610913_รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชฯ ครั้งที่ 14
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1XDVpoSpa3toXXlcvrcudxQRXwKJJ3_isLN8m4sdvt4U/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่.. https://drive.google.com/open?id=1Bb2h7zDrH1KY2eUZ7kCBGP3uI1SApKvW
พ่อครูว่า…SMS 12 กันยายน 2561 (พ่อครู : พุทธศาสนาตามภูมิ)
_1614ทำอย่างไร ถึงจะ เปิดใจ นำไปสู่ ผู้เป็นสยังอภิญญา ทำแบบ เติม น้ำให้ พร่อง เข้าไว้ ใช่ไหมคะ
พ่อครูว่า…เหมือนอาตมาใช้สำนวนว่าอาบน้ำกลัวเปียก แล้วมันจะได้อาบน้ำไหมนี่ นี่ก็ว่าเติมน้ำให้พร่อง ก็เป็นภาวะชนิดหนึ่ง คือทำใจว่า เติมเข้าไปรับเข้าไป แต่ก็ทำเป็นกลัวน้ำเต็มจอก น้ำชาล้นจอก จะได้รับได้ๆๆ ก็เข้าใจสำนวนนี้จะทำก็ทำ
. จากการฟังวิทยุ online พ่อครูว่า ” อาตมาไม่ใช่ตุ่มสะสมน้ำ ” ขอ คำอธิบายเพิ่ม ด้วยค่ะ
พ่อครูว่า…อันนี้เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่ความหมายธรรมดา คือว่าเขาจะให้อาตมาดื่มน้ำวันละ 2 ลิตร แต่คำว่ากระหายอาหาร น้ำ อยากดื่ม อาตมาไม่รู้ว่ามันหมดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ความรู้สึกอันนี้ แม้เหนื่อยมาก เหงื่อไหลย้อย มันน่าจะกระหายน้ำก็ไม่เคยรู้สึกกระหายเลย หิวข้าว ก็ไม่เคยคิดไม่เคยรู้สึกกระหายข้าว ถึงเวลากินก็กินแม้จะอดวันสองวันก็ไม่รู้สึกหิวอะไร แต่หลายวันอดเข้าก็โหยได้ ก็อธิบายความจริงที่เป็นความรู้สึกให้ฟัง
อาตมาไม่ใช่ตุ่มสะสมน้ำ คือร่างกายอาตมานี่เขาว่ามันขาดน้ำ ตามหลักหมอพยาบาล เขาก็เรียนมาทั้งนั้น จะต้องดื่มน้ำเท่านั้นเท่านี้ เขาก็จะให้อาตมาดื่มน้ำตามมาตรฐานที่เขาเรียนมา แต่อาตมาดื่มแล้วก็รู้สึกอึดอัดก็เลยว่า อาตมาไม่ใช่ตุ่มน้ำนะ เป็นภาษาตรงๆไม่ใช่นัยยะธรรมะอะไร เป็นภาวะรูปธรรมสามัญธรรมดา
. พ่อครู พูดในคลิป พลัง แห่ง อุปาทาน นำไปใช้ ในทางกุศล เช่น เชื่อว่าต้องหาย อุปาทานตัวนี้ มีการเปลี่ยนได้ ใช่ไหมคะ
พ่อครูว่า…ได้ อุปาทานจริงๆคือตัวเก๊ อุปาทานคือสมมุติสัจจะ คำว่าอุปาทานทุกตัว กามุปาทาน ทิฏฐุปาทาน สีลัพพตุปาทาน อัตตวาทุปาทาน ต้องล้างอุปาทาน4 ตั้งแต่หยาบ กลาง จะละเอียดสุดให้หมดไป
คุณจะสร้างอุปาทานไปใช้สร้างในทางกุศล แต่มันก็จะเคยตัว ทั้งทางกุศล อกุศลก็ตาม กุศลอกุศล เป็นสมมติสัจจะ บางทีมันก็ดีบางทีก็ไม่ดี บางทีมันกลับตัว สิ่งที่มันไม่ดีของผู้ที่อยู่ชั้นสูงแล้ว มันก็คือความดีของคนชั้นต่ำ เป็นลำดับไป สิ่งที่ต้องอาศัย อาศัยบางอย่างสิ่งนี้เราถือว่าดีก่อน เป็นกุศล เมื่อถึงฐานที่เราไม่ต้องไปติดมันแล้ว เราก็ต้องไม่เห็นว่ามันดี ถือว่าเป็นอกุศล พยัญชนะก็ทดแทนไปเรื่อยๆ อันนี้คือภาวะสิริมหามายา อันนี้บางทีบอกว่าดีอันนี้บอกว่าไม่ดีก็ได้
. สมณะด่วนดี ว่า…ยกตัวอย่างเช่นปีติได้ไหม
พ่อครูว่า..ปีติคืออาการดีใจ ใช่ เช่นว่าอาการดีใจอย่างนี้ ไม่ต้องดีใจก็ได้แล้ว บางทีก็ใช้ปีติให้เป็นกุศล หากไม่มีปีติก็ไม่มีกำลังที่จะขวนขวาย มันก็รู้สึกจืดชืด ถ้าหากต้องใช้อันนี้เป็นกำลังจะต้องช่วย จนกว่าคุณจะเข้าใจแล้วด้วยปัญญา ไม่ต้องอาศัยปิติ คุณก็รู้ว่าอันนี้ต้องทำโดยไม่ต้องอาศัยตัวกระตุ้นไม่ต้องอาศัยตัวช่วย ก็ไม่ต้องแล้วเพราะว่าปัญญามันขึ้นไปถึงที่แล้ว ก็ทำด้วยความขวนขวายที่จะได้อันนี้ ก็เป็นไปตามลำดับ
อันนี้สำคัญนะ การเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของธรรมะอันนี้ที่เป็นกุศลและเป็นอกุศล บางทีเป็นอกุศลบางทีเป็นกุศลเหมือนสิริมหามายากลับไปกลับมาเหมือนคนพูดกลับกลอก เหมือนคนพูดไม่อยู่ในร่องในรอย ต้องกำหนดหมายสภาวะธรรมกับภาษาให้ดี อันนี้บางทีหมายถึงสภาวะอันนี้หมายถึงภาษานะ อันนี้หมายถึงว่าอันนี้ดีภาษานี่ดี อันนี้ภาษาไม่ดีแล้วก็เป็นสภาวะ สภาวะนี้ดี เดี๋ยวก็สภาวะนี้ไม่ดีแล้ว เป็นขั้นๆสลับไปสลับมา มันยากตรงนี้แหละ ธรรมะพระพุทธเจ้ามันอยู่ที่ความไม่เที่ยง ไปยึดมั่นถือมั่นไม่ได้
ยึดมาศึกษาเป็นผู้รู้จบได้แล้วว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ คุณหรือโทษ เป็นกุศลหรืออกุศล ท่านสรุปที่คุณกับโทษ กุศลกับอกุศล สุดท้าย ควรหรือไม่ควร อรหันต์ก็ใช้ ควรหรือไม่ควร กุศล อกุศล ดีหรือชั่ว ถ้ามันดีก็เอาตอนนี้ต้องถือว่ามันไม่ดีแล้วต้องทิ้งต้องวางปล่อยอย่ายึดมั่นถือมั่นก็เรียนรู้อาการจิตที่เราไม่ยึดมั่นถือมั่นก็ปล่อย จนเราสามารถอยู่กับมันได้ไม่มีก็ได้มีก็ได้ไม่มีปัญหาอะไร
. ดีหมด หมดดี นำไป สู่ สิริมหามายา อย่างไร หมดสูญ กับหมดศูนย์ ใช้อย่างไรถูกคะ สูญหมด ใช้ กับ พระอรหันต์ ได้หรือ ไม่ อย่างไร?
พ่อครูว่า…ถ้าสูญนี้เป็นบาลี ไทยเราเอามาใช้ก็เลยมาใช้ว่า สูญก็มีความหมายหนึ่ง สูญคนไทยหมายถึงสภาวะอันหนึ่ง สูญหมายถึงไม่มีอะไรเลย ส่วน ศูนย์ก็ใช้ความหมายเป็นศูนย์กลางที่เป็นรูปธรรม ถ้าสูญเป็นนามธรรมเป็นความรู้สึกว่าง แต่ศูนย์ ไปใช้เป็นสถานที่เป็นสภาวะ ที่มันหมายถึงกำหนดหมายตรงนั้น เป็นศูนย์กลางศูนย์รวม เป็นจุดกึ่งกลางของที่มาบรรจบกัน ของสภาวะที่เป็นรูปธรรม ส่วนสูญที่เป็นความว่าง เป็นอาการของจิต จิตมันว่าง ไม่มีอาการทุกข์หรือสุข ว่างจากอาการอันนี้ อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ใน มหาสุญญตสูตรหรือจูฬสุญญตสูตร คือว่างจากอันหยาบก็มีละเอียดอยู่ จนเราอยู่กับ ศูนย์ แต่เรายังไม่ตายไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ก็จะต้องมีธรรมะ 2 เสมอ นอกจากคุณจะทำการดับเป็นนิโรธชั่วคราว ดับจิตมาให้ทำงานเป็นอสัญญี หรือวิสัญญี ไม่กำหนด สัญญาไม่ทำงาน ก็ไม่มีสองมันสูญดับไม่ทำงานเลยหรือจะทำงานโดยกำหนดหนึ่ง ไม่ให้ไปปรุงแต่งไม่มีสังขารใดๆ ก็จะรู้ความจริงตามความเป็นจริง อย่างอาตมาทำได้ ทำจิตเฉยว่างก็ไม่ต้องมีอะไร
เช่นที่ชัดที่สุดก็คือ หากอาตมาหลับตามันก็มืดไปหมด ไม่มีแสงไม่มีอะไรเลย แต่จะให้กำหนดแสงขึ้นมาในขณะนั้นก็ทำได้ อย่างนี้เป็นต้น เราก็รู้ว่านี่เป็นอุปาทานเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้น เป็น นิรมาณกาย มโนมยาอัตตา เป็นรูปที่สำเร็จด้วยจิตที่เราสร้างขึ้น เราก็ไม่ได้สงสัยเพราะอันนี้เราสร้างขึ้นมาชั่วคราว ไปยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวตนเที่ยงแท้นิรันดรไม่ได้ ไม่ใช่ มันเอามาใช้ชั่วคราวชั่วระยะนี้
จึงเข้าใจสิ่งที่มี คือมี จะไม่ให้ไม่มีก็คือไม่มี ไม่มีไปจนถึงสูญแยกธาตุไม่มีชาติ ไม่มีภพอีกเลย เป็น ปรินิพพานเป็นปริโยสานก็ได้ จะปรินิพพานในชาตินี้เกิดมาอีกเป็นโพธิสัตว์ก็ได้ อาตมาก็ทำได้
หากตายแล้วนิพพาน 3
-
ตายอย่างอัปปนิหิตตังจิตตัง
-
ตายอย่าง นิมิตตัง
-
ตายอย่างสุญญตา
ตายแล้วไม่ตั้งจิตต่ออีก อัปปนิหิตตังจิตตัง เช่น พระพุทธเจ้าตายแล้ว หลังกายแตกตาย ก็จะไม่มีใครเห็นตถาคตอีกทั้งรูปและนาม เป็นผู้ทำกาละหมดไปจากกาละในโลก โลกมันมีพระอาทิตย์ จักรวาลจะมีกาละไปตลอดกาล เคลื่อนที่อยู่นี่เป็นกาละทั้งนั้น ในจักรวาลนี้จะมีพระอาทิตย์มีการเคลื่อนไหวของโลก ต่างๆ ผู้ที่ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ทำกาละแล้วก็จะไม่มีอัตภาพในกาละใดอีกเลย กายสเภทา ทำกายให้แตกสูญไปเลย แปลซ้อนเป็นไทยในบาลีว่า ผู้ทำกาละ
ผู้ทำกาละได้นี้ หมายถึงพระอรหันต์เป็นต้นไปเท่านั้น คนธรรมดานั้นก็ต้องกลับมาสู่ กาละใหม่เพราะคุณทำลายกายแตกตายไปแบบไม่มีกลับมามีกาละอีก สูญไปเลยไม่ได้ คุณต้องมาเกิดมามีกาละในมหาจักรวาลนี้อีก
การทำกาละ จึงทำได้แต่เป็นพระอรหันต์เป็นต้นไปเท่านั้น กายสเภทา ปรัมมรณา คือการตายที่ยิ่งที่สุดยอด ปรมะ คือผู้นั้นทำการตายอย่างยิ่งยอดได้ หลังตายหมดอัตภาพไม่เหลือกาละใดๆ จึงเรียกว่า คนนี้คือผู้ทำกายสเภทา ปรัมมรณา กาละ สูญ แต่ถ้าทำไม่ได้ คุณก็ต้องเป็นไปตามเหตุปัจจัยที่จะต้องเวียนวนมาเกิดอีก
คำว่า สิริมหามายานี่ จะเข้าใจมากขึ้นเดี๋ยวก็พูดว่ามีเดี๋ยวก็พูดว่าไม่มี เดี๋ยวก็บอกว่าอันนั้นเป็นอันนี้เดี๋ยวอันนี้เป็นอันนั้น สุดยอดนักเล่นกลยอดนักมายากลจริงๆเลย
ใครเห็นว่านักมายากลนี้สามารถแสดงอะไรดีๆให้เราคนก็จะชอบดูนักมายากลคนนี้มากทีเดียว เช่นฮูดินี่ เล่นมายากลเก่งมากเลย ชาวฮังการี่
แต่อาตมาไม่เอาวิชาแบบเดรัจฉานแบบนั้น อาตมาก็เคยครั้งหนึ่งจะแสดงการหายตัวที่วัดนรนาถแต่คิดอีกทีไม่เอาดีกว่า ก็เลยเลิก จริงๆนะ จะแสดงจริงๆ ในยุคโน้น ตอนนั้นเป็นฆราวาสอยู่ แต่คิดได้ไม่เอาแล้วก็เลย ประเดี๋ยวทำจริงๆได้จริงเป็นจริงคือคนที่เขาจะเห็นก็เห็น แต่คนที่ไม่เห็นก็จะไม่เห็นคือจิตถูกสะกดจิตไม่ให้เห็นก็ไม่เห็นคนที่ไม่ถูกสะกดจิตก็จะเห็น ต้องแน่ใจว่า ในห้องประชุมนี้เราสะกดจิตคนได้จำนวนมากหรือสะกดได้หมดเลยต้องมั่นใจว่าสะกดได้หมดนะ อาตมาศึกษาทางสะกดจิต
เอาง่ายๆมีตะกร้าตรงนี้ เราก็ทำการสะกดจิตคน สะกดได้แล้วก็บอกว่าโต๊ะนี้ว่างนะไม่ทีอะไรเลย หนึ่ง สอง สาม ลืมตามา เขาก็ถูกสะกดจิตไว้แล้วว่าบนโต๊ะไม่มีอะไรแต่ที่จริงมันมีอะไร เราพิสูจน์กันมาเล่นกันมาในสภาค้นคว้าทางจิต มีหมอเฉก หมออื่นๆ ในวัด
หมดสูญหรือศูนย์หมด ก็ใช้ได้ทั้ง 2 อย่าง ใช้กับอรหันต์ได้ คือสูญคือว่างจากกิเลส ส่วน ศูนย์คือสถานที่ กำหนดว่าเป็นจุดศูนย์กลางศูนย์รวม เป็นภาวะก็คือจุดรวม หมายความว่า มีศูนย์ แต่เป็นศูนย์กลางศูนย์รวมตรงนี้ ส่วนสูญคือว่างจากกิเลส หรือเอามาใช้ทางโลกีย์คือมันไม่มีแล้วก็ได้ เป็นกลางๆคือศูนย์ ส่วนสูญ คือไม่มี มันว่าง อันหนึ่งมันมี อันหนึ่งมันไม่มีนะ นี่ก็เฮือนศูนย์สูญ อาคารนี้ใช้ทั้งสองคำเลย ตึก ศูนย์สูญ แต่ก่อนนี้ บนหลังคาเขียนไว้ ศูนย์สูญกับประโยชน์สูงประหยัดสุด ตอนนี้ก็รื้อออกหมดแล้ว
. จากคลิป กราฟฟิก อินทรีย์ 5 พละ 5 การปรับสมดุล คนจะเก่ง เกิด สามเหลี่ยมด้านเท่าได้ไม่พร้อมกัน คือ ศรัทธากับ ปัญญา อธิบาย เพิ่มด้วยค่ะ
พ่อครูว่า…คุณเองเป็นเจ้าของจิต เป็นตัวประธานแล้วคุณก็ศึกษาศรัทธากับปัญญาที่เป็นตัวปลายของอินทรีย์ 5 พละ 5 ศรัทธาวิริยะสติสมาธิปัญญา
พลังงานของจิตที่จะเป็นมิติในความศรัทธาเชื่อถือคืออะไร มิติของวิริยะ คืออย่างไร ศรัทธาคือ ความเชื่อถือเชื่อมั่นเชื่อฟัง ส่วนวิริยะ ก็มีกำลังของวิริยะมากมาย พากเพียรเท่าไหร่หรือน้อย พลังงานของสติ จิตของคุณมีสติอย่างไรสติมีมาก หนาแน่น ดีกรีสูง หรือไม่สูง
สมาธิ ก็เป็นต้องการที่ตั้งมันตกผลึก สติเป็น Dynamic สมาธิ Static
สมาธิเป็นรูป สติเป็นนาม เป็นตัวรู้ก็เป็นธรรมะสอง จับคู่อะไรคือรูป อะไรคือนาม อะไรมีมาเราก็จับคู่ อะไรเป็นรูปหรือนามก็ได้หรือเป็นรูปด้วยกัน เป็นนามด้วยกันก็ได้
ต้องศึกษาธรรมะสอง ที่เป็นหัวใจศาสนาพุทธเลย ต้องเรียบเรียงให้ดีระหว่างสภาวะกับภาษาและระหว่างรูปกับนาม
เวทนากับเวทนาก็มีธรรมะสอง เวทนาสองทำให้เป็นเวทนาหนึ่ง คุณก็ต้องรู้ ความเป็นเวทนา ทำให้เวทนา เก๊ หมดไปเหลือแต่เวทนาแท้ได้อย่างไร
อาตมาระลึกถึง ท่านเจ้าคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ท่านประยุทธ์ ปยุตโต ท่านเคยว่าอาตมา ไม่รู้แม้แต่ อัตถะ ธรรมะ พยัญชนะ ก็สับสน ตอนนั้นท่านก็กำหนดตามที่ท่านอ่านหนังสือทางเอกสมาธิพุทธของอาตมา ตอนนั้นก็ยอมรับว่าอาตมายังไม่เก่ง ยังไม่ได้ไปทบทวน ก็ยอมรับได้ไม่มีปัญหาอะไรตอนนั้นยังไม่เก่ง ต่อมาอาตมาก็มาแก้ไข อันนี้มันไม่ถูกก็มีเยอะ แต่ตอนนั้น เข้าใจขนาดนั้นก็สื่อสารมาอย่างนั้น เพราะหลายอย่างมันเพี้ยนไม่ตรงทีเดียว ก็ตอนนั้นมีภูมิอย่างนั้น ก็สื่อออกมาอย่างจริงใจ ทีหลังก็มาทบทวนว่ามันไม่ถูกซะทีเดียวสื่อไม่ตรงกับที่ควรเป็น
_น้ำมนต์…เมื่อไหร่หนูจะเลิกเอาแต่ใจตัวเอง
พ่อครูว่า..หนูรู้ไหมว่าตอนเราเอาแต่ใจตัวเองมันเป็นอย่างไร มันดื้อมันจะเอา เราก็ต้องยอมอย่าเอาเลย ก็หัดอย่าเอาเลย ตอนที่เราจะเอาตามใจเรา เราบอกว่าเราไม่เอาก็ได้เราก็ยอมให้คนอื่นไปเลย ให้แม่ พี่ป้า น้าอาเอาไปเลย แล้วรับรองว่าหนูก็ยังไม่ตาย ให้ก็ไม่ตายหัดเลยหัดอย่างนี้ อย่าไปยึดถือเป็นเราเป็นของเรา ให้เขาไปเลย รับรองไม่ตาย จะเก่งขึ้น เราจะลดได้ ว่าเมื่อไหร่ เราจะไม่เอาแต่ใจตัว
_แก้วบุญ…ทำไมเราถึงมีกิเลส
ที่มีกิเลสเพราะไม่ได้เรียนรู้กับหลวงปู่ หากใครมาเรียนรู้กับหลวงปู่แล้วผู้นั้นจะลดกิเลสได้เรื่อยๆ สุดท้ายเป็นพระอรหันต์ก็จะไม่มีกิเลส
_สุวิดา..ตอนหนูเป็นเด็ก พ่อบอกว่าร้อน หนูเลยเอาน้ำมาสาดและพ่อสลบไป มันมีคำถามว่า ถ้าเกิดว่าพ่อหนูตายไม่ฟื้นขึ้นมา เราจะมีบาปไหม เป็นอนันตริยกรรม พ่อหนูนี่ตายแล้วฟื้นมาได้
พ่อครูว่า…พิจารณาที่เจตนา เจตนาของเราไม่ต้องการให้ตายหรอก อย่าไปทำอย่างนั้น แก้ไขเท่านั้นเอง ไม่เจตนาให้ตาย มันก็ไม่เป็นกรรมหนักหนาอะไรหรอก เจตนา เป็นกุศลด้วยซ้ำอยากให้เลิกในสิ่งไม่ดี
ลักษณะนี้อาตมาเข้าใจ คือคนเราเกิดความร้อนเยอะ หากเอาความเย็นไปกระทบมันก็จะน็อคได้ชั่วคราวแล้วฟื้น ไม่เป็นไรหรอก
_สภาวะที่หนูนั่งสมาธิเมื่อ 10 ปีที่แล้วก็ยังสงสัย ตอนนั้น เมื่อนั่งสมาธิไปมันก็จะนิ่งแล้วก็เกิดสภาวะว่า ร่างกายนี้เป็นแค่ที่อาศัย ตอนนั้น ถ้าสมมุติมีคนมาตัดคอเรา แต่เรายังไม่ตายมันก็โล่งสบาย หากมีคนมาฆ่าเรา เราก็ไม่เสียดายชีวิต ถามว่าสภาวะภพตอนนั้นคืออะไร
พ่อครูว่า…ก็เป็นความเชื่อความเข้าใจของเราว่าเป็นสภาวะสูงส่งว่าเราไม่มีตัวตน เราไม่ยึดถือความเป็นความตาย ถ้าเผื่อว่าเราได้ ภพนี้ อาการนี้ จิตเป็นอย่างนี้ มันสบาย ไม่มีตัวตน มันเป็นความเข้าใจ เป็นภาษาความหมาย สบาย ตายก็ได้ไม่ตายก็ได้ร่างกายก็แค่เครื่องอาศัย เป็นความหมายที่สูงส่ง แต่ความจริงแล้ว
ใครจะมาตัดคอคุณตายตอนนั้นมันสมควรไหม มันไม่มีเหตุอะไรจะมาตัดคอเราตาย หากใครมาตัดคอเราก็ต้องรับวิบากแน่นอน ในสมมุติที่เราเองยึดสมมุติ เพราะความจริงเรายังไม่ตาย เรายังมีทิฏฐิความเข้าใจ แล้วไปยึดถือความเข้าใจนั้นว่ามันถึงแล้ว ถึงความว่างแล้วถึงความไม่มีตัวตนแล้ว ที่จริงมันไม่ใช่อย่างนั้น ความว่างคือคุณว่างจากกิเลส ไม่ได้ว่างจากร่างกายนี้คุณไม่ได้คิดจะตาย แต่คุณหลงไปว่า ถ้าใครมาฆ่าเราก็สบาย คุณก็จะจมอยู่ตรงนั้น หลงนานเลย อีกนานกว่าจะได้ไปเกิด ยึดที่ดีใจภูมิใจว่า เรานี้สูงมากทีเดียว เหมือนอาฬารดาบสอุทกดาบสแต่เป็นแบบดับ ก็เป็นรูปธรรมที่มี แต่คุณยึดสภาวะนั้นว่าสูงสุด คุณยึดในนาม
_ดุลเพชร ..ผมอยากถามว่าพ่อท่านมีอนาคตังสญาณไหมว่าต้องมาอยู่ที่นี่ สมัยปี 27 ที่ปฐมอโศก พ่อท่านเอาหนังเรือโนอาห์มา ตอนนั้นเราบูมนาวาบุญนิยม ช่วงที่พ่อท่านลงไปเทศน์สงขลา เชียงใหม่ โคราชฯ พ่อท่านว่า ผมไม่อยากมาเท่าไหร่ ปี 2524 แล้วก็มาเกี่ยวกับโนอาห์นาวาบุญนิยม พ่อท่านพอรู้ล่วงหน้าไหมว่าจะต้องมาอยู่ที่นี่
พ่อครูว่า…ไม่รู้ ไม่รู้แม้แต่ว่า ทำไมจะต้องมาสร้างที่นี่ ทุกวันนี้เหมือนกับว่าที่นี่เป็นเมืองหลวงของชาวอโศก ไม่ได้คิดไม่ได้วางไว้ก่อนทำไปตามเหตุปัจจัย อาตมาเคยพูดว่า อาตมาเป็นคน no project no planning ไม่มีพิมพ์เขียวไม่มีแบบแปลนอะไรทั้งนั้น ทำไปตามเหตุปัจจัย แม้แต่ทุกวันนี้ เหตุปัจจัยที่มีก็ทำอย่างเมื่อยพอแล้ว อย่าไปคิดว่าจะต้องสร้างอันนั้นอันนี้ กับสิ่งที่เป็นปัจจุบันนะทำขนาดนี้ ให้มันเกิดขึ้นมาอีกก็ค่อยๆทำแค่นี้ มันมีเหตุปัจจัยประมาณหนึ่ง ไม่ได้คิดไกลให้มีเยอะแยะ ทำตามเหตุปัจจัยปัจจุบันที่ทำร่วมอยู่ด้วย มันจะต้องทำอันนี้ มันก็เยอะแล้ว
ดุลเพชร..สำหรับผมเหมือนรู้ล่วงหน้า
พ่อครูว่า..เป็นได้แต่อย่าไปหลงมัน พวกเรามีเยอะ แต่อย่าไปติด หากไปติดก็อีกนาน ก็วาง เอาที่ปัจจุบันที่คุณเห็นว่ามีประโยชน์จะทำ ไม่ฉะนั้นคุณจะติด เดี๋ยวก็จะนึกว่า เป็นสิ่งที่ดีสิ่งที่วิเศษระลึกชาติได้มันเป็นสิ่งที่ทำได้ พวกเราไม่ใช่คนธรรมดาทั้งนั้นจะบอกให้ มีอะไรพิเศษอยู่ อาตมาไม่อยากย้ำ หากย้ำ ก็จะบ้าไปอีก เรามีสิ่งพิเศษอะไรต่างๆ อาตมาเคยพูดหลายทีแล้วว่า คนที่อยู่ร่วมกับพวกเรานี้เป็นคนมีบารมีทั้งนั้น คนที่มารวมกับพระพุทธเจ้าก็มีบารมี มีพระอรหันต์ไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ ปึ๊ดๆๆ เราก็อยากจะทำได้อย่างนั้นแต่มันไม่มีบารมีต้องได้อย่างเราเท่านั้นพยายามไปเถอะ ไม่ใช่หืดขึ้นคอนะ มะเร็งขึ้นคอเลยไม่ง่าย ก็เพียรพยายามไปตามเหตุปัจจัย ไม่อย่างนั้นมันจะไปหลงตัว อาตมามีเยอะเลยอย่างที่คุณว่า อย่าไปหัวซามันเลย(อย่าไปสนใจ)
_เกื้อดิน พลังงานจิตกับพลังงานไฟฟ้ามีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันไหม
พ่อครูว่า…จริงๆแล้ว ลึกซึ้งที่สุดคุณจะต้องเข้าใจพลังงานคืออะไร คุณจะเรียกว่าพลังงานแม่เหล็กพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าพลังงานแสงเสียง คุณก็ต้องแยกออกว่าพลังงานแสงคืออะไรพลังงานเสียงคืออะไร พลังงานแม่เหล็กคืออะไร พลังงานไฟฟ้าคืออะไร คุณว่าแม่เหล็กกับไฟฟ้าต่างกันไหม ก็แตกต่าง
พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นอุตุนิยาม แต่จิตใจมีลักษณะของอุตุนิยามไหมก็มี เช่นไฟฟ้านี่เป็นลักษณะที่มีฤทธิ์แรง ดูดก็ได้เยอะ สลายก็ได้เยอะ เอาไว้ดูดหรือสลายก็ได้แต่ถ้าแม่เหล็กนี้ดูดอย่างเดียว คุณก็เห็นความต่าง ลิงคะ ของมัน ทีนี้จิต ถ้าทำให้พลังงานได้สัดส่วนเหือนไฟฟ้าทำให้สลายก็ได้ จึงไปสลายพลังไฟฟ้าของราคะโทสะโมหะได้
อาตมาพูดว่า จิตเป็นพลังงานพวกอภิธรรมจะเอาอาตมาตาย
_เราเจอผัสสะ แต่ถ้าเรารู้ และเราได้ยินมา แล้วก็เห็นว่า คนคนนี้เป็นคนชอบเถียงไม่รู้เรื่องไม่มีเหตุผล สมมุติ แล้วพอเราดูเราเห็นก็พยายามไม่ไปยุ่งกับคนๆนั้น พยายามหลบหลีก ไม่พบได้เป็นไม่พบ ไม่พูดได้เป็นไม่พูด อย่างนี้ถือว่าเรามีอคติไหม และถือว่าเรานี่ หนีผัสสะหรือเปล่า?
พ่อครูว่า..มันก็ จะว่ามันมีส่วนดีก็เป็นได้ คือเราประมาณตนเองว่าคนๆนี้มันแรง เราไม่สามารถให้ประโยชน์อะไร ไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับเขา ดีไม่ดีเราจะแย่ด้วย พระพุทธเจ้าท่านสอนว่า คนพาลให้อยู่ห่าง บัณฑิตให้อยู่ใกล้ ส่วนคนพาลให้ห่าง เราก็ต้องประมาณดูว่า เราจะสามารถสัมพันธ์กับเขามีประโยชน์อะไรได้ หลายอย่างเราก็ต้องกลุ่มสัมพันธ์กันเพื่อประโยชน์ในทางการงาน หลายอย่างเราก็ถึงขั้นสัมพันธ์ จะช่วยถึงขั้นช่วยจิตใจกันได้ เรื่องวัตถุนั้นหยาบกว่า เราถึงทำเป็นขั้นๆ ขั้นวัตถุ ถ้าหยาบ วัตถุอย่างนี้ก็ไม่ต้องไปเกี่ยวข้อง แต่ถ้าจิต แล้วจะช่วยเขาได้บ้างเป็นครั้งเป็นคราว ทางวัตถุเราช่วยเขาไม่ได้ แม้วัตถุก็ไม่ได้ คนอย่างนี้ ทางจิตก็อย่าไปทำเลย จนกว่าคุณจะค่อยๆ กลับมาทางวัตถุเรากับเขาก็ช่วยได้แต่ทางจิตช่วยไม่ได้ จนกว่าทางจิตจะช่วยได้ก็ค่อยช่วยทางวัตถุหยาบกว่า ก็ง่ายกว่า หากเป็นประโยชน์ก็ร่วมกัน หากไม่เป็นประโยชน์ก็ไม่เอา ไม่เป็นประโยชน์ทางรูปได้แล้ว ก็ยังเหลือนาม หากไม่มีประโยชน์ทางรูปแล้ว นามก็ไม่มีสิทธิ์ เราก็เข้าใจว่าเราช่วยอะไรเขาไม่ได้แล้ว
_ถ้าเราประมาณตัวเราว่าเราไม่สามารถยุ่งให้เกิดประโยชน์ได้ ก็เหมือนเราใช้สัปปุริสธรรมใช่ไหม
พ่อครูว่า…ใช่ ด้วยเรารู้ตัวเราว่าเราก็เท่านี้ อัตตัญญุตา เราจะเมตตาก็คือเรารู้ประเด็นที่เขาเ
ป็นที่ควรจะแก้ไข เราก็เอาประเด็นนี้ไปให้ผู้ที่คิดว่าจะช่วยเขาได้ ฝากผู้ที่ คนเขานับถือหรือเขาเอง ผู้นี้ เป็นสัตบุรุษเป็นครูอาจารย์จะช่วยเขาได้ เราก็เอาอันนี้ไปรายงานข้อมูลให้แก่ผู้นั้นให้ช่วยเขาด้วย เท่านั้นเอง ได้สุดก็แค่นี้
_อาเหลา พ่อท่านเคยเทศน์เรื่องรหัส ทีนี้รหัสของคนนี้จะเปิดเมื่อมีวิกฤติ เช่นรถจะตกเหว ก็รอดมาได้ทั้งแม่และลูก รถก็ร้องขึ้นเองจนเราตื่น ก็ไม่ได้ตกใจ ก็ตื่นมาแล้วก็กลับมาได้ มีหลายโอกาส
พ่อครูว่า..อันนี้ไม่เรียกรหัส แต่เป็น ลางสังหรณ์
_ส่วนที่ไม่เกี่ยวกับ อุบัติเหตุ เคยวิ่งรถเส้นทางนี้ประจำบางที 40 นาทีแต่คราวนี้ 10 นาทีก็ถึง หรือทางออกจากในวัดผ่านไปกุดระงุมมันเต้นมาก มีอยู่วันหนึ่งมันเป็นความเรียบร้อยมากเลย ใครมาเทถนน ขากลับมาก็เต้นเหมือนเดิม
พ่อครูว่า..เป็นความรู้สึกของคุณกระมัง หรือคุณก็ต้องกำหนดรู้ว่าเหตุเพราะว่าอะไร อันนี้เป็นเพราะเหตุถนนอันนี้เป็นเพราะว่าความรู้สึกของเรา เป็นอุปาทานเป็นได้หมด เจ็บมันก็ไม่เจ็บปวดก็ไม่ปวด มันพวกเอาอะไรแทงปาก ก็ค่อยๆเรียนไป พวกนี้เป็นเรื่องของอุปทานที่เป็นเรื่องยิ่งใหญ่มาก ก็ไม่รู้จะพูดว่าอย่างไรอุปาทานมันเป็นได้มีได้ มันชั่วขณะนี่คุณยึดมั่นถือมั่นหากคุณไม่ยึดมั่นถือมั่นแล้วมันก็ไม่เป็น เช่นอาตมาเล่นไสยศาสตร์ให้หนังเหนียว แต่มันไม่เที่ยงแท้มันของมันเสื่อมง่าย อย่างเช่นอธิบายพวกฤาษีที่เหาะได้ เสร็จแล้วไปเห็นนางใน โป๊เปลือย กามเข้าก็ตกเลยทีนี้เหาะไม่ได้ต้องเดินกลับกุฏิ อย่างนี้เป็นต้น มันไม่เที่ยงไม่มันของมันต้องยึดถือถึงต้องใช้พลังงาน มันเปลืองพลังงานมันเสียเวลา ทำได้มันก็เก่งตามโลกโลกีย์ ได้คำชมเชยได้การยกย่องว่าเก่ง บางทีก็ไม่เป็นประโยชน์บางทีก็เป็นประโยชน์บ้าง ไม่คุ้ม ถ้าทางปรมัตถ์ไม่คุ้ม พระพุทธเจ้าถึงบอกว่าให้โยนทิ้ง อายุของพระพุทธเจ้ามีคนที่เก่งฤาษีคันธารีฤาษีมัลลิกา ฤาษีคันธารีเก่งทางอิทธิปาฏิหาริย์ ฤาษีมัลลิกาเก่งทางด้านเทศนาปาฏิหาริย์ พระพุทธเจ้าก็บอกว่าถ้าอยากเรียนพวกนี้ก็ไปเรียนกับพวกฤาษี อิทธิปาฏิหาริย์อาเทศนาปาฏิหาริย์ แต่เราไม่สอนเรื่องนี้เราสอนแต่อนุสาสนีปาฏิหาริย์ ในเกวัฏฏสูตร
_ปีกแก้ว…จะเรียนถามพ่อท่านว่า ดิฉันมีโอกาสดูแลทั้งพ่อและแม่ เมื่อปี 2542 ดิฉันเข้าวัดตอนใหม่ๆ ธรรมะก็คงจะมีน้อย ดิฉันเลี้ยงดูพ่อ 2 ปีจนสิ้นชีวิต แต่ทำไมจิตใจของดิฉันจะวนเวียน เวลาเขาตายแล้ว ฉันก็วนเวียนว่าดูแลเขาน้อยไป เอามาฝันถึง 2 ปี พอมาอยู่กับพ่อท่าน ก็ได้ทำความเข้าใจได้มากขึ้น ดิฉันก็มีโอกาสได้ดูแลแม่เมื่อ 16 ปีต่อมา ก็เป็นลักษณะเดิม ดิฉันเป็นคนโสดพี่น้องก็ให้โอกาสได้ดูแลแม่ ก็ตั้งใจเต็มที่ แต่ครั้งนี้เมื่อดูแลแล้ว แม้ว่าเขาสิ้นชีวิตไปแล้วจิตใจมันไม่วนเวียนเท่าไหร่ไม่ฝันถึง ไม่ฝันเหมือนตอนพ่อเสียชีวิต อันนี้เป็นธรรมะที่เราเข้าใจขึ้นใช่ไหมคะ
พ่อครูว่า…ถูกต้อง เลี้ยงลูกให้รู้จักโต เลี้ยงพ่อแม่ให้รู้จักตาย ตายไปแล้วก็ไปตามวิบากของท่าน เราจะระลึกถึงพ่อแม่ที่เราเคารพ ก็ระลึกถึงสิ่งที่ดี สิ่งที่ไม่ดีก็มีแต่เราไม่เอามาเป็นตัวอย่างไม่เอามาศึกษาไม่เอามาทำตาม ก็จะทำตามสิ่งที่ดีโดยเฉพาะสิ่งที่ดีนี้ ท่านมีแต่เราไม่มี เราจะต้องระลึกจะเอาตามอย่างท่าน เราต้องพยายามศึกษา
_อาเหลา…พ่อท่านเคยเทศน์ว่าพ่อท่านไปสแกนลายนิ้วมือว่าเป็นพาสปอร์ตแต่ไม่มีลายนิ้วมือก็เป็นพระอรหันต์ ทางนี้ ไม่มีลายนิ้วมือเหมือนกัน
พ่อครูว่า…อาตมาเคยปั๊มนิ้วมือ มันมีลายนิ้วมือ แต่ตอนหลังไม่ไปสังเกต แต่ว่าทุกวันนี้ทำไมลายมือเราหายไปหมด มีแต่ลายเส้นอะไร ลายมือก็จะมีลายต่างๆ แต่อาตมานี่ไม่มีแล้ว มันเป็นเส้นยับยู่ยี่ เราเอง อาตมากดนิ้วมือสแกนเข้าลิฟต์มันไม่ได้เลย
สมณะแสนดินว่า… ไม่ได้หมายความว่าการไม่มีลายนิ้วมือหมายถึงการเป็นอรหันต์
พ่อครูว่า..ก็เหมือนอย่างกับพระธาตุ พวกฤาษี พระธาตุจะสวยมากเลยเพราะมีธาตุของความเย็น จะไปเอาตรงนั้นมาพิจารณาว่าเป็นพระอริยะไม่ได้ สายเจโตนี้พระธาตุจะสวย แต่ไม่ได้เป็นพระอรหันต์ไม่ได้เป็นแม้แต่พระโสดาบัน เรื่องนี้ อาตมาเป็นผู้ไขความ เรื่องพระธาตุนี้
_ขวัญรัก..เหตุอย่างนี้เกิดกับดิฉันมามา 36 ปีตอนที่ไปเฝ้าพ่อที่โรงพยาบาล ก็มีพยาบาลพิเศษ มีดิฉันและเตี่ยนอนอยู่ ต่อมาทุ่มหนึ่ง เพื่อน ที่เป็นหัวหน้าวอร์ดก็ออกไปดิฉันก็อยู่กับพ่อและนั่งถอดเทป แต่สงสัยว่า พยาบาลปิดประตูไม่สนิทประตูมันเปิด พลั๊ว แล้วก็มีวัตถุสีดำๆออกมา ดิฉันก็บอกว่าเป็นอะไร ลุกขึ้นไปดูก็ไม่มีอะไร แต่แล้ว พอเช้าขึ้นมาเตี่ยเสียชีวิต ดิฉันก็ไปถามอดีตสิกขมาตุ ท่านก็บอกว่าคุณอุปาทานไปเอง ก็เลยคาใจ ว่านั่นคืออะไร
พ่อครูว่า…อุปาทานคือคุณยึดว่าสิ่งนี้มีมันก็มี คุณไม่ได้คิดไม่ได้นึก แต่มันก็อยู่ในอนุสัยของคุณ โดยสามัญสำนึกคุณไม่รู้ แต่ใน unconscious ของคุณมี
_ขวัญรัก…ตั้งแต่เด็กมาแล้วถ้ามีเหตุอะไรจะเกิดมันก็จะมีอะไรบอกให้รู้ เคยป่วยตอนเป็นมาลาเรีย
พ่อครูว่า..คุณต้องเลิกละวางเรื่องเหล่านี้ให้มาก แม้จะไม่ได้คิดเลย ลึกๆคุณไม่รู้หรอกว่าเรามีความเก่งมีลางสังหรณ์รู้ล่วงหน้า คนอื่นเขาไม่รู้เหมือนเรานะมันพิเศษ คนไม่พูดออกมาเป็นภาษา แต่จิตใจของคุณอย่าไปยินดีกับมัน อย่าไป ถ้ามันมีก็ตัดทิ้งอย่าให้มันมีเรื่องอะไรกับเรามันจะเป็นอะไรก็ช่างหัวมัน แล้วคุณจะคลาย
_ภูหิน…หลวงปู่เทศน์เอาวิทยาศาสตร์มาเทศน์ แต่หลวงปู่ไม่จบวิทยาศาสตร์มา
พ่อครูว่า…ก็ใช้ภาษาทางวิทยาศาสตร์ด้วยเหมือนกัน แต่ ศาสนาพุทธเป็นวิทยาศาสตร์ที่ลึกซึ้งกว่าวิทยาศาสตร์สามัญทางโลกเพราะเป็นทางนามธรรม แต่คนอื่นรู้ไม่ถึง รู้ได้ยาก จิตนิยามมีทั้งอุตุและพีชะ
_ปรีชา..ขอต่อภาค 2 … คือว่า หลังจากที่รับคำสอนว่า ให้ภาวนาอนิจจังทุกขังอนัตตา ต่อจากนั้นมานั่งทำเอง โดยจับความรู้สึก ลมหายใจเข้าจมูก อนิจจังทุกขัง หายใจออกอนัตตา เร็วขึ้นด้วยเรื่อย เร็วจนจิตมันคิดไม่ทันตามไม่ทัน การภาวนานั้นก็หายไป เปลี่ยนเป็นการเกิดและดับขึ้นมา กลายเป็นว่าการภาวนาหายไป ที่ลมหายใจก็หายไป พอถึงตอนนั้นก็รู้สึกว่า…มันเกิดปีติ
พ่อครูว่า…มันผิดทาง เลิกไปเลยที่เคยทำมา แล้วมาทำตามที่อาตมาอธิบายศีล สมาธิ ปัญญา วิมุติให้ได้ ที่คุณไปเป็นอะไรพวกนั้นเป็นนามธรรมที่ไม่ได้เรื่อง เป็นมิจฉาทิฐิ เป็นอุปาทาน หากคุณไปวุ่นอยู่ คุณก็จะถามอาตมาจนอาตมาตายไปแล้ว คุณก็จะไปถามคนอื่นต่อ มันไม่ใช่ทาง ทุกวันนี้อาตมาตีทิ้งระบบนั่งหลับตาไปสร้างสีแสงอะไรพวกนี้แล้ว
ถ้าคุณเข้าใจ อาตมาว่าทำทาน ตามที่พระพุทธเจ้าสอนคุณอย่าไปมี สาเปกโข จิตของคุณทานแล้วก็คือจบ ไม่ต้องมีอะไรต่ออีกตัดเลยไม่ต้องสร้างความหวัง สาเปกโขคือความหวัง หากหวังอะไรอีกนิดหน่อยมันก็จะเป็นสภาพที่ต่อเนื่องต่อไป ทานแล้วตัดเลย ให้เขาไปแล้วก็จบ ถ้าคุณยังมีอะไรต่อ มันมีภพทันที มันมีภพมีชาติทันที เพราะฉะนั้นเรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องสามัญ ยิ่งคุณไปติดเรื่องพวกนี้ คุณฟังแล้วเข้าใจยากยิ่งจะมาฝึกก็ยากเพราะฉะนั้นตัดเรื่องเหล่านี้ทิ้ง คุณไปเอาที่อาตมาอธิบายเบื้องต้นศีล สมาธิ ปัญญาให้ชัด
เอาที่ศีลข้อ 1 2 ศีลข้อ3 ยังไม่ถึงก็ไม่เป็นไร เอาข้อที่ 1 และ 2 เกี่ยวข้องกับสัตว์กับคนคุณชอบใจหรือไม่ชอบใจ กับ ศีลข้อที่ 2 เท่าของวัตถุต่างๆกับพืชพรรณธัญญาหาร ที่เราร่วมใช้ร่วมทำอยู่นี้ เรากระทบพวกนี้ เรายังยึดถือจะเอาเป็นเราเป็นของเรา โดยทุจริต และแม้ไม่ทุจริต มันก็ยังอยากได้เป็นเราเป็นของเรา ยังอยากไปแย่งอันนั้นอันนี้ พวกนี้มาทางนี้ อ่านจิตทางนี้
อาตมาขอตีทิ้งที่อาจารย์คุณสอนมาเก่า เลิกเลย มาทำอย่างที่อาตมาพูดนี้ มันไปตีสิ่งที่คุณยึดถืออยู่ เป็นสีลัพพตุปาทาน มันครบหมดเลยเป็นอุปาทานทั้ง 4
กามุปาทาน ทิฏฐุปาทาน สีลัพพตุปาทาน อัตตวาทุปาทาน
คุณไม่ปล่อยสิ่งที่คุณยึด กามุปาทาน คุณก็ยึดถือสิ่งที่คุณยังติดใจ ไม่มาเอาอย่างที่อาตมาสอน
ทิฏฐุปาทาน คุณก็ยึดถือสิ่งที่คุณจะถือว่าดีกว่าสิ่งที่อาตมาสอน คุณก็ไปยึดถือทฤษฎีเก่า คือศีลพรต คุณยึดถือสิ่งที่คุณยึดว่าเข้าใจๆ แต่คุณยังไม่เข้าใจเลย กามก็ไม่เข้าใจ ทิฏฐิก็ไม่เข้าใจ ศีลก็ไม่เข้าใจ จึงได้แปลภาษาว่าเอาแบบพ่อท่านนี่แหละ เป็นโพธิสัตว์เป็นผู้ที่สอนได้แต่คุณไม่เอาตามที่สอนเลย ยังดีที่คุณยังอยู่กับหมู่กลุ่มแต่คุณไม่ได้ใส่ใจที่อาตมาสอนเป็นขั้นตอนเลย
คนเราไปติดยึดสิ่งที่สูง แต่ขั้นต้นไม่สนใจไม่เอา เราคิดว่าเราสูงแล้ว ตัวเราเข้าใจแล้วแต่ที่จริงคุณไม่เข้าใจหรอก คุณยังไม่ได้ด้วยตัวเองตัวตน เหมือนกับคนทั่วไปที่เรียนมาเยอะ ฟังอาตมาพอจะเข้าใจ แต่เขาก็ยังยึดถือว่านี่แหละถูก เพราะฉะนั้น จบที่อัตวาทุปาทาน เขาได้แต่ตําราบัญญัติความเข้าใจที่เขาคิดถึงอยู่ เขาไม่ได้เข้ามาหาตั้งแต่เริ่มต้น
กามุปาทาน สัมผัสเป็นปัจจัยในปัจจุบันในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส สัมผัสกับสัตว์สัมผัสกับของ สัมผัสทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ มาเรียน 3 ข้อของศีลนี้ให้ดีก่อน
คุณก็ยังไม่ได้ปฏิบัติตามที่อาตมาพูดเลย เอ้าใจดีๆ มันยังไม่ถึงขั้นจะเข้าใจก็อย่าไปคิดมากอยู่กับหมู่กลุ่มไป ให้คุณวางของเก่าก็แล้วกัน เลิกของเก่าให้หมดก็แล้วกัน
_รอยใบไม้…อย่างเรื่องอุปาทาน การกำหนดจิตฟังแล้วก็ยังสงสัยอยู่ เราจะใช้อุปาทานในทางเป็นประโยชน์ได้ไหม เช่นสมมุติว่าเขามีการแทงปาก เข้าทรง
พ่อครูว่า…ได้ แต่ใช้ให้เป็นประโยชน์แต่มันก็ไม่เที่ยง อาตมาก็ใช้ในการทำงาน มีกับคุณด้วยกับใครๆด้วยแต่แท้จริงอาตมาไม่มี
_รอยใบไม้..คนไม่สบายเจ็บป่วยแล้วเชื่อว่าเราจะต้องหายได้ เป็นการสร้างอุปทานใช่ไหมแล้ว
พ่อครูว่า..ใช่ มันก็ช่วยได้
_รอยใบไม้…เราจะทำให้อุปาทานนี้มีฤทธิ์แรงมากขึ้นได้อย่างไร
พ่อครูว่า..เราก็ต้องมั่นใจว่าอันนี้ใช่มันต้องได้ แต่มันก็จะเคยตัว มันจะเคยชิน เพราะฉะนั้นมันก็จะเป็นดาบสองคม คุณได้ประโยชน์แต่คุณก็มีตัวติดอีก คุณเอาไปใช้มันจะต้องมีพลังงานที่จับตัว ที่จะปล่อยวางอีกทีมันก็ยาก อันนี้มันเป็นพลังรวมของพลังงานจิตแล้ว จึงอย่าไปกังวลมันอย่าไปใช้อุปาทาน ล้างอุปาทาน ตั้งแต่ตัวหยาบ กลาง ละเอียดไปเรื่อยๆ
_สิกขมาตุรินฟ้า…ขันธ์ 5 คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เราจะล้างอุปทานขันธ์ 5 ได้อย่างไร
พ่อครูว่า…นี่ถามศาสนาทั้งศาสนาเลยนะ
ก็ที่สอนมาแล้วนี่แหละ ที่ทำอยู่แล้ว คุณก็ทำได้อยู่บ้างแล้วก็คือรูปกับนาม
รูป เป็นตัวตั้ง รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เพราะฉะนั้นก็เรียนรู้ตั้งแต่รูปกับนามที่เป็นตัวหยาบตั้งแต่ธรรมะ 2 เป็นต้นไป
ตั้งแต่อุตุนิยาม พีชนิยาม จนกระทั่งเข้าไปหาจิต ก็จะมีเจตสิกที่เป็นเวทนา คุณก็ล้างธรรมะ 2 ของเวทนาอีก ตัวเหตุในเวทนา คุณล้างแล้วจิตในจิตก็ได้ด้วย เวทนาคือเจตสิกของจิต จิตก็จะได้ด้วย กรรมฐานของศาสนาจึงมีกรรมฐานที่เวทนา จะได้ทั้งกายจิตธรรม
สิ่งสำคัญอยู่ที่เวทนา 108 ให้ชัดเจน ที่มามันครบหมดแล้วทั้งร้อยแปด เวทนา 2 คือส่วนนอกกับส่วนใน กายิก กับ เจตสิก นอกในสองสภาพต้องสัมพันธ์ต้องร่วมกันตลอดกาล
เมื่อมันกระทบสัมผัสกันแล้วเป็นเวทนา มีตัวกายและจิตมันคืออันเดียวกันจะต้องอยู่ร่วมกัน เมื่อทำงานร่วมกันก็เกิดเวทนา เวทนาก็เป็นประชุมกันเข้าก็เป็นได้ 3
สุขทุกข์แล้วไม่สุขไม่ทุกข์
ก็เอาที่ปัจจุบันอย่าเพิ่งเอามา เอาที่ปัจจุบันนี้มันจะครบกว่า เอาเวทนา 2 ด้วยเหตุที่มันเกิดสุขเกิดทุกข์ มันเป็นตัวอันเดียวกัน เหตุที่มันพาให้สุขมันให้ทุกข์ รู้เหตุก็พิจารณาว่า มันไม่ใช่ตัวตน มันไม่เที่ยง มันพาให้สุขให้ทุกข์ พิจารณาให้จิตมันเกิดปัญญาเห็นจริง ไม่ใช่ว่าแค่เข้าใจและยอมความหมายนี้ไปสวมมันเท่านั้น เอาความหมายไปสวม มันไม่ใช่ตัวตนว่ามันไม่เที่ยง มันเป็นเหตุแห่งทุกข์ ไม่ใช่เอาความหมายไปสวม แต่ให้จิตของเราเห็นจริงๆว่ามันไม่อยู่กับเรานานหรอก มันไม่เป็นตัวจริงไม่ถาวร วางเดี๋ยวนี้คุณก็ปล่อยเดี๋ยวนี้ถ้าคุณเร็วได้ มันจะไปสักระยะหนึ่ง แล้วมันก็ไม่อยู่กับเราแล้ว คุณก็ไปคิดเรื่องใหม่ปรุงเรื่องใหม่อีก แล้วมันก็เหตุแห่งทุกข์ คือ เขาแปล โบราณอาจารย์เขาแปลว่ามันมาถึงสิ่งที่ตั้งอยู่ไม่ได้ คือทุกข์
มันเป็นตัวลำบากลำบนมันตัวยาว ก็เลยบอกว่ามันเป็นสิ่งที่ตั้งอยู่ไม่ได้ อย่างนี้มันไม่ตั้งอยู่ตั้งอยู่ไม่ได้ เดี๋ยวมันก็เปลี่ยนไป ทุกข์นี่ มันเป็นสิ่งที่ตั้งอยู่ไม่ได้นาน เราก็พยายามพิจารณามัน เดี๋ยวมันก็เปลี่ยน เดี๋ยวมันก็มีอันใหม่มาแทน มันก็จะต้องมีอาศัยอยู่ทั้งนั้น อันนี้องค์ประกอบมันเป็นสุขหรือทุกข์มันผ่านไปแล้ว อันใหม่มาแล้วมันก็เป็นสุขเป็นทุกข์ใหม่ มันไม่ใช่อันเก่าแล้วเป็นเหตุปัจจัยใหม่ แล้วมันก็ไม่ใช่ตัวตนมันหายไปแล้วมันก็มา มาอีกเพราะคุณยังไม่ตาย ยังมีตา หู จมูก ลิ้น กายของคุณยังรับรู้หมดทุกอย่าง แต่พวกฤาษีที่จะพาให้ดับ มันก็เลยเก่งแต่เห็นรูปก็ไม่เห็น หูก็ไม่ได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่นก็ยังไม่ได้กลิ่นได้เองเลย ก็เลยไม่ต้องพูดกันเพราะคุณดับไปหมดไม่ต้องพิจารณาอะไรเลยทั้งที่มันมีอยู่ รูปมันก็เห็นรูปแต่คุณก็ไม่เห็นแล้วมันจะพูดกันรู้เรื่องอย่างไร คนอื่นเขาเห็นหมดเลยแต่คุณไม่เห็น มันเป็นอย่างนั้น
คุณก็ต้องเห็นตามผู้อื่นมันเป็นสมมติสัจจะร่วมกัน เหมือนกันหมดเลยสัจจะมีหนึ่งเดียว
_สิกขมาตุรินฟ้า…คือล้างรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสในรูป ล้างเวทนาอีก สัญญานี่ก็ช่วยทำ
พ่อครูว่า สัญญาเป็นตัวช่วยทำร่วมทำเสมอ เอาเป็นตัวกำหนดรู้เจตสิกต่างๆ กำหนดอาการลิงค นิมิต สัญญา เป็นตัวกำหนดรู้เสมอ แม้แต่สัญญาเองก็ต้องกำหนดรู้ว่า นี่เรากำลังใช้สัญญาเป็น เป็นอาการของจิตที่มันกำลังทำงานกำหนดรู้กำหนดหมาย อันนี้คืออันนี้ อันนี้คืออันนี้ สัญญานี่แหละเป็นตัวยิ่งใหญ่ที่สุดเลย
_สิกขมาตุรินฟ้าว่า..เราก็รู้ว่าจิตใจเราสำคัญอะไรขึ้นมาแล้วก็ดับ
พ่อครูว่า..เราก็ดับเหตุมัน วิญญาณไม่ต้องคำนึง ทำ 3 อย่างเสร็จมันก็กลายเป็นวิญญาณสะอาดเท่านั้นเอง ต้องไปอ่าน คนคืออะไรทำไมสำคัญนัก
_นักรบธรรม…ดินจริง นี่เป็นชื่อที่ผมชอบ ที่พ่อครูได้ตั้งให้ หมายถึงศรัทธาที่หนักแน่นเหมือนดิน ด้วยความมีปัญญาน้อย เอาง่ายๆ ธรรมทำนี่แหละจึงแม่นเป้า ถือว่าวิกฤตเป็นโอกาส ผัสสะเป็นปัจจัยผู้ทนอยู่ได้ย่อมเป็นมรรคผล ยังติดใจอรหันต์จ้อย
พ่อครูว่า…ให้พยายามหยุดไม่ใช่พยายามต่อ ถ้าคุณเชื่ออาตมาก็หยุดแล้วแต่นี่คุณไม่เชื่อถ้ามานี่มันเป็นดันทุรัง ไม่ใช่ดันสุรังเลย
_ปลา…อนุสาสนีปาฏิหาริย์ของพ่อครูทำให้หนูได้มาอยู่ตรงนี้ จากการที่แม่ได้มาคบคุ้นกับชาวอโศกที่ชุมนุม ก็ได้เห็นรูปรอยการปฏิบัติธรรม ทำให้แม่เกิดความเลื่อมใสศรัทธาแล้วอยากให้ลูกหลานมาอยู่ข้างในนี้ ทีนี้ก็พยายามจะเข้ามาอยู่ได้จริง มีตัวหนู และลูกอีก 2 คน ก็รู้สึกว่า ตัวเองมีวาสนามีบุญบารมีที่สามารถจะอยู่ตรงนี้ได้
อีกเรื่องคือปีติ คือ เคยมีอุพเพงคาปีติตอนปี 59 เคยไปเข้าค่ายหมอเขียว หมอเขียวอธิบายคำว่า กาย ที่เราเคยเข้าใจผิดว่ามันเป็นรูป แต่เมื่อกายเป็นนามมันก็โล่งโปร่ง เคยปฏิบัติสมาธิ พอรู้ว่าการเป็นจิตมันก็สว่างวาบเลย เคยไปเข้าค่ายหมอเขียวมีพื้นฐานมา
พ่อครูว่า..ดี แสดงว่าคุณเข้าใจ
_สิกขมาตุกล้าข้ามฝัน…เมื่อก่อนพ่อท่านเคยเทศน์ เรื่อง ลางบรรลัย ดิฉันก็อยากจะถามพ่อท่านว่า เงาลางบรรลัย ยังเหลืออะไรเป็นลางบรรลัย อีกหรือไม่
-
เด็กกับคนแก่งอแง 2. มีคนป่วยเพิ่มขึ้น 3. คนในชุมชนน้อยลง 4. บ้านรก 5. ไม่มีผักกิน
คนก็ชอบว่าบ้านราชฯอุ๊ยุ๊อ๊ะย๊ะ คือยังเป็นสังคมให้เจริญไม่เหมือนสันติอโศก ปฐมอโศกหรือพุทธสถานอื่นที่เขาลงตัว แต่ที่นี่ อุ๊ยุ๊อ๊ะย๊ะ มันเป็นลางบรรลัยหรือไม่
พ่อครูว่า…ตอนนี้ก็ยังมีกลุ่มชุพชีพสมบัติเกิดขึ้นแล้ว ก็ลางที่เคยมีก็แก้ไข
_หนึ่งฟ้า…
ประเด็นแรกตอนช่วงทำวิทยานิพนธ์ได้อ่านพระไตรปิฎกเคยมีข้อสังเกตถามพ่อท่านว่า ประโยคของพระพุทธเจ้าจะพูดซ้ำ จะมีความต่างในประโยคบางทีก็มีแค่คำเดียว เคยถามพ่อท่านว่า ทำไมพระพุทธเจ้าถึงเทศน์อย่างนั้น พ่อท่านว่า ในยุคนั้นเป็นคนมีปัญญาน้อย ดิฉันก็เลยบอกว่าพระพุทธเจ้าเป็นสายปัญญาธิกะมันน่าเสียดาย พ่อท่านว่าเพราะทึบมากจึงต้องใช้พระโพธิสัตว์สายปัญญา
พ่อท่านก็เป็นโพธิสัตว์สายปัญญา มีเนื้อหาเยอะแยะซับซ้อนซ่อนเงื่อนยิ่งกว่า ดิฉันเลยเรียนถามพ่อท่านว่า อย่างนี้คนในยุคนี้น่าจะฉลาดกว่าไหม พ่อท่านว่าโง่กว่า
เรื่องที่ 3 ดิฉันนั่งสังเกตว่า ยุคของพระสมณโคดมเป็นปลายภัทรกัปป์ แล้วจะเป็นกลียุค หมายความว่าพ่อท่านมาหอบลูกที่เหลือ แล้วอีกนานเท่าไหร่จึงจะจบสิ้น พ่อท่านว่าบอกไม่ได้ บุคลากรที่จะต่อไปน่าจะเพิ่มศักยภาพมากขึ้น ดิฉันเดาว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้พ่อท่านต้องขยายอายุขัย
ทั้ง 3 เรื่องราวดิฉันจะเรียนถามว่า คำสอนของพ่อท่านเมื่อเทียบกับในยุคพุทธกาล ในยุคนั้นพระพุทธเจ้าจะพูดเรื่องอานาปานสติสูตร ยาวเลยกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่คนในสังคมตกในกับดักนั้น และการนั่งเจโตสมถะที่พ่อท่านตีทิ้งหมด พอพ่อท่านไล่เรียงอีกที พ่อท่านว่าเป็นเรื่องพระพุทธเจ้าอนุโลมไว้ ทั้งหมดเหลือแค่ธรรมะ 2 เวทนา 2 สุดท้ายเหลือแค่ รูป 28 นาม 5 ถ้าพวกเราเข้าใจได้จริง แปลว่าพ่อท่านประสบความสำเร็จทำให้คนที่โง่มากกว่าเข้าใจได้
พ่อครูว่า…ค่อยๆฉลาดขึ้น อาตมาก็พยายามสอนให้คนได้รับประโยชน์ที่มากขึ้น ไม่ใช่ทำให้คนสับสนหรือโง่มากขึ้น อาตมาก็ตายดีกว่าเท่านั้นเอง
_แสงแก้ว…สิ่งที่พ่อท่านสอนมา เท่าที่แสงแก้วรู้มา ในรายการสำมะปี๋ ขนาดคนข้างนอกไม่ต้องพูดถึงว่าจะเข้าใจได้หรือไม่ แต่ชาวอโศกเรายังไม่เข้าใจสิ่งที่พ่อท่านสอน แสงแก้วว่า สิ่งที่ปฏิบัตินี้มีผลในการที่เราจะดับทุกข์ได้ อย่างเช้าตื่นขึ้นมาแสงแก้วมีสติตื่นเต็ม เดินไปในครัว กำลังจะผัดอาหาร ตะหลิวหล่นที่พื้นก็โมโห แต่ต่อมาปฏิบัติเดินมรรคเป็น ตะหลิวก็ตกอีก แต่เราวิปัสสนาเป็น มันเป็นที่เราไม่ใช่ที่ตะหลิว แต่ก่อนเราด่าตะหลิวเลย
อย่างตาเรากระทบดอกบัว ดอกบัวมันสวยแต่เราไม่รู้เราก็ไปชื่นชมมันสิ่งที่พ่อท่านสอนคือสิ่งของ ต้องจับวจีสังขารให้ทัน
พ่อครูว่า…สรุปที่สังกัปปะ 7 อ่านวจีสังขาร ตักกะ วิตักกะ สังกัปปะ เมื่อเริ่มจิตมันเกิดอะไรอาการอะไรก็ต้องพยายามจับ แล้วสาเหตุที่มันทำให้สุขให้ทุกข์ มันพาให้โกรธ ชังหรือรัก แล้วก็จับที่ตัวเหตุที่มันพาให้สุขหรือทุกข์ เราพิจารณาไตรลักษณ์ เอ็งมันเป็นตัวพาให้เราทุกข์ ก็ดับกิเลสของคุณให้ยอมสลายคลายตัวไปได้ มันก็จะเกิดว่าทำอย่างนี้พิจารณาแบบนี้มันได้ผล ของใครก็ของใครอาจจะไม่ตรงกันทีเดียวแต่หลักเดียวกันอย่างนั้นแหละคือหลักที่จะต้องพิจารณา สามเส้า ไตรลักษณ์มันไม่จริงไม่เที่ยงหรอก มันเป็นเหตุที่หากมันยังเหลืออยู่ก็เป็นเหตุที่เรามันไม่ใช่ตัวตน มันไม่มีอะไรหรอก
เพราะฉะนั้น ความคมชัดหรือประสิทธิภาพสูงของปัญญาธาตุรู้พวกนี้ มันจะเกิดกับคนที่พิจารณาได้ ก็จะสร้างพลังงานปัญญาได้ แล้วมันจะมีประสิทธิภาพทำให้กิเลส ลดละจางคลายหรือดับ เร็วขึ้นดีขึ้นสนิทขึ้น กาลครั้งสุดท้ายสั่งสมเป็นอัปปนา พยัปปนา เจตโสอภินิโรปนา มีแกน Static และ Dynamic บวกกับลบตลอดกาล พวกเราบางทีก็ถามไม่ถูกถามไม่ออกเรียบเรียงไม่ถูกเท่านั้นเอง
_มด… ทำไม เราไม่สามารถอ่านเวทนาได้ต่อเนื่อง เพราะว่าอวิชชาหรือเป็นเพราะสิ่งที่เราปฏิบัติ หรือเป็นเพราะว่าสิ่งที่เรายังมีวิบาก
พ่อครูว่า…คุณยังไม่ได้ปฏิบัติได้ผลตามลำดับที่มันจะเก่งขึ้นมา ถามว่าทำไมไม่ต่อเนื่องมันจะต่อเนื่องได้ง่ายอย่างไรล่ะมันต้องทำตามลำดับ ความเร็วมากขึ้นหรือด้วยคือความต่อ มันเร็วมากก็เป็นเรื่องต่อ จะให้มันต่อเนื่องทันทีต่อไปมากๆ ก็เอาให้มันต่อตัวที่เรากำลังทำต่อไปได้เรื่อยๆ พวกนี้จะเป็นพลังงานซ้อนที่ทำให้เราต่อได้เร็วขึ้นดีขึ้นไวขึ้น มากขึ้นมากขึ้น เป็นไปตามลำดับ อยากได้เร็วหรือ มันไม่ต่อเนื่องก็อย่าไปคิดมัน
ขออ่าน sms
_8784 ผมกำลังลดมื้อ และลดรสอร่อยในอาหาร ครับ (ใกล้พระ) ชำนิ จันทสุข
_2166 ที่ไอ้อู๊ดมันทนอยู่เพราะมันไม่มีที่ไป???
พ่อครูว่า..รับไปเต็มๆไม่รู้ใครว่ามา เขาเจตนาดีจึงต่อว่ามาคุณอย่าไปทะเลาะกันนะ
_1057สงสัยเหล่ามารจะมีมาก เรื่องกางเกงที่ถวายให้พ่อครู มีทั้งผู้ผิดศีล ผิดกฏหมาย สิ่งที่ผมคิดออกมา ผมจะบาปหรือเปล่าครับ กราบเรียนสมณะพ่อครูโพธิรักษ์
พ่อครูว่า…อาตมานุ่งกางเกง เพื่อทำประโยชน์หรือทำงาน เช่นเวลาจะออกกำลังกาย เราจะต้องยกแข้งยกขา โป๊ตายเลย หากไม่นุ่งกางเกง หรือเวลาวาระสำคัญจะมีคนมานวด อย่างนี้เป็นต้น ก็เลยมีคนซื้อกางเกงมาให้ ทีนี้ก็สงสัย เหล่ามารมาท้วง มีทั้งผู้ผิดศีล ผิดกฏหมาย (พรบ.สงฆ์ห้ามแต่งกายเลียนแบบคฤหัสถ์) เราไม่ได้เลียนแบบ อาตมาไม่ได้มีอกุศลจิตที่จะไปนุ่งกางเกง
_พระพิมพ์พระยา · ผลไม้โชว์ น่ากินจัง· ดูข่าว เบื่อๆเรื่องการเมืองเลย มาเปิดดูพ่อจ้าาา 555
_สตาร์แอร์ ทุ่งคอก · ติดตามการฟังธรรมและอ่านหนังสือหลวงปู่ พร้อมปฏิบัติตามศีลและพยามยามอ่านเวทนา เพื่อทำเวทนา2ให้เป็น1ได้แค่ตามภูมิที่ได้ครับ
_จุ๋ม มาลินี · ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่ตั้งใจจะไปงานมหาปวารณาที่บ้านราชแน่นอนค่ะและจะตั้งใจประพฤติปฏิบัติตนให้อยู่ในศีลธรรมจะลดละกิเลสให้ได้อย่างน้อยคอยจับจิตตัวเองไม่ไห้หลงผิดให้ได้ค่ะ
_แหม่ม สวิส · ? น้อมคารวะ ตั้งจิตตั้งใจอธิศีลบูชาพ่อครู 48พรรษา 84ปี
ด้วยการ ลดกิเลส ลดเสพกามตัว เที่ยว ให้น้อยลงได้อีกกว่าที่เป็นอยู่ค่ะหากจะไปก็ไปด้วยความจำเป็นทางครอบครัว…เมื่อได้ฟังธรรมครูบาอาจารย์ตัวกามยึดชอบเสพการเที่ยวนั้นได้จางคลายไปพอประมาณแล้ว
_ชนะกาญจ์ : เรียนรู้กระทบสัมผัสในกิจกรรมการงาน ในขณะ พูด ทำ คิด แล้วพิจารณาจนเห็นกิเลส และ ลดกิเลสได้ นี่ดีจริงๆค่ะ
_หลานชายวัยรุ่นที่ได้ช่วยดูแลมาตั้งแต่แบบเรียนดีประพฤติดีได้รางวัลมาทุกช่วงของวัย บัดนี้เขาสารภาพกับแม่ว่ามีจิตใจเป็นหญิง แม่ตกใจมาก พ่อรับไม่ได้ ความทุกข์ก็เกิดขึ้นจะช่วยเหลือพวกเขาได้อย่างไร
พ่อครูว่า…อาตมา ไม่มีปัญญา พระพุทธเจ้าบอกว่าถ้ารู้ว่าเป็นกะเทยก็ให้สุดไปเลย อธิบายไปหลายทีแล้วไม่อยากจะอธิบายไปมันจะกระทบพวกกะเทยเขา
คือ กะเทยเป็นเรื่องของเพศ แล้วก็กลับไปกลับมา จนไปยึดมั่นถือมั่นในเพศใด เกิดมาหลายชาติ กว่าจะมาเปลี่ยนแปลงได้ สรุปได้ว่ากะเทยก็ให้เขามาปฏิบัติธรรม เผชิญกะเทยที่ควบคุมตัวเองไม่ได้แล้วปฏิบัติธรรมจะให้แสดงกิริยาหยาบภายนอก ไม่ว่าจะเป็นกายกรรมวจีกรรมที่จะออกเป็นเชิงกะเทย แต่ถ้าคุณข่มได้ ไม่ให้แสดงออกทางกายวาจา ก็จะเป็นบารมีสั่งสมไปได้ แนะนำได้เท่านี้สำหรับกะเทย เพราะฉะนั้นคุณเองอย่าไปตกใจเลย ก็หาทางช่วยเขาไปตามฐานะ เรื่องนี้ไม่มีใครอยากได้หรอก
_การให้รางวัลชีวิตก็คือการได้ลดกิเลสตัวเอง แต่คนหลงตัวเองนี้ไปสู่สูงไม่ได้ ทำให้คนอยู่ร่วมงานไม่อบอุ่นเป็นอยู่ผาสุกเป็นการเบียดเบียนตนเองเสียประโยชน์ เสียโอกาสชีวิต ทำอย่างไรความหลงจึงจะเป็นความรู้และความฉลาดแบบโลกุตระ เพราะความเก่งอย่างโลกีย์ลดไม่ได้ คนไม่เยอะจะมีประโยชน์อะไรกับชีวิตเพราะเป็นวัตถุของโลก แต่ถ้าเอาเงินมาแปรรูปเป็นน้ำใจให้ซื้อสร้างสิ่งอาศัยให้ชาวโลก ให้ชาวโลกุตระใช้ จะเป็นอาริยะได้ถึงชาติหน้าใช่ไหม
พ่อครูว่า…ลดได้ ลดโลกีย์มาเป็นโลกุตระ
คุณอย่าไปคิดถึงชาติหน้า มันจะไม่ได้ ให้ก็ให้ไม่ให้ก็ไม่ให้ ให้แล้วอย่าไปคิดถึงชาติหน้า
_ความจำ เป็นความจำเป็นในการเรียนรู้สัมมาทิฏฐิ 10 ถ้าหากเทียบกับทางโลกีย ก็คือการเรียงตัวอักษรกอไก่ถึงฮอนกฮูก นับ 1-10 เป็นเบื้องต้นก่อนหรือไม่อย่างไร
พ่อครูว่า…ใช่ ต้องเป็นไปตามลำดับ
_การปฏิบัติธรรมที่สัมมาเบื้องต้นมีสมาธิดีกับศีล 5 เป็นแกนหลักก่อน หรือไม่อย่างไร
พ่อครูว่า…ถูกต้องอาตมาก็พยายามย้ำสัมภาษณ์ว่าต้องมาเรียนที่ศีล 5 โดยเฉพาะศีล 5 อาตมาก็ย่อเหลือ 3 แล้ว
ศีล 3 ก็แยก อธิบายให้ฟังชัดเจน หากเข้าใจและปฏิบัติตามที่อาตมาพูด จะได้มรรคผล แล้วจะเป็นลำดับไปตามที่เป็นไปได้ เป็นลำดับที่น่าอัศจรรย์
อาตมาพยายามสรุปเข้าไปให้สั้น concise มาก มันลัดคัดสั้น เป็นเรื่องที่ให้พอเหมาะพอดีที่สุดมากดีที่สุดแล้ว
แต่ละคนมีวิบากมีเรื่องราวไม่ต้องห่วงหรอกทำตามที่อาตมาว่า แล้วก็อยู่กับพวกเรามันก็เป็นไปทุกคนเป็นศีลสามัญญตา ทิฏฐิสามัญญตามันพากันเป็นไปอยู่แล้ว
เรื่องคน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องสัตว์เลย สัตว์อื่นพยายามเอาออก ทุกวันนี้ มีหมามามากขึ้นแล้วบอกว่าหมามากับช่าง ก็บอกว่าอย่าเอาหมามา มัดไว้ที่บ้าน
ใครจะหาว่าเป็นคนไม่มีเมตตาเป็นคนที่ทำไมถึงผลักไส ไม่ช่วยเหลือสัตว์อะไรเลย อาตมาว่า อาตมาจำเป็น แม้แต่คนก็ยังเป็นวิบากที่ยังจะต้องช่วยเหลือ ถ้าทำได้ขนาดนี้ก็เป็นกุศลของอาตมาแล้วมันไม่มีคนที่ร้ายแรงกว่านี้ ลำบากลำบนยิ่งกว่านี้ได้ขนาดนี้ อาตมาก็ถือว่าทำได้ดีแล้ว เพราะฉะนั้นอย่าเติมสัตว์เดรัจฉานมาเลย ขนาดนี้มันยังมีสัตว์เดรัจฉานอยู่ในนี้ หลายอย่างที่มันไม่ควร แม้ไม่มากก็แล้วไป อย่างเช่นหมากับแมวต้องเอาไปปล่อยในที่ที่ควรอยู่ให้ไกล มันจะไปตามวิบากของมัน ถ้ามันมาอยู่กับเรามันจะซ้อน เพราะพวกเราเป็นพวกมีคุณธรรมสูงแล้วมันจะรู้เรื่องอะไร มันมาทำวิบากกับพวกเรามันก็ไม่ดี ดีไม่ดีมันมากัดเข้าจะซวยมาก มันจะมีวิบากบาปมากสูง ทำอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่าเราใจดำ แต่เป็นความใจดีที่ไม่ให้มันมาเพิ่มวิบากของมัน ไม่ได้พูดแก้ตัวนะ เรารู้ว่าควรทำอย่างไร อาตมาก็บอกว่าควรทำอย่างนี้
จึงเป็นข้อด้อยที่ดูเหมือนอาตมาเป็นคนรุนแรงใจดำ เป็นคนไม่มีเมตตา แต่มันไม่ใช่ อาตมานี้มีเมตตามากขนาดคนที่เลวร้ายอาตมาก็ยังมีใจให้เขา จะเอาอย่างไรอีก บอกว่าไม่มีเมตตาอีก เพราะฉะนั้นกับสัตว์นี่ไม่ต้องไปมากมายกับเขาไม่มีปัญหา อาตมาเองไม่อยากจะไปทำเองเพราะมันเป็นวิบาก อาตมาก็อาจจะช่วยบ้าง และก็ไม่ได้ไปทำร้ายทำลายอะไร เป็นแต่เพียงปล่อยไปเขาจะได้ไม่สร้างบาปเพิ่มเติม ความจริงเอาไปปล่อยให้ไกลนี้เป็นกุศลนะ ให้เขาอยู่ไปตามวิบาก การที่เขามาเจอพวกเราแล้วเราเอาไปปล่อยก็เป็นวิบากอย่างหนึ่ง ซ้อน อธิบายยาก และเอาไปปล่อยในที่ที่ควรจะเป็นอย่าไปปล่อยในที่ที่โหดร้ายอยู่ไม่รอด อยู่ในที่ที่เหมาะสม เราควรทำอย่างนั้น …จบ