วันบวร กลุ่ม 4 และกลุ่ม 5 สุขสำราญรื่นรมย์ใจที่สวนวังไพร
วันจันทร์ที่ 13สิงหาคม 2561 ทุกครั้งวันบวรช่วงเช้าก็จะคึกคักได้ยินเสียงเด็กๆเจี๊ยวจ๊าวมีชีวิตชีวา แต่เช้านี้นักเรียนปิดเทอมทำให้เหลือแต่ผู้ใหญ่มาร่วมกิจกรรมวันบวรกัน …สำหรับกลุ่ม 4 และกลุ่ม 5 ได้รวมตัวกันขึ้นรถ 6 ล้อไปที่สวนวังไพรชื่อนี้เป็นชื่อดูแล้วอัครสถานมากๆเพราะเป็นถึงขั้นวังแต่ก็มีอะไรต่อท้ายอันแสดงถึงสถานที่ที่ยิ่งใหญ่ของป่าไม้นานาพันธุ์พอพวกเราทั้ง 15 ชีวิตไปถึงสวนวังไพรบนพื้นที่กว่า 12 ไร่ ไม่ไกลจากชุมชนมากนัก อยู่ที่หมู่บ้านคำกลาง ที่ดินติดบุ่งทางออกแม่น้ำมูลพอดี พวกเราหลายคนไม่เคยมา หลายคนนานแล้วที่ไม่ได้กลับมาเยี่ยมเยือนตั้งแต่เกิดไฟไหม้ป่าไผ่ หลังจากนั้นไม่นานคุณน้องศิริกุลพร้อมกับครอบครัวได้มาปลูกทำสวนผลไม้ประมาณ 3 ปีที่แล้ว มาวันนี้สวนวังไพรร่มรื่นไม่เหมือนป่าไผ่ดังเช่นก่อนเต็มไปด้วยผลไม้หลายชนิดมากๆ พอไปถึงพบท่านสิกขมาตุผาแก้วมารอพวกเราแล้ว พร้อมด้วยต้นกล้ามะเขือยาวและมะเขือลาจำนวนหลายร้อยต้น
มองไปที่แม่น้ำมูลก็กำลังเอ่อล้นมาเรื่อยๆแต่ก็ไม่ได้รุนแรงเหมือนหลายๆพื้นที่ที่ประสบภัยอยู่ พวกเรามองไปในสวนเห็นแต่ต้นผลไม้ก็ยังสงสัยกันว่าจะมาปลูกมะเขือซึ่งเป็นผักสวนครัวได้ยังไง เพราะเป็นป่าร่มรื่นมาก แต่ก็ถึงบางอ้อเมื่อคุณธงไทคุณกล้าตรงได้นำจอบขุดนำทางตามเนินเขาน้อยๆในพื้นที่สวน พวกเราก็ตามปลูกมะเขือแซมกับทุเรียน ขนุน มะละกอพริก มะยงชิด อะโวคาโด มะม่วง ละมุด ลำไย มังคุด กล้วย ฯลฯ สาธยายไม่หมดจริงๆ ถ้าร้องเพลงผลไม้คงพบเห็นเกือบทุกชนิดในสวนวังไพรนี้ ป้าพรตะวันผู้รักสุขภาพและนิยมการทำอาหารเป็นยา เห็นพืชผักอุดมสมบูรณ์ก็อดเก็บผักไม่ได้ วันนี้ป้าเก็บทั้งมะนาว พริก กล้วย ใบชะพลู ป้าพรตะวันบอกว่าจะได้ผัดเผ็ดใบชะพลูให้พวกเราได้ลองทานกัน เพราะลองไปทำชะพลูผัดเผ็ดที่อุทยานบุญนิยมแล้วลูกค้าชอบรับประทานกันมาก วนบ.2 กลุ่มเราทั้งกลุ่ม 4 และกลุ่ม 5 โชคดีมีผู้ชายหลายท่านทำให้ได้ช่วยกันแบบโครงหลังคาหนักๆได้ ผู้ชายจับจอบขุดหลุม อาหงศ์เหินนำต้นกล้าเดินแจกวางที่หลุม ส่วนผู้หญิงก็นำมะเขือลงดินปลูก เสียงแม่เทียนดินจอมพลังที่ทั้งทำ ทั้งส่งเสียงเจื้อยแจ้วพูดคุยเย้าแหย่คนนั้นคนนี้กันอย่างสนุกสนาน เป็นความลงตัวแบบสมานสามัคคี มีภราดรภาพกันทุกคน
ระหว่างที่จับต้นไม้เตรียมปลูกลงดิน มองเห็นสิ่งมีชีวิตมากมายไม่ว่าไส้เดือน มด แมลง จั๊กจั่น อยู่ในดิน ไส้เดือนก็กำลังโดนมดง่ามลากจากในดินขึ้นมากิน เราก็ได้มองด้วยอารมณ์หรือเวทนาจะยังไงกับหลุมนี้ดีที่กำลังมีสงครามไส้เดือนกับมด คิดไปคิดมาจะช่วยไส้เดือนก็เหมือนไปฝืนวิบาก มองไปที่มดทรงพลังจะนึกไม่ชอบอย่าทำร้ายไส้เดือนก็ไม่ได้เพราะถือว่าเป็นวัฏจักรของสัตว์ต่างๆตัดสินใจได้อย่างนั้น ก็ลุกไปปลูกหลุมอื่นก่อนดีกว่าหลุมนี้ก็ให้ทั้งมดและไส้เดือนทำสงครามเวรกรรมต่อกันไปก่อนยังไงค่อยกลับมาปลูกใหม่ ไม่ต้องไปยุ่งกับวิบากของมดและไส้เดือน
ลงไปล้างมือที่บุ่งบริเวณน้ำมูลที่ขึ้นมาเรื่อยๆ เห็นเรือชาวบ้านจอดสำหรับหาปลาก็ได้แต่มองว่าถ้าไม่รู้จักพ่อครู ไม่ได้ฟังธรรม ก็จะไม่เข้าใจในเรื่องของศีลข้อที่ 1ในการสัมผัสกับคนหรือสัตว์ แล้วเราจะไม่เบียดเบียนเขา พอเห็นระลึกถึงคำสอนพ่อครูก็ได้แต่คิดสงสารคนที่เขายังไม่รู้จักธรรมะก็ได้แต่สร้างเวรกรรมให้กับตนเองไม่จบสิ้น
สวนวังไพรเป็นสวนที่เป็นเนินสูง ถ้ามองจากริมแม่น้ำมูลก็จะเหมือนภูเขาย่อมๆ ที่มีต้นไม้ยืนต้นจำนวนมากทั้งต้นยางและไม้ผลอีกหลายๆต้น ส่วนตัวมีความประทับใจในต้นยางหลายๆต้นที่เป็นที่พึ่งพาของเครือเสาวรสที่เลื้อยพันโคนต้นยางเหมือนต้นยางใส่กระโปรงที่มีตุ้งติ้งเป็นผลเสาวรส ไม่ไกลกันมากนักมองเห็นเห็ดขาวเล็กๆจึงได้ถามพี่แซมเดือนว่าเป็นเห็ดอะไร พี่แซมเดือนบอกว่าเป็นเห็ดปลวกน้อย ซึ่งรับประทานได้ เลยมองรอบตัว 360 องศา เกิดความสดชื่นด้วยวงล้อมชองต้นไม้ใหญ่ที่เป็นร่มสีเขียวขนาดใหญ่ให้อากาศที่บริสุทธิ์ สดชื่น
หลังจากปลูกมะเขือยาวและมะเขือลายกว่า 600 ต้นจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็ยังพอมีเวลาเก็บผลผลิตที่เติบโตแต่ไม่มีคนเก็บ โดยเฉพาะแม่เทียนดิน ทัศโนไม่รอช้าหยิบไม้ง่ามมาเขย่าต้นมะละกอที่สุกคาต้นได้หลายลูก พวกเราหลายคนก็ตามเก็บเสาวรสที่หล่นใต้ต้นยาง ป้าพรตะวันกับหลายๆคนเก็บพริกเป็นที่สนุกสนาน ลืมเหนื่อยกันไปเลยเพราะวันนี้ ฟ้าครึ้มไม่มีแดดเลย จนกระทั่งได้ยินเสียงระฆังจากชุมชน ได้ยินถึงสวนวังไพร พวกเราได้ยินเสียงระฆังรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่ในวัด ทุกคนบอกว่าวันนี้ไม่ต้องสรุปงานกันก็ได้ เพราะระหว่างการทำงานพวกเราก็ได้พูดคุยพิจารณาในผัสสะที่เจอ พอเจอเวทนาหรืออารมณ์อะไร ก็นำมาเล่าสู่กันฟังตลอด เป็นวันบวรที่รื่นรมย์ในการปฏิบัติธรรมกับการทำสัมมาอาชีพเดินตามมรรคมีองค์ 8 อย่างสัมมาทิฏฐิดังที่พ่อครูสอนไว้สมบูรณ์ทุกประการ…