บันทึกผ่านเลนส์ ส่องโพธิกิจ …..ผลผลิตมากจนต้องตั้งกองเก็บกล้วยหุ่ง
วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม 2561
ช่วงนี้ยังอยู่ในช่วงพักฟื้นร่างกายของพ่อครูเป็นวันที่ 3 ช่วงเช้าพ่อครูตื่นนอนตามปกติ 6 โมงเช้า สนทนากับคณะท่านปัจฉาสมณะ แต่ยังไม่มีกิจกรรมที่พ่อครูต้องใช้แรงมาก จึงเสมือนการพักฟื้นร่างกายไปด้วย แต่โพธิกิจหน้าจอคอมพิวเตอร์ในการพิมพ์ธรรมะโลกุตระ ที่พ่อครูถือว่าเป็นโพธิกิจหลักก็ยังดำเนินต่อไปตามปกติ
เวลา 9.20 อาแรงผาได้มาขอกราบอนุญาต นวดผ่อนคลายเส้นเอ็น กล้ามเนื้อถวายพ่อครู พ่อครูกรุณาพักงาน มานอนให้นวดเป็นเวลากว่า 2 ชั่วโมง
จนถึงเวลา11.31นาที พ่อครูจึงได้พักสักครู่ ทำธุระส่วนตัวก่อนที่พ่อครูจะเตรียมฉันภัตตาหารที่ชั้น 4 ที่ห้องทำงาน ภัตตาหารวันนี้เริ่มมีความหลากหลายมากขึ้น เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายรับอาหารเพิ่มกากใยได้บ้าง โดยเพิ่มขึ้นทีละน้อยตามลำดับจนถึงปกติ
เวลา 13.50 นาทีหลังจากพ่อครูฉันภัตตาหารเสร็จลงจากลิฟท์มาชั้นล่างเฮือนสูญ เพื่อเดินย่อยอาหาร ผ่อนคลาย ตรวจดูงานตามฐานงานต่างๆ พ่อครูเดินมาหน้าน้ำตกผาแหงน แดดเริ่มออกจ้า ท่านปัจฉาหนักแน่นได้นำผ้าขนหนูมาโพกศีรษะกันแดดถวายพ่อครู พ่อครูสังเกตเห็นน้ำโตนไม่ได้เปิดขณะที่เห็นรถบัสมาจอดด้านหน้าทางเข้า ซึ่งเข้าใจว่ามีกลุ่มคณะมาเยี่ยมชม จึงบอกท่านปัจฉาโทร.เรียนท่านสมณะคมคิดช่วยเปิดน้ำโตน ท่านปัจฉาดินไทจึงโทรไปเรียน ทราบว่าใกล้น้ำโตนกำลังทำกันสาดจึงยังไม่สะดวกในการเปิดขณะนี้
พ่อครูเดินผ่านหน้าอาคารบวร เดินมาตามถนนคอนกรีต ถึงด้านหลังวิทยาลัยอาชีวะ พ่อหินเข้มขับรถสัญญาตะวันมารับพ่อครู ผ่านหน้าโรงปุ๋ยที่กำลังเทปูนทำถนนถึงทางเข้าโรงปุ๋ย พ่อหินเข้มผู้ดูแลงานก่อสร้างถนน ได้เรียนอธิบายรายงานการทำงานของทีมงานช่างพวกเราเอง และพาพ่อครูไปดูงานที่ต้องนำทรายมาถมยกถนนสูงขึ้น เพื่อเตรียมทำถนนคอนกรีตที่ต้องเททรายบดทับจนแน่นให้ได้ความสูงประมาณ 10 กว่าเซนติเมตร ตามระดับของหลักที่ปักไว้ ถมให้ถึงขอบล่างสีแดงซึ่งจะเท่ากับถนนคอนกรีตทางเข้ากุดระงุมที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะเททำถนนคอนกรีตตามงบประมาณของทางราชการ
ท่านปัจฉาหนักแน่นเรียนว่าบริเวณบล็อคคอนเวิร์ส ที่เรายังไม่ได้ขยายถนนให้ถึงส่วนที่ขยายออกไปแล้ว ก็ต้องขยายเพิ่มออกไปด้วย รถสัญญาณตะวันขับมาได้กลางทาง ช่างป้อมที่กำลังขับรถเกลี่ยถนน เข้ามากราบนมัสการและนั่งรถสัญญาตะวันไปดูพื้นที่จะก่อสร้างถนนกับพ่อครู ช่างป้อมได้เรียนพ่อครูว่าวันนี้นำทรายมาลงได้ 45 คันรถแล้ว ถ้าได้รถบดมาบดทรายตาม ก็จะทำให้เร็วขึ้น
รถมาถึงสวนอาไม้ ผล ท่านปัจฉาหนักแน่นสังเกตเห็นต้นกล้วย ต้นมะละกอที่ออกลูกดกเป็นจำนวนมาก พ่อครูถึงกับดำริว่าจะต้องตั้งกองเฉพาะ เก็บมะละกอและกล้วย ให้ชื่อว่า “กองเก็บกล้วยหุ่ง” ผ่านมาถึงหน้าโกดังพ่อไม้ผล แม่เขียวใบตองเข้ามากราบนมัสการพ่อครู เรียนพ่อครูว่าผลผลิตพวกเรามีมากมาย เหลือกินเหลือใช้ พ่อไม้ผลรายงานว่าอยากให้คนมาเก็บมาก เพราะเก็บไม่ทันขนาดผักบุ้งตอนนี้เติบโตเป็นวัชพืชไปแล้วเพราะมีจำนวนมาก
ช่างป้อมเรียนปรึกษาพ่อครูถึงการขยายถนน บริเวณหัวโค้งก่อนถึงสวนอุทยานเพราะมีวงเลี้ยวแคบสำหรับรถบรรทุก ถ้าขยายถนนกว้างขึ้น ก็จะทำให้รถบรรทุกมีวงเลี้ยวที่สะดวกขึ้น พ่อครูรับฟังและเห็นดีด้วย
รถผ่านสวนอุทยาน พ่อครูมีดำริให้ขยายถนนกว้างออกมาอีกไปจนถึงรั้วสวนอุทยานตลอดทั้งแนว รถสัญญาตะวันผ่านมาถึงสามแยกเข้าบ้านราช พ่อครูยังมีเจตนาที่จะเทคอนกรีตขยายไปถึงบริเวณพื้นที่ว่างกลางแยก ซึ่งขณะนี้มีร้านค้าของชาวบ้านอยู่ ให้เป็นถนนพื้นคอนกรีตจะได้สะดวกมากขึ้น แต่ก็คงขึ้นอยู่กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปคุยกัน
ผ่านมาถึงหน้าโรงปุ๋ยพลังชีวิต มีรถแท็กซี่วิ่งเข้ามาบนถนนคอนกรีตใหม่ อย่างสะดวกมากขึ้น รถสัญญาตะวันขับเลาะไปข้างถนนที่กำลังเทปูนเสร็จใหม่ รอการเซตตัว รถผ่านเข้ามาทางลัดขึ้นอาคารบวร พ่อครูก็เจอป่ากล้วยกับป่ามะละกออีกครั้ง คราวนี้ดำริใหม่ว่าน่าจะตั้งองค์กร สำหรับเก็บมะละกอกับกล้วยโดยเฉพาะโดยองค์กรนี้ให้หาผู้ที่มาเป็นประธาน รองประธานและทีมงานซักสองคน มาช่วยกันดูแลผลผลิต ว่าส่วนไหน ที่ไหน ปลูกอย่างไร เก็บได้เมื่อไหร่ ให้ตั้งเป็นองค์กรได้เลย
รถผ่านเข้ามาภายในอาคารบวร ออกมาด้านหน้าส่วนของงานโพธิ-นิทัศน์ ที่จัดแสดงงานศิลปะปูนปั้นโลกุตระในรูปแบบต่างๆ หน้าเรือเจิ้นเทิ้น รถสัญญาตะวันนำพ่อครูกลับมาเฮือนสูญ ผ่านป้ายหน้าบวรราชธานีอโศก ไปได้สักครู่เจอต้นกล้วยออกลูกเครือใหญ่อีกครั้ง รถกลับมาด้านหลังพระพุทธโต พ่อครูมีดำริบอกพ่อหินเข้มให้นำทรายมาลงที่สวนเกาะแก้ว เพื่อปรับภูมิทัศน์เพิ่มขึ้นให้เต็มพื้นที่ถึงลานสะโพอีก4-5 คันรถ จากนั้นพ่อครูกลับขึ้นที่พักชั้น 4 เข้าห้องทำงานมานั่งโต๊ะทำงานอ่านหนังสือพิมพ์และเตรียมแสดงธรรมในช่วงเย็นต่อไป
ภาพที่ส่องผ่านเลนส์เห็นแทบทุกวัน ไม่มีวินาทีไหนเลยที่พ่อครูจะไม่นึกถึงธรรมะ ทุกวินาทีของพ่อครูด้วยจิตโพธิสัตว์จึงนึกถึงประโยชน์ นึกถึงความสงบสุข ที่จะเกื้อกูลมนุษยชาติ โดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ