บันทึกผ่านเลนส์ ส่องโพธิกิจ … อบอุ่นกับลูกหลาน พาเดิน 2 รอบ
วันเสาร์ที่ 8 กันยายน 2561
ช่วงประมาณเที่ยงคืนที่ผ่านมา เกิดลมพายุค่อนข้างแรง พัดผ่านชุมชนประมาณเกือบ 30 นาที ทำให้ช่วงเช้าเห็นกระถางต้นไม้ที่สวนสวรรค์ฯชั้น 4 กระถางล้มไปหลายต้นแต่ต้นไม้ไม่ได้เสียหายอะไร พ่อครูตื่นตามเวลาปกตินาฬิกาปลุก 6 นาฬิกา กราบพระ ออกกำลังกายตามปกติ เนื่องจากไฟดับตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาพ่อครูจึงออกไปนั่งฉันน้ำปัสสาวะอุ่นที่สวนสวรรค์ฯ
วันนี้เป็นวันโกนท่านปัจฉาหนักแน่น ขออนุญาตปลงผมถวายพ่อครู สังเกตเห็นกระถางต้นทองอโศก เอียงจะล้มอยู่หลายกระถาง นั่งสักครู่พ่อครูก็เข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัว ท่ามกลางไฟมืดมิด แต่ก็มีไฟจากอาเจมส์ เพชรพลังมาส่องให้แสงสว่าง เสร็จแล้วพ่อครูออกมายืนมองที่ลานสะโพ มองเห็นร่องรอยลมพายุ ที่พัดยอดหญ้าจนเอียง ท่านปัจฉาดินไท สังเกตว่าประตูควรจะเปลี่ยนกระจกที่แตกออก เพราะเกรงอันตรายถ้ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้น และพวกเรามีกระจกหรือประตูเก่า ซึ่งน่าจะหามาจัดเปลี่ยนได้ พ่อครูกลับมานั่งที่เดิม ท่านปัจฉาดินไทมาจัดกระถางต้นไม้กับสภาพเดิม พ่อครูมองไปที่ขันกะลาใส่น้ำสำหรับเช็ดหน้าบอกพวกเราว่าขันกะลาใบนี้ใช้มา 10 กว่าปี ยิ่งใช้ยิ่งหนา เพราะเมื่อมีรอยแตก ก็จะนำกาวมาเชื่อม จนทำให้กะลาหนาขึ้น มีต้นไม้หลายต้นกำลังเลื้อยขึ้นเสาโดมแล้ว
อาทิวเมฆ นาวาบุญนิยม ประธานชุมชนบวรปฐมอโศก มากราบนมัสการรายงานเกี่ยวกับเรื่องการเตรียมสร้างโรงปุ๋ยให้ที่บ้านราช พ่อครูให้คำแนะนำในการสร้างโรงงานผลิตในระบบบุญนิยม ที่เน้นให้ความสำคัญ เรื่องจิตวิญญาณของคนในชุมชน ตั้งแต่เด็กเล็กจนถึงผู้ใหญ่ ที่จะต้องมีส่วนร่วมในการผลิตปุ๋ย เป็นสิ่งสำคัญมากกว่าระบบหุ่นยนต์หรือเครื่องจักร การจะทำกิจกรรมอะไรที่บวรราชธานี(เมืองหลวงชาวอโศก)ก็จะเน้นเรื่องพลังรวมของจิตวิญญาณแห่งความสามัคคี ในระบบสาธารณโภคีที่ต้องมีความระลึกถึงกันตามสาราณียธรรม 6 จนเกิดพุทธพจน์ 7 มีเอกีภาวะ เกิดความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวของชาวชุมชน อาทิวเมฆน้อมรับคำแนะนำ และนำไปดำเนินการตามดำริของพ่อครูทุกประการ สนทนากับพ่อครูด้วยบรรยากาศอบอุ่น
เวลา 7.05 นาที พ่อครูกลับเข้าห้องทำงานชั่งน้ำหนักตามปกติ วันนี้ชั่งได้ 50.00 กก.แป๊ะ แต่สังเกตดูแล้ว พ่อครูสวมเสื้อกันหนาว ซึ่งมีน้ำหนักประมาณ 4-5 ขีดก็น่าจะไม่ถึง 50 กิโลกรัม พอถึงโต๊ะทำงานก็เข้าสู่โหมดปกติของพ่อครู ที่เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ พิมพ์งานเขียนธรรมะ พร้อมกับดูข่าวสารจากทีวีทั้ง 3 ช่อง
เวลา 11.06 นาที พ่อครูเตรียมลงมาฉันภัตตาหาร ก่อนลงลิฟท์ได้ยืนดูทีมงานท่านสมณะคมคิดและอากล้าทน กำลังเตรียมยกตอไม้ตาย ขึ้นวางจัดบนอุทยานไม้ตาย ก่อนที่จะมานั่งโต๊ะฉันภัตตาหารในเวลา 11.12 นาที พ่อครูปัจเวกขณ์พิจารณาอาหาร พร้อมกับอ่านหนังสือพิมพ์ที่รับเป็นประจำ 2 ฉบับ โดยมีท่านปัจฉาดินไทและท่านปัจฉาหนักแน่นฉันภัตตาหารอยู่ข้างโต๊ะฉันพ่อครู
พ่อครูฉันภัตตาหารเสร็จเวลาประมาณ 13.25 นาที แปรงฟัน เก็บอุปกรณ์สำหรับฉันแล้วลุกออกมา สนใจคูลเลอร์เก็บความร้อนใส่น้ำขิง ที่ทีมสุขภาพต้มมาถวายท่านสมณะ ที่สามารถเติมได้ร้อนตลอดเวลา พ่อครูเปิดดูก็ยังคงร้อนอยู่พวกเราเรียนว่าเป็นสูตรน้ำขิงที่พูดถึงกันในขณะนี้
เวลา 13.30 นาที พ่อครูเดินออกมาย่อยอาหาร ยืนดูรถเครนของพวกเราที่จอดทำงาน ยกตอไม้ต่างๆขึ้นอุทยานไม้ตาย วันนี้เห็นรถดูดส้วมวิ่งภายในชุมชนแล้วเพราะเป็นวันเปิดเทอม นักเรียนเข้าค่ายซึ่งผู้ที่ขับรถดูดส้วมก็จะเป็นนักเรียนสัมมาสิกขา ที่ได้รับการฝึกฝนมาบริการชุมชน พ่อครูเดินไปที่พลาญหิน หน้าลานสะโพสังเกตเห็นนกกระจอกเทศปูนปั้น มีรอยร้าวที่คอ พ่อครูเดินไปที่หน้าองค์พระมองไปที่ต้นลั่นทมสีแดงสดใสสดกว่าปากของนกกระยางปั้นที่หน้าองค์พระอีก
พ่อครูเดินลงมาที่ลานสะโพ มองไปที่น้ำตกผาแหงนและน้ำโตนวันนี้ไม่มีลมพัดแรง ทำให้ทิศทางของน้ำโตนดิ่งลงมาตามตำแหน่งที่ได้จัดภูมิทัศน์ไว้ ทำให้เกิดแก่งไหลลงสู่แก้งสะโพ ท่านปัจฉาดินไทสังเกตเห็นบริเวณชุดโต๊ะหิน มีเหมือนลูกหว้าผลใหญ่ซึ่งดูแล้วหายากและกำลังโตเกิดเป็นพวงเต็มต้นที่ ใต้ต้นหว้ามีชาวบ้านนำเสื่อมาปูนอนพักมีอาหารเครื่องดื่มอยู่ข้างๆนอนเล่นโทรศัพท์มือถืออย่างสุขสำราญจริงๆ
วันนี้เป็นวันเสาร์ มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือนหลายครอบครัว โดยเฉพาะวัยรุ่นวันนี้เห็นเป็นกลุ่มใหญ่ๆเดินกันไปมาไม่เงียบเหงาเลย เดินไปหน้าอาคารบวรเห็นร่องรอยต้นกล้วยถูกพายุโค่นอยู่หลายต้น เดินมาที่อาคารบวร พญาแร้งกำลังถูกซ่อมแซมเพราะเมื่อคืนคงโดนพายุทำให้ปีกชำรุดเล็กน้อย บรรยากาศตลาดนัดบุญนิยมค่อนข้างเงียบเหงา เพราะถนนยังไม่แล้วเสร็จ พ่อหินเข้มขับรถสัญญาตะวันมารับพ่อครูไปดูงานก่อสร้างถนน
เช้านี้หลังจากพายุฝนผ่านไปอากาศโปร่ง แดดออกกำลังดีจึงมีโอกาสได้เทปูนหน้าวิทยาลัยอาชีวะ พ่อครูสังเกตเห็นรถ เริ่มสัญจรไปมากันอย่างคึกคัก รถสัญญาตะวันพาพ่อครูไปตามถนนตรงมูน ซึ่งได้ถมทรายเสร็จเมื่อวาน แต่พอฝนตกลงมาเมื่อเช้าทำให้ถนนเป็นโคลนและลื่น จนต้องให้รถมาช่วยบดถนน ทำให้สัญจรไปมาได้ในช่วงบ่าย รถผ่านมาหน้าสวนอุทยานและเดินทางต่อไปถึงหน้าโรงเรียนบ้านกุดระงุม ขับต่อมาถึงปากทางเข้าหมู่บ้านกุดระงุม ถนนที่มีหลุมบ่อ สังเกตเห็นว่ามีผู้มาเศษอิฐมาซ่อมแซมบางหลุมแล้ว เมื่อถึงปากทางเข้า พ่อหินเข้มก็ขับรถกลับมาทางเดิม เข้ามาภายในหมู่บ้าน ผ่านโกดังที่พ่อไม้ผลและแม่เขียวพักอยู่ แม่เขียวเข้ามากราบนมัสการพ่อครู
รถสัญญาตะวันพาพ่อครูกลับมาเส้นทางเดิม ซึ่งได้ปรับถนนสูงขึ้นกว่าเดิมพ่อครูดำริแนะนำให้ถมที่ด้านข้างถนนกันตกด้วย มองไปที่นาของชาวบ้านสังเกตเห็นนาข้าวล้ม เนื่องจากมรสุมเมื่อคืนนี้ รถสัญญาตะวันผ่านมาด้านหน้าโรงปุ๋ย พ่อหินเข้มรายงานว่า ที่กำลังเทเป็นเศษปุ๋ยที่เหลือจากปูนเทหน้าวิทยาลัยอาชีวะ รถมาถึงหน้าโรงปุ๋ยมีน้ำนองถึงทางเข้า รถขับเข้ามาภายในโรงปุ๋ย นักเรียนสัมมาสิกขาที่กำลังเข้าค่ายเปิดเทอมกลุ่มสีเขียว กราบนมัสการหลวงปู่ รถกลับมาที่ถนนคอนกรีต อาปื๊ดกำลังทำร่องน้ำระบายน้ำที่ขังทางเข้าโรงปุ๋ย รถสัญญาตะวันพาพ่อครูมาถนนทางลัดไปอาคารบวร เห็นท่านสมณะแก่นเกล้า กำลังเก็บสลิงที่วางพาดไว้บนพื้น
รถขับขึ้นมาที่อาคารบวร นักเรียนสัมมาสิกขากลุ่มสีชมพูกำลัง 5 ส. ด้านหลังเวทีก็เข้ามากราบนมัสการหลวงปู่ รถผ่านมาข้างร้านปันกัน อาแสงศิลป์กำลังหล่อแบบหัวพญาแร้ง รถพาพ่อครูกลับมาที่อาคารเฮือนสูญ พ่อครูกลับขึ้นชั้น 4 ออกมายืนดูอุทยานไม้ตาย ที่กำลังจัดวางตอไม้ ก่อนที่พ่อครูจะกลับเข้าห้องทำงานและเข้าสู่โหมดนั่งพิมพ์งานธรรมะเป็นปกติก่อนที่จะพักในเวลาประมาณ 16.40 นาที
เวลาประมาณ 17.18 นาที พ่อครูเดินลงมาที่สวนเกาะแก้วซึ่งป้าดาวนากำลังจัดตกแต่งสวนอยู่ ป้าดาวนาเรียนพ่อครูว่าต้นไม้ที่ปลูกแปลงน้อยคือต้นถั่วบราซิล ซึ่งจะมีดอกเล็กๆสีเหลืองสวยงาม พ่อครูถามถึงต้นไทรที่นำมาปลูกข้างตอไม้อาสนะว่าจะไม่ใหญ่โตคลุมตอไม้จนมองไม่เห็นเลยหรือ ป้าดาวนาเรียนว่าเป็นไทรพันธุ์แคระที่สามารถตัดตกแต่งได้ รวมถึงเรียนพ่อครูว่าได้นำต้นรวงผึ้ง มาปลูกด้านข้างตอไม้อาสนะนี้ด้วย พ่อครูเดินมาหน้าลานพระพุทธโต ชื่นชมต้นหญ้าที่เมื่อคืนโดนลมแรงพัดแต่ก็ยังตั้งตัวได้เร็วในช่วงเย็น ก่อนที่จะเดินลงมานั่งบริเวณโขดหินใต้ต้นไฮ มองไปที่น้ำตกผาแหงนและน้ำโตน ซึ่งมีผู้คนมาเล่นน้ำกันเป็นครอบครัว ไม่นานนักผู้ใหญ่บ้านติ๊ก ขว้ญหินแก้วพร้อมทีมงานบุญนิยมทีวี ปุ๊ก ทองไทกับรุณ ฟางรวงทองกลับมาจากการประชุมเตรียมงานแถลงข่าวเทศกาลงานเจของจังหวัดอุบลฯ ได้เข้ามากราบนมัสการพ่อครูสนทนากันในเรื่องต่างๆสัพเพเหระ รุณรายงานหลวงปู่ว่าต้นหญ้าที่เห็นสูงใหญ่หน้าลานสะโพพันธุ์นี้ อีกไม่นานก็จะมีดอกสีเหลืองงดงาม บรรยากาศสนทนาเต็มไปด้วยความอบอุ่น ดูพ่อครูผ่อนคลายอารมณ์แจ่มใส เบิกบาน ลูกหลานมองว่าพ่อครูได้มานั่งพักผ่อนในยามเย็นท่ามกลางธรรมชาติบ้างก็ช่วยผ่อนคลาย พักสายตาจากการทำงานหน้าจอเป็นประจำบ้างอย่างนี้ก็ดี
ท่านปัจฉาดินไทเก็บลูกหว้าใต้ต้นซึ่งมีผลขนาดใหญ่ นำมาให้พ่อครูดู พ่อครูบอกว่าอย่างนี้ช้ำจะเน่ากินไม่ได้แล้ว ไม่นานนักอาแซมเดือนมากราบพ่อครูได้ยินว่าเป็นลูกหว้าผลใหญ่ก็สนใจเข้ามาดูและแกะชิมดูจึงเรียนพ่อครูว่าดูลักษณะผลและชิมดูแล้วไม่ใช่ลูกหว้าแต่เป็นลูกไข่เน่า พวกเราถึงกับหัวเราะชอบใจที่คิดว่าเป็นต้นหว้ามาตั้งแต่เช้า แต่พอมาเป็นต้นไข่เน่า ยิ่งทำให้น่าสนใจเพราะเป็นต้นไม้โบราณน่าอนุรักษ์ ลูกหลานนั่งสนทนากับพ่อครูยังเห็นก้นกรองบุหรี่ อยู่ที่ลานสะโพ พ่อครูยังบอกให้ช่วยกันดูแล ไม่ให้ผู้ที่มาเล่นน้ำสูบบุหรี่ภายในบริเวณนี้ ไม่นานนักท่านปัจฉาหนักแน่น ได้เก็บลูกไข่เน่าพร้อมกับใบของต้นไข่เน่าที่หล่นลงมา มีทรงแปลกโดยปลายยอดมีถึง 5 แฉกถวายพ่อครดู ท่านปัจฉาหนักแน่นจึงสนใจจะนำไปให้พวกเราได้เพาะกล้าเพื่อปลูกอนุรักษ์ไว้ต่อไป
เวลา 18.05 นาที พ่อครูลุกเดินมาที่หน้าอาคารบวร สังเกตเห็นต้นทองอโศกที่วางบริเวณบันได ล้มระเนระนาดหลายต้นและเหมือนขาดคนดูแล ลักษณะต้นค่อนข้างเหลือง พ่อครูสนใจที่ปัดน้ำฝนดูเหมือนดาบทำได้เหมือนจริงๆ แต่แท้ที่จริงคือที่ปัดน้ำฝน ป้าแมวขี่จักรยานเตรียมมาฟังธรรม ได้จอดจักรยานลงมากราบพ่อครู
พ่อครูสังเกตเห็นต้นไม้ข้างทางถูกตอนหลายต้น โดยเฉพาะต้นหม่อน พวกเราเรียนว่าต้นไม้เหล่านี้จะใช้เป็นวัตถุดิบในการทำน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวในช่วงงานเจเป็นจำนวนมาก จึงเริ่มขยายพันธุ์เพื่อให้ทันใช้และมีปริมาณมากพอ เดินไปไม่นานนายรักษ์เขตกับน้องบอยขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามากราบนมัสการพ่อครู แล้วตามพ่อครูเดินไปถึงหน้าโรงปุ๋ยยังมีช่างทำงานอยู่พ่อครูเดินกลับทางเดิม บรรยากาศเริ่มมืดแล้วแต่ยังไม่เห็นไฟส่องสว่างทั้งป้ายราชธานีอโศกและหน้าอาคารบวรซึ่งดูมืดมาก แม้กระทั่งทางเดินก่อนถึงน้ำตกผาแหงนก็ไม่มีไฟส่องสว่าง มาถึงชั้นล่างเฮือนศูนย์สูญ
เวลา 18.30 นาทีซึ่งกำลังมีการแสดงธรรมของท่านปัจฉาในรายการพุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูกลับขึ้นชั้น 4 ก่อนเข้าห้องทำงาน รัฐเขตถามถึงอาการปวดเมื่อยของพ่อครูว่ามีบ้างหรือไม่ พ่อครูบอกว่าก็แปลกที่พ่อครูไม่มีอาการปวดเมื่อย ที่บริเวณไหนเลยจะปวดแข้งปวดขา ปวดเอวปวดหลังไม่มีเลย พวกเราบอกว่าเป็นเรื่องที่อัศจรรย์น่าแปลก เพราะผู้ที่อายุยาวส่วนมาก ก็จะปวดตรงนั้นตรงนี้ จะลุกจะนั่งก็ไม่สะดวก แต่พ่อครูยังมีความคล่องแคล่วอยู่ตลอดเวลา มีอาการอย่างเดียวคือไอเท่านั้นเองซึ่งพ่อครูก็ถือว่าเป็นวิบากที่สำคัญของพ่อครูในชาตินี้ พอมานั่งโต๊ะทำงานท่านปัจฉาดินไทถวายผ้าและน้ำอุ่นเช็ดหน้า พ่อครูนั่งพิมพ์หนังสือธรรมะต่อ พร้อมดูรายการจากทีวีทั้ง 3 ช่อง
เวลาประมาณ 20.37 น.พ่อครูเตรียมพัก ท่านปัจฉาหนักแน่นทาน้ำมันเทพทาโร สวมถุงเท้าถวายพ่อครู พ่อครูเข้าเต๊นท์กราบพระ ก่อนที่จะบริหารร่างกายท่าเดิมเหมือนตอนเช้าแต่ไม่มีวิดพื้น และจำวัดเวลา 20.44 น. อุณหภูมิ 28 องศาฯ ไม่มีฝนตกอากาศค่อนข้างอบอ้าว