610909_วิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ เศรษฐกิจสุดวิเศษแบบพุทธอยู่ที่ไทอโศก
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1UYcRVOgp4Mm1ViPwBdmeFR_XXxwhyuzx4P1Ejqw-MVE/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่ https://drive.google.com/open?id=1-PJzs1KSl-6LVEQT94QXGKucoIFjFonU
สมณะฟ้าไทว่า…วันนี้วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน 2561 ที่บวรราชธานีอโศก ช่วงนี้ชาวอโศกต้องหันมาเพิ่ม พลังงาน Coefficient เนื่องจากใกล้วาระที่ครบ 48 ปีแห่งโพธิกิจ 84 ปีพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ ในงานมหาปวารณาครั้งที่ 36 แต่ละชุมชน ก็ควรหันมาทบทวน จุดเด่นจุดด้อยของตนเอง ที่ควรแก้ไขพัฒนา ที่เราควรตรวจสอบประเด็นแรกคือการศึกษาโลกุตระ การฟังธรรมพ่อครู เราได้ตั้งใจศึกษากันมาน้อยแค่ไหน รวมหมู่กลุ่มกันมากน้อยแค่ไหน หากศึกษาคนเดียวก็ไม่สู้ศึกษาเป็นหมู่กลุ่ม แม้แต่การออกกำลังกายเช่นเดียวกัน การทำ 5 ส.จัดการขยะในชุมชน กิจการที่เป็นการช่วยเหลือสังคมต่างๆ อีกประเด็นคืออาคาร บวร พ่อครูเสนอให้คนมาค้าขายกัน แต่ก็ไม่ค่อยมีคนมาทำ แต่มีผู้เสนอว่า จะทำได้ก็เริ่มจากมาขายของราคาเท่าทุนกัน แต่ไม่คิดค่ารถ ค่าแรงก็จะราคาต่ำกว่าทุนไปอีก
สื่อธรรมะพ่อครู(โพธิปักขิยธรรม 37) ตอน ธรรมะสองของโลกียะโลกุตระ
พ่อครูว่า…เริ่มต้นด้วยคำว่าโลกุตระ สามัญเขาก็ใช้โลกียะ หรือโลกๆ ธรรมดาๆ ทั่วไปปุถุชน พอมามีอีกอันหนึ่งขึ้นใหม่แล้วมันทวนกระแส ปฏิโสตัง ทวนกระแสโลก ที่ คนจะต้องยินดีในลาภยศสรรเสริญโลกียสุข ที่บำบัดบำเรอเวทนา ตัณหา ที่ต้องการ อุปาทานที่ยึดไว้ แล้วเราก็ยึดอยู่อย่างนั้นก็ได้ตามตัณหา ก็เกิดอาการจิตชอบใจ พอใจ บำเรอตัวที่ตั้ง ที่อุปาทานยึดไว้อย่างนี้ มันจะมีตัวตั้งของจิตที่เป็นตัวเรา เป็นเราอย่างนี้ อันนี้ สัญญา ย นิจจานิ ยึดไว้กำหนดไว้อย่างนี้ๆ พอได้มาตรงเป๊ะ หรือไม่ตรงก็อนุโลมไม่ได้ร้อยก็เอา 90 80 ก็ยังดี แล้วมันก็พอใจ
เมื่อมีสิ่งสอง ธรรมะสองสัมผัสกันกระทบกัน แตะกันก็จะเสียดสี แตะกันก็ระดับหนึ่ง ถ้าไม่มีอะไร แตะเลย หนึ่งเดียว คือไม่เกิดการปรุงแต่งอะไรเกิดขึ้น 1.ไม่เคลื่อนไหว 2.ไม่มีอะไรไปแตะเลย อย่างนี้ สูญ เริ่มต้นตั้งแต่ สภาพเป็น1ก็จะเป็น 0 และ 1 มันไม่มี 2 ศูนย์มันก็ไม่มี 2 มันคือสภาวะที่เกิดขึ้นที่เราจะต้องกำหนดรู้ ตามที่เราใช้สังขยาเลข แทนสภาวะต่างๆ สภาวะ 1 สภาวะ 2 เกิดขึ้นมีอะไรแตกมากขึ้นหรือมีอะไร อีกอันหนึ่งมาเกี่ยวข้องกับเรา ก็มีแค่นี้สภาวะ แล้วปรุงแต่งผสมผเส ก่อเรื่องราวตามเหตุ นิทาน สมุทัย ปัจจัย แตกลูกแตกหน่อ แตกกอ นับเป็น ล้านๆๆ
พระพุทธเจ้าค้นพบสิ่งนี้ขึ้นมาจึงเป็นสุดยอด โลกุตระ แล้วท่านก็อธิบายละเอียดจนกระทั่งธาตุรู้ ที่จะจำกัดกำหนดหมายชัดเจน มันรู้อยู่อย่างนี้อย่างเดิม (พ่อครูไอตัดออกด้วย) แม้จะขยายมากขึ้นมันก็อย่างนี้ มันมีอันใหม่จากอันที่ยังไม่มี มีอยู่อย่างนี้ แล้วไม่มีนี้มีตัวซ้อนในนี้ มีมากขึ้นมากขึ้นมากขึ้นแล้วก็จะเสื่อมลงเสื่อมลงเสื่อมลง แล้วก็จะมีมากขึ้นมากขึ้นมากขึ้นแล้วก็เสื่อมลงเสื่อมลงเสื่อมลง ถ้ามีระนาบแค่นี้ มีไปแล้วก็มา มีเฉียงได้อีก สอดแทรกประสานกันได้อีกมากมาย พูดก็เมื่อยเลย
สิ่งที่มีอยู่มี 1 จุด กับ การเคลื่อนไหว แค่นี้แหละ
SMS วันที่ 8 กย. 2561 (พ่อครู : พุทธศาสนาตามภูมิ)
_1025กราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูง สืบเนื่องที่พ่อครูตอบคำถามเมื่อวานนี้ ทำให้เข้าใจสิริมหามายา ต้องล้างกิเลสตัวร้าย เบื้องต้นให้ได้ก่อน ตามลำดับทีละเรื่อง เพื่อเพิ่มพละอินทรีย์ของตัวเอง
สื่อธรรมะพ่อครู(การเมืองบุญนิยม) ตอน ยุคป๋าเปรมกับยุคลุงตู่เหมือนและต่าง
_3867พ่อครูว่าลุงตู่จะลงสู่โลกการเมืองเต็ม100ไหม?ถ้าลง อยากให้ท่านทำการเมืองเหมือนรัฐสมัยป๋าเปรมเพราะทั้งศตวรรษมียุคป๋าเปรมยุคเดียวที่ปลอดกลียุค!บ้านเมืองสุขสงบกว่ารบ.ใดๆ!กบสิ้นโศก
ถ้าลุงตู่ทำการเมืองพาบ้านเมืองสุขสงบสันติเหมือนยุคป๋าเปรมฯพ่อครูว่าบั้นปลายลุงตู่เขียวจะเป็นรัฐบุรุษฯตามรอยป๋าเปรมไหม?กบฉงน?
พ่อครูว่า….เอาที่ปัจจุบันตอนนี้ ลุงตู่บอกว่าผมเป็นนักการเมืองที่เคยเป็นทหารมา 1 ไม่ลง 2 ประพฤติตนเป็นนักการเมือง 3 มีหน้าที่ตำแหน่งก็ทำหน้าที่เต็มที่แล้ว อาตมาว่าก็ใช้ได้ดี อาตมาว่าอยากให้ต่อ
อาตมาว่าทำอย่างป๋าเปรมนี้เก่าแล้ว จะว่าตกยุคก็ตก มีแกนของป๋าเปรมที่ซื่อสัตย์บริสุทธิ์ทำจริง อันนี้แหละใช้ได้ แต่ทำอย่างลีลาอย่างป๋าเปรมไม่ได้ ไม่พูด นิ่ง ไม่ได้ ยุคนี้ไม่ได้ ต้องอย่างลุงตู่นี่ ถ้าใครเข้าใจความต่างของลุงตู่กับป๋าเปรมได้ ยุคนั้นป๋าเปรมทำอย่างนั้นใช้ได้เลย เพราะในยุคนั้นไม่ต้องใช้ปัญญามาก ใช้ลักษณะเจโตเท่านั้น เพราะปัญญาคนยังไม่มี จึงไม่ต้องสู้กันด้วยปัญญา แล้วก็เอาสภาวะเจโตคือนิ่งๆๆนั่นแหละสู้ ใช้ได้เลยในยุคนั้นประเทศไทยป๋าเปรมกอบกู้มาตั้งแปดปีเป็นรากฐานที่ดีเลย แต่มาถูกทักษิณกวนเละใหญ่เลย ตู่ก็มาจัดการ ก็กำลังเจริญก้าวหน้าไปตามลำดับ แต่ก็ใช้หนี้ไปได้เท่าไหร่แล้ว
กลียุคไม่เกิดในยุคที่ Static แต่ยุคนี้ มันเกิดได้แต่ทำได้ไม่ให้เกิดกลียุค ทำให้พวกกาลีทำอะไรไม่ได้ บ้านเมืองยุคป๋าเปรมสงบๆ แต่ยุคนี้วุ่นวายแล้วสงบ ยุคป๋าเปรมรากฐานสงบ เอาอย่างต่างประเทศมาไม่ได้มาก ทุนก็ไม่สามานย์เท่านี้ ขณะนี้ทุนสามานย์ตัวอย่างที่ฉิบหายมากสุดคือทักษิณ ทำแบบทุนนิยมสามานย์ได้เลวร้ายที่สุด พูดนี้ไม่ได้ลงโทษใส่ความทักษิณ แต่เป็นกรรมที่เขาทำให้เห็น ก็เลยเรียกลักษณะตามภาษาว่าเป็นอย่างนี้
ป๋าเปรม ในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นผู้ตั้งให้เป็นรัฐบุรุษ แต่อย่าง ปรีดี พนมยงค์ ก็มีประชาชนจำนวนหนึ่งยอมรับกันว่าเป็นรัฐบุรุษ แต่ก็ยังมีคนจำนวนน้อยยอมรับ
สื่อธรรมะพ่อครู(โพธิปักขิยธรรม 37) ตอน ลำดับของสมุจเฉทปหานกับนิสรณปหาน
_1614ฝากถามสำมะปี๋หน่อยค่ะ เมื่อประมาณปี 2541 พ่อครูอธิบายปหาน 5 นั้น สมุจเฉทปหานจะเป็นข้อสุดท้าย ต่อมาหลังปี 2555 สมุทเฉทปหานอยู่ข้อ 3 และนิสรณปหานเป็นข้อ 5 นั้นมันแตกต่างกันอย่างไรคะ และแบบไหนถูกกว่ากัน หรือถูกทั้ง 2 แบบแล้วแต่สภาวะธรรมหรือเปล่าคะ?
พ่อครูว่า…ตอนที่อาตมาใช้คำว่าสมุจเฉทะ อาตมาเอาที่พยัญชนะว่า ตัดขาด แตกหักเลย ตัดขาดอย่างยิ่งใหญ่ ก็เลยเอาไปใช้เป็นอันแรก ต่อมาผู้รู้โบราณาจารย์เอาเรียงไว้ที่ตัวที่ 3 อาตมาก็มาดูทั้งพยัญชนะและสภาวะ ถ้าสมุจเฉทะก็แตกหักแต่ นิสรณะ บอกสภาวะ ที่ไม่ต้องพึ่งไม่ต้องรบ สรณะคือประกอบการรบ ทำการรบ คนปุถุชนจะสรณะตลอดเวลา ตราบใดคุณมีกิเลสต้องพึ่งพาการรบจนชนะจนจบ สรณะ ก็คือไม่ต้องรบ เป็นอรณะ เป็นอรหันต์ แล้วคุณต้องพึ่งสภาวะที่จบแล้วเป็นอรหันต์มาเป็นปฏินิสรณะอีกทีหนึ่ง ไม่รบแล้ว แต่เหมือนรบ
เหมือนรบนี่คือ สิริมหามายา แต่เราไม่ได้รบกับเรา จะบอกว่าเรารบกับคุณก็ใช้อาวุธคือปัญญากับความสงบ ไม่ได้ทำร้ายใคร แต่ใช้อย่างอนุโลมปฏิโลม ช่วยให้เกิดปฏิกิริยา รบคือทำให้เกิดปฏิกิริยาสังเคราะห์สังขารกัน จนจบลงอย่างสะอาด
สรุป อาตมาก็ เห็นด้วย ว่า จะทำให้มันแตกหักได้เป็นรอบๆสามเส้า
ตทังคปหาน วิกขัมภนปหาน สมุจเฉทปหาน ปฏิปัสสัทธิปหาน คือทำซ้ำทำที่สำเร็จนี่ทำซ้ำๆๆ จนจบที่ นิสรณปหาน จบได้
ภาษากับสภาวะ ผู้จบสมบูรณ์ สภาวะเป็นปัจจัตตังของตัวเองแล้ว แล้วจะมีเวทิตัพโพวิญญูหิติ จบ คุณมีทั้งตัวเป็นได้และมีทั้งความรู้ เวทิตัพโพ วิญญูหิติ
วิญญูคือรู้ครบ คือ อัญญะที่ทำให้เกิดรู้วิเศษ วิสุทธิ์ วิศิษฐ์ เป็นปัจจัตตัง อาตมาก็เลยเห็นว่า สมุจเฉทปหาน อยู่ที่ 3 นิสรณปหานอยู่ที่ 5
สื่อธรรมะพ่อครู(โพธิปักขิยธรรม 37) ตอน เครื่องรับกับเครื่องส่งของธาตุรู้ในจิต
_สุดชดา ยังมีหนึ่งคำถามที่สงสัยมานานแล้วดังนี้ค่ะ พ่อครูคะสมัยเรียนชั้นมัธยมมีพระอโศก เดินผ่านหน้าโรงเรียนตอนนั้นรู้แต่ว่าเป็นพระแต่ไม่รู้ว่าพระอะไรเพราะไม่ได้สนใจ แต่หลังจากนั้นก็กินไข่ไม่ได้ เหม็นคาว ต่อมาดิฉันไปเรียน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่และไปหาซื้ออาหารซึ่งมีเนื้อสัตว์ตามปกติห่างจากพ่อครูไปเทศน์ราว 100 เมตรอยู่ๆก็เบื่อเนื้อสัตว์กินไม่ได้ เขี่ยให้เพื่อนซ้าย-ขวาทั้งๆที่ไม่ได้สนใจไปฟังธรรมแต่อย่างใด 2 เหตุการณ์พ่อครูเทศน์ พ่อครูสะกดจิตคนฟังหรือเปล่าคะ? ทำไมดิฉันถึงเหมือนถูกสะกดจิตและไม่เป็นตัวของตัวเอง หรือพ่อครูมีฤทธิแห่งธรรมมากจนเหนี่ยวนำให้ดิฉันเป็นแม่เหล็กตามเพราะถูกจัดอณูขั้วเหนือขั้วใต้แบบชั่วคราวใช่หรือเปล่าคะ?/
พ่อครูว่า…อาตมาตอบคุณไม่ได้จะมีส่วนหรือไม่มีส่วนแต่คุณมีสภาวะของคุณเองมาและมันก็เกิดไปตามธรรมดา ธรรมชาติที่คุณมี ไม่เหมือนกระแสวิทยุ แล้วมีเครื่องรับได้ ถ้าหากคลื่นตรงกันก็เข้า ถ้าหากคลื่นไม่ตรงกันก็ไม่ เป็นสภาวะธรรมดาธรรมชาติทุกอย่าง เป็นแต่เพียงว่าถ้าเป็นจิตนิยามมันมีตัว ธาตุประธานหรือแม้แต่พีชะก็เริ่มมีแล้ว พอเริ่มมีพีชนิยามก็จะมีตัวกำหนดรู้ อันไหน เอาอันไหนไม่เอา แต่ไม่ไปทำร้ายไปแย่งใคร หากแย่งได้ก็เอาแต่แย่งไม่ได้ สู้แรงไม่ได้ก็เอาไม่ได้ เท่าที่ตัวเองมีแรง ตัวเองรู้ว่าจะเอาอะไรมีแต่สัญญา อะไรเอาอะไรไม่เอา ไม่ใช่ไม่เอา เอาแต่ที่ใช่ มันมีตัวตนของตนขนาดหนึ่ง
พอเป็นสัตว์จิตนิยามแม้ไม่ใช่ของกูก็เอามาก่อน อันไหนไม่เข้าก็เขี่ยทิ้งไป ส่วนมากสัตว์ตะกละเอาแล้วคายทิ้งๆเยอะเลย สัตว์ตั้งแต่เซลล์ชั้นต่ำ จะเป็นอย่างนั้น จนกระทั่งสามารถเลือกเอา กรองได้อย่างถี่มากขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถมีพลังงานที่เร็วเอาหรือไม่เอาจนคนรู้ไม่ทัน ยิ่งกว่านักเล่นกล เป็นสิริมหามายา รู้ไม่ทันอะไรเป็นอะไร อะไรมากบอกตามนั้น ดำนะ ขาวนะ ก็จิตเร็วกว่าคนที่จะรับซับซาบจากคนนี้ พลังงานที่เขาทำนี่เร็วกว่า ความเร็วของจิตที่คุณจะมารับสัมผัสรู้ เร็วกว่าแสงที่กระทบแล้วเข้าไปหาอันนั้น มุทุธาตุเร็วกว่าการเดินทางของแสง เหมือนนักมายากล เรากระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย อันนี้เร็วกว่า เพราะฉะนั้นถือว่านี่แหละคือ อุตระ นี่แหละคือการอยู่เหนือกว่า
คนที่อยู่เหนือกว่าอย่างใจบริสุทธิ์ จะไม่เอาความได้เปรียบความเก่งกว่านี้ไปเอาอะไรจากใคร มีแต่เอาความเหนือกว่านี้ไปช่วยเขาให้เจริญขึ้นมาอย่างบริสุทธิ์สะอาด ทำลายสิ่งที่ควรทำลายอันเป็นโทษ นี่คือความซับซ้อนของคุณสมบัติคุณธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านค้นพบ อาตมาก็ปฏิบัติตามก็ได้มา แล้วก็เอามาทำอย่างนี้ เป็นผลทำงานมาจนถึงทุกวันนี้
อาตมาบอกไม่ได้ว่าเป็นอย่างที่ว่าหรือไม่ หากคุณมีบารมี แต่ถ้าคุณไม่มีบารมี ก็เป็นได้ว่าจากสนามแม่เหล็กที่อาตมาสร้างขึ้นไป แล้วคุณเป็นแม่เหล็กอ่อนที่รับได้
สรุปอีกที คนเราก็สร้างสภาวะ ธาตุ อันนี้เรียกธาตุรู้ อันมี ธาตุอีกอันหนึ่ง เรียกเป็นภาษาว่าความรู้กับความจริง ธาตุรู้กับธาตุจริง เป็นธรรมะ 2 ใครจะมีอันไหน คุณมีหรือว่าอาตมามี ถ้าคุณมีแล้วคุณได้ คุณมีพลังพอก็ได้ หรือว่าคุณพลังไม่มากแต่อาตมามี คุณก็ได้จากที่อาตมาแสดงอยู่ ออกไป ถ้าคุณฟังอยู่ใกล้ๆ 100 เมตร
_ปางตะวัน · เกษตรอุตสาหกรรมลุงยักษ์มานำประสานเครือข่ายจะศิวิไลซ์แน่นอนค่ะ
พ่อครูว่า…เกษตรรวมทั้ง การกสิกรรมปศุสัตว์และประมง แต่ของเรามีแต่กสิกรรมอย่างเดียว อุตสาหกรรมหมายถึงทำกันอย่างเป็นเรื่องใหญ่ เรียกว่าอุตสาหะพากเพียรทำเลย อย่างชาวอโศกมีกสิกรรมเป็นอุตสาหกรรม ไม่ใช่เกษตรอุตสาหกรรม ไม่มีปศุสัตว์อุตสาหกรรม หรือประมงอุตสาหกรรม
เราเอากสิกรรมสิ เราทำอยู่แล้วด้วย
_8647 เรี่องตัวตนและหวงที่หลับที่นอน(กราบนมัสการพ่อครูคะกราบขอบพระคุณค่ะที่ตอบคำถามทำให้ลูกไดัรู้กิเลสตัวเองมากขึ้น ลูกไปเข้าค่ายกดจุดปฐมเหตุที่สันติไปขอพักค้างทีตึกนวล เข้าไปนอนชั้นสอง ลูกเห็นปูเสื่อจองเต็มแล้ว เลยไปชั้น3-4 เห็นชั้น4มีคนนอนอยู่ 4คนเป็นที่มาอบรมด้วยกัน ก็เลยนอนด้วยกัน ที่ติงมาเพราะกลัวไม่มีคนเข้ามาสานต่องานพ่อครูค่ะ
สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน ศีล 3 ข้อ แยกย่อยได้อีกเพื่อง่ายต่อการปฏิบัติ
_8784 วันนี้ได้ข้อคิด “สมาธิ ในศีล 5” กราบขอบพระคุณ ท่านเดินดิน ติกขวีโร
พ่อครูว่า…อาตมาพยายามเน้นอธิบายขยายความสมาธิในศีล 5 โดยเฉพาะสมาธิในศีล 3 ด้วยซ้ำไป ข้อ 4 เป็นเรื่องของวจี ข้อ 5 เป็นเรื่องของมโน ถ้าเกิดว่าแกนของศีล 3 สัตว์ข้าวของและพืช และตาหูจมูกลิ้นกาย ถ้าคุณเข้าใจศีลสมาธิปัญญาวิมุติในศีล 5 ในศีล 3 ได้ดี คุณก็จะรู้ว่าสมาธิ ของศีล 5 เป็นตัวกำหนด
เพราะฉะนั้นสมาธิต้องมีศีลเป็นตัวกำหนด สมาธิในศีลข้อที่ 1 เรื่องของสัตว์เท่านั้นนะ ดีไม่ดีซอยลึกในสัตว์แต่ละตัวด้วย สัตว์มีหลายล้านตัวเราไม่เห็นจะเกี่ยวข้องกันมันก็มีวิบากของมันเราก็อยู่ของเรา แม้ว่ามันจะผ่านไปผ่านมาเราก็ไม่เกี่ยวแล้ว มันก็ไม่เกี่ยวกับเรา คือแม้ว่ามันจะมาเกี่ยวกับเราแต่เราหนีมันให้พ้นก็แล้วกัน มันก็ไม่เกี่ยวกัน เพราะฉะนั้นถ้าเข้าใจที่อาตมาพยายามอธิบายให้ชัดเจนและง่ายกระชับ ไม่รุ่มร่ามเยอะแยะ มั่วไปหมด ก็จะมีปมประเด็นที่น้อยเสร็จไปทีละอย่าง
สมมุติว่าคนเกี่ยวกับสัตว์ ฉันจะกินแต่ปลา เนื้ออื่นฉันไม่กินแล้ว คุณก็ต้องรู้สัมผัสที่ปลา สัมผัสเมื่อไหร่คุณก็อ่านความจริง อันอื่นคุณไม่เกี่ยวแล้วคุณไม่ยุ่งคุณไม่ปรุงแต่งด้วยมันจะเป็นอย่างไรคุณก็ไม่เกี่ยว เนื้อวัวเนื้อควายเนื้อช้างเนื้อวัวเนื้อไก่เนื้อเป็ด ฉันก็เฉย ฉันไม่เกี่ยว หรือแม้ว่าคุณยังไม่ทำก็ยังไม่ได้ แม่เขาจะกินติดเนื้อปลาเนื้อไก่เนื้อกุ้งกับคุณไม่แล้ว คุณจะเอาแต่เนื้อปลานี่แหละที่จะปฏิบัติแต่เนื้อปลา สัมผัสกับปลานี่แหละ อ่านกิเลสตัวเอง ทำอันนี้ได้ก็เป็นฐาน เป็นสมาธิเป็นจิตที่ตั้งมั่น เผากิเลสก็คือฌาน เผาได้ก็ตกผลึก ลงเป็นสมาธิ จิตก็สะอาดเป็นบริสุทธา ปริโยทาตา ปภัสสรา ขึ้นไปเรื่อยๆสั่งสมเป็นสัมมาสมาธิ
_1929 เบิกฟ้า ท้าจน..น้อมกราบนมัสการพ่อครู ท่านสมณะและสิกขมาตุ เจริญธรรมญาติธรรมทุกท่าน…สาธุครับ
_3863 จะพากันไปทั้งครอบครัว ตั้งใจไว้แล้วค้ะ
พ่อครูว่า…ขอเข้ามาหาเศรษฐกิจบ้าง
โดยพยัญชนะคำว่า เศรษฐะ ภาษาเป็นสันสกฤต ของบาลี เสฏฐะ เป็นสภาวะอันเดียวกัน อ่านกวีบทนี้ เศรษฐกิจสุดวิเศษแบบพุทธ
(๑) “เศรษฐกิจ”คิดแต่ตื้น โลกีย์
ล้วนอยากรวยมั่งมี หลากล้น
แข่งเด่นแย่งกันทวี วัตถุ
ได้มากมาท่วมท้น “สุข”แล้วปุถุชน
(๒) คนนับเป็นเครื่องชี้ ชีวิต
จมอยู่กับ“เศรษฐกิจ” แบบนี้
“สุข”ก็ยึดผูกจิต ผนึกแน่น กันเลย
“ติดสุข”หลงลับลี้ นรกเพ้อเป็นสวรรค์
(๓) หันมาสร้าง“เศรษฐกิจ”ให้ “คนจน”
นี่แหละสังคมคน เลิศแท้
“จน”ทรัพย์แต่“สุข”สน- ใจฉลาด ขึ้นเฮย
“อาริยะปัญญา”แก้ ประลุด้วย“สัมมา”
(๔) พาทั้ง“สี่กิจ”ย้อม ความดี
“ตัดกิเลส”ด้วยแสนศรี สุดแล้ว
“อาชีพ-การงาน”มี “คุณวิเศษ” ช่วยแล
“พูด-คิด”พุทธเพริศแพร้ว โลกได้เห็นวิถี
(๕) ว่ามี“ทิฏฐิ”แก้ “เศรษฐกิจ”
ที่เกิดผลสัมฤทธิ์ เด็ดแท้
แบบนี้แหละวิศิษฏ์ สุดยอด เชียวพ่อ
เพราะยั่งยืนวิสุทธิ์แม้ ปราศพ้นโพยภัย
(๖) คนไทยมีพุทธชี้ วิชชา
สูงสุดศาสตร์ที่พา สำเร็จได้
ซึ่งยอดวิธีหา ใดเทียบ เท่าแฮ
อย่างอื่นนั้นแม้ใช้ จบแล้วเวียนคืน
(๗) ยั่งยืน“เศรษฐกิจ”นี้ ครบหมด
มี“อิสระ”สุดใสสด ฟ่องฟ้า
“อัตตา”ก็หมดจด ดับสนิท ได้เด็ด
“จิต”ประธานกาจกล้า แกร่งด้วย“อุตตระ”
“สไมย์ จำปาแพง” ๓๑ ส.ค. ๒๕๖๑
[นัยปก “เราคิดอะไร” ฉบับ ๓๓๙ ประจำเดือนตุลาคม ๒๕๖๑]
พ่อครูว่า…เรารู้ว่า สุขชนิดนี้ วูปสโมสุข หรือจะเรียกเต็มๆว่าปรมังสุขัง แปลว่าสุขยิ่งกว่าสุขที่โลกเขาเข้าใจ ยิ่งกว่าสุขทางโลก ยืมพยัญชนะคำว่าสุขมาใช้เท่านั้น ใจเราไม่ได้เดือดร้อน อยากจะมีอย่างเขา ริษยาอยากจะมีอย่างเขา ไม่มีก็ไม่เป็นไร ถ้ามีมาก็ใช้ตามเหตุปัจจัยตามความจำเป็นที่จะต้องทำก็เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้น อธิบายเหตุปัจจัยต่างๆความรอบต่างๆ ผู้ที่จะมีสภาวะหรือมีแล้ว ก็จบในตัว ตรงกับที่เราเข้าใจ เป๊ะ ไม่มีวิจิกิจฉาไม่สงสัยลังเลหมดสงสัย หมดวิจิกิจฉา หมดกังขา
อีกอันหนึ่ง
เศรษฐกิจสุดยอดของพุทธ
(๑) ใบเสร็จก็รับแล้ว งานจบ
เงินจ่ายก็นับครบ ถูกถ้วน
แต่“เศรษฐกิจ”ก็ยังรบ กันต่อ มิหยุดเลย
เพราะ“แย่งรวย”กันล้วน บ่รู้“พอเพียง”
(๒) เศรษฐกิจเยี่ยงนรกแท้ โลกีย์
“เห็นแก่ตัว”เกินวจี แจกแจ้ง
สามานย์จัดกว่าผี เหี้ยนโขมด โฉดชั่ว
“เศรษฐศาสตร์”เก่านี้แล้ง ขอดแห้งน้ำใจ
(๓) ในโลกส่วนใหญ่ล้วน โลกีย์ อยู่พ่อ
“เศรษฐกิจ”ไม่วิมุต..“มี- ทุกข์”แท้
“เศรษฐศาสตร์”วิเศษศรี ยังไป่ รู้รา
“วน”อยู่แค่“ชนะ-แพ้” “ชั่ว”แล้วกลับ“ดี”
(๔) คือมี“แบบเก่า”ถ้วน เต็มจิต
ยังไป่มี“ธาตุ”ชนิด “ใหม่”ใช้
“อัญญธาตุ”ยังผลิต ใส่จิต มิได้เฮย
บ่เริ่ม“ศีล”กำหนดให้ “จิต”ก้าวพัฒนา
(๕) “ศีล”พา“จิต”เกิดแท้ เป็นระดับ
“จิต”จึ่งเดินเจริญนับ ครบขั้น
ตาม“ลำดับ”ไม่สลับ ไม่วก วนเลย
อัศจรรย์จริงยิ่งนั้น นี่แล้“อจินไตย”
(๖) ใครบ่เกิด“จิต”นี้ ปัจจัตตัง
หมดสิทธิ์สิ้นความหวัง ประลุได้
หากหลงผิดยืนยัง ยึด“หลับ- ตา”เฮย
จม“มิจฉา”แล้วไซร้ แน่แท้คงเดิม
(๗) หยุดเติมเพิ่มผิดซ้ำ เถิดพุทธ ไทยเอย
โลกตื่นแล้ว“เศรษฐกุด” เก่าล้า
ชาวพุทธวิมุติสุด “ศาสตร์วิเศษ” เฮยแฮ
เศรษฐกิจพุทธยอดฟ้า ไม่ท้าเชิญมาดู
พ่อครูว่า… เราไม่ขึ้นต่ออำนาจโลกไม่ขึ้นต่ออำนาจอัตตา ตัวเองด้วย
โลกคือ สิ่งที่เราเกี่ยวข้องอยู่กับภายนอกตัวเราเอง ชิดอยู่กับตัวเราตั้งแต่ผิวหนังภายนอก
ผิวหนังคือสิ่งที่ชิดอยู่กับประสาท ผมขนเล็บฟันหนัง หนัง อยู่ชิดกับเส้นประสาท ของอาการ 32 มากที่สุด ใครเรียนรู้ผัสสะ สัมผัสเสียดสี เรียนรู้กระทบ แล้วเกิดความรู้สึกนั่นแหละคือกาย
ถ้ากระทบในสรีระเรา ตั้งแต่ผิวหนังภายนอก กระทบแล้วไม่รู้สึกผิวหนังนั้นขูดทิ้งได้ ตัดออกได้ เรียกว่าหนังด้าน ผิวหนังไม่เป็นกายเราแล้ว ไม่ใช่กายเราแล้ว ผิวหนังส่วนนั้นไม่มีธาตุรู้ ร่วมรู้สึกอยู่ด้วย ไม่มีเวทนาส่วนนั้นเลย ตัดออกไปก็เฉย ไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไร นั่นคือไม่ใช่กายเรา กายคือสิ่งที่ไม่มีจิตเข้าไปร่วม
ภาษาคำหนึ่ง มิจฉาทิฏฐิถือว่ากายคือธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม ไม่มีจิตร่วมเลย อันนี้แหละยากมากเลย พระพุทธเจ้า ถือว่า กายหากไม่มีจิตร่วมเลยถือว่ามิจฉาทิฏฐิ พวกเราจะศึกษากายให้ได้ ฝรั่งลูกนี้คือกายของคุณใช่ไหม…ไม่ใช่ กระดาษแผ่นนี้คือกายของคุณใช่ไหม (เอามาถูกับผิวหนัง) แม้ผิวหนังที่ห่ออยู่ข้างนอกที่ไม่รู้สึกแล้วก็ไม่ใช่กาย
กายต้องมีความรู้สึก เรารับรู้สึกได้จึงเรียกว่ากาย เพราะฉะนั้นเมื่อขาดความจริงขาดความรู้อันนี้ นั่งหลับตาสมาธิ มันตัดกายไปหมด ทั้งที่กายมีความรู้สึกคุณก็ยังรู้สึกได้แต่ไปตัดความรับรู้ หลบเข้าไปอยู่ในจิตอย่าออกมารับรู้อะไร สะกดจิตไว้ได้อย่างเก่งหนัก ขนาดเอาไฟจี้คุณยังไม่รู้สึกตัวเลยเก่งชิบหาย เก่งอย่างเรือหาย เก่งอย่างนั้นใช้ไม่ได้ศึกษาไม่ได้ พูดนี้ไม่ได้ด่าทอหยาบคาย แต่เป็นคำภาษา ที่เรียกสภาวะและก็ขานสภาวะด้วยภาษาเหล่านี้ ไม่ได้หยาบ อาตมาไม่ได้มีจิตโกรธเคืองหรืออยากใหญ่โตอะไรมีแต่จิตอยากขยายความรู้เท่านั้น แม้ขยายไปก็ไม่ได้อยากได้คำขอบคุณหรือความนับถือจากคุณ
ทุกวันนี้คนที่เคารพนับถืออาตมา รักอาตมาต้องการให้อาตมามีชีวิตอยู่พร้อมที่จะช่วยดูแลยามเจ็บป่วย ไม่ยอมให้ตายง่ายๆ อาตมาก็ต้องทรมานตอนนี้ ก็ต้องสั่งไว้ว่า ถ้าถึงต้องใส่สายระโยงระยางก็อย่าเลย มันสมควรจะตายก็ปล่อยให้ตาย สัญญาไว้ ไม่ไปแล้วก็จะมาเกิดอีกจะโตไวๆด้วย แม้ไม่โตไว้ก็จะแก่แดดคือถูกแดดแล้วโตไวๆ แม้อายุน้อยก็รู้มากกว่าผู้ใหญ่ธรรมดาได้ด้วย อาตมาตั้งใจจะเป็นจริงอย่างนั้น
_มีของใหม่มานำเสนออีก
นายกฯ สุดปลื้ม เมืองไทยได้รางวัลจาการโหวตเป็น ประเทศดีที่สุดสำหรับผู้คน อันดับ1 ของโลก และเป็นประเทศที่ดีที่สุด อันดับ 3 ยิ้ม! เกาะสมุย ติดอันดับ 9 เกาะ ที่ดีที่สุดในโลก
นายกฯ ยินดี / เมื่อวันที่ 7 ก.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. กล่าวรายการศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ว่า นิตยสารท่องเที่ยวชั้นนำของประเทศสหรัฐฯ ได้รายงานผลการจัดอันดับต่างๆ ด้านการท่องเที่ยว ซึ่งก็เป็นผลมาจากการโหวต ของผู้อ่านนิตยสารดังกล่าวทั่วโลก
– น่ายินดี ประเทศที่ดีที่สุดสำหรับผู้คน อันดับ 1 ของโลก!
ในปีนี้ก็เป็นที่น่ายินดีที่ประเทศไทยได้รับการโหวตให้เป็น ประเทศที่ดีที่สุดสำหรับผู้คน อันดับ 1 ของโลกและเป็นประเทศที่ดีที่สุด อันดับ 3 รองจากอิตาลี และกรีซ นอกจากนี้ เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ยังติดอันดับที่ 9 ของเกาะที่ดีที่สุดในโลกอีกด้วย และขอแสดงความยินดีกับ โรงแรม Mandarin Oriental กรุงเทพมหานคร และโรงแรม Six Senses เกาะยาวน้อย จังหวัดพังงา ที่ได้รับความนิยม เป็นอันดับที่ 4 และ 5 ตามลำดับ ประเภทโรงแรมที่ดีที่สุดในทวีปเอเชีย และ อินเดียด้วย
นอกจากนี้ ก็ยังมีการโหวตในเรื่องอื่นๆ อาทิ สายการบิน สนามบิน และสถาปัตยกรรมที่ดีที่สุดในโลกอีกด้วย ก็คงเป็น การดู การสัมผัสได้ จากนักท่องเที่ยวทั่วโลก ที่เขาประทับใจ ด้วยประสบการณ์ตรง หรือผ่านคำบอกเล่า บอกต่อ เกี่ยวกับความเป็นไทย ด้วยรอยยิ้ม อัธยาศัย ความสุภาพอ่อนน้อม ของคนไทยในภาพรวม รวมทั้งการให้บริการต่างๆ
นับตั้งแต่การเดินทางด้วยสายการบิน ความสะดวกในการสัญจรไปยังแหล่งท่องเที่ยว ทั้งใกล้และไกล การสืบค้นข้อมูลร้านอาหาร สินค้า ไปจนถึงการไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ ขูดรีด ความสะอาดของที่พัก โรงแรม โฮมสเตย์ และ การใช้ชีวิตในเมืองไทย ด้วยความอบอุ่นใจ เรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เราจึงได้รับเกียรติให้เป็นประเทศที่ดีที่สุดสำหรับผู้คนอันดับ 1 ของโลก ในครั้งนี้ (พ่อครูว่า..มันบอกปัญญาความเฉลียวฉลาดของคนต่างชาติที่มาให้คะแนนมารวมกันให้ค่า และสรุปผลคำตอบเอาไปเปรียบเทียบกับประเทศอื่น รวมแล้วเราได้คะแนนสูงกว่าก็เลยเป็นที่หนึ่ง ชนะอย่างนี้สิดี หากไปชนะชกปากเขาแตก หรือสร้างอาวุธได้เหี้ยมโหด ชนะอย่างนั้นไม่ต้องไปทำแข่งเขาหรอก ขนะเต้นเก่งร้องเก่งรำเก่งก็ไม่ต้องไปแข่งเขาหรอก)
– ระเบียบการบริหารบ้านเมือง เป็นที่ยอมรับของชาวโลก
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับภาพลักษณ์ของความเป็นไทย ความรู้รักสามัคคี ที่แสดงถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันจากเหตุการณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยทีมหมูป่า ณ ถ้ำหลวง จังหวัดเชียงราย ที่ทั่วโลกให้ความสนใจ ติดตาม และได้รับข่าวสารเชิงบวกอีกมากมาย เกี่ยวกับ เรื่องของ จิตอาสา จิตสาธารณะของคนไทย ในยามที่เกิดวิกฤต ที่ชาวโลกได้ประจักษ์ ไปจนถึงการบริหารจัดการกับสถานการณ์เหล่านั้น ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็ย่อมสะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพของ ทรัพยากรมนุษย์ และ ระบบ ระเบียบ ของการบริหารบ้านเมืองจนเป็นที่ยอมรับของชาวโลก การได้รับเกียรติจากการโหวต และ สิ่งต่างๆ ที่ผมกล่าวมานี้ ย่อมเป็นความภาคภูมิใจร่วมกันของคนไทยทั้งชาติ
(พ่อครูว่า…ไม่ได้เด่นที่ตัวหมู่ป่า แต่เด่นที่พฤติกรรมของคนไปช่วย ตั้งแต่นาวาตรีสมาน กุนัน ต้องสละชีวิต นักประดาน้ำ ผู้ว่าฯ คนซักรีด คนทำอาหาร คนเก็บกวาด แสดง ถึงความมีน้ำใจที่ออกมาช่วยกันไม่ถือตัวไม่ถือสา ใครจะสละอะไรได้ก็ออกมารวมกัน เป็นเรื่องใหญ่ที่จะช่วยชีวิตของคน 13 คน แสดงออกพฤติบทที่ยิ่งใหญ่มากในกาละปัจจุบัน status quo สุดยอดเลย)
ไม่ง่ายนักกว่าที่เราจะมาถึงจุดๆ นี้ แต่ที่ยากยิ่งกว่าคือ การรักษาภาพลักษณ์ และ คุณงามความดี ทั้งหลายเหล่านี้ ให้คงอยู่คู่สังคมไทย อย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคน ที่จะร่วมแรง ร่วมใจ สร้างเมืองไทยของเราให้สดใส งดงาม
(พ่อครูว่า…พวกเราจะช่วยกันไหม ช่วย)
– ระวัง “ปลาเน่าตัวเดียว จะตายทั้งข้อง”
“ขอให้คนไทยทุกคน พึงระลึกอยู่เสมอว่า สุภาษิตกล่าวว่า ปลาเน่าตัวเดียว เหม็นทั้งข้องโดยเฉพาะในยุคดิจิทัลแล้ว ความผิดพลาดใดๆ เพียงเล็กน้อยของใคร คนใดคนหนึ่ง เท่านั้น อาจถูกขยายเป็นเรื่องใหญ่ เกินการควบคุมในสื่อออนไลน์ ที่ไปไกลทั่วโลก เพียงการกดปุ่มคลิกเดียวเท่านั้น” นายกรัฐมนตรีกล่าว
พ่อครูว่า…โดยวัตถุอื่นเราสู้เขาไม่ได้ แต่ว่า เราจะสู้ได้ในเรื่องของธรรมชาติ นี่ดูต้นหญ้าหน้าลานสะโพ ก็ตัดไม่ลงเลย มีหญ้าเขียวสวยงาม
ตอนนี้ธรรมชาติก็แสดงความโหดมาหลายพื้นที่ เมืองไทยมีบารมี ธรรมชาติไม่รุกรานเท่าไหร่ ธรรมชาติจริงๆเป็นอุตุนิยาม เกิดจากเหตุปัจจัยได้สัดส่วนตามธรรมชาติ พระพุทธเจ้าแยกแยะ อุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยาม กรรมนิยาม ธรรมนิยามไว้สุดยอดแล้ว
อาตมาพยายามแจกแจกไว้
กรรมนิยามคือพฤติกรรม พีชะไม่ถือว่ามีกรรม มันไม่ยึดมั่นถือมั่น เขาทำร้ายมัน มันก็ไม่พยาบาทใครทำให้มันดีมันก็ไม่รัก มันเอาแต่ธาตุมาให้มันที่มันใช้ เป็นสังขารธรรมที่มีแต่ รูป สัญญา สังขาร
รูปคือ วัตถุเหตุปัจจัย กับนาม จะเรียกนามก็เป็นธาตุรู้ในระดับสัญญา ไม่ใช่ปัญญา มีสังขารปรุงแต่งตัวมันเอง มะเขือก็เป็นมะเขือ ฟักข้าวก็เป็นฟักข้าว ส้มโอก็ปรุงแต่งเป็นส้มโอ
ทีนี้ กรรม เป็น บทบาทของการกระทำ อาการเคลื่อนไหว มีประธานควบคุม ISH พลังงานบวก ลบ she he เพศหญิงเพศชาย สังเคราะห์การเกิดผล พีชะไม่กว้างไม่เกิดอะไรวุ่นวายกับอันอื่นมาก แต่มาเป็นจิตนิยามเป็นบทบาทสามเส้าออกมานอกกรอบเยอะ แล้วไปมีฤทธิ์อาละวาด กระทบกระเทือนอันอื่นเยอะ
บางทีรุนแรงถึงเป็นพิษภัยต่ออันอื่นมาก ดีไม่ดีพลังงานในจิตมันเองมีประธานเป็นตัวตั้ง ฆ่าผัวมันเสียเอาเมียมันมา ถ้าเป็นประเทศก็เป็นประธานาธิบดี บุกลุยยิง เหมือนเขาไปสั่งยิงอิรัก แล้วไปยิงเขาทำไม ก็ว่าเขาซ่อนสร้างระเบิดนิวเคลียร์ เมื่อยิงเรียบร้อยก็ไปตรวจหาแหล่งสร้างนิวเคลียร์ปรากฏว่าไม่มี ก็ทำเป็นเงียบเลย แล้วยิงเขาฟรี ฆ่าเขาฟรี อำนาจบาตรใหญ่นี้ในโลกเขาก็รู้ก็เห็น ก็เสียคะแนนไป ยุคนี้ไม่ใช่ยุคโบราณ แต่เป็น Globalization ฟ้าบ่กั้นแล้ว ตดที่นี่เหม็นไปทำเนียบขาวได้สักวันหนึ่ง แต่ได้ยินเสียงแน่
สรุปเข้าเป้า เรากำลังพูดถึง เรื่องเศรษฐกิจ เศรษฐศาสตร์ การเจริญของมนุษยชาติและสังคม ความซับซ้อนอันนี้ อาตมามั่นใจว่า อาตมาจะต้องพูด ใครจะหาว่าอวดเก่งเรื่อง เศรษฐกิจเศรษฐศาสตร์ก็ช่างเถอะ อาตมาไม่มีหลักฐานว่าเรียนจบที่ไหนมา แต่มีหลักฐานในชาติก่อนๆเคยทำมา ก็ไม่อยากจะพูดมาก ไม่มีอะไรอ้างอิงยืนยันอาตมารู้คนเดียว คนอื่นพอจะรู้บ้างเชื่อบ้าง อาตมาก็ไม่อยากพูดมาก
เอาสิ่งที่เป็นปัจจุบันยืนยันได้ เป็นต้นว่า อาตมาสามารถทราบ
-
สถานที่
-
บุคคล
-
อาหารคือเครื่องอาศัย
-
ธรรมะ
สัปปายะ 4 อาตมาสร้างเป็นรูปธรรม เป็นสิ่งที่ปรากฏจริงได้ เจตนาและมั่นใจ ใครจะมาร่วมสร้างก็มา มันไม่ง่ายไม่ได้ไปบังคับใคร อยากได้มวลชนสัก 1,000 คน จนป่านนี้ 20 กว่าปีแล้ว บ้านราชฯ 24 ปีแล้ว สองนักษัตร กำลังขึ้น 25
ถ้า 3 นักษัตรเกิดสามเส้าแล้ว 36 อีก 12 ปี จะมีอะไรยืนยันได้ไหม อาตมาจะตั้งหลักปักหลักที่ราชธานีอโศกให้ถึง 36 ปี แล้วค่อยๆไปทบทวนตอนนั้นว่าอะไรเกิดขึ้นเท่าไหร่แล้ว ในเรื่องของสถาน ที่นี้แหละ เป็นที่จะยืนยันอธิบาย ตอนนี้ไม่มีเวลาอธิบายแล้ว แล้วก็จะมีบุคคลตัวจริง แต่ก็จะเป็นอิสระเสรีภาพของตัวเอง มีอัตตาน้อย มาก ก็สอนให้ลดอัตตาอยู่แล้ว แล้วก็เป็นผู้ที่มีพฤติกรรมการงานแสดงออก คุณก็มาตรวจสอบเอาเองแล้วก็มีผลงาน มีผลผลิตมีสิ่งที่มันเกิดจากความรู้และแรงงานของเรา ให้คนอื่นได้อาศัย หรือ เราอยู่ในระบบ แลกเปลี่ยนซื้อขายไม่เอาเปรียบเขา ขอยืนยันว่าเราไม่ได้ซื้อขายอย่างนั้นไม่ได้ทำเศรษฐกิจอย่างนั้น เราประพฤติเศรษฐกิจแบบขายก็ขายยังขาดทุนเป็นหลัก
สมณะฟ้าไทว่า…สรุปจบ