บันทึกผ่านเลนส์ ส่องโพธิกิจ …พ่อครูกลับบ้านราชก็เร่งทำงานเหมือนปกติ
วันพุธที่ 29 สิงหาคม 2561
ตลอดทั้งคืนที่พ่อครูจำวัดพักดูอาการอาพาธจากท้องเสียรุนแรงที่โรงพยาบาลวารินฯ โดยพักที่อาคาร 2 หลวงปู่ชา สุภัทโท ที่ชั้น 5 เป็นห้องคู่สำหรับพระผู้ใหญ่ที่อาพาธ ชื่อห้องพระราชภาวนาวิกรมหลวงพ่อเลี่ยม ฐิตธัมโม
โดยมีแพทย์ผู้ดูแลคือแพทย์หญิงปาริสุทธิศีล ซึ่งเป็นลูกของอาปางตะวันญาติธรรมชาวอโศก อำนวยความสะดวกตั้งแต่เข้ามาโรงพยาบาลในครั้งแรกและดูแลต่อเนื่องตลอดทั้งคืน โดยทุก 4 ชั่วโมงก็จะมีเจ้าหน้าที่มาตรวจวัดไข้และความดันตลอดซึ่งพ่อครูวัดได้ค่าปกติตลอดทั้งคืน
ก่อน 6 โมงเช้าพ่อครูยังรู้สึกตัวบ้างแต่ยังไม่ลุกประมาณ 6 โมงเช้าถึงได้ลุกขึ้นนั่งเช็ดหน้าเช็ดตา มีดำริว่าจะออกจากโรงพยาบาลในช่วงเช้าเลย
เวลา 6.05 นาที ทีมพยาบาลผู้ดูแลได้นำครีมข้าวมาถวายเป็นภัตตาหารช่วงเช้าหลังจากถอดสายน้ำเกลือ พ่อครูฉันจนหมดและสนทนากับคณะปัจฉา เล่าเหตุการณ์เมื่อก่อนจะวูบ ไม่รู้สึกตัวหลังจากอาเจียนและถ่ายท้องเสียเกิดอาการวูบมารู้สึกตัวแบบลางๆ ตอนได้ยินเสียงท่านปัจฉาดินไทเรียกที่หน้าห้องน้ำ พ่อครูพยายามเอื้อมมือเปิด จนท่านปัจฉาไทเปิดประตูได้ โดยมีท่านปัจฉาเดินดินและท่านปัจฉาแสนดินประคอง หิ้วปีกพญาแร้งออกจากห้องน้ำไปที่อาสนะ ซึ่งพ่อครูรู้สึกลางๆ ว่าโดนหิ้วปีกแต่ก็ไม่รู้สึกตัว หายใจขัด พูดออกมาอย่างแผ่วเบาว่า “ไม่ไหวแล้วๆๆๆ” มารู้สึกตัวอีกทีตอนที่หน้าซุกอยู่พื้นอาสนะและกำลังปฐมพยาบาล ให้น้ำเกลือ พ่อครูบอกว่าเวลานั้นนึกว่า”ตัวเราจะตายแล้วหรือนี่ ยังตายไม่ได้” ท่านปัจฉาได้รายงานถึงความเป็นห่วงของลูกหลานจากหลายๆบวร หลายๆคน..หลังจากฉันภัตตาหารเสร็จ พ่อครูเหลือบไปเห็นน้ำเกลือใกล้หมด ท่านปัจฉาหนักแน่นจึงกดออดเรียกพยาบาลมาถอดสายน้ำเกลือ จากนั้นพ่อครูลุกจากเตียงดำริว่าจะไปเยี่ยมอาปางแก้วที่ผ่าตัดตาเมื่อวานนี้ จึงลุกจากเตียง ครองผ้าแบบ”ห่มแร้ง”เดินออกจากห้องพักผู้ป่วยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นต่างจากเมื่อวานที่ต้องเข็นเตียงเข้าห้องฉุกเฉิน พอพ่อครูเดินผ่านเคาน์เตอร์พยาบาล ทีมพยาบาลเห็นก็เข้ามากราบนมัสการพ่อครู แล้วยังพูดว่า ท่านแข็งแรงมาก พ่อครูครูอนุโมทนา..
จากนั้นพ่อครูและคณะปัจฉาได้ไปที่ตึก พระโพธิญาณเถระ อาคาร 4 ชั้น 5 ห้อง 10 เพื่อไปเยี่ยมอาปางแก้วโดยมีอาปีกแก้วน้องสาวดูแลอยู่ เมื่อพ่อครูเปิดประตูเข้าไป อาปางแก้วกำลังพักตาอยู่บนเตียงถึงกับน้ำตาไหลซาบซึ้งที่พ่อครูมาเยี่ยมถึงที่ห้องพัก แม้พ่อครูพึ่งหายจากอาพาธก็ยังเมตตาลูกมาเยี่ยมถึงที่ รู้สึกซาบซึ้งใจมากๆ สนทนากันสักครู่ก่อนที่พ่อครูจะออกเดินมาด้านหน้าอาคารมีชาวบ้านมากราบนมัสการบอกว่าเคยไปหมู่บ้านเราช่วงเต้นบาทเดียว เดินทางออกจากโรงพยาบาลวารินฯโดยรถของช่างอัมพร ดั้นเมฆมาถึงราชธานีอโศกเวลา 07.36 นาที ด้วยความกระฉับกระเฉง
คุณนาค แนวตรง ผู้ใหญ่บ้านติ๊ก ขว้ญหินแก้ว นายรักษ์เขตและปวส.ม่อน มารอกราบนมัสการพ่อครูถึงประตูรถ พ่อครูเย้าพวกเราว่าได้กำไลข้อมือแบบใหม่มาจากโรงพยาบาล มีสติ๊กเกอร์ติดที่ข้อมือเขาให้ฉายาเป็นทั้งพระทั้งภิกษุเลยโดยใช้ตัวย่อว่าพ.ภ.รัก รักพงษ์หมายถึงพระภิกษุรัก รักพงษ์
จากนั้นท่านปัจฉาได้นิมนต์เดินไปพบลูกหลานที่ครัวเพื่อให้ลูกหลานได้เห็นคลายความกังวล ผ่านบริเวณที่อาสนะปฐมพยาบาล ท่านปัจฉาเรียนพ่อครูว่าเมื่อวานบริเวณนี้เป็นห้องพยาบาลและรักษาอาการเบื้องต้นของพ่อครู ระหว่างที่พ่อครูเดินผ่านเฮือนสวยเหมิด เฮือนหญังกิน ทีมเตรียมผัก ทีมแม่ครัว พอพ่อครูเดินมาก็มากราบนมัสการถามถึงอาการว่าดีขึ้นแล้วหรือยัง เห็นเดินอย่างคล่องแคล่วเหมือนไม่เป็นอะไร
พ่อครูเดินขึ้นครัวชั้นสองซึ่งเป็นครัวสำหรับทำอาหารถวายพ่อครู ไม่พบใครเดินดูรอบๆสักครู่ อานางซึ่งเป็นหนึ่งในทีมดูแลเรื่องอาหาร เพิ่งกลับมาจากการเก็บผัก ได้เข้ามากราบนมัสการถามไถ่ถึงอาการพ่อครู ท่านปัจฉาแสนดินจึงบอกให้ช่วยทำอาหารอ่อนเช่น โจ๊ก หรือข้าวต้ม สำหรับภัตตาหารวันนี้ ซึ่งจะทยอยเป็นมื้อทีละน้อยๆถวายพ่อครู พ่อครูเดินกลับมาที่ชั้นล่างเฮือนศูนย์ อาแรงผาและอาโต้งเข้ามากราบนมัสการพ่อครู พ่อครูกลับขึ้นชั้น 4 เดินเข้าห้องทำงาน ก็ขึ้นชั่งน้ำหนักรวมเสื้อได้ 51.2 กิโลกรัม หลังจากนั้นมาที่โต๊ะทำงานเก็บเอกสารที่เมื่อวานนี้ได้นำกระเป๋าติดตัวพ่อครูนำเอกสารไปทำบัตรผู้ป่วย อ่านหนังสือพิมพ์ที่ค้างเมื่อวานเปิดคอมฯ พิมพืแก้ไขหนังสือคนจนที่มีแบบต่อ หลังจากนั้นอาหัวโตและอาแรงผา ได้มานวดคลายเส้นพ่อครู
เวลา 12.53 นาทีพ่อครูปัจจเวกขณ์พิจารณาอาหารซึ่งเป็นอาหารอ่อนทั้งหมดมีท่านปัจฉาดินไทฉันภัตตาหารข้างๆพ่อครู
เวลา 14.05 นาที พ่อครูเข้าห้องน้ำอีกครั้ง ด้านนอกห้องทำงานพ่อครูทีมงานสื่อ บุญนิยมทีวีกำลังประชุมกับท่านปัจฉาแสนดิน
เวลา 15.07 นาที ท่านสิกขมาตุอ่านตน พร้อมด้วยท่านสิกขมาตุตรงธรรมและคุณกรักน้ำใจได้ขึ้นมาชั้น 4 โดยที่ท่านสิกขมาตุอ่านตนซึ่งมีอาการอาพาธเนื่องจากชราภาพและค่อนข้างจะหลงลืม ต้องการขึ้นมากราบนมัสการพ่อครู ซึ่งท่านไม่มีโอกาสมานานแล้วด้วยสุขภาพและเดินไม่คล่องมากนัก จำใครก็ไม่ค่อยได้แล้ว แต่พอท่านสม.อ่านตนนั่งเก้าอี้มีล้อมาถึงห้องพ่อครู เมื่อมานั่งต่อหน้าพ่อครู เป็นที่น่าประหลาดใจว่าท่านสิกขมาตุอ่านตน สามารถจำพ่อครูได้ พอพวกเราลองทดสอบความจำและถามว่าสมณะในห้องนี้(มีปัจฉา 3 รูป)รูปไหนคือพ่อท่าน สิกขมาตุอ่านตนสามารถบอกได้ถูก และกราบนมัสการถามไถ่เรื่องสุขภาพ ทักทายด้วยความเคารพและบอกว่าตัวท่านสิกขมาตุเองนั้นชรามากแล้ว พ่อครูยังดูหนุ่มอยู่เลยสนทนากับพ่อครูถึง 15.13 นาทีจึงขออนุญาตลากลับไม่รบกวนเวลาพักพ่อครูท่ามกลางพายุฝนที่ตกลงมาอย่างหนักมาก พ่อครูถึงกับเอ่ยว่าสม.อ่านตนมาพบมีอิทธิฤทธิ์เลยนะ
เวลา 15.20 น.ท่านจันทร์เดินทางมาจากสันติอโศกเพื่อเดินทางไปแสดงธรรมที่วัดป่าติ้วในงานศพคุณบุญหลาย ซึ่งเป็นญาติธรรม ที่เป็นอุปัฎฐากนำพืชพรรณ ธัญญาหาร เท่าที่มี มาร่วมงานประจำปีของชาวอโศกเป็นประจำ โดยเฉพาะไม้ไผ่ที่วัดป่าติ้วที่เวลามีงาน ก็จะได้ความอนุเคราะห์จากคุณบุญหลายที่เอาภาระเสมอมา ซึ่งคุณบุญหลายก็ได้เสียชีวิตลงแล้ว ศพตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดป่าติ้วและเย็นนี้ท่านจันทร์ก็จะไปแสดงธรรมที่วัดป่าติ้ว ในเวลา 17.00 น.
ในเวลาประมาณ 16.00 น.พ่อครูได้นอนพักเพื่อเตรียมแสดงธรรมในช่วงเย็น ซึ่งท่านปัจฉาต้องการนิมนต์ให้พัก งดแสดงธรรมเพราะน่าจะพักฟื้นให้เพียงพอก่อนแต่พ่อครูบอกว่าต้องไปให้เห็นกัน ไม่งั้นจะกังวลใจกันมากกว่านี้
เวลา 16.57 น.พ่อครูตื่น อ่าน sms เตรียมแสดงธรรม ในช่วงเย็น
เวลาประมาณ 17.57 น.พ่อครูลงมาที่ชั้นล่างเฮือนศูนย์ มีท่านสมณะเดินดินนั่งรออยู่แล้วพร้อมกับญาติโยมเต็มศาลา พ่อครูเล่าถึงเหตุการณ์ที่พ่อครูอาพาธอย่างฉับพลันเมื่อวานนี้ เพื่อให้ลูกหลานได้รับรู้เวทนาที่เกิดขึ้นในขณะที่พ่อครูยังประคองสติอยู่ มีท่านสมณะ สิกขมาตุสลับย่อยธรรมะช่วยพ่อครู พ่อครูเทศน์เรื่องสมานฉันท์ ปรองดอง จบเวลา 20:19
กลับขึ้นมาชั้น 4 ทีมพยาบาล อาพิมพ์ตะวัน อาสุลี มาถามอาการ ท่านปัจฉาดินไทถามว่าจะเอากำไลโรงพยาบาลออกมั้ย พ่อครูบอกว่าโชว์แล้ว เอาออกได้แล้ว พ่อครูพยายามดึงก็ดึงไม่ออก พวกเราเย้าว่าคงกันคนไข้หนี พอดีทีมพยาบาล อาพิมพ์ตะวัน อาสุลี มาถามอาการ เรียนพ่อครูว่าต้องใชช้กรรไกรตัด ดึงปกติไม่ออก อาพิมพ์ตะวันจึงตัดกำไลโรงพยาบาลออก
พ่อครูนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ พ่อครูถามหาสารานุกรม ภาษาอิสาน- ไทย-อังกฤษ โดยปรีชา พิณทอง ที่มีผู้ถ่ายเอกสารมาถวายเข้าเล่ม พ่อครูจำได้ว่ามีคนยืมไปนานแล้ว พวกเราช่วยกันหาก็ไม่เจอ ท่านปัจฉาจึงให้คุณปะฟ้านวลช่วยหาที่สันติอโศกอีกที ท่านปัจฉาหนักแน่นถวายหนังสือผญาภาษาลาวให้พ่อครูดู ก่อนที่พ่อครูจะเดินไปนอกห้องทำงาน เตรียมจำวัด ออกท่ากายบริหาร 3 ท่า(ไม่มีวิดพื้น) ท่านปัจฉาเดินดินเรียนพ่อครูว่า คนที่ท้องเสียอย่างรุนแรงออกทั้ง 2 ทางอย่างนี้ปกติกว่าจะฟื้นต้องใช้เวลา 2-3 วัน แต่พ่อครูใช้เวลาไม่ถึงวันก็เกือบปกติแล้ว ถ้าเทียบพ่อครูเป็นรถที่เคยวิ่ง 120 วันนี้วิ่งได้ประมาณ 80 พ่อครูจำวัดเวลา 21:17 อุณหภูมิ 26 c อากาศเย็น ชื้น หลังฝนตก อากาศปรอดโปร่ง