บันทึกผ่านเลนส์ ส่องโพธิกิจ….มหาอำนาจทางอาหารไร้สารพิษ
วันอังคารที่ 22 สิงหาคม 2561
บรรยากาศเช้านี้ ณ แผ่นดินพุทธ บวรราชธานีอโศก ฝนตกลงมาตลอดทั้งคืนรวมทั้งยามเช้ายังไม่มีแสงตะวันเลย ฝนยังคงตกอยู่อย่างต่อเนื่อง พ่อครูตื่นตามเวลาปกติ 6 โมงเช้า พ่อครูบอกว่าบรรยากาศของบ้านราชแตกต่างจากชุมชนเมืองมาก เพราะตื่นขึ้นมาก็จะได้ยินเสียงนกร้อง เสียงธรรมชาติ ส่วนในเมืองก็จะได้ยินแต่เสียงรถและเสียงแห่งการรีบเร่งของคนเมือง พ่อครูสนทนากับท่านปัจฉาสมณะหลายเรื่อง ท่านปัจฉาสังเกตเห็นพ่อครูค้นคว้าพระไตรปิฎกอยู่ตลอด พ่อครูให้ความสำคัญในการอ่านพระไตรปิฎกอย่างละเอียดมาก มีทั้งการขีดเส้น วงเล็บในข้อธรรมะที่สำคัญควรอธิบายเพิ่มในพระไตรปิฎก บางพระสูตรก็จะมีกระดาษโน้ตแทรกไว้เพื่อขยายความ ซึ่งท่านปัจฉาเดินดิน เรียนว่าสิ่งเหล่านี้แสดงว่าพ่อครูเอาจริงเอาจังกับการอ่านพระไตรปิฎกมาก ซึ่งในยุคนี้วงการศาสนาพุทธในเมืองไทยแทบจะไม่ได้หยิบยกพระไตรปิฎกมาสอนให้กับพระเลย พ่อครูดำริที่จะให้พี่โน๊ต เพชรพันศิลป์ ออกแบบหน้าปกหนังสือคนจนที่มีแบบ เล่มปรับปรุงใหม่ ซึ่งยังคงเนื้อหาเดิมแต่เพิ่มเติม นัยยะความสำคัญในข้อธรรมะต่างๆในอีกหลายจุด
พ่อครูอธิบายในเรื่องธรรมะ 2 ที่เกิดจากเวทนา คำสอนทั่วไปของศาสนาพุทธในเมืองไทยล้วนสอนให้นั่งสมาธิหลับตาปิดทวารทั้ง 5 ซึ่งพ่อครูบอกว่านั่นเป็นมิจฉาทิฐิ สุขทุกข์ เกิดจากเวทนา ถ้าดับเวทนาจะเรียนรู้อริยสัจได้อย่างไร ถ้าไม่สัมผัสจะมีเวทนาได้อย่างไร
ที่ชั้นวางหนังสือมีตำราอีกหลายเล่มที่ญาติโยมบริจาคมา เป็นพจนานุกรม พ่อครูก็ให้ความสนใจในการการศึกษาเพื่อมาอ้างอิงคำสอนของพ่อครูที่เกิดจากสภาวะ พ่อครูบอกไว้ว่า “ศึกษาตำรากี่เล่ม แต่ไม่อ่านสภาวะก็หัวผุหัวพังเฉยๆ” ไม่ได้พิจารณาทำใจในใจ มีธัมมวิจัยในเวทนาที่มีผัสสะเกิดจากทวารทั้ง 5 คือตา หู จมูก ลิ้น กายและใจเป็นประธาน ทุกคำสอนของพ่อครูสามารถอ้างอิงได้จากพระไตรปิฎก ไม่มีผิดเพี้ยนจากคำสอนจากพระพุทธเจ้าเลย หนังสือเล่มคนจนที่มีแบบฉบับปรับปรุงเวลานี้พ่อครูเขียนได้ 547 หน้าแล้วยังไม่รวมใส่ภาพแทรกแต่ละหน้า ถ้าพ่อครูเขียนธรรมะเล่มนี้เสร็จ จะเป็นเหมือนคัมภีร์โลกุตระเล่มใหญ่อีกเล่มหนึ่งในยุคนี้
เวลา 11.20 นาที พ่อครูลงมาฉันภัตตาหารพร้อมท่านปัจฉาดินไท ที่เปิดสำรับถวายพ่อครู วันนี้พ่อครูฉันน้ำผักเข้มข้นกระปุกเล็กเป็นลำดับแรก ก่อนที่จะปัจจเวกขณ์พิจารณาอาหาร โดยมีท่านปัจฉาสมณะดินไทและท่านปัจฉาสมณะหนักแน่นฉันภัตตาหารพร้อมพ่อครู ไม่นานนัก ครูติ้ว ปีกรักมากับลูกไก่ น้องเพลงและน้องนาคินเข้ามากราบนมัสการพ่อครูอย่างรวดเร็ว พ่อครูได้กรุณาสอนบอกว่าให้ทำช้าๆไม่ต้องรีบเร่งเพราะไม่งาม หลังจากนั้นพ่อครูฉันภัตตาหารพร้อมอ่านหนังสือพิมพ์รายวัน 2 ฉบับไปด้วย
พ่อครูฉันภัตตาหารเสร็จเวลาประมาณ 13.00 น.ยังคงนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ต่ออีกท่านสมณะถักบุญ จิตตปุญโญได้นำอาจารย์วิศวกรไฟฟ้า จิตอาสาที่จะมาช่วยดูในเรื่องระบบการเดินสายกราวด์ป้องกันฟ้าผ่าที่อาคาร เฮือนศูนยสูญ เข้ามากราบนมัสการพ่อครู
ท่านสมณะด่วนดีเข้ามาเรียนปรึกษาพ่อครู เรื่องการทำกันสาดบริเวณข้างคลังเสียงติดกับน้ำโตน เพื่อที่จะกันน้ำกระเด็นเข้ามาภายในเฮือนศูนย์ ซึ่งกันเฉพาะน้ำกระเด็นแต่ไม่ได้กันลมพัดเข้ามาภายใน เพื่อไม่ให้ชั้นล่างเฮือนสูญมีน้ำกระเด็นเข้ามา ทำให้พื้นลื่นและทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆชำรุด เสียหายได้ง่าย พ่อครูเห็นดีด้วยในการทำกันสาดครั้งนี้
เวลาประมาณ 14.00 น.พ่อครูออกมาเดินย่อยอาหารและออกเดินตรวจพื้นที่ตามปกติหลังฉัน เดินออกมาข้างรถอีโบเจออาสมนึกและเพื่อน กำลังมาดูแลต้นอินทผาลัม ต้นจานสีเหลืองและอีกหลายๆต้น บริเวณสวน หน้าอุทยานไม้ตาย ซึ่งขาดคนดูแลมาเป็นเวลานาน พ่อครูเห็นต้นบุกต้นใหญ่หน้าห้องน้ำ ท่านปัจฉาบอกว่าเป็นต้นที่ท่านสมณะดินดีได้นำมาปลูกไว้ โดยฝั่งตรงข้ามคือโมโนลิธน้อยหลังพระพุทธโต มีมะละกอตัวผู้ที่มีลูกมะละกอเต็มต้นด้วยเป็นเรื่องที่น่าแปลก และมะละกออีกหลายๆต้น ออกลูกดกมาก โตและสูงเหมือนมะพร้าว พ่อครูเดินผ่านสโตนเฮ้าส์ ที่ชั้นล่างพบหลวงตาสอนซึ่งกำลังอาพาธและอาการเริ่มดีขึ้นแล้ว ได้นมัสการพ่อครู
พ่อครูเห็นต้นกล้วยที่มีเครือกล้วยอ่อน ท่านบอกว่าสมัยก่อนพ่อครูเคยฉันกล้วยอ่อนลักษณะนี้ฝานเป็นแว่นบางๆและจิ้มกับแจ่วได้เลย พ่อครูเดินมาด้านหน้าป้ายราชธานีอโศก ดูตำแหน่งการประดิษฐานรูปหล่อเหมือนพ่อครูปางอภัยท่านดำริว่าให้อาเปีย อาหม่องมาปั้นด้านหลังให้เต็ม เหมือนเหล็กหุ้มด้านหลังเลย และหาโซ่ทองมาคล้องที่ข้อมือด้วย เหลือบไปเห็นซุ้มขยะได้มีการติดป้ายให้เห็นชัดเจนมากขึ้น พ่อครูเดินมาเฮือนบวร คุณเปรมเจ้าหน้าที่ห้านปันกันเข้ามากราบนมัสการพ่อครู พวกเราสังเกตเห็นดอกไม้สีขาวคล้ายดอกซ่อนกลิ่น พ่อครูบอกว่าเป็นดอกซ่อนกลิ่นซึ่งไม่ได้พบเห็นกันบ่อยนัก หลังจากนั้นพ่อครูเดินเข้ามาภายในเฮือนบวรมาที่ห้านปันกัน อาแป้ง อาแดงได้มากราบนมัสการพ่อครู สนทนากันสักครู่จึงได้นิมนต์พ่อครูออกจากบริเวณนี้ก่อน เพราะกำลังมีการพ่นสีที่บริเวณส่วนนิทรรศการทำให้กลิ่นสี ระคายระบบการหายใจได้
พ่อครูและคณะปัจฉาเดินไปบริเวณด้านหน้าเฮือนบวร พบครอบครัวซึ่งมีเด็กชายแก้มยุ้ยหน้าตาน่าเอ็นดู กำลังยืนจดๆจ้องๆกับรูปปั้นควายยิ้มยาก พวกเราจึงชวนให้ขึ้นไปนั่งบนหลังควายได้เลย ทำให้เด็กชายดูอารมณ์ดีและตื่นเต้นเป็นที่น่าเอ็นดู
พ่อครูเดินมาตลาดนัดบุญนิยม เห็นรถบัสของมหาวิทยาลัยการจัดการและเทคโนโลยีอีสเทิร์นซึ่งนำนักศึกษามาเที่ยวชมบวรราชธานีอโศกที่น้ำตกผาแหงนและได้นำรถมาจอดด้านหลังวิทยาลัยอาชีวะ ตอนแรกก็สงสัยว่า ทำไมไม่เข้าไปจอดด้านในหน้าน้ำตกเลย เดินมาอีกนิดก็ถึงบางอ้อว่า เรามีป้ายห้ามรถผ่าน โดยให้นำรถขึ้นไปจอดบนอาคาร พอดีกับพ่อหินเข้มได้มารายงานพ่อครูเรื่องการทำถนน ซึ่งพวกเราได้ทำถนนโดยใช้งบของชุมชนเอง ซึ่งตอนนี้ทำถนนได้ 609 เมตรแล้วใช้งบประมาณไปไม่มากเลย
เส้นทางบริเวณถนนตรงมูลตั้งแต่หน้าโรงปุ๋ยพลังชีวิต จนถึงอาคารบวร กำลังมีการปรับปรุงทำถนน ผู้ที่มาเยี่ยมชม จึงต้องหลีกเลี่ยงใช้เส้นทางนี้ชั่วคราว แต่ก็ยังมีเส้นทางเบี่ยง เพื่อที่จะเข้าไปภายในชุมชนได้ ซึ่งถ้าถนนเส้นนี้เสร็จก็จะอำนวยความสะดวก ให้กับผู้ที่มาเยี่ยมเยือนเดินทางได้สะดวกยิ่งขึ้น พ่อครูเดินมาด้านหน้าโรงปุ๋ยพลังชีวิต เข้าไปภายในโรงปุ๋ย ไม่มีคนอยู่เลย มีเพียงปุ๋ยจำนวนมาก เตรียมที่จะขึ้นปุ๋ยในวันรุ่งขึ้น พ่อครูเรียกปุ๋ยที่ตั้งเรียงรายทั้งที่พื้นและบนรถเข็นแบบเต็มที่ทุกคันว่า “ปุ๋ยรอการระบาย” เดินไปด้านหน้าโรงปุ๋ยพบคุณยุนจากปฐมอโศกมาช่วย 5 ส.พื้นที่ได้เข้ามากราบนมัสการพ่อครู
พ่อครูเดินกลับมาถนนทางลัดข้างอาคารบวร ท่านปัจฉาหนักแน่นนำผ้ามาคลุมศีรษะกันแดดให้พ่อครู เดินผ่านข้างออฟฟิศของโรงปุ๋ยมีต้นกล้วยบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกเพาะกล้าอยู่เป็นจำนวนมากสามารถลงดินนำไปปลูกได้เลย ท่านปัจฉาบอกว่าที่เยอรมันแค่ปลีกล้วยยังมีราคาสูงมากถึงกิโลกรัมละ 1,000 บาทถ้าพวกเราใส่ใจปลูกกล้วย ก็สามารถเพิ่มมูลค่าได้มากมายเช่นกัน พ่อครูสังเกตเห็นต้นขุนศึกแตกยอดอ่อนกำลังงาม พวกเราบอกว่ายอดอ่อนน่าเด็ดไปประกอบอาหารได้ พ่อครูเดินมาตามถนนทางลัดไปด้านหลังอาคารบวร มีต้นกล้วยขึ้นมากมาย ยายสานศีลจูงจักรยานนมัสการพ่อครู เรียนพ่อครูว่ากำลังไปเก็บมะเขือให้เด็กชายเวียง เด็กชายวังขายที่ตลาด ซึ่งมะเขือที่นำไปขายชุดแรกได้จำหน่ายหมดแล้ว
พ่อครูมองไปริมถนนทางด้านซ้ายมือสังเกตเห็นป่ากล้วยซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์มาก ด้วยแทบทุกต้นมีเครือกล้วยที่ใหญ่โตและอุดมสมบูรณ์ทุกต้น ที่สวนป่ากล้วยมีการยกร่องเพื่อดูแลต้นกล้วย ในสวนนี้นอกจากกล้วยแล้ว ยังมีมะละกอหลายสายพันธุ์และแต่ละต้นก็มีลูกดกมาก จนพ่อครูบอกว่าให้เก็บไปกิน ไปขายกันขาย จะขาย 2 ลูก 5 บาทก็ยังได้เพราะเรามีมากมายเหลือกิน
พ่อครูเดินมาด้านข้างของอาคารบวร สังเกตเห็นต้นทองอโศกหลายต้นล้มหักลงมา มองเข้าไปหาสาเหตุจึงพบว่าหลายต้นได้มีการผูกเชือกเพื่อค้ำต้นกล้าในช่วงลงต้นกล้าปลูกใหม่ๆ แต่เวลานี้ต้นมีการเติบโตสูงขึ้นไปมากกว่าเดิม แต่เชือกก็ไม่ได้ถูกปลดหรือตัดออกไป ทำให้เชือกนั้นกินเข้าไปในเนื้อของลำต้น เหมือนคนเอวกิ่ว พ่อครูบอกว่าให้รีบมาตัดออกโดยเร็ว ก่อนที่จะเสียหายมากไปกว่านี้ เดินไปสักพักพ่อครูบอกว่าเจอดอกแปลกอีกแล้วและก้มลงไปหยิบ ตอนแรกพวกเรายังสงสัยว่าดอกอะไร ที่แท้ก็คือขวดน้ำที่ถูกทิ้งเป็นขยะข้างต้นไม้ ทำให้ประทับใจทุกครั้งที่พ่อครูใส่ใจกับเรื่องขยะมาก ถ้าเห็นก็จะเก็บขึ้นมาทุกครั้ง ตลอดข้างทางพ่อครูเห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ แม้ปลูกไม้ดอกแต่ก็มีไม้ผลก็ขึ้นมาแซมได้เช่นกันข้างต้นทองอโศกมีต้นฟักทองที่มีทั้งยอดอ่อน มีดอกและลูกอ่อนขึ้นอย่างอุดมสมบูรณ์ พ่อครูบอกว่าต้นแค่นี้เก็บไปแกงได้เต็มหม้อเลย พวกเราเรียนว่าผืนดินที่อื่นกว่าจะปลูกพืชผักได้ต้องใช้วิชาการมากมาย แต่ผืนดินของบ้านราช ต้นไม้ขึ้นเอง บางต้นขึ้นเองได้อย่างงดงามสมบูรณ์ เดินมาถึงด้านหน้าอาคารบวร แม่ค้าและชาวชุมชนเข้ามากราบนมัสการพ่อครูสนทนากันสักครู่ ก่อนที่พ่อครูจะเดินกลับออกมาคราวนี้เห็นมีนักศึกษาเข้ามาใช้บริการอาหารและเครื่องดื่มที่ตลาดนัดบุญนิยมกันหลายคน
พ่อครูเดินร้านปันกันวัสดุ พวกเราถามถึงที่มาของดอกซ่อนกลิ่น พ่อเห็นเข้มบอกว่ามาจากศีรษะอโศก ซึ่งเป็นต้นที่ท่านปัจฉาดินไทกำลังหาอยู่พอดี เพราะญาติธรรมที่ขอนแก่นได้ไปฝากไว้ให้ชาวศีรษะอโศกนำต้นดอกซ่อนกลิ่นมาถวาย นับว่าเป็นเรื่องบังเอิญที่ได้มาเจอบริเวณนี้ พ่อหินเข้มและสัมมาสิกขาเบ็น จึงได้นำกลับมาถวายพ่อครูเพื่อนำไปปลูกที่ สวนสวรรค์ขยันยิ่ง ชั้น 4
พ่อครูเดินมาด้านหน้าป้ายบวรราชธานีอโศกพบรถตุ๊กๆมาส่งชายผู้หนึ่งทราบว่ามาหาอาจารย์ข้าดินและมีอาการป่วยทางประสาท ท่านปัจฉาดินไทได้เมตตาสอบถามและได้ส่งต่อกับผู้ที่สามารถติดต่ออาจารย์ข้าดินได้ต่อไป พ่อครูเดินกลับมาด้านหน้าน้ำตก ผ่านต้นไม้ ต้นหญ้า ต้นโสนยังมีความอุดมสมบูรณ์แทรกอยู่ตามรูปปั้นสัตว์ต่างๆเป็นธรรมชาติที่งดงามมากยิ่งขึ้น
พ่อครูขึ้นลิฟท์มาที่ชั้น 4 เจอต้นซ่อนกลิ่นวางไว้ พ่อครูจึงหยิบและยกนำกระถางมาวางด้วยตนเองที่สวนสวรรค์ขยันยิ่ง หลังจากนั้นพ่อครูกลับเข้ามาที่โต๊ะทำงานท่านปัจฉาดินไทนำผ้าและน้ำอุ่นมาถวายให้พ่อครูเช็ดหน้าและฉันน้ำ ก่อนที่พ่อครูจะกลับเข้าสู่โหมดนั่งทำงานพิมพ์หนังสือธรรมะ และเตรียมการแสดงธรรมในช่วงเย็นต่อไป