บันทึกผ่านเลนส์ ส่องโพธิกิจ ….เด็กๆที่น่าเอ็นดูทำให้สังคมอบอุ่น
วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม 2561
วันนี้เป็นวันที่พ่อครูจะแสดงธรรมช่วงเช้า ในรายการวิถีอาริยธรรม พ่อครูลงมาเตรียมออกรายการเวลาประมาณ 9.00 น.พอออกจากลิฟท์มา พ่อครูพบเด็กน้อยนั่งรออยู่ พอพวกเราบอกว่าหลวงปู่มาแล้วเด็กน้อยก็ก้มลงกราบทันที พ่อครูทักทายด้วยความเอ็นดู ถามว่าลูกใคร พวกเรารายงานพ่อครูว่า เป็นหลานของอาเทียนพุทธ พุฒิพงษ์อโศกชื่อน้องธัมโมอายุ 1 ขวบเศษ พ่อแม่ยินดีที่จะให้เด็กน้อยคนนี้มาอยู่ที่วัด น้องธัมโมเมื่อเจอหลวงปู่กราบเสร็จแล้วก็ยังเดินตามหลวงปู่มาที่เวทีแสดงธรรม ท่านปัจฉาแสนดินเอ็นดูจึงพาเดินขึ้นมาบนเวทีแสดงธรรมน้องธัมโมมองหลวงปู่ตาไม่กระพริบ จนท่านปัจฉาดินไทอุ้มขึ้นไปที่เก้าอี้ข้างโต๊ะพ่อครู พอบอกให้นมัสการพ่อครูน้องธัมโมก็ยกมือไหว้ทันที มองแล้วน่าเอ็นดูสำหรับเด็กวัยขวบเศษๆที่มีจิตวิญญาณสัมพันธ์กับหลวงปู่พระโพธิสัตว์ เมื่อเห็นก็เคารพศรัทธาทันทีและเรียกพ่อครูว่า“ปู่ ปู่” ซึ่งเป็นปกติของเด็กน้อยชาวอโศกที่จะเรียกพ่อครูว่าหลวงปู่ ถ้าเป็นเด็กเล็กๆที่ยังพูดไม่ชัดก็จะเรียกปู่ ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าหมายถึงพ่อครูสมณะโพธิรักษ์
วันนี้ ส่องผ่านเลนส์เห็นความเป็นบวรที่สมบูรณ์แบบของชาวราชธานีอโศก มีความเจริญด้วยการฟังธรรมเป็นอธิศีล ตั้งแต่รุ่นเด็กที่พวกเราเห็นเป็นประจำคือน้องเพลงหลานอาไม้ผลและแม่เขียว ที่ชีวิตเธอไม่ยอมอยู่สวน ส่วนมากจะเข้ามาอยู่ในวัดทั้งวัน พบพลบค่ำหลังฟังธรรมค่อยกลับไปนอนที่สวนกับตาและยาย ตื่นมาน้องเพลงก็จะเข้าวัดตั้งแต่เช้าเป็นประจำทุกวันมาหาครูติ้วที่เป็นคุรุสำหรับเตรียมสมุนพระรามตัวน้อยๆ ส่วนน้องน้ำมนต์คนใฝ่ธรรม จะเป็นเด็กที่อยู่ในวัดกับคุณแม่ปลาช่วงเช้าตี 4 ตี 5น้องน้ำมนต์ก็จะตามคุณแม่มาทำวัตรเช้า แม้ไม่ได้ฟังธรรมแต่ก็มานอนที่ศาลาธรรม ทำวัตรเช้าสม่ำเสมอ
เด็กๆที่บวรราชธานีอโศกจะคุ้นเคยกับลุงป้า น้าอา ตายายหลายๆคนที่ดูแลกันดุจลูกหลานจากเชื้อสายเดียวกัน ทุกคนสามารถสอนและช่วยดูแลเด็กๆได้ เปรียบเสมือนครอบครัวใหญ่ แม้กระทั่งผู้อายุยาวเราก็ยังเห็นท่านมีความเพียรในการมาฟังธรรมร่วมกับลูกหลาน น้องธัมโมถือว่าเป็นเด็กวัดรุ่นเล็กสุดในขณะนี้ ซึ่งยังอยู่กับคุณย่า และคุณย่าก็ยังยินดีพาน้องธัมโมมาคบคุ้นกับชาวบวรราชธานีอโศกอย่างสม่ำเสมอ มองเห็นครอบครัวคุณพัชระ คุณซีนที่มาฟังธรรมพร้อมกับคุณแม่ น่าอนุโมทนาที่สามารถพาครอบครัวมาปฏิบัติ ช่วยงานเข็นกงล้อศาสนาทั้งครอบครัว มองไปไม่ไกลกันนัก เห็นเด็กชายเวียงซึ่งอยู่ในช่วงปิดเทอมยังมานั่งฟังธรรมกับแม่แขก เป็นเมฆ คุรุสัมมาสิกขา เด็กชายเวียงสามารถที่จะไปวิ่งส่วนไหนก็ได้ แต่เขาก็เลือกที่จะมานั่งฟังธรรมกับผู้ใหญ่ในชุมชน เดินไปท้ายศาลาพบน้องนาคินกำลังเรียนหนังสือผู้ใหญ่ ซึ่งก็จะคอยบอกว่าให้เธอเบาๆหน่อยเพราะเธอเป็นเด็กชายที่ร่าเริงแสนซน จึงต้องมาดูแลกันอยู่ท้ายศาลา แต่นาคินก็เป็นเด็กที่ร่าเริง เบิกบานเป็นที่เอ็นดูของผู้ใหญ่ในชุมชน รวมถึงคุณเปี๊ยก ฝั่งตะวันที่พาคุณแม่มานั่งฟังธรรมในศาลาด้วย
ชั้นล่างเฮือนสูญ เป็น “ศาลาบวร” ของราชธานีอโศกที่มีองค์ประกอบครบถ้วนของบ้าน วัด โรงเรียนโดยมีแก่นแกนเป็นคุณธรรมที่ทุกคนนำมาปฏิบัติ
ในรายการวิถีอาริยธรรมวันนี้พ่อครูเพิ่มอาวุธของชาวอโศกคือบุญญาวุธจากเดิม7 บุณญาวุธวันนี้เพิ่มเป็น 9 บุญญาวุธคือ
บุญญาวุธหมายเลข 1 คือ อาหารมังสวิรัติ
บุญญาวุธหมายเลข 2 คือ ตลาดอาริยะ
บุญญาวุธหมายเลข 3 คือ กสิกรรมไร้สารพิษ
บุญญาวุธ หมายเลข 4 คือ สุขภาพบุญนิยม
บุญญาวุธหมายเลข 5 คือ การศึกษาบุญนิยม
บุญญาวุธหมายเลข 6 คือ การสื่อสารบุญนิยม
บุญญาวุธหมายเลข 7 คือ การเมืองบุญนิยม
บุญญาวุธหมายเลข 8 คือ การเมืองแบบธรรมนิยม
บุญญาวุธหมายเลข 9 คือ การเมืองแบบโลกุตรนิยม
หลังจากพ่อครูแสดงธรรมเสร็จ ก็ถึงเวลาฉันภัตตาหาร ซึ่งท่านปัจฉาสมณะได้จัดเตรียมสำรับไว้ที่โต๊ะเสร็จเรียบร้อยแล้ว แม่แดงได้นำชุดอุปกรณ์ช้อนและตะเกียบที่มาจากประเทศเกาหลีมาถวายพ่อครูและท่านสมณะ สิกขมาตุ พ่อครูหยิบมาดูและลองใช้ตะเกียบพบว่าเป็นตะเกียบแบบแบนซึ่งพ่อครูไม่ถนัดในการใช้ตะเกียบลักษณะแบนและคีบไม่ถนัด หลังจากพ่อครูปัจจเวกขณ์พิจารณาอาหารเสร็จ พ่อครูฉันภัตตาหารตามปกติ แต่มีพิเศษตรงที่ทุกวันอาทิตย์จะมีลูกหลานหลังจากฟังธรรมก็จะมาทานอาหารร่วมกันที่ศาลาด้วย
ผู้ใหญ่บ้านติ๊ก ขว้ญหินแก้ว นำคุณหมี ยุทธิยงค์ที่เดินทางมาทำรายการเกี่ยวกับเรื่อง smes ในจังหวัดอุบลราชธานี มากราบนมัสการพ่อครู อาดินนาซึ่งคุ้นเคยกันดี เข้ามาต้อนรับและนำไปรับประทานอาหารที่เฮือนสวยเหมิด มีญาติธรรมเก่าแก่มากสมัยเมื่อ 40 ปีที่แล้วเข้ามากราบนมัสการพ่อครู
หลังจากฉันภัตตาหารเสร็จเวลา 13.30 นาทีพ่อครูออกมาเดินย่อยอาหารและตรวจตามพื้นที่ต่างๆเป็นปกติ ผ่านมาด้านหน้าน้ำตกผาแหงนพบสามเณรหลายรูปซึ่งล้วนเป็นสามเณรที่ยังมีอายุน้อย ถอดจีวรเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน พ่อครูเดินมาด้านหน้าป้ายราชธานีอโศก พอเดินถึงถนนที่เป็นทางลงจากหน้าป้ายจนถึงลานสะโพ พ่อครูดำริว่าจะไม่ทำถนนคอนกรีตบริเวณนี้แต่จะให้อัดดินแน่นๆแข็งๆแทนเพื่อไม่ให้เป็นหลุมเป็นบ่อแลดูเป็นธรรมชาติมากกว่าถนนคอนกรีต เดินมาหน้าอาคารบวรเห็นต้นกล้วยที่อุดมสมบูรณ์แต่ละเครือมีไม่ต่ำกว่า 5 ถึง 6 หวี พ่อครูชมพวกเราที่สามารถอยู่ร่วมกันพิสูจน์ระบบเศรษฐกิจในแบบสาธารณโภคีที่ส่วนตัวเป็นคนจนแต่ไม่เคยอด ไม่เคยขาดแคลน ส่วนกลางก็มีเพิ่มมากขึ้นเพราะแต่ละคนไม่สะสมสิ่งที่หามาได้มาเป็นของตน แต่เสียสละให้ส่วนกลางทำให้ส่วนกลางอุดมสมบูรณ์และแบ่งปันทรัพยากรที่มีอยู่ให้สมาชิกในชุมชนได้อย่างเพียงพอและพอเพียงตามศาสตร์พระราชาของในหลวงร.9 ขาดทุนของเรา(เราไม่สะสมมีแต่สละออก)คือกำไรของเรา(ส่วนกลางอุดมสมบูรณ์ ทรัพยากรต่างๆของชุมชนแบ่งปันกันอย่างทั่วถึง ส่วนตนได้ลดกิเลส ส่วนรวมได้แบ่งปัน)เป็นความเจริญของศาสนาพุทธในยุคพระโพธิสัตว์ระดับ 7 ที่มีพุทธบริษัท 4 มาร่วมบำเพ็ญเพื่อมวลมนุษยชาติ
พ่อครูเดินมาที่เรือเจิ้นเทิ้น มองดูองค์ประกอบต่างๆที่จะจัดสรรให้ลงตัว ในท่าทางของพญาแร้งกับสมเด็จปู่วิชิตอวิชชา ยืนเล็งดูไม่นานนักพ่อครูก็เดินขึ้นไปชั้นบนเรือเจิ้นเทิ้น พอดีกับคุณแสงศิลป์และคุณงามพิมพ์พุทธมาพอดี พ่อครูจึงได้แนะนำในเรื่องการจัดวางตำแหน่งของสมเด็จปู่วิชิตอวิชชา
ลงออกมาจากเรือเจิ้นเทิ้นพ่อครูมาทักทายพ่อค้าแม่ค้าที่ตลาด ซึ่งเมื่อเห็นพ่อครูก็รีบมากราบนมัสการ วันนี้แม่ค้าเตรียมวัตถุดิบกันอย่างเต็มที่ ทั้งร้านเห็ดย่างของป้าแวว ร้านผักและอาหารท้องถิ่นของยายแสง พ่อครูสนใจผักชายาที่เด็ดยอดอ่อนแล้วนำมาวางขายเลยโดยไม่ได้มัดหรือกำไว้ พ่อครูถามว่าแล้วจะขายยังไง ยายแสงบอกว่าอยากได้ก็หยิบเลือกได้เลยกำละ 5 หรือ 10 บาทเท่านั้น
แม่บัวนวลกำลังทำก๋วยจั๊บญวนมังสวิรัติให้ลูกค้า สนทนากับพ่อครูเล็กน้อย ก่อนที่พ่อครูจะเดินมาที่ร้านสานตะกร้าของแม่สมพิศซึ่งยังคงมีรูปแบบการสานตะกร้าไม่เหมือนกันทั้งขนาด ลักษณะและสีสันต่างๆ พ่อครูบอกว่านี่แหละคือวัฒนธรรมของไทยที่ควรส่งเสริมมากกว่าสินค้าแบรนด์ดังๆของต่างประเทศ ซึ่งถ้ามาเห็นตะกร้าแบบนี้รับรองพวกเราพวกเราผลิตไม่ทันอย่างแน่นอน ตะกร้าใบที่พ่อครูถือจำหน่ายเพียงใบละ 80 บาทเท่านั้นเอง
ส่องผ่านเลนส์ ขอดูวัตถุดิบในการทำตะกร้าก็คือเศษวัสดุจากหีบห่อที่ชาวชุมชนได้เก็บและนำมาให้ยายสมพิศนำมาสานเป็นตะกร้า ไม่แปลกใจที่สีสันของตะกร้าไม่ซ้ำลายกันเลยสักใบ
อาวพูนไทและอาเปรมเข้ามากราบนมัสการพ่อครู ซึ่งอาพูนไทกำลังซ้อมขับรถส่วนกลางให้คุณเปรมซึ่งไม่คุ้นเคยกับรถปิคอัพรุ่นเก่า ก็พอขับได้แต่ต้องฝึกซ้อมให้ชำนาญอีกนิดนึง ที่อาคารบวรจะมีคุณเป็ด จตุพล จรรยามาคอยเป็นผู้ดูแลการจราจรและที่จอดรถในช่วงวันหยุดและเปิดตลาดนัดบุญนิยมต้องน่าอนุโมทนามากเพราะทำหน้าที่นี้เพียงผู้เดียว
คุณแสงศิลป์และคุณงามพิมพ์พุทธได้มาเรียนปรึกษาพ่อครูเพิ่มเติมถึงแบบปีกทะยานของพญาแร้งที่จะมีการเพิ่มเติมให้ดูแข็งแรงดูทะยานสู่ฟ้าได้สง่างามมากกว่านี้
หลังจากนั้นพ่อครูเดินกลับเส้นทางเดิมผ่านต้นโพธิ์อินเดียที่มีรากขึ้นเยอะแล้ว พ่อครูบอกว่านำไปปลูกได้เลย เดินผ่านมาด้านหน้าทางเดินเข้าไปเดิ่นเข่าม่วน เห็นต้นมิกกี้เมาส์ออกดอกสีแดงหลายดอก ซึ่งเป็นไม้ดอกที่หายากและไม่ค่อยได้ออกดอกมากนัก แต่วันนี้ออกดอกสีแดงหน้าตาคล้ายมิกกี้เมาส์จริงๆ พ่อครูมองไปที่ถนนข้างต้นมิกกี้เมาส์เห็นวัชพืชต้นหญ้าและพื้นที่เฉอะแฉะ พ่อครูบอกว่าน่าจะนำหินและดินลงมาเทบริเวณนี้เช่นกัน
พ่อครูเดินกลับมาด้านหน้าน้ำตกผาแหงน ซึ่งมีคนมาเล่นน้ำตกกันหนาแน่น ขึ้นลิฟท์กลับขึ้นมาชั้น 4 พอถึงโต๊ะทำงาน พ่อครูก็เปิดตู้หนังสือหยิบพจนานุกรมภาษาอังกฤษ หาศัพท์เกี่ยวกับ “ความจน”อย่างสนใจเป็นพิเศษ ก่อนที่จะเช็ดหน้าเช็ดตัว อ่านหนังสือพิมพ์ หลังจากที่พ่อครูได้ห่างเหินการอ่านหนังสือพิมพ์มาเป็นระยะหนึ่งแล้ว และเพิ่งกลับมาอ่านได้ไม่กี่วัน ด้วยความที่พ่อครูเป็นบุคคลที่รักการอ่านมาก ทุกคอลัมน์ทุกตัวหนังสือเรียกได้ว่าจะผ่านตาพ่อครู ทั้งที่สนใจมากและสนใจน้อย หนังสือพิมพ์ 1 เล่ม พ่อครูจึงใช้เวลามากในการอ่านเพราะพ่อครูอ่านแทบทุกหน้า ทุกคำความ เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกๆที่มักจะไม่ค่อยได้หยิบหนังสือมาอ่าน โดยมีข้ออ้างต่างๆนาๆ แต่พ่อครูเป็นต้นแบบของผู้ที่จัดสรรเวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุดในทุกวินาที มีคุณค่าในการทำประโยชน์เพื่อมวลมนุษยชาติ