วันบวร กลุ่ม 2 และกลุ่ม 4 ขัดพื้นโบสถ์ที่ลงเทียนแบบโบราณ
วันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม 2561
เพลงสมรรถนะดังตั้งแต่ก่อน 6 โมงเช้าเป็นสัญญาณสำหรับนิสิตที่จะพากเพียรร่วมกันพัฒนาชุมชน เช้านี้กลุ่ม 2 และกลุ่ม 4 ได้รับภารกิจขึ้นไปที่ชั้น 4 เฮือนศูนย์สูญ ซึ่งที่ประชุมสงฆ์ได้กำหนดหมายให้เป็นโบสถ์ใหม่ของบวรราชธานีอโศกนานแล้ว เดิมนั้นห้องโถงนี้เป็นที่พักของนักเรียนชายสัมมาสิกขา จึงทำให้พื้นไม้ปาเก้เดิม ผ่านการใช้งานมานานและค่อนข้างผุและชำรุดปลวกขึ้นต้องซ่อมแซมหลายจุด พอกำหนดหมายว่าเป็นโบสถ์จึงมีการปรับปรุงโดยท่านปัจฉาดินไท ท่านเอาภาระในเรื่องนี้ตั้งแต่ต้น โดยท่านปัจฉาดินไทมีเจตนารมณ์ที่อยากจะใช้เทคนิคแบบเดิมๆ สมัยตอนเป็นเด็กซึ่งหลายคนโดยเฉพาะคนวัดเรา ก็เคยทำวิธีลงเทียนพื้นห้องเรียนแล้วนำกาบมะพร้าวผ่าซีกมาขัดกัน วิธีการเคลือบเงาแบบโบราณดั้งเดิมนี้จะได้สืบทอดต่อไปด้วย ถ้าจ้างเขาทำแบบสมัยใหม่ ก็ทำได้แต่ต้องใช้สารเคมีและสิ้นเปลืองเงินอีกโดยไม่จำเป็น ซึ่งก่อนหน้านั้นประมาณ 1 สัปดาห์ท่านปัจฉาดินไท ท่านปัจฉาหนักแน่นและช่างคณิตได้ช่วยกันลงเทียนไว้ และช่วยกันขัดเพียงคน 2-3คนเท่านั้น ซึ่งใช้เวลานานเกือบสัปดาห์ก็ยังไม่เรียบร้อย
มาเช้านี้นิสิต วนบ.กลุ่ม 2 และกลุ่ม 4 จำนวน 23 คน มีท่านสมณะหินจริง สิกขมาตุตรงธรรมเป็นที่ปรึกษากลุ่ม ได้ขึ้นมาช่วยกันขัดเทียนที่ได้ลงไว้
หลายคนขึ้นมาก็จับกาบมะพร้าวผ่าซีกที่ช่างคณิตทำมาไว้ 20 อันอย่างทะมัดทะแมงเพราะหลายคนเคยทำมาเมื่อวัยเด็ก ที่จะต้องลงเทียนขัดพื้นชั้นเรียนทุกวันศุกร์ก่อนปิดเรียนประจำสัปดาห์ มีตี๋ใหญ่สมาชิกชาวชุมชนซึ่งมีอายุน้อยสุดยังไม่เคยเห็นวิธีการเคลือบเงาพื้นไม้เช่นนี้ จึงถามด้วยความสงสัยเล็กน้อย ก่อนที่จะตั้งใจทำและร้องเพลงสไตล์อินดี้เสียงดังเช่นเคย
ไม่นานนักพวกเราก็ยิ้มกันแก้มปริ เมื่อพ่อครูเดินมาเข้าห้องน้ำและได้แวะทักทายพวกเราทำให้ทุกคนมีกำลังใจ ถูกันอย่างสุขสำราญ เบิกบาน ยินดีทุกคน พ่อครูเดินผ่านกลางโบสถ์ลองใส่กาบมะพร้าวสำหรับขัดพื้นซึ่งเป็นวิธีดั้งเดิมและหลายสูตรมาก ว่าจะต้องเป็นมะพร้าวประเภทไหน ชนิดอะไร พ่อครูลองสวมเชือกรัดและขัดด้วยตนเองพวกเรามองเห็นพ่อครูที่เป็นตัวอย่าง เป็นผู้นำทางจิตวิญญานเอาภาระทุกเรื่องทำให้ทุกคนมีความเพียรมากยิ่งขึ้น
ซึ่งแต่ละคนก็จะมีสูตรการขัดเฉพาะตัวเองตั้งแต่สมัยเรียน บางคนก็ยืนขัดถูด้วยขาซ้ายบ้าง ขวาบ้าง บางคนโดยเฉพาะแม่เทียนดินอารมณ์ดีที่สุดและค่อนข้างชำนาญก็ทั้งขัดทั้งทวิตออกกําลังกาย โยกตัวเต้นแอโรบิคไปด้วย บางคนก็ยังใช้วิธีเดิมคือนั่งถูขัดไปเรื่อยๆ บางคนก็บอกว่าให้ขัดแบบวนๆเหมือนเครื่องขัดจะได้ขึ้นเงา พวกเราจึงเห็นการขัดแบบหลายลักษณะมาก มีทั้งนั่ง ทั้งยืนและอารบิกออกกำลังกายไปด้วย ไม่นานนักก็เริ่มเห็นทายาทเด็กชายเวียงได้มาเรียนรู้วิธีเคลือบเงาพื้นไม้แบบโบราณ
มีอีกผู้หนึ่งที่อารมณ์ดีที่สุดอีกคน น่าจะเป็นอาซึ้งดิน พอได้ยินตี๋ใหญ่ร้องเพลงไม่หยุดก็เลยบอกว่าต้องการแดนเซอร์ไหม ตีใหญ่ร้องซึ้งดินเป็นแดนเซอร์ ตี๋ใหญ่บอกว่าไม่ต้องมาขอเพลงนะ ร้องเป็นแบบเดียว แต่อาซึ้งดินก็ยังสามารถเต้นเพลงที่ไม่มีจังหวะได้ เพราะอาซึ้งดินมีจังหวะอยู่ในหัวใจอยู่แล้ว พวกเราจึงได้ยินเสียงหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน
หนุ่มน้อยที่สุดก็คงเป็นน้องนาคินมากับคุณย่าซึ่งน้องคินสนุกสนานมากที่สุดเพราะใช้กาบมะพร้าวถึง 4 ใบทั้งมือสองมือ เท้าสองเท้า ขัดไปขัดมา พวกเราไม่ว่าจะนั่งหรือจะยืนขัดพื้น เริ่มปวดเมื่อยกล้ามเนื้อกันเพราะต้องใช้แรงขัดกันมาก เริ่มเปิดคอร์สยืดเส้นยืดกล้ามเนื้อกัน กลางโบสถ์เลย นําโดยแม่เทียนดินได้สอนท่าโยคะให้หลายๆคนเพื่อช่วยยืดกล้ามเนื้อ จึงเป็นโบสถ์ที่มีความสนุกสนานกันมาก ใครใคร่ขัดขัด ใครใคร่โยคะก็โยคะ แม้แต่คุณพัชระก็ยังลองใส่กาบมะพร้าวแล้ววิ่งเหมือนสเก็ต ก็ทำได้คล่องแคล่วเช่นกัน
ยายแสงนึกสนุกกับหมู่ด้วยแต่ร่างกายไปไม่ไหวก็สะบัดมืออยู่ที่เก้าอี้สนุกสนานไปกลับหมู่กลุ่มด้วย เวลาผ่านไปประมาณชั่วโมงครึ่งแม่เทียนดินก็งัดสูตรเด็ดเสริมพลังเป็นน้ำกระชายสด เย็นเจี๊ยบพร้อมน้ำหมักสมุนไพรลูกยอ บอระเพ็ดและอื่นๆพวกเราเย้าแม่เทียนดินว่า เตรียมมาพร้อมเลยจะให้พวกเราทำงานแบบไม่หยุดไม่หย่อนเลยหรือ!!! แต่พวกเราหลายคนก็รับน้ำใจจากแม่เทียนดินที่พากเพียรทำน้ำสมุนไพร ดูแลสุขภาพหมู่กลุ่มกันได้แทบทุกคน น่าอนุโมทนายิ่ง
ท่านสมณะหินจริง ให้สัญญาณว่า 08.00 ให้ยุติการขัดพื้นเพื่อมาสรุปงาน สรุปสภาวะกัน พวกเราจึงทยอย 5 ส.เก็บของเข้าที่ ก่อนที่จะมานั่งกลางโบสถ์ เพื่อสรุปงาน ซึ่งพอมีเวลาจึงได้สรุปกันทุกคน คนละครึ่งนาที ทุกคนล้วนมีความปิติยินดีเบิกบานในการลงงาน โดยเฉพาะได้มาขัดโบสถ์ซึ่งถือว่าเป็นศาสนสถานสำคัญ สำหรับประกอบกิจของท่านสมณะ พวกเราได้มีโอกาสมาทำกุศลใหญ่
พวกเราสังเกตแววตาพ่อครูที่เห็นลูกๆมารวมกันและมีความสามัคคีกันเป็นสิ่งที่ทำให้พ่อครูมีความเพียรในการขยายอายุขัยต่อไป รวมถึงท่านสมณะหินจริงและท่านปัจฉาดินไทก็อนุโมทนาพวกเรา ที่มาช่วยกัน ถ้าทำเพียงผู้เดียวจะไม่มีพลังเช่นนี้แค่เพียงพวกเรามารวมกัน มีจิตวิญญาณของอาริยชนที่เปี่ยมไปด้วยศรัทธา แม้งานขัดพื้นจะยังเป็นการเริ่มต้นขัดเป็นครั้งแรก แต่ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของพลังรวมของจิตวิญญาณที่ทำให้โบสถ์หลังนี้มีชีวิตชีวาแห่งความสมัครสมานสามัคคี มีเอกีภาวะ จากพื้นไม้ที่เคลือบเทียนขาวหม่นหมองเหมือนกิเลสที่ขุ่นในจิตใจเรา ถ้าเราได้มาถู มาขัดใจ ขัดเกลาซึ่งกันและกัน จิตใจเราหรือพื้นไม้ที่ถูกขัดแล้วขัดอีกๆๆย่อมเงางาม วับใสเหมือนใจที่ถูกฝึกลดกิเลส สู่จิตอุเบกขา ปภัสสราย่อมใสสว่างสงบจากกิเลสได้ตามลำดับ
หลายคนบอกว่าทุกวันจันทร์ต้อง ออกจากภพมาพบกัน แล้วจะรับรู้ได้ถึงสภาวะ ของการเป็นมิตรดี สหายดี สังคมสิ่งแวดล้อมดี เป็นทั้งหมดทั้งสิ้นซึ่งนำไปสู่ความเจริญ..