610907_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ฉลอง 4 รอบนักษัตรโพธิกิจ 7 รอบนักษัตรสมณะโพธิรักษ์
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่…https://docs.google.com/document/d/1WVz3b9avdppQiSGmNFYj2-8nQ3MArbGiXIoyH5l_uug/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่..https://drive.google.com/open?id=1FEtrlncV7iLHcoEsxhLVkCGOQ0H4xbDc
สมณะฟ้าไทว่า…วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 7 กันยายน 2561 ที่บวรราชธานีอโศก การเมืองยุค คสช.สงบเรียบร้อยดี แต่เมื่อใกล้เลือกตั้ง พวกที่กดข่มไว้ก็แสดงตัวออกมา แต่ก็มีรัฐมนตรีคนหนึ่ง อยากจะช่วยให้เมืองไทยปลอดจากสารพิษ ประกันด้วยชีวิตเลย ก็เลยมีข่าวว่าเขาจะถูกปลดหรือเปล่าหนอ
สังคมชาวอโศกเป็น สังคมที่ดีที่สุดในโลกในด้านต่างๆไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจสังคมการเมือง อยู่กันอย่างเป็นคนจนที่สุขสำราญเบิกบานใจ
สื่อธรรมะพ่อครู(ประวัติศาสตร์อโศก) ตอน ประกาศงานฉลอง 4 รอบนักษัตรโพธิกิจ 7 รอบนักษัตรสมณะโพธิรักษ์
พ่อครูว่า…มาเริ่มกันที่โฆษณางานของชาวอโศกก่อน
งานฉลอง 4 รอบนักษัตรโพธิกิจ 7 รอบนักษัตรสมณะโพธิรักษ์ เลข 4 กับเลข 7 เป็นเลขแห่ง Coefficient
เลข 4 เป็นเลขที่ต้องแหวกวัฏฏะวงวนของ 1 2 3 เป็นสมดุลของวัฏฏะ แม้แต่อยู่ในนิวเคลียส มันก็มีบวกมีลบ แล้วก็มีความสมดุลของบวกลบ สำหรับอุตุนิยามที่ไม่มีประธาน แต่ถ้าเผื่อว่าเป็น พีชนิยาม เป็นประธาน แต่ เป็นประธานที่ยังไม่ดิ้นรนที่จะเพิ่ม Coefficient ของมันเองออกมาได้ มันจะออกมาได้เองตามธรรมชาติ คือมันจะออกได้ต่อเมื่อมันเพิ่มๆๆ พลังงานจนกว่าพลังงานมันจะเต็ม เหมือนลักษณะของ protoplasm แล้วมี cytoplasm ตัวที่ cytoplasm แตกตัวเพิ่มจน protoplasm ทนไม่ได้ก็จะแตก cytoplasm ก็จะแยกออกมาจาก protoplasm อันนี้ ไบโอโลจี เขาก็พอรู้แต่ไม่ชัดเจนเหมือนศาสนาพุทธ
ศาสนาพุทธสามารถสร้าง Coefficient เองได้แต่ธรรมชาติไม่สามารถสร้างCoefficient เองได้ ต้องเป็นวิวัฒนาการตามธรรมชาติ แต่ของพุทธ สามารถเพิ่มพลังงานได้ทับทวี ปฏิภาคทวีได้ จึงก้าวหน้าได้เพิ่มกว่าธรรมชาติ นอกจากก้าวหน้าได้แล้วจะมีหรือไม่มีก็ยังได้อีก เหนือกว่าธรรมชาติอย่างนี้ แต่ว่าธรรมชาติสามารถไม่มีได้ สุดท้ายเกิดขึ้นตั้งอยู่และเสื่อมไปได้ แต่ยกเว้น จิตนิยามเสื่อมไม่ได้ เสื่อมได้แต่ตีไม่แตก วนอยู่อย่างนั้น มีที่สุด 0 ไม่ได้ จบสิ้นเลิกจิตนิยามยังไม่ได้ เพราะฉะนั้นสายเทวนิยม ถึงได้จำนวนอยู่ที่นิรันดร
พระเจ้าเป็นจิตวิญญาณนิรันดรเขาไม่มีทางเป็นปรินิพพานจบได้ เขาจะไม่สามารถทำให้จิตรวมลงเป็นหนึ่ง เป็นเอกธรรมแท้จริงได้ จะต้องเป็น 2 แต่เขาก็ไม่รู้ว่า 2 คืออะไร จนฝั้นเฝือใช้พยัญชนะ เทวะ เป็นคำนาม เทวตา เทวดา เป็นพยัญชนะขึ้นมา เขาก็เป็นเทวะนิรันดร ปรมาตมันสูงสุด แต่ไม่มีสูญ ศาสนาเทวนิยมไม่มีปรินิพพาน ศาสนาพุทธมีปรินิพพาน แม้ที่สุดปรินิพพานเป็นปริโยสาน ได้เลย
-
นิพพาน
-
ปรินิพพาน
-
ปรินิพพานเป็นปริโยสาน
พวกเราชาวอโศกฟังเข้าใจ พวกเรามีสภาวะรองรับ แม้แต่อบายมุข พวกเราก็นิพพานได้ ปรินิพพานได้ จะปรินิพพานเป็นปริโยสานคุณก็จะรู้เอง จะเวียนกลับหรือไม่? บางคน ผ่านไปตั้ง 10 ปี 20 ปี แว๊บมาได้ คุณก็จะรู้ แต่คนที่แน่ชัดอยู่แล้ว แวบๆนี่อย่ามาหลอกเลย พวกนี้ไม่กลัวผีหลอกแล้ว พวกที่เที่ยงแท้แน่นอนไม่กลัวผีหลอก ผีไปหลอกคนอื่นได้อย่ามาหลอกเราเลย หลอกพุทธ อเทวนิยมไม่ได้ หลอกไม่ได้
ก่อนจะได้ต่อถึงธรรมะ มันขึ้นธรรมะทีไร เป็นโลกุตระติดลมบนเลย ถ้าเป็นนักเล่นว่าวก็ขึ้นติดลมอย่างรวดเร็วลงไม่ค่อยได้ง่ายๆ
อังคารเป็นวันเกิดอาตมาวันที่ 5
วันอังคารพุธพฤหัสศุกร์เสาร์ ฉลอง 5 วัน ที่บันทึกไว้ในปฏิทิน เร่ิมวันที่ 5 และไม่ถึงห้าวัน ที่ศาลีอโศกด้วย แต่ตอนนี้แก้ปฏิทิน ประจำปีนะ งานนี้ขอแก้ ว่า
เป็นวันที่ 6 พฤศจิกายนถึง 10 พฤศจิกายน 2561
ฉลอง 48 ปีโพธิกิจ ฉลอง 84 ปีสมณะโพธิรักษ์
ฉลอง 4 รอบนักษัตรโพธิกิจ 7 รอบนักษัตรสมณะโพธิรักษ์
4 เป็น Coefficient ของ 3 ส่วน 7 เป็น Coefficient ของ 6
เป็นเลขที่แตกจากเส้าต่างๆ ตรีสดมภ์
ณ อาคารบวร คราวนี้พิสูจน์สิว่าชาวอโศกจะมากี่หน้ากี่ตา ถ้าหน้าหนึ่งจะมาหนึ่งตัวมัวหนึ่งตา มาสองตัวมัวสองตา จะมาสักกี่หน้าจะเห็นสักกี่ตา คนไหนมาหนึ่งหน้าก็ตาสองตา ดูสิว่าจะมากี่หน้าจะได้กี่ตา
ณ บวร ราชธานีอโศก เราถือว่าเมืองหลวง ก็ใกล้เบญจเพศ ใกล้ 25 ปีที่สร้างมา พ.ศ. 2562 ก็ครบ 25 ปี สร้างตั้งแต่ พ.ศ. 2537 + 25 =62
ก็มาฉลองรับปี 62 จากพฤศจิกายนอีกสองเดือนก็ 62
อาตมาสมณะโพธิรักษ์
พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ศูนย์รวมดวงใจ ศูนย์รวมศรัทธาของชาวของผู้ไม่เคยหยุดอยู่ผู้นำที่กำชัย พาหมู่มวลสะสมชัยชนะเหนือกิเลสรายทาง ด้วยอาวุธ คือปัญญา ด้วยทางแห่งศีล ที่เป็นกุศโลบาย ขัดเกลาตนเป็นหมู่เป็นมวลทั้งในรูปแบบของบวรที่มาอยู่รวมกัน หรือมีกิจกรรมร่วมกัน ภายใต้ร่มแห่งบุญนิยม ทั้ง 12 ด้าน
บวร ราชธานีอโศกเป็นเจ้าของสถานที่จัดงานมหาปวารณาครั้งนี้เป็นครั้งสำคัญ ก็ขอเรียนแจ้งทุกท่านทราบว่า สถานที่จัดงาน คือเฮือน บวร หรืออาคาร บวร ทุกตารางนิ้วทั้ง 11 ไร่ ใช้จัดนิทรรศการ เรียกว่า นิทรรศการวิถีชีวิตจริง ไม่ใช่นิทรรศการอยู่กับที่ เป็นนิทรรศการเคลื่อนไหวได้มีลมหายใจมีชีวิต เป็นนิทรรศการชีวิตจริงของทุกบวร ทั้งสังฆสถาน อาวาสถานด้วย ตลอดจน ข่ายแห หรือเครือแห ต่างๆ ของเรา ที่ยังไม่ได้เป็นบวร ทีเดียว แม้แต่ส่วนบุคคล ก็เชิญ
วันที่ 6-10 พฤศจิกายนนี้ เอาหน้ามา คนที่แม้ว่าตาบอดข้างเดียวก็มา ส่วนใหญ่ก็มีสองตา เอาหน้ามาเลย แต่ละคนจะได้คนละสองตา
เป้าหมายคือการสะท้อนผลงานมีชีวิต ของคนของมนุษยชาติ ศิลปะทุกชิ้น ทุกดวงวิญญาณ ที่พ่อครูสร้างสรร ขึ้นมาเป็นศิลปิน พวกเราคือศิลปินตัวจริง เพราะพวกเราทำงานสร้างงานขึ้นมาเป็นมงคลอันอุดม ไม่ได้เป็นข้าศึกแก่กุศล งานที่เราทำขึ้นมาแต่ละคนเป็นงานศิลปะ เพราะงานของพวกเรานี้ นำพาไปสู่อุตมะหรืออุตระ หรือโลกุตรธรรม พวกเรา จึงเป็นศิลปินที่ ทางด้านทุนนิยมก็เป็นศิลปินแห่งชาติ เป็นศิลปินของพวกเราเอง พวกเราถือว่าเป็นศิลปะโลกุตระ
พ่อครู เป็นผู้สร้างสรรยอดศิลปินต่างๆ ศิลปินตัวจ้อยหรือต่างๆ ตลอด 48 พรรษาแห่งโพธิกิจ ทั้งบนเวทีแสดง ก็มีเวลาจำกัดให้เจ้าละ 20 นาที การแสดงบนเวที อย่าลืมนะว่าเวทีที่นี่กว้างใหญ่มาก หากคนแสดง 3 คน 5 คนรับรอง จ๋อย วิ่งกันตับแลบเลยเวทีกว้างใหญ่ก็เอาพอสมควร บนเวทีมีการแสดงวิถีชีวิต การแสดงนี้จะแสดงถึงวิถีชีวิตต่างๆ คุณเป็นศิลปินก็ create ออกมา สร้างออกมา ปรุงแต่งออกมา จะให้ออกมาอย่างไรสื่อออกมาอย่างไร จะสื่อในเชิงอะไร การแสดงละคร ลีลาต่างๆแล้วแต่ ก็เท่าที่กำหนดให้ เป็นวิถีชีวิตอยู่ร่วมกัน
ที่นี่เราก็มีนิทรรศการของแห้งก็มี แต่ของเราจะเอาอะไรมาผสม สิ่งที่ไม่ใช่ชีวิตจริง แต่เป็นของที่เป็นหลักฐาน เป็นของเก่าเป็นอะไรที่เป็นหลักฐานอ้างอิงเสริมให้คนชัดเจนว่ามีสิ่งแสดงอ้างอิงได้ เกี่ยวกับโลกุตรธรรม ก็เอามารวบรวมกันได้
ส่วนตัวบุคคลก็มีพฤติกรรมพฤติบทจริง 5 วัน 4 คืน หาตัวตนของชาวอโศกที่มีเรามาให้พ่อครูดู ขณะที่ยังมีชีวิต ยังมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ไม่มา มื้อนี้แล้วมื่อใด๋จะมาหนอ
ทีนี้ก็มาเขาสู่ sms ก่อน
SMS 6 กันยายน 2561 (สำมะปี๋ ซีวิต)
_3867 พ่อครูเคยสอนพลังทางจิตแต่ไม่ทิ้งกายเป็นพลังงานอัตราก้าวหน้าระดับคูณยกกำลังเป็นพลังธ.สัมประสิทธิ์?กบสิ้นโศก
_1025 จากหนังสือคนคืออะไร หน้า 350 พระพุทธองค์ท่านสร้างทางเดินไว้ให้เราแล้ว เป็นทางเอก ทางเดียวที่จะขึ้นที่สูงคือต้องละกาม หน่ายกามให้ได้นั่นเอง เป็นลำดับๆไปจนหมดได้เด็ดขาดเมื่อใด ท่านก็ได้ชื่อว่าผู้อยู่สูงพ้นธุลีทุกข์(จากกาม)ได้ทันที จากเหตุแห่งกามสารพัดไปแต่ละเรื่องแต่ละสาเหตุ เป็นนิพพานย่อยๆไปเรื่อยๆกระทั่งพ้นสังโยชน์ 5 เบื้องต้น ถือว่าหมดกามราคะสังโยชน์ หมดโลภะ โทสะ โมหะ เบื้องต้น สิ้นอาสวะเบื้องต้น ยังเหลือสังโยชน์ ๕ เบื้องสูง ซึ่งเจ้านี่แหละที่เป็นกิเลสรากฐานใหญ่ของคน คือ อัตตา- มานะ-ทิฏฐิ-อุทธัจจะ กิเลสพวกนี้มีในคนตั้งแต่คนตั้งแต่ยังไม่ได้ละกามเบื้องต่ำมาด้วยซ้ำ อยากถามพ่อท่านว่าจะทราบได้อย่างไรว่าการปฏิบัติธรรม สมควรแก่ธรรม ตามลำดับของแต่ละคน
พ่อครูว่า…อะไรเป็นรากกันแน่? นี่คือสภาวะเราจะฟังแล้วคนมีจะเข้าใจไม่สับสน แต่คนไม่มีสภาวะจะสับสน อะไรเป็นหัวเป็นท้ายกันแน่?
คุณถามมาอธิบายพยัญชนะนี้ดี แล้วคุณจะรู้ว่าเบื้องต้นหรือที่สูงที่คุณยังไม่ได้ล้างมันคือที่เตี้ยต่ำติดลึกของคุณนั่นเอง กลับไปกลับมา สิริมหามายา เดี๋ยวต่ำเดี๋ยวสูง พยัญชนะกลับไปกลับมาได้แต่สภาวะจะไม่สับสนถูกต้อง
สื่อธรรมะพ่อครู(อาริยบุคคล) ตอน หลวงปู่สายนั่งหลับตาบรรลุธรรมขั้นไหน
_8130 หลวงปูทุกรูปที่ดังๆฝึกนั่งเจโตสมาธิหลับตาท่านได้บรรลุธรรมถึงขั้นไหนคะใน 4 ขั้น(โสดาบันสกิทาคามีอนาคามีอรหันต์)
พ่อครูว่า…ตอบ ตั้งหลักดีๆนะ หลวงปู่ทั้งหลายแหล่นั้น มีที่อาตมาพอรู้ได้ มีบรรลุโสดาบันบ้างไม่กี่รูป นอกนั้น ยังไม่บรรลุ แม้แต่โสดาบัน แต่เขายกเป็นอรหันต์เก๊กันเต็มไปหมด ตามที่บันทึกกันมา มีบ้างสายสมถะลืมตากับสายสมถะหลับตา ที่ยังมีสัมมาทิฏฐิบ้าง ตามภูมิปัญญาของตัวเองที่ได้รู้ว่า ท่านเข้ากระแส ไม่ออกจากพุทธแล้ว แต่ท่านก็ได้เพียงแค่โสดาปฏิมรรคเพียงส่วนใหญ่ โสดาปัตติผลก็ยังไม่เต็ม ไม่ว่าจะเป็นสายหลับตาแท้ หลับตาแท้ยังมีหลับอย่างอภัสสรากับสุภกิณหา ดับสว่างคือธรรมกาย ดับดำคือสายอาจารย์มั่น
ท่านพุทธทาสเอาทั้งหลับตาหรือลืมตา แต่เอาลืมตามากกว่าหลับตา เป็นสายธัมมานุสารีไม่ใช่สัทธานุสารีทีเดียว
ตอบอีกที หลวงปู่นั้นไม่เคยมีใครเจริญกว่าโสดาบันสมบูรณ์แบบ จะมี overlap ไปบ้างแต่ พระโสดาบันต้องมีปัญญาจิตต้องรู้จักจิตเจตสิกแล้ว ต้องไล่ขั้นได้ อย่างน้อยก็หมดสังโยชน์ 3 หรือไม่ก็สังโยชน์ 5 เบื้องสูง โสดาบันยังไม่บังอาจแน่นอน จะรู้ได้ก็ โอรัมภาคียะสังโยชน์ 3 หรือ 5 บ้าง แต่ต้องรู้ 3ให้เป็น
คำว่า สักกายทิฏฐิ คำว่ากาย สัมมาทิฏฐิหรือยัง ไปคุยกันดู กายยังไม่เกิดสัมมาทิฏฐิแล้วจะไปเกิดเป็นโสดาบันได้อย่างไร ไม่ต้องถามถึงวิจิกิจฉา เพราะเจ้าตัวต้องพ้นวิจิกิจฉา กายนี่ชัดเจนรับรองถูกต้อง ตรวจสอบกับสัตบุรุษผู้รู้ตรวจให้ จึงจะสามารถเป็นไปได้
สมณะฟ้าไทว่า…ตัวท่านจะรู้หรือไม่
พ่อครูว่า..ตัวท่านต้องรู้สิ ต้องรู้ของตัวเองจึงจะเป็นพระโสดาบัน ถ้ายังไม่รู้ปัญญาจะไม่เกิด หากยังไม่เต็มโสดาปัตติผลก็ไม่รู้ จะไล่เลียงเวทนา 108 ไม่ได้ ไม่รู้ในโลกียกับโลกุตระ
ขออภัยท่านเป็นภันเต ก็ต้องกราบขอคารวะที่ไปวิจัยวิจารณ์ท่าน เป็นวิชาการไม่ได้ไปพูดเบ่งข่มยกตนข่มท่าน อาตมาไม่มีกิเลสจะไปยกตนข่มท่าน เพราะเข้าใจเรื่องของคารวะ คุรุกรณะดี อาตมาก็มีสัมมาคารวะ ไม่มีอัตตาดื้อด้านดึงดัน ถ้ายังไม่ตายก็แบกตำรามาพูดกันได้เลย ขออภัยพูดใหญ่เหมือนน่าหมั่นไส้
_รักนะ เดอะโซปเมคเกอร์ · วิธีรับลูกสายโลภะที่มาจากโทสะที่ดีที่สุดคือยังไงคะแบบลืมตาโพลงๆนะคะไม่แบบหนีปัญหา
พ่อครูว่า…สายโลภะแสดงออกโลภะ แต่ก้นบึ้งโทสะ จะรับลูกคนๆนี้ คนตระกูลโทสะ แต่แสดงออกโลภะ จะรับลูกให้ดีอย่างไรแบบลืมตาไม่มีปัญหาด้วย มีเงื่อนไขน่าดูเหมือนกัน มีคนตอบแทนอาตมาคือพาไปหาสมณะ ผู้ที่คุณเชื่อว่าจะช่วยได้ หรือแม้แต่ฆราวาสคนนี้ปราบอยู่ก็ได้ ตอบได้แล้ว เมื่อยเลย
_ถนอม · ชมอยู่ต่างประเทศไต้หวันเดี๋ยวนี้ทีวีไลน์สดกำลังฮิต ทางบุญนิยมทีวีไม่ธรรมดาจริงๆๆ ครับน่าชื่นชม เหมือนได้อยู่ใกล้พ่อครูเลย
_ฌาน ชริสา …ท่านจะรู้ได้อย่างไรว่าท่านยังตกเป็นทาสของอาหารระดับกามภพ? ง่ายมาก เขาตอบเองมาให้อาตมาตรวจแก้ เวลามีเทศกาลโรงบุญตลาดอาริยะ มันขายถูกด้วยชามละ 1 บาท โพสต์นี้เป็นธรรมทานสำหรับผู้ปฏิบัติธรรมอโศกวงใน หากท่านที่เป็นเพื่อน Facebook ของฌาน ชริสา ก็ขออนุโมทนาสาธุอย่างยิ่ง
ถ้าท่านเดินเที่ยวหาอาหารอร่อยเส้นก๋วยเตี๋ยว ข้าวคลุกกะปิ ราดหน้า น้ำแข็งน้ำหวาน ฯลฯ ถ้าท่านไม่เดินหากิน แต่ว่า ช่วง เทศกาลเหล่านี้อาหารจะถูกนำมาถวายบนศาลา เป็นจำนวนมาก อาหารเลื่อนผ่านท่านไป แล้วท่านปฏิบัติอย่างไรกับอาหารนั้น นั่นคือสิ่งที่ท่านจะต้องอ่านรู้เวทนาตัวเอง ว่าท่านอยู่ในระดับใด
หากว่าท่านอยู่ในระดับกามภพก็จะไม่พ้นไปจะต้องนำสิ่งเหล่านั้นมาบริโภคแล้วๆเล่าๆ ท่านเองเป็นผู้เรียนรู้ความอยากกินในอาหารอันประณีตเหล่านั้น อาหารที่โลกรับรู้กันว่าเป็นอาหารเลิศรส รสอร่อย ว่าท่านอยู่ในระดับกามภพหรือไม่ ท่านจึงจะปฏิบัติตนอย่างไรให้พ้นจากเรื่องกามภพคืออาหาร ท่านเคยฉุกคิดบ้านหรือไม่ว่าทำไมท่านต้องแสวงอาหารเหล่านั้นกิน โดยที่ท่านกินข้าวกับ ต้ม ผัดผักเรียบง่ายก็ได้แล้ว ที่ทางโรงครัวเขาจัดไว้ ฌาน ไปเที่ยวหาอาหารเหล่านี้มาเพื่อสามีกับลูกเท่านั้น ถ้าเป็นอาหารอร่อยปรุงแต่งรสชาติจัดจ้านที่โลกเขาสมมุติว่าเป็นของอร่อย หรือแม้กระทั่ง ถ้าฌานเลื่อนอาหารบนศาลาเจออาหารอะไรก็จะตักอาหารไปเผื่อสามีหรือลูก ถ้าหากไม่ได้อยู่บ้าน ทำอาหารธรรมชาติทานเองขึ้นศาลา เลื่อนอาหารร่วมกับเพื่อนๆ ฌานจะเลือกเฟ้น สิ่งที่ปรุงแต่งน้อยที่สุดมาบริโภค
หากฌานทำเอง ก็จะใช้วัตถุดิบปรุงแต่งเพียง 3 อย่างคือ เกลือ… ไม่ใช้ซีอิ๊วขาวผงปรุงรสอื่นๆเลย หากท่านยังมีพฤติกรรมแบบนี้ท่านยังตกอยู่ในกิเลสระดับกามภพ ท่านยังไม่พ้นกามภพ ระดับอาหารเลย ท่านจึงต้องมาหยุดบริโภคอาหารเหล่านั้นในขณะที่ท่าน สัมผัสในโรงบุญ ตลาดอาริยะ ท่านต้องมีสติ ควบคุมอินทรีย์ 6 ในทันทีที่ท่านผัสสะ กับอาหารในโลกที่มีมากมายที่โลกเขาสมมุติว่าอร่อย ท่านต้องอ่านรู้เวทนา (เกิดจากความรู้สึกชอบ )เกิดขึ้นในจิตท่านหรือไม่ อันดับแรกท่านก็กดข่มไม่ให้เกิดอาการเหล่านั้น จากนั้นก็พิจารณา ถึงโทษภัยของอาหารเหล่านั้น ทำลายสุขภาพเรา ท่านต้องพิจารณาในขณะปัจจุบัน ขณะผัสสะเกิด ท่านก็ต้องเกิดกิเลสความชอบ ด้วยวิธีสมถะและวิปัสสนาร่วมกันไป ท่านทำได้ 1 ครั้งก็สำเร็จ 1 ครั้ง หากกิเลสมีร้อยส่วน อาจปหานมันได้สัก 10 ส่วน การปฏิบัติพุทธวิธี จึงเป็นการปฏิบัติในขณะกิเลสเกิดในปัจจุบันเท่านั้น หากดับกิเลสระดับกามภพไม่ได้ จะปฏิบัติรูปภพ อรูปภพ ไม่ได้เลย มันจะลักลั่นข้ามขั้น สุดท้ายท่านก็จะเวียนกลับมาเสพอาหารอร่อยเช่นเดิม เรื่องของอาหารเป็นเรื่องการปฏิบัติที่ไม่ผิด เป็นการปฏิบัติที่ยากที่สุด จึงต้องปฏิบัติไปตามลำดับตั้งแต่เบื้องแรกเลย คือระดับกามภพ จากนั้นจึงดับ รูปภพ อรูปภพ อีก ปฏิบัติได้แล้วจึงจะไม่เวียนกลับ เบื้องต้น ท่ามกลาง บั้นปลาย หากข้ามขั้นมันจะตีกลับไปแรงกว่าเดิม การกดข่ม ถึงไม่ถาวรเที่ยงแท้หากวิปัสสนารู้เห็นความจริงตามความเป็นจริงในขณะมีกิเลสเป็นปัจจุบันทำลายกิเลสได้จึงจะเป็นการปฏิบัติวิปัสสนาแบบพุทธวิธี ตามคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าและพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ ผู้กินอร่อยตามใจปากจึงไม่สามารถปฏิบัติข้ามกามภพได้เลย …ฌาน ชริศรา แสงแก้ว รัตนวีนา 7 ก.ย. 2561
พ่อครูว่า…ก็ดี มีรายละเอียด
สิกขมาตุกล้าข้ามฝัน…
สิกขมาตุรินฟ้า…
สมณะเดินดิน…
สมณะแสนดิน…
พ่อครูว่า…ในหลวงท่านมีสัปปุริสลักษณะที่เด่น ใครเขียนอย่างไรก็รู้ว่าเป็นในหลวง แต่ของโพธิรักษ์นี้ ใครเขียนอย่างไรก็ไม่เห็นว่าเป็นโพธิรักษ์ อันนี้อาตมาสังเกตจริง คนที่พยายามเขียนรูปอาตมาปั้นรูปอาตมาจนกระทั่งบัดนี้ ทำไม่เหมือนไม่เก่ง อย่างที่ภูฟ้าผาธรรม พยายามที่สุด แต่ไม่เหมือน เอาล่ะพอ
ทีนี้ ขยายความ งานมหาปวารณาอีกหน่อย
กิจกรรมการแสดงในงานมหาปวารณา ครั้งที่ 36 ปี 2561 ฉลอง 48 ปีโพธิกิจ 84 พรรษา พ่อครูสมณะโพธิรักษ์
ส่วนของการแสดงของแต่ละชุมชนหรือแต่ละหมู่กลุ่มชาวอโศก
-
Reality show บนเวที
โดยให้แต่ละชุมชน มาร่วมกันระดมสมองในชุมชนของตน ว่าแต่ละที่ของเรามีจุดเด่นจุดด้อยในเรื่องอะไร แล้วจะมีการแก้ปัญหาหรือว่ามีพัฒนาการในเรื่องอะไร แล้วให้มีข้อปฏิบัติร่วมกันนับตั้งแต่วันที่ได้ข้อยุติกันแล้วเป็นต้นไป เพื่อจะได้มานำเสนอเป็น Reality show คือการแสดงที่มีเนื้อหาเป็นเรื่องจริง เพื่อที่จะได้มานำเสนอหรือนำแสดงในงาน
ชาวอโศกเราทุกบรรยากาศคือการรายงานความจริง เอาพฤติกรรมจริงของมาแสดง แต่คนเขาหาว่าอวดตัวตน แต่เราไม่มีตัวตนหรือว่าตัวตน น้อยคนมีบ้างก็ลดละไป แต่อาตมาเป็นคนไม่มีตัวตน สิ่งที่จริงใจสะอาดบริสุทธิ์ก็เอามาแสดง
โดยปีนี้เราจะลดการแสดงทั่วๆไป แต่จะให้เป็น Reality show เป็นวิถีชีวิตจริงๆ ของเราที่น่าจะได้มานำเสนอให้กับหมู่กลุ่มได้รับรู้กัน วิธีการนำเสนอก็แล้วแต่จะนำเสนอ เช่นเป็นเพลงฉ่อย เป็นละคร ก็แล้วแต่แต่ละชุมชนแต่ละกลุ่มจะนำเสนอ ให้เวลา ชุมชนละ 20 นาที บนเวที
ให้แจ้งมาที่ผู้จัดงานก่อนมาแสดง
-
นิทรรศการมีชีวิต