บันทึกผ่านเลนส์ ส่องโพธิกิจ….ชุบชีพสมบัติ
วันพุธที่ 5 กันยายน 2561
อากาศเช้านี้ของบวรราชธานีอโศก อุณหภูมิอยู่ที่ 24 องศาเซลเซียส ประกอบกับมีฝนตกพรำๆตลอดทั้งคืน ทำให้บรรยากาศช่วงเช้าเย็นสดชื่น เวลา 6.00 น.เสียงนาฬิกาบอกเวลาพ่อครูตื่นตามปกติ พ่อครูพร้อมท่านปัจฉาหนักแน่น กราบพระ ออกกำลังกาย4 ท่าบริหารวิดพื้น4 เซตรวม 48 ครั้ง
หลังจากนั้นท่านปัจฉาดินไทถวายผ้าและน้ำอุ่นเช็ดหน้าและเช็ดแว่นตาถวายพ่อครู เสร็จแล้วพ่อครูฉันน้ำปัสสาวะอุ่น 1 จอก เป็นจอกแรกของทุกเช้า
พ่อครูเปรยว่า คนเรามีวิบากน้อยๆก็ดี อาตมาเองก็มีวิบาก ที่อยากให้คนมาดี เป็นสิริมหามายา คนอยากดีแต่ทำไมต้องไม่ดี ทำไมต้องหลอกตัวเอง หลอกคนอื่น พ่อครูพูดถึง อเวไนยสัตว์ที่มีทั้งโลกียะและโลกุตระ ผู้ที่หลุดพ้นจะไม่สะสมโลกุตระเพราะโลกุตระจะไม่สะสม
ท่านปัจฉาดินไทถามถึงเรื่องมีสติดีได้อย่างไร พ่อครูตอบถึงเรื่องโยนิโสมนสิการอาหารของโยนิโสมนสิการคือฟังสัทธรรม ได้ดีแล้วมาโยนิโสมนสิการ แล้วจึงมาฝึกสติ ทำกรรม 3 ให้ได้ดี มีสติปัฏฐาน๔ โพชฌงค์๗ มีวิชชาและวิมุตติสมบูรณ์ได้ตามลำดับ
พ่อครูพูดถึงสติ สัมปชัญญะ ปัญญา เป็นสามเส้า ที่สัมปชัญญะจะอยู่ระหว่างกลางของสติและปัญญาซึ่งเป็นของคู่กัน สัมปชัญญะจะเป็นลูกของการสั่งสมของสติเมื่อครบทั้งสามเส้าทำงานร่วมกัน จึงจะเรียกว่าสติสัมปชัญญะปัญญา
พวกเราเปรย กันว่าคนอโศกมีไม่มากและญาติธรรมก็ไม่ค่อยเข้าวัดกัน พ่อครูบอกว่าญาติธรรมจะค่อยๆมาเองเพราะ
1.คนต้องรู้ทุกข์เพิ่มมากขึ้น
2.ตัวเราเองหมายถึงชาวอโศกต้องชี้ชวน งดงามน่าชื่นชม งามกว่าโลกโลกีย์
เมื่อมี 2 อย่างคือทั้งถีบส่งและชักชวนเดี๋ยวญาติธรรมก็มากันเอง แต่ตอนนี้พวกเรายังไม่งามเท่าไหร่
(ติดตามฉบับเต็มทางคลิปสื่อธรรมะพ่อครู)
06.35 พ่อครูออกไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ ก่อนที่ท่านปัจฉาจะนิมนต์ออกไปยืนดูงานจัดสวนเกาะแก้ว ด้านข้างพระพุทธโต ซึ่งได้นำหญ้ามาปูเกือบเต็มพื้นที่แล้ว พ่อครูยังเย้าว่าปล่อยให้ยีราฟและนกกระตั้วมาหลบอยู่ซอกหินนี้ได้อย่างไร ไม่นำออกมาจัดสวนด้านนอกด้วย พ่อครูเดินออกมาที่ทางเดินหน้าลิฟท์เพื่อดูการจัดวางไม้ที่สวนอุทยานไม้ตาย ท่านปัจฉาเลยนิมนต์ลงไปดูที่ด้านล่างของพื้นที่ พ่อครูนั่งพักฉันน้ำปานะและยาก่อนที่หน้าโบสถ์ชั้น 4 พ่อครูมองไปที่ผนังตรงข้ามโบสถ์ดำริให้ อาเปีย อาหม่องมาเขียนงานจิตรกรรมฝาผนังทางเดินโบสถ์ พ่อครูสนใจกะลาผ่าซีกสำหรับไว้ขัดพื้นโบสถ์ ที่ตั้งเรียงรายบนโต๊ะ พ่อครูถามว่าเอามาจากที่ไหน พวกเราเรียนว่าช่างคณิต นำมาจากสวนใสม่วน และจัดทำไว้ให้สำหรับขัดพื้นโบสถ์ที่ลงเทียนไว้แล้ว
7.08 นาทีพ่อครูลงมาที่ชั้น 3 และลงบันไดไปบริเวณที่กำลังก่อสร้างอุทยานสวนไม้ตาย ท่านสมณะคมคิดเข้ามากราบนมัสการและขอคำปรึกษาในการจัดวางซึ่งมีไม้มงคลและตอไม้หลายอัน ที่กำลังจะนำมาตกแต่ง พ่อครูได้เสนอแนะให้คำแนะนำในเรื่องการจัดวาง การนำต้นไม้มาปลูก รวมถึงการวางท่อน้ำสำหรับทำสายน้ำม่าน ที่จะต้องไหลเป็นน้ำตกลงไปชั้นล่างเฮือนสูญ
ท่านสมณะสมคิด อธิบายการจัดวางตอไม้ที่มีรูปทรงแตกต่างกัน แต่มีนัยยะเส้นโค้งเส้นตรงต่างๆคือจิตพระโพธิสัตว์ที่มีเมตตาต่อทุกสรรพสัตว์ ซึ่งตอไม้รูปทรงต่างๆก็จะแสดงและจัดวางแนวทางเป็นเส้นโค้ง ตามความโค้งของตอไม้เปรียบเสมือนจิตโพธิสัตว์ซึ่งไม่ปฏิเสธการช่วยเหลือมวลมนุษยชาติ ไม่ตรงตัดขาดใคร แต่มีความโค้ง ยืดหยุ่นเมตตาต่อทุกสรรพสัตว์
7.20 นาทีพ่อครูกลับเข้ามาภายในชั้น 3 ห้องบุญนิยมทีวี ผ่านกลางห้องสมุดที่นำหนังสือออกจากชั้นแพ็คลงกล่องและเตรียมย้ายไปอาคารบวร แต่ยังไม่ได้ย้ายเพราะสถานที่อาคารบวรยังไม่เรียบร้อย ซึ่งข้างๆกันทีมงานชั้น 3 ทางฝ่ายบุญนิยมทีวีและการศึกษา ได้นำเครื่องออกกำลังกายที่ได้รับบริจาคมา ตั้งไว้เพื่อให้ทีมงานและนักเรียน นักศึกษาซึ่งส่วนมากทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ ได้ใช้เวลาออกกำลังกายได้โดยง่าย พ่อครูกลับขึ้นมาชั้น 4 เข้าห้องทำงานชั่งน้ำหนักตามปกติเช้านี้ช่างได้ 49.8 กิโลกรัมก่อนที่พ่อครูจะมานั่งเข้าโหมดพิมพ์หนังสือธรรมะต่อไป
เวลา 7.45 นาทีคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย พร้อมกับหม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล คุณประสาร มฤคพิทักษ์ คุณสุริยะใส กตะศิลาและทีมงานของพรรครวมพลังประชาชาติไทย ได้เข้ามากราบนมัสการขอพรพ่อครูเนื่องในโอกาสได้เดินทางมาจังหวัดอุบลราชธานีและพื้นที่ใกล้เคียง พ่อครูให้โอวาทและให้พรว่า ความบริสุทธิ์เท่านั้นที่จะชนะทุกสิ่งในโลก ก่อนกลับพ่อครูมอบหนังสือให้เป็นที่ระลึก สนทนากันสักครู่เวลาประมาณ7.56 น.คณะทำงานได้เดินทางกลับ เหลือเพียงทีมงานสื่อที่ได้ขออนุญาตสัมภาษณ์พ่อครูเกี่ยวกับแนวทางของชาวอโศกกับแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง ร.9 และการทำกสิกรรมไร้สารพิษ อย่างยั่งยืนได้อย่างไร
เวลา 8.23 นาทีหลังจากกลับกันไปทั้งหมดแล้ว พ่อครูก็เข้าสู่โหมดงานพิมพ์หนังสือคนจนที่มีแบบ พร้อมกับดูข่าวสารจากทีวีทั้ง 3 ช่องอีกเช่นเคย
เวลา 11.13 นาที พ่อครูลงมาฉันภัตตาหารที่ชั้นล่างเฮือนสูญ พร้อมท่านปัจฉาดินไทและท่านปัจฉาหนักแน่น ฉันภัตตาหารเสร็จเวลาประมาณ 13.00 น.จึงได้เดินออกมาย่อยอาหารที่สวนเกาะแก้ว ที่ปูหญ้าไว้เกือบเต็มพื้นที่ พ่อครูสังเกตเห็นว่ามี หญ้า 2 ชนิดทั้งหญ้านวลน้อยและหญ้าญี่ปุ่น ท่านบอกว่าหญ้าญี่ปุ่นไม่น่าปลูกหญ้านวลน้อยมีความละเอียดน่าปลูกให้เต็มพื้นที่มากกว่า
พ่อครูเดินมาที่พลาญหินหน้าองค์พระพุทธโต สังเกตเห็นว่าต้นหญ้าเกิดขึ้นมาเองเป็นธรรมชาติอยู่เป็นกระจุกๆ เดินแวะไปดูดอกพุทธรักษาสีแดงสด บานเด่นสีแดงอยู่ดอกเดียวท่ามกลางใบไม้สีเขียวโดยรอบ พ่อครูเดินผ่านรูปปั้นช้าง ท่านทักทายช้างว่ายังอยู่ดีไหม ก่อนที่จะลงมาทางต้นไทร สังเกตเห็นลูกไทรที่หล่นเต็มม้านั่งโคนต้น น่าจะมีใครมาปัดกวาดดูแลบ้าง พ่อครูเดินมาที่อาคารบวร เพื่อขึ้นรถสัญญาตะวันออกตรวจงานตามที่ต่างๆ
รถสัญญาตะวันขับไปตามถนนทางออกอยู่บ้านกุดระงุม ซึ่งได้นำทรายมาเทกองไว้เพื่อรอเกลี่ยและบดถมถนน ก่อนที่จะเทปูนทำถนนคอนกรีต บริเวณบ็อกส์คันเวิร์ท box culvert ก็ได้ถมทราย ขยายเต็มพื้นที่แล้ว
พ่อหินเข้มขับรถสัญญาตะวัน พาพ่อครูไปตามถนนที่ถมแล้วแต่ยังไม่ได้บดละเอียด รถก็พอวิ่งได้แต่ต้องระมัดระวัง รถวิ่งมาถึงถนนที่เป็นจุดเริ่มต้นจะเทคอนกรีตจากหมู่บ้านกุดระงุม รถช้างส้มกำลังทำงานอยู่ รถขับเลาะรั้วผ่านสวนอุทยานซึ่งมีต้นเสาวรสกำลังออกลูกออกผลจำนวนมาก รวมทั้งเป็นแนวรั้วกินได้ที่ดีและสามารถยึดรั้วให้แข็งแรง รถผ่านเข้ามาภายในหมู่บ้านกุดกระงุม เข้ามาถึงโกดังสวนไม้ผลกับแม่เขียวพร้อมลูกสาวเข้ามากราบนมัสการ ท่านหนักแน่นพาเข้าไปชมสวนที่เพาะกล้าไม้นับร้อยชนิด มีต้นลำไยต้นใหญ่ แม่เขียวใบตองบอกว่าเป็นลําไยพันธุ์กะโหลกสีชมพูรสชาติดี เพียงลำไยต้นเดียวนี้สามารถให้ผลผลิตเข้าวัดแล้วกว่า 200 กิโลกรัม
ท่านหนักแน่นถามถึงต้นกล้าอินทผาลัม ที่ได้นำเมล็ดมาให้พ่อไม้ผลเพาะกล้า ซึ่งพ่อไม้ผลบอกว่าต้นกล้าแข็งแรงขึ้นมาก ท่านปัจฉาจึงนิมนต์พ่อครูเดินไปดู ซึ่งไม่ไกลจากโกดังมากนัก แต่บริเวณทางเดินไปค่อนข้างแฉะจนรองเท้าพ่อครูหลุดจมทราย มาถึงสวนอินทผาลัมก็พบต้นอินทผาลัมที่เริ่มเติบโตแข็งแรงได้ดีในบ่อซีเมนต์ ที่พ่อไม้ผลมีเคล็ดลับในการไม่ให้หญ้าขึ้นโดยนำแผ่นสังกะสีมาวางคลุมไม่ให้หญ้าขึ้นเอาไว้ซึ่ งสวนนี้มีต้นอินทผาลัม 30 ต้น
ก่อนที่พ่อครูจะกลับเข้ามาเดินภายในสวนที่ถนนไม่แฉะ เพราะมีหญ้าปูไว้ ก่อนที่จะกลับมาโกดังอีกครั้ง เพื่อล้างเท้าที่เปื้อนทราย พ่อไม้ผลได้นำน้ำมาล้างเท้าพ่อครูพร้อมกับบอกถึงความปิติที่ได้มีโอกาสล้างเท้าพ่อครู ถือว่ามีโชคลาภวาสนามากในวันนี้ พ่อไม้ผลและแม่เขียวได้ถวายต้นเสาวรสอินเดียพันธุ์ดี เพื่อนำไปปลูกที่สวนสวรรค์ชั้น 4
พ่อครูกลับขึ้นรถสัญญาตะวันมาทางถนนตรงมูน พอถึงบริเวณก่อสร้างเห็นรถที่ติดสติ๊กเกอร์กองทัพธรรมมูลนิธิจอดทั้งสองฝั่ง ช่างคณิต ไทเทิดธรรมยืนกลางแดดคอยคุมงานเททรายปรับพื้นถนน
รถผ่านหน้าโรงปุ๋ยพลังชีวิตที่กำลังจะเทปูน พวกเรานิมนต์พ่อครูไปที่โรงสีเก่าเพื่อไปดูทีมงานใหม่ที่อาสามาสะสางเศษเหล็ก เศษไม้รวมถึงวัสดุอุปกรณ์เครื่องจักรกลต่างๆ ที่ถูกนำมาวางไว้ไม่ได้ใช้ประโยชน์ เพื่อนำกลับมาใช้ประโยชน์หรือจำหน่ายออกไป ผ่านทางขึ้นโรงเห็ดเจออาทุกถิ่นกำลังตัดแต่งต้นไม้
เวลา 14.13 นาที รถมาถึงโรงสีบุญคุณข้าว พบทีมงานกำลังช่วยกันคัดแยกวัสดุอุปกรณ์ทั้งเหล็กและเครื่องจักรต่างๆ โดยมีคุณไพบูลย์ เหล่าลดา อดีตเป็นหัวหน้าหน่วยงานรักษาความสะอาด เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานครซึ่งท่านเคยเป็นหนึ่งในทีมงานของเขตภาษีเจริญ ในการจัดโครงการต้นแบบแยกขยะของชุมชน คุณไพบูลย์มาอยู่ที่บ้านราช ได้อาสาเข้ามาช่วยงานในเรื่องที่ตนเองถนัดในการจัดการขยะต่างๆ ซึ่งมองไปบริเวณไหนของบ้านราช ก็มีวัสดุอุปกรณ์ต่างๆวางไว้ทั้งที่ได้ใช้และไม่ได้ใช้อยู่มีจำนวนมาก จึงแจ้งเจตนารมณ์ไปทางที่ประชุมชุมชน ว่าจะเข้ามาช่วยสะสาง จัดแบ่งกลุ่มวัสดุต่างๆพร้อมกับจำหน่าย ที่ประชุมมีมติให้ตั้งคณะทำงาน ซึ่งก็มีผู้ที่อาสาร่วมกับคุณไพบูลย์จำนวน 12 คน มีท่านสมณะหลายรูปเป็นที่ปรึกษา วันนี้ทีมงานได้มาบริหารจัดการด้านหลังโรงสีเก่า ซึ่งมีเศษเหล็กขนาดใหญ่จำนวนมาก คุณไพบูลย์บอกว่าจะนำวัสดุต่างๆมารวมกันแล้วจะเปิดประมูลยื่นซอง ประกวดราคากัน เพราะราคาของวัสดุเหล่านี้จะไม่คงที่ มีขึ้นมีลง ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วยและจะก่อสร้างโกดัง สำหรับเก็บวัสดุอุปกรณ์ที่วางทิ้งไว้หรือไม่ได้ใช้ รวบรวมไว้ในโกดัง เพื่อจัดสรรให้ชุมชนมีความเป็นระเบียบเรียบร้อยในการจัดเก็บวัสดุอุปกรณ์ต่างๆมากขึ้น
อาดินนาหนึ่งในทีมงานได้เรียนขอชื่อกลุ่มจากพ่อครูว่าจะชื่อกลุ่มจิตอาสาสะสางวัสดุอุปกรณ์ที่ทิ้งไว้ตามที่ต่างๆของชุมชนนี้ว่าอย่างไร พ่อครูนั่งนึกสักครู่ก่อนที่จะบอกว่าให้ชื่อกลุ่มทีมนี้ว่า “ชุบชีพสมบัติ” ก่อนที่ทีมงานจะกราบขอบพระคุณที่พ่อครูกรุณา หลายคนอนุโมทนาที่ทีมชูชีพสมบัติมาเอาภาระที่ชาวบ้านราชเองเอื้อมไม่ถึง ทำให้ข้าวของเครื่องใช้เสียหายเป็นจำนวนมากมาโดยตลอด พ่อครูแวะไปดูรถแบคโฮ สีสดใสนึกว่าเพิ่งซื้อมาใหม่แต่ที่ไหนได้พอเข้าไปดูก็คือรถคันเก่าที่ท่านคิดถูกใช้อยู่แต่นำมาทาสีใหม่ พ่อครูจึงบอกช่างให้ลบยี่ห้อของรถแม็คโครคันนี้และคนเขียนว่ากองทัพธรรมมูลนิธิแทน ทางออกโรงสียังเห็นรถเก่ามากที่เตรียมซ่อมอีกหลายคัน
พ่อครูกลับมาทางลัดระหว่างโรงสีกับหลังพระพุทธโตซึ่งตลอดสองข้างทางยังเป็นป่าสมุนไพรที่สมบูรณ์ แต่ถนนก็ยังคงเป็นหลุมบ่อและแฉะ น้ำเจิ่งนอง รถสัญญาตะวันพาพ่อครูกลับมาด้านหลังพระพุทธโต เข้ามาชั้นล่างเฮือนสูญ
พ่อครูกลับขึ้นชั้น 4 ล้างมือล้างเท้าเข้าห้องทำงานและพักทันที เพื่อเตรียมความพร้อมของร่างกายแสดงธรรมในรายการพุทธศาสนาตามภูมิในภาคเย็น