610914_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ประชาธิปไตยสู่สามอาชีพกู้ชาติ
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1hSjAzBLXoISvcTtA0Z0ux03WPDlMRj1Wlzi21hBUbBg/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่.. https://drive.google.com/open?id=1Svjo-HM_eufu0WPxqwri-yUCuJFOxIyV
สมณะฟ้าไทว่า…วันนี้วันศุกร์ที่ 14 กันยายน 2561 ที่บวรราชธานีอโศก เมื่อวานนี้อาตมาไปที่บ้านหนองเม็ก เพื่อไปพบเครือข่ายกสิกรรมไร้สารพิษที่นั่น เขาให้ไปพบคนงาน เขาก็ตั้งตาไปพบเพื่อจะขอเลขเด็ด เราก็พูดโทษภัยของการเล่นหวยให้ฟัง คือคนที่เขายังไม่คิดจะศึกษาธรรมะอบายมุขเขาก็ยังไม่รู้เรื่อง ส่วนพวกชาวอโศกพูดธรรมะไปไกลจากเขามาก
เด็กตัวเล็กของเราถามว่าจะลดอัตตาได้อย่างไร คนที่นี่ถามเรื่องปรมัตถธรรมลึกๆ เพื่อเดินทางไปสู่นิพพานเสมอ ไม่ว่าจะรายการไหนก็แล้วแต่
ธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นเรื่องของความ คัมภีรา (ลึกซึ้ง) ทุททัสสา (เห็นตามได้ผยาก) ทุรนุโพธา (บรรลุรู้ตามได้ยาก) สันตา (สงบระงับอย่างสงบพิเศษ แม้จะวุ่นอยู่) ปณีตา (สุขุมประณีตไปตามลำดับ ไม่ข้ามขั้น) อตักกาวจรา (คาดคะเนด้นเดามิได้) นิปุณา (ละเอียดลึกถึงขั้นนิพพาน) ปัณฑิตเวทนียา (รู้แจ้งได้เฉพาะผู้เป็นบัณฑิต บรรลุแท้จริงเท่านั้น) (พตปฎ. เล่ม 9 ข้อ 34) ภาษาบางทีกลับไปกลับมาได้ แต่สภาวะนั้นไม่กลับไปกลับมา หากใครมีสภาวะแล้วจะใช้ภาษามาอย่างไรก็เข้าใจได้
พ่อครูว่า…SMS วันที่ 13 กย. 2561 (สำมะปี๋ซีวิต)
_8325ลูกเลิกกินกาแฟได้จากที่เคยชอบมากยากรู้ว่าระหว่างเหลือน้อยกับหมดจะรู้ได้อย่างไรคะ
พ่อครูว่า..ประเด็นนี้อาตมาได้พูดและย้ำหลายทีว่ามันต้องรู้ได้ด้วยตนเองจริงๆเลย ที่บอกว่าเหลือน้อยกับหมด มันยากจริงๆ เหลือน้อยกับหมด มันต้องดูเองจริงๆเลยแล้วเราก็จะต้องละเอียดพอที่จะรู้ เพราะฉะนั้นคนที่มีรายละเอียดไม่สามารถที่จะแยกความละเอียดนี้ได้แล้ว คุณก็จะเห็นเป็นตัวตน คุณจะจบได้ด้วยการที่จะไม่รู้ว่า แล้วที่มีตัวตนกับที่ไม่มีแล้ว หมดหรือเราไม่หมด มันจะกลายเป็นอันเดียวกันเหมือนกันหมด แต่ที่จริงมันมีเหลือน้อยจนคนไม่สามารถรู้ในความเล็กได้ ไม่รู้ความละเอียดได้ เพราะมันเหลือน้อยมาก คุณนึกว่าไม่มีแล้วแต่มันยังมีอยู่อย่างนี้เป็นต้น
อาการเคลื่อนไหวกับอาการที่หยุดนิ่งแล้ว ต้องดูที่อาการที่การเคลื่อนไหว เพราะความนิ่งนั้นมันดูง่าย มันนิ่งอยู่ก็หมดสิ มันต้องดูความไหว มันไหวแล้วมันไม่ไหวแล้ว มันไม่ไหวนะ มันไม่ไหวนะๆๆๆๆ จนไม่ไหวนะ คุณก็จบเอาที่ความไม่ไหว มันไม่ไหว คือมันไม่เคลื่อนไหวไม่ใช่ว่ามันทำไม่ไหว ภาษาไทย มันเคลื่อนกับไม่เคลื่อน ไม่ไหวติงแล้ว
มันว่างโล่งหมดบางเบาใสสะอาดแล้ว ก็ตอบได้ประมาณนี้
_1614 เรื่องที่เราชอบ กับ เรื่องที่ทำได้ดี บางที ก็เป็นคนละเรื่อง แล้วจะเลือก อย่างไรคะ
พ่อครูว่า..เอาเรื่องที่ทำได้ดีก่อน เรื่องที่ชอบนั้นอะไรก็ได้ เอาเรื่องที่ทำได้ดีก่อนอันนี้ไม่ยาก
_ขวัญ… อาท่านหนึ่งได้สอนธรรมะ (ญาติธรรมบ้านราช)ความว่า องค์ความรู้ของคุณหมอเขียวไม่ใช่โลกุตรธรรม เป็นองค์ความรู้ด้านโลกียะสมบัติ ไม่เกี่ยวกับโลกุตรธรรม ลูกศิษย์หมอเขียวทุกคนพอเจอเรื่องอะไรที่เป็นเรื่องร้ายในชีวิต เขาจะสอนว่า ให้รับมาแล้วจะได้หมดไป นั่นคือไม่ใช่การออกจากทุกข์อริยสัจ ด้วยบทปฏิบัติวิปัสสนาแบบพุทธตามแบบที่พ่อครูสอน ใช้คำพูดแปลกๆ มาสะกดจิตสะกดกิเลส ลูกศิษย์หมอเขียวมักพูดแบบนั้นหมด … ให้เลิกทิฏฐินั้นเสีย อย่างคำว่า กูทำมา รับแล้วก็หมดไป มันไม่สัมมาทิฏฐิ
พ่อครูว่า..มันก็มีนัยยะอย่างนั้นเหมือนกัน เป็นแต่เพียงว่าเราตัดกาละเวลา เราตัดเรื่อง เรื่องที่เขาโยนมา เราก็รับมาเสียแล้วก็ตัดไป มันไม่ใช่เรื่องของเราก็วางไปเท่านั้นเอง ส่วนตัวเราเองนั้น ถ้ามันเป็นเรื่องที่เป็นของเรา แล้วเราก็ได้ไขความอันนั้น จนมันยึดเกาะเป็นตัวตนหรือมันดับไปแล้วให้ชัดเจนอันนี้ต่างหากที่เราเอง เราต้องเข้าใจแล้วทำให้สะอาดบริสุทธิ์
ส่วนเรื่องของใครจะโยนมาแล้วเรารับมาแล้วก็จบไปก็เป็นได้ เป็นการช่วยคนนั้นให้เขาหยุดจบ เรารับมาแล้ว จะได้ช่วยให้เขาคลายใจบรรเทาก็เป็นการช่วยคนอื่น แต่ว่าเป็นโลกุตระก็ไม่ใช่เพราะเป็นเรื่องระหว่างเรากับเขา
แต่เรื่องโลกุตระนั้นเป็นเรื่องของเรา ไม่ใช่ของเขา เขาเป็นเพียงมากระทบสัมผัส เมื่อเรื่องที่มากระทบสัมผัสแล้วเขาอยากให้เราช่วย ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่ดี เป็นเรื่องที่เลว เรื่องที่เขากระทบกระแทกเราเลย กระแทกมาเท่าไหร่เราก็รับไปแล้วก็วางเลย รับมาแล้วก็หยุดไปอย่างนี้ที่ว่า อันนี้ใช่ ไม่ต้องไปจัดการอะไรเพราะเขาไม่ต้องการอะไรตอบแทนไม่ต้องการคำตอบ ไม่ต้องการผลอะไร
แต่ถ้าเขาโยนมาแล้วเขาต้องการจะให้รับส่วนที่ตอบรับกลับไปเป็นความรู้เป็นส่วนที่จะได้รับประโยชน์จากเรา เราไม่ได้ให้เขา ถ้าเขาไม่เอาก็แล้วไปเถอะ เราไม่ให้เขาไม่เอาก็จบ แต่ถ้าเขาจะเอา เราก็ต้องรู้ตรงนี้ เขาจะเอาอะไร เขาจะเอาโลกีย์ เราก็ไม่ส่งเสริม แต่ถ้าเขาจะเอาโลกุตระเราก็หาโลกุตระให้เขาไป
สรุปแล้วเป็นความเข้าใจยังไม่ครบกัน ซึ่งเราก็ไม่รู้ได้ว่าหมอเขียวนั้น รับไปนั้น แล้วไปตีความว่าหมอเขียวรับไปแล้ว แล้วก็ไม่ได้ตอบหรือตอบก็ไม่รู้ ถ้ารับมาแล้วให้เขาหยุดแล้วหยุด แล้วเขาจะเอาอะไรจากเราอีก? หากเขาจะเอาโลกีย์ก็ไม่ให้ แต่เขาจะเอาโลกุตระก็ให้ได้ก็ให้
ถ้าจะช่วยด้วยการให้เขารู้ตัวแล้วเขาไปปฏิบัติตัวเองให้เขาเข้าใจแล้วเกิดความเฉลียวฉลาดมีปฏิภาณรับรู้ ส่วนเขาจะไปทำให้เกิดปัญญาเอง เกิดความบรรลุธรรม เขาก็ทำของเขาเอง อันนี้ก็ยังไม่ชัดเจนในรายละเอียด
_มนูญ ณ นคร…ฟังคำพูดของคุณแสงแก้วในทำนองที่ว่า คนในบ้านราชอยู่ใกล้พ่อครูยังบรรลุธรรมได้น้อย แล้วคนที่ชมทางบ้านจะเหลืออะไร ผมจะแจ้งให้ทราบอย่างนี้ครับ ผมเป็นคนวัดแต่อยู่นอกวัด ฟังพ่อท่านเทศน์เสมอ ผมปฏิบัติธรรม เจริญมรรค อ่านเวทนา ได้ผลจริงครับ ดังนั้นคำพูดของคุณแสงแก้วปรามาสคนทางบ้านไม่ถูกต้องครับ
พ่อครูว่า..อยากไปดูถูกเขา เขาก็ว่าเขาไม่ได้เป็นอย่างที่คุณแสงแก้วว่าก็ประมาณกันไปพูดกันไปมีอะไรพาดพิงบ้าง บางทีมันก็ตรง จนคนอื่นรับไม่ได้ก็ค่อยๆแก้ไขกันไป
_บุญเลียบ · ท่านสิกขมาตุท่านเข้าใจ เพียงแต่ท่านต้องการความกระจ่างชัดละอียดไม่ให้ผิดพลาดแม้น้อยนิดตามความเข้าใจของลูกค่ะ
พ่อครูว่า..อันนี้อาตมาก็ว่าถูกต้อง สิกขมาตุเข้าใจเป็นแต่เพียงเขาต้องการความกระจ่างให้ชัดละเอียดไม่ให้ผิดพลาดแม้น้อยนิด บางทีไม่เอาเนื้อความเก่าให้ละไว้ในฐานที่เข้าใจเลย มันกับรู้กันนะ
_ติดลบ… ผมฟังแสงแก้วพูดเมื่อคืนนี้…55.ภาษาที่พูดนั้นไม่ผิดหรอก!(ใครเขาก้อเรียนรู้ลดละแบบเดียวกัน.แต่นานช้า..ชัดชัวร์แค่ไหน?ของใครก็ของใคร) แต่ที่คิดว่าผิด(จากสมมุติที่ควรเป็น)คือที่เขาพูดแบบโอ้อวดและพาดพิงสิกขมาตุรินฟ้า”
ตรงนี้ผมเห็นว่าขาดสัปปุริสธรรม7..(ไม่ประมาณตน/ไม่ประมาณท่าน.)
ท่านสิกขมาตุถามเพื่อเอา”คำอธิบายชัดๆจากพ่อครู” เพื่อไปทำประโยชน์ตน/ประโยชน์ท่านให้มากขึ้นเท่านั้น!ส่วนสภาวะ…ผมว่าท่านเป็น/ท่านได้หลายขั้นแล้วนะครับ!
การพูดออกอากาศ..แม้จะออกตัวว่า..”ที่พูดนี้ไม่ได้สอนสิกมาตุนะค่ะ” แต่ก็กระทำไปแล้ว(เหมือนเผลอพูดว่าไปแล้วก็กลบเกลื่อนว่า ไม่ได้เจตนา) แต่..นั้นแหละเต็มไปด้วยอวดว่ารู้มากกว่าท่านแล้ว!แบบคนฉลาดเฉโกนะครับ
เวทนาที่กำลังพูดนั้น!(ปัจจุบันขณะ)”คิดว่าไม่ได้ตามรู้เลย..”ว่าเกิดกิเลส(มานะสังโยค)โอ้อวด..ว่าเราเก่งเรารู้ดีกว่าหรือไม่??? ที่ผมพูดนี้อาจจะไม่บริสุทธิ์ผุดผ่อง”มีกิเลสความไม่ชอบ!
ด้วยเหตุ..ไม่อยากให้พวกเราหลงตนลามปามครับผม55..”!!!
พ่อครูว่า..เอาไปตีความลามปามเอาเอง แล้วแก้ไข อย่าลามปาม คือต้องมีคุรุกรณะ ในฐานะที่มีสมมุติ เราเป็นสมมุติฆราวาส ท่านเป็นสมมุตินักบวชสิกขมาตุแล้ว ต้องรู้จักฐานะรู้จักสมมุติ แม้แต่สมมุติที่บวชก่อนเป็นพระสามัญ แต่ผู้เป็นสมมติ แม้แต่จะบวชที่หลังแต่เป็นอรหันต์ก็ต้องกราบ พระที่สมมุติผู้นั้น อย่างนี้เป็นต้น เราก็ต้องรู้ คุรุกรณะ อย่างแท้จริง
_แก้วลา · คำถามของน้องอุ๋มเป็นประโยชน์มากเลยเข้าใจคำว่าเอามาใช้แล้วปล่อยวาง ได้ง่ายขึ้น
พ่อครูว่า..อันนี้ไม่มีพลความเลยไม่รู้ว่าคำถามเป็นประโยชน์อย่างไร (เอาอุปาทานมาใช้)
_ขวัญชวนไพร …กราบนมัสการค่ะ หนูมีคำถาม เวลาเราทำงานจะมีหัวหน้าบริหารเรา ทีนี้ เราก็ทำตาม แต่ในบางเรื่องมันก็ไมถูกต้องเพราะเขาทำไปตามโลกีย์ การยอมกับการโง่ ใกล้กัน ถ้าดูภายนอก แต่ภายในต่างกันมาก ทีนี้พอเขาจัดการเรามากๆ เขาก็ได้รับวิบาก เราก็รู้ว่านั่นคือวิบากเราที่เราทำมา เราจึงยอม แต่ในบางเรื่องที่เราต้องมีโต้แย้งบ้าง พอแย้งไป เขาก็เจ็บหนักทุกที เราก็ยอมวิบากเราเรื่อยไป หากมีเหตุการณ์หนึ่งที่เราจำเป็นต้องโต้แย้ง ตามเหตุเพื่อไม่ให้เขาชั่วมากขึ้น ถ้าเราทำเช่นนั้น เขาก็เพ่งเราหนักอีก เราต้องยอมให้เขาเพ่ง แต่ที่ทำ ขวัญตรวจใจตลอดมันโปร่งโล่งเบิกบานดีไหม มันมีทุกข์ไหม ทุกข์กับการแก้ไขเหตุการณ์ แต่ใจไม่ทุกข์ เล่าซะยาวเลยค่ะ หนูประมาณพอใช้ได้ไหมคะ
…เหมือนใน 0 มี 1 ใน 1 มีทั้งสุขและทุกข์ ที่พ่อครูเทศน์เรื่องเวทนาวันก่อน สุขก็คือเหตุการณ์ หรือร่างกายมันโปร่งโล่งสบาย สัปปายะ แต่ทุกข์คือคือร่างกายและเหตุการณ์ไม่โปร่ง ติดๆขัด ต้องแก้ปัญหา ต้องดูแล แต่พอเราทำเสร็จเราก็วางแบบสบายๆ แบบนี้หนูเข้าใจถูกไหมคะ
พ่อครูว่า..ได้ เอาเถอะประมาณอย่างที่ทำอันนี้ใช้ได้มันมีปฏิกิริยา มันมี Action Reaction มีสะท้อนกลับอยู่เรื่อย ก็อ่านมันอยู่เรื่อยมันจะเบาลงหรือแรงขึ้น ถ้ามันเบาลงก็ใช้ได้ถ้ามันแรงขึ้นก็ใช้ไม่ได้ ถ้ามันเบาลงหรือตอบกลับมา 0 ได้ก็ยิ่งจบ
เข้าใจได้ถูก พวกเรานี่ละเอียดละออดี
_ใบฟ้า…ทางเดียวที่จะเกิดสัมมาทิฏฐิคือ ต้องผัสสะ ให้เราได้คิดพูดและลงมือปฏิบัติอย่างมีสติ มีความเพียร บนเส้นทางที่ถูกต้องถูกต้อง(จากสัตบุรุษ) พร้อมกันนั้นต้องอาศัยศีล ที่สมาทานช่วยเจียรกิเลสโลภ โกรธ หลง ในตนให้ลดลงๆ ส่งผลให้จิตตั้งมั่น แข็งแรงขึ้นเป็นลำดับสรุปอย่างนี้ถูกต้องหรือไม่คะ
พ่อครูว่า…ถูกต้อง
_ขยันอย่างโลกีย์ หมายความว่ามีโลกธรรมครอบงำ เห็นแก่ตัว ติดยึด แถมอบายมุขอีกเต็มเวลาชีวิต แล้วอย่างนี้จะบินพาตนเองสู่สูงได้อย่างไร
ประโยชน์ตนขึ้นอยู่กับการลดกิเลส ส่วนประโยชน์ท่าน ขึ้นอยู่กับการมีน้ำใจซึ่งเป็น ศีล ของตนเองประมาณนี้ เราไม่มีสิทธิ์โกรธโจทย์
พ่อครูว่า…ถูกต้อง โจทย์แม้จะร้ายแรงอย่างไรเราก็ต้องอโหสิทั้งนั้น เราต้องมีความสามารถที่จะทำให้โจทย์ไม่กล้าทำกับเราแรง จนเขาไม่กล้าทำกับเราเลย คนที่ยังเป็นโจทย์ที่ทำกับเราแรง แสดงว่าเขาไม่กลัวเกรงไม่นับถือเราเลยดีไม่ดีจะห้ำหั่นให้เราตายเลย หากเรามีบารมีสูงขึ้นๆโจทย์จะไม่กล้า โจทย์จะทำไม่ถึงเรา จะไม่มาทำกับเราง่ายๆ อันนี้เป็นเรื่องพิสูจน์ได้
อย่างอาตมาปางนี้ โจทย์ได้ประมาณนี้ อาตมาเคยถามพวกเรา อาตมานี้จอมยียวนเลยนะ แต่ก็ได้รับโจทย์นะ นี่ไม่ได้ท้าทายนะ ขออภัยพูดสัจธรรม อาตมาทำแรงและยียวน เพื่อให้คนมา เป็นลักษณะเรียกร้องลูกค้าเหมือนกัน อย่างเช่นพวกราคะก็เรียกร้องลูกค้ามาเหมือนกัน
_ทรัพย์โลกีย์ คนอื่นปล้นจี้ขี้โกงเอาได้ ส่วนทรัพย์โลกุตระนั้นไม่มีใครโกงปล้นที่เอาของเราได้จริงไหม
พ่อครูว่า…จริง อย่าว่าแต่ปล้นจี้เลยยัดเยียดให้มันยังไม่เอาเลย วิ่งหนีเลย ดีไม่ดีโกรธแล้วด้วยเอาอะไรมาให้กู แล้วมันจะตอบโต้ดีไม่ดีเอาไม้หน้าสามมาให้เรา
ทีนี้เรื่องที่จะพูดวันนี้ก็น่าจะพูดถึงเรื่องธรรมะหรือการเมืองดี
สมณะฟ้าไทว่า…ผมว่าเรื่องการเมือง
พ่อครูว่า…ถูกต้องแล้วครับ อาตมาก็ยัง Fresh up อยู่ ก็เลยตายไม่ลง พยายามฝืนไปอีกได้
สิกขมาตุกล้าข้ามฝัน..
สิกขมาตุรินฟ้า..
สมณะเดินดิน..
สมณะแสนดิน..
พ่อครูว่า…การที่จะเห็นใจนายกฯตู่ มันไม่ง่ายเสียทีเดียว เพราะมันเป็นเรื่องซับซ้อนเข้าใจยากมาก การจะมองว่าคนใด เขามีอัตตา มีตัวตน ตัวตนเพื่อตนเพื่อหมู่ของตนหมู่แคบๆหมู่กว้างขึ้น แล้วมีนัยยะมากขึ้นว่าหมู่ที่มากขึ้นเป็นหมู่ที่ไม่ค่อยเจริญ
ยกตัวอย่างเป็นหมู่ที่ทำลายประเทศขึ้นแต่มีมากขึ้น คนที่จะได้ประโยชน์นี้ล้วนแต่เป็นคนที่เป็นปฏิปักษ์ต่อประเทศแต่มันมีมากขึ้นๆ คนที่ไปมองว่าคนนี้มีมวลมากบอกว่าใช่ๆๆๆนี่ เช่นเขาสามารถที่จะทำให้เลือกสส.ได้มาก โอ้โห เกือบเต็มรัฐสภาเลย คนก็เข้าใจตื้นๆ ประชาชนเลือก แต่ที่จริงแล้วมีแทคติกที่จะให้สส.มาก มีสารพัดเลยนี่กลเม็ดกลยุทธ์ต่างๆซ่อนเชิง ได้มาด้วยการโกงด้วย โกงทั้ง วิธีใช้เงินซื้อมา ใช้อำนาจบาตรใหญ่เบ่งข่ม โกงด้วยวิธีการตลาดสารพัดสารเพ พวกโลกีย์ก็ต้องใช้วิธีแบบโลกีย์
(พ่อครูไอ ตัดออกด้วย)
สมณะฟ้าไทว่า…ด้านการเมือง เป็นเรื่องที่อาตมาไม่มีความสามารถเพราะเรื่องมันเยอะ คนไม่ดีมีเยอะ คนดีที่เข้าไปทำต้องต่อสู้มาก เอาง่ายๆพ่อครูเอาพวกเรามาอยู่บ้านราชฯจะขอสักพันคน เท่านั้นเอง ขอมาไม่รู้กี่ปีแล้วก็ยังไม่ได้ เมื่อวานไปบ้านหนองเม็กเขาก็บ่นว่าสั่งแล้วไม่ทำตาม
พ่อครูว่า…ขณะนี้มันกำลังใกล้เลือกตั้ง เพราะฉะนั้นแต่ละคนๆก็ยังชอบที่จะต้องเข้าสู่การเมือง คนที่มีนิสัยเดิมนิสัยเป็นนักการเมืองน้ำเน่าเก่าๆ เขาก็ยังเป็นอยู่ มันยังไม่หมดไปจากประเทศ แต่รู้นะขณะนี้ประชาชนก็ดี หรือแม้แต่นักการเมืองเขาก็ต้องปรับตัวเอง ก็ดีขึ้นนะ มีพัฒนาการ ดูแล้ว มันก็ต้องได้คนที่เขาจะแก้ไขตัวเองขึ้นมาหรือมีคนใหม่ที่เข้าไปสู่วงการใหม่ มันก็เพิ่มขึ้น
อาตมาดูโดยรวมๆแล้ว การเมืองไทยที่อาตมา เคยพูดด้วยความจริงใจตามภูมิ ที่อาตมารู้ว่าการเมืองที่เรียกว่าประชาธิปไตยคืออะไรโดยเอาพระพุทธเจ้าเป็นหลัก คนไม่เข้าใจก็บอกว่าพระพุทธเจ้าเป็นประชาธิปไตยที่ไหน มันยากเพราะว่าในยุคนั้นเป็นยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ก็เลยไม่ได้พูดถึงภาษาที่เป็นประชาธิปไตยเลย ท่านพูดคำว่าอธิปไตยเท่านั้นเอง
แล้วก็มีนัยยะที่พอจะตีความ ขยายความว่าเป็นโลกาธิปไตย ที่เป็นประชาธิปไตยได้ เพราะว่าท่านตรัสถึงอธิปไตยมีสาม โลกาธิปไตย อัตตาธิปไตย ธัมมาธิปไตย
โลกาธิปไตย พอ จะใช้แบบ synonym เป็นคำไวพจน์แทนกันว่า โลกาธิปไตยหรือประชาธิปไตยก็คืออันเดียวกันก็ได้ เพราะว่าคนในโลกก็คือมวลใหญ่ ประชาธิปไตยของประเทศไทยก็คือมวลของประชาชนไทย ประชาธิปไตยของโลกก็เอามวลชนชาวโลก ประชาธิปไตยของประเทศ แล้วก็ประชาธิปไตยของจังหวัด ก็เอามวลของคนในจังหวัด ประชาธิปไตยของอำเภอก็เอาคนในอำเภอ ประชาธิปไตยของตำบล ก็เอาคนในตำบล ประชาธิปไตยในหมู่บ้านก็เอาคนในหมู่บ้าน ก็มาขยายความตรงที่ประชาธิปไตยในหมู่บ้าน ให้เป็นตุ๊กตา เป็นโมเดล เป็นตัวอย่าง specimen ที่จะอธิบายซะก่อน
ขออภัยยกตัวอย่างเป็นรูปธรรม ประชาธิปไตยของชาวอโศก ยืนยันว่าเป็นประชาธิปไตยของพระพุทธเจ้า อาตมาก็ยืนยัน เมื่อกี้นี้พูดแล้ว ประชาธิปไตยก็อนุโลมใช้คำว่าโลกาธิปไตย เพราะในสมัยพุทธเจ้าใช้คำว่าอธิปไตยเท่านั้น คำว่าอธิปไตยนี้เอาตัวสติเป็นหลักซึ่งยาก ขอวรรคไว้ก่อน
ประชาธิปไตยของชาวอโศกคืออย่างไร
-
เป็นพวกที่เรียนรู้ในความมีอิสระเสรีภาพ
-
เรียนรู้เรื่อง อัตตา
-
เรียนรู้เรื่องจิตวิญญาณแล้วทำให้จิตวิญญาณเป็นตัวสำคัญ เพราะในความเป็นจิตวิญญาณนี้มีความเป็นอิสระ อิสระเสรีภาพอยู่ในจิตวิญญาณ มีทั้งความไม่มี อัตตาหรือไร้อัตตาหมดอัตตาตัวตน ก็อยู่ในจิตวิญญาณทั้งสิ้น
สรุปประเด็นแรกประชาธิปไตยที่ไม่มีจิตวิญญาณเข้าไปเกี่ยวข้องนั้นไม่ใช่ประชาธิปไตยที่เจริญได้ดีที่สุด สมบูรณ์ที่สุดประเสริฐที่สุด เป็นประชาธิปไตยที่ไม่มีจิตวิญญาณเข้าเป็นตัวร่วมเป็นหลักการคู่กันเสมอ เป็นราชประชาสมาสัย ถือว่าประชาธิปไตยนั้นเป็นประชาธิปไตยขาเดียว ประชาธิปไตยเอาแต่รูปธรรมแล้ว เอาแต่จำนวนคนปริมาณไม่เอาถึงคุณภาพไม่เจาะไปถึงจิตวิญญาณ ไม่เอาความสืบเนื่องของจิตวิญญาณ
แต่ว่าประชาธิปไตยของศาสนาพุทธเอาจิตวิญญาณเป็นใหญ่ เอาวัตถุเป็นเรื่องรอง มีคนที่มีกายและจิตและวัตถุ คนส่วนมากจะรู้จักกายและเรื่องวัตถุได้ก่อน ได้หยาบได้เร็วได้มาก และจิตไปยึดวัตถุได้ เอาวัตถุเป็นหลัก ในปุถุชน คนทั่วไป เขาก็ใช้วัตถุเป็นอำนาจเขาไม่เอาจิตวิญญาณ จึงเรียกว่า วัตถุนิยมวิภาษณ์ โดยเอาวัตถุเป็นตัวหลักในการวินิจฉัย ไม่เอาจิตวิญญาณ
พวกจิตนิยมกับวัตถุนิยม
พวกวัตถุนิยม จึงเอาวัตถุเป็นตัววินิจฉัย
แต่พวกจิตนิยมเอาจิตวิญญาณเป็นตัววินิจฉัยนี่คือความแตกต่าง
ประชาธิปไตยของพุทธที่เป็นประชาธิปไตยขาเดียว ที่ไม่ใช่ของพุทธ ยกตัวอย่างรูปธรรม ขาเดียว มีประธานาธิบดี ประเทศอเมริกาเป็นต้น เป็นประชาธิปไตยขาเดียว เป็นพวกวัตถุนิยมไม่ใช่จิตนิยม
ถ้าของพุทธแล้วเอียงมาทางจิตนิยม คนคิดเห็นย้อนแย้งกันว่าประชาธิปไตยต้องเป็นวัตถุนิยมและเป็นจิตนิยม อาตมาเห็นแย้งว่าคุณเองเป็นพวกไบโพล่า เพื่อที่จะเอาทั้งจิตนิยมและพวกวัตถุนิยม คุณมีโอกาสเอาข้างไหนก็เอาข้างนั้นคุณไม่แน่ไม่นอนหรอก เมื่อคุณอยากจะเสพทางไหนคุณก็เอาทางนั้น พวกไม่แน่ไม่นอนเป็นไบโพล่า ทุกวันนี้เป็นกันเยอะ ด้วยคำว่าปรองดองคือประเภทไบโพล่าเยอะ ตรงที่ได้เปรียบตรงไหนก็เอาตรงนั้น เวลาไหนก็เอา ไม่เที่ยงไม่แท้ เป็นพวกไม่มั่นคงเลย
สรุปแล้วเอาตัว อัตตา เป็นหลัก ตัวอัตตา เป็นหลักคือตัวที่ไม่เห็นแก่ตัว ตัวที่เห็นแก่ผู้อื่น ประชาธิปไตยที่ไม่มีอัตตาเป็นหลักจะเห็นแก่ผู้อื่นอย่างแท้จริง อัตตาน้อยก็เห็นแก่ผู้อื่นมาก ไม่มีอัตตาเลยก็เห็นผู้อื่นทั้งหมด
คนเป็นได้ไหม คนจะไม่มีความเห็นแก่ตัวเลยเป็นได้ แต่คนไม่เชื่อง่ายๆ ว่าคนจะไม่เห็นแก่ตัวเลย นอกจากไม่เห็นแก่ตัวแล้วไม่เห็นแก่พรรคพวกอีก
ขออธิบาย คนไม่เห็นแก่พรรคพวก แต่พรรคพวกเห็นแก่ส่วนรวมส่วนหนึ่ง พรรคพวกที่เป็นทิฏฐิเดียวกันศีลสามัญตา ทิฏฐิสามัญตาจะเห็นเป็นอย่างเดียวกันเป็น เอกธรรม เอกคตา ของหมู่นี้จะมีจุดรวมที่แน่วแน่ ตามทฤษฎีนี้ตามหลักนี้ ตามศีลสามัญตา ทิฏฐิสามัญตา
คนที่มี ศีลสามัญตา ทิฏฐิสามัญตา ใช้เป็นหลักในการอยู่ร่วมกัน จนเกิดเป็นกลุ่มหมู่ที่มีสาธารณโภคี
สาธารณโภคีเป็นคำศัพท์ที่สำคัญ คือคำว่าส่วนกลางนี้ ส่วนกลางของชุมชน ส่วนกลางของตำบล ส่วนกลางของอำเภอ กลางของจังหวัด กลางของประเทศ กลางของสากล มันจะค่อยกางออกไป กลางแล้วจะค่อยเอื้อมเอื้อเกื้อกว้าง ตามความเป็นจริงของตัวเราที่เรารู้ว่าตัวเราก็เท่านี้จะไปช่วยเขาได้เท่าไหร่ เกี่ยวข้องได้เท่าไหร่ ยอมแพ้ก็ต้องแพ้ ถ้าเกี่ยวข้องได้แล้วเราก็ทำประโยชน์ให้เขาไป ถ้าเราทำประโยชน์ให้เขาไม่ได้แล้วยังทำโทษให้เขา เราก็ไม่ทำ แต่ถ้าเขาจะทำโทษแก่เรา เราก็ยอม เขาจะทำชั่วแก่เรา เราก็ยอม เขาทำชั่วกับเราแก่เรา อันนี้เราเข้าใจไม่สับสนแล้ว คนไม่มีปัญหาก็จบนะ แต่คนที่ไม่เข้าใจสับสนอยู่ก็ยาก
เพราะฉะนั้นหลักเกณฑ์ของประชาธิปไตยพยายามอธิบายขณะนี้ ว่า
1 ต้องไม่มีความเห็นแก่ตัว ไม่มีตัวตนหรือลดตัวตนให้เหลือน้อยลงอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้นคนจะต้องมาศึกษาความเป็นตัวตนความเป็นอัตตา คนที่ศึกษาความเป็นอัตตาที่แท้จริงแล้วก็รู้หลักเกณฑ์ในทฤษฎี ของพระพุทธเจ้ามีทฤษฎีแน่นอน อัตตาถึงอนัตตาแน่นอน เป็นทฤษฎีที่แน่ ขอยืนยันว่าเป็นจริง ให้มาพิสูจน์ได้
เพราะฉะนั้นเราจึงมั่นใจ พวกเราจริงใจมั่นใจ ในยุคนี้เป็นยุคของประชาธิปไตย เฟื่องจริงๆ จึงขอร้องให้พวกเรา 1.พากเพียรให้เจริญสูงขึ้น 2.อย่าเพิ่งรีบตาย
1 พากเพียรลดตัวตนให้สูงขึ้น ถ้าสูงขึ้นมันก็ครบแล้ว สูงขึ้นหมายความว่าเราละตัวตนได้ เรามีทิฏฐิสมบูรณ์ตรงขึ้นๆ มันไม่ได้ตรงเป๊ะทีเดียวหรอก มันค่อยๆตรงขึ้นสมบูรณ์ขึ้น มันไม่ตรงเป๊ะทีเดียว นึกว่าตรงแล้วแต่มันไม่ค่อยตรงโดยความจริงของความรู้ มันไม่ใช่อย่างนั้นที่เดียว
ความเป็นประชาธิปไตยตอนนี้เฟื่องฟูทั่วโลก เราจึงมั่นใจว่าประชาธิปไตยของประเทศไทยเป็นที่หนึ่งโดยเราไม่ใช่ว่าเรา อวดเบ่งใหญ่ แต่มันเป็นจริง นายกฯตู่ก็จริง โพธิรักษ์ก็จริง ในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นตัวอย่างของประชาธิปไตยที่จริงที่สุดจนกระทั่ง สหประชาชาติยอมรับ มาในรูปของเศรษฐกิจพอเพียง โดยเอาส่วนเกี่ยวข้องเป็นอีกรูปหนึ่งคือเศรษฐกิจ แต่ก็คือประชาธิปไตย
เอาลักษณะของเศรษฐกิจมาเป็นตัวร่วม แล้วก็สังขารร่วมกัน ช่วยกันประพฤติ ช่วยกันให้เกิดประโยชน์เกื้อกูลกันไปเรื่อย
เพราะฉะนั้นอาตมามั่นใจอย่างความบริสุทธิ์ใจจริงใจว่าไม่ได้มีตัวตนไม่ได้มี เบ่งข่ม อวดดี ไม่ได้มีอัตตามานะ ไม่ได้อยากอวดโอ่ แต่ยังไม่ใช่จำเป็นหรือจำใจ แต่เต็มใจจำนน จะต้องทำเช่นนี้จะต้องพูดเช่นนี้จะต้องยืนยันเช่นนี้ มันจำนน มันเป็นสัจจะมันเลี่ยงไม่ออก มันต้องพูดอย่างนี้ยืนยันอย่างนี้ มันต้องเล่นอย่างนี้เพราะมันจริงๆ จึงต้องเน้นอย่างจัง พูดจริงๆเลย แสดงจริงๆเลยมันต้องอย่างนั้น มันจะต้องลงตัวอย่างนั้นมันไม่เป็นอย่างนั้นก็ไม่ใช่ มันเป็นความจริง
ขยายความต่อว่า ตัวตนนี้ ถ้าไม่มาเรียนสัจธรรมจนกระทั่งรู้ความเป็นตัวตนจริง ลักษณะตัวเราเอง เห็นแก่ตัวเห็นแก่พวก ลักษณะพวกนี้ ไม่มาเรียนรู้ความยึดมั่นถือมั่นใน กรอบของ ความรัก 10 มิติ มันยึดมั่น มันแคบ และก็ไม่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นมาก จนกระทั่งเราลดตัวตนลง ก็จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นมากขึ้นเพราะตัวตนเราลดลงๆ เหลือน้อยลง สัจจะมันเป็นเหรียญสองด้าน ถ้าตัวตนเราน้อยลงประโยชน์ผู้อื่นก็ยิ่งมีมาก ประโยชน์ผู้อื่นยิ่งมีมากตัวเราเองก็ยิ่งลดลงจนเหลือ 0 เลย
สูญเท่ากับล้านๆๆเท่ากับนับไม่ถ้วนเลยนะ อาตมาจึงพิสูจน์พีชคณิต
0 = นับไม่ถ้วน Infinity
มันเป็นอย่างนั้นจริงๆถ้าเข้าใจแล้วเป็นจริงแล้ว มันเป็นเช่นนั้น
ความไม่มีตัวตนมันพูดเหมือนกลับกลอก เหมือนมีตัวตนเบ้อเร่อแต่ที่จริง 0
0 นั่นคือความไม่มี แต่มีนั้นคือมีมาก เพราะผู้ที่มี0นั่นแหละจึงทำให้ผู้อื่นได้มากตามแต่กำลังของเราจะให้ได้ ซึ่งอาตมาทำอย่างนั้นอยู่
เพราะฉะนั้นคนที่มีจริง มีความจริงใจมีคุณธรรมคุณวิเศษอย่างนั้น จิตเขามีจริง เขาทำอย่างบริสุทธิ์จริงใจ อาตมามีภูมิรู้ ตรงใจ ตรงกาย ตรงข้างนอก ตรงข้างใน ข้างนอกกับข้างในมันตรงกันเป็นสัจจะที่เป็นหนึ่งเดียว นอกกับใน มันมีตัวสมมติสัจจะภายนอก มันมี 2 กับภายในแต่เนื้อแท้มันมีหนึ่งเดียว มันตรงกันเป๊ะเลย มันเพื่อคนอื่นอย่างสะอาด มันไม่เพื่อตัวเองเลย ใช้พยัญชนะว่าตัวเรา มันไม่มีตัวเรา เพื่อผู้อื่น มันมีแต่ผู้อื่นเต็มๆ อย่างนี้
ภาษาก็ได้เท่านี้ ถ้าสัจจะมันเป็นสภาวะจะพูดอย่างไรสัจจะเราก็ไม่เปลี่ยนแปลง คุณพูดกลับไปกลับมาวนเวียนไปมา หมุนเร็วแต่สัจจะก็มีหนึ่งเดียว มันจะไม่งงไม่สับสนมันจะไม่วุ่นวาย มันนิ่ง มันแน่ มันเร็ว มันทัน อย่างนี้เป็นต้น
ขณะนี้พวกเรา ผู้ที่มีญาณหยั่งรู้ อาตมาก็มั่นใจว่าสิ่งนี้ อาตมา จริงใจด้วยไม่ได้เข้าข้างลำเอียงเข้าข้างใคร แม้แต่อาตมาจะทำให้ประเทศไทยเจริญขึ้นก็ไม่ได้ไปข่มประเทศอื่น แต่ขอทำประเทศไทยก่อนให้เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน แล้วจะทำเพื่อผู้อื่นเท่านั้นเอง ด้วยสัจจะของมันเอง
แถมอุปกิเลส 16 หากคนไม่มีความเข้าใจเรื่องจิตวิญญาณจะเข้าใจอุปกิเลส 16 นี้ไม่ได้
ตัวอภิชฌาวิสมโลภะนี้ท่านสรุปเป็นความโลภตัวเดียว เป็นอันเดียว เป็นความอยากได้แต่ จากตัวที่ 2 ไปจนถึง 16 เป็นสายพยาบาททั้งนั้นเลย เป็นสายเศร้าหมอง คือโศกะ
สายโลภะขอยกไว้ก่อน เอาสายพยาปาทะก่อน
-
อภิชฌาวิสมโลภะ (เพ่งเล็งอยากได้)
-
พยาปาทะ (ปองร้ายเขา) เพราะฉะนั้นในขณะนี้ขออภัยอย่างยิ่งต่อคุณทักษิณ คุณทักษิณปองร้ายต่อประเทศไทย คุณทักษิณเห็นแก่ตัวปองร้ายประเทศไทย ประเทศไทยจะฉิบหายวายป่วงอย่างไรเขาเองก็ปล้นไปเยอะแล้ว เขาไม่กลัวหรอก ว่าประเทศไทยจะตั้งอยู่ได้หรือไม่ได้ เขาอยู่ก็ปู้บี่ปู้ยำมากแล้ว เอาน้องสาวเอาคนอื่นมาช่วยปล้นอีก เอาสมัครเอาสมชายมาอีก ยังไม่พอเอาน้องสาวมาปล้นอีก ยังไม่พอทุกวันนี้จะเอาตระกูลมาอีก ตระกูลก็เลือกจนเลือดตาแทบกระเด็นแล้ว จะหมดเนื้อหมดตัวหมดโคตรแล้วก็ยังไม่รู้ตัวเองอีก ขุดโคตรตัวเองมาใช้จนจะสิ้นโคตรแล้ว
จะเห็นได้ชัดเลยว่าเขาไม่รู้เรื่องในเรื่องสัจธรรมเลย เขาไม่ยอมหยุด ถ้าหากทักษิณเขาหยุดเสีย อาตมาก็ว่า มันก็เลือดหรือว่าเชื้อที่ติดตัวบุคคลอยู่บ้างก็ไม่กระไร หากทักษิณหยุดเลยนายกฯตู่จะทำงานได้ดีขึ้น คล่องแคล่วขึ้น ทุกวันนี้คนเพ่งโทษนายกฯตู่ ถึงไม่เห็นตัวดีของนายกฯตู่ เพราะเพ่งแต่สายโทสะ ไม่หาสายคุณประโยชน์ ไม่มองทางคุณ มันก็เลยเห็นแต่ทางเดียว มองแต่แง่ร้าย หากมองสองแง่ ทั้งแง่ร้ายแง่ดี แล้วก็อย่าอคติ คำนวณให้แม่นๆ เก็บข้อมูลให้ครบแล้วจะเห็นจะเข้าใจ
อาตมาเอง ขอพูดนัยยะของตัวเองนิดหนึ่ง อาตมา เป็นนักประชาธิปไตยมาตั้งแต่รุ่นพระพุทธเจ้า ประชาธิปไตยไม่ได้ออกไปไหน ความไม่มีตัวตนคือประชาธิปไตยของพุทธ
พุทธนั้นไม่ใช่ว่าไม่มีตัวตนแล้วจะไม่ทำประโยชน์อะไรให้กับใคร ตัวเองก็อยู่กับตัวของตัวเอง คนอื่นเราก็ไม่รู้กับเขาด้วยไม่เป็นธรรมะ 2 พวกนี้ไม่เป็นธรรมะ 2 เป็นธรรมะ 0 อย่างเดียว
มาเป็นธรรมะ 0 อย่างเดียวคนนี้ก็เป็นคนที่มีตัวตนเต็มบ้องเลย มันไม่มีสองเลย แล้วคนมีตัวตนเต็มบ้อง ไม่มีทางจะได้นิพพานตัวต้นเลย โสดาบันก็ยังไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นก็พักไว้ก่อน คนๆนี้เป็นอเวไนยสัตว์ เขาจะสั่งสมวิบากก็ปล่อยเขา เพราะมันสุดวิสัยที่เราจะไปช่วยเขาได้ พระพุทธเจ้าบอกว่าความเห็นของเธอก็อย่างหนึ่งความเห็นของเราก็อย่างหนึ่งต่างคนต่างอยู่กันนะอย่าทะเลาะกัน พูดให้ชัดก็คืออย่ากัดกัน คุณอาจจะกัดเราได้แต่เราไม่กัดคุณหรอก เพราะเราเลิกกัดใคร เราไม่ใช่สัตว์ที่จะไปกัดใครแล้ว เราทิ้งเขี้ยว เราเลิกเขี้ยวแล้วอย่างเก่งก็ได้แต่พูดเป็นหอก อาจจะทิ่มแทงหน่อย ขอยืนยันว่า พยายามจะใช้หอกที่เล็กที่สุดแล้วยิ่งกว่าเข็ม อาตมานี่ พยายามใช้หอกที่แหลมที่สุดเล็กที่สุด เข็มของพวกฝังเข็มนี่จะเล็กกว่าใครเพื่อนแต่เข็มของอาตมาเล็กกว่าอีก
เพราะฉะนั้นการเมืองทุกวันนี้กำลังจะมีรูปมีร่าง ของคนที่เห็นแก่ตัวน้อยหรือไม่เห็นแก่ตน เพราะไม่เอาตัวตนเป็นหลัก 2 มีอิสระเสรีภาพ อาตมาเห็นใจนายกฯตู่ที่ต้องใช้มาตรา 44 เพราะหากไม่ใช้พวกนี้มันหยาบ ต้องใช้โซ่เบอร์ใหญ่ โซ่เรือเดินมหาสมุทรจึงจะผูกพวกนี้อยู่ ไม่อย่างนั้นมันไม่กลัวไม่เกรง เพราะมันไม่ไหวหรอก มันได้แต่ทำร้าย จึงต้องใช้อาณา อาชญาบังคับไว้ก่อน เขาก็ต้องทำ พวกนี้ถึงเอาอันนี้มาพูด
แต่จริงๆแล้ว นายกฯตู่ใช้มาตรา 44 ได้ดีมากกว่ามาตรา 17 ของนายกฯสฤษดิ์มหาศาล
ม.17 ของ นายกฯสฤษดิ์จัดจ้าน เร็ว สั่งการไม่ฟังเสียง มันก็ได้ผลขนาดหนึ่งในยุคนั้น ในยุคนี้เอาอย่าง จอมพลสฤษดิ์เอามาใช้ไม่ได้ ผู้ที่จะเอาอย่างเป็นจอมพลถนอม จอมพลประภาส จะใช้อย่างจอมพลสฤษดิ์ก็ใช้ไม่ได้ผล คนไทยนั้นเจริญกว่า เพราะฉะนั้นจึงไปไม่ถึงฝั่ง ไม่ว่าจะเป็นจอมพลประภาส จอมพลถนอม จนกระทั่งคนอื่นตามมาที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี จนกระทั่งมาถึงยุค อาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ จนได้ฉายาว่ามะเขือเผา โอ้ มันตรงกันข้ามกับจอมพลสฤษดิ์ มันเป็นการเปรียบเทียบที่ดีให้ศึกษา มันก็ไม่ดีอ่อนแอเกินไปปวกเปียกเกินไปก็ไม่ดี แข็งเกินไปมากเกินไปเอาแต่ตัวเองเกินไปก็ไม่ดี จนกระทั่งมาถึงนายกฯชวน
คนชวนก็พยายามใช้ลักษณะผสมผสาน ก็ดูดีขึ้น งามขึ้นส่วนหนึ่ง ระหว่างคุณชวนมีตัวแทรกก็คือ อานันท์ ปัญญารชุน มาเป็นผู้ที่เปรียบเทียบได้ คุณชวนก็เป็น 2 สมัย คุณอานันท์ก็เป็น 2 สมัย มาถึงคุณบรรหาร ศิลปอาชา ก็เป็นพวกเราโลกีย์ทุนนิยมจัดจ้าน เมื่อเทียบคุณบรรหารกับคุณชวน เห็นได้ชัดเจนว่า คุณชวนยังไม่ทุนนิยมเหมือนคุณบรรหาร
มาอีกคนหนึ่งเข้าใจยากที่สุดคือคุณชวลิต คนนี้พวกไบโพล่า ขออภัยคุณชวลิตยังไม่สิ้นชีวิต คุณชวนก็ยังไม่สิ้นชีวิต จะไม่อธิบายคุณชวนไปมาก ขอพาดพิงไปนิดนึงว่าคุณอภิสิทธิ์ถอดแบบคุณชวนมาทำ คุณชวนล้าสมัยแล้วขอพูดคำนี้ก็แล้วกัน เพราะฉะนั้นคุณชวนรู้ตัวว่า เขาจะเชิดหุ่นขึ้นมา คุณชวนรู้ตัวแล้วไม่เอาก็ดีแล้ว รู้ตัวถูกต้อง ดีแล้วล่ะ รักษาอันนั้นเอาไว้ดีแล้ว เป็นแบบเท่านั้นก็ดีกว่า ไม่เช่นนั้นมันจะเป็นผลลบ คุณชวนรู้ตัว
แต่ผู้ที่จะไปอยากจะฟื้นก็คือคุณชวลิต อาตมาว่าไปอยู่ที่ชอบที่ชอบเถอะ ให้เป็นที่เคารพนับถือก็แล้วกัน คนที่นับถือก็นับถือไป คนที่ยังไม่เคารพก็บังคับกันไม่ได้ ขนาดนี้ก็ดีแล้วล่ะรักษาอันนี้ไว้ให้ดี อย่าให้มันแย่กว่านี้เลย
อาตมาขออภัยที่พาดพิง ไปถึงคุณอภิสิทธิ์ อาตมานี่ ขออภัย มันมีคำว่า อภิอยู่หลายอภิ ที่เกี่ยวข้องกับอาตมาเป็นตัวตนบุคคล
มีอภิ ใกล้ตัวที่สุดก็คืออภิสิน สิน นี้คือทรัพย์สิน
แล้วมี อภิชัย นี่ก็รู้สึกว่า มาทางความรู้มาทางเศรษฐกิจพอเพียงมาทางศาสนา มาบ้าง
แล้วก็มี อภิชาติ ซึ่ง ดร.อภิชาตินี้ไม่มีปัญหาเลยไม่ได้เล่นการเมืองที่เดียวแต่เป็นนักวิชาการนักทำงาน ทำงานกว้าง ไปถึงต่างประเทศตอนนี้ปลดเกษียณแล้ว อันนี้ก็ตัดไป คุณอภิชาติไม่มีปัญหา
ดร.อภิชัย ตอนแรก อาตมาเข้าใจไม่ได้ว่าอะไรหนอ ก็มารู้ว่าเข้ามาเสริมสาน ส่งให้อภิต่างๆขึ้นมาคืออภิสินจบโดย อาจารย์ดร.อภิชัย เป็นที่ปรึกษา ช่วยให้ อภิสิน เป็นด็อกเตอร์ มีพวกหนึ่งฟ้าด้วย ดร.อภิชัยก็เป็นคณบดี นี่ก็เกี่ยวโยง ขอพูดทั้งรูปและนาม
อาตมาก็ได้คนมาทำงาน มาถึงขณะนี้
คุณอภิสิทธิ์ ก็เป็นผู้ที่ยังมีบทบาททางสังคมประเทศชาติ อาตมาตอนนี้ก็เห็นว่าก็เป็นผู้ที่ประสบผลสำเร็จ อาตมาก็ว่า คุณอภิสิทธิ์ เราได้ไปประท้วงคุณอภิสิทธิ์ในยุคนั้น เป็นผู้บริหารเป็นประชาธิปัตย์ เราก็ไปประท้วง
ส่วนคุณสมัครนั้นก็ตายไปแล้วหายไปจากโลกแล้ว กายสเภทปรัมมรณาแล้ว
ก็เหลือแต่คุณสมชาย เป็นเดนที่คุณทักษิณพยายามจะยกตัวขึ้นมา กำลังชุบไข่ทอดกัน ให้คนไทยรับประทาน แต่อาตมาว่ามันไม่ใช่ไข่เยี่ยวม้าแล้วมันเป็นไข่เน่า อาตมาว่า มันจะเป็นพิษนะ กินเข้าไปไม่ดี คนกินท้องเฟ้อตายพอดี ก็อย่าชุบทอดขึ้นมาเลย แต่ก็พยายามหาตัวแทนคนอื่นอยู่เหมือนกัน ตอนนี้มันจะหมดโคตรแล้ว เขาจะขุดโคตรมาใช้ เขาไม่รู้เลย ใช้ภาษานี้ลึกและชัดจริงๆ ขุดโคตรตัวเองหากิน
หากเขาหยุดวิบากเขาจะลดลง จะช่วยให้คนไทยได้ทำประชาธิปไตยให้ดีขึ้นมากเลย แต่ถ้าเขาอยู่ คุณประยุทธ์ พลเอกประยุทธ์ก็จะดีขึ้น จะเจริญขึ้นจะมีองค์ประกอบ มันเป็นตัวกระดาษทราย มันจะขัดให้คุณประยุทธนี้ ละเอียดขึ้นเนียนขึ้นเรียบร้อยขึ้นผ่องใส
มันยังมีกัมมันตภาพรังสีของทักษิณ อยู่ในประเทศไทยยังมีอยู่ นอกประเทศก็ยังมีอยู่ตอนนี้ มันยังออกฤทธิ์อยู่ เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงคุณประยุทธ์ เพราะยังมีกัมมันตภาพรังสีพวกนี้อยู่ ทำเป็นไม่มีไม่ได้ จะต้องตั้งใจให้ดีสังวรระวัง พยายามพากเพียรให้ดีขึ้นไป
อาตมาเป็นคนเอาใจช่วยตลอดเวลา เพราะรู้ว่านายกฯ 29 คนนายกฯคนนี้ทำสมกับยุค ในยุคนี้มี 2 ประยุทธ์ เป็นจอมยุทธ ชัดเจนมาก ทำไปเถอะ
เพราะฉะนั้นในโครงการหรืออะไรที่ทำไปตอนนี้อย่าเพิ่งรีบร้อน คนเขาจะหาว่าเศรษฐกิจยังไม่ดี ปากโฮ่งๆ ช่างเขาเถอะ เขาว่าเศรษฐกิจไม่ดี มันเป็นเรื่องโม้เป็นเรื่อง fake news
เศรษฐกิจจะหมายถึงทรัพย์สินรายได้ที่เอามาสะพัดในประเทศเพื่อช่วยประชาชนก็ตาม อาตมาว่าไม่ได้อยู่ลักษณะติดขัด ไม่ได้อยู่ในลักษณะที่ยากลำบากอะไร อยู่ในลักษณะที่ใช้ได้ คล่องตัวพอสมควรใช้ได้ไม่มีปัญหา เพราะว่าอัตราการใช้หนี้ ที่ทักษิณกับน้องสาวและคณะ ทำขี้ไว้กองโต ก็ยังพอเป็นไป เพราะฉะนั้น ใน Cyclic Order ที่เกิดตอนนี้ก็พอใช้ได้วงการหมุนเวียนพอใช้ได้อย่าประมาทเท่านั้นเอง
กำลังที่จะเสริมหนุนเรื่องกสิกรรมนี้ ดีมาก อันนี้เข้าเป้าเข้าจุดอาตมาว่า จุดเด่น ของประเทศไทยกสิกรรมจะนำประเทศ ถ้าเข้าใจมากกว่านั้น อาตมาได้พูดมาตั้งแต่ยังไม่ประสีประสาว่า สามอาชีพกู้ชาติ
-
กสิกรรมธรรมชาติ ตอนหลังเปลี่ยนเป็นกสิกรรมอินทรีย์ เดี๋ยวนี้ก็ยังใช้อันนี้อยู่ โดยใช้ธรรมชาติ โดยไม่ใช้สารเคมี สารเคมีคืออุตุนิยาม ธรรมชาติคือพีชนิยาม จิตนิยาม
ธรรมชาติมันเป็นชีวะ ส่วนเคมีเป็นอุตุนิยาม เป็นวัตถุไม่มีชีวะอย่างชัดเจน เพราะฉะนั้นผู้ที่ศึกษาธรรมะพระพุทธเจ้ารู้จักอุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยาม จนถึงกรรมนิยาม ธรรมนิยาม อาตมาไม่ได้ขยายกรรมนิยาม ธรรมนิยามมาก ต้องสร้างแกนของ อุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยาม ที่จะเป็นแกน Static เป็น falcrum ที่เป็นแกนหลักให้แก่แรงเกินที่จะต้องอาศัยแรงนี้ เช่น
อาร์คีมีดีส ใครสร้าง ลิ่มไว้นอกโลก ก็จะใช้คานงัดโลกไปได้ ด้วยคานดีดคานงัด อันนี้จริงที่สุด
2.ขยะวิทยา ตอนแรกเรียกขยะเอ๋ย มันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ตอนนี้ต่างประเทศเอาขยะที่เป็นกัมมันตภาพรังสีมาทิ้งในประเทศไทย ตอนนั้นไม่รู้ตอนนี้รู้แล้วก็พยายามจัดการ แต่พวกเลือดเข้าตาก็สร้างพลังงานที่มีกัมมันตภาพรังสีต่อไปอีก
เรื่องพวกนี้ไม่ได้สำคัญกับชีวิตมากเท่ากับพวกชีวะ วัตถุอุตุนิยามไม่ช่วยมนุษย์เท่ากับชีวะ ชีวะคือพืชกับมนุษยชาติกับสัตว์โลก สัตว์โลกก็เป็นชีวะแต่เราช่วยมนุษย์ก่อน เรื่องสัตว์ก็ปัดเป่าไปตามวิบาก ใครจะไปสร้างวิบากกรรมสัตว์ก็แล้วแต่เขา แต่เราไม่มีเวลาไม่มีแรงงานพอจะไปทำหรอก
สรุปแล้วสร้างกสิกรรมธรรมชาติมาเป็นพระเอกใน สามเส้าของสามอาชีพกู้ชาติ
-
ปุ๋ยสะอาด ขยะนี้ก็เป็นขยะเปียกขยะแห้ง แม้ขยะแห้งก็มาทำปุ๋ยได้แต่ขยะเปียกมาทำปุ๋ยได้เร็วกว่า มันก็มีชีวะอยู่ในปุ๋ยตากแห้งมันมีเชื้อรา ถ้าหมดเชื้อราหมดชีวะมันเป็นปุ๋ยไม่ได้ มันเป็นเคมีเป็นวัตถุเป็นอุตุนิยามมันใช้ไม่ได้ เพราะฉะนั้น กึ่งๆ จะหมดเชื้อรา ที่เป็นพีชะระดับต้นๆ
เราอยู่ในประเทศโซนร้อนไม่ถึงกับร้อนมากทำพืชพรรณธัญญาหารได้ดีมากที่สุดแล้ว เป็นสถานที่เป็นเสนาสนะสัปปายะที่ใครมาแย่งก็เอาตายเลยนะ ขออาศัยพื้นที่เหล่านี้แหละทำประโยชน์เพื่อผู้อื่น เพื่อสร้างอาหาร กวฬิงการาหาร ไปเลี้ยงโลกเป็นประโยชน์ต่อโลกโดยวิธีของพระพุทธเจ้าสร้างให้เยอะ ขายให้ถูกหรือแจกฟรีไล่แจกเลย เพราะถ้าไม่แจกมันจะเน่า ต้องสร้างให้มันเหลือมันจะเน่าก็แจก แจกไม่ทันมันจะเน่า ขายราคาถูกจนกระทั่งไม่ซื้อก็แจกเลย แล้วก็ทำขึ้นมาใหม่อีก จนทำไม่ทัน หากว่าทำทันทำได้ตลอดเวลา เรามีความรู้พยายามใช้วิชาการ ทางด้านพืชพรรณธัญญาหาร จนเราทำได้สวย ใครจะมาเรียนก็เชิญ เป็นกสิกรรมอินทรีย์ ที่อาศัยปุ๋ย
ปุ๋ย มันต้องเป็นชีวะ ขาดเชื้อชีวะจะเป็นปุ๋ยไม่ได้จุลินทรีย์ไปถึงเชื้อรา มันก็มีอีกไม่รู้กี่พวก พวกที่ดินชีววิทยาก็ ซ้อนอยู่ เราส่งเสริมชีววิทยากสิกร ทางโภชนาการกับทางสุขภาพก็อยู่ช่วยกัน
ส่วนที่คนไม่ค่อยชอบกันคือการทำปุ๋ยกับการทำขยะ เพราะมันสกปรก แต่อย่าไปดูถูกไม่เชื่อก็ไปคุยกับคุณสมไทย ที่เป็นเศรษฐีทางขยะ เป็นคนไทยนำไปแล้ว มีเครือแหอยู่ที่ต่างประเทศเป็นร้อยๆเลยแห แล้วแกเห็นทุกอย่างที่ทิ้งเป็นขยะก็เป็นเงินทั้งนั้น ขยายผลทางขยะกับปุ๋ย เรื่องกสิกรรมคนเข้าใจแล้วพยายามเชื่อมต่อแล้ว แต่คนยังทำปุ๋ยยังไม่พอ แม้แต่ชาวอโศกเราก็ยังไม่เก่ง ยังไม่พอต้องเพิ่ม กสิกรรมเราก็พอจะทำได้แต่ขาดเรื่องของปุ๋ย
ปุ๋ยกับขยะ อาตมาจะย้ายโรงขยะที่นี่ไปที่โน่น คิดว่าจะต้องได้ที่โน่นแหละ ไม่ต้องถามรายละเอียดมันมีที่แล้ว จะได้บูรณะทางนี้
ตอนนี้ก็มีสมณะหินจริงเป็นตัวหลักธรรมขยะ ใครจะเข้าเป็นสมาชิกของคณะขยะวิทยาของที่นี่ ของที่สันติอโศกก็ได้ดีพอสมควร ที่นั่นก็มี นัยยะ สำคัญที่ต่างกันพอสมควร
สรุปแล้วก็ ขยะที่จะเป็นตัวประโยชน์ จะเป็นตัวที่จะสร้างประโยชน์ ประโยชน์ทั้งที่เราจะต้องรีบนำมา ขยะนี้มีอยู่ 4 จุดง่ายๆ 1. Reuse 2. Repair 3. Recycle 4. Reject
Reuse คือนำมาใช้ได้อีก มันยังไม่เก่าเลยมันอาจจะชำรุดบ้าง เราก็รีแพร์ทำการซ่อม ทำการซ่อมแซมปะชุน ตกแต่งแก้ไขให้ใช้ได้
Recycle วนเวียนมาเปลี่ยนรูป ให้มาใช้ได้
อันสุดท้าย Reject หาที่ทิ้งไปเลยจะเหลือน้อยมาก สิ่งที่ถูก Reject จะเหลือน้อยมากเพราะมันมีกระบวนการอีก 3 อย่างทำไปแล้ว นี่คือขยะ
โรงงานขยะเราทุกวันนี้เราจะจัดการโรงงานขยะ ก็อาศัยโรงขยะมาพอสมควร แล้วก็ดีขึ้นเรื่อยๆเราก็มีความรู้แล้วก็มีคนเข้าใจที่จะไปร่วมเป็นสมาชิก เป็นพนักงานเป็นเจ้าหน้าที่เข้าไปทำงานพวกนี้ด้วย ก็เชิญสมัคร เชิญมาทำ ของที่นี่ คนต้องใจถึงต้องคัดคนชั้นหนึ่งขึ้นมาทำจริง เป็นข้าราษฏรการ ของที่นี่ เงินเดือน 0 แล้วก็ถูกตำรวจเยอะ ปากหอกเยอะ ที่นี่จะมีสัลเลขธรรม เยอะ คุณจะได้รับการขัดเกลาให้เจริญจริงๆที่นี่ จะมีครูกระดาษทรายเยอะ ครูกระดาษทรายเบอร์ร้อย หยาบมากประมาณท้องบุ้ง ยังไม่ถึงตะไบนะ มันจะเป็นไปตามธรรม
เพราะฉะนั้นเราเร่งการวิวัฒน์พัฒนากสิกรรมของไทย รู้จักการคมนาคมรู้จักการแพ็คกิ้งให้ดี ที่จะส่งไปได้ ทำการสื่อสารการขนส่ง มันได้ทำกาล
เพราะฉะนั้นเร่งรัดกสิกรรมไร้สารพิษ ขึ้นอยู่กับบุคคลต้องพยายามให้บุคคลมีสมรรถนะมีความรู้
เศรษฐกิจที่วิเศษสุดที่ประเสริฐสุด จากการเมืองมาหาเศรษฐกิจมันเป็นของคู่กัน การเมืองไม่มีเศรษฐกิจไม่ได้หรอก เศรษฐกิจที่สำคัญที่สุด
อาตมาก็พูดถึง จากจุดที่สูงสุดก่อน
เศรษฐกิจสาธารณโภคีคือมาเป็นคนจน จนมาเป็น 0 ทำให้พ้นมิจฉาอาชีวะ 5 รายได้ 0 อยู่กับส่วนกลางพึ่งพาส่วนกลาง เป็นเศรษฐกิจที่ยอดที่สุด แม้แต่นักเศรษฐศาสตร์ที่จบด็อกเตอร์โพสต์ด็อกเตอร์ ทำงานเศรษฐกิจมากขนาดไหนก็ตาม ขอยืนยันว่าท่านยังยากที่จะเข้าใจ ถึงเข้าใจก็ไม่ใช่ทำได้ง่ายๆ มาทำเศรษฐกิจในระดับสูงนี้ แต่ถ้าเข้าใจก็จะร่วมมือกัน
อาตมาความรู้ทางเศรษฐศาสตร์เศรษฐกิจของพระพุทธเจ้า ของในหลวงรัชกาลที่ 9 อาตมาทำได้ชัดมากขึ้นๆ ถ้าเราจริงใจ ใจเราไม่มีความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ผู้อื่นอย่างแท้จริง จิตเรามาหา 0 แล้วเป็น 0 ได้อยางแท้จริง ตกผลึกเป็นสมาธิแข็งแรง เป็นตัวตั้งตัวบวกที่แข็งแรงอย่างที่เราจะมีแรงเหวี่ยง มีตัวพลังงานเคลื่อนไหวที่จะเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้นวิเศษขึ้น เพื่อที่จะสร้างสรร เป็นพลังงานนิวเคลียส ตัวสำคัญ พลังงานที่สูง พลังงานชั้นสูง
แล้วก็จะสร้างกสิกรรมผลิต พอจัดการกับขยะและปุ๋ยเสริมหนุนกันไป เราก่อหวอดเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะนี้ของเรา อาตมาว่ากสิกรรม ปุ๋ย และขยะ อะไรเด่นกว่าเพื่อน
กสิกรรมเด่นกว่าเพื่อน แต่ก็ต้องขยายผลทำให้ดียิ่งกว่านี้ขี้นเรื่อยๆ มีอัตราสูงกว่าเพื่อน เป็นประธาน ขยะกับปุ๋ย ก็มาตาม ยังชี้ชัดว่าปุ๋ยกับขยะอันไหนจะพุ่ง
ตอนนี้ปุ๋ยกำลังจะเป็นรูปร่างเพราะว่าคนเห็นได้ง่ายกว่าขยะ ขยะทำให้เป็นสินทรัพย์มันยากกว่าทำปุ๋ยเป็นสินทรัพย์ เพราะว่าคนเอาไปใช้งานง่ายและอยู่ใกล้กับกสิกรรม
ส่วนขยะต้องมาแปรรูป ต้องมาคัดเฟ้น อะไรอีกตั้งเยอะอย่างเก่งก็ไปหาปุ๋ย แล้วก็ถึงจะไปถึงพืช ส่วนปุ๋ยถึงพืชก่อนขยะ แต่ขยะส่วนแปรไปทางโลกก็มีนัยยะอีกเยอะหรือขยะทำเงินได้มากกว่าปุ๋ยได้ เพราะว่าขยะนั้น ทำให้ได้จำนวนมากขึ้น ไม่เป็นไรก็ไม่มีผลกระทบไม่มีพิษภัยแฝง ขยะทำให้เป็นเงินไปได้เรื่อยๆไม่มีเภทภัยแฝง ส่วนปุ๋ยนั้น ทำให้เป็นเงินมากไม่ได้จะเป็นพิษภัยแฝง มีภัยทางจิตวิญญาณด้วย
เพราะกสิกรนี้เป็นคนจน กสิกรเป็นผู้ใช้แรงงานมาก เพราะฉะนั้นปุ๋ยจึงต้องคำนึงถึงมาก ปุ๋ยถึงจะขายแพงเกินไปไม่ได้ แต่ขยะนี้ทำให้ขายแพงได้ เพราะว่าขยะที่เราทำจะไม่ได้สร้างขยะที่เป็นพิษด้วย ไม่ใช่เราทำขยะไม่รับผิดชอบ ขยะพิษต้องหาทางขจัดให้อย่าไปกระทบต่อคนนี่สำคัญ ผู้ที่ทำงานขยะจึงระมัดระวังอย่าให้ก่อเป็นพิษภัยเป็นโทษ แต่จะแปรเป็นเงินอีกเท่าไหร่ก็เชิญ ไม่เป็นไร เขาเต็มใจซื้อ อย่างสันติอโศก วันพุธกับวันเสาร์เขาก็จะนัดส่วนวันธรรมดาเขาขายอยู่ทุกวัน แต่วันพุธวันเสาร์เป็นวันที่คนขายปลีกมาซื้อวันเสาร์วันเหมามาซื้อ ก็เจริญขึ้นๆ จนขาดคนไปช่วย หากมีคนไปช่วย วัตถุก็จะได้มาก เพราะว่าทางกรุงเทพฯเศษขยะเศษวัสดุมันมากกว่าต่างจังหวัด ต่างจังหวัดส่วนมากเป็นพวกเศษวัสดุพืชพรรณธัญญาหาร ส่วนที่กรุงเทพฯนั้นแม้แต่อุตสาหกรรมก็ไปอยู่ทางกรุงเทพเสียเยอะ หรืออยู่รอบรอบกรุงเทพฯ ออกมาจากแกนกลางของประเทศก็จะเป็นกสิกรรม เพราะฉะนั้นกสิกรรมเป็นมวลใหญ่ของประเทศจึงไม่มีปัญหาอะไรมาก ทำไปตามลำดับๆ เร่งรัดพัฒนาไปตามลำดับ
ส่วนทางด้านวัตถุประเทศไทยแม้จะไม่เก่งอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เรามีสิ่งที่ทำได้ดีคือกสิกรรมเราก็ทำอันนี้ เพราะฉะนั้นเปอร์เซ็นต์ของกสิกรรมจึงสูงกว่าเปอร์เซ็นต์ของอุตสาหกรรม ในหลวงของเราได้ตรัสไว้ว่าเราไม่เอาก้าวหน้าอย่างที่เขาก้าวหน้า ท่านจะตรัสอะไรให้ชัดให้มากก็ไม่ได้ ท่านว่าเอาอย่างพวกเรานี่แหละ
เพราะฉะนั้นเรามารู้จักจุดสำคัญที่อาตมาได้สรุปมาเรื่อย
ขยะหรือปุ๋ยพวกเราก็จะเห็นความสำคัญขึ้นมาบ้างแล้ว อย่างน้อยก็คงจะเข้าใจด้วยขยะได้เพิ่มขึ้น ปุ๋ยก็ไม่ยากนัก หากปุ๋ยเราทำได้ดีมากขึ้น ราคาถูกลง กสิกรของเราก็จะเจริญขึ้น
สมณะฟ้าไท…สรุป