท่านที่สวนอุทยาน เห็นร่องรอยตระกร้าใส่เศษผักคงมีผู้ปรารถนาดีนำเศษผักมาให้เพื่อทำปุ๋ยในสวน รถสัญญาตะวันมาส่งทั้ง 3 ท่านซึ่งเป็นผู้ดูแลทั้ง 3 มุม 3 ประตูของสวนอุทยาน ประตูที่ 1 พ่ออุ้มดิน ประตูที่ 2 เกษตรสมพงษ์และประตูที่ 3 พ่อเป็นแก่น พวกเราเย้ากันว่าชื่อเหมือนทำเนียบรัฐบาลเลย เป็นประตูๆไป ทำให้สวนอุทยานเวลานี้มีความเขียวขจีร่มรื่นเพราะมีผู้เสียสละชาวชุมชนมาช่วยกันดูแล
ขากลับเข้าหมู่บ้านมาพบพ่อไม้ผล กำลังขี่จักรยานกลับมาจากหมู่บ้าน เข้ามากราบนมัสการพ่อครู รถขับขึ้นมาบนถนนคอนกรีตที่กำลังเทยางมะตอยเก็บงานร่องเชื่อมถนนต่างๆ ขึ้นมาอาคารบวร แบบโฟม model ขาพญาแร้งเริ่มทดลองนำมาวางที่เรือเจิ้นเทิ้น มองเข้าไปแล้วต้องเป็นพญาแร้งตัวใหญ่มาก พ่อครูเดินลงมาจากอาคารบวร ชี้ให้ดูต้นทองอโศกต้นแรกของบ้านราชที่จุดประกายให้พ่อครูมีดำริปลูกต้นทองอโศกทั้งชุมชน เวลานี้กำลังเลี้ยงตัวเองให้แข็งแรง ไม่ออกดอกแต่ต้นสูงใหญ่อุดมสมบูรณ์มากกว่าเดิม พ่อครูเดินกลับมาหน้าลานสะโพ มองไปที่พระพุทธโตซึ่งทีมงานป้าดาวนาและศิษย์เก่าได้ช่วยกันขัดสีฉวีวรรณองค์พระพุทธโตเมื่อวานนี้ พ่อครูยังชมว่าต้นหญ้าบริเวณนี้งดงามเป็นศิลปะตามธรรมชาติ แม้ว่าหลายคนก็มองว่ารกกันอยู่ จากนั้นพ่อครูกลับขึ้นชั้น 4 ภายในน้ำตกผาแหงนมองไปที่สวนไม้ตายชั้น 3 คนงานกำลังทำงานอยู่ พ่อครูกลับขึ้นชั้น 4 ล้างมือล้างเท้าเข้าห้องทำงาน นั่งพักฉันน้ำดูทีวี 3 ช่องและดูเอกสารจากทีมค้นหาพระโสดาบันและพิมพ์หนังสือธรรมะซึ่งเป็นงานประจำที่พ่อครูปฏิบัติทุกครั้งเมื่อมีเวลา…