610916 ความมีอันนิรันดรกับความไม่มีอันนิรันดร
พ่อครูสนทนากับปัจฉาฯยามเช้า
สมณะดินไท : วันนี้ก็มีวิถีอาริยธรรม นี่ขนาดยังไม่ถึงงานมหาปวารณาก็เริ่มทยอยมากันแล้ว
สมณะแสนดิน : เดี๋ยวมาอีกรอบนึง
พ่อครู : ดี มันควรจะเป็นอย่างนั้น ไม่ใช่มันมาปุ๊บ ๆ หายไปปั๊บ ปึ่บๆหายไปปั๊บ นั่นมันตัวจบแล้ว มันต้องมีตัวเริ่มต้น ตัวท่ามกลาง บ้าง
สมณะดินไท : เป็นความไม่เสื่อม ความไม่เสื่อมของชาวพุทธ มาวัด มาแล้วฟังธรรม
พ่อครู : มาวัด ฟังธรรม
สมณะดินไท : ให้เพิ่มอธิศีล
พ่อครู : และมีศีล เพิ่มอธิศีล ความเสื่อมก็เพ่งโทษ
สมณะดินไท : ครับ ไม่เพ่งโทษ แล้วก็ฟังได้หมดทางพระผู้เก่า ผู้ใหม่ ผู้ปานกลาง พูดเทศน์แล้ว และสงสัยที่ว่าแสวงบุญนอกเขตพูทธ และทำสักการะก่อน
พ่อครู : แสวงบุญนอกขอบเขตพุทธ เป็นตัวสุดท้าย เป็นตัวที่ 7
สมณะดินไท : คือพอได้ฟังธรรม ได้เพิ่มอธิศีล เราก็เจริญขึ้น ดีขึ้น เกิดปัญญา พ้นอวิชามากขึ้น มันก็จะมั่นใจ ไม่ไปทิศทางอื่น
สมณะแสนดิน : อู๊ดดี้เขาบอกว่า คำว่าภวตัณหา รูปภพ รูปราคะ เป็นคำเรียกการสร้างมโนมยอัตตา ภวตัณหาเป็นชื่อที่เรียกอาการความอยาก ที่อยากจะล้างกิเลสภายในด้วยใช่ไหมครับ
พ่อครู : อึ่ม
สมณะแสนดิน : ภวตัญหานะครับ เรื่องที่ผมปั้นเป็นผัสสะปัจจุบันด้วย หมายถึงปั้นในจิต เมื่อเจอรูปตามความเป็นจริง แต่รูปปั้นไม่ได้เป็นไปตามที่เราปั้น เมื่อก่อนปั้นไปเสพย์ก็มีอารมณ์สุข เหตุเกิดจากความโลภเพ่งเล็งอยากได้สนใจตน เมื่อรู้ความจริงตามความเป็นจริงของสิ่งปั้นนั้น เมื่อสัญญาฟุ้งขึ้นมาอีกเราก็จับอารมณ์ได้ว่าผมเกิดทุกข์ เพราะไม่เป็นความจริง และไม่อยากจะเสพย์อีกแล้ว จึงเกิดแรงผลัก แต่วันนี้ผมมีอารมณ์สุข และนิ่งเฉยได้แม้นอยู่กับรูปปัจจุบันนั้นแม้นมันจะพุ่งขึ้นมาอีก เพราะเราได้ทำการลดละเลิกจางคลาย ทำใจในใจรู้เห็นความจริงตามความเป็นจริง นี่เขากำลังสู้กับมโนมยอัตตา
พ่อครู : ก็ใช่ กำลังกลับไปกลับมา ออกจากภาวะภพมาเป็นกามภพ ก็มาอยู่กับกามภพ สุดท้ายกามภพก็เป็นปัจจุบัน จริงที่สุดความจริงที่สุดกามภพก็เป็นปัจจุบัน ทำกามภพให้เป็นปัจจุบันให้ได้ ไล่เบื้องต้นข้างนอกแล้วก็ไปข้างใน แล้วก็ไปสุดท้าย สุดท้ายจบอย่างแข็งแรงถาวร หมดอรูปภพ จบอย่างแข็งแรงถาวร ออกมากามภพรูป รูปภพ อรูปภพ ก็ไม่มีอะไรแล้ว ทุกอย่างสูญหมด มันก็ถาวร ไปกลับไปกลับมาอยู่ข้างนอกก็ไปข้างในแล้วก็ไปข้างนอก ข้างในสุกข้างนอกไม่สุข หรือข้างนอกสุขข้างในไม่สุข วนไปวนมามันก็เป็นโลกีย์
สมณะแสนดิน : เมื่อก่อนเขาพยายามจัดการแต่ข้างใน มันก็ทุกข์มันก็พยายามผลักออก มันก็ไม่ออกมันก็มาอีก แต่ตอนนี้เขามาอยู่กับรูปปัจจุบันดีกว่า แล้วก็ต่อสู้กับรูปปัจจุบัน
พ่อครู : ดีแล้วล่ะ จะได้ออกจากภพ ตอนนี้เขาจะได้เปลี่ยนแล้วไง คนที่ภูผาฟ้าน้ำ เขาเปลี่ยนคนแล้ว อยู่ตั้งนานแล้วนะอู๊ดดี้เนี่ย อยู่ตรงนั้นดูแล
สมณะแสนดิน : อาจจะชอบปีรมิตก็ได้ เพราะตรงนั้นเป็นจุดสูงสุด
พ่อครู : ก็ปล่อยให้ทิวพาไปตอนนี้ เหลือทิวผากับอัญชลี
สมณะเดินดิน : เมื่อคืนคุณปรีชาบอกว่าผมสว่างโล่งแล้ว
พ่อครู : สว่างแล้วเหรอ
สมณะเดินดิน : สว่างแล้วครับ หลุดออกเลย
พ่อครู : มันบังคับใครไม่ได้ ช่วยยากกระทั่งตนเอง ปัจจัตตัง ถ้าหากของตนเองไม่เกิด ก็ไม่เกิด ต้องปัจจัตตังจริงๆ
สมณะหนักแน่น : ก็เหมือนนาฬิกาครับ ไม่มีใครตั้งให้มันก็เดินไปเรื่อยๆ กูถูก กูถูก กูรู้ เหมือนนาฬิกาทุกเรือนละครับ
พ่อครู : นาฬิกาทุกเรือนมันถูกของมันทุกเรื่อง นาฬิกาก็เหมือนวัฏสงสาร ถ้าเครื่องไม่ดับกลางทาง เครื่องมันไม่เสียไม่รวน อยู่ตลอดเวลาเหมือนกันนะ เหมือนวัฏสงสารนาฬิกา มันจะมีค่าของความต่าง น้อยมากก็แล้วแต่เรือน แต่ละเรือนแต่ละเรือน นาฬิกาเรือนใดที่ค่าของมัน ตรงกันกับความเร็วของวัฏสงสาร ความเสี่อมและความเกิดของวัฏสงสาร เพราะแม้แต่ในจักรวาล ความเกิดของ Nebula ความเกิดของดวงดาว ความเกิดของจักรวาลน้อย จักรวาลใหญ่ มันก็มีค่าของมันทุกจักรวาล มีความต่างของมันแล้วมันก็มีค่าของความต่างที่มันก็ต้องจัดการกันเอง มันต้องมีค่าของความดัน ของความดูด มันต้องได้สัดส่วนมันถึงจะอยู่กันได้ ถ้าไม่ได้สัดส่วนมันก็ชน ชนกันมันก็เปะปะไป ตัวไหนที่ไม่ลงตัว เข้าวงโคจรอะไรไม่ได้ มันก็เหมือนอุกาบาต ก็ดิ้นไปดิ้นมามันเป็นอะไรไม่ได้ มันต้องเป็นตัววงโคจรที่จะมีอำนาจของแต่ละอำนาจ และมีวงโคจรของแต่ละอัน เล็กจนกระทั่งซ้อนใหญ่สุด ทุกคนก็ต้องมี cyclic order ของตัวเองกัน ถ้าไม่มีcyclic order ตัวเองก็เป็นอุกาบาตอยู่ทั้งนั้น
เพราะสุดท้ายอุกาบาตก็ต้องไปเป็นอณูของจักรวาลใดจักรวาลหนึ่งเท่านั้นเอง แล้วจะทิ้งไม่มีอุกาบาตก็ไม่ได้ ก็ต้องเกิดอุกาบาตกระเด็นออกมา แตกออกไป ต้องมี Nebula แตกตัว Big Bang อะไรอย่างนี้ อยู่ตลอดกาลนาน เราเข้าใจแล้วในความเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปเท่านั้นเอง เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป แล้วไอ้ตัวที่จะดับ ก็คือเสื่อม ตัวจะไม่ดับก็คือเกิด เกิดจนกระทั่งสุดที่มันก็ต้องลดลงหรือเสื่อม ผู้รู้ก็กำหนดเอง อาเราพอแล้วนะตัวนี้เราก็ลดลงหายไป ผู้ไม่รู้ก็จนระเบิด แตกละก็กระเด็นกระดอน แล้วก็ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ผู้รู้ก็กำหนดเอง จะเกิดเมื่อนั้น จะตายเมื่อนี้ จะเกิดเมื่อนั้น จะตายเมื่อนี้ ตายเลิกแล้ว 0 ได้เอง
สมณะแสนดิน : สายพวกเทวนิยม เขาก็คิดว่า มันจะต้องนิจจัง
พ่อครู : ใช่
สมณะแสนดิน : กุศลต้องนิจจัง นิจจัง เสื่อมไม่ได้ แต่ว่ามันต้องเสื่อมใช่ไหมครับ
พ่อครู : ใช่
อุทัย ถอดความ
[embedyt] https://www.youtube.com/watch?v=BaGMPRNhzFc[/embedyt]