บันทึกผ่านเลนส์ ส่องโพธิกิจ….ปลูกต้นมังคุดให้ลุงสุดขีด
วันพฤหัสบดีที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2561
ช่วงกลางคืนที่ผ่านมา ฝนก็ยังตกพรำๆตลอดทั้งวันจนถึงยามเช้า เช้านี้พ่อครูตื่นก่อนเสียงปลุกเล็กน้อยประมาณ 05.55 น.
พ่อครูกราบพระ ออกกำลังกายบริหารร่างกาย 4 ท่ารวมท่าวิดพื้น 48 ครั้ง ตามปกติ ท่านปัจฉาดินไทถวายผ้าและน้ำอุ่นเช็ดหน้า เช็ดแว่นถวายพ่อครู สนทนากับคณะปัจฉาในเรื่องข่าวสารบ้านเมือง ที่กำลังเคลื่อนไหวทางสังคมการเมืองในขณะนี้ที่มีเล่ห์กลของกิเลส ซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น
เวลา 6.30 นาที พ่อครูถึงเวลาเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัว เสร็จแล้วพ่อครูเดินเข้าไปภายในโบสถ์ ไปที่หน้าต่างยืนมองไปที่ลานกว้างหน้าองค์พระพุทธโตที่มีองค์ประกอบของภูมิทัศน์ต่างๆทั้งลานสะโพ-สวนเกาะแก้ว อุทยานสวนไม้ตาย สายน้ำม่าน น้ำตกผาแหงนเป็นภูมิทัศน์ที่สัมพันธ์กัน โดยพ่อครูให้ความสำคัญกับทุกรายละเอียด เดินดูตรวจงาน แทบทุกวัน ทั้งช่วงเช้า ช่วงบ่ายเพื่อให้เกิดภูมิทัศน์ที่เป็นธรรมชาติลงตัวมากที่สุด เหมาะสมกับการพักผ่อนและให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สำหรับผู้มาเยี่ยมเยือน และเล่นน้ำตกกันแทบทุกวัน
มองไปที่ต้นเถาวัลย์เปรียง กำลังเติบโตเลื้อยมาจากกระถางระเบียงชั้น 3 เลื้อยตามเชือกที่ท่านปัจฉาดินไทดำริให้ไม้ที่เลื้อยมาเป็นม่านต้นไม้บังแดด สำหรับโบสถ์ชั้น 4 โดยที่จะไม่ใช้ผ้าหรือวัสดุใดๆทำเป็นม่าน กว่าต้นไม้จะเลื้อยเติบโตขึ้นมาชั้น 4 ต้องใช้เวลาใส่ใจมาก แต่ก็เริ่มมีวี่แววบ้างแล้ว จากต้นเถาวัลย์เปรียงที่กำลังเลื้อยขึ้นมาหลายสายในช่วงฤดูฝนที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของต้นไม้
เวลา 6.46 นาที พ่อครูเดินไปที่ตู้เก็บพระไตรปิฎก พ่อครูสังเกตหลังตู้ที่วางแท่งหยกดูไปเหมือนศิวลึงค์ซึ่งสามารถเข้าใจผิดได้ อันที่จริงแท่งหยกนี้คือจุกปิดพระอุณาโลมของพระพุทธโต แต่มีการแกะสลักลายมา ซึ่งผิดจากแบบที่กำหนดไว้ จนต้องเปลี่ยนมาใช้พระอุณาโลมอันใหม่ที่ไม่มีลวดลายแกะสลัก มาติดบรรจุแทนแท่งหยกนี้เลยไม่ได้ใช้งาน พ่อครูบอกพวกเราถึงที่มาและมองเห็นว่าวางตั้งไว้ผิดแบบ คนมาเห็นอาจจะเข้าใจผิดได้ จึงบอกพวกเราให้ตั้งในลักษณะใหม่ให้ถูกแบบ โดยท่านปัจฉาเสนอให้นำไปเก็บไว้รวมกับหินที่สะสมไว้ในตู้
พ่อครูเดินผ่านเห็นกระจกที่ตัดไว้ติดหน้าต่าง สงสัยว่าทำไมถึงมีรูปทรงเป็นอย่างนี้ท่านปัจฉารายงานว่าเป็นเศษกระจกทรงรีที่แตกเหลือครึ่งเดียว เมื่อก่อนโบสถ์นี้เป็นหอพักของนักเรียนสัมมาสิกขาฝ่ายชาย นักเรียนชายได้นำมาติดไว้ในช่วงนั้น
พ่อครูเดินผ่านสวนสวรรค์ฯ พวกเรารายงานว่าดอกซ่อนกลิ่นที่บานช่วงกลางคืนมีกลิ่นหอมแรงที่สุดกว่าดอกไม้ทุกพันธุ์บนชั้น 4 ท่านปัจฉาบอกว่าที่เขาไม่นิยมปลูกดอกซ่อนกลิ่นกันทั้งๆที่ดอกซ่อนกลิ่นมีกลิ่นหอมแรงมาก เพราะเขาถือกันว่าเป็นดอกไม้งานศพ ไม่เป็นมงคล แต่พวกเราไม่ยึดถือความเชื่อนั้น ความเป็นมงคลอยู่ที่มงคล 38 ตามที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสเป้นคำสอนไว้ ไม่ได้อยู่ที่ต้นไม้ ดอกไม้อะไร ดอกไม้ก็คือดอกไม้ สวนสวรรค์นี้จึงสามารถปลูกดอกไม้ได้หลากหลายชนิดทุกสายพันธุ์
พ่อครูเข้าห้องทำงาน ชั่งน้ำหนักได้ 49.0kg ก่อนที่จะมานั่งโต๊ะทำงาน พ่อครูบอกว่ามวนท้องเล็กน้อย ท่านปัจฉาดินไทจึงถวายผ้าห่มไฟฟ้าขนาดเล็ก ประคบที่หน้าท้อง พ่อครูนั่งพิมพ์งานเขียนหนังสือคนจนที่มีแบบต่อ พร้อมดูข่าวสารจากทีวีทั้ง 3 ช่องเช่นเคย
เวลา 10.05 นาที พ่อครูลงมาฉันภัตตาหารพร้อมท่านปัจฉาดินไทลงมาพบท่านสมณะคมคิดและได้ปรึกษากันถึงเรื่องถนนและแปวหน้าสวนอุทยานไม้ตาย
11.08 นาทีพ่อครูเตรียมฉันภัตตาหารที่โต๊ะฉันชั้นล่างเฮือนศูนย์ ท่านปัจฉาดินไทเปิดสำรับถวายพ่อครู พ่อครูปัจจเวกข์พิจารณาอาหารโดยมีท่านปัจฉาดินไทและท่านปัจฉาหนักแน่นฉันภัตตาหารอยู่ข้างโต๊ะฉันพ่อครู
เวลา 13.05 นาที หลังฉันภัตตาหารเสร็จ พ่อครูเดินย่อยอาหาร ออกไปด้านหลังรถอีโบ ท่านปัจฉาดินไทเห็นกองเศษไม้ เรียนพ่อครูว่าพวกเรายังไม่ควรนำไม้เก่าชิ้นใหญ่ที่มีลวดลายแปลกตาไปทิ้งเพราะเป็นไม้ที่หายากและมีลวดลายงดงามแบบantique น่าจะนำไปปรับปรุงและทำเฟอร์นิเจอร์ พวกเราเลยเรียนว่าให้ท่านปัจฉานำไปเก็บไว้ ก่อนที่ทีมชุบชีพสมบัติจะเห็นแล้วนำไปเก็บในโกดังและจำหน่ายออกนอกชุมชน
พ่อครูเดินมาที่สวนเกาะแก้ว สงสัยว่าพื้นที่แปลงน้อยหน้าสวนปลูกต้นไม้อะไร ซึ่งถามใครก็ไม่มีใครทราบ ท่านสังเกตเห็นปูนปั้นยีราฟคอหักที่ยังไม่ได้รับการซ่อมแซมและอยากให้หาผู้ดูแลนำไปซ่อมแซมกลับมาใช้ประโยชน์ได้อีกครั้ง
พ่อครูเดินมาถึงพลาญหินหน้าองค์พระพุทธโต ชมว่าต้นหญ้าเติบโตงดงามเป็นธรรมชาติมาก ปูนปั้นครอบครัวเต่าแทบมองไม่เห็น พ่อครูเย้าว่าทำไมเต่าไม่กินหญ้าซึ่งหญ้าบริเวณนี้มีความสูงเกือบ 3 เมตรและเป็นกอใหญ่แลดูเป็นธรรมชาติมาก พ่อครูเดินไปถึงบริเวณทางเข้าเดิ่นเข่าม่วน ท่านมีดำริว่าให้นำหินดำมาถมบริเวณที่เป็นหลุมบ่อและเฉอะแฉะเพื่อรถจะได้สัญจรเข้าออกอย่างสะดวก
พ่อครูเดินมาหน้าอาคารบวร เห็นต้นมะละกอกับกล้วยอยู่ด้วยกันอย่างสมบูรณ์เหมือนแข่งกันออกผลผลิต พวกเราเรียนว่าทางราชการก็กำลังมีการตั้งกองมะละกอและกล้วยเหมือนกันในการดูแลเรื่องการแปรรูปกล้วยและมะละกอส่งออก
พ่อครูเดินขึ้นมาอาคารบวร พบพ่อหินเข้มและหนานพุทธ กำลังลงวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง เพื่อเตรียมไว้สำหรับจำหน่ายให้ผู้ที่มาสร้างบ้านภายในชุมชน ในราคาบุญนิยม พ่อครูเดินมาที่หน้าเรือเจิ้นเทิ้น พบอาแสงศิลป์ เดือนหงาย กำลังหล่อแบบพญาแร้งซึ่งอาแสงศิลป์บอกว่าจะเป็นตัวเดียวในโลกที่มีลักษณะแบบนี้ และเป็นพญาแร้งตัวใหญ่ที่สุด พวกเราถามไถ่ถึงอาการป่วยของอาแสงศิลป์ อาบอกว่ายังไม่หายแต่ก็พอทนได้และขอทำงานต่อไปโดยไม่ได้คิดเรื่องเจ็บป่วยเท่าไร
พ่อครูยืนดูบอร์ด คนจนสุขสำราญเบิกบานใจที่ เมื่อแต่ละคนไม่ห่วงแหนยึดถือทรัพย์สินเงินทองเป็นสมบัติของตน ส่วนกลางหรือชุมชน จึงอุดมสมบูรณ์เกิดความผาสุกตามไปด้วย จากการให้ และการสะพัด ของคนจน พวกเราจึงเป็นคนจนสุขสำราญเบิกบานใจ พ่อครูมองไปที่พญาแร้ง ซึ่งเป็นประติมากรรมที่วิจิตรเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งเดียวในโลก ขณะนี้เดินผ่านร้านปันกันมีผู้ปกครองนำนักเรียนมาส่งเพราะเปิดเทอมแล้วเข้ามากราบนมัสการ พ่อครูเห็นต้นไม้หน้าร้านปันกันที่ไม่มีใครดูแลจนเฉาตายไปหลายต้น ทีมงานร้านศิษย์เก่าน้องบอย จุ๋ม แพรน้ำค้างและน้องเล็กกราบนมัสการพ่อครูเมื่อกำลังเดินผ่าน พ่อครูเดินผ่านบ้านดินอุ้มดาว ผ่านร้านสหกรณ์ภูมิรักษ์ ป้ามิ่งหมาย มุ่งมาจนเข้ามากราบนมัสการพ่อครู
พ่อครูเดินผ่านมาถึงกลางอาคารบวร มองดูการยกวัสดุขึ้นโฟล์คลิฟท์ไปชั้น 2 มองไปที่พื้น แม้ขัดมันแล้ว แต่ก็ยังคงมีรถขับไปมา รวมทั้งมีฝุ่นหนามาก เพราะยังไม่มีผู้ดูแล ท่านเดินผ่านส่วนของนิทรรศการพระโพธิสัตว์ เห็นปูนปั้นสัตว์สวมสูทที่คอยเขมือบเค้กประเทศไทย ทำให้นึกถึงการเมืองที่ผ่านมาทำให้พวกเราต้องออกไปช่วยให้บ้านเมืองกลับเข้ามาสู่ยุคที่ต้องช่วยเหลือกันและกันในระบบบุญนิยมมากกว่าการเดินตามชาติตะวันตกในระบบทุนนิยม
พ่อครูมาหยุดยืนดูภาพแสงอรุณไม่มาสุริยาไม่มี พ่อครูบอกว่าเป็นภาพที่มีแสงงดงาม ซึ่งเป็นภาพเกี่ยวกับการจะพบสัจธรรมได้ ต้องเห็นแสงอรุณก่อน ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า พระอรหันต์อยู่ที่ใดสถานที่นั้นย่อมน่ารื่นรมย์ใจ เพราะย่อมเป็นแสงสว่างของสัมมาทิฏฐิ 10 ให้กับทุกๆชีวิต และที่นั่นท่านจะได้พบกับบุคคลในสัมมาทิฏฐิข้อที่ 10 คือสมณพราหมณ์มนา ผู้มีสยังอภิญญา มาประกาศโลกนี้และโลกหน้าให้ผู้อื่นได้รู้ตาม
พ่อครูเดินผ่านตลาดนัดบุญนิยม ป้าแววเข้ามากราบนมัสการเรียนพ่อครูว่าช่วงนี้ไม่มีผู้คนเข้ามาที่ตลาดเพราะกำลังทำถนน แต่ตนเองก็ยังสู้ๆ ที่จะมาเป็นแม่ค้าบุญนิยมบริการประชาชนที่ยังคงมารับบริการอยู่แม้มีจำนวนน้อย รวมถึงแม่สมพิศที่ยังคงมานั่งสานตะกร้าที่ตลาดเช่นกัน
พ่อครูเดินลงมาจากอาคารบวร เดินมาตามเส้นทางถนนคอนกรีต มีรถสองแถวของตลาดวาริน มารับนักเรียนเข้ามาเล่นน้ำตกขับสวนออกไป จนพ่อครูเย้าว่า ต่อไปคงจะมีคิวรถสองแถวจากตลาดวารินมาบ้านราช หรือบางทีอาจจะมาจากอุทยานบุญนิยมถึงบ้านราชก็เป็นไปได้
พ่อครูมาหยุดยืนดูงานก่อสร้าง บริเวณสามแยกหน้าป้ายหินราชธานีอโศก บอกพวกเราว่าสามแยกนี้ชื่อเบนซ์บ้านราชก็ได้ ตอนแรกพวกเราสงสัยเหมือนกันว่าหมายถึงอะไร พอเรียนถามเลยหายสงสัย เบนซ์ก็คือโลโก้ 3 แฉกของรถเบนซ์ พอมาอยู่ที่สามแยกบ้านราช ก็เลยน่าจะชื่อเบนซ์บ้านราช แต่เมื่อพวกเราถามว่าจะใช้ชื่อนี้จริงๆหรือเปล่า พ่อครูก็หัวเราะเป็นอันรู้กันว่ายังไม่แน่นอน
แม้อากาศร้อนแต่พ่อครูมีอารมณ์ที่สดชื่นรื่นรมย์ ให้พวกเราเห็นอยู่เสมอๆ ไม่เคยเห็นพ่อครูมีความเครียดกับสิ่งใดๆเลย ท่านสมณะด่วนดีเข้ามากราบนมัสการเรียนรายงานพ่อครูถึงงานก่อสร้าง ถมถนนบริเวณสามแยกนี้ ท่านปัจฉาหนักแน่นนำผ้าขนหนูมาคลุมศีรษะถวายพ่อครู เนื่องจากแสงแดดส่องแรงเกรงจะร้อนที่ศีรษะ
พ่อครูเดินมาดูถนนหน้าโรงปุ๋ยพลังชีวิต ที่ได้ขยายกว้างไปถึงทางเข้าส่วนผลิตปุ๋ยแต่ยังไม่ได้เทปูน จากนั้นเดินไปที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาสัมมาสิกขาวิชาราม ท่านปัจฉาแสนดินเรียนพ่อครูว่าลุงสุดขีด ได้นิมนต์พ่อครูไว้หลายครั้งว่า ถ้ามีโอกาสจะนิมนต์พ่อครูมาปลูกต้นไม้บริเวณนี้ เมื่อถึงหน้าวิทยาลัย ลุงสุดขีดเมื่อเจอพ่อครูก็เกิดปิติยินดี ดีใจมากและนิมนต์พ่อครูมาหลุมที่คุณลุงได้จัดเตรียมไว้หลายสัปดาห์มาแล้ว เพื่อให้พ่อครูช่วยปลูกต้นมังคุด 2 ต้น บริเวณหน้าเรือ หน้าวิทยาลัยอาชีวและลุงจะเป็นผู้ดูแลให้ดีที่สุด ลุงสุดขีดขออนุญาตพ่อครูแตะต้นมังคุดเท่านั้น ส่วนการลงปลูก กลบดินคุณลุงขอเป็นผู้ลงมือทำ เพียงขอความกรุณาพ่อครูเชื่อมแตะต้นไม้เพื่อหยั่งรากลงพื้นดินเท่านั้น พ่อครูเดินไปอีกหลุมหนึ่งห่างกันประมาณ 2 เมตร คุณลุงถึงกับใช้มือขุดดิน ที่เตรียมเอาไว้ไม่แข็งนัก และนิมนต์พ่อครูแตะเพื่อนำต้นมังคุดลงหลุมเช่นเคย และกราบขอบพระคุณพ่อครูที่กรุณากับลุงมากมายขนาดนี้และจะดูแลต้นไม้ที่พ่อครูมาปลูกให้ดีที่สุด พร้อมกลับนิมนต์ท่านปัจฉาทั้ง 3 รูปมาปลูกต้นมังคุดเช่นกันที่ ด้านข้างวิทยาลัย โดยท่านปัจฉาดินไท ท่านปัจฉาหนักแน่น ท่านปัจฉาแสนดินก็ได้เมตตากรุณา มาช่วยปลูกต้นมังคุดให้ลุงสุดขีดเช่นกัน พ่อครูยืนมองอยู่ที่ภายในอาคาร ก่อนที่จะเดินมาดูเครื่องตัดเหล็กและเดินลงออกมาด้านหลังวิทยาลัยอาชีวะ
พ่อครูเดินมากลางลานปีกหินเพื่อไปดูต้นสะตือหรือดวงใจรักที่ป้าดาวนาและทีมศิษย์เก่าได้นำมาปลูกไว้ 7 ต้น พอไปถึงบริเวณที่ปลูกเห็นลำต้นแห้งเหมือนกำลังจะตาย พ่อครูบอกว่าจะรอดไหมเนี่ย ลุงสุดขีดเมื่อเห็นจึงอาสาพ่อครูที่จะช่วยดูแลต้นดวงใจรัก โดยพ่อครูให้หาอะไรมาดามต้นที่มีอาการฉีกออกจากลำต้น ลุงสุดขีดจึงนำต้นหญ้ามาพันไว้ ก่อนที่จะมาเยียวยาภายหลัง พ่อครูนับต้นดวงใจรักได้เพียง 6 ต้นไม่ถึง 7ต้น ลุงสุดขีดกราบขออภัย พ่อครูที่ไม่ทราบว่ามีดำริปลูกต้นไม้บริเวณนี้ จะได้มาช่วยดูแลและปวารณากับพ่อครูว่า จะช่วยดูแลต้นดวงใจรักทั้ง 6 ต้นและโพธิ์อินเดียอีก 7 ต้นโดยรอบ
พ่อครูเดินมาถึงสวนพริกในกระสอบปุ๋ย ที่เติบโตออกผลผลิตดก เกือบทุกถุงซึ่ งเป็นพริกหนุ่มเม็ดใหญ่ ที่ได้เก็บขึ้นประกอบอาหารบนศาลาหลายครั้งแล้ว เป็นการปลูกเพื่อสำหรับโยกย้ายได้สะดวกทั้งในช่วงน้ำท่วมก็ยังมีพริกใช้ หรือสามารถนำไปประดับเป็นฉากเวทีที่แสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของกสิกรรมไร้สารพิษก็ได้
พ่อครูเดินไปที่แก้งสะโพ ลุยผ่านป่าโสนออกมาด้านข้างน้ำตกผาแหงน และกลับขึ้นไปชั้น 4 ล้างมือล้างเท้าก่อนที่จะเช็ดหน้าเช็ดตัว ดูทีวีทั้ง 3 ช่องเตรียมรายการสำมะปี๋ซีวิตในช่วงภาคเย็นต่อไป