บันทึกผ่านเลนส์ ส่องโพธิกิจ….ลงเทียนเคลือบพื้นไม้โบสถ์
วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม 2561
บวรราชธานีอโศกเช้านี้อากาศชื้น เพราะฝนตกหนักและเบาสลับกันตลอดทั้งคืนพ่อครูตื่นตามเวลาปกติ 6 โมงเช้า จากนั้นออกกำลังกาย 4 ท่าบริหารตามปกติ หลังจากนั้นฉันน้ำปัสสาวะอุ่นเป็นเครื่องดื่มจอกแรกสำหรับหลังจากตื่นนอนตอนเช้าในทุกๆวัน
ท่านปัจฉาสมณะสนทนากับพ่อครูทุกเช้าตามปกติ เช้านี้ท่านปัจฉาดินไทเรียนพ่อครูว่าด้านนอก สวนสวรรค์ขยันยิ่งพื้นเปียกชื้นเพราะฝนตกทั้งคืนไม่ควรออกไปนั่งพ่อครูจึงนั่งสนทนากับคณะท่านปัจฉาด้านในแทน พ่อครูได้รับข่าวจากคุณแม้วโทรศัพท์มาบอกท่านปัจฉาแสนดินเรื่องคุณแดง นันทวัน เมฆใหญ่มีอาการเลือดออกในสมองเพราะล้ม และกำลังรักษาตัวอยู่ รวมถึงคุณสุเทพ วงศ์กำแหงที่ฝากกราบพ่อครูด้วย ท่านบอกว่าไม่ทราบข่าว เรื่องการจัดงานวันอโศกรำลึกถึงไม่ได้มา
สนทนาประมาณ 1 ชั่วโมงพ่อครูเข้าห้องน้ำ ออกมาเดินผ่านต้นทองอโศกที่กำลังออกดอกเหลืองสะพรั่งอยู่หลายต้น เข้าห้องทำงาน ก่อนมานั่งโต๊ะ พ่อครูจะชั่งน้ำหนักทุกครั้งวันนี้ชั่งนน.ได้ 49.6 กิโลกรัม ก่อนที่พ่อครูจะเข้ามานั่งโต๊ะทำงานก็เริ่มเข้าสู่โหมดนั่งพิมพ์ธรรมะและดูข่าวสารจากทีวีทั้ง 3 ช่อง
เช้านี้ที่โบสถ์ชั้น 4 ท่านปัจฉาหนักแน่น ท่านปัจฉาดินไท ได้ทดลองจะลงเทียนพื้นไม้ที่โบสถ์ ท่านดินไทเริ่มขัดพื้นให้ละเอียด ก่อนที่จะลงเทียนมีช่างคณิต ไทเทิดธรรมมาช่วยให้งานได้คล่องตัวเร็วขึ้น และมีอากษิตพร้อมกับลูกไก่คือเด็กชายเวียง เด็กชายวังพร้อมน้องเมย นักเรียนสมุนพระราม สัมมาสิกขาเบ็นและผู้ใหญ่บ้านติ๊ก ขว้ญหินแก้วก็มาช่วยในเรื่องการขัดหน้าไม้ของพื้น และลงเทียน
ซึ่งที่โบสถ์นี้ ท่านปัจฉามีความตั้งใจว่าจะใช้วิธีแบบดั้งเดิมในการเคลือบเงาพื้นไม้ ซึ่งสมัยก่อนแทบทุกโรงเรียนจะพาเด็กนักเรียนทำ โอกาสนี้ก็อาจจะให้นักเรียนบ้านราชหรือคนที่สนใจได้มาเรียนรู้กัน เพราะเมืองอุบลฯก็มีเทียนเยอะ ขอมาได้ง่ายไม่ต้องซื้อด้วย
.
เวลา 11.00 น.พ่อครูลงมาฉันภัตตาหารที่ชั้นล่างเฮือนสูญ ท่านปัจฉาดินไทและท่านปัจฉาแสนดินจัดและเปิดสำรับถวายพ่อครู สังเกตเห็นพ่อครูวันนี้ลองใช้ช้อนที่แม่แดงได้นำมาถวายเมื่อวานนี้ มีท่านปัจฉาดินไทและท่านปัจฉาหนักแน่น ฉันภัตตาหารพร้อมกับพ่อครูไม่นานนักอาทวิชจากอุทยานบุญนิยมได้นำหนังสือพิมพ์มาถวายพ่อครู พ่อครูผู้รักการอ่านก็ได้ฉันภัตตาหารด้วยและอ่านหนังสือพิมพ์ไปด้วย
พ่อครูฉันภัตตาหารเสร็จเวลาประมาณ 13.30 นาทีจากนั้นได้เดินออกมาด้านหลังพระพุทธโตเดินขึ้นไปลานหน้าองค์พระ ก่อนถึงลานพ่อครูบอกพวกเราว่า ผักเมื่อวานนี้หน้าโรงปุ๋ยไม่ใช่ผักแว่นแต่บริเวณนี้คือผักแว่นต่างหาก ซึ่งมีความเขียวสดงดงามมาก ทำให้นึกถึงข่าวปู่เล็กที่เป็นผู้อายุยืนยาวถึง 101 ปีที่รับประทานน้ำพริกมะขามกับผักแว่นเป็นประจำ พวกเราเรียนถามพ่อครูว่าได้ฉันผักแว่นบ้างหรือไม่ พ่อครูตอบว่าก็ไม่มีผู้ใดนำมาถวาย พ่อครูเดินไปบนพลาญหินหน้าพระพุทธโต มีมดคันไฟขึ้นมากัดที่เท้าพ่อครูหลายตัว ประกอบกับฝนไล่ช้างเริ่มตกลงมาแรง ทำให้ท่านปัจฉานิมนต์พ่อครูกลับมาที่ชั้นล่างเฮือนศูนย์ ก่อนที่จะนิมนต์พ่อครูนั่งที่หน้ารถอีโบ ให้ท่านปัจฉาหนักแม่นทาน้ำมันมะพร้าวเพื่อลดการคันและอักเสบจากพิษของมด
จากนั้นพ่อครูกลับขึ้นไปที่ชั้น 3 เพราะหน้าลิฟต์ชั้น 4 ที่ลงเทียนไว้ยังไม่แห้งดีพื้นยังลื่นอยู่จึงนิมนต์พ่อครูขึ้นลิฟต์ไปแค่ชั้น 3 และได้ออกไปดูการเทพื้นปูนทำบันไดลงไปที่สวนไม้ตาย ท่านคมคิดเรียนพ่อครูว่าทำบันไดเผื่อพ่อครูจะลงมาตรวจงานและแนะนำการจัดวางงานศิลปะต่างๆ
พ่อครูขึ้นบันไดมาที่ชั้น 4 เดินเข้าห้องทำงาน ดูงานหน้าคอมฯที่ยังค้างหน้าจอปริ้นงานออกมาไม่ได้ มีท่านปัจฉาแสนดินคอยดูแลในเรื่องเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นประจำอยู่แล้วก่อนที่พ่อครูจะอ่านหนังสือพิมพ์ที่เหลืออยู่ ซึ่งพ่อครูสนใจเกี่ยวกับคอลัมน์คุณชัชรินทร์ในหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ที่พูดเรื่องราวเกี่ยวกับพระเจ้าในศาสนาต่างๆ
เวลาประมาณ 18.00 น.พ่อครูครองผ้าแบบ”ห่มแร้ง” อย่างทะมัดทะแมง ลงมาที่ชั้นล่างเฮือนสูญ เพื่อจัดรายการ สำมะปี๋ซีวิต ที่มีท่านสมณะและญาติโยมนั่งรออยู่แล้วหลายคน พอมาถึงด.ช.ธัมโม ซึ่งคุณย่าพามาฟังธรรมก็มากราบนมัสการหลวงปู่พร้อมกับปู่ย่าตายายชาวบวรราชธานีอโศกที่ด้านหน้าเวที แล้วก็มองหลวงปู่ตาไม่กระพริบเช่นเคย
ในรายการ สำมะปี๋ซีวิต เย็นนี้มีผู้ตั้งใจจะสนทนา เล่าสภาวะธรรมที่ตนเองศึกษาเรียนรู้กับพ่อครูมาเป็นเวลานาน เช่น อาเกร็ดดิน อาหนึ่งฟ้า อาพึ่งบุญ อาสมนึก บางคนก็จะเรียนถามข้อธรรมะที่ตนเองมีผัสสะและยังข้องใจในสภาวะนั้นๆอย่างเช่น อาอุ่นดิน อาดาวเพ็ญ น้องน้ำมนต์และแม่ปลา ยังมีอีกหลายคนที่รอจะเรียนถามพ่อครู เป็นความลงตัว ในบรรยากาศอบอุ่น ได้ใกล้ชิดประสาพ่อลูก ที่พ่อครูกรุณาเอื้อต่อจิตวิญญานลูกหลานที่ได้พากเพียรปฏิบัติ จนเกิดผลได้ตามลำดับ