610829_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ความสมานฉันท์ 8 แบบ
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1sKyUynkKyb7UBhQA-2KRV17uifTenO0sHJ-p3nIBosQ/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่.. https://drive.google.com/open?id=1GaVUL7zqR55J4io_4WERn3fH3EYXbHNC
สมณะเดินดินว่า…วันนี้เป็นวันพุธที่ 29 สิงหาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก เมื่อวานเป็นวันบรมมหาอนิจจังของชาวอโศก ขณะนั่งฉันก็มีข่าวมรณานุสติของคุณบุญหลาย ที่อยู่วัดป่าติ้ว เขาเป็นคนที่จัดหาไม้ไผ่หรือพืชผักมาช่วยเหลือพวกเราตลอด เขาอายุ 49 ปี ร่างกายแข็งแรง อยู่ดีๆนอนไป แล้วมันไม่ตื่นเลย หัวใจล้มเหลว แต่ท่านสุภัทโทบอกว่า คนในตระกูลของเขาไปอย่างนี้หลายคน
อีกหนึ่งความไม่เที่ยงคือ พ่อครูเกือบไป วันนี้พ่อครูเลยมาปรากฏตัว เมื่อวานดูจะหนักกว่าเพื่อนเลย วูบไป แต่อาตมารู้สึกว่า พ่อครูต้องรีบกลับมา เพราะจะช่วยพวกเราต่อ เมื่อวานเจออาหารเป็นพิษทั้งอาเจียนและถ่าย ทำให้ช็อคและวูบได้ ผู้สูงอายุจะใช้เวลาฟื้นตัวหลายอาทิตย์ แต่เมื่อวานพ่อครูเกือบไป แล้วก็ตอนเช้าก็สามารถสปริงกลับมาเดินตรวจตราดูบ้านราชฯต่างๆ ตอนเย็นก็มายืนยันข่าวว่าเกือบไป แต่จริงๆยังอยู่ได้ ก็ยังไม่แน่ใจว่า เครื่องที่ลงไปสุดนี้ ก็จะเป็นอย่างไร เมื่อวานพ่อครูรู้สึกอย่างไรครับ
พ่อครูว่า…มันเหนื่อยไม่มีแรง เหมือนจะขาดใจ มันจะตายก็ไม่รู้จะตายอย่างไร มันก็ไม่มีแรงมันเหมือนจะสิ้นท่า ก็ปล่อย มันยกแขนขาไม่ขึ้น จนต้องหามมาจากส้วมหามมานอนแผ่ เขาเรียกรถ Ambulance จนไปถึงโรงพยาบาล จากที่พวกเราให้น้ำเกลือ พยาบาลไปด้วย ไปที่โรงพยาบาลหมอก็ไม่ได้ทำอะไรมากมาย ก็นอนให้น้ำเกลือ รุ่งเช้าก็มาแล้ว มันเหมือนไม่มีอะไร แต่มันเหมือนกำลังจะตาย
สมณะเดินดินว่า..ตอนประคองไปห้องน้ำผมรู้สึกพ่อครูหายใจกระท่อนกระแท่นเหมือนจะหมดลม เหมือนใจจะขาด
พ่อครูว่า… เหมือนจะหมดลม ไม่ไหว มันเพราะอาหาร หรือจะเป็นเพราะอะไรก็ไม่รู้ จะบอกว่าอาหารก็ไม่รู้ ก็อาจเป็นได้ นอกนั้นก็ไม่มีอะไร
สมณะเดินดินว่า…มันเหมือนกับการขาดเกลือแร่อย่างเฉียบพลัน ออกทั้งสองทาง เลยขาดอย่างฉับพลัน
พ่อครูว่า…สิ่งที่สำคัญในร่างกายต้องใช้มันขาดช่วง ก็ว่ากันไป ก็เป็นไป คนเราก็ธรรมดาเกิดแก่เจ็บตาย ยังไม่ตายก็ทำไป ตั้งใจว่าจะไม่ตายง่ายๆก็ไม่รู้มันจะตายก่อนเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ไม่ตายก็ทำไป
สมณะเดินดิน…พ่อครูตั้งใจว่าจะไม่ยอมไป ก็ดึงมา
พ่อครูว่า…คือมันไม่รู้ตัวหรอกมันอ่อนแรงลงไป พอนั่งโถ แล้วก็รูดลงไปกับพื้นเลย กับพื้นก็ไปชนกับผนังประตูข้างหน้า นั่น ค่อยรู้สึกตัวว่า ทำไมเราลงไปอย่างนี้ได้อย่างไร ก็ไม่ธรรมดานะนี่ มันจะตายนะ ได้แต่นึกว่า ยังตายไม่ได้นะ เรายังตายไม่ได้นะ ยังต้องทำงานต่อไปอีก
ก็ขอพูดต่อไปอีก อาตมาตั้งจิตทำงานธรรมะพระพุทธเจ้า ชีวิตอาตมาไม่มีอะไรเลยอยู่กับธรรมะพระพุทธเจ้า กับความจริงที่เป็นความถูกต้องของสัจธรรมของพระพุทธเจ้า อาตมามั่นใจว่าอาตมามีอันนี้ชัดเจน อาตมาก็เรียกว่าความจริง จะเรียกว่าเป็นความรู้ก็เป็นความรู้ในความจริง ที่แสดงอยู่ก็เป็นความรู้กับความจริง แสดงกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมออกไป มีแต่ความจริงทั้งนั้นเลย อาตมาว่าอาตมาอยู่บนพื้นฐานของอันนี้ ชีวิตอยู่บนพื้นฐานของความจริงตัวนี้ตัวเดียว และความจริงตัวนี้ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร อาตมาก็เรียกว่าความเป็นจริงของชีวิตมนุษย์ ที่เป็นความจริงที่อาตมาว่าได้ความจริงสุดยอด ใครจะว่าอย่างไรก็แล้วแต่ อาตมาว่าความจริงของพระพุทธเจ้านี้สุดยอด เป็นตัวแทนของสัจธรรมของพระพุทธเจ้า
แสดงอิทธิพลกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมของชีวิต อาตมาก็ล้วนแล้วแต่จริงใจ ใจเราก็จริง ใครจะเห็นว่า อาตมาผิด อาตมาไม่สวยไม่งาม อาตมาไม่มีมารยาทสังคมก็แล้วแต่ อาตมาไม่ได้ติดใจในสิ่งเหล่านั้นเลย
อาตมามีแต่รู้สึกตัวว่าตัวเองมีความจริง มีความจริงใจอย่างเดียว สิ่งที่อาตมาทำนี้ มันเป็นสิ่งที่มีคุณค่าสูงที่สุด เป็นคุณค่าที่สูงที่สุดใกล้จะเห็นคุณค่าในงานที่อาตมาทำนี้ ก็เป็นการช่วย คนที่เห็นว่าเป็นงานที่มีคุณค่าก็เต็มใจมาช่วยไม่ได้จ้างด้วย ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ ก็มาช่วย เราอาศัยแรงงานเด็กนักเรียนอย่างมาก ผู้ใหญ่เองก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร จะมาช่วย ก็ไม่มา เขาก็คงจะไปทำมาหากินเลี้ยงชีวิต ที่พูดนี้ เรื่องจำเป็นก็คือเรื่องของการถ่ายทอด โทรทัศน์ เพราะว่าเราถ่ายทอดโทรทัศน์ 24 ชั่วโมง แล้วมันจะมีรายการสด รายการสดประจำ ผู้ที่อยู่เป็นผู้ใหญ่แล้วหรือเป็นนักเรียนก็ตามที่มีจิตใจจะมาช่วย..
อาตมาเป็นคนไม่ขอร้องเป็นคนไม่บังคับ ใครจะมาก็มา ไม่มาพวกเราก็ทำกันไป แหม อาตมาก็ต้องขอบคุณหลายคนเอาใจใส่ ถึงเวลาก็มาประจำหน้าที่ไม่ได้จ้างวานไม่ได้กำกับไม่ได้ตั้งตำแหน่งหน้าที่เลย แต่เขาก็รู้ว่าหน้าที่นี้อันควรจะต้องทำ ช่วยงานที่ดีอันนี้ อย่างนายม่อนนี่ เรียนจบแล้วก็อยู่นี่ แม่จะให้เรียนต่อข้างนอกก็ไม่ไป เรียนอาชีวะต่อ จบอาชีวะแล้วไม่รู้จะมีอะไรไปอ้างกับแม่ ก็อยู่ช่วยทำงานวันนี้ วิ่งทำซอกๆๆ นักเรียนอื่นก็ไม่เห็นมีน้ำใจเท่าไหร่ ขออภัยที่พูดความจริง แล้วที่มีอยู่ในนี้ก็ไม่ค่อยมาช่วย นักเรียนใหม่จะมาฝึกก็ยินดีมาฝึก ไม่ว่าจะเป็นที่ราชธานีอโศก สันติอโศก ปฐมอโศก ที่เรามีสถานีโทรทัศน์ถ่ายทอด อาตมาก็พูดอันนี้อันเดียวเป็นเหมือนกับทุกแห่ง
สรุปแล้วคือไม่ค่อยมีน้ำใจ ก็พูดอย่างนี้เลย ที่จะมาช่วย เพราะรู้อยู่เราไม่ได้จ้างวานใคร อาศัยแรงพวกเรา อาตมาถ้าไม่มีแรงงานพวกเราก็ต้องปิดสถานี ดีไม่ดีมีกล้องก็ไม่มีคน เขาก็ตั้งกล้องเอาไว้แล้วก็สวิทชิ่งเอา เปิดเผยความจริงไปคนฟังจะสมเพชเวทนาก็แล้วแต่ หรือจะสงสารก็ตามใจ มันเป็นเช่นนั้น
พูดกันเพื่อผู้ฟังที่ได้ยินได้ฟังจะมีน้ำใจสักเล็กสักน้อย หรือยิ่งมาก ก็ยิ่งอนุโมทนาสาธุเผื่อแผ่กันได้ งานอื่นอาตมาก็ไม่กระไร เพราะงานอื่นมันไม่ใช่สาธารณะทีเดียว มันเป็นของพวกเราที่จะยังชีพ งานไม่ยังชีพ อาตมาก็ไม่เอามาทำอยู่แล้ว แต่งานโทรทัศน์เป็นงานเพื่อสังคมเพื่อสาธารณะ เพราะช่องเราเป็นช่องสาธารณะ ถ่ายทอดออกไปคือถ่ายทอดธรรมะถ่ายทอดความรู้ถ่ายทอดการศึกษา ทุกอันเป็นการศึกษาทั้งนั้น เป็นการถ่ายทอดความจริงด้วย ทุกบรรยากาศคือการรายงานความจริง ไม่มีอะไรอย่างอื่นนอกจากความจริง คำว่าความจริงนี้สุดยอดทุกอย่างแล้ว เป็น Axiom อาตมามีแต่เสนอ Axiom เสนอความจริงที่อาตมามี อย่างหมดคำอธิบาย ขยายความแล้ว ขยายความยากแล้ว เหมือนอย่างคุณบ้านเล็กเมืองน้อยที่เขียนมา
ขอเรียนถามคำถามเกี่ยวกับ….ธุรกิจ..นะครับ…………….
เป็นเรื่องของ ร้านปาท่องโก๋ ที่ใช้สูตรเก่าแก่ดั้งเดิม ของยอดคนที่เป็นต้นตำรับ
เริ่มแรกก็ไปได้ดีสร้างความฮือฮาพอสมควร ต่อมาก็เกิดปัญหากับ อ ย (ที่แปลว่าอันตรายทุกอย่าง)
เนื่องจากต้องดำเนินกิจการโดยไม่ผ่าน อ ย แถมถูกประกาศเครื่องหมาย กะโหลกไขว้
จึงกลายเป็นร้านต้องห้าม ทำให้ลูกค้าหนีเกือบหมด เหลือเพียงขาประจำที่ยังเหนียวแน่นกันอยู่ไม่มาก
เจ้าของร้านก็ใจสู้ ลุยต่อ ด้วยนโยบายที่ไม่หวังผลกำไรเช่นเดิม ขอเพียงอยู่ได้ เลี้ยงตัวเองได้เป็นพอ
จนเวลาผ่านมาหลายสิบปี ลูกค้าขาประจำกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของร้าน ช่วยกันบริหารกิจการ จนเกิดเป็นวัฒนธรรมของร้านต้นแบบ อยู่กันอย่างญาติพี่น้อง เหลือกินก็แจกจ่ายตามสภาพ
มาถึงปัจจุบัน เริ่มได้รับการตอบรับจากลูกค้าขาจรที่แสวงหาใน สูตรต้นตำรับ มีแวะเวียนเข้ามาบ้างประปราย
เนื่องด้วยเจ้าของร้านมีปณิธาน ที่ต้องการ
จะสืบทอดสูตรต้นตำรับให้คงอยู่ไปอีกนาน ๆ
ต้องการจะเผยแพร่วัฒนธรรมเฉพาะของทางร้านออกไปสู่วงกว้างด้วย เพื่อช่วยสร้างความสมดุลแก่ทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภค ซึ่งจะทำให้เกิดสันติสุขแก่สังคม
แต่โลกย่อมหมุนเปลี่ยนไปตามกาล ปาท่องโก๋ไม่เป็นที่ต้องการอีกต่อไป ผู้บริโภคพากันเปลี่ยนไปนิยม โดนัท
เพื่อคงไว้ซึ่งปณิธานของเจ้าของร้านทั้ง ๒ ประการ…..การที่ทางร้านจะปรับตัวตามยุคสมัย ตามลูกค้ามากไป
ก็ไม่ได้ เพราะจะไม่คงไว้ซึ่งสูตรต้นตำรับ….. แต่ถ้าไม่เปลี่ยนวิธีนำเสนอ หรือออกสินค้าใหม่ๆ ก็จะไม่ได้ลูกค้าเพิ่ม ไม่มีแนวร่วมมากพอ และจะไม่สามารถสร้างสมดุลแก่สังคมได้
ค่านิยมของยุคสมัยทำให้ปณิธานทั้ง ๒ เกิดข้อจำกัดที่สวนทางกันอยู่…..
ถ้าไม่มีการออกแบบที่เหมาะสม จะทำไปพร้อม ๆกันได้ยากมาก
โดยเฉพาะในยุคที่สังคมตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของนายทุนโดนัท
เพื่อให้กิจการร้านปาท่องโก๋เล็ก ๆแห่งนี้ ที่เจ้าของร้านเริ่มมีอายุยาวขึ้น (แต่ยังไม่แก่)
จะได้มีแนวทางไว้ให้ลูกหลานได้สืบทอด และบรรลุปณิธาน ทั้ง ๒
คือคงไว้ซึ่งสูตรต้นตำรับ และการปรับกลยุทธ์ในการเผยแพร่ เพื่อสร้างความสมดุลให้แก่สังคมไปได้พร้อม ๆกัน
กราบรบกวนขอคำชี้แนะจากพ่อท่านด้วยครับ
พ่อครูว่า…อาตมาทำข้อ 1 ข้อเดียว
อาตมาก็บอกแล้วตอบไปแล้วรายทางถ้าเข้าใจรู้แจ้งรู้จริง มันจะเป็นอื่นไปไม่ได้จากความจริงเพราะความจริงมันมีหนึ่งเดียวเพราะฉะนั้น ผู้ที่มีปัญญาว่า เห็นความจริง ว่าความจริงคือความจริง ก็จะไม่เห็นอะไรที่จะสมมุติขึ้นมาถาม ถามมาคือมีแนวทางเดียวคือ สืบทอดตามข้อ 1 ตามปณิธานเดิม แต่ข้อที่ 2 นี้ไม่เคยคิดเลยคุณตั้งมาเอง เพราะ
ความจริงขึ้นอยู่กับต้นตำรับที่เป็นความจริง ถึงไม่เคยมีกลยุทธ์ในการเผยแพร่ มีแต่สูตรต้นตำรับที่แน่ใจว่าตรงกับความจริงเสมอเท่านั้น ที่เผยแพร่อยู่ตลอดทุกอิริยาบถของชีวิต ทุกลมหายใจเข้าหายใจออก และเห็นความจริงที่มันเกิดผลสันติสุขที่มีจริงในมวลมนุษย์อย่างน่าพอใจแล้ว สำเร็จแล้ว
จนอาตมาได้เคยพูดออกไปแก่สังคมว่า อาตมาทำงานของตน คือ ประกาศความจริงตามต้นตำรับ ประสบผลสำเร็จอย่างยิ่งแล้ว อาตมาจบได้แล้วตายได้แล้วด้วย สำเร็จแล้ว เป็นปรากฏการณ์จริงในโลก จึงไม่มีคำตอบต่อข้อที่ 2 นี้ จบ
ทีนี้ก็มา SMS 27 – 29 ส.ค. 61
_วันชัย สหมโนธรรม · ได้ข่าวว่า พ่อท่าน ท้องเสียพ่อท่าน ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมครับ
_3867 ขอถวายกำลังใจเยี่ยมพ่อครูฯหายป่วยฯสุขภาพดีวันดีคืนฯแข็งแรงปกติในเร็ววันสาธุ!มนุษย์หูเทียม(สื่อฟ้าศิลป์)
พ่อครูว่า…คุณจะไปย้ำกับตัวเองมากสิ คนพิการหลายคนเขาก็ไม่ได้เห็นจะไปย้ำอะไรกับตัวเองพรุ่งนี้ อย่างนส.ฝ้าย พิการก็แต่งหน้าตัวเองไปทุกวัน ยิ้ม เขาก็ไม่ถือว่าตัวเองจะเป็นพิการมากมายอะไร คุณจะไปเที่ยวติดใจว่าตนเองพิการ มันเป็นของเราแล้วก็ยินดีอยู่กับมันไม่ต้องไปติดใจกับมัน สบายๆ เอาแคลอรี่มาใช้ประโยชน์กับเรื่องที่ดีดีกว่า ดูแลมันให้มันอยู่กับสังขารเราไปได้ก็พอแล้ว
_สรายุทธ บุญญโก · สาธุครับ ไม่เห็นที่ไหนสอนชนะความโกรธอย่างนี้ เมื่อไม่มีสิ่งที่ชอบก็จงชอบสิ่งที่มี
_สุวรรณี สุริยะ · กราบนมัสการเจ้าค่ะพรรษานี้ตั้งจิตไม่แสดงอาการโกรธค่ะ
พ่อครูว่า…สาธุทำให้ได้ขอเอาใจช่วย
_8647 ขอถามค่ะ ทำไมตอนนี้คนอโศกตัวตนเย่อะจัง กลัวคนรุ่นไหม่จะเข้าไปอยู่ด้วยหรือค่ะ เห็นหวงที่หลับที่นอนจัง คนข้างวัดกระเด็นออกไม่กล้าเข้า
พ่อครูว่า…ใครหวงที่นอนกัน พระพุทธเจ้าสอนให้นอนง่ายนอนรุกขมูลโคนไม้ หรือคุณจะไปนอนแทนที่ที่เขานอนประจำหรือ
_0629 ทวี สุทารส กราบนมัสการพ่อครูอย่างสูงยิ่งครับ
_0851614xxx การทำความเข้าใจแจ้งนั้นยากที่สุดกว่ายุคใดๆเพราะต่างยึดในตำราของตนเอง ทั้งๆที่สัจธรรมไม่สามารถสื่อสอนได้หมดด้วยพระศาสดาเพียงพระองค์เดียวจำกัดด้วยอายุขัยและภาระกิจที่ต้องทำ. ครับ/เฉลิมชัย ล้อลีลา
_0851614xxx เงื่อนไขที่ทำผิดพลาดในอดีตจะถูกกระตุ้นได้ง่ายต้องเผชิญกับสถานการณ์จริงๆจากคนที่แสดงบทละครหลากหลายให้กระทบกับเงื่อนไขในสัญญาเพื่อแก้ไขให้ถูกต้องเป็นกลางทางไฟฟ้าถือว่าได้สะสางอย่างมีประสิทธิผลและประสิทธิภาพ. ครับ / เฉลิมชัย ล้อลีลา
พ่อครูว่า…คุณก็แสดงความรู้ความเห็นตามที่คุณเข้าใจ ก็ไม่ผิดหรอก
_จาก “ชานติ” กิเลสมี ๓ ระดับ คือ
กิเลสในกามภพ เรียกว่า วีติกกมกิเลส ส่วนปริยุฏฐานกิเลส คือ กิเลสในภวภพตัวต้น และอรูปภพก็คือกิเลสของภวภพตัวปลาย หรืออนุสัยกิเลสนั่นเอง ใช่มั้ย
พ่อครูว่า…ใช่
_จากศีรษะอโศก..ลูกตั้งใจตรวจตัวเองด้วยสังโยชน์ 10 เฉพาะเรื่องเนื้อสัตว์ และไข่
-
สักกายทิฏฐิ สัตว์ใหญ่สัตว์เล็กจนถึงไข่ไม่กินแล้ว แต่มีอยู่วันหนึ่งลูกเดินไปเจอไข่เจียว ตากระทบรูปจมูกได้กลิ่น ทันใดนั้น น้ำลายแตกออกมา ลูกเสียใจมาก ทำไมเรายังมีเหลืออยู่หรือ
-
ลูกตรวจสังโยชน์ข้อ 2 ความสงสัยในโทษภัยของเนื้อสัตว์หรือไข่ก็ไม่มีแล้ว
-
สีลัพพตปรามาส ก็ไม่มีเพราะไม่กินมา 20 ปีแล้ว
-
กามฉันทะในการอยากเสพอยากกินเนื้อสัตว์ก็ไม่มี
-
พยาบาท กินข้าวร่วมโต๊ะกับพี่น้องที่กินเนื้อสัตว์โดยจะรังเกียจก็ไม่มี
-
รูปราคะ ความชอบและติดใจเนื้อสัตว์ไม่มี (แต่ยังเหลือรูปที่เป็นเนื้อเทียม หมู ไก่ เจเทียม) แต่ความชอบน้อยมากๆ อ่านใจตัวเองก็ชอบแต่น้อย
-
อรูปราคะ ความชอบการติดใจกลิ่นและรสชาติยังมีอยู่ค่ะ แต่น้อยมาก
-
มานะ ความอยากให้ตัวเองพ้นจากกลิ่นและรสชาติ เนื้อปลอมไม่มีแล้วแต่เนื้อจริงไม่แล้ว
9.อุทธัจจะ หากไม่กระทบเนื้อปลอมทั้งรูปรสกลิ่น รสก็ไม่มีกิเลส ยกเว้น กระทบปัจจุบัน มีความชอบในจิตแต่ก็น้อยมาก จับอารมณ์ได้ เผลอๆเบาๆ เกิด 10 ครั้งชนะ 8 ครั้ง
-
อวิชชา ลูกเรียนรู้โทษภัยพิบัติที่เกิดจากเนื้อสัตว์พอได้
ถามว่าตรวจสอบตัวเองอย่างนี้ถูกต้องหรือไม่
พ่อครูว่า…ถูกต้องละเอียดลออดีมาก ทีนี้ มันเหลือคำตอบที่ว่า น้ำลายแตกออกมา กระทบแล้วน้ำลายแตก มันเกิดจากความจำของตัวเอง มันเกิดความจำขึ้นมาได้ จำแล้วก็เลยมีอรูปที่คุณมีน้อยๆนี้ออกมาก็เป็นได้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายในความลึกซึ้งของภาวะจิตอนุสัย
อนุสัย มีหลายระดับ อนุสัย อาสวะ อนุสัยที่ยังไม่หมดเหลือได้
อาตมาก็จะอธิบายอาสวะ 10 คนพ้นอาสวะ 10 ถือว่าเป็นอรหันต์ได้แล้ว แต่ถ้าดับอนุสัยได้อีก ถือว่าอุภโตภาควิมุติ ไม่มีอะไรที่จะต้องล้างอีกเลยละเอียดลออ
อนุสัย อย่างอาตมาเป็นพระโพธิสัตว์จะเรียกว่ามีอนุสัยอยู่ ก็มี อนุสัย โดยเจตนา ด้วยความตั้งใจจะอยู่กับมัน อนุสัยนี้ก็เลยกลายเป็นสิริมหามายา คือ อาตมาจะให้มันมีก็ให้มีได้ จะให้ไม่มีก็ไม่มีได้ มีขึ้นมาก็ไม่เพื่อเราจะเสพ แต่มีขึ้นมาเพื่อเราจะเป็นรูปธรรม ทั้งนามธรรม เอามาพูด เอามาขยาย เอามาใช้ อาตมาพูดเหมือนอย่างคนมีกิเลสก็ได้ละเอียดดี คนไม่มีกิเลสก็ได้ละเอียดดีด้วย ใครฟังชัด อาตมาพูดหมด จึงได้อาศัยเอามาเป็นสื่อ ในการที่จะทำงาน อธิบาย
ความจริงเหล่านี้จึงเหมือนมี เหมือนอาตมาว่ายังมีอย่างนั้นจริงๆเลย พวกเราจะเห็นได้ คนข้างนอกก็มอง เหมือนกับมีกิเลส เหมือนมีอารมณ์ เขายังมองไม่ออกหรอก เพราะเราเองเป็นสิริมหามายาจะให้เกิดก็ได้ไม่เกิดก็ได้จะให้มีก็ได้ไม่มีก็ได้เป็นปาฏิหาริย์ในการจะทำให้เกิดหรือมีก็ได้ไม่มีก็ได้ นี่ก็เป็นเรื่องที่อาตมาอธิบายธรรมะ
มาชาตินี้อาตมาต้องอธิบายธรรมะที่วนเวียนมาก หมดเกลี้ยง ขยายความ โดยเอาเงาหรือแสงสะท้อนของความจริงมาเป็นตัวตั้งอธิบาย วนไปอีกที หมุนอยู่อย่างนั้น จนอาตมาจะต้องทำอย่างนั้นไปอีกนาน เอาล่ะ เรื่องธรรมะ
สิกขมาตุกล้าข้ามฝัน สรุป …
สิกขมาตุรินฟ้า สรุป…
สมณะฟ้าไทสรุป…
สมณะแสนดิน…
พ่อครูว่า…อนุสัยเป็นพลังงานขั้นสุดท้ายของจิตมนุษยชาติ ผู้ที่ยังเห็นอาหารแล้วก็ยังมี อนุสยะ ไม่ได้เป็นกิเลสไม่ใช่อาสวะ ไม่ได้เป็นอนุสัยส่วนปลายในอนุสัย 7
อาสวะมี 10 มันไม่เหมือนกันนะ กามราคะ ปฏิฆะ ของอนุสัย มันละเอียดกว่ากามราคะ ของอาสวะ หรือปฏิฆะของอาสวะ เป็นต้น หรือแม้แต่มานะ อะไรต่างๆนานา
อนุสัย 7 กับอาสวะ 10 มันมีซ้ำกัน
สามอันต้นที่อาสวะมี กับอีก 7 นั้นซ้ำกับอนุสัย
สามอันต้นนี้แน่นอน ของผู้ที่เริ่มต้นแล้วจะต้องมีสามข้อต้นที่เป็นอาสวะ
ข้อ 1 คือ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส
สามข้อนี้ คนที่สามารถปฏิบัติลดกิเลสได้จึงจะเหลืออีก 7 ข้อ ที่เป็นอนุสัย
7 ข้อที่เป็นอนุสัยจึงไม่ใช่อาสวะ 7 ข้อที่เหลือ
อาสวะ 7ข้อที่เหลือหยาบกว่า อนุสัย 7 แต่ชื่ออย่างเดียวลักษณะอย่างเดียวกัน
-
กามราคานุสัย (ความดึงดูดกำหนัดในกาม)
-
ปฏิฆานุสัย (ความผลักไส ขัดเคือง ขึ้งเคียด)
-
ทิฏฐานุสัย (ความยึดถือความเห็นเป็นตนของเรา)
-
วิจิกิจฉานุสัย (ความลังเลสงสัย ทำให้เนิ่นช้า)
-
มานานุสัย (ความถือตัวทั้งหลาย)
-
ภวราคานุสัย (ความใคร่อยากในภพละเอียด)
-
อวิชชานุสัย (ความไม่แจ้งในอริยสัจ)
(พตปฎ. เล่ม 23 ข้อ 11)
เวลาเรียนกัน เรียนภาษาบัญญัติให้นึกถึงสภาวะด้วย ทุกวันนี้เขาเรียนกันเก่งเป็นมหาเปรียญ 9 เก่งภาษา แต่ไม่ค่อยสัมผัสสภาวะ ก็เลยไม่เข้าสู่สภาวะ
ส่วนนักปฏิบัติที่มีแต่สภาวะก็ไม่รู้บัญญัติของพระพุทธเจ้า ธรรมะของพระพุทธเจ้านี้ ละเอียดมากเลย
พวกนั่งหลับตาสายอาจารย์มั่นไม่ใช่ศาสนาพุทธเลย เข้าใจผิดหมดว่าเป็นอะไรกัน ซึ่งมันน่าสงสารมาก เป็นสิ่งที่ไม่ใช่พระพุทธเจ้าเลย แล้วไปเข้าใจผิดว่าเป็นอรหันต์ เป็นอาริยะ
ถ้าไม่เป็นพระป่าปฏิบัติในถ้ำ เป็นพระบ้านพระในเมือง ต้องนั่งหลับตา ถึงจะพอรับได้ว่าเป็นพระนักปฏิบัติ หากมีแต่ภาษาไม่ใช่เลย
แต่ธรรมะพระพุทธเจ้านั้นลืมตาปฏิบัติตลอดกาลนาน หลับตาไม่ใช่เลย หลับตาเป็นแต่เพียงพรหมชาลสูตร ในทิฏฐิ 62 นั่งเจโตสมาธิ จะหลับตาหรือไม่หลับตาก็ตาม ท่านไม่ได้กล่าวคำว่าหลับตาในพรหมชาลสูตร แต่อยู่ในภพหมดเลย จึงมีแต่อดีตกับอนาคต ถ้าอยู่ในปัจจุบันก็เป็นภพปัจจุบันเป็นแดนเกิด ไม่มีเหตุปัจจัย ในการปฏิบัติ
ศาสนาพุทธถ้าไม่มีสัมผัส 6 นี้ไม่ใช่ศาสนาพุทธเลย ใครรังเกียจว่าอาตมาตีทิ้งเขาทำไม แม้แต่พวกเราเองก็ยังมาเตือนอาตมาเองว่าไปตีเขาทำไม ไม่อยากให้อาตมาได้รับการต่อต้านจากเขา แต่อาตมายอมให้คนชิงชัง แต่ยอมให้คนทำลายความถูกต้องไม่ได้ อาตมาไม่ยอมให้ความผิดเกิดในความถูกเกิดไม่ได้ จะต้องสร้างความถูกต้องมีไว้ จะต้องสร้างความจริงนี้ให้ได้ จะให้อาตมาเปลี่ยนแปลงไปจากความจริงนี้ก็ยอมตาย จะตายกับความจริงนี่แหละ จะมาห้ามไม่มีทางหรอก ขอยืนยันเลย เพราะฉะนั้นอย่าเสียเวลา
อาตมาก็สรุป ความจริงใจที่เป็นสาระของวันนี้ ที่พูดถึงเรื่องธรรมะ คนเข้าใจว่า ธรรมะ ร้อยเปอร์เซ็นต์คือการเมือง เพราะธรรมะนั้นพ้นไปจากคนเมืองไม่ได้ ธรรมะพระพุทธเจ้าเป็นธรรมะที่ทำกับคนเมือง ไม่ใช่คนป่า
ขอแวะกับคนป่าอีก คนไม่ใช่ศาสนาพุทธไปหลับตาออกมามันไม่ใช่ศาสนาพุทธแล้ว พระพุทธเจ้าท่านไม่สอน ตีทิ้ง แต่อาตมานี่ก็ต้องบอกให้รู้ว่า คุณน่ะฟังแล้วก็เปลี่ยนแปลงเสียบ้าง หรือคิดตามธรรมะอาตมาให้มากๆ แต่จะติก็ฟังไปเรื่อยๆ อย่ารังเกียจอาตมาเลย ขอร้องว่าอย่ารังเกียจอาตมา
เพราะอาตมาเปิดเผยความจริงไปหมดแล้วว่าจะมาเป็นตัวแทนมากอบกู้ศาสนาพุทธ ของพระพุทธเจ้า ถ้าอยู่ในสายเทวนิยมถือว่าเป็น Prophet ของพระพุทธเจ้า เป็นปกาศก
อาตมานี่รู้จักพระเจ้า คนเดียว คือปกาศก คือตัวแทนของพระเจ้านำคำสอนคำกล่าวของพุทธเจ้าความจริงความรู้ของพระพุทธเจ้ามาประกาศ
สมณะเดินดินว่า…ศาสนาคริสต์มีพระเจ้าและมีโมเสส เป็นผู้รับบัญชาจากพระเจ้าอีกทีหนึ่ง ในบัญญัติ 10 ประการ โมเสส ขึ้นเขาไปได้รับ ten commandments
พ่อครูก็คือ ผู้ที่รับของพระพุทธเจ้ามาประกาศ แต่พ่อครูโชคดีที่มีในพระไตรปิฎกแล้ว
พ่อครูว่า…อาตมาประกาศ โพธิปักขิยธรรม 37
สมณะเดินดินว่า…วันนี้ท่านจันทร์มากราบพ่อครู เล่าว่า ไปเจอมุสลิม มีนิกายที่ยึดคัมภีร์เป็นหลัก และกินมังสวิรัติด้วย ก็เลยเข้าใจกัน เขาก็เอาคัมภีร์เป็นหลัก เขาบอกว่าอยากจะเจอพ่อครูจังเลย เพราะว่าตรงมากที่สุดเลย
อาตมาเจอนี่ ข่าวลงซ้ำซาก ตั้งแต่ 29 ของแนวหน้า ตามที่ปรากฏข่าวทางสื่อมวลชนกรณีรายงานการเงินแผ่นดิน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2558 และ 2557 ซึ่งตรวจสอบรับรองโดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แล้ว ไม่ปรากฏผลขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าว ณ วันที่ 30 กันยายน 2557 จำนวน 536,908.30 ล้านบาท ทั้งที่ตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีแดงที่ อม.211/2560 เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2560 หรือคดีโครงการรับจำนำข้าว ได้ระบุถึงผลขาดทุนจำนวน 536,908.30 ล้านบาท ไว้ด้วย จึงมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า หากผลขาดทุนดังกล่าวมีจริงก็ควรปรากฏอยู่ในรายงานการเงินแผ่นดิน ณ วันที่ 30 กันยายน 2557 ด้วยเช่นกันนั้น
พ่อครูว่า…คนที่บอกว่าตอนนี้ เศรษฐกิจไม่ดี อาตมาไม่ได้จะพูดประเด็นนี้เป็นหลัก ประเด็นที่จะพูดเป็นหลักคือ หมอวรงค์ ยื่นฟ้องเรืองไกร ฐานผิดละเมิดอำนาจศาล อ้างคดีจำนำข้าวไม่ขาดทุน
ศาลก็ตัดสินว่ายิ่งลักษณ์ผิดไปแล้วจำคุก 5 ปี ถึงขั้นทำให้ประเทศชาติฉิบหายไป 500,000 ล้านเสร็จจบ แต่มาบอกว่ายิ่งลักษณ์ไม่ได้ทำให้ขาดทุนเลย ทั้งที่ตัดสินความไปแล้วยิ่งลักษณ์ก็หนีไป อย่างนี้ เท่ากับเรืองไกรลบหลู่คำตัดสินของศาล ว่าศาลตัดสิน แสดงว่าคุณเก่งกว่าคณะศาล หากประกาศต่อบุคคลก็ไม่เป็นไร แต่นี่เอามาประกาศต่อสาธารณะเลย ทำไมไม่มีคนสะดุด แต่หมอวรงค์สะดุด มันไม่ใช่เรื่องเล็กนะเป็นเรื่องใหญ่
อาตมาว่าเรืองไกรแกนิสัยควรเข้าคุกนานแล้ว แต่อาตมาก็ยังเห็นว่าทำไมยังรอดปลอดภัยอยู่ได้ ข่าวนี้ถ้าไม่ได้เข้าคุกเพราะเหตุนี้ อาตมาว่า ประเทศไทยคงแย่จริงๆ เขาตัดสินโดยศาลแล้วก็เอามาพูดอย่างอวดดีว่าไม่ผิด
ขอร้องว่าศาลอย่าปล่อยปละละเลย ไม่เช่นนั้นจะย่ามใจ อาตมาว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ที่มันห่ามมากไปอวดดีมากไปผยองมากไปคือเลวร้ายเกินไป ไม่ควรทำ ต่างประเทศวงการยุติธรรมจะรู้สึกอย่างไร เขาจะว่าเมืองไทยนี่ระบบยุติธรรม ระบบกฏหมายมันเป็นอย่างไร อาตมาว่างั้นนะ
พูดพาดพิงว่า รัฐบาลชุดนี้น่าสงสารมาก ต้องมานั่งเช็ดขี้ ใช้ศัพท์หยาบๆนะ ก็มาทำแล้วก็ทำงานใช้หนี้ลำบากเพื่อให้พัฒนาขึ้น กับพวกหาเรื่อง ขี้ตู่ก็พูดไป ความจริงจะเป็นอย่างไรก็ช่างมันกูจะพูดอย่างนี้หาเรื่องใส่มันแม้จะผิดก็ช่าง อาตมาก็ว่าสังคมประเทศไทย ถ้าไม่จัดการพวกที่ปากมาก จับเข้าคุกจับปรับเสียให้เข็ด เชือดไก่ให้ลิงดูบ้าง ไม่อย่างนั้นมันย่ามใจเกินไป จะหาว่าไม่มีเมตตาก็ช่าง เพราะมันรวนไม่เข้าเรื่องไม่เข้าท่า
อาตมาเขียนความสมานฉันท์เอาไว้และแยกแยะเรื่องความสมานฉันท์เอาไว้หลายประเด็นมาก
การจะอยู่อย่างสามัคคีไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน ก็ลองวิจัยดูตามประสาอาตมา
-
สมานฉันท์แบบบังคับ ด้วยอำนาจบาตรใหญ่ของคนที่ใช้อำนาจได้สำเร็จ ก็อยู่รวมกันไปเหมือนสงบ ซึ่งเป็นเผด็จการแท้ๆร้อยเปอร์เซ็นต์ ในยุคเก่าก่อนที่มนุษย์ได้เริ่มเป็นสัตว์ของ เป็นสังคมคนโลก แต่เก่าก่อน ก็ใช้กันมา โดยพยายามใช้เรี่ยวแรง อำนาจบาตรใหญ่ มีเขี้ยวเล็บ วัตถุอาวุธ คล้ายกับสัตว์เดรัจฉานที่ทำกัน จนสัตว์อื่นกลัว จนค่อยๆพัฒนาขึ้น โดยมีภูมิธรรมซ้อนเข้าไปเรื่อยๆ
-
สมานฉันท์แบบบังคับด้วยหลักเกณฑ์กฎหมายวินัย ตอนนี้ไม่แสดงตัวตน เอาไปให้กฎหมายหลักเกณฑ์วินัยข้อบังคับต่างๆ ให้ไปอยู่อ้างกฏหมายธรรมนูญ หลักเกณฑ์วินัยข้อบังคับแล้วอยู่รวมกันไป อันนี้ก็ไม่แรงเหมือนเผด็จการ 100% มันก็จะมีการละเมิดกันบ้างเป็นธรรมดา คนที่มีอำนาจกิเลส อยากเป็นอิสระจะทำให้เต็มที่ แม้จะรู้ทั้งรู้ว่ามีกฎเกณฑ์ก็จะละเมิด เช่นไปปล้ำข่มขืนฆ่า ใครไม่รู้บ้างว่าผิดกฎหมายจะติดคุก มันทำไปแล้วต้องติดคุก ก็หลายคนปล้ำข่มขืนฆ่า โทษประหารชีวิตตายตกตามไป หรือติดคุกตลอดชีวิตก็เยอะไป มันก็รู้ทั้งนั้นแหละ แต่ก็ใช้ได้บ้างกับคนที่กลัว
-
สมานฉันท์ด้วยจิตใจนิยมชมชอบในค่านิยมเดียวกัน อันนี้เป็นกลุ่มไป ชอบค่านิยมเดียวกัน จึงอยู่ร่วมกันสุขสำราญกว่ากันอย่างนี้ จะทำอย่างไรให้มีค่านิยมรสนิยมเดียวกัน ก็จะได้อยู่รวมกันดี อันนี้ สำราญเบิกบานใจอย่างชาวอโศก ค่านิยมที่จะมาจน ทำมาหากิน เลี้ยงดูกันไป สบาย จะอยู่กันอย่างนี้ แต่ข้างนอกเขาหายาก
-
สมานฉันท์ที่เริ่มกันนับว่าเป็นประชาธิปไตย แบบที่จะใช้ทางกฎหมายทางอำนาจ อำนาจก็อำนาจโลกีย์ ลาภ เงินทองยศศักดิ์ กลยุทธหาพวก อำนาจที่ใช้กันทุกวันนี้มากคือกลยุทธ์หาพวก ตัวนี้แหละทั้งโลก ตั้งแต่ระดับประเทศเลย มีประเทศที่เป็นพวก รองลงมาในประเทศก็หาพวกหากลุ่ม ตลอดไปไม่มีหาย เป็นประชาธิปไตยแบบสมบัติผลัดกันชม ใครสามารถจะมีพวกมากได้ก็จะเป็นผู้ครองอำนาจ เป็นสมบัติที่แย่งอำนาจกันมาได้ ผลัดกันชมสลับกันครองอำนาจ เป็นอย่างนั้นอยู่ตลอดกาลนาน ทุกวันนี้ ทั่วโลกก็สมานฉันอย่างนี้ มีกฎหลักเกณฑ์ที่เรียกว่าประชาธิปไตย แต่ก็คือประชาธิปไตยสมบัติผลัดกันชม
-
สมานฉันท์โดยอิสระเสรีกฎเกณฑ์สมัครใจ อันประกอบด้วยปัญญา อันนี้แหละอย่างนี้ เริ่มเป็นประชาธิปไตยที่แท้ตามลำดับ อย่างเดวิดนี้เขาแสวงหาอยู่ เขาจะรู้ของเขาเองว่ากลุ่มไหนที่เขาไปมาแล้วรู้สึกดีกว่าอะไร เพราะฉะนั้นสมานฉันอย่างอิสระเสรีนี้ ประกอบด้วยความเข้าใจของตัวเอง เลือกเองอย่างนี้ เขาก็ตัดสินเองนี่คือประชาธิปไตย ประชาธิปไตยคือความอิสระ ประชาธิปไตยนี้มีหัวใจคือ 1. อิสระเสรีภาพ 2. ไม่มีอัตตาตัวตน 3. มีจิตวิญญาณ จะเรียกว่าปัญญาก็ได้ คนไม่เรียนรู้เรื่องจิตวิญญาณไม่มีปัญญา ความรู้ปัญญาเป็นความรู้โลกุตระ ผู้สูงสุดก็คืออรหันต์ ถ้าไม่มีปัญญาไม่มีทางเป็นอรหันต์ มีในศาสนาพุทธศาสนาเดียวคือปัญญา นอกนั้นเป็นเฉโก ก็เป็นความเฉลียวฉลาด ยอดขนาดไหนก็ได้แค่ศาสดา ศาสนาเทวนิยมศาสนาใดก็มีความรู้แค่โลกียะไม่มีความรู้โลกุตระ ก็สมานฉันท์โดยอิสระของแต่ละคน
-
สมานฉันท์จนกว่าจะมีปัญญา ประเทศไทยมีปัญญา ประเทศยังสมานฉันท์อยู่ ทุกวันนี้ประเทศไทยก็เป็นประเทศที่สามัคคีมีความสงบ มีความสมานฉันท์ดีกว่าชาติใด ทุกวันนี้อยู่อย่างดีมากเลยประเทศไทย โลกียะตกอยู่ใต้อำนาจกิเลสตกใต้อำนาจเฉโก จะต้องหลุดพ้นจากความฉลาดที่จะต้องลดกิเลสได้ต่อจึงจะเป็นความฉลาดที่เหนือชั้นกว่าความฉลาดแบบโลกียะ เพราะว่าเป็นอริยบุคคลของศาสนาพุทธ จึงจะเรียกว่ามีปัญญา จึงมีการสมานฉันท์ที่ดีได้ สมานฉันท์ที่ดีได้ต้องมีปัญญา
-
สมานฉันท์ที่เป็นประชาธิปไตยแท้ๆ คือ ชาวอโศก เพราะคนมีอิสระเสรีภาพเต็มที่ ชาวอโศกมีอิสระเสรี ใครจะมา ก็มีอิสระ คนที่มีอิสระ คือคนที่ไม่มีอัตตาอย่างแท้จริง หรือลดกิเลสจนไม่มีอัตตาอย่างแท้จริง แล้วเป็นผู้ที่มีปัญญาโลกุตระอย่างสัมมาทิฏฐิ ที่ได้ความอิสระและลดอัตตาเองได้ไปเป็นลำดับๆ เป็นคนอาริยะสี่ขั้น ตามคำตรัสพระพุทธเจ้าก็เป็นอิสระสมบูรณ์เป็นคนที่หมดอัตตาไปตามลำดับ ก็ได้ เป็นพระโสดาบัน สกทาคามี อนาคามี อรหันต์
อย่างชาวอโศก มีขั้นต่ำโสดาบัน คนที่ปฏิบัติธรรมหน้านองน้ำตาอยู่ในชาวอโศกเท่านั้นจึงไม่เป็นโสดาบัน ถ้าชาวอโศกจริงจะไม่น้ำตานองหน้า จะปฏิบัติธรรมได้ดี
เป็นประชาธิปไตยที่แท้แม้โลกียะจะเก่งแสนฉลาดอย่างไรก็ตาม ความเป็นปัญญานี้จิตวิญญาณต้องเข้าข่ายโลกุตระ ปัญญา ปัญญาจะนำไปสู่ความเป็นอิสระอย่างแท้จริง และสามารถกำจัด อัตตาของตนลงไปได้อย่างแท้จริงตามลำดับเป็นคนไม่เห็นแก่ตัวอย่างแท้จริง จึงจะเป็นประชาธิปไตยบริบูรณ์ได้ที่แท้จริง ตรงสัจธรรม
ใครอยากดูคนที่เป็นประชาธิปไตยมาดูชาวอโศก ใครไม่เข้าใจความเป็นประชาธิปไตยมาทำวิทยานิพนธ์ศึกษาจากที่นี่เลย สัก 5 ปี จะเข้าใจได้ดียิ่งขึ้นเลยว่า ประชาธิปไตยคืออะไร
อาตมาบอกพวกเรา พวกเราก็กลับไม่ได้หรอกแต่ว่ารู้ว่าพวกเราเป็นนักประชาธิปไตย พวกคนไม่รู้ตัวอย่างที่จะมาบอกว่าเราเป็นนักประชาธิปไตยอย่างไร แต่นี่แหละใช่ เพราะฉะนั้นจึงเป็นการสมานฉันท์ ต้องทำอย่างนี้จึงเป็นการสมานฉันท์ด้วยเศรษฐกิจแบบพุทธ เล่นการเมืองแบบพุทธด้วยสังคมแบบพุทธ เพราะจิตใจจิตวิญญาณมีอิสระจริง หมดอัตตาหรือลดอัตตา คืนความฉลาดขั้นปัญญาที่ไม่ใช่ความฉลาดแค่เฉโก วนเวียน ไม่มีทางออกแบบโลกีย เขาจะเป็นอย่างนั้นอยู่ตลอดกาลเป็นปุถุชน ใครที่ไม่เข้ามาในอโศก ขอบอกเลย ประเทศไทยที่บริหารด้วยระบบประชาธิปไตย ถ้าไม่ชำแลชำเลืองมาทางอโศก หรือไม่ตรงกับที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงพาทำ
ไม่ต้องอ้างอาตมาเลย ไม่ต้องอ้างอโศก อ้างในหลวงก็ได้ ถ้าหากทำตามศาสตร์พระราชาของในหลวงรัชกาลที่ 9 ก็จะเป็นประชาธิปไตย ประชาชนจึงมีความสมานฉันท์ได้อย่างดีแท้จึงเป็นประชาธิปไตย เป็นสังคมประเทศศิวิไลซ์อย่างแท้จริง ผู้สร้างปัญญาให้เป็นความรู้เป็นศาสตร์ที่เป็นโลกุตระ หากประชาชนยังฉลาดแค่ เฉโก ที่เป็นโลกียะ จะไม่สามารถสมานฉันท์ได้อย่างเจริญแท้จริงยั่งยืน ถาวร มีเสถียรภาพเด็ดขาด
ของพวกเราพูดได้ว่ามีความเสถียร เพราะฉะนั้นทางโลกเขายังไม่เป็นอิสระต้องวนเวียนไปมา แย่งสมบัติผลัดกันชม แย่งอำนาจได้ อยู่อย่างนั้นตลอดกาล อย่างที่เป็นกันอยู่ในโลก ผู้ที่เป็นเผด็จการจนกระทั่งอยู่ได้ 40 50 ปี ก็ถ่ายทอดให้ลูกต่อ เขาทำได้เพราะมีเผด็จการที่มีประสิทธิภาพเก่งมาก แต่ไม่ใช่ประชาธิปไตย แต่เขามีความเฉลียวฉลาด ในการบริหาร จริงๆแล้วพวกนักประชาธิปไตยก็รู้ว่า พวกที่พัฒนาบ้านเมืองให้คนมาอยู่พอดีพอกิน GDP ได้เปรียบชาวโลกมากมาย เขามีความสามารถมีกลเม็ดกลยุทธ์ ที่สามารถที่จะทำมาหากิน สถานที่ที่จะปลูกสร้าง ผลิตอะไรก็มีน้อย แต่วิธีการเขาสอนให้คนเอาเปรียบโลก GDP เขาได้จากข้างนอกเป็นหลัก แล้วบอกว่าเป็น domestic ตัวเองก็ไปแย่งคนอื่นเขามา บอกว่ารายได้องค์รวม ของภายในประเทศ ก็เป็นการโกหกกันทั่วโลกโดยไม่สำเหนียก แล้วไปคิดเป็นเลข GDP อาตมาว่านักเศรษฐศาสตร์ทั้งหลายมาฟังอาตมา สะดุดหูบ้างไหม มันไม่ควรจะเรียกว่า GDP มันควรจะเป็นรายได้จากภายนอกด้วยซ้ำไป แล้วยิ่งเอามาจากภายนอกนั้นเป็นรายได้ส่วนใหญ่ จะเรียกว่า domesticได้อย่างไร ต้องเป็นคนผลิตเองสิ ภายในของคุณก็ผลิตของคุณเอง แล้วคุณก็ได้อันนี้เป็นกอบเป็นกำมาก จนคุณสะพัดให้แก่ภายนอกเขาได้ นั่นต่างหากคือGDPของตน แต่ไปเอาของคนอื่นมามากแล้วนะเป็นตัวเลขของตนนั้นมันขี้โกง
นักเศรษฐศาสตร์ระดับโลกระดับประเทศ ก็ยังงุ่มง่าม ใช้อันนี้กันอยู่ทั่วโลกประเทศไหนก็แล้วแต่ นับรวมรายได้ที่ export เอาเงินมาจากข้างนอกเขา เอาแพงๆแล้วก็เอารายได้เข้ามามากๆ กว่าทุนที่ใช้
สรุปด้วยเนื้อหาของมันก็คือ คนจะมีรายได้องค์รวม คุณมีรายได้ที่เหลือที่เกินแล้วส่งออกไปข้างนอกเผื่อแผ่ข้างนอกเขาได้ อันนั้นต่างหากคือความเจริญ แต่คุณเองรายได้ของคุณทำมาไม่ค่อยพอกิน ต้องไปเอาของข้างนอกมากินอย่างนี้ต่างหากคุณไม่มีการจะนำออกไป คุณยังต้องอาศัยคนอื่นเขามาเลี้ยงตัวเรา คุณยังไม่มีประโยชน์คุณค่า คุณยังกินของคนอื่นเอาของคนอื่นมาเลี้ยงตัวเองยังเป็นคนติดยึดคนอื่น
คนที่สามารถพึ่งพาตัวเองทำอยู่ทำกินให้เพียงพอตนเอง ไม่เป็นหนี้ ไม่ไปเอาของใครมา ไม่เบียดเบียน จะขายก็ขายอย่างราคาต่ำกว่าราคาตลาดเท่าทุน ต่ำกว่าทุน ดีไม่ดีก็ไปแจก อย่างนี้ต่างหากคือคนที่ Gross ดีที่สุด รายได้ดีที่สุด รายได้องค์รวมดีที่สุด
-
สมานฉันท์ที่สูงสุด (ข้อ 7 นี้เป็นประชาธิปไตยแล้ว) สมานฉันท์ปรองดองสามัคคีกันอยู่อย่างเป็นสุข สมานฉันท์ได้สูงสุดก็คือ การสร้างคนให้การศึกษาให้มีวิชาการ สามารถพากันฝึกฝนจนเกิดปัญญาแท้จริงเป็นโลกุตระ พ้นจากเฉโกที่เป็นโลกียะ
ไปสู่ความเป็นอิสระอย่างแท้จริง และเป็นคนหมดสิ้นอัตตาตัวตนได้ ไม่เป็นอรหันต์แต่เป็นอนาคามีก็ยอดแล้ว ไม่มีทรัพย์สินเงินทองส่วนตัวแต่ทำมาหากินให้แก่ส่วนกลาง ตัวเองไม่สะสมอะไรเลย การศึกษาอย่างชาวอโศก เป็นอนาคามีโดยพฤติบท หรือเป็นพฤติกรรมที่เป็นบทบาทลีลา มีการเป็นอยู่ กายกรรม วจีกรรม มโนกรรมของเรา คุณจะกดข่มก็ตามแต่มีพฤติบทชัดเจนอ่านได้ ว่าเข้ามาในชุมชนชาวอโศกทุกคนทำงานฟรี ไม่มีใครแบ่งเอารายได้จากนี้ไป จะอยู่จนแก่ตายก็เผาให้ได้ ไม่มีปัญหา
อยู่ได้ ขอให้ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์พื้นฐาน ไม่กินเนื้อสัตว์ ไม่มีอบายมุข มีศีล 5 คุณอย่าละเมิดศีล 5 ถ้าหากละเมิดศีล 5 ก็ต้องออก ไม่ละเมิดก็แก้ไข ปรับปรุงตามคณะกรรมการจะได้ดูตามความหนักเบา
ผู้ที่ ลดอัตตา เนื่องจาก มีความรู้ทางจิตวิญญาณเป็นอาริยบุคคลตามลำดับที่สุดเป็นพระอรหันต์อย่างนิรันดร โดยที่ตนเองไม่ติดยึดในความเป็นนิรันดรอยู่ด้วยซ้ำไป พูดอย่างนี้เป็นความสลับซับซ้อนหมุนรอบเชิงซ้อน เป็นอาริยบุคคลในระดับอรหันต์ เป็นคนที่ไม่มีตัวตนระดับนิรันดรเลยนะ โดยที่แม้ตัวเองก็ไม่ติดในนิรันดรด้วยซ้ำ มีนิรันดรหรือไม่ติดนิรันดร จึงเป็นสังคมประเทศที่เป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์แบบเลย บริบูรณ์สัมบูรณ์เลย การจะสามารถสมานฉันท์ไปได้ จะต้องศึกษาและปฏิบัติจิตใจของตน ให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางจิตวิญญาณได้สำเร็จแท้ นั่นก็คือการสมานฉันท์ที่สูงสุดด้วยภูมิปัญญาของอาริยบุคคล ที่จะทำให้เกิดประชาธิปไตยที่สุดยอดได้
ถ้าเมืองไทยไม่สามารถทำประชาธิปไตยได้อยู่แล้ว ไม่มีประเทศไหนในโลก อเมริกาก็ดี มีประเทศอังกฤษก็ดี ประเทศไหนที่บอกว่า เป็นประชาธิปไตยต้นแบบของโลกขณะนี้ ไม่มีที่ไหนดีเท่ากับเมืองไทยหรอก เมืองไทยนี่แหละเป็นเมืองที่ สมานฉันท์ได้แบบสูงสุดด้วยภูมิปัญญาของอาริยบุคคล ทำให้เป็นประชาธิปไตยสุดยอด ถึงขั้นสาธารณโภคี เป็นหัวขั้วเลย
สังคมหมู่บ้านชุมชนเป็นยอดพีระมิด สาธารณโภคี สมานฉันท์กันอยู่ มีอิสระเสรีภาพเต็มที่ ไม่มีตัวตน ลดตัวตนได้สูงสุด แล้วรองลงมาตามลำดับ รู้จักตัวตนรู้จักอิสระเสรีภาพ แล้วเอาจิตวิญญาณ จิตวิญญาณเป็นตัวหลักสามารถมีปัญญาสามารถทำให้กิเลสลดได้จริง เจโตวิมุติปัญญาวิมุติได้จริง เป็นสุดยอดประชาธิปไตยสุดยอดคอมมิวนิสต์ หรือจะเรียกว่าเผด็จการก็ได้ เพราะว่าที่นี่เผด็จการอย่างไม่เผด็จการ อาตมาเป็นจอมเผด็จการในอโศก แต่อาตมาไม่ทำเผด็จการ
สาธารณโภคีเป็นสุดยอดของทั้งประชาธิปไตยและของทั้งคอมมิวนิสต์ที่สุดยอดด้วย ซึ่งข้ามพ้นความเป็นเผด็จการเต็มขั้น Ultimate สมบูรณ์สุดๆ จนกระทั่งหาที่อื่นไม่ได้อีกแล้ว คันอันติเมท Absolute สมบูรณ์สูงสุด หาที่สุดกันไม่ได้อีกแล้ว forever
ในโลกยุคนี้ มนุษย์ปัจจุบันนี้ มีปรากฏการณ์จริง มีสาธารณโภคี เป็นสุดยอดของเผด็จการสุดยอดของประชาธิปไตย สุดยอดของคอมมิวนิสต์ มีจริงมีปรากฏการณ์จริงมี Phenomenal จริง ดังที่ว่านี้ คือชาวอโศกหรือเชาชอบเรียกว่าชาวสันติอโศก
สำเร็จความจริงอันนี้ ดำเนินชีวิตจริงอยู่ในประเทศไทยทุกวันนี้ กระจายกันอยู่ทั่วประเทศ กลุ่มใหญ่บ้าง กลางบ้าง เล็กบ้าง ทั่วประเทศ ยังไม่มากหรอก แต่มีจริงเป็นปรากฏการณ์จริงของโลก เหมือนกับปรากฏการณ์จริงของหมูป่า การแสดงของประชาชนที่จะช่วยกันของมนุษยชาติในโลก รู้กันทั่วโลกเลย ใครมาก็แสดงออก ใครไม่ได้มาร่วมแจมด้วยตกยุคเลย แต่ของเราคนไม่เคยรู้ว่าคืออะไร ถ้าเขารู้ว่านี่แหละคือสุดยอดหลักเกณฑ์ของสังคมมนุษย์แล้ว เขาจะมายิ่งกว่าหมูป่า แต่เขาไม่รู้ เขาไม่รู้ว่านี่คือสุดยอดจริง ดีไม่ดีเขาจะเข้าใจว่าเป็นคนบ้า คือระหว่างอัจฉริยะกับคนบ้า หรือว่าเขาจะบอกว่าพวกนี้เป็นพวก Untouchable พวกอย่าไปแตะต้องหรือแตะต้องไม่ได้ เขาเข้าใจว่าพวกนี้อย่าไปยุ่งกับมัน แต่เขาไม่รู้ว่านี่แหละคือสุดยอดอัจฉริยะ สุดยอดของคนชั้นสูงมีวรรณะ 9 คือคนสุดยอดวรรณะ
เพราะฉะนั้นผู้ที่เขามีการแสดงตัวจริงเป็น Phenomenal เป็นปรากฏการณ์มีหลักฐานมีวัตถุสถานที่ ตำนานวัฒนธรรม มีพระไตรปิฎกบ้าง คือ คำสอน ที่เอามายืนยันหลักฐานจำกันมาถ่ายทอดกันมา ที่ผิดบ้างถูกบ้างก็มี ก็เอาไปตรวจสอบพิสูจน์กันเอา ใครอยากจะใช้ภูมิปัญญาตัวเองก็เอาเข้ามา ใช้สัปปุริสธรรม 7มหาปเทส 4
โลก ณ ลมหายใจเฮือกนี้ยังมีพระไตรปิฎกนะ แม้จะมีแค่ฉบับสยามรัฐแม้จะมีผิดเพี้ยนบ้างแต่ว่าอาตมายืนยันกว่า 90 เปอร์เซ็นต์พระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐสามารถพิสูจน์โลกุตระได้จริงๆ ถ้าใครมีภูมิธรรมของโลกุตระก็มาพิสูจน์ให้บรรลุเป็น ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิติของตัวเองได้
ผู้เข้าใจจะมีฌานวิสัย สามารถเข้าถึงได้ แต่พุทธวิสัยละไว้นอกนั้นเข้าใจกรรมวิบากไปตามลำดับ โลกจินตา จะเข้าใจไปตามลำดับ จะรู้จักรู้แจ้งละเอียดเข้าไปในธรรมนิยาม
ที่อื่นเขาไม่ได้เอามาพูดกันหรอก อธิบายกันไม่เป็น เอามาใช้ประโยชน์จริงๆไม่ได้ แต่ชาวอโศก สามารถเอามาใช้ประโยชน์ได้ ธรรมนิยาม 5 แม้แต่นักวิทยาศาสตร์ก็เอามาแยกแยะแบบนี้ไม่ได้ นักวิทยาศาสตร์อย่างไอน์สไตน์ ยังแยกธรรมนิยาม 5 ไม่ได้แยกไม่ออก
สมณะเดินดินว่า…พวกเราคงจะบอกว่า จะมีวันไหนไหมที่คนจะเข้าใจหลักเกณฑ์สูงสุดของมนุษย์ที่พวกเราเข้าใจ แต่ว่า ถึงไม่มีคนเข้าใจ เราก็ต้องเข้าใจและทำให้ได้ก่อน พ่อครูบอกว่าจริงๆไม่อยากให้พวกเราได้แต่หลักเกณฑ์ภาษา แต่ต้องทำสภาวะของเราให้ถึงสภาวะที่มีนั้นด้วย เมื่อถึงจุดนั้นแล้วใครจะเกลียดใครจะไม่ชอบ หรือแม้จะต้องยืนหยัดยืนยันไหมว่าเขาไม่ชอบ พ่อครูบอกว่า วันนี้ ทิศทางของพระโพธิสัตว์จะยอมให้คนชิงชังได้ แต่ต้องยืนยันความถูกต้องเอาไว้ ที่เราไปชุมนุมนั้นพ่อครูยืนหยัดยืนยันมาเป็นสิบปีจนเขาเข้าใจว่าพระต้องไปชุมนุมการเมืองได้ จนเรากลับมาอุบลฯ ไปบิณฑบาต เขาก็ไล่เราเหมือนหมูเหมือนหมา เขามีอุปาทานว่าพระไม่ควรไปยุ่งกับการเมือง เราทำมาเป็น 10 ปีคนเขาก็เริ่มเข้าใจได้ เป็นปณิธานของพระโพธิสัตว์อย่างหนึ่ง วันนี้พ่อครูยืนยันว่าพ่อครูยังไปได้เพราะว่าพวกเราก็ยังไปได้อยู่ …