บันทึกผ่านเลนส์ ส่องโพธิกิจ…หลังสวดปาฏิโมกข์ไปเยี่ยมชมบ้านเพชรพันศิลป์
วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน 2561
อรุณสวัสดิ์ยามเช้าด้วยแสงอรุณที่ส่องสว่างเรืองรอง พ่อครูตื่นตามเวลาปกติ 6 โมงเช้า ออกกำลังกาย4 ท่าบริหาร รวมวิดพื้น 48 ครั้ง แล้วจึงเดินออกมานั่งที่สวนสวรรค์ฯ
เวลา 6.08 นาที ท่านปัจฉาดินไทนำผ้าและน้ำอุ่นมาถวายพ่อครูเช็ดหน้า ก่อนที่จะสนทนากับคณะปัจฉาเช่นเคย
เวลา 6.23 นาที อาดินนาและผู้ใหญ่บ้านติ๊ก ขวัญหินแก้วได้ขออนุญาต มาเรียนปรึกษาพ่อครูและคณะปัจฉา ถึงนโยบายการจัดฉลองงานมหาปวารณา ซึ่งมีหลายบวร ที่กำลังมีข้อสงสัย และได้สอบถามมาเพื่อเตรียมไปประชุมกันภายในชุมชนของแต่ละแห่ง โดยนโยบายหลัก ก็ยังเน้นในเรื่องการแสดงผลงาน ของแต่ละแห่งเป็นเรียลลิตี้โชว์ แต่จะสื่อออกมาเป็นวิธีการ แบบไหนคงต้องคุยกันในแต่ละบวรเอง ส่วนการแสดงที่เตรียมไว้ เพื่อแสดงบนเวที ก็ยังสามารถมีได้เช่นเคย ซึ่งนโยบายที่ชัดเจน คณะปัจฉาได้เรียนปรึกษากันว่า คงต้องให้แต่ละบวรหรือเครือแหที่สามารถมาได้มาร่วมประชุมกันอีกครั้งหนึ่ง สถานที่ก็คงเป็นที่บวรราชธานีอโศก เพราะจะได้เห็นภาพรวมและบรรยากาศของสถานที่จัดงานจริงด้วย
เวลา 6.55 นาที ดร. อภิสิน คุณแสงศิลป์ คุณงามพิมพ์พุทธและอางามดีมากได้มากราบนมัสการพ่อครู เรียนปรึกษาเรื่องการตกแต่งงานศิลปะเรือเจิ้นเทิ้น ซึ่งดร. อภิสินได้ขอมอบปัจจัย สนับสนุนงานศิลปะชิ้นนี้ ถวายพ่อครู
เวลา 7:30 พ่อครูกลับเข้าห้องทำงานท่านปัจฉา เพื่อออกกำลังกายด้วยเครื่อง elliptical จนถึงเวลา 7.56 นาที จึงกลับเข้ามาห้องทำงาน ชั่งน้ำหนักได้ 48.9 กิโลกรัม และเข้าสู่โหมดการทำงานที่โต๊ะทำงาน พ่อครูอ่าน SMS ที่ท่านปัจฉานำมาถวาย ก่อนที่เวลา 8.47 นาทีได้ลงมาจากชั้น 4 เพื่อมาแสดงธรรมในรายการวิถีอาริยธรรม
พ่อครูแสดงธรรมตั้งแต่เวลา 9.00 จนถึงเวลา 11:14 จากนั้นได้มาที่โต๊ะฉันภัตตาหาร ซึ่งมีท่านสมณะ ท่านสิกขมาตุ รวมถึงญาติโยมที่มานั่งร่วมรับประทานอาหารกันเต็มศาลาทุกวันอาทิตย์ น้องเพลงกับน้องโนอาร์พอเจอพ่อครู คุรุติ้วก็จะสอนให้เด็กๆ มากราบหลวงปู่ทุกครั้งที่ได้พบเจอ ซึ่งเป็นภาพปกติที่จะเห็นเด็กๆกราบหลวงปู่ทุกครั้ง วันหนึ่งอาจจะหลายๆรอบเลยทีเดียว
เวลา 13.25 นาทีหลังจากพ่อครูฉันภัตตาหารเสร็จ ได้เดินออกมาย่อยอาหารและตรวจงานเช่นเคย พ่อครูมาที่สวนเกาะแก้วเดินลัดไปกลางสนาม
พ่อครูสังเกตเห็นดอกประทัดจีน ที่มีช่อสีแดงสดใสดี มองไปที่สนามหญ้า พ่อครูชมว่าต้นผักแว่นเก่งที่สามารถขึ้นมาแซมต้นหญ้าได้ เดินไปดูที่ต้นยางเห็นนกเขากำลังกกไข่อยู่ บอกท่านปัจฉาหนักแน่นว่าอย่าไปกวนเขาเลย
แล้วจึงเดินมาหน้าลานสะโพ ซึ่งต้นหญ้าขึ้นสูงมากกว่า 2 เมตร ท่านปัจฉาาหนักแน่นถามว่าจะให้ตัดหญ้าบ้างไหม พ่อครูบอกว่าอย่าเพิ่งตัดเลย ท่านปัจฉายังบอกว่าถ้าออกดอกขึ้นมาก็จะปลิวเต็มไปหมด จะมีต้นหญ้าขึ้นเต็มพื้นที่เลย พ่อครูก็ยิ้มอารมณ์ดี พ่อครูสังเกตเป็นโต๊ะหินที่ดูขาวสะอาดตาขึ้นมาก มีหญ้ากอใหญ่ขึ้นประดับองค์พระหน้าลานสะโพ พวกเราบอกให้อาแป้ง สู่แดนธรรมลองเข้าไปนั่งกลางกอหญ้า ซึ่งมีปีกหินอยู่ตรงกลาง อาแป้งบอกว่าเย็นดี แต่คายหญ้าหน่อยและบอกว่าตัวเองเหมือนฤาษีอยู่ในกอหญ้า
พ่อครูเดินมาที่ต้นไข่เน่าและชี้ แนะนำ อาแป้งถึงการดูต้นไข่เน่า ที่จะมีใบแตกต่างจากต้นไทรและต้นไฮที่ขึ้นรวมกันอยู่ โดยมีนักท่องเที่ยวได้นำอาหารมาทานและนอนเล่นอยู่ใต้ต้นไม้นี้ด้วย
วันนี้วันอาทิตย์จึงมีผู้ที่มาเล่นน้ำเป็นจำนวนมาก เห็นรถปิคอัพจอดอยู่หน้าน้ำตกผาแหงน พวกเราจึงโทรศัพท์แจ้งคุณปะตรงเตือนให้ประกาศเลื่อนรถ พอจบเสียงประกาศไม่ถึง 1 นาทีก็เห็นคนขับรถมาเลื่อนรถไปจอดด้านหน้าทางเข้า
พ่อครูยืนดูภูมิทัศน์หน้าน้ำตกผาแหงนและน้ำโตน ซึ่งวันนี้มีเด็กๆมาเล่นที่แก่งเล็กๆส่วนต่อจากน้ำโตนไหลลงมา สังเกตว่าผู้ปกครองวางใจที่เด็กๆมาเล่นบริเวณนี้ เพราะเป็นแหล่งน้ำตื้น แต่มีน้ำไหลเหมือนน้ำตกน้อย เด็กๆที่กำลังเล่นหลายคนก็ไม่ค่อยอยากจะขึ้นจากน้ำเท่าไหร่ พ่อครูยืนมองสักครู่มีดำริว่า สายน้ำม่านที่ไหลลงมาจากสวนอุทยานไม้ตาย ให้ทำเป็นแก่งลักษณะที่ไหลออกมาจากน้ำโตน โดยไล่ระดับเป็นน้ำตกน้อยๆลงสู่แปวหน้าน้ำตกผาแหงน
พ่อครูเดินมาอาคารบวร ที่กำลังหล่อแบบ หัวพญาแร้งอยู่ภายในร้านปันกัน ญาติโยมเตรียมกราบนมัสการพ่อครู ท่านมีดำริให้นำต้นไม้ในกระถางออกไปดูแล เพราะต้นไม้ได้แห้งตายไปหลายกระถางแล้ว
พ่อครูและคณะปัจฉาเดินขึ้นไปที่ชั้น 2 อาคารบวร ซึ่งกำลังมีงานตกแต่งกั้นห้องสำหรับเป็นที่ประชุม ซึ่งในส่วนด้านหน้าจะมองเห็นทิวทัศน์แนวพาโนรามาของน้ำตกผาแหงน น้ำโตนอุทยานไม้ตาย รวมถึงลำธารถอยหลังเข้า และเรือไฟฌาน ยืนมองไปที่ภูมิทัศน์รอบๆอาคารบวรสักครู่ อาเกร็ดดินได้พาน้องธัมโมมากราบนมัสการ และได้เดินตามหลวงปู่มาดูงานด้วย สังเกตมีแปลงโหระพา ใบแมงลักอยู่ด้านข้างอาคารบวรสำหรับเตรียมไว้ใช้ในเทศกาลงานเจที่จะถึงนี้ด้วย
พ่อครูพอเห็นน้องธัมโมยังเดินตามมาและเดินมาหาพ่อครู ท่านจึงอุ้มน้องธัมโมขึ้นมาด้วยความเอ็นดู น้องธัมโมเองก็ว่าง่าย บอกให้ยิ้มก็ยิ้มอย่างน่าเอ็นดู พ่อครูอุ้มซักพักพอให้ลงมาเดินก็จับมือหลวงปู่อย่างว่าง่าย จับมือหลวงปู่เดินรอบชั้น 2 และจะจับมือลงบันไดด้วย แต่พวกเราเกรงจะได้รับอันตราย อาเจมส์จึงอุ้มลงมาจนถึงชั้น 1 น้องธัมโมก็ยังเดินจับมือหลวงปู่ไปจนพบคุณย่า ที่หน้าร้านสหกรณ์ภูมิรักษ์ และได้มานั่งกับย่ากราบหลวงปู่พร้อมกับทีมงานสหกรณ์ภูมิรักษ์อีกครั้ง พ่อครูและคณะปัจฉาได้เข้าไปภายในร้านสหกรณ์ภูมิรักษ์ ตามคำกราบนิมนต์ของดร.อภิสิน ดูสถานที่ภายในร้าน ซึ่งทำอาหารเพื่อสุขภาพในรูปแบบของแพทย์วิถีธรรม โดยมีอาปลากระพงและอาสร้างบุญเป็นผู้ดูแลหลัก พร้อมทีมงานซึ่งให้บริการอาหารแจกฟรีสำหรับทุกท่าน
ออกมาจากร้านสหกรณ์ภูมิรักษ์ น้องธัมโมกับคุณย่ามากราบนมัสการหลวงปู่อีกครั้ง ก่อนที่พ่อครูจะเดินมากับดร.อภิสิน พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องงานตกแต่งศิลปะของเรือ จนท่านพบอาแสงศิลป์กำลังทำงานอยู่ เรียนปรึกษาถึงตำแหน่งของสมเด็จปู่วิชิตอวิชชา พ่อครูให้คำแนะนำว่าให้ยกสูงเหมือนสมเด็จปู่ยืนอยู่บนหลังพญาแร้งเลย ช่างดอนผู้ช่วยอาแสงศิลป์มากราบนมัสการ
น้องกรเมื่อเจอหลวงปู่ก็รีบเข้ามากราบนมัสการก่อนที่จะไปลงงานตามกลุ่มที่เข้าค่าย น้องไผ่ตงและต้นข้าวที่เพิ่งเปิดเทอมเช่นกันเข้ามากราบนมัสการพ่อครู เดินมาด้านหน้าอาคารบวร พ่อครูชี้ให้พวกเราสังเกตว่าต้นหูกระจงหลายต้น นกมักจะมาทำรังกันอย่างหนาแน่น ซึ่งต้นหูกระจงต้นนี้ก็เช่นกัน แต่ละชั้นมีรังนกเต็มไปหมด
พ่อครูกลับมาด้านหน้าทางเข้าน้ำตกผาแหงนสังเกตกล้วยน้ำว้าหน้าอาคารบวรเครือใหญ่ หวีหนึ่งหลายลูก สมบูรณ์ดีมาก นักเรียนสัมมาสิกขาเมื่อเจอพ่อครูก็จะมากราบนมัสการ ท่านปัจฉาเย้าว่าเปิดเทอมกลับมาแล้วมักจะอ้วนกันทั้งนั้น
พ่อครูเดินมาหลังองค์พระปางอภัย เห็นแผ่นทองเหลืองซึ่งเคยเป็นฉากหลังวางอยู่บนหิน ที่อาแสงศิลป์ได้ขอนำไปหล่อใหม่ สำหรับทำงานศิลปะตกแต่งที่เรือ เจิ้นเทิ่น หน้าลานสะโพยังคงเห็นชาวบ้านนำอาหารเครื่องดื่มมารับประทานที่ม้าหิน
พ่อครูลองนั่งที่ม้าหินหน้าน้ำตกผาแหงนปรากฎว่าร้อนจี๋เลย พ่อครูนั่งพักสักครู่จึงเดินกลับ เห็นต้นหญ้าไม่ทราบสายพันธุ์ขึ้นดกหนา คล้ายทั้งผักกระเฉดและไมยราพแต่ก็ไม่ใช่ทั้งสอง พ่อครูเหลือบไปเห็นซองบะหมี่สำเร็จรูป ยังเย้ากับพวกเราเลยว่านี่เป็นหญ้าพันธุ์อะไร ท่านปัจฉาแสนดิน มาหยิบเดินไปทิ้งลงถัง ก่อนที่พ่อครูจะก้มลงหยิบ เดินมาที่ป้ายน้ำตกผาแหงนซึ่งได้ถูกลมพายุพัดจนเสียหายพ่อครูเห็นจึงหยิบขึ้นมาตั้งใหม่ ยังมีเด็กๆมาเล่นอยู่ที่น้ำตกผาแหงนและน้ำโตนเป็นจำนวนมากพ่อครูยืนดูแนวทำแก่งน้ำตกน้อย ไล่ระดับลงมาเหมือนที่น้ำโตน ก่อนที่จะกลับขึ้นชั้น 4 นั่งโต๊ะทำงานเตรียมงานพิมพ์หนังสือคนจนที่มีแบบ พ่อครูดำริว่า ดำริว่าจะจบเล่มนึงไว้ที่หน้า 392 เพื่อแก้ไขอีกครั้งก่อนที่จะส่งโรงพิมพ์ภายในวันที่ 15 เพราะถ้าไม่ตัดรอบก็จะยังคงแก้ไขเพิ่มเติมได้อีกลึกซึ้งซับซ้อนเรื่อยๆโดยมีท่านปัจฉาแสนดิน คอยอำนวยความสะดวกการใช้คอมพิวเตอร์ ก่อนที่พ่อครูจะพักในเวลา 15.05 นาที
เวลา 16.06 นาที พ่อครูเดินเข้ามาภายในโบสถ์ เพื่อฟังสวดปาฏิโมกข์ในวันพระ แล้วเสร็จยัญพิธีในเวลาประมาณ 17.00 น.พ่อครูออกมายืนดูที่สวนเกาะแก้วไม่เห็นตอไม้ 2 ตอที่เคยอยู่ ไม่เจอบนสวนไม้ตายด้วย จึงได้ลงมาที่ชั้น 3 เพื่อดูว่าได้นำมาจัดแต่งสวนหรือไม่ ลงมาชั้น 3 พวกเราเรียนพ่อครูว่าตอไม้ 2 ตอ อยู่ที่หน้าห้องน้ำชายด้านล่าง ยังไม่ได้ยกขึ้นมา พ่อครูจึงเดินลงจากชั้น 3 มองไปที่ข้างรถอีโวเห็นเครื่องโม่ปูนอันใหม่ แล้วเดินออกมา ถนนด้านหลังพระพุทธโต ยายเอียดเจอพ่อครูได้มากราบนมัสการ พ่อครูเลี้ยวขวาไปที่ท่าน้ำริมมูน
ส่องผ่านเลนส์ได้เห็นภาพประทับใจอีกครั้ง เมื่อพ่อครูหยิบขวดเปล่าน้ำอัดลมที่ไม่ได้ทิ้งลงขยะ แล้วเก็บขึ้นมา ท่านปัจฉาแสนดิน ช่วยเก็บขวดนี้แทนพ่อครู ท่านเดินตามทางจนถึงหน้าบ้านป้าเต็มที่ปลูกสวนดอกไม้ เกินครึ่งถนน โดยที่ป้าเต็มรู้ตัวแล้วว่า ต้องนำต้นไม้ออกตามแนวเหล็กที่ปักเอาไว้ ในการขยายถนนสู่ท่าน้ำริมมูล ศิษย์เก่าฟ้า ชาญตะวัน น้องเมย์และเพื่อนๆ พบพ่อครูก็จอดรถลงมากราบนมัสการ เรียนพ่อครูว่า มาดูบ้านที่กำลังจะแล้วเสร็จ เดินผ่านบ้านป้าติ๋มและยายเอื้อ ก็มากราบนมัสการพ่อครูเช่นกัน เดินมาถึงซอยหน้าบ้านพี่โน้ต(เพชรพันศิลป์ พี่อุ๋ม พ่อครูเห็นต้นกล้วยขนาดย่อมก็มีลูกจึงสนใจแวะดู พอดีพี่โน๊ตจะนิมนต์ขึ้นไปดูบนบ้าน พ่อครูถอดรองเท้าเดินขึ้นบ้าน แม่เอ๋ พี่อุ๋มและพี่โน๊ตต่างมีปิติและถือว่าได้ทำบุญบ้านแล้ว มีพระโพธิสัตว์ ได้เดินขึ้นมาบนบ้านด้วย และถือว่าเป็นฤกษ์ดียามดีวันที่ 9 เดือน 9 ด้วยพี่โน้ตเรียนพ่อครูถึงงานก่อสร้างที่ประโยชน์สูง ประหยัดสุดจริงๆและตัวเองก็ได้ช่วยช่างทำงานด้วย
พ่อครูเดินชมรอบบ้านก่อนที่จะมานั่งพักบริเวณระเบียงให้พี่โน๊ตและครอบครัวขออนุญาตถ่ายภาพกับพ่อครู พี่โน๊ตเรียนปรึกษาพ่อครูถึงหน้าปกคนจนที่มีแบบในเล่มล่าสุด
เวลา 17.36 นาทีพ่อครูเดินลงจากบ้าน สังเกตเห็นยังมีต้นไม้ใหญ่หลายต้นบริเวณริมมูลมีต้นhoya ซึ่งมีใบเป็นรูปหัวใจเลื้อยปกคลุมอยู่หลายต้น เดินกลับมาผ่านหมู่บ้านเฟส 1ที่ทางราชการมาปักป้ายไว้ว่า ได้วางท่อระบายน้ำ พร้อมบ่อพักตามโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากในพื้นที่ ตามโครงการไทยนิยมยั่งยืน หมู่บ้านหรือชุมชนละ 200,000 บาทซึ่งในชุมชนโครงการนี้ ก็ได้มาวางท่อระบายน้ำ พร้อมบ่อพักที่บริเวณหมู่บ้านเฟส 1/1 ฝนเริ่มตกลงมา คุณแสงศิลป์ได้นำร่มมาถวายท่านปัจฉาให้กางกันฝนถวายพ่อครู ซึ่งพวกเรายังแซวว่าเป็นร่มที่คุ้นเคยกันดีสมัยตอนชุมนุม กปปส.พวกเราจะมีสัญลักษณ์เป็นธงชาติในข้าวของหลายอย่าง เช่นร่มคันนี้เป็นต้น
ป้าเต็มนิมนต์พ่อครู เดินดูต้นไม้ที่ป้าเต็มปลูกไว้เต็มทั้งสองข้างถนน พวกเราเจอดอกไม้สีขาวแปลกตา ป้าเต็มบอกว่าเป็นต้นดอกไม้จีนนำมาทำแกงจืด ดอกจะใหญ่และมีกลิ่นหอม ป้าเต็มจึงเก็บเมล็ด มาถวายท่านปัจฉาดินไทเพื่อนำไปเพาะต้นกล้า นำไปขยายพันธุ์ต่อไป รัฐเขตขับมอเตอร์ไซค์ผ่านมาลงมากราบพ่อครูและเดินติดตามมาส่งหลังพระพุทธโต ที่มีมะละกอทรงแปลกตาสูงชะลูดเหมือนมะพร้าวและมีต้นเล็ก ที่โคนต้นมีลูกออกมาด้วยเช่นกัน พวกเราบอกว่าเป็นมะละกอพันธุ์โบราณที่จะต้องใช้ไม้สอยลงมารับประทาน พ่อครูเดินกลับขึ้นมาชั้น 4 นั่งพิมพ์หนังสือต่อ
20.55 น.พ่อครูเตรียมจำวัด ท่านปัจฉาหนักแน่น ทาน้ำมันเทพทาโรที่เท้าพร้อมสวมถุงเท้าถวายพ่อครู อาดินดอนมารายงานเรื่องการไปพบกับพัฒนากรจังหวัดในวันพรุ่งนี้ที่ต้องไปอธิบายถึงบ้านราชมีอะไรบ้าง ที่น่าสนใจจนพ่อครูเย้าเสนอแนะไปว่าบ้านราชมีธรรมะที่พ่อครูแสดงธรรมทุกวันในช่วงเย็น ท่านปัจฉาได้แนะนำให้พูดในแนวทางสัปปายะ 4 ก่อนที่พ่อครูจะบริหารร่างกายและจำวัดในเวลา 21.08 นาที